ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
เช็ก 10 อันดับยี่ห้อรถขายดีสุดครึ่งปีแรก 68 ญี่ปุ่นยอดหด -EV จีนยอดพุ่ง
30 ก.ค. 2568 | 14:03 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ค. 2568 | 14:03 น.
เปิดตัวเลขยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรก 2568 เช็กเลยยี่ห้อใด แบรนด์ไหนขายดีสุด 10 อันดับแรก พร้อมส่องสถานการณ์ภาพรวมตลาดครึ่งปีหลัง รุ่งหรือร่วง
บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย รายงานตัวเลขยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรก 2568 (มกราคม -มิถุนายน) โดยตลาดรถยนต์รวมทำยอดขายได้ทั้งสิ้น 302,694 คัน ลดลง 1.7% กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง มียอดขาย 117,482 คัน ลดลง 1.5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดขาย 185,212 คัน ลดลง 1.8% และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 94,715 คัน ลดลง12.7%
ขณะที่ตลาด xEV มียอดขาย 132,493 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43.8% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 21.8% ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ HEVอยู่ที่ 67,202 คัน ซึ่งยอดขายรวมอยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 56,529 คัน เติบโตขึ้น 54.5 %
เมื่อมาดูแบรนด์รถยนต์ที่ยอดขายดี 5 อันดับแรก พบว่าอันดับ 1 ยังคงเป็นโตโยต้า ตามมาด้วย อีซูซุ และฮอนด้า ส่วนแบรนด์จากจีนอย่าง บีวายดี อยู่อันดับ 4 และมิตซูบิชิ อยู่อันดับ 5 ทั้งนี้ยอดขายจากแบรนด์ญี่ปุ่นนั้นลดลง แต่ในส่วนของแบรนด์จีน ยังคงมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง
เปิด 10 อันดับยี่ห้อรถขายดีสุดครึ่งปีแรก มกราคม -มิถุนายน 2568
เปิด 10 อันดับยี่ห้อรถขายดีสุดครึ่งปีแรก มกราคม -มิถุนายน 2568
ศก.ความเชื่อมั่นฟื้นตัวช้า-ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ปัจจัยเสี่ยงกระทบตลาดรถ
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2568 โดยระบุว่า แนวโน้มทรงตัว หรือลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยเศรษฐกิจโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงฟื้นตัวช้า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนอาจลดหรือชะลอการลงทุนและการใช้จ่ายออกไป เพื่อรอความชัดเจนด้านต่างๆ จากสถานการณ์ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้า รวมถึงความไม่แน่นอนระหว่างสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา
อย่างไรก็ดีโตโยต้ายังคงคาดการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ในปี 2568 ไว้ที่ระดับ 600,000 คัน โดยในส่วนของโตโยต้า ตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 231,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% และมีส่วนแบ่งทางการตลาด 38.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด โดยในครึ่งปีหลัง โตโยต้ามีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรุ่น ทั้งในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงตลาด xEV ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทย
โตโยต้า เตรียมเปิดตัวใหม่หลายรุ่น ทั้งรถยนต์นั่ง รถเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงตลาด xEV
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยอดผลิตรถยนต์เดือนพ.ค.68 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 21 เดือน
เจาะยอดขายรถ 5 เดือนปี 68 เช็กเลยยี่ห้อใดขายดี 10 อันดับแรก
ยอดขายรถมอเตอร์ไซค์โตสวนเศรษฐกิจ คาดทั้งปีเพิ่ม 3% แถมซื้อเงินสดเพิ่ม
รถจีนติดอาวุธ ดันยอดขายครึ่งปีแรกโต MG-GWM รุมบี้ฟอร์ด
ส.อ.ท.จับตาภาษีทรัมป์ ป่วนอุตฯยานยนต์ ยอดส่งออกร่วง ลดเป้าผลิตปี 2568 เหลือ 1.45 ล้านคัน
ส.อ.ท.ปรับเป้าการผลิตรถยนต์จาก 1.5 ล้านคันเป็น 1.45 ล้านคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ได้มีการปรับเป้าผลิตรถยนต์ของปี 2568 จากเดิมที่ตั้งไว้ 1,500,000 คัน ก็ได้ปรับลดลงเป็น 1,450,000 คัน หรือ ลดลง 50,000 คัน โดยเป็นการปรับเป้าเฉพาะผลิตเพื่อส่งออก 5 % จาก 1,000,000 คันเป็น 950,000 คัน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับลดเป้าหมายการผลิตเพื่อการส่งออก ประกอบไปด้วย
- มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อมูลค่าการค้าโลกภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อและยอดจำหน่ายรถยนต์ลดลง
 - การเพิ่มความเข้มงวดด้านข้อกำหนดการปล่อยคาร์บอน
 - การยุติการผลิตรถยนต์บางรุ่นเพื่อปรับไลน์การผลิตสู่รุ่นใหม่
 - ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคของโลก
 - การรุกตลาดของรถยนต์ในประเทศคู่ค้า ซึ่งเพิ่มการแข่งขันและกดดันยอดขาย
 
