• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0610298 เส ยสละเพ อน อง แต องกล บทำแบบน part 2

admin79 by admin79
October 6, 2025
in Uncategorized
0
N0610298 เส ยสละเพ อน อง แต องกล บทำแบบน part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

10 อันดับรถยนต์ฮอนด้า

26.05.2022

Содержание [–]

  • ฮอนด้า CR-X Si (1987)
  • ฮอนด้าซีวิคศรี (2017)
  • ฮอนด้าแอคคอร์ด (2020)
  • ฮอนด้า S2000 (2005)
  • ฮอนด้า S800 Coupe (1968)
  • ฮอนด้า ซีวิค ไทป์อาร์ (2019)
  • ฮอนด้า NSX (2020)
  • Honda Clarity (ปี 2020)
  • ฮอนด้า Integra Type R (2002)
  • ฮอนด้า CR-V (2020)

ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ตที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่บนทางวิบาก หรือรถเก๋งสำหรับครอบครัวและรถครอสโอเวอร์ ฮอนด้าคือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกมาโดยตลอด เป็นความจริงที่ว่าบางรุ่นของมันก็ล้าสมัยเช่นกัน แต่สิ่งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ บริษัท ญี่ปุ่น แต่อย่างใด

ฮอนด้าเป็นผู้ผลิตรายแรกที่ประสบความสำเร็จในการโจมตีตลาดอเมริกาด้วยการกำหนดแบรนด์รถหรู Acura ไว้ ฮอนด้ายังขายดีในยุโรปแม้ว่าช่วง Old Continent จะถูกตัดออกไปเมื่อไม่นานมานี้ Viacars เปิดเผยประวัติผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่ติดอันดับท็อปเท็น

ฮอนด้า CR-X Si (1987)

รุ่นนี้เป็นหนึ่งในข้อเสนอที่น่าทึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ บริษัท ในช่วงทศวรรษที่ 80 และ 90 เพราะหากผู้บริโภคต้องการรุ่นกะทัดรัดพวกเขาก็จะได้รับ Civic อย่างไรก็ตามหากลูกค้ากำลังมองหาสิ่งที่สวยงามกว่าพวกเขาจะได้รับ CR-X

ด้วยการมาถึงของรถยนต์รุ่นที่สอง บริษัท ให้ความสำคัญกับเวอร์ชัน CR-X Si เครื่องยนต์ VTEC 1,6 สูบ 4 ลิตรมีกำลังเพียง 108 แรงม้า แต่ด้วยน้ำหนักที่เบาทำให้พลวัตของมันน่าประทับใจอย่างแท้จริง และสำเนาที่ไม่เปลี่ยนแปลงของแบบจำลองที่ยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็มีราคาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ฮอนด้าซีวิคศรี (2017)

แม้ 3 ปีหลังจากเปิดตัว Honda Civic Si คันนี้ยังคงเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่ดีที่สุดในตลาด และเหตุผลก็คือเครื่องยนต์ 1,5 ลิตรเทอร์โบใหม่เปิดตัวที่นี่ซึ่งในกรณีนี้พัฒนา 205 แรงม้าและแรงบิด 260 นิวตันเมตร

Civic Si มีรูปลักษณ์ที่สปอร์ตสดใหม่และมี Sport Steering Mode ที่เป็นอุปกรณ์เสริมซึ่งจะเปลี่ยนการตั้งค่าแชสซี ฮอนด้าทำประโยชน์สูงสุดจากรุ่นนี้ด้วยการนำเสนอเวอร์ชันคูเป้

ฮอนด้าแอคคอร์ด (2020)

