ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
รวบมาให้แล้วกฎหมายจราจร ที่คนใช้รถมักฝ่าฝืนจนโดนใบสั่ง
ไม่ว่าจะขับขี่รถยนต์มานานแค่ไหน แต่เราเชื่อว่าในปัจจุบันยังมีหลายคนที่ยังไม่ทราบกฎหมายจราจรบางข้อ จนกลายเป็นการฝ่าฝืน และโดนใบสั่งจนต้องไปเสียค่าปรับจำนวนมาก ซึ่งในบทความนี้ อินทรประกันภัย จะพาคุณมาทำความรู้จักกับ 9 กฎหมายจราจรที่คนขับขี่รถยนต์มักฝ่าฝืนโดยไม่รู้ตัว เพื่อให้คุณทราบข้อกฎหมายเหล่านี้ และไม่เผลอทำผิดจนต้องเสียค่าปรับ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
9 กฎหมายจราจรที่คนมักฝ่าฝืน
สำหรับกฎหมายจราจรทั้ง 9 ข้อที่เรารวบรวมมาแนะนำ เป็นกฎหมายจราจรง่าย ๆ ที่หลายคนยังคงฝ่าฝืนหรือทำผิดกันอยู่ และเพื่อให้การขับขี่บนท้องถนนนั้นเป็นไปอย่างปลอดภัย เราไปดูกันเลยว่ากฎหมายทั้ง 9 ข้อที่ว่านี้มีอะไรบ้าง

1.ขับฝ่าไฟแดง
เชื่อว่าการห้ามขับรถฝ่าไฟแดง เป็นกฎหมายจราจรพื้นฐานที่ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว แต่การขับรถฝ่าไฟแดงกลับเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้ขับขี่มักจะฝ่าฝืนกันมากที่สุด ซึ่งหลายคนอาจจะให้เหตุผลเอาไว้ว่า เป็นเพราะการจราจรที่ติดขัด การรอสัญญาณไฟเขียวที่นานเกินไป หรือแม้แต่ความเร่งรีบของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การขับรถฝ่าไฟแดงเป็นสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้ท้องถนนคนอื่นและกับตัวผู้ขับขี่เองได้ อีกทั้งผู้ขับขี่ยังจะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 4,000 บาทด้วย
2.จอดทับทางม้าลาย
การจอดรถทับทางม้าลาย จอดทับเส้นทางช่องข้ามถนน หรือในระยะ 3 เมตร เป็นการกีดขวางทางเดินและทำให้ผู้ที่ต้องการข้ามถนนไม่สามารถใช้ทางม้าลายได้อย่างสะดวกสบาย ดังนั้น ก่อนที่จะถึงทางม้าลายควรจะชะลอและหยุดรถให้คนเดินข้ามถนน ที่สำคัญคือห้ามจอดทับทางม้าลายอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้คุณต้องจ่ายค่าปรับ 500 บาท

3.ขับแซงเส้นทึบ
เส้นทึบสีขาว เป็นเส้นจราจรที่กำหนดว่า รถที่อยู่ฝังเส้นทึบห้ามเปลี่ยนเลน คร่อมเลน หรือแซงโดยเด็ดขาด ส่วนเส้นทึบสีเหลือง จะเป็นเส้นแบ่งทิศจราจรที่กำหนดว่า ผู้ขับขี่จะต้องอยู่ในเลนตัวเองเท่านั้น ห้ามแซงคันหน้าไม่ว่ากรณีใด ๆ เนื่องจากการแซงรถในช่วงเส้นทึบสีเหลืองอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้
4.ขับแซงซ้าย
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยอยู่ในเหตุการณ์จำเป็นที่ทำให้ต้องแซงซ้าย แต่การขับแซงซ้ายเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและผิดกฎหมายจราจร เนื่องจากการแซงซ้ายจะทำให้เกิดจุดอับสายตา และระยะการมองเห็นทางซ้ายที่ลดลงจะทำให้ผู้ขับขี่มองไม่เห็นว่ามีรถอยู่ด้านหน้าได้ นอกจากนี้การแซงซ้ายอาจจะทำให้คุณต้องจ่ายค่าปรับตั้งแต่ 400 ถึง 1,000 บาท

