ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 พฤติกรรมการขับขี่ที่อาจทำร้ายรถให้พังเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
โพสต์เมื่อ : 28 กันยายน 2559

10 พฤติกรรมการขับขี่ที่ทำร้ายให้รถสึกหรอและเสียหายอยู่เป็นประจำโดยที่คุณไม่รู้ตัว
          จริงอยู่ว่ารถที่เราซื้อมาใช้งานย่อมต้องสึกหรอและหมดสภาพไปตามอายุการใช้งาน ซึ่งแน่นอนว่าอย่างไรก็ต้องมีการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนคันใหม่เมื่อถึงเวลาอันสมควร แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานออกไปด้วยการเลิกพฤติกรรมการขับขี่ที่เสมือนเป็นการค่อย ๆ ทำร้ายรถตัวเองอยู่ตลอด ซึ่งเว็บไซต์  popularmechanics.com  ได้รวบรวม 10 นิสัยที่เร่งให้รถยนต์พังได้เร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว ลองมาเช็กกันเลยว่าคุณทำสิ่งเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน
1. ไม่ยอมใช้เบรกมือขณะจอดรถบนทางลาด
          เมื่อจอดรถบนทางลาดควรใช้เบรกมือก่อนเข้าเกียร์ P ทุกครั้ง เพราะถ้าคุณไม่ดึงเบรกมือก่อนเข้าเกียร์ P สลักเกียร์หรือตัวล็อกเฟืองขับหลัก (Parking Pawl) ซึ่งมีขนาดใหญ่ราวหัวแม่มือจะต้องรับภาระน้ำหนักรถทั้งคันเอาไว้ จึงไม่เป็นผลดีกับระบบเกียร์ และส่งผลให้อุปกรณ์เสียหายต้องจ่ายเงินซ่อมเร็วขึ้น

