• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2709217 วหน าส งข าวให กน อง แต ทำไมต วเองไม กล าก part 2

admin79 by admin79
September 26, 2025
in Uncategorized
0
N2709217 วหน าส งข าวให กน อง แต ทำไมต วเองไม กล าก part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

เช็ก 10 อันดับยี่ห้อรถขายดีสุดครึ่งปีแรก 68 ญี่ปุ่นยอดหด -EV จีนยอดพุ่ง

30 ก.ค. 2568 | 14:03 น.

อัปเดตล่าสุด :30 ก.ค. 2568 | 14:03 น.

เปิดตัวเลขยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรก 2568 เช็กเลยยี่ห้อใด แบรนด์ไหนขายดีสุด 10 อันดับแรก พร้อมส่องสถานการณ์ภาพรวมตลาดครึ่งปีหลัง รุ่งหรือร่วง

บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย รายงานตัวเลขยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรก 2568 (มกราคม -มิถุนายน) โดยตลาดรถยนต์รวมทำยอดขายได้ทั้งสิ้น  302,694 คัน ลดลง 1.7% กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง มียอดขาย 117,482 คัน ลดลง 1.5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดขาย  185,212 คัน ลดลง 1.8% และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 94,715 คัน ลดลง12.7% 

ขณะที่ตลาด xEV มียอดขาย 132,493 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43.8% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 21.8% ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ HEVอยู่ที่ 67,202 คัน ซึ่งยอดขายรวมอยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 56,529 คัน เติบโตขึ้น 54.5 % 

เมื่อมาดูแบรนด์รถยนต์ที่ยอดขายดี 5 อันดับแรก พบว่าอันดับ 1 ยังคงเป็นโตโยต้า ตามมาด้วย อีซูซุ และฮอนด้า ส่วนแบรนด์จากจีนอย่าง บีวายดี อยู่อันดับ 4 และมิตซูบิชิ อยู่อันดับ 5 ทั้งนี้ยอดขายจากแบรนด์ญี่ปุ่นนั้นลดลง แต่ในส่วนของแบรนด์จีน ยังคงมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง

เปิด 10 อันดับยี่ห้อรถขายดีสุดครึ่งปีแรก มกราคม -มิถุนายน 2568 

เปิด 10 อันดับยี่ห้อรถขายดีสุดครึ่งปีแรก มกราคม -มิถุนายน 2568เปิด 10 อันดับยี่ห้อรถขายดีสุดครึ่งปีแรก มกราคม -มิถุนายน 2568

ศก.ความเชื่อมั่นฟื้นตัวช้า-ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ปัจจัยเสี่ยงกระทบตลาดรถ

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2568 โดยระบุว่า แนวโน้มทรงตัว หรือลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยเศรษฐกิจโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงฟื้นตัวช้า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนอาจลดหรือชะลอการลงทุนและการใช้จ่ายออกไป เพื่อรอความชัดเจนด้านต่างๆ จากสถานการณ์ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้า รวมถึงความไม่แน่นอนระหว่างสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา

อย่างไรก็ดีโตโยต้ายังคงคาดการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ในปี 2568 ไว้ที่ระดับ 600,000 คัน โดยในส่วนของโตโยต้า ตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 231,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% และมีส่วนแบ่งทางการตลาด 38.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด โดยในครึ่งปีหลัง โตโยต้ามีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรุ่น ทั้งในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงตลาด xEV ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทย

โตโยต้า เตรียมเปิดตัวใหม่หลายรุ่น ทั้งรถยนต์นั่ง รถเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงตลาด xEVโตโยต้า เตรียมเปิดตัวใหม่หลายรุ่น ทั้งรถยนต์นั่ง รถเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงตลาด xEV

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

3 เดือนที่แล้ว

ยอดผลิตรถยนต์เดือนพ.ค.68 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 21 เดือน

