ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
รถประหยัดน้ำมัน สุดคุ้มน่าใช้ปี2022
ในช่วงนี้ราคาน้ำมันรถยนต์นั้นขึ้นๆลงๆ แต่ราคาก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูงอยู่ แต่คนใช้งานรถยนต์เป็นประจำทุกวันก็เลี่ยงที่จะไม่เติมน้ำมันไม่ได้ รถประหยัดน้ำมันจึงเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ เมื่อคนที่ตัดสินใจจะซื้อรถยนต์จะนึกถึง วันนี้พี่หมี TQM เลยมาพร้อมกับรวมรถประหยัดน้ำมัน สุดคุ้มน่าใช้ในปี 2022 มาฝากกันครับ
Toyota C-HR

รถยนต์ขนาด 5 ที่นั่ง สไตล์โฉบเฉี่ยว สปอร์ตเป็นเอกลักษณ์สวยงามทั้งภายในและภายนอก มาพร้อมกำลังไฮบริดเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ อีกทั้งลดการโคลงของตัวถัง ทำให้การเข้าโค้งขับรถได้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมชุดโคมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Full LED โดยToyota CHR ราคารุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ 979,000 บาท และยังประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 24.4 กม. / ลิตรอีกด้วย
Honda HR-V e:HEV

มาต่อกันที่ค่าย Honda อย่าง HR-V e:HEV ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid หรือ e:HEV มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ที่ติดตั้งอยู่ใต้พื้นห้องโดยสารด้านหลัง ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ E-CVT มีค่าเฉลี่ยความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเคลมไว้ที่ 25.6 กม./ลิตร ราคาจำหน่ายโดยประมาณเริ่มที่ 979,000 บาท
Mazda2 Hatchback 1.3 XDL Sports

Mazda2 ยังคงความดีไซน์ที่สวยงาม ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นของเทคโนโลยี Skyactiv-Vehicle Dynamics เติมความสปอร์ตพรีเมี่ยมกับสีใหม่ Platinum Quartz และล้ออัลลอยสีดำใหม่ ขนาด 16 นิ้ว โดยให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 26.3 กิโลเมตร/ลิตร ราคาจำหน่ายรุ่น XDL/XDL Sportsโดยประมาณ 799,000 บาท
Mitsubishi Attrage

มาต่อกันที่ Eco Car แบบฉบับซีดาน อย่าง Mitsubishi Attrage ที่ดีไซน์ออกมาได้อย่างสวยงามสไตล์สปอร์ต มาพร้อมห้องโดยสารกว้าง และตัวรถก่อมลพิษต่ำ ขุมพลังเดิมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน3 สูบขนาด 1.2 ลิตร ราคาจำหน่ายโดยประมาณเริ่มที่ 494,000 บาท และมีอัตราน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 23.8 กิโลเมตร/ลิตร
Suzuki Swift 2021
 
ภาพจาก :    Suzuki
ปิดท้ายกันที่ค่าย Suzuki อย่าง Suzuki Swift 2021 Eco Car ขนาดเล็กกระทัดรัดมีความยาวฐานล้อหน้า-หลัง ที่สั้น แต่มีความกว้างฐานล้อซ้าย-ขวา ที่กว้างทำให้เป็นรถที่มีประสิทธิภาพการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม โดยมาพร้อมให้เลือก 2 รุ่น ย่อย GL ราคา 557,000 บาท และ GLX ราคา 629,000 บาท เครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12M 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 23 กม./ลิตรเลยทีเดียว

และนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรถประหยัดน้ำมันเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายค่าย ใครที่กำลังมองหารถยนต์คันแรก หรือรถยนต์คันใหม่ สำหรับรถประหยัดน้ำมันคงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเลยนะครับ และหากออกรถใหม่แล้วอย่าลืมที่จะมีประกันรถยนต์คุ้มครองดูแลรถคุณ ที่ TQM สามารถให้คุณ เปรียบเทียบราคาประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ได้ด้วยตัวเอง เพื่อได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าตรงใจคุณ คลิกเลยที่นี่ หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง
รวมรถประหยัดน้ำมัน 2024 ราคาเท่าไหร่ มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง?