2. ปล่อยให้น้ำมันในถังอยู่ระดับต่ำอยู่เสมอ
          การปล่อยให้น้ำมันในถังอยู่ในระดับต่ำจนเกือบหมดอยู่เป็นประจำก่อนที่จะแวะเข้าปั๊มอาจเป็นพฤติกรรมที่หลายคนน่าจะทำบ่อยเพราะดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย แต่จริง ๆ แล้วเป็นผลเสียกับปั๊มน้ำมันเบนซินที่อยู่ในถังเชื้อเพลิงซึ่งควรมีน้ำมันท่วมอุปกรณ์ตัวนี้อยู่ตลอด มันจะดีกว่าถ้าไม่รอให้น้ำมันใกล้หมดเพื่อยืดอายุการใช้งานปั๊มน้ำมันเบนซินที่มีราคาแพงโดยไม่จำเป็นเพราะถึงอย่างไรคุณก็ต้องเติมน้ำมันอยู่ดี
3. การเปลี่ยนเกียร์ถอยหลัง-เดินหน้าทันทีโดยไม่รอให้รถหยุดสนิท
          สำหรับพฤติกรรมแย่ ๆ ทำร้ายรถนี้อาจเกิดขึ้นกับเกียร์ธรรมดาได้มากกว่าเกียร์อัตโนมัติ โดยการรีบร้อนเปลี่ยนเกียร์ถอยหลังเพื่อเดินหน้า หรือจากเดินหน้าเพื่อถอยหลังโดยไม่รอให้หยุดสนิทเสียก่อนเป็นการกระทำที่ชัดเจนว่าทำลายระบบขับเคลื่อนและส่งกำลังโดยตรง หากไม่อยากเปลี่ยนเกียร์หรือต้องซ่อมแซมชุดเกียร์ ซึ่งอาจลามไปเครื่องยนต์รวมถึงเพลาขับ รีบแค่ไหนควรรอให้รถหยุดสนิทก่อนทุกครั้ง
 4. ไม่อุ่นเครื่องยนต์ก่อนขับขี่
          รถยนต์ทุกคันจำเป็นต้องอุ่นเครื่องทุกครั้งเมื่อเครื่องเย็น เช่น จอดข้ามคืน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์รุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ เพียงแต่ปัจจุบันอาจลดระยะเวลาให้สั้นลงและสามารถขับออกไปได้เลยแต่มักจะระบุในคู่มือว่าช่วงแรกควรขับขี่อย่างนุ่มนวลเพื่อเป็นการวอร์มให้เครื่องยนต์และน้ำมันเครื่องอยู่ในอุณหภูมิทำงานเพื่อยืดอายุการใช้งานลดการสึกหรอ
5. ออกตัวอย่างรุนแรง
          การออกตัวอย่างรุนแรงหรือรวดเร็วนั้นอาจดูเร้าใจก็จริง ซึ่งนอกจากจะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแล้วยังสร้างภาระหนักให้กับชุดระบบส่งกำลังทั้งหมด และยิ่งเร่งไปได้ไม่ไกลแล้วต้องเบรกก็จะทำให้ระบบเบรก เช่น ผ้าเบรก รวมถึงโรเตอร์ทำงานหนักอีก ทั้งนี้หากไม่อยากจ่ายค่าซ่อมหรือบำรุงรักษาเร็วกว่ากำหนดควรขับรถอย่างนุ่มนวลจะดีที่สุด
6. ใช้เกียร์ (ธรรมดา) เป็นที่พักมือ
          หากใครยังชอบหรือจำเป็นต้องขับรถยนต์เกียร์ธรรมดาอยู่ และมักพักมือค้างไว้บนหัวเกียร์เพื่อรอจะเข้าเกียร์ต่อไปเสียเป็นส่วนใหญ่แทนที่จะวางบนพวงมาลัย บอกเลยว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บูช และชุดซิงโครไนซ์ของระบบเกียร์สึกหรอได้ ดังนั้นควรวางมือทั้งสองข้างบนพวงมาลัยหลังจากเปลี่ยนเกียร์เพื่อรักษาอายุการใช้งานของเกียร์อีกทั้งยังสามารถควบคุมรถได้อย่างทันท่วงทีด้วย
7. แช่คลัทช์
          อันนี้ยังคงเป็นเรื่องของรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดาอยู่ โดยผู้ขับที่ชอบเหยียบคลัทช์แช่ไว้ขณะจอดรถรอไฟแดงเพื่อจะได้ออกตัวเมื่อไฟเขียวอยู่เป็นประจำ พฤติกรรมเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงเพราะอาจทำให้ชุดเกียร์สึกหรอ และเสียหายได้เร็วกว่าปกติ เช่น ลูกปืนคลัทช์ และชุดกดคลัทช์ ทางที่ดีควรปล่อยเท้าออกจากคลัทช์เข้าเกียร์ว่างเมื่อรถหยุดนิ่ง และเหยียบอีกครั้งเมื่อต้องการออกตัว
8. บรรทุกของหนักมากเกินไป
          การบรรทุกของหนักมากเกินไปหรือบ่อยครั้งย่อมส่งผลให้ทั้งเครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง, ระบบกันสะเทือนและเบรกทำงานหนักรวมไปถึงสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ ดังนั้นควรทำรถของคุณให้แบกน้ำหนักน้อยที่สุด โดยหลีกเลี่ยงการขนของหนักบ่อย ๆ หรือลองดูว่าสัมภาระอะไรที่ไม่จำเป็นก็ควรเอาออกจากรถไปบ้าง ซึ่งนอกจากจะทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นแล้วยังทำให้รถใช้งานได้ยาวนานขึ้นด้วย
9. ไม่ใช้เกียร์ต่ำขณะลงเขา/ทางลาดชัน
          สำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์เกียร์อัตโนมัติอาจไม่ต้องกังวลมากนัก แต่ถ้าใครที่ยังใช้รถเกียร์ธรรมดาอยู่และต้องลงเขาหรือทางลาดชันบ่อย ๆ หากใช้เบรกในการรักษาความเร็วเป็นหลักเพียงอย่างเดียวย่อมทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นเกิดความร้อนสูงและเสียรูปได้ ทั้งนี้ผู้ขับขี่ควรเลือกใช้เกียร์ต่ำให้เหมาะสมเพื่อรักษาความเร็วรถ และใช้เบรกเมื่อจำเป็นต้องเบรกจะดีกว่า
10. ละเลยสัญญาณเตือน และอาการต่าง ๆ ของรถ
          เมื่อเริ่มเกิดมีอาการบางอย่างขึ้นกับรถของคุณ เช่น สั่นผิดปกติ มีเสียงแปลก ๆ เครื่องยนต์จุดระเบิดไม่สมบูรณ์เป็นบางครั้ง หรืออาการอื่นที่แปลกไปจากเดิม นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนให้รีบนำรถไปตรวจสอบโดยเร็วที่สุด อย่าปล่อยไว้จนเนิ่นนานซึ่งอาจทำให้ปัญหาเล็ก ๆ ลุกลามใหญ่โตหรือต้องจอดเสียข้างทางกินข้าวลิงให้เสียทั้งเงิน เวลาและเป็นอันตรายอีกด้วย
ถ้าไม่อยากให้รถคันโปรดของคุณกลับบ้านเก่าเร็วกว่ากำหนดควร “เลิก” พฤติกรรมเหล่านี้จะดีกว่า นอกจากนี้คู่มือประจำรถนั้นสำคัญมากควรสละเวลาศึกษาทำความเข้าใจอย่างละเอียด และทำตามคำแนะนำเพราะรถแต่ละคันอาจแตกต่างกัน ทั้งนี้เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ได้นานที่สุดครับ
9 อุปกรณ์ ติดรถยนต์ไว้อุ่นใจทุกครั้งเมื่อต้องเดินทาง (ไกล)
24 ก.พ. 2565 ผู้เข้าชม 5.063
เมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินทางไกล ๆ ด้วยยานพาหนะอย่างรถยนต์แล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมตัวและวางแผนก่อนออกเดินทางที่ขาดไม่ได้เลยคือ การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ การวางแผนเส้นทางการเดินทาง แม้หลายคนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรมากมาย แต่อย่าลืมว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไกล เช่น รถเสีย รถยางแบน หรือแม้แต่อุบัติเหตุ เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหล่านี้ เกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้

แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้นั้นคือ การเตรียมตัวให้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทั้งตัวผู้ขับขี่ สภาพเครื่องยนต์ สภาพรถยนต์ รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ล้วนสำคัญและจำเป็นต้องใช้เมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
สารบัญ
9 อุปกรณ์ ติดรถไว เดินทางไกลแค่ไหนก็อุ่นใจ

แพนด้า สตาร์ ออยล์ จะมาแนะนำ 9 อุปกรณ์ ที่ควรพกติดรถไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะเดินทางไกลหรือการเดินทางในชีวิตประจำวันก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที 9 อุปกรณ์ที่เราจะแนะนำดังต่อไปนี้ เปรียบเสมือนการพกอุปกรณ์เอาตัวรอดยามฉุกเฉิน เพื่อเตรียมตัวตั้งรับกับทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
1. ยางอะไหล่ พร้อมแม่แรงยก

ยางรถยนต์ต่อให้ตรวจเช็กสภาพ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเดินทางไกลมาแล้ว แต่พื้นผิวถนนในแต่ละพื้นที่ก็ยากที่จะคาดเดา แต่ละเส้นทางมีลักษณะพื้นผิวถนนเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ ยางแบน ยางรั่ว ยางแตก มีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาระหว่างการเดินทาง ดังนั้นควรเตรียมยางอะไหล่ (ที่สูบลมยางพร้อมใช้งาน) และแม่แรงพกติดรถไว้ (ส่วนมากรถรุ่นใหม่ในปัจจุบันจะมีติดมากับรถให้แล้ว) และควรตรวจสอบสภาพของยางอะไหล่ ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
2. เครื่องสูบลมรถยนต์แบบพกพา