ส.อ.ท.ปรับเป้าการผลิตรถยนต์จาก 1.5 ล้านคันเป็น 1.45 ล้านคัน
10 สุดยอดรถขายดีตลอด 30 ปีที่ญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง เรามาดูกัน
Written by Ridebuster_Team on 3 มกราคม 2019
วันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูว่า 10 อันดับสุดยอดรถยนต์ขายดีตลอด 30 ปีที่ญี่ปุ่น ประเทศอันขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ผลิตรถอันดับต้นของโลก คนในประเทศนี้ซื้อหารถแบบไหนมาใช้งาน
ปีใหม่ทั้งที่เราเชื่อว่าผู้อ่านคงอยากเสพข่าวใหม่ๆ อัพเดทสถานการณ์รถที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2019 นี้ แต่ความจริงช่วงนี้ข่าวคราวเงียบเหลือเกิน เราจึงนำเสนอบทความที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อย่างเรื่อง 10 สุดยอดรถยนต์ขายดีตลอด 30 ปี ณ ประเทศญี่ปุ่น รอลุ้นรอเชียร์กันว่ารถในดวงใจของท่านคันใดบางจะเข้าวิน

อันดับ 10 – Mazda Demio (Mazda 2) เริ่มขายปี 1996-ปัจจุบัน 1,481,660 คัน
Mazda Demio เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงปี 1996 ตอนที่ญี่ปุ่นอยู่ในปัญหาฟองสบู่พอดี โดยมาสด้าตั้งใจออกแบบ Mazda 2 ให้เป็นรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เหมาะกับการใช้งานในเมือง ที่สำคัญราคาต้องเป็นมิตรกับผู้ซื้อ ทำเอาคนญี่ปุ่นปลาบปลื้มอุดหนุนกันเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ คนไทยได้มีโอกาสใช้ Mazda 2 ครั้งแรกในเจนเนเรชั่นที่ 3 จวบจนถึงปัจจุบันที่อยู่ในยุค SkyActiv อันมีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวสะดุดตา ภายในก็ยกระดับขึ้นจนหรูเหนือคู่แข่ง รวมถึงสมรรถนะเครื่องยนต์ และการขับขี่สุดสปอร์ต ทำให้ Mazda Demio เป็นที่นิยมทั้งญี่ปุ่น และไทยอย่างต่อเนื่อง

อันดับ 9 – Honda Step Wagon – เริ่มขายปี 1996-ปัจจุบัน 1,563,878 คัน
เจ้าของชื่อ “รถตู้ปลา” หรือนามทางการ Honda Step Wagon มีอายุถึง 30 ปี ตั้งแต่เปิดตัวเจนฯ แรก โดยรถเอ็มพีวีคันนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อบรรทุกผู้โดยสารให้รู้สึกสบายที่สุด มันจึงมีโครงหลังคาสูงกับกระจกหน้าต่างบานใหญ่โต ขณะเดียวกัน ราคาก็ต้องอยู่ในระดับต่ำเพื่อให้ลูกค้าเลือกมันมาเป็นรถรับใช้คนในบ้าน
อย่างไรก็ตาม ในเจนฯ 2 ของ Honda Step Wagon อาจขายไม่ค่อยดี เพราะมีคู่แข่งเช่น Toyota Noah/Voxy กับ Nissan Serena เข้ามาแย่งชิงยอดขาย ส่วนในไทยก็มีตอนยุคปี 2005 ที่เกรย์มาร์เก็ตเคยเอาเข้ามาจำหน่าย และไม่นานมานี้ก็มีพักนึงที่ฮอนด้านำเข้ารถเจนฯ 4 มาขายทำราคาช่วงแรกสองล้านต้นๆ จนสุดท้ายหั่นเหลือราว 1.89 ล้านบาท
อันดับ 8 – Toyota Estima – เริ่มขาย 1990-ปัจจุบัน 1,791,777 คัน
ชาวไทยหลายคนคุ้นเคยกับรถเอ็มพีวีลำตัวยาวเตี้ยหน้าแหลม ที่ใช้ชื่อ Toyota Estima เป็นอย่างดี เพราะในช่วงที่เกรย์มาร์เก็ตกำลังขายดีเทน้ำเททา เจ้ารถครอบครัวรุ่นนี้ก็เป็นอีกโมเดลหนึ่งที่ช่วยสร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำ แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้มันกลับเลือนหายไปจากท้องถนนเมืองไทย
สำหรับที่ญี่ปุ่นนั้น Toyota Estima ถูกเปิดตัวเมื่อปี 1990 วางตำแหน่งการขายอยู่ในกลุ่มมินิแวนสายหรู ตั้งราคาเริ่มที่ 3 ล้านเยน (ราว 9 แสนบาท) พร้อมกับรุ่นย่อย 3 แบบ ต่อมาในปี 1992 ก็เพิ่มรุ่น Lucida กับ Emina ที่ต่างกันทั้งขนาดตัวรถ และขุมพลังที่ใช้ขับเคลื่อน ซึ่งตอนนั้นมันถูกขายได้มากถึง 1 แสนคันต่อปีเลยทีเดียว
สถานการณ์ของ Toyota Estima ในเจนฯ ที่ 3 ซึ่งเปิดตัวตอนปี 2006 ไม่ได้สวยหรูเหมือนกับรุ่นเก่า ยอดขายมีแนวโน้มถดถอยลงเรื่อยๆ หรือนี่ใกล้ถึงคราวสิ้นสุดของ Estima…

