ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
สรุปยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรก 2566 ยังซึม! คาดตลาดรวมปรับตัวอยู่ที่ 855,000 คัน
สถิติการขายรถยนต์ครึ่งปีแรกของปี 2566 อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในช่วงครึ่งปีแรก ยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว โดยมีปัจจัยบวกจากแรงหนุนด้านอุปสงค์ของสภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่เริ่มขยายตัวดีขึ้นในปีนี้ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีทิศทางกระเตื้องขึ้น
โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้มีความต้องการใช้รถยนต์มากขึ้น ตลอดจนแรงกระตุ้นจูงใจผู้บริโภคด้วยการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ พร้อมแคมเปญการขายเชิงรุกของบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์โดยรวมในช่วงหลังนี้ อันเป็นผลมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภาวะสินเชื่อตึงตัว และความผันผวนทางเศรษฐกิจในช่วงของการเลือกตั้ง ซึ่งก่อให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อทั้งจากภาคธุรกิจและภาคประชาชน ที่ต่างเฝ้ารอความชัดเจนของนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่
ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 406,131 คัน ลดลง 5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว”
| สถิติการขายรถยนต์ในประเทศ ม.ค. – มิ.ย. 2566 | ยอดขายปี 2566 | เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2565 |
| ปริมาณการขายรวม | 406,131 คัน | -5.0 % |
| รถยนต์นั่ง | 148,087 คัน | +9.0 % |
| รถเพื่อการพาณิชย์ | 258,044 คัน | -11.4 % |
| รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 182,952 คัน | -19.7 % |
| รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 149,685 คัน | -24.5 % |
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2566 คาดการณ์ว่า “ด้วยเหตุปัจจัยในหลายๆ ด้าน ทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ทำให้การบริโภคของภาคเอกชนและภาคบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลดลง การสนับสนุนการลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนในโครงการต่างๆ
ตลอดจนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายจากค่ายรถต่างๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง จะส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์โดยรวม เชื่อว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะยังคงฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 855,000 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
| ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2566 | ยอดขายประมาณการปี 2566 | เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2565 |
| ปริมาณการขายรวม | 855,000 คัน | +0.7 % |
| รถยนต์นั่ง | 316,900 คัน | +19.6 % |
| รถเพื่อการพาณิชย์ | 538,100 คัน | -7.9 % |

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2566
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 64,440 คัน ลดลง 5.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 20,877 คัน ลดลง 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 32.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 12,505 คัน ลดลง 37.9% ส่วนแบ่งตลาด 19.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,067 คัน เพิ่มขึ้น 60.8% ส่วนแบ่งตลาด 11.0%
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 24,333 คัน เพิ่มขึ้น 24.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,411 คัน เพิ่มขึ้น 26.0% ส่วนแบ่งตลาด 30.5%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 4,441 คัน เพิ่มขึ้น 76.4% ส่วนแบ่งตลาด 18.3%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,351 คัน ลดลง 34.7% ส่วนแบ่งตลาด 5.6%
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 40,107 คัน ลดลง 17.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 13,446 คัน ลดลง 11.1% ส่วนแบ่งตลาด 33.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 12,505 คัน ลดลง 37.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.2%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,215 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 27,339 คัน ลดลง 27.3%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 11,100 คัน ลดลง 40.5% ส่วนแบ่งตลาด 40.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 10,803 คัน ลดลง 14.5% ส่วนแบ่งตลาด 39.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,215 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.8%
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 5,200 คัน
อีซูซุ 2,007 คัน – โตโยต้า 1,561 คัน – ฟอร์ด 1,164 คัน – มิตซูบิชิ 303 คัน –นิสสัน 165 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 22,139 คัน ลดลง 33.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 9,242 คัน ลดลง 17.3% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 9,093 คัน ลดลง 46.7% ส่วนแบ่งตลาด 41.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,051 คัน ลดลง 13.1% ส่วนแบ่งตลาด 9.3%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2566
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 406,131 คัน ลดลง 5.0%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 136,859 คัน ลดลง 3.6% ส่วนแบ่งตลาด 33.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 86,281 คัน ลดลง 21.5% ส่วนแบ่งตลาด 21.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 46,134 คัน เพิ่มขึ้น 14.9% ส่วนแบ่งตลาด 11.4%
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 148,087 คัน เพิ่มขึ้น 9.0%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 51,041 คัน เพิ่มขึ้น 31.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 30,425 คัน เพิ่มขึ้น 2.9 % ส่วนแบ่งตลาด 20.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 9,578 คัน ลดลง 14.3% ส่วนแบ่งตลาด 6.5%
3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 258,044 คัน ลดลง 11.4%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 86,281 คัน ลดลง 21.5% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 85,818 คัน ลดลง 16.8% ส่วนแบ่งตลาด 33.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 20,117 คัน เพิ่มขึ้น 35.0% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%