หากคุณรู้สึกว่า ลมยางรถยนต์อ่อน หรือแบน จากสาเหตุอะไรก็ตามแต่ขึ้นมาระหว่างทาง แน่นอนว่าถ้าคุณโชคดีหน่อยก็จะเจอปั๊มน้ำมันอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่จะมีเครื่องเติมลมอัตโนมัติให้บริการ แต่กลับกันหากคุณไม่รู้เลยว่าเส้นทางนั้นมีปั๊มน้ำมันหรืออู่ซ่อมรถตั้งอยู่ใกล้พอที่รถยนต์ของคุณจะสามารถขับไปถึงได้หรือไม่ ถึงตอนนี้แหละหากคุณมีเครื่องสูบลมแบบพกพา คุณก็สามารถจอดรถข้างทางเพื่อสูบลมยางให้มีปริมาณลมมากพอ ที่คุณจะสามารถพยุงขับรถเข้าไปยังอู่ซ่อมรถใกล้ ๆ ได้
3. กล้องติดหน้ารถยนต์

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันนี้รถยนต์รุ่นใหม่แทบทุกคันจะมีกล้องติดหน้ารถยนต์ เพราะนอกจากกฎหมายที่ออกมาช่วยลดหย่อนค่ากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์แล้ว สิ่งที่ผู้ขับขี่หลาย ๆ คนให้ความใส่ใจและระมัดระวังเป็นพิเศษ ในการขับรถบนท้องถนนก็คือ เรื่องอุบัติเหตุ ซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น เหตุการณ์ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนคุณแทบจะไม่ทันได้ตั้งตัวหรือตั้งสติเลยด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นกล้องติดหน้ารถยนต์ จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ช่วยบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดบริเวณหน้ารถของคุณ เปรียบเสมือนพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่สามารถเป็นหลักฐานใช้ชี้ถูกชี้ผิดได้เลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง ควรเลือกใช้กล้องคุณภาพดี ภาพคมชัด สามารถบันทึกภาพได้ชัดเจนทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน และที่สำคัญควรใช้งานง่ายด้วยนะ
4. สายพ่วงแบตเตอรี่

การที่แบตเตอรี่รถยนต์หมดหรือเสื่อมสภาพ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการลืมเปิดไฟทิ้งไว้เป็นเวลานาน แบตเตอรี่เสื่อม หรือแบตเตอรี่ที่ใช้งานเกิน 2 ปี หากรถยนต์ของคุณแบตเตอรี่หมดอายุ อาการคือ จะสตาร์ทไม่ติด ดังนั้นการมีสายพ่วงแบตเตอรี่พกติดรถยนต์ไว้ อย่างน้อยคุณก็สามารถใช้สายพ่วงแบตเตอรี่ เพื่อเชื่อมต่อแบตเตอรี่ชั่วคราวกับรถยนต์คันอื่น ๆ ได้ ซึ่งประโยชน์ของสายพ่วงแบตเตอรี่ก็คือ ช่วยกระตุ้นไฟฟ้าภายในแบตเตอรี่รถยนต์ให้สามารถขับรถต่อไปยังอู่ซ่อมรถหรือร้านขายแบตเตอรี่ต่อไปได้ เชื่อสิ่ว่า คุ้มกว่าการเรียกรถลากเป็นไหน ๆ
5. ไฟฉาย

ทุก ๆ สถานการณ์ฉุกเฉินไม่ว่าจะ รถเสีย ยางแบน แบตเตอรี่หมด น้ำมันหมด หากเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน แน่นอนว่าแสงสว่างเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด ไฟฉายจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้แสงสว่าง กรณีไฟฉายสำหรับพกติดรถยนต์ นอกจากไฟฉายรูปทรงทั่วไปที่เราใช้กันแล้ว ควรเลือกซื้อไฟฉายที่สามารถใช้คาดกับศีรษะได้ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน หากต้องมีการซ่อมแซมรถยนต์ นอกจากนั้นการมีไฟฉายยังสามารถใช้เป็นตัวส่งสัญญาณ เพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้อีกด้วย
6. ค้อนทุบกระจก

