ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 อันดับยอดขายรถยนต์ในจีน Sedan, SUV และ MPV
January 23, 2025

Share
10 อันดับยอดขายรถยนต์ในจีน Sedan, SUV และ MPV ในปี 2024 ปริมาณการขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลภายในประเทศของจีนอยู่ที่ 22.608 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 3.1% โดยเฉพาะปริมาณการขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล แบรนด์จีนขายอยู่ที่ 17.97 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 23.1% ปริมาณการขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแบรนด์ไฮเอนด์ที่ผลิตในประเทศอยู่ที่ 4.738 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
10 อันดับยอดขายรถยนต์ในจีนประเภท Sedan และ Hatchback
BYD Qin Plus ครองอันดับหนึ่งด้วยยอดขาย 480,025 คันตลอดทั้งปี เพิ่มขึ้น 10.6% จากปีก่อน คิดเป็นยอดขายเฉลี่ยต่อเดือน 40,000 คัน โดย 304,388 คันเป็นรุ่น PHEV และ 175,637 คันเป็นรุ่น EV นอกจากจะเป็นรถเก๋งที่ขายดีที่สุดในปี 2024 แล้ว BYD Qin Plus ยังเป็นรถที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับสองในจีน รองจาก Tesla Model Y
| อันดับ | รุ่น | ยอดขาย (คัน) | 
| 1 | BYD Qin Plus | 480,025 | 
| 2 | BYD Seagull | 453,593 | 
| 3 | Nissan Sylphy | 342,395 | 
| 4 | Volkswagen Lavida | 322,933 | 
| 5 | SGMW Wuling Hongguang Mini EV | 261,141 | 
| 6 | Volkswagen Passat | 246,007 | 
| 7 | Volkswagen Sagitar | 241,127 | 
| 8 | BYD Qin L | 229,591 | 
| 9 | BYD Han | 228,713 | 
| 10 | BYD Destroyer 05 | 217,232 | 
10 อันดับยอดขายรถยนต์ในจีนประเภท SUV
Tesla Model Y ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งด้วยยอดขาย 480,309 คันในประเทศจีน ตามมาติดๆ ด้วย BYD Song Plus ด้วยยอดขาย 418,474 คัน Aito M7 และ Li L6 ก็ติด 10 อันดับแรกเช่นกัน โดย M7 เป็นรุ่นแรกของ Aito ที่ติด อันดับแรก โดยขายได้ 193,342 คัน
| อันดับ | รุ่น | ยอดขาย (คัน) | 
| 1 | Tesla Model Y | 480,309 | 
| 2 | BYD Song Plus | 418,474 | 
| 3 | BYD Yuan Plus | 275,223 | 
| 4 | BYD Song Pro | 241,598 | 
| 5 | Geely Xingyue L | 219,892 | 
| 6 | Changan CS75 Plus | 218,353 | 
| 7 | Toyota Frontlander | 204,847 | 
| 8 | Toyota RAV4 | 193,402 | 
| 9 | Aito M7 | 193,342 | 
| 10 | Li L6 | 192,257 | 
10 อันดับยอดขายรถยนต์ในจีนประเภท MPV
ยอดขายปลีกรถยนต์ MPV ในประเทศจีนประจำปี 2024 อยู่ที่ 1.088 ล้านคัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามข้อมูลของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (CPCA) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BYD Denza D9 ครองแชมป์ยอดขายรถยนต์ MPV เป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน
| อันดับ | รุ่น | ยอดขาย (คัน) | 
| 1 | BYD Denza D9 | 102,951 | 
| 2 | Toyota Sienna | 89,450 | 
| 3 | Toyota Granvia | 78,687 | 
| 4 | GAC Trumpchi M8 | 65,126 | 
| 5 | Buick GL8 | 64,688 | 
| 6 | Dongfeng Voyah Dreamer | 55,117 | 
| 7 | GAC Trumpchi M6 | 50,126 | 
| 8 | GAC Trumpchi E8 | 49,163 | 
| 9 | Honda Odyssey | 31,980 | 
| 10 | SGMW Wuling Jiachen | 26,915 | 
ปัญหารถติดในอินเดีย ทำคนอยากซื้อรถเกียร์ออโต้มากขึ้น จากนี้แข่งหนักแน่ เพื่อแย่งแชร์ในตลาด
By
–
12/09/2017
หนึ่งในปัญหาใหญ่ในเขตเมืองใหญ่ของอินเดียตอนนี้คือ “รถติดมาก” 1 ชั่วโมง ไปได้แค่ 5 กิโลฯ ทำเอาคนอินเดียหน่ายกับการขับรถเกียร์ธรรมดา เลยเปลี่ยนไปเป็นเกียร์ออโต้กันก็ไม่น้อย แต่แม้ภาพรวมตลาดยังไม่โต หลายๆ แบรนด์ก็เตรียมลุยตลาดอินเดียกันแล้ว

