ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
แบรนด์รถหรูแดนมะกัน Cadillac มียอดขายในจีนแซงประเทศต้นกำเนิด เหตุเศรษฐีวัยกระเตาะเพิ่มจำนวน
By
–
08/01/2018
ประเทศไทยอาจไม่คุ้นกับแบรนด์รถหรู Cadillac มากเท่าไรนัก แต่ที่สหรัฐอเมริกาคงรู้จักเป็นอย่างดี เพราะก่อตั้งมากกว่า 100 ปี ซึ่งตอนนี้ตลาดหลักของทางแบรนด์อาจไม่ใช่ในประเทศอีกต่อไป หลังยอดซื้อในจีนโตแซงแล้ว

ประวัติศาสตร์บทใหม่ของแบรนด์รถหรูมะกัน
ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่าแบรนด์ Cadillac ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2445 ในสหรัฐอเมริกา ถึงปัจจุบันก็มีอายุ 115 ปีแล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็เข้ามาอยู่ในกลุ่ม General Motors หรือ GM ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมผู้ผลิตรถยนต์ของที่นั่น พร้อมถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถยนต์ระดับ Luxury หรือรถยนต์หรู และยึดตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้มานาน
แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทางแบรนด์เองก็ถูกแบรนด์จากเยอรมันทั้ง BMW, Mercedes-Benz และ Audi รวมถึง Lexus จากญี่ปุ่นแย่งส่วนแบ่งจนไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งของตลาดอีกต่อไป ซึ่งเหตุผลหลักๆ ก็มาจากความเชยในสายตาผู้บริโภค และการไม่ปรับตัวตามความต้องการของตลาด เช่นไม่ผลิตรถยนต์แบบ SUV มาตอบโจทย์ความนิยมช่วงนี้
จึงไม่แปลกที่ยอดขายในสหรัฐฯ จะตกลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดลดลง 8% ปิดที่ 156,440 คันในปี 2560 จนกลุ่ม GM เริ่มเพิกเฉยต่อการทำตลาดแบรนด์นี้แล้ว แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อยอดขายในประเทศจีนกลับเติบโตถึง 51% ปิดที่ 175,489 คัน และช่วยเขียนประวัติศาสตร์บทใหม่ในยอดขายระดับโลกที่เติบโต 15.5% ด้วย

เศรษฐีจีนมองว่าเท่ และคุ้นชินกว่าแบรนด์อื่น
สำหรับการทำตลาดในประเทศจีนของ Cadillac นั้นเริ่มอย่างจริงจังมาเพียง 10 ปีเท่านั้น แต่ถ้านับในมุมของ GM นั้นจริงจังมานานแล้ว เช่นการส่งแบรนด์รถยนต์ Buick ลงมาทำตลาด พร้อมผลิตแบรนด์ท้องถิ่นว่า Baojun จนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และทำให้กลุ่ม GM ส่งมอบรถยนต์ในประเทศจีนมากกว่าที่สหรัฐฯ มาระยะหนึ่งแล้ว
ขณะเดียวกันการเติบโตของ Cadillac ในประเทศจีนนั้นก็มาจากเศรษฐีหน้าใหม่ที่ส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาวเพิ่มจำนวนขึ้นมาก และคนกลุ่มนี้ต้องการครอบครองอะไรที่หรูหรา และมีความแตกต่างจากแบรนด์เยอรมันอื่นๆ ซึ่ง Cadillac ก็ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ ประกอบกับความคุ้นชินในการใช้งานรถยนต์ของกลุ่ม GM มาก่อนหน้านี้ด้วย
และหากนับย้อนหลังไป 5 ปี ถึงตอนนี้ยอดขายของ Cadillac ในประเทศจีนก็เติบโตถึง 3 เท่าตัว และมีส่วนให้กลุ่ม GM เริ่มกลับมามองแบรนด์รถยนต์หรูเก่าแก่นี้อีกครั้ง เพื่อทำตลาดในสหรัฐ รวมถึงตลาดโลกให้เข้มข้นยิ่งขึ้น รวมถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรับกับกระแสอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังวิ่งไปในทิศทางนี้เช่นกัน
สรุป
ถือเป็นการกลับมาอีกครั้งของแบรนด์ Cadillac เพราะก่อนหน้านี้แทบจะหายหน้าหายตาไปเลย หลังเจอแบรนด์จากเยอรมันตีจนไม่มีที่ยืน แต่เมื่อตลาดเอเชียเริ่มเติบโตอย่างชัดเจน โอกาสที่จะเห็นแบรนด์ดังกล่าวกลับมาทำตลาดอย่างจริงจัง และอาจมีบริษัทนำเข้ารถยนต์ในประเทศไทยตัดสินใจนำรถยนต์แบรนด์นี้เข้ามาจำหน่ายในไทยก็ได้
เปิดโผ 25 อันดับรถยนต์ราคาร่วงหนักที่สุดปี 2566 ที่สหรัฐอเมริกา
โพสต์เมื่อ 22.11.2566 11:18
https://www.facebook.com/v11.0/plugins/like.php?action=like&app_id=485093528235897&channel=https%3A%2F%2Fstaticxx.facebook.com%2Fx%2Fconnect%2Fxd_arbiter%2F%3Fversion%3D46%23cb%3Df38fd95e69833ab9f%26domain%3Dwww.thailovercars.com%26is_canvas%3Dfalse%26origin%3Dhttps%253A%252F%252Fwww.thailovercars.com%252Ffc30230d743ce55a2%26relation%3Dparent.parent&container_width=0&href=https%3A%2F%2Fwww.thailovercars.com%2Fblog%2Fdetail%2F7541&layout=button&locale=th_TH&sdk=joey&share=true&size=small&width=