5.เมาแล้วขับ
การเมาแล้วขับ เป็นปัญหาที่มีผู้ทำผิดเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งของตัวผู้ขับขี่และผู้อื่นได้ โดยบทลงโทษของการเมาแล้วขับจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่าง ๆ ดังนี้
- กรณีถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจแล้วพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ผู้ขับขี่จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกสั่งพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือยกเลิกใบอนุญาตขับขี่
 - กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ ผู้ที่ขับขี่ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท และถูกสั่งพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือยกเลิกใบอนุญาตขับขี่
 - กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้ที่ขับขี่ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-6 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000-120,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้น มีกำหนดไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
 - กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายถึงแก่ความตาย ผู้ที่ขับขี่ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท พร้อมถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ทันที
 
6.ใช้ความเร็วเกิดกำหนด
นอกจากการขับรถโดยใช้ความเร็วเกินกำหนดจะเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ และผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ แล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจราจรอีกด้วย ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายข้อนี้จะต้องจ่ายค่าปรับไม่เกิน 4,000 บาท

7.กลับรถในที่ห้ามกลับ
การกลับรถในที่ห้ามกลับ เป็นการกระทำที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นและผู้ขับขี่ได้ เนื่องจากผู้ขับขี่ท่านอื่นอาจจะไม่ได้ระวังหรือสังเกตว่ามีรถที่กลับรถมาเพราะเป็นบริเวณที่ห้ามกลับรถ ซึ่งผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนกฎจะต้องเสียค่าปรับตั้งแต่ 200-500 บาท
8.ขับแช่ขวา
เนื่องจากเลนขวา เป็นเลนที่มีไว้สำหรับรถที่ขับเร็ว หรือรถที่ต้องการแซงเท่านั้น การขับรถแช่ขวาจึงเป็นการกระทำที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่และยังอาจทำให้รถติดมากขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งผู้ขับขี่ที่มีนิสัยชอบขับแช่ขวาจะต้องเสียค่าปรับ 1,000 บาท