4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 182,952 คัน ลดลง 19.7%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 78,633 คัน ลดลง 22.5% ส่วนแบ่งตลาด 43.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 70,544 คัน ลดลง 20.9% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 20,117 คัน เพิ่มขึ้น 35.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.0%
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 33,267 คัน
อีซูซุ 11,953 คัน – โตโยต้า 11,762 คัน – ฟอร์ด 6,270 คัน – มิตซูบิชิ 2,593 คัน – นิสสัน 689 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 149,685 คัน ลดลง 24.5%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 66,680 คัน ลดลง 27.8% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 58,782 คัน ลดลง 22.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 13,847 คัน เพิ่มขึ้น 9.4% ส่วนแบ่งตลาด 9.3%
แหล่งที่มาจาก:
– ยอดขายตลาดรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2566 พร้อมคาดการณ์ตลาดรวมปรับตัวอยู่ที่ 855,000 คัน
สรุปงาน Motor Show 2024 เผย 10 อันดับแบรนด์ยอดจองสูงสุด รถยนต์จีนมาแรงคว้าไป 5 อันดับ
ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 9 เม.ย 2567
แชร์ 6
สรุปงานมอเตอร์โชว์ 2024 ข้อมูลยอดจองรถภายในงานทุกแบรนด์ ของมูลยอดจองรถรายวัน ข้อมูลยอดจองมอเตอร์ไซค์ ยอดผู้ชม หลังจบงาน Motor Show 2024

งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 หรือ Motor show 2024 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7เมษายน มียอดจองรถภายในงานรวมทั้งสิ้น 58,611 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 27.5 เปอร์เซ็นต์
10 อันแบรนด์ที่มียอดจองรถสูงสุดในงาน Motor Show 2024
- TOYOTA ยอดจอง 8,540 คัน
- BYD ยอดจอง 5,345 คัน
- HONDA ยอดจอง 4,607 คัน
- MG ยอดจอง 3,518 คัน
- MITSUBISHI ยอดจอง 3,409 คัน
- CHANGAN ยอดจอง 3,073 คัน
- AION ยอดจอง 3,018 คัน
- GREAT WALL MOTOR ยอดจอง 2,815 คัน
- ISUZU ยอดจอง 2,734 คัน
- NISSAN ยอดจอง 2,488 คัน

ส่วนหนึ่งมาจากรถยนต์และรถยนต์จักรยานยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่แนะนำในช่วงงาน รวมถึงแคมเปญกระตุ้นยอดขายของค่ายรถ ขณะที่ตัวเลขผู้เข้าชมงานสูงถึง 1.6 ล้านคน

รถจักรยานยนต์ในปีนี้มีแบรนด์จากประเทศจีนเข้าร่วมงานถึง 5 แบรนด์ ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานไม่น้อยเช่นกัน ทำให้มียอดจองรถจักรยานยนต์ภายในงานรวมทั้งสิ้น 5,173 คัน
5 อันแบรนด์มอเตอร์ไซค์ที่มียอดจองสูงสุดในงาน Motor Show 2024
- YAMAHA ยอดจอง 1,171 คัน
- STROM ยอดจอง 780 คัน
- HONDA ยอดจอง 678 คัน
- RAPID ยอดจอง 614 คัน
- FELO ยอดจอง 551 คัน


นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะรองประธานจัดงาน
“บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45” เปิดเผยว่า “เนื่องจากการจัดงานในปีนี้ มีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากประเทศจีนและเวียดนาม ที่นำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ เข้ามาให้ผู้บริโภค เลือกชม เลือกซื้อ เป็นจำนวนมาก โดยมีราคาตั้งแต่หลักแสนปลายๆ ไปจนถึงหลักล้านต้นๆ ทำให้มีผู้บริโภคให้ความสนใจเข้าร่วมงานมากถึง 1,610,972 คน ส่งผลให้ยอดจองรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภายในงานมีมากกว่า 58,611 คัน แบ่งเป็น รถจักรยานยนต์ 5,173 คัน และรถยนต์ 53,438 คัน โดยมากกว่า 32.78 เปอร์เซ็นต์ เป็นยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นภายในงาน”
“ทั้งนี้รถรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนได้รับความสนใจจากประชาชน เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู และวอลโว่ โดยมียอดจองรวมกันกว่า 17,517 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งกว่า 32.78 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นส่วนประกอบก็ยังคงมีสัดส่วนยอดจองกว่า 35,921 คัน”
“ในส่วนพฤติกรรมของผู้บริโภคเองปีนี้ต่างให้การตอบรับกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวภายในงาน และเปิดจองภายในงานมอเตอร์โชว์เป็นครั้งแรก เห็นได้จากบรรยากาศการเจรจาที่หนาแน่นดังเช่นทุกปีโดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่มียอดจองเป็นสองเท่าของวันธรรมดา แต่ด้วยพฤติกรรมของคนผู้บริโภคเปลี่ยนไป เพื่อให้สมกับช่วงที่ต้องรัดเข็มขัด จึงหันมาซื้อหารถใหม่ที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่ามากขึ้น ขณะที่ตลาดรถหรูยังคงเติบโตตามเป้าด้วยสาเหตุที่ค่ายรถเองต่างชิงเปิดตัวสินค้าใหม่แทบทุกรุ่น เพื่อกระตุ้นยอดขาย”

