ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
5 พฤติกรรมอันตรายของผู้หญิงขณะขับรถ
02 ก.ค. 61 (17:47 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้
คุณผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะสันทัดเรื่องรถยนต์เท่าใดนัก ซึ่งพฤติกรรมบางอย่างอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเองและรถคันอื่นได้ เราลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง?
1.แต่งหน้าขณะขับรถ
สิ่งที่เห็นได้เป็นประจำแทบทุกเช้าบนท้องถนน คือ คุณผู้หญิงที่แต่งหน้าไปด้วยขณะที่อยู่หลังพวงมาลัย โดยอาศัยจังหวะรถหยุดเคลื่อนตัวเพื่อเปิดกระจกแต่งหน้า ถึงแม้ว่าคุณผู้หญิงเองจะระมัดระวังเป็นอย่างดีแล้ว แต่อย่าลืมว่าบนท้องถนนยังมีผู้ขับขี่อื่นอีกมากมาย ที่อาจเผลอมาชนคุณได้ทุกเมื่อ ซึ่งอุปกรณ์แต่งหน้าทั้งหลายอาจทิ่มเข้าลูกตา จนทำให้บาดเจ็บรุนแรงได้
2.ใส่รองเท้าส้นสูงขณะขับรถ
การใส่รองเท้าส้นสูงขณะขับรถจะทำให้ไม่สามารถเหยียบเบรกด้วยแรงเต็มฝ่าเท้าได้ถนัดนัก ในกรณีฉุกเฉินอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นจึงควรสวมรองเท้าพื้นเรียบขณะขับรถจะดีกว่า จากนั้นค่อยเปลี่ยนไปใส่รองเท้าส้นสูงเมื่อถึงจุดหมาย

3.วางรองเท้าหรือขวดน้ำไว้บนพื้น
คุณผู้หญิงอาจมีรองเท้าเก็บไว้บนรถหลายคู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่บริเวณพื้นที่นั่งของผู้ขับขี่ ไม่ควรใช้วางรองเท้าหรือขวดน้ำใดๆ ซึ่งอาจไหลไปขัดกับแป้นเบรกหรือคันเร่ง ทำให้เร่งเครื่องยนต์โดยไม่ตั้งใจ หรืออาจไหลไปกองอยู่ใต้แป้นเบรก ส่งผลให้ไม่สามารถเหยียบเบรกได้ ทางที่ดีจึงควรวางรองเท้าหรือสิ่งของใดๆ ไว้บริเวณฝั่งผู้โดยสารจะดีกว่า
4.ไม่สนใจไฟเตือนบนหน้าปัด
คุณผู้หญิงส่วนใหญ่มีความสนใจเกี่ยวกับรถยนต์น้อยกว่าผู้ชาย จึงทำให้ไม่ทราบถึงปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น บางครั้งแม้ว่าหน้าปัดจะแสดงข้อความเตือน หรือปรากฏไฟสัญลักษณ์ขึ้นมา แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจกับมัน เหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการขับขี่ได้ และอาจทำให้รถเสื่อมสภาพอย่างที่ไม่ควรเป็นอีกด้วย

5.ไม่ดูแลรถอย่างเหมาะสม
     แม้ว่าคุณผู้หญิงจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกมากนัก แต่ก็ควรนำรถเข้าเช็คระยะเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้รถยนต์ได้รับการดูแลให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้ตลอดเวลา รถส่วนมากมักต้องเข้าเช็คระยะทุก 10,000 กิโลเมตร บางรุ่นอาจขึ้นไปเป็น 20,000 กิโลเมตร ดังนั้น อย่างน้อยๆ ก็ควรตรวจสอบว่ารถวิ่งไปเป็นระยะทางเท่าไหร่แล้ว จะได้นำรถเข้าศูนย์ได้ตรงเวลา
     สิ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพื่อความปลอดภัยของคุณเองและคนรอบข้างครับ
6 สิ่งที่ผู้หญิงควรรู้และต้องเช็กรถเป็นประจำ
แชร์บทความ

