ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
5 รถประหยัดน้ำมันปี 2023 พร้อมแชร์ทริคประหยัดน้ำมัน
ข่าวสารรถ | 27 มิ.ย. 2566

ราคาน้ำมันที่กลับมาพุ่งทะยานสูงขึ้นเป็นเท่าตัว หลังจากที่ช่วงโควิดที่ผ่านมาราคาน้ำมันลดลงไปอย่างมาก ทำเอาคิดหนักก่อนจะเดินทางไปไหนมาไหน ยิ่งตอนนี้ราคาน้ำมันกลับมาแพงกว่าแต่ก่อนเสียอีก การเลือกซื้อหารถในอดีตที่ดูจากดีไซน์ความหรูหราเป็นหลัก แต่สำหรับนักขับรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและทุนทรัพย์ของตัวเองแล้ว ตอนนี้ต่างมองหารถประหยัดน้ำมันกันหลายคน แม้ว่าจะมีการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาเป็นตัวแทนแล้วก็ตาม แต่ด้วยระยะเวลาสำหรับการชาร์จไฟที่ยังคงต้องใช้เวลานานอยู่ จึงทำให้การเลือกใช้งานรถพลังงานน้ำมันยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญที่ไม่อาจขาดได้ในเวลานี้
แน่นอนว่าราคาน้ำมันที่สูงมาก หากต้องเลือกซื้อรถที่ซดน้ำมันกันอย่างแรง แบบสตาร์ตหนึ่งทีกินน้ำมันไปหนึ่งลิตร รับรองมีสิทธิ์หมดตัวกันเป็นแน่ ทางผู้ออกแบบรถยนต์ชั้นนำทั้งหลายต่างแข่งขันประดิษฐ์คิดค้นรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีอัตราประหยัดพลังงานที่สูงขึ้น เรียกว่าอาจเทียบเคียงกับการใช้พลังงานไฟฟ้ากันเลยก็ว่าได้ ดังนั้นการซื้อรถของคนยุคใหม่ อะไรที่สะดวกและประหยัดถือว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการตัดสินใจในการถอยรถคันใหม่ออกมาใช้งานกันเลยทีเดียว บทความนี้จะรวมเคล็ดลับขับรถประหยัดน้ำมัน รวมถึงรถรุ่นไหน ประหยัดน้ำมันที่สุดในปี 2023 อ่านด้านล่างได้เลย
5 อันดับรถประหยัดน้ำมัน ปี 2023
ในปี 2023 ขณะที่หลาย ๆ ค่ายส่งรถยนต์ส่งรถพลังงานไฟฟ้าออกมาเป็นตัวเลือกอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีค่ายรถหลายแห่งที่ส่งรถประหยัดน้ำมันออกมาเป็นทางเลือก ที่สำคัญยังมีการพัฒนารูปแบบของเครื่องยนต์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมันอีกด้วย มีรถรุ่นไหนที่ได้ชื่อว่าประหยัดน้ำมันได้มาก รู้ใจขอรวบรวมเอาไว้ให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกันดังต่อไปนี้

1. Suzuki Swift
เรียกว่าปาดหน้ามาแรงแซงทางโค้งกันเลยก็ว่าได้กับค่ายรถยนต์ซูซูกิที่เป็นเพียงแค่ค่ายรถทางเลือกในอดีต อีกทั้งได้รับความนิยมอยู่ในกลุ่มแคบ ๆ เท่านั้น แต่นับจากที่ซูซูกิได้ส่งเจ้านกนางแอ่นพันธุ์จิ๋ว หรือ Swift ออกมา เรียกว่าครองใจนักขับรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยว งดงาม แถมมีขนาดกะทัดรัดเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่มีตรอกซอกซอยเยอะแยะไปทั่ว ที่สำคัญอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงของเจ้านกนางแอ่นตัวน้อยขึ้นชื่อว่า ประหยัดพลังงานและคุ้มค่ามากที่สุดจนทุกสำนักยกให้เป็นเบอร์หนึ่งของรถยนต์พลังงานน้ำมันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเวลานี้ โดยอัตราการประหยัดพลังงานของ Suzuki Swift นั้นประหยัดน้ำมันได้ถึง 23 กม./ลิตร แถมยังสามารถใช้น้ำมัน E20 ที่มีราคาถูกได้อีกด้วย

2. Honda City e:HEV
อีกหนึ่งค่ายรถยักษ์ใหญ่ที่ครองใจนักขับชาวไทยมาอย่างยาวนาน กับค่ายรถยนต์ฮอนด้าที่เป็นผู้นำนวัตกรรมการออกแบบยานยนต์มาทุกยุคทุกสมัย แม้ว่าฮอนด้าจะไม่ได้ลงสนามของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังสำหรับปี 2023 แต่ฮอนด้าก็ยังออกแบบรถยนต์ทางเลือกที่เป็นมิตรและใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่าง Honda City e:HEV ที่ถือเป็นการผสานความเป็นตำนานของรถในซีรีส์ City ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ทันสมัยอย่าง e:HEV ที่เป็นการใช้พลังงานน้ำมันควบคู่ไปกับพลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากการแปลงพลังงานขณะที่รถวิ่งให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า
การมาของ City โฉมนี้จึงนับว่าเป็นเทคโนโลยีระดับสุดยอดที่ตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงาน โดยอัตราการใช้น้ำมันของ Honda City e:HEV อยู่ที่ 27.8 กิโลเมตร/ลิตร เท่านั้น