3 เดือนที่แล้ว

เจาะยอดขายรถ 5 เดือนปี 68 เช็กเลยยี่ห้อใดขายดี 10 อันดับแรก

2 เดือนที่แล้ว

ยอดขายรถมอเตอร์ไซค์โตสวนเศรษฐกิจ คาดทั้งปีเพิ่ม 3% แถมซื้อเงินสดเพิ่ม

2 เดือนที่แล้ว

รถจีนติดอาวุธ ดันยอดขายครึ่งปีแรกโต MG-GWM รุมบี้ฟอร์ด

2 เดือนที่แล้ว

ส.อ.ท.จับตาภาษีทรัมป์ ป่วนอุตฯยานยนต์ ยอดส่งออกร่วง ลดเป้าผลิตปี 2568 เหลือ 1.45 ล้านคัน

ส.อ.ท.ปรับเป้าการผลิตรถยนต์จาก 1.5 ล้านคันเป็น 1.45 ล้านคัน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ได้มีการปรับเป้าผลิตรถยนต์ของปี 2568 จากเดิมที่ตั้งไว้ 1,500,000 คัน ก็ได้ปรับลดลงเป็น 1,450,000 คัน หรือ ลดลง 50,000 คัน โดยเป็นการปรับเป้าเฉพาะผลิตเพื่อส่งออก 5 % จาก 1,000,000 คันเป็น 950,000 คัน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับลดเป้าหมายการผลิตเพื่อการส่งออก ประกอบไปด้วย

  • มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อมูลค่าการค้าโลกภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อและยอดจำหน่ายรถยนต์ลดลง
  • การเพิ่มความเข้มงวดด้านข้อกำหนดการปล่อยคาร์บอน
  • การยุติการผลิตรถยนต์บางรุ่นเพื่อปรับไลน์การผลิตสู่รุ่นใหม่
  • ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคของโลก
  • การรุกตลาดของรถยนต์ในประเทศคู่ค้า ซึ่งเพิ่มการแข่งขันและกดดันยอดขาย

ส.อ.ท.ปรับเป้าการผลิตรถยนต์จาก 1.5 ล้านคันเป็น 1.45 ล้านคันส.อ.ท.ปรับเป้าการผลิตรถยนต์จาก 1.5 ล้านคันเป็น 1.45 ล้านคัน

10 สุดยอดรถขายดีตลอด 30 ปีที่ญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง เรามาดูกัน

Written by Ridebuster_Team on 3 มกราคม 2019

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูว่า 10 อันดับสุดยอดรถยนต์ขายดีตลอด 30 ปีที่ญี่ปุ่น ประเทศอันขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ผลิตรถอันดับต้นของโลก คนในประเทศนี้ซื้อหารถแบบไหนมาใช้งาน

ปีใหม่ทั้งที่เราเชื่อว่าผู้อ่านคงอยากเสพข่าวใหม่ๆ อัพเดทสถานการณ์รถที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2019 นี้ แต่ความจริงช่วงนี้ข่าวคราวเงียบเหลือเกิน เราจึงนำเสนอบทความที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อย่างเรื่อง 10 สุดยอดรถยนต์ขายดีตลอด 30 ปี ณ ประเทศญี่ปุ่น รอลุ้นรอเชียร์กันว่ารถในดวงใจของท่านคันใดบางจะเข้าวิน

อันดับ 10 – Mazda Demio (Mazda 2) เริ่มขายปี 1996-ปัจจุบัน 1,481,660 คัน

Mazda Demio เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงปี 1996 ตอนที่ญี่ปุ่นอยู่ในปัญหาฟองสบู่พอดี โดยมาสด้าตั้งใจออกแบบ Mazda 2 ให้เป็นรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เหมาะกับการใช้งานในเมือง ที่สำคัญราคาต้องเป็นมิตรกับผู้ซื้อ ทำเอาคนญี่ปุ่นปลาบปลื้มอุดหนุนกันเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ คนไทยได้มีโอกาสใช้ Mazda 2 ครั้งแรกในเจนเนเรชั่นที่ 3 จวบจนถึงปัจจุบันที่อยู่ในยุค SkyActiv อันมีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวสะดุดตา ภายในก็ยกระดับขึ้นจนหรูเหนือคู่แข่ง รวมถึงสมรรถนะเครื่องยนต์ และการขับขี่สุดสปอร์ต ทำให้ Mazda Demio เป็นที่นิยมทั้งญี่ปุ่น และไทยอย่างต่อเนื่อง