เปิดโผ 25 อันดับรถยนต์ราคาร่วงหนักที่สุดปี 2566 ที่สหรัฐอเมริกา https://thailovercars.com/howto-car/7541
เว็บไซต์ iSeeCar เผยผลสำรวจรถยนต์ที่มีมูลค่าลดลงมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยพบว่ารถยนต์ซาลูนหรูสัญชาติอิตาลีอย่าง Maserati Quattroporte มีมูลค่าลดลงมากที่สุดถึง 64.5% ในช่วงระยะเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น
iSeeCar ได้ทำการวิเคราะห์รถยนต์กว่า 1.1 ล้านคันที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2022 ไปจนถึงเดือนตุลาคม 2023 โดยมีการตรวจสอบมูลค่าของรถแต่ละคันย้อนหลังเป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อแสดงให้เห็นว่ารถแต่ละคันมีการเสื่อมมูลค่าแตกต่างกันออกไป
Maserati Quattroporte ขึ้นชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ราคาตกมากที่สุดในสหรัฐฯ
เว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นกลุ่มรถยนต์ที่มีการเสื่อมมูลค่ามากที่สุดเฉลี่ย 49.1% ในปี 2023 ตามด้วยกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์แบบ SUV มีการเสื่อมมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 41.2% และกลุ่มรถยนต์ไฮบริดอยู่ที่ 37.4% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรวมรถทุกประเภทอยู่ที่ 38.8%
ทั้งนี้ ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่ารถยนต์สัญชาติอิตาลีอย่าง Maserati ถูกจัดติดอันดับถึง 3 รุ่นใน 10 อันดับแรก ขณะที่แบรนด์ยอดนิยมอย่าง BMW ก็ติดอันดับถึง 3 รุ่นเช่นกัน ขณะที่แบรนด์หรูจากญี่ปุ่นอย่าง Infiniti ในเครือ Nissan และแบรนด์อเมริกันอย่าง Cadillac ก็ถูกจัดติดอันดับเป็นหนึ่งในท็อป 10 ด้วยเช่นกัน
25 อันดับรถยนต์ที่มูลค่าเสื่อมมากที่สุดในช่วงระยะเวลา 5 ปี
- Maserati Quattroporte – 64.5%
 - BMW 7 Series – 61.8%
 - Maserati Ghibli – 61.3%
 - BMW 5 Series (hybrid) – 58.8%
 - Cadillac Escalade ESV – 58.5%
 - BMW X5 – 58.2%
 - Infiniti QX80 – 58.1%
 - Maserati Levante – 57.8%
 - Jaguar XF – 57.6%
 - Audi A7 – 57.2%
 - Audi Q7 – 56.8%
 - Cadillac Escalade – 56.5%
 - Audi A6 – 56.3%
 - Volvo S90 – 55.8%
 - Nissan Armada – 55.7%
 - Mercedes-Benz S-Class – 55.7%
 - Lincoln Navigation L – 55.5%
 - Mercedes-Benz GLS – 55.5%
 - Tesla Model S – 55.5%
 - BMW 5 Series – 55.3%
 - BMW X5 – 54.7%
 - Lincoln Navigator – 54.7%
 - BMW X5 M – 54.0%
 - Land Rover Range Rover – 53.9%
 - Cadillac XT5 – 53.9%
 
	    	
		    