หนึ่งในรถซีดานที่ติดอันดับต้นๆ จริงๆ แล้วไม่ได้แตกต่างจากรุ่นที่ 2018 ดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1,5 มากนัก ฮอนด้าแสดงให้เห็นถึงการใช้งานจริงและเสนอเครื่องยนต์สองรุ่นสำหรับรุ่นนี้ – เทอร์โบ 2,0 ลิตรที่กล่าวถึงแล้วและ 192 ลิตร (รวมถึงเทอร์โบด้วย) รุ่นพื้นฐานให้กำลัง 270 แรงม้า และแรงบิด 252 นิวตันเมตร และรุ่นที่ทรงพลังกว่าให้กำลัง 370 แรงม้า และแรงบิด XNUMX นิวตันเมตร

เกียร์อัตโนมัติมาตรฐาน 10 สปีดมีให้สำหรับเครื่องยนต์ 2,0 ลิตร แต่ยังมีเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดสำหรับทั้งสองเครื่องยนต์ ซีดานยังมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับ 5 คนในห้องโดยสารรวมถึงเทคโนโลยีล่าสุดและระบบความปลอดภัย

ฮอนด้า S2000 (2005)

การผลิต S2000 หยุดลงเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้วและความสนใจในรถคันนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ถูกขายในราคาที่สูงขึ้นเนื่องจากพบได้น้อยลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภายใต้ฝากระโปรงเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ VTEC 2,2 ลิตรที่ให้กำลัง 247 แรงม้าและหมุนได้ถึง 9000 รอบต่อนาที

รถมีการควบคุมที่เหลือเชื่อเนื่องจากการกระจายน้ำหนักที่เหมาะสม – 50:50 ระบบเกียร์เป็นแบบ 6 สปีด ทำให้การขับขี่แบบโรดสเตอร์แบบ XNUMX ที่นั่งเป็นเรื่องสนุกยิ่งขึ้น

ฮอนด้า S800 Coupe (1968)

รถคันนี้ถูกมองว่าเป็นรถคลาสสิกและถูกนำเสนอในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ปี 1965 มันสืบทอดซีรีส์ S600 ซึ่งการใช้งานจริงเป็นของฮอนด้าในเวลานั้นและมีให้เลือกทั้งตัวถังคูเป้และรถโรดสเตอร์ และเนื่องจากไม่มีรถสปอร์ตที่น่าประทับใจในตลาดนี่จึงเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่ดีที่สุด

รุ่นปี 1968 มีกำลัง 69 แรงม้า และแรงบิด 65 ปอนด์-ฟุต ระบบส่งกำลังเป็นแบบธรรมดา 4 สปีด อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใน 12 วินาที

ฮอนด้า ซีวิค ไทป์อาร์ (2019)

Civic เวอร์ชันสปอร์ตมีพื้นฐานมาจากแฮทช์แบ็กมาตรฐานพร้อมเครื่องยนต์ที่ทรงพลังมากขึ้นชิ้นส่วนตัวถังเพิ่มเติมและระบบเบรกที่ได้รับการปรับปรุง ใต้ฝากระโปรงเป็นเครื่องยนต์สี่สูบ 2,0 ลิตรเทอร์โบ 320 แรงม้าแรงบิด 400 นิวตันเมตร

เครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใน 5,7 วินาที ความเร็วสูงสุดของ Type R รุ่นล่าสุดอยู่ที่ 270 กม./ชม.

ฮอนด้า NSX (2020)

2020 Honda NSX เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมและล้ำสมัยที่สุดที่เคยสร้างโดยบริษัทญี่ปุ่น ซุปเปอร์คาร์ยังจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Acura และสิ่งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อความสนใจเลย นอกจากนี้ยังเป็นรถโปรดักชั่นที่แพงที่สุดที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา

ซูเปอร์คาร์ไฮบริดขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังซึ่งประกอบด้วย V3,5 เทอร์โบคู่ขนาด 6 ลิตรมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวและเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 9 สปีด กำลังของระบบทั้งหมด 573 แรงม้าขณะที่คูเป้เร่งจาก 0 ถึง 100 กม. / ชม. ใน 3 วินาทีและมีความเร็วสูงสุด 307 กม. / ชม.