ผู้หญิงในสมัยนี้ นอกจากจะเก่งเรื่องการทำงานแล้ว ยังต้องสตรองในการใช้ชีวิตด้วย ผู้หญิงหลายคนขับรถไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง ดูเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่ดูแลตัวเองได้อย่างดี แม้กระทั่งเรื่องรถยนต์ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไร แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่ผู้หญิงดูแลรถได้เองในเบื้องต้น วันนี้เราจึงขอแชร์เทคนิคดูแลรถง่ายๆ ในแบบฉบับผู้หญิงขับรถมาให้สาวๆ ได้อ่านกัน
1. หมั่นตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่อง เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเครื่องยนต์ โดยเราควรหมั่นเช็กระดับน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับปกติไหม ด้วยการดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาดู ถ้าน้ำมันเครื่องอยู่ระดับ F และ L แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ แต่ถ้าปล่อยให้น้ำมันเครื่องอยู่ต่ำว่าตัว L หรือ ต่ำกว่าขีดล่าง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหากับเครื่องยนต์ได้ นอกจากนี้ควรหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งาน
2. อย่าลืมดูน้ำมันเบรกและเบรก
นอกจากนี้เราควรหมั่นเช็กน้ำมันเบรกและเบรก อยู่ในระดับมาตรฐานหรือเปล่าโดยเปิดฝากระโปรงหน้ารถและดูที่กระปุกน้ำมันเบรก ว่าไม่ควรต่ำกว่าระดับ Min และไม่ควรจะสูงเกิน Max หากระดับน้ำมันเบรกอยู่ต่ำกว่า Min แสดงว่าผ้าเบรกอาจมีปัญหา หรืออาจมีการรั่วซึมได้ ควรเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด
3. หมั่นตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็นหรือน้ำในหม้อน้ำ
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้รถยนต์เกิดอาการโอเวอร์ฮีท หรือเครื่องยนต์เกิดความร้อนจนเกินไป เราจึงควรหมั่นตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็นหรือ น้ำในหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่ตลอด หากพบว่าน้ำมีระดับต่ำก็ควรเติมด้วยน้ำกลั่น หรือผสมน้ำยาหล่อเย็น การเติมน้ำเปล่าลงไปในหม้อน้ำ ควรเติมเฉพาะกรณีฉุกเฉินจริง ๆ เท่านั้น เช่น เกิดความร้อนสูงระหว่างการเดินทาง จำเป็นต้องใช้น้ำเปล่าช่วยลดความร้อนเครื่องยนต์ในตอนนั้น ไม่ควรใช้น้ำประปาบ่อย ๆ เพราะอาจเกิดตะกรันได้
4. เช็กสภาพแบตเตอรี่
รู้ไหมว่าเราสามารถตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่รถยนต์ได้ด้วยการดูตาแมวแบตเตอรี่ หากมีสีเขียวหรือ สีน้ำเงินแสดงว่าไฟเต็ม หากเป็นสีขาวหรือ สีใส แสดงว่าไฟอ่อน ควรชาร์จไฟเพิ่ม แต่ถ้าเป็นสีแดงหรือ สีส้ม แสดงว่าน้ำกลั่นแห้ง ควรเติมน้ำกลั่น ดังนั้นจึงควรใช้งานแบตเตอรี่อย่างเหมาะสม ไม่เปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่หมด โดยเราควรมีเครื่องมือวัดโวลต์แบตเตอรี่ และเครื่องมือชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์สำรองไว้หรือ พกสายพ่วงแบตเตอรี่ไว้ก็จำเป็น เผื่อต้องขอพ่วงแบตกับรถคันอื่น หรือนำไปใช้ช่วยเหลือรถคันอื่น
5. วัดลมยางสม่ำเสมอ
หลังจากดูพวกของเหลวกันไปแล้ว เรื่องของลมยาง และยางรถยนต์ ก็เป็นสิ่งที่สาว ๆ ไม่ควรปล่อยปละละเลย เพราะถ้าลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้รถกินน้ำมัน แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย อย่างไรแล้วเราควรหมั่นเช็กลมยางอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยดูค่าแรงดันยางรถยนต์ได้ที่ป้ายข้างประตูคนขับ หากเป็นรถเก๋ง 4 จะอยู่ที่ประมาณ 30-32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ซึ่งนอกจากจะหมั่นเช็กลมยางแล้วควรเช็กยางรถยนต์ด้วยว่ามีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ หากใช้งานจนดอกยางเริ่มโล้น หรือใช้งานมาแล้ว 3 ปี หรือประมาณ 60,000 กิโลเมตร ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถยนต์แล้วล่ะ
6. อย่าลืมเปลี่ยนยางปัดน้ำฝน
ในช่วงหน้าฝน ควรหมั่นเช็กสภาพยางปัดน้ำฝนว่าใช้งานได้ดีหรือไม่ หากยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ หรือยางเริ่มแข็ง ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อการปัดน้ำฝนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรเติมน้ำในกระบอกปัดน้ำฝนด้วย เผื่อต้องใช้ในการฉีดน้ำล้างกระจกเพื่อความสะอาดใส และทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดี
	    	
		    