Honda StepWagon Modulo X

อันดับ 9 – Honda Step Wagon – เริ่มขายปี 1996-ปัจจุบัน 1,563,878 คัน

เจ้าของชื่อ “รถตู้ปลา” หรือนามทางการ Honda Step Wagon มีอายุถึง 30 ปี ตั้งแต่เปิดตัวเจนฯ แรก โดยรถเอ็มพีวีคันนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อบรรทุกผู้โดยสารให้รู้สึกสบายที่สุด มันจึงมีโครงหลังคาสูงกับกระจกหน้าต่างบานใหญ่โต ขณะเดียวกัน ราคาก็ต้องอยู่ในระดับต่ำเพื่อให้ลูกค้าเลือกมันมาเป็นรถรับใช้คนในบ้าน

อย่างไรก็ตาม ในเจนฯ 2 ของ Honda Step Wagon อาจขายไม่ค่อยดี เพราะมีคู่แข่งเช่น Toyota Noah/Voxy กับ Nissan Serena เข้ามาแย่งชิงยอดขาย ส่วนในไทยก็มีตอนยุคปี 2005 ที่เกรย์มาร์เก็ตเคยเอาเข้ามาจำหน่าย และไม่นานมานี้ก็มีพักนึงที่ฮอนด้านำเข้ารถเจนฯ 4 มาขายทำราคาช่วงแรกสองล้านต้นๆ จนสุดท้ายหั่นเหลือราว 1.89 ล้านบาท

อันดับ 8 – Toyota Estima – เริ่มขาย 1990-ปัจจุบัน 1,791,777 คัน

ชาวไทยหลายคนคุ้นเคยกับรถเอ็มพีวีลำตัวยาวเตี้ยหน้าแหลม ที่ใช้ชื่อ Toyota Estima เป็นอย่างดี เพราะในช่วงที่เกรย์มาร์เก็ตกำลังขายดีเทน้ำเททา เจ้ารถครอบครัวรุ่นนี้ก็เป็นอีกโมเดลหนึ่งที่ช่วยสร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำ แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้มันกลับเลือนหายไปจากท้องถนนเมืองไทย

สำหรับที่ญี่ปุ่นนั้น Toyota Estima ถูกเปิดตัวเมื่อปี 1990 วางตำแหน่งการขายอยู่ในกลุ่มมินิแวนสายหรู ตั้งราคาเริ่มที่ 3 ล้านเยน (ราว 9 แสนบาท) พร้อมกับรุ่นย่อย 3 แบบ ต่อมาในปี 1992 ก็เพิ่มรุ่น Lucida กับ Emina ที่ต่างกันทั้งขนาดตัวรถ และขุมพลังที่ใช้ขับเคลื่อน ซึ่งตอนนั้นมันถูกขายได้มากถึง 1 แสนคันต่อปีเลยทีเดียว

สถานการณ์ของ Toyota Estima ในเจนฯ ที่ 3 ซึ่งเปิดตัวตอนปี 2006 ไม่ได้สวยหรูเหมือนกับรุ่นเก่า ยอดขายมีแนวโน้มถดถอยลงเรื่อยๆ หรือนี่ใกล้ถึงคราวสิ้นสุดของ Estima…

รถญี่ปุ่น

อันดับ 7 – Toyota Mark II – เริ่มขาย 1984-2007 1,943,933 คัน

Toyota Mark II รถซีดานกลางตัวหรูอันมีประวัติยาวนานกว่า 51 ปี เป็นยานพาหนะที่ได้รับความนิยมจากชาวแดนปลาดิบอย่างมาก โดยเจ้า Mark II มีพี่น้องอีก 2 คัน คือ Chaser กับ Cresta ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น รถซีดานกลางที่ดีที่สุดที่คนทั่วไปซื้อมาใช้ได้ ซึ่งรถรหัส X70 ที่ขายตั้งแต่ปี 1984 เป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จสูงสุด