Honda Clarity (ปี 2020)

รถคันนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าฮอนด้ามาไกลแค่ไหนในด้านเทคโนโลยีเชื้อเพลิง โมเดลนี้มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน รถยนต์ไฟฟ้ามาตรฐาน และปลั๊กอินไฮบริด

ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่เลือกใช้ไฮบริดเพื่อการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น แต่เวอร์ชันนี้มีการแข่งขันที่รุนแรงจาก Toyota Prius Prime รุ่นฮอนด้ามีผู้ช่วยคนขับทั้งหมดและเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน

ฮอนด้า Integra Type R (2002)

Honda Integra Type R เป็นหนึ่งในรุ่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดของรุ่นของบริษัทญี่ปุ่น และรุ่นปี 2002 เป็นรุ่นที่ดีที่สุดและจนถึงทุกวันนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก โดยเฉพาะในหมู่แฟน ๆ ของแบรนด์ ผู้ซึ่งกำหนดให้รถคันนี้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์

รุ่นแฮทช์แบ็ก 3 ประตูมีเครื่องยนต์ 4 สูบ พละกำลัง 217 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด การเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใช้เวลา 6 วินาที ความประณีตของรถและการออกแบบเป็นผลงานของ Mugen

ฮอนด้า CR-V (2020)

เราสามารถโต้แย้งได้ว่า SUV ยอดนิยมรุ่นใดดีที่สุด แต่ในกรณีนี้เราจะระบุรุ่นที่ออกมาในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำการตกแต่งภายในที่กว้างขวางความสะดวกสบายที่น่าประทับใจและการควบคุมที่ดีเยี่ยม รถสามารถใช้งานได้ทั้งในเมืองและในการเดินทางไกลซึ่งทำให้ใช้งานได้จริงโดยเฉพาะ

รถขับเคลื่อนล้อหน้าขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ท่อ 1,5 ลิตรที่พัฒนา 190 แรงม้าและแรงบิด 242 นิวตันเมตร การเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม. / ชม. ใช้เวลา 7,6 วินาทีและความเร็วสูงสุด 210 กม. / ชม.

จาก ผู้ดูแลระบบ AvtoTachki

สรุปยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรก 2566

-กกก+

LightDarkฟังข่าว

อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรก ยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว โดยมีปัจจัยบวกจากแรงหนุนด้านอุปสงค์ของสภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่เริ่มขยายตัวดีขึ้นในปีนี้ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีทิศทางกระเตื้องขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากภาคการท่องเที่ยว ที่เริ่มมีการฟื้นตัว ส่งผลให้มีความต้องการใช้รถยนต์มากขึ้น ตลอดจนแรงกระตุ้นจูงใจผู้บริโภคด้วยการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ พร้อมแคมเปญการขายเชิงรุกของบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์โดยรวมในช่วงหลังนี้ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางการเมือง การขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภาวะสินเชื่อตึงตัว และความผันผวนทางเศรษฐกิจในช่วงของการเลือกตั้ง ทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อทั้งจากภาคธุรกิจและภาคประชาชน ที่ต่างเฝ้ารอความชัดเจนในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม ทำให้ตัวเลขยอดขายตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 406,131 คัน ลดลง 5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว”