9.ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
การคาดเข็มขัดนิรภัยจะช่วยลดการบาดเจ็บ หรือช่วยชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งนอกจากผู้ขับขี่และผู้ที่นั่งข้างคนขับจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว ผู้โดยสารที่นั่งอยู่บริเวณเบาะด้านหลังก็ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยเช่นกัน และหากฝ่าฝืนกฎหมายจราจรในข้อนี้จะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร มีโทษปรับเท่าไหร่
ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎหมายจราจร ผู้ขับขี่จะมีโทษปรับที่แตกต่างกันไปตามแต่ละสถานการณ์ ดังนี้
- ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
 - ผู้โดยสาร “ตอนหลัง” ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
 - ขับแช่ขวา ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 - กลับรถในที่ห้ามกลับ ปรับไม่เกิน 500 บาท
 - เมาแล้วขับ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 - ใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
 - ขับรถฝ่าไฟแดง ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
 - ไม่หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุดเมื่อมีสัญญาณไฟแดงปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 - ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
 - ขับขี่บนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันควร ปรับตั้งแต่ 400 – 1,000 บาท ผู้แจ้งเบาะแสได้รับเงินส่วนแบ่งกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
 - ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
 - ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยต่อชีวิตหรือร่างกายผู้อื่น จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
สรุปบทความ
และทั้งหมดนี้ก็คือกฎหมายจราจรที่ผู้ขับขี่รถยนต์มักจะฝ่าฝืนจนโดนค่าปรับ ซึ่งกฎหมายจราจรเหล่านี้ล้วนแต่เป็นกฎหมายพื้นฐานที่ผู้ขับขี่ที่คนต้องรู้อยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ การปฏิบัติตามกฎจราจรก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำตามอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้สำหรับผู้ขับขี่ที่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัดก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะการขับขี่รถด้วยความไม่ประมาทเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ทุกคนควรทำ นอกจากนี้ยังควรทำประกันรถยนต์เอาไว้ เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกอุ่นใจเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ สำหรับผู้ที่ประกันรถยนต์กำลังจะหมดอายุก็อย่าลืมไปต่อประกันรถยนต์ออนไลน์เอาไว้ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจะได้ไม่ต้องกังวล
รีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมดได้ไหม? เคลียร์ชัด พร้อมสรุปข้อดี
รีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมดได้หรือไม่ จริง ๆ มันคืออะไร มีวิธีไหนที่จะเปลี่ยนรถเป็นเงิน เคลียร์ทุกข้อสงสัย พร้อมเปรียบเทียบข้อดีแบบจัดเต็ม ช่วยลดดอกเบี้ย ผ่อนเบาลง แถมได้เงินก้อนเพิ่ม อ่านจบ ตัดสินใจได้ทันที
หัวข้อที่น่าสนใจ
- อยากขอสินเชื่อต้องรู้ว่า “รีไฟแนนซ์รถยนต์” คืออะไร
 - รีไฟแนนซ์รถยนต์ได้ไหม ถ้ารถยนต์ผ่อนไม่หมด?
 - อยากรีไฟแนนซ์รถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง
 - ทำไมคนส่วนใหญ่เลือก รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด?
 - รีไฟแนนซ์รถยนต์ VS สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ เลือกอะไรดี?
 - ขอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ที่ไหนดีที่สุด 2568?
 - ต้องใช้เงินก้อน รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด – สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ แค่เลือกให้ตอบโจทย์
 
การมีรถยนต์เป็นของตัวเอง คืออีกหนึ่งเป้าหมายในชีวิตของใครหลายคน แต่เมื่อผ่อนรถยนต์ไปได้สักระยะหนึ่งพบว่าสถานการณ์ทางการเงินอาจเปลี่ยนไป จนทำให้ต้องกลับมาทบทวนว่าจะจัดการกับภาระผ่อนรถยนต์ที่ยังไม่หมดอย่างไรดี ให้ลงตัวมากที่สุด บทความนี้จะพาไปรู้จักว่ารีไฟแนนซ์รถยนต์คืออะไร แล้วกรณีผ่อนอยู่ยังรีไฟแนนซ์ได้ไหม เผื่อจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้การเงินของคุณคล่องตัวขึ้น

อยากขอสินเชื่อต้องรู้ว่า “รีไฟแนนซ์รถยนต์” คืออะไร
รีไฟแนนซ์รถยนต์ คือการขอสินเชื่อใหม่จากสถาบันการเงิน เพื่อนำไปชำระหนี้ค่างวดรถเดิมที่อาจเริ่มไม่ไหว โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อ “ลดภาระดอกเบี้ย” และ “ยืดระยะเวลาผ่อนชำระ” ให้เหมาะสมกับความสามารถในการจ่ายของคุณมากขึ้น
นี่จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดฮิตของคนที่เริ่มรู้สึกว่าภาระค่าผ่อนรถหนักเกินไป หรือค้างค่างวดมาหลายงวด เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณยังมีรถไว้ใช้งานเหมือนเดิม ยังช่วยลดแรงกดดันทางการเงินลงได้พอสมควร เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ได้ผลประโยชน์ทั้งเจ้าของรถและสถาบันการเงิน
ในทางกลับกัน ถ้าคุณปล่อยค้างค่างวดรถติดต่อกันถึง 3 งวด อาจเข้าสู่การเป็นหนี้เสีย และได้รับหนังสือแจ้งเตือนจากไฟแนนซ์ มีโอกาสสูงที่จะถูกดำเนินการยึดรถ และหากไม่ยอมคืนรถตามกฎหมาย ทางบริษัทไฟแนนซ์มีสิทธิ์ฟ้องร้อง ซึ่งอาจนำไปสู่คดีแพ่งหรือในบางกรณีอาจเข้าข่ายคดีอาญา
รีไฟแนนซ์รถยนต์ได้ไหม ถ้ารถยนต์ผ่อนไม่หมด?
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด ก็สามารถทำได้ โดยทั่วไปสถาบันการเงินมักกำหนดเงื่อนไขดังนี้:
- ผ่อนชำระมาแล้วอย่างน้อย 12 งวด
 - ไม่มีประวัติการค้างชำระหรือขาดส่ง
 - รถยังมีมูลค่าตลาดที่เพียงพอรองรับวงเงินสินเชื่อใหม่
 - ผู้ขอรีไฟแนนซ์มีรายได้และความสามารถในการผ่อนชำระตามเงื่อนไขใหม่
 