อันดับ 7 – Toyota Mark II – เริ่มขาย 1984-2007 1,943,933 คัน
Toyota Mark II รถซีดานกลางตัวหรูอันมีประวัติยาวนานกว่า 51 ปี เป็นยานพาหนะที่ได้รับความนิยมจากชาวแดนปลาดิบอย่างมาก โดยเจ้า Mark II มีพี่น้องอีก 2 คัน คือ Chaser กับ Cresta ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น รถซีดานกลางที่ดีที่สุดที่คนทั่วไปซื้อมาใช้ได้ ซึ่งรถรหัส X70 ที่ขายตั้งแต่ปี 1984 เป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จสูงสุด
อย่างไรก็ดี เมื่อ Mark II ถึงรหัส X110 เจนฯ 9 ก็กลายเป็นรุ่นสุดท้ายที่ออกจำหน่าย ทว่าโตโยต้าก็ไม่ได้ละทิ้งมัน หากแต่เปลี่ยนไปใช้ชื่อ Toyota Mark X ทำตลาดตั้งแต่ปี 2004 จวบจนถึงปัจจุบัน

อันดับ 6 – Nissan March – เริ่มขาย 1982-ปัจจุบัน 2,118,450 คัน
Nissan March รถยนต์อีโคคาร์คันแรกที่โลดแล่นบนผืนแผ่นดินไทยเมื่อปี 2010 แต่รถคันนี้ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มต้นตอนปี 1982 ใช้ชื่อว่า Datsun Micra ส่งออกไปขายที่ยุโรป รวมถึงในประเทศบ้านเกิด มีผลตอบรับดีงามไม่แพ้รถแฮทช์แบ็คสัญชาติยุโรป
ต่อมาจนถึงเจนเนเรชั่นที่ 4 นิสสันได้โยกย้ายการผลิตจากญี่ปุ่นมาไว้ที่โรงงานนิสสันริมถนนบางนา-ตราด ในไทย เพื่อส่งกลับไปขายยังแดนปลาดิบ ซึ่งเป็นเวลากว่า 8 ปีแล้วที่ March ไม่ได้ปรับโฉมใหญ่อะไรเลย เนื่องจากลูกค้าหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันขาดเสน่ห์ไม่เหมือนกับมาร์ชเจนฯ ก่อนๆ

อันดับ 5 – Toyota Vitz (Yaris) – เริ่มขาย 1999-ปัจจุบัน 2,158,043 คัน
อีกหนึ่งรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ที่คนไทยนิยมชมชอบจากค่ายพี่โตฯ นั่นก็คือ Toyota Vitz ชื่อญี่ปุ่น แต่ที่ไทยเรียก Yaris โดยในญี่ปุ่นเองสามารถทำยอดขายได้สูงสุด 1 แสนคัน ตั้งแต่เปิดตัวจนถึงปี 2002 หลังจากนั้นเจนฯ 2 ก็เปิดตัวปี 2005 และเจนฯ 3 เผยโฉมปี 2010
ในประเทศไทยเราได้ใช้ Toyota Yaris เจนฯ 2 อันเป็นโฉมเดียวกับญี่ปุ่น ซึ่งก็ทำยอดขายตลอดการขายได้น่าประทับใจเสมอมา แต่ตอนหลังโตโยต้าได้พัฒนารถอีโคคาร์ใหม่ แล้วนำชื่อ Yaris มาสวมแยกต่างกับรถโมเดลญี่ปุ่น และยุโรปโดยสิ้นเชิง