…

สถิติการขายรถยนต์ในประเทศ

ม.ค.-มิ.ย. 2566

ยอดขายปี 2566 เทียบกับปี 2565

ปริมาณการขายรวม 406,131 คัน ลดลง 5.0 %

รถยนต์นั่ง 148,087 คัน เพิ่มขึ้น +9.0 %

รถเพื่อการพาณิชย์ 258,044 คัน ลดลง -11.4 %

รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 182,952 คัน ลดลง -19.7%

รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 149,685 คัน ลดลง -24.5%

ผลการดำเนินงานของ Toyota Motor Thailand ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 136,859 คัน ลดลง 3.6% มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือ เท่ากับ 33.7% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความนิยมและยอดขายรถยนต์ Toyota ในตลาดรถยนต์นั่งที่เติบโต 31.2% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มรถอีโคคาร์ กับรถรุ่นขายดีอย่าง Toyota Yaris Ativ รวมถึงรถยนต์อีกหลายรุ่นของแบรนด์สามห่วง ทำให้ Toyota ยังคงสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์นั้นก็ยังสามารถรักษาระดับยอดขายได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าสถานการณ์โดยรวมของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีแรกนี้จะเกิดการชะลอตัวลง

สถิติการขายรถยนต์ Toyota 

ม.ค.-มิ.ย. 2566

ยอดขายปี 2566

ปริมาณการขายรวม 136,859 คัน ลดลง -3.6% ส่วนแบ่งทางการตลาด 33.7%

รถยนต์นั่ง 51,041 คัน เพิ่มขึ้น +31.2% ส่วนแบ่งทางการตลาด 34.5%

รถเพื่อการพาณิชย์ 85,818 คัน ลดลง-16.8% ส่วนแบ่งทางการตลาด 33.3%

…

รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 70,544 คัน ลดลง-20.9 % ส่วนแบ่งทางการตลาด 38.6 %

รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 58,782 คัน ลดลง -22.4% ส่วนแบ่งทางการตลาด 39.3%

สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2566 ด้วยเหตุปัจจัยในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ทำให้การบริโภคของภาคเอกชนและภาคบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลดลง การสนับสนุนการลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนในโครงการต่างๆ ตลอดจนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายจากค่ายรถต่างๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง จะส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์โดยรวม เชื่อว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะยังคงฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 855,000 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”

…

ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2566

ยอดขายประมาณการปี 2566 เทียบกับปี 2565

ปริมาณการขายรวม 855,000 คัน เพิ่มขึ้น +0.7%

รถยนต์นั่ง 316,900 คัน เพิ่มขึ้น +19.6%

รถเพื่อการพาณิชย์ 538,100 คัน ลดลง -7.9%

ผู้บริหารระดับสูงของ Toyota แจ้งว่า มีเป้าหมายยอดขายในปี 2566 อยู่ที่ 291,000 คัน เพิ่มขึ้น 0.8 % จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 34%”

ประมาณการขายรถยนต์ของ Toyota ในปี 2566

ยอดขายประมาณการปี 2566 เทียบกับปี 2565

ปริมาณการขายรวม 291,000 คัน เพิ่มขึ้น +0.8 % ส่วนแบ่งทางการตลาด 34.0%

รถยนต์นั่ง 104,800 คัน เพิ่มขึ้น +26.7 % ส่วนแบ่งทางการตลาด 33.1%

รถเพื่อการพาณิชย์ 186,200 คัน ลดลง- 9.6 % ส่วนแบ่งทางการตลาด 34.6%

รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 153,014 คัน ลดลง -13% ส่วนแบ่งทางการตลาด 39.7 %

รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 125,000 คัน ลดลง -15.6 % ส่วนแบ่งทางการตลาด 40.0%

…

สำหรับปริมาณการส่งออกรถยนต์ Toyota ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีการส่งออกรถยนต์  Toyota สำเร็จรูปจำนวน 190,491 คัน เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยยอดการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 325,231 คัน เพิ่มขึ้น 5.3% จากปีที่แล้ว

ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป

และการผลิตของโตโยต้า ม.ค.-มิ.ย. ปี 2566

ปริมาณปี 2566 เทียบกับปี 2565

ปริมาณการส่งออก 190,491 คัน เพิ่มขึ้น +10.0%

ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 325,231 คัน เพิ่มขึ้น +5.3%

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของ Toyota ในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ ประมาณ 380,000 คัน เทียบเท่าปีที่แล้ว โดยเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2566 อยู่ที่ระดับ 643,500 คัน หรือลดลง 2.4% จากปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการขายของทั้งในประเทศและส่งออก