3,182
ในยุคที่ราคาน้ำมันมีการผันผวน การเลือกรถประหยัดน้ำมันถือเป็นทางเลือกที่ฉลาด เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้แล้ว ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งถ้าคุณกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อรุ่นไหน วันนี้เราได้รวบรวมรถประหยัดน้ำมัน 2024 มีรถรุ่นไหนประหยัดน้ำมันบ้างที่น่าซื้อ พร้อมเช็กราคา และบอกข้อมูลสำคัญก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้คุณเลือกรถที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้น ตามมาดูกันเลยดีกว่า
เลือกเพื่ออ่านได้เลย ซ่อน
แนะนำ 7 รถประหยัดน้ำมัน 2024 ที่เหมาะกับทุกวัย
5.Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D
สรุป คิดจะซื้อรถประหยัดน้ำมัน 2024 ต้องดูอะไรบ้าง?
รถประหยัดน้ำมัน คืออะไร?
รถประหยัดน้ำมัน คือรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าปกติ โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลด้วยปริมาณน้ำมันที่น้อยกว่ารถยนต์ทั่วไป รถประเภทนี้จะมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำ ซึ่งวัดเป็นกิโลเมตรต่อลิตร (กม./ลิตร) ซึ่งรถประหยัดน้ำมัน 2024 นอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษสู่ธรรมชาติอีกด้วยนะ
ซึ่งรถยนต์ประเภทนี้จะประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่ารถทั่วไปด้วยหลายปัจจัย เริ่มจากการใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพสูง การออกแบบตัวถังให้มีน้ำหนักเบาและลู่ลมเพื่อลดแรงต้าน และยังมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ซึ่งส่งผลให้ประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถยนต์แบบทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง
แนะนำ 7 รถประหยัดน้ำมัน 2024 ที่เหมาะกับทุกวัย
ในปี 2024 ตลาดรถยนต์ไทยมีรถประหยัดน้ำมันให้เลือกหลากหลายรุ่น ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย โดยแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ทั้งในด้านเทคโนโลยี ดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน และราคา ฉะนั้นวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 7 รถยนต์ประหยัดน้ำมันที่น่าสนใจในปี 2024 รุ่นไหนจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ดูได้ดังนี้
1.Toyota Yaris Cross

Toyota Yaris Cross เป็นรถประหยัดน้ำมัน 2024 แบบอเนกประสงค์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริด ที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 26.3 กิโลเมตร/ลิตร
รถรุ่นนี้เป็นยังไง
- รถ Crossover ขนาด 5 ที่นั่ง
 - มีระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense
 - ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
 - มีให้เลือกทั้งสีโมโนโทนและทูโทน รวม 6 สี
 
ราคาแต่ละรุ่น
- HEV Smart : 789,000 บาท
 - HEV Premium : 849,000 บาท
 - HEV Premium Luxury : 899,000 บาท
 
2.Suzuki Celerio

Suzuki Celerio เป็นรถเก๋งประหยัดน้ำมัน ที่มีขนาดเล็กเหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง ด้วยราคาที่ย่อมเยาและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำ ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก 1.0 ลิตร 3 สูบ ทำให้ประหยัดน้ำมันได้ถึง 21.3 กิโลเมตร/ลิตร
รถรุ่นนี้เป็นยังไง
- รถแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง
 - อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยพื้นฐาน
 - ราคาประหยัด บำรุงรักษาง่าย
 - มีให้เลือก 4 สี
 
ราคาแต่ละรุ่น
- GA เกียร์ธรรมดา : 338,000 บาท
 - GL เกียร์อัตโนมัติ : 416,000 บาท
 - GL Up เกียร์อัตโนมัติ : 423,000 บาท
 - GX เกียร์อัตโนมัติ : 451,000 บาท
 
3.Honda City Hatchback e:HEV

Honda City Hatchback e:HEV เป็นรถประหยัดน้ำมัน 2024 แบบไฮบริดขนาดเล็ก ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ประหยัดน้ำมันได้อย่างน่าประทับใจ ใช้เทคโนโลยีไฮบริด e:HEV ที่ผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ประหยัดน้ำมันได้ถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร
รถรุ่นนี้เป็นยังไง
- รถแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง
 - ติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda SENSING
 - เบรกมือไฟฟ้า แอร์อัตโนมัติ
 - มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
 - มีให้เลือก 6 สี
 