อย่างไรก็ดี เมื่อ Mark II ถึงรหัส X110 เจนฯ 9 ก็กลายเป็นรุ่นสุดท้ายที่ออกจำหน่าย ทว่าโตโยต้าก็ไม่ได้ละทิ้งมัน หากแต่เปลี่ยนไปใช้ชื่อ Toyota Mark X ทำตลาดตั้งแต่ปี 2004 จวบจนถึงปัจจุบัน

MARCH

อันดับ 6 – Nissan March – เริ่มขาย 1982-ปัจจุบัน 2,118,450 คัน

Nissan March รถยนต์อีโคคาร์คันแรกที่โลดแล่นบนผืนแผ่นดินไทยเมื่อปี 2010 แต่รถคันนี้ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มต้นตอนปี 1982 ใช้ชื่อว่า Datsun Micra ส่งออกไปขายที่ยุโรป รวมถึงในประเทศบ้านเกิด มีผลตอบรับดีงามไม่แพ้รถแฮทช์แบ็คสัญชาติยุโรป

ต่อมาจนถึงเจนเนเรชั่นที่ 4 นิสสันได้โยกย้ายการผลิตจากญี่ปุ่นมาไว้ที่โรงงานนิสสันริมถนนบางนา-ตราด ในไทย เพื่อส่งกลับไปขายยังแดนปลาดิบ ซึ่งเป็นเวลากว่า 8 ปีแล้วที่ March ไม่ได้ปรับโฉมใหญ่อะไรเลย เนื่องจากลูกค้าหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันขาดเสน่ห์ไม่เหมือนกับมาร์ชเจนฯ ก่อนๆ

อันดับ 5 – Toyota Vitz (Yaris) – เริ่มขาย 1999-ปัจจุบัน 2,158,043 คัน

อีกหนึ่งรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ที่คนไทยนิยมชมชอบจากค่ายพี่โตฯ นั่นก็คือ Toyota Vitz ชื่อญี่ปุ่น แต่ที่ไทยเรียก Yaris โดยในญี่ปุ่นเองสามารถทำยอดขายได้สูงสุด 1 แสนคัน ตั้งแต่เปิดตัวจนถึงปี 2002 หลังจากนั้นเจนฯ 2 ก็เปิดตัวปี 2005 และเจนฯ 3 เผยโฉมปี 2010

ในประเทศไทยเราได้ใช้ Toyota Yaris เจนฯ 2 อันเป็นโฉมเดียวกับญี่ปุ่น ซึ่งก็ทำยอดขายตลอดการขายได้น่าประทับใจเสมอมา แต่ตอนหลังโตโยต้าได้พัฒนารถอีโคคาร์ใหม่ แล้วนำชื่อ Yaris มาสวมแยกต่างกับรถโมเดลญี่ปุ่น และยุโรปโดยสิ้นเชิง

Toyota Prius 2019

อันดับ 4 – Toyota Prius – เริ่มขาย 1997-ปัจจุบัน 2,543,670 คัน

รถไฮบริดคันแรกของโลกมีชื่อว่า Toyota Prius ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้แก่วงการยานยนต์นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวในปี 1997 ด้วยราคาเริ่มต้น 2.15 ล้านเยน (ราว 6.47 แสนบาท) กับประสิทธิภาพจากขุมพลังเบนซินที่ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงขนาดตัวอันกะทัดรัด และมีห้องโดยสารที่กว้างขวางพอดีกับตัวรถ ทำให้ลูกค้าลูกค้าชาวญี่ปุ่นแห่ซื้อรถไปมาถึง 7 หมื่นคัน ภายใน 6 ปีแรก

ปัจจุบัน Toyota Prius ดำเนินมาถึงเจนฯ 4 ที่สร้างบนพื้นฐาน TNGA ซึ่งคนไทยหมดโอกาสใช้ ได้ครอบครองเพียงรถเจนฯ 3 เท่าที่ยังพอเห็นได้บนถนน ทั้งเป็นรถส่วนตัว และรถแท็กซี่ที่วิ่งโดยบริษัท All Thai Taxi