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน ควรตรวจสอบกับผู้ให้บริการที่สนใจเพื่อความชัดเจน

อยากรีไฟแนนซ์รถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้กระบวนการรีไฟแนนซ์ล่าช้าโดยไม่จำเป็นก็คือ “เอกสารไม่ครบ” เพราะถ้าเอกสารที่ยื่นไปไม่สมบูรณ์ สถาบันการเงินก็ต้องติดต่อกลับมาให้ส่งเพิ่มอีกครั้ง ซึ่งกว่าจะรวบรวม กว่าจะส่ง กว่าฝ่ายพิจารณาจะตรวจอีกที อาจเสียเวลาไปหลายวัน ดังนั้น ถ้าอยากให้รีไฟแนนซ์ผ่านไว ไม่สะดุด ควรเตรียมเอกสารให้ครบตั้งแต่ต้น โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
เอกสารรีไฟแนนซ์รถยนต์ของพนักงานประจำ
- บัตรประชาชน
 - ทะเบียนบ้าน
 - เล่มทะเบียนรถตัวจริง
 - สลิปเงินเดือนเดือนล่าสุด หรือหนังสือรับรองเงินเดือนอายุไม่เกิน 3 เดือน หรือเอกสารการเงินต่างๆ
 
เอกสารรีไฟแนนซ์รถยนต์ของอาชีพรับจ้างทั่วไป หรือธุรกิจส่วนตัว
- บัตรประชาชน
 - ทะเบียนบ้าน
 - เล่มทะเบียนรถตัวจริง
 - เอกสารแสดงรายได้ หรือเอกสารประกอบอื่นๆ ตามที่บริษัทฯ กำหนด
 
ทั้งนี้ เอกสารที่ใช้ในการยื่นรีไฟแนนซ์อาจแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน แนะนำให้ตรวจสอบกับผู้ให้บริการก่อนยื่นเรื่อง เพื่อความรวดเร็วและแม่นยำในการพิจารณา
ทำไมคนส่วนใหญ่เลือก รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด?
อย่างที่กล่าวไปว่า การรีไฟแนนซ์รถยนต์ คือการขอสินเชื่อใหม่จากสถาบันการเงิน เพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อรถยนต์เดิมที่ยังค้างอยู่ ฟังดูเหมือนเป็นการเปลี่ยนหนี้ก้อนหนึ่งไปสู่อีกก้อนหนึ่ง แต่ข้อดีคือคุณจะได้รับเงื่อนไขใหม่ที่ดีกว่าเดิม ดังนั้น ถ้ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์กำลังจะผ่อนรถต่อไม่ไหว รู้สึกว่าค่าผ่อนรถยนต์สูงเกินไป “ควร” รีไฟแนนซ์รถยนต์ เพื่อรับสิทธิ์ต่อไปนี้
- ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง
 - ได้รับอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่อาจต่ำลง ช่วยลดภาระดอกเบี้ยรวม
 - ปรับค่างวดให้เหมาะสมกับรายได้ปัจจุบัน
 - ในบางกรณีอาจได้รับเงินก้อนเพิ่มจากส่วนต่างวงเงินที่เหลือ
 