ราคาแต่ละรุ่น
- e:HEV SV : 729,000 บาท
 - e:HEV RS : 799,000 บาท
 
4.Nissan Kicks e-POWER

Nissan Kicks e-POWER เป็นรถ Crossover ที่มาพร้อมเทคโนโลยี e-POWER ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบพิเศษ ใช้เทคโนโลยี e-POWER ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า มีเครื่องยนต์เบนซินทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้า และประหยัดน้ำมันได้ถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร
รถรุ่นนี้เป็นยังไง
- รถ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ 5 ที่นั่ง
 - ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่มีเครื่องยนต์ปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่
 - มีระบบความปลอดภัย 360 องศา Safety Shield
 - มีให้เลือกทั้งสีทูโทน 5 สี และโมโนโทน 7 สี
 
ราคาแต่ละรุ่น
- Kicks e-POWER E : 779,000 บาท
 - Kicks e-POWER V : 849,000 บาท
 - Kicks e-POWER VL : 919,000 บาท
 - Kicks e-POWER Autech : 979,000 บาท
 - Kicks e-POWER Star Edition : 939,000 บาท
 
5.Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D

Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D เป็นรถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ที่มีการประหยัดน้ำมันใกล้เคียงกับรถไฮบริด ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.5 ลิตรที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้รถเก๋งประหยัดน้ำมันรุ่นนี้ ประหยัดได้ถึง 26.3 กิโลเมตร/ลิตร
รถรุ่นนี้เป็นยังไง
- รถแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง
 - ใช้เครื่องยนต์ดีเซล
 - มีระบบควบคุมขณะเข้าโค้ง GVC Plus
 - ภายในตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม
 - มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ i-Activsense
 
ราคาแต่ละรุ่น
- XD Sport : 720,000 บาท
 - XDL Sport : 830,000 บาท
 
6.Toyota Yaris Ativ

Toyota Yaris Ativ เป็นรถยนต์ประหยัดน้ำมันแบบซีดานขนาดเล็ก ที่มีการประหยัดน้ำมันด้วยเครื่องยนต์ขนาดไม่ใหญ่และมีน้ำหนักตัวที่เบา ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ซึ่งอัตราสิ้นเปลือง yaris ativ 2024 อยู่ที่ 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
รถรุ่นนี้เป็นยังไง
- รถซีดาน 4 ประตู
 - มีระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense
 - บางรุ่นมีเบรกมือไฟฟ้า
 - มีให้เลือก 7 สี
 
ราคาแต่ละรุ่น
- Sport : 549,000 บาท
 - Smart : 594,000 บาท
 - Premium : 669,000 บาท
 - Premium Luxury : 699,000 บาท
 
7.MG VS HEV

MG VS HEV เป็นรถ Crossover ไฮบริดที่มาพร้อมกำลังสูงและเทคโนโลยีทันสมัย ใช้เทคโนโลยีไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ประหยัดน้ำมันได้ถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร
รถรุ่นนี้เป็นยังไง
- รถ Crossover ขนาด 5 ที่นั่ง
 - ใช้เทคโนโลยีไฮบริด
 - มีกำลังสูงถึง 177 แรงม้า
 - สามารถสั่งงานและเช็กสถานะรถจากระยะไกลด้วย i-Smart
 - มีให้เลือกทั้งสีทูโทนและโมโนโทน รวม 6 สี
 
ราคาแต่ละรุ่น
- MG VS HEV D : 699,000 บาท
 - MG VS HEV X : 759,000 บาท
 
สรุป คิดจะซื้อรถประหยัดน้ำมัน 2024 ต้องดูอะไรบ้าง?
การเลือกซื้อรถประหยัดน้ำมันในปี 2024 มีปัจจัยหลายอย่างที่คุณควรทำความเข้าใจ เพราะนอกจากอัตราการประหยัดน้ำมันแล้ว คุณควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับการใช้งาน ราคา และค่าใช้จ่ายในระยะยาวด้วย เพราะรถเก๋งประหยัดน้ำมันมากสุดอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดเสมอไปก็ได้
ซึ่งสิ่งที่คุณควรพิจารณา นั่นก็คือเทคโนโลยีที่ใช้ในรถดีไหม ไม่ว่าจะเป็นระบบไฮบริด e-POWER หรือเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูงที่ใช้ในแต่ละรุ่นเป็นยังไง และควรดูถึงระบบความปลอดภัย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ และต้นทุนในการบำรุงรักษาในระยะยาวด้วยว่าจะคุ้มกับเงินที่ต้องเสียไปหรือไม่ ทางที่ดี หากไม่อยากเสียเงินจำนวนมากในการบำรุงรักษาในยามที่รถมีปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุ การเลือกประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ ที่สามารถคุ้มครองได้ทุกปัญหา ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ
	    	
		    