จาก “ปัญหาจราจรในอินเดีย” ถึง “ยอดขายรถยนต์เกียร์ออโต้”
ในอินเดียตอนนี้ปัญหารถติดเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของประเทศ ชนิดที่ว่าระยะทาง 5 กิโลฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการเดินทาง พูดง่ายๆ คือ ถ้าลงเดินก็จะเร็วกว่าขับรถอย่างแน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองคือ ปัญหาการจราจรยอดแย่ในอินเดียในช่วงนี้ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์เกียร์ออโต้พุ่งสูงขึ้น
“ปัญหาการจราจรที่ติดขัดนี้ถือเป็นแรงผลักที่สำคัญของตลาดรถยนต์เกียร์ออโต้ของอินเดีย”
ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาได้ว่า “ยอดขายรถยนต์เกียร์ออโต้ที่พุ่งสูงขึ้น” ย่อมเป็นข่าวดีของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายต่างๆ ที่จะเข้ามาเล่นในตลาดรถยนต์อินเดีย โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2020 ตลาดอินเดียจะมีมูลค่าสูงถึง 30,000 ล้านเหรียญ (เกือบ 1 ล้านล้านบาท) และจะเป็นตลาดที่มียอดขายเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองเพียงจีนและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แบรนด์ที่เห็นในตลาดอินเดียเท่าที่เห็นตอนนี้ก็มี Maruti Suzuki India (รายนี้มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่สุดในอินเดียอยู่ที่ประมาณ 50% ของตลาด) ตามมาด้วย Hyundai Motors, M&M, Toyota, Honda และ Tata
ยอดขายรถยนต์เกียร์ออโต้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำให้แบรนด์รถยนต์ต่างประเทศรายอื่นๆ ที่สนใจอินเดียเข้ามาทำตลาดกันเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน

ดูได้จากการที่ SAIC Motor ซึ่งมียอดขายรถยนต์เกียร์ออโต้มากที่สุดในโลกจากจีนก็มีแผนจะบุกอินเดียและเอเชียใต้ในปี 2019 ส่วน KIA Motors จากเกาหลีใต้ก็มีแผนเตรียมบุกตลาดรถยนต์เกียร์ออโต้ในอินเดียเช่นเดียวกัน
ทีนี้ ถ้าย้อนไปดูสัดส่วนยอดขายรถยนต์เกียร์ออโต้ในอินเดียแบบจริงๆ จังๆ จะเห็นได้ว่าแม้จะมียอดขายเพิ่มมากขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อดูภาพรวมของตลาดรถยนต์ทั้งหมดแล้ว ยังถือว่าเป็นสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้น
นอกจากนั้น ถ้าเทียบราคารถยนต์เกียร์ธรรมดากับรถยนต์เกียร์ออโต้ในอินเดีย ส่วนต่างราคาก็อยู่ที่ประมาณ 120,000 รูปี (ประมาณ 62,000 บาท)
แต่ถึงที่สุดแล้ว ไม่ได้มีเพียงแค่ปัจจัยเรื่องปัญหาการจราจรเท่านั้นที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับตลาดรถยนต์เกียร์ออโต้ในอินเดีย แต่อีกปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้คือ “คนขับรถยนต์ที่เป็นผู้หญิง” มีเพิ่มมากขึ้นในอินเดีย Honda ถึงกับบอกว่าปัจจัยนี้ “จะเพิ่มยอดขายให้กับตลาดได้เป็นสัดส่วนถึง 25 – 30%”
แน่นอนว่า หลังจากนี้อินเดียจะมีรถยนต์เกียร์ออโต้มากขึ้นในตลาด และก็ดูเหมือนว่าแนวโน้มของตลาดน่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าด้วย แต่จะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องจับตาดู
	    	
		    