รถญี่ปุ่น

อันดับ 3 – Toyota Crown – เริ่มขาย 1955-ปัจจุบัน 2,617,150 คัน

รถซีดานระดับผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของโตโยต้า คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Toyota Crown ที่สืบสานความสำเร็จมายาวนานถึง 64 ปี จนถึงปัจจุบันได้ผ่านมา 15 เจนเนเรชั่น สำหรับรุ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคือเจนฯ 8 ที่เปิดตัวในปี 1987 ขายไปได้ถึง 2 แสนคันต่อปี

บ้านเราอาจพบเห็น Toyota Crown บ้างประปราย เพราะยุคหนึ่งที่บริษัทญี่ปุ่นเข้ามาเปิดตลาดในไทยกันจำนวนมาก บรรดาผู้บริหารก็ได้นำรถซีดานรุ่นตำนานมาใช้ในงานธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายคนตามหาซื้อมาเก็บไว้เป็นรถในคอลเลกชั่นสะสม

รถเครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร

อันดับ 2 – Honda Fit (Jazz) – เริ่มขาย 2001-ปัจจุบัน 2,757,508 คัน

Honda Fit ก่อกำเนิดจากคอนเซบป์ ‘Center Tank’ ที่นำถังน้ำมันไปวางไว้ข้างใต้รถตรงกลางพอดี ผลคือห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างขวาง คนนั่งก็รู้สึกสบาย แล้วเวลาใส่ของจำนวนมากยังทำได้ดีอีกต่างหาก ทั้งหมดทำให้ในปี 2002 เจ้าฮอนด้า ฟิต สามารถทำยอดขายอันดับหนึ่งแซง Toyota Corolla ที่ครองแชมป์มานานถึง 33 ปีลงได้

ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นเท่านั้นที่นิยมรถรุ่นนี้ เพราะในไทย Honda Jazz ที่ต่างกันเพียงชื่อ ก็สืบทอดความสำเร็จมาตั้งแต่เจนฯ แรกที่เข้ามาสู่ประเทศไทย จวบจนถึงเจนฯ 3 รุ่นปัจจุบัน สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่กลุ่มรถซัพคอมแพ็คเครื่องเบนซินพันห้า

อันดับ 1 – Toyota Corolla (Altis) – เริ่มขาย 1966-ปัจจุบัน 5,111,389 คัน

และแล้วก็มาถึงอันดับที่ 1 ของรถยนต์ขายดีตลอด 30 ปี แห่งประเทศญี่ปุ่น รวมถึงขายดีในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรถคันนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Toyota Corolla รถคอมแพ็คซีดานที่ดำเนินมาถึงเจนเนเรชั่นที่ 12

จากข้อมูล Toyota Corolla ทำยอดขายสูงสุดที่เกินกว่า 3 แสนคันต่อปี ได้มากถึง 11 ครั้ง ถึงบางปีจะขายไม่ถึงจุดสูงสุด แต่ยังอยู่ในเรท 1 แสนคันต่อปีได้แบบสบายๆ ยิ่งกับโมเดลล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวก็คาดการณ์ว่าจะฟันยอดขายได้สูงเช่นกัน ส่วนประเทศไทยนั้นในปีนี้เราจะได้เจอกับ Corolla Altis โฉมใหม่อย่างแน่นอน

Previous Post

N2709216 มาแสดงความย นด แต กล บโดนแบบน part 2

Next Post

N2709218 สะใภ ไล แม วออกจากบ าน เพราะอะไร part 2

Next Post
N2709218 สะใภ ไล แม วออกจากบ าน เพราะอะไร part 2

N2709218 สะใภ ไล แม วออกจากบ าน เพราะอะไร part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0511139 แม กแต องชาย part 2
  • N0511138 ไม าจะเร ยกคนข เผ อกหร อคนข งกด part 2
  • N0511134 เล ยงหลานตามเพศท เก part 2
  • N0511137 ความอดทนของคนม นก หมดก นบ าง part 2
  • N0511132 สะใภ ทำงานหาเง นจนไม เวลามาด แลเเม part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.