สิ่งนี้อาจไม่ใช่ อุปกรณ์ดูแลรักษารถยนต์ หรือ มีไว้เพื่อซ่อมแซมรถยนต์แต่อย่างใด แต่เป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่จำเป็นอย่างยิ่ง เมื่ออยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินในกรณี รถตกน้ำ รถเกิดอุบัติเหตุ คุณสามารถใช้ค้อนทุบกระจกหน้าต่างรถยนต์ หรือแม้แต่ตัดสายเข็มขัดนิรภัย เมื่อไม่สามารถปลดล็อคสายเข็มขัดได้ ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อค้อนทุบกระจกแบบที่มาพร้อมกับที่ตัดสายเข็มขัดนิรภัยได้ในอันเดียวกัน
7. กล่องอุปกรณ์เครื่องมือช่าง

หากคุณเป็นคนนึงที่ต้องเดินทางไกลอยู่เป็นประจำ สิ่งที่รถยนต์ทุกคันควรมีพกติดไว้เลยคือ กล่องอุปกรณ์เครื่องมือช่าง เช่น ไขควง คีมตัด มีดคัตเตอร์ ประแจหกเหลี่ยม และอุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ ที่ใช้สำหรับซ่อมแซมรถยนต์ได้ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือรถเสียกลางทาง ถึงแม้คุณจะซ่อมรถหรือใช้อุปกรณ์เหล่านี้ไม่เป็น แต่คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยซ่อมแซมรถยนต์เบื้องต้นได้โดยการใช้อุปกรณ์เหล่านี้
8. น้ำมันเครื่องรถยนต์ หรือ น้ำมันหล่อลื่น

สิ่งจำเป็นอย่างหนึ่ง ที่อาจไม่ได้หาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่ว ๆ ไป หากไม่ใช่ปั๊มน้ำมันหรืออู่ซ่อมรถ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ น้ำมันเครื่องรั่ว น้ำมันเครื่องแห้ง การมีน้ำมันเครื่องสำรองพกติดรถยนต์ไว้ ก็จะสามารถหยิบมาเติมได้ทันท่วงที เพื่อขับรถต่อไปได้ยังอู่ซ่อมได้
9. สายลากจูง

อาจจะเป็นไอเท็มที่แทบจะไม่มีใครคิดถึงเลยก็ว่าได้ แต่คุณเคยคิดหรือไม่ว่า หากรถยนต์ของคุณเสียและไม่สามารถซ่อมแซมหรือขยับไปไหนได้เลย ณ ที่เกิดเหตุ สายลากจูงจะเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ใช้รถคันอื่น ในการลากจูงรถยนต์ของคุณไปยังอู่ซ่อมรถได้
เป็นยังไงกันบ้างกับ 9 อุปกรณ์ที่ แพนด้า สตาร์ ออยล์ นำมาฝากเป็นเกร็ดความรู้ให้กับทุกคน การพกพาอุปกรณ์ดูแลรักษารถยนต์ หรือ อุปกรณ์ซ่อมแซมรถยนต์ อาจจะยังไม่เพียงพอ การมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตก็เป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยและอุ่นใจไร้กังวลกับทุกสถานการณ์การขับขี่
เมื่อคุณมั่นใจว่าอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมแล้ว อย่าลืมตรวจเช็กสภาพรถยนต์ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ก่อนออกเดินทาง แพนด้า สตาร์ ออยล์ จัดจำหน่าย น้ำมันเครื่องราคาส่ง น้ำมันเกียร์ น้ำมันมันเบรค หลากหลายยี่ห้อคุณภาพสูง ให้คุณเลือกใช้บริการและรองรับการใช้งานทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล
	    	
		    