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป และการผลิตของ Toyota ปี 2566

ปริมาณปี 2566 เทียบกับปี 2565

ปริมาณการส่งออก 380,000 คัน เพิ่มขึ้น +0%

ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 643,500 คัน ลดลง-2.4%

ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานั้น นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจ ยานยนต์แล้ว Toyota มีการดำเนินงานในด้านต่างๆ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้าง ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตามที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้ในงานฉลองวาระครบรอบ 60 ปี ของบริษัทฯ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งโตโยต้าได้มีการเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง หรือ “Multiple Pathway” เพื่อทุกความเป็นไปได้ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเดินทาง มีการร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น “โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ” ที่ Toyota ร่วมมือกับเมืองพัทยา ในการจัดสร้างระบบนิเวศเพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้คนในชุมชนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยาได้ทดลองใช้งานในการเดินทางรูปแบบต่าง ๆ เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) รวมไปถึงความร่วมมือในโครงการเปิดสถานีไฮโดรเจนแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) ที่ Toyota นำมาสาธิตการใช้งานในรูปแบบของรถรับส่งระหว่างสนามบินอู่ตะเภาเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจในพื้นที่พัทยา-ชลบุรี และได้มีการต่อยอดมาสู่ความร่วมมือในการวางแผนที่จะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้นแบบอย่างรถกระบะ Toyota รุ่น Hilux REVO BEV ซึ่งเป็นรถกระบะพลังงานไฟฟ้า 100% มาทดลองให้บริการในรูปแบบรถโดยสารประจำทางสาธารณะแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา โดยคาดว่าจะพร้อมให้บริการได้ภายในปี 2567

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2566

1. ตลาดรถยนต์รวม
ปริมาณการขาย 64,440 คัน ลดลง 5.2%

อันดับที่ 1 Toyota 20,877 คัน ลดลง 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 32.4%

อันดับที่ 2 Isuzu 12,505 คัน ลดลง 37.9% ส่วนแบ่งตลาด 19.4%

อันดับที่ 3 Honda 7,067 คัน เพิ่มขึ้น 60.8% ส่วนแบ่งตลาด 11.0%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง
ปริมาณการขาย 24,333 คัน เพิ่มขึ้น 24.2%

อันดับที่ 1 Toyota 7,411 คัน เพิ่มขึ้น 26.0% ส่วนแบ่งตลาด 30.5%

อันดับที่ 2 Honda 4,441 คัน เพิ่มขึ้น 76.4% ส่วนแบ่งตลาด 18.3%

อันดับที่ 3 Mitsubishi 1,351 คัน ลดลง 34.7% ส่วนแบ่งตลาด 5.6%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์
ปริมาณการขาย 40,107 คัน ลดลง 17.1%

อันดับที่ 1 Toyota 13,446 คัน ลดลง 11.1% ส่วนแบ่งตลาด 33.6%

อันดับที่ 2 Isuzu 12,505 คัน ลดลง 37.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.2%

อันดับที่ 3 Ford 3,215 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)

ปริมาณการขาย 27,339 คัน ลดลง 27.3%

อันดับที่ 1 Isuzu 11,100 คัน ลดลง 40.5% ส่วนแบ่งตลาด 40.6%

อันดับที่ 2 Toyota 10,803 คัน ลดลง 14.5% ส่วนแบ่งตลาด 39.5%

อันดับที่ 3 Ford 3,215 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.8%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง PPV ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 5,200 คัน

อันดับที่ 1 Isuzu MU-X 2,007 คัน

อันดับที่ 2 Toyota Fortuner 1,561 คัน

อันดับที่ 3 Ford Everest 1,164 คัน

อันดับที่ 4 Mitsubishi Pajero Sport 303 คัน

อันดับที่ 5 Nissan Terra 165 คัน

5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up
ปริมาณการขาย 22,139 คัน ลดลง 33.8%