3. Toyota Yaris Ativ
เมื่อมีฮอนด้าก็ต้องมีโตโยต้า สองสิงห์แห่งวงการยานยนต์ที่ต่างไม่มีใครยอมใครกันเลย เมื่อฮอนด้าส่ง City e:HEV ลงสนาม ทางโตโยต้าเองก็ไม่รอช้าส่ง Toyota Yaris Ativ มาเป็นตัวเรื่องในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน การรักษาสิ่งแวดล้อมพร้อมกับดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวล้ำสมัยด้วย
มากับเครื่องยนต์ 1.2L จึงทำให้อัตราการใช้พลังงานน้ำมันน้อยนิด รวมไปถึงระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ช่วยให้ทุกจังหวะการเร่งไม่ผลาญน้ำมันมากจนเกินไป ยิ่งขับทางไกลยิ่งประหยัดกันไปได้มากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องถอยรถยนต์ไฟฟ้าออกมาใช้งานหรือเลือกรถแบบ e:HEV ที่มีมูลค่าการดูแลรักษาที่สูง Toyota Yaris Ativ สามารถตอบโจทย์เรื่องการประหยัดพลังงานให้คุณได้อย่างครบถ้วน ด้วยการใช้พลังงานเพียง 26 กิโลเมตร/ลิตร เท่านั้น

4. Nissan Kicks e-POWER
เป็นรถยนต์พลังงานน้ำมันพร้อมกับพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกที่ออกมาสู่สายตาและอยู่ในการควบคุมของนักขับ Nissan Kicks e-POWER นับเป็นนวัตกรรมอันยอดเยี่ยมที่เป็นแบบอย่างของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในรูปแบบปัจจุบันทั้งหมด สำหรับ Nissan Kicks e-POWER เป็นรถขนาดกะทัดรัดขนาดเครื่องยนต์เพียง 1.2 ลิตร แถมมีอัตราประหยัดน้ำมันที่สูงมากถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร เรียกว่าประหยัดการใช้พลังงานน้ำมันมากกว่ารถยนต์ E-power ในรูปแบบอื่น ๆ ทำให้ Kicks กลายเป็นรถที่ครองใจนักขับรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็วมาก แม้ว่านิสสันจะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดของทางฝั่งรถยนต์ไปอยู่นาน แต่เพราะ Kicks นี่แหละที่ตอบโจทย์ในทุกเรื่องของความคุ้มค่าได้อย่างครบถ้วน

5. BMW 330e M Sport
ขึ้นชื่อว่า BMW ทุกคนก็คงขยาดกันแล้วกับรถยนต์พลังแรงแห่งแดนยุโรปที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการซดน้ำมันเป็นอย่างมาก แต่นั่นคือเรื่องราวในอดีตที่เป็นเพียงตำนานที่เล่าขาน เพราะประเทศเยอรมนีคือประเทศแห่งนวัตกรรมที่สร้างสรรค์เครื่องยนต์รุ่นใหม่จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ BMW 330e M Sport รถยนต์สุดหรูแต่ใช้ประหยัดพลังงานสุด ๆ
BMW 330e M Sport มาด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ใครหลายคนพอมองเห็นขนาดเครื่องแล้วแอบปาดเหงื่อเล็ก ๆ ว่าจะกินน้ำมันมากหรือไม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วเจ้า BMW 330e M Sport มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่สูงมาก โดยข้อมูลจากโรงงานระบุว่า รถรุ่นนี้ใช้น้ำมันเพียงแค่ 41 กิโลเมตร/ลิตร เท่านั้น เรียกว่าทั้งหรู ทั้งประหยัด กันแบบสุด ๆ ไปเลย
เคล็ดลับประหยัดน้ำมัน จ่ายเท่าเดิม ไปได้ไกลกว่า
หากเรามีรถอยู่และอยากประหยัดน้ำมัน การซื้อรถใหม่คงเป็นเรื่องที่ไกลตัว เพราะสิ่งสำคัญนอกจากตัวรถแล้วสิ่งที่จะช่วยให้การขับรถทุกประเภทประหยัดน้ำมันมากที่สุดคืออุปนิสัยการขับขี่นั่นเอง มาดูกันว่าเราจะขับรถให้ประหยัดพลังงาน ประหยัดน้ำมันกันอย่างเต็มที่ได้ยังไงบ้าง
- ตรวจสภาพรถให้พร้อมต่อการใช้งานอยู่เสมอ เพราะรถที่สมบูรณ์ อัตราการเผาผลาญดี ก็จะประหยัดพลังงานน้ำมันได้มาก
 - ไม่บรรทุกของหนักจนเกินไป อะไรที่ไม่จำเป็นก็เอาออกไว้ที่บ้าน อีกทั้งอย่าปล่อยให้ลมยางอ่อนตัว หรือแข็งมากเกินไปจะทำให้เกิดแรงต้านและรถกินน้ำมันมากขึ้น
 - ขับรถในอัตราเร็วเดินทาง รถทุกประเภทจะมีการออกแบบอัตราเร็วเดินทางเอาไว้ที่ 70 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้นการรักษาความเร็วในการเดินทางนี้ไว้ แม้อาจไปถึงเป้าหมายช้าบ้าง แต่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันไปได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
 