แม้ว่าปัจจุบันจะมีทางเลือกอื่นในการจัดการเงิน เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล หรือบัตรกดเงินสด แต่หากคุณมีรถอยู่ในมือแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งเงินอื่นให้ยุ่งยาก เพราะการรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้อัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม และไม่ต้องเสี่ยงกับการกู้เงินนอกระบบที่มาพร้อมภาระดอกเบี้ยแพงเกินเหตุ

รีไฟแนนซ์รถยนต์ VS สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ เลือกอะไรดี?
เมื่อพูดถึง “สินเชื่อจากรถยนต์” หลายคนอาจยังสับสนระหว่าง รีไฟแนนซ์รถยนต์ กับ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ว่าต่างกันอย่างไร และแบบไหนจึงเหมาะกับสถานการณ์ทางการเงินของตนเองในตอนนี้?
แม้ทั้งสองแบบจะมีเป้าหมายเดียวกันคือ “เปลี่ยนรถเป็นเงิน” แต่เงื่อนไข จุดประสงค์ และผู้ที่เหมาะสมกลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน
รีไฟแนนซ์รถยนต์ ดียังไง เหมาะกับใคร?
รีไฟแนนซ์รถยนต์ คือการขอสินเชื่อก้อนใหม่จากสถาบันการเงิน เพื่อนำไปปิดหนี้รถยนต์เดิมที่ยังผ่อนไม่หมด โดย “ย้ายไฟแนนซ์” ไปยังเจ้าใหม่ พร้อมรับเงื่อนไขใหม่ที่อาจดีกว่าเดิม เช่น
- ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำลง ช่วยลดภาระยอดผ่อนรวม
 - ขยายระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้น ทำให้ค่างวดรายเดือนเบาลง
 - อาจได้รับเงินก้อนเพิ่ม หากวงเงินใหม่มากกว่ายอดหนี้คงเหลือ
 - ใช้รถได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องโอนเล่มทะเบียน
 
เหมาะกับคนที่เริ่มรู้สึกว่า ผ่อนรถไม่ไหว แต่ยังไม่อยากเสียรถ ไม่อยากขายรถทอดตลาด ดังนั้น การรีไฟแนนซ์รถยนต์จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยจัดระเบียบหนี้ให้เบาขึ้น โดยยังมีรถไว้ใช้งานเหมือนเดิม
สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ดียังไง เหมาะกับใคร?
สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ เป็นสินเชื่อสำหรับคนที่ผ่อนรถหมดแล้ว หรือที่เรียกว่ารถปลอดภาระ มีเล่มทะเบียนเป็นชื่อของตัวเอง โดยสามารถนำเล่มทะเบียนนั้นไปขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้ทันที
- ได้เงินก้อนรวดเร็ว ตามมูลค่าของรถ
 - ยังใช้รถได้ตามปกติ แม้จะยื่นขอสินเชื่อไปแล้ว
 - หนึ่งทางเลือกของคนที่มีรถแต่ไม่อยากขาย แค่อยากใช้รถไปด้วย มีเงินใช้ไปด้วย
 - มีให้เลือกทั้งแบบสินเชื่อรถยนต์แบบโอนเล่มและไม่โอนเล่ม
 
เหมาะสำหรับคนที่มีรถเป็นของตัวเอง 100% ผ่อนรถยนต์หมดเรียบร้อย และต้องการเงินก้อนแบบเร่งด่วน โดยไม่อยากขายรถออกไป

ขอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ที่ไหนดีที่สุด 2568?
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ผ่อนรถยนต์หมดแล้ว และกำลังมองหาแหล่งเงินก้อนโดยไม่ต้องโอนเล่มทะเบียน ไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน การเลือกสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งก่อนตัดสินใจ ควรพิจารณา 4 ปัจจัยหลัก ต่อไปนี้
เปรียบเทียบ “ดอกเบี้ย” ให้รอบด้าน
อัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งแรกที่ควรตรวจสอบ เพราะมีผลต่อยอดผ่อนต่อเดือนและภาระหนี้ในระยะยาว โดยทั่วไปแล้ว สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ต้องไม่เกิน 24% ต่อปีตามที่กฎหมายกำหนด ลองเทียบจากหลายสถาบันเพื่อหาดอกเบี้ยที่เหมาะกับกำลังจ่ายของคุณที่สุด
ตรวจสอบ “วงเงินอนุมัติ” ให้ชัดเจน
วงเงินที่ได้รับจะพิจารณาจากหลายองค์ประกอบ เช่น สภาพรถ ยี่ห้อ–รุ่น อายุการใช้งาน รวมถึงนโยบายของแต่ละสถาบัน หากคุณต้องการวงเงินสูง ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีเกณฑ์ประเมินที่ยืดหยุ่นและโปร่งใส
เลือกระยะเวลาผ่อนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
บางสถาบันให้เลือกผ่อนชำระได้นานขึ้น ช่วยให้ค่างวดรายเดือนลดลง เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ AEON Auto Quick Cash ให้ระยะเวลาผ่อนสูงสุดถึง 60 เดือน ซึ่งควรเลือกระยะเวลาที่ไม่ตึงเกินไป เพื่อให้คุณสามารถบริหารเงินในแต่ละเดือนได้อย่างสบายๆ
อ่าน “เงื่อนไขแฝง” ให้ครบ ก่อนเซ็นสัญญา
อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น, ค่าประกันภัย (ถ้ามี), ค่าดำเนินการ หรือบริการเสริมอื่นๆ เพื่อไม่ให้พลาดค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น หากถามว่าขอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ที่ไหนดี ใช้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ อิออน ออโต้ ควิกแคช* เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายๆ เพราะ
- วงเงินอนุมัติสูงสุด 100% ของมูลค่ารถ
 - อนุมัติเร็ว พร้อมรับเงินทันที
 - อัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นเพียง 69% ต่อเดือน* (เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม 14.34% ต่อปีโดยประมาณตามลำดับ เมื่อคำนวนแบบลดต้นลดดอก ระยะเวลาผ่อน 72 เดือน)
 - ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ไม่ยุ่งยาก
 - สมัครได้ทุกอาชีพ เพียงมีรายได้ประจำตั้งแต่ 10,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่สาขาอิออนทั่วประเทศ > ค้นหาสาขาใกล้บ้านคุณ
สนใจสมัครสินเชื่อ AEON AUTO QUICK CASH
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 14.34% -24% ต่อปี
*อัตราดอกเบี้ยสำหรับการรีไฟแนนซ์รถยนต์อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบันการเงิน แต่ไม่เกิน 24% ต่อปี ตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย
ต้องใช้เงินก้อน รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด – สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ แค่เลือกให้ตอบโจทย์
หากคุณเริ่มรู้สึกว่าผ่อนรถไม่ไหว และไม่อยากให้รถถูกขายทอดตลาด การรีไฟแนนซ์รถยนต์ คือทางเลือกที่ช่วยลดภาระค่างวดและดอกเบี้ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในทางกลับกัน หากคุณผ่อนรถหมดแล้ว และต้องการเงินก้อนแบบเร่งด่วนโดยไม่กระทบการใช้ชีวิตประจำวัน การขอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์กับ AEON Auto Quick Cash ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะช่วยเปลี่ยนรถที่ปลอดภาระให้เป็นเงินสดได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องขายรถ และยังใช้รถได้ตามปกติ
	    	
		    