อันดับ 4 – Toyota Prius – เริ่มขาย 1997-ปัจจุบัน 2,543,670 คัน
รถไฮบริดคันแรกของโลกมีชื่อว่า Toyota Prius ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้แก่วงการยานยนต์นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวในปี 1997 ด้วยราคาเริ่มต้น 2.15 ล้านเยน (ราว 6.47 แสนบาท) กับประสิทธิภาพจากขุมพลังเบนซินที่ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงขนาดตัวอันกะทัดรัด และมีห้องโดยสารที่กว้างขวางพอดีกับตัวรถ ทำให้ลูกค้าลูกค้าชาวญี่ปุ่นแห่ซื้อรถไปมาถึง 7 หมื่นคัน ภายใน 6 ปีแรก
ปัจจุบัน Toyota Prius ดำเนินมาถึงเจนฯ 4 ที่สร้างบนพื้นฐาน TNGA ซึ่งคนไทยหมดโอกาสใช้ ได้ครอบครองเพียงรถเจนฯ 3 เท่าที่ยังพอเห็นได้บนถนน ทั้งเป็นรถส่วนตัว และรถแท็กซี่ที่วิ่งโดยบริษัท All Thai Taxi

อันดับ 3 – Toyota Crown – เริ่มขาย 1955-ปัจจุบัน 2,617,150 คัน
รถซีดานระดับผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของโตโยต้า คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Toyota Crown ที่สืบสานความสำเร็จมายาวนานถึง 64 ปี จนถึงปัจจุบันได้ผ่านมา 15 เจนเนเรชั่น สำหรับรุ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคือเจนฯ 8 ที่เปิดตัวในปี 1987 ขายไปได้ถึง 2 แสนคันต่อปี
บ้านเราอาจพบเห็น Toyota Crown บ้างประปราย เพราะยุคหนึ่งที่บริษัทญี่ปุ่นเข้ามาเปิดตลาดในไทยกันจำนวนมาก บรรดาผู้บริหารก็ได้นำรถซีดานรุ่นตำนานมาใช้ในงานธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายคนตามหาซื้อมาเก็บไว้เป็นรถในคอลเลกชั่นสะสม

อันดับ 2 – Honda Fit (Jazz) – เริ่มขาย 2001-ปัจจุบัน 2,757,508 คัน
Honda Fit ก่อกำเนิดจากคอนเซบป์ ‘Center Tank’ ที่นำถังน้ำมันไปวางไว้ข้างใต้รถตรงกลางพอดี ผลคือห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างขวาง คนนั่งก็รู้สึกสบาย แล้วเวลาใส่ของจำนวนมากยังทำได้ดีอีกต่างหาก ทั้งหมดทำให้ในปี 2002 เจ้าฮอนด้า ฟิต สามารถทำยอดขายอันดับหนึ่งแซง Toyota Corolla ที่ครองแชมป์มานานถึง 33 ปีลงได้
ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นเท่านั้นที่นิยมรถรุ่นนี้ เพราะในไทย Honda Jazz ที่ต่างกันเพียงชื่อ ก็สืบทอดความสำเร็จมาตั้งแต่เจนฯ แรกที่เข้ามาสู่ประเทศไทย จวบจนถึงเจนฯ 3 รุ่นปัจจุบัน สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่กลุ่มรถซัพคอมแพ็คเครื่องเบนซินพันห้า

อันดับ 1 – Toyota Corolla (Altis) – เริ่มขาย 1966-ปัจจุบัน 5,111,389 คัน
และแล้วก็มาถึงอันดับที่ 1 ของรถยนต์ขายดีตลอด 30 ปี แห่งประเทศญี่ปุ่น รวมถึงขายดีในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรถคันนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Toyota Corolla รถคอมแพ็คซีดานที่ดำเนินมาถึงเจนเนเรชั่นที่ 12
จากข้อมูล Toyota Corolla ทำยอดขายสูงสุดที่เกินกว่า 3 แสนคันต่อปี ได้มากถึง 11 ครั้ง ถึงบางปีจะขายไม่ถึงจุดสูงสุด แต่ยังอยู่ในเรท 1 แสนคันต่อปีได้แบบสบายๆ ยิ่งกับโมเดลล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวก็คาดการณ์ว่าจะฟันยอดขายได้สูงเช่นกัน ส่วนประเทศไทยนั้นในปีนี้เราจะได้เจอกับ Corolla Altis โฉมใหม่อย่างแน่นอน
	    	
		    