ไม่ว่าคุณจะได้จับจองเป็นเจ้าของ 5 รถประหยัดน้ำมันในปี 2023 หรือจะเป็นรถรุ่นเก่าก็ตาม การขับขี่ตามเคล็ดลับขับยังไงให้ประหยัดน้ำมันก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครหลายคนที่อยากประหยัดเงินในกระเป๋า นอกจากนั้นการมองหาประกันภัยรถยนต์ยังเป็นทางเลือกที่ช่วยคุ้มครองครองคุณจากความเสี่ยงทางการเงิน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เงินเก็บของเราจะได้ไม่หมดไปกับค่าซ่อมรถ รวมถึงค่ารักษาพยาบาล ที่รู้ใจ ช่วยคุณประหยัดค่าเบี้ยสูงสุด 30% ปรับแต่งแผนได้ตามใจ เคลมง่าย สมัครออนไลน์ได้ทันทีไม่ต้องโทร นอกจากประหยัดเงินแล้วยังประหยัดเวลาให้คุณได้ไปทำในสิ่งที่ตนเองรัก ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง อุ่นใจได้ให้รู้ใจช่วยคุ้มครอง
รวมรถประหยัดน้ำมัน Eco Car ประจำปี 2024
ในยุคที่ค่าน้ำมันพุ่งสูงแบบนี้ เชื่อว่าคงจะมีผู้ขับขี่หลายคนที่กำลังมองหารถประหยัดน้ำมันหรือ ECO CAR เพื่อมาช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันกันอยู่แน่ ๆ ซึ่งในบทความนี้ อินทรประกันภัย จึงได้รวบรวมเช็กลิสต์ 5 อันดับรถประหยัดน้ำมัน (ECO CAR) ประจำปี 2024 มาแนะนำให้คุณได้ทราบกัน จะมีรุ่นไหนที่ถูกใจคุณบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย!
5 อันดับรถประหยัดน้ำมัน Eco Car ประจำปี 2024
สำหรับรถประหยัดน้ำมันที่เรารวบรวมมาแนะนำ จะเป็นรถยนต์จากแบรนด์ดังที่โดดเด่นในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน โดยมีทั้งหมด 5 แบรนด์ ดังนี้

1.Mitsubishi Attrage
Mitsubishi Attrage เป็นรถยนต์ซีดานประหยัดน้ำมันแบบ 4 ประตู 5 ที่นั่ง ที่โดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่รวมชุดกันชนสีดำ ตกแต่งด้วยแถบโครเมียม ภายในตกแต่งแผงหน้าปัดด้วยวัสดุสีดำเงา Piano Black และลายคาร์บอน พร้อมมาตรวัดเป็นแบบอนาล็อก และจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่แยกออกจากห้องโดยสาร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่จับคู่กับระบบเครื่องยนต์เบนซินแบบ 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 78 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

2.Toyota Yaris Ativ
Toyota Yaris Ativ เป็นรถยนต์ซีดานประหยัดน้ำมันที่ใช้ตัวถัง Fastback ภายในมีการออกแบบให้ทันสมัยด้วยเส้นแนวนอนหลายเลเยอร์ เล่น Texture และสีทูโทน พร้อมพวงมาลัยยูรีเทนที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ทั้ง ECO, Normal และ Sport จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่มาคู่กับโปรแกรมทดเกียร์ Sequential Shift และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า รวมถึงระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม อีกทั้งยังมีอัตราประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิล 4 สูบขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 94 แรงม้า

3. NEW Nissan Almera
NEW Nissan Almera เป็นรถยนต์สปอร์ตซีดานประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อมดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา พร้อมเสริมเทคโนโลยี Nissan Connect Services ที่สามารถสั่งการฟังก์ชันภายในรถได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ตโฟน ขับขี่เร้าใจด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 100 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ XTronicCVT และ D-Step Logic ขับเคลื่อนล้อหน้า เสริมด้วยระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โดยมีอัตราประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

4. Suzuki