อันดับที่ 1 Toyota Hilux REVO 9,242 คัน ลดลง 17.3% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%

อันดับที่ 2 Isuzu D-MAX 9,093 คัน ลดลง 46.7% ส่วนแบ่งตลาด 41.1%

อันดับที่ 3 Ford Ranger 2,051 คัน ลดลง 13.1% ส่วนแบ่งตลาด 9.3%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม-มิถุนายน 2566

1.) ตลาดรถยนต์รวม
ปริมาณการขาย 406,131 คัน ลดลง 5.0%

อันดับที่ 1 Toyota 136,859 คัน ลดลง 3.6% ส่วนแบ่งตลาด 33.7%

อันดับที่ 2 Isuzu 86,281 คัน ลดลง 21.5% ส่วนแบ่งตลาด 21.2%

อันดับที่ 3 Honda 46,134 คัน เพิ่มขึ้น 14.9% ส่วนแบ่งตลาด 11.4%

2.) ตลาดรถยนต์นั่ง
ปริมาณการขาย 148,087 คัน เพิ่มขึ้น 9.0%

อันดับที่ 1 Toyota 51,041 คัน เพิ่มขึ้น 31.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%

อันดับที่ 2 Honda 30,425 คัน เพิ่มขึ้น 2.9 % ส่วนแบ่งตลาด 20.5%

อันดับที่ 3 Mitsubishi 9,578 คัน ลดลง 14.3% ส่วนแบ่งตลาด 6.5%

3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์
ปริมาณการขาย 258,044 คัน ลดลง 11.4%

อันดับที่ 1 Isuzu D-MAX 86,281 คัน ลดลง 21.5% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%

อันดับที่ 2 Toyota Hilux REVO 85,818 คัน ลดลง 16.8% ส่วนแบ่งตลาด 33.3%

อันดับที่ 3 Ford Ranger 20,117 คัน เพิ่มขึ้น 35.0% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%

4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)

ปริมาณการขาย 182,952 คัน ลดลง 19.7%

อันดับที่ 1 Isuzu 78,633 คัน ลดลง 22.5% ส่วนแบ่งตลาด 43.0%

อันดับที่ 2 Toyota 70,544 คัน ลดลง 20.9% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%

อันดับที่ 3 Ford 20,117 คัน เพิ่มขึ้น 35.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.0%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง
ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 33,267 คัน

อันดับที่ 1 Isuzu MU-X 11,953 คัน

อันดับที่ 2 Toyota Fortuner 11,762 คัน

อันดับที่ 3 Ford Everest 6,270 คัน

อันดับที่ 4 Mitsubishi Pajero Sport 2,593 คัน

อันดับที่ 5 Nissan Terra 689 คัน

5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up
ปริมาณการขาย 149,685 คัน ลดลง 24.5%

อันดับที่ 1 Isuzu D-MAX 66,680 คัน ลดลง 27.8% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%

อันดับที่ 2 Toyota Hilux REVO 58,782 คัน ลดลง 22.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.3%

อันดับที่ 3 Ford Ranger 13,847 คัน เพิ่มขึ้น 9.4% ส่วนแบ่งตลาด 9.3%

Previous Post

N0610297 ผลของการทำความด จะกล บมาหาเจ าของม part 2

Next Post

N0610299 วหน าแบบน ไม ควรได บการให อภ part 2

Next Post
N0610299 วหน าแบบน ไม ควรได บการให อภ part 2

N0610299 วหน าแบบน ไม ควรได บการให อภ part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0411563 หลอยผ วมาต วอ าย EP1 part 2
  • N0411126 จะได ณค าและความลำบากในการใช เง part 2
  • N0411120 การด แลต วเองหล งคลอด part 2
  • N0411125 องการคนร กเม อตอนท กคนไม องการ part 2
  • N0411124 ความค ดครอบคร วผ วเต าล านป part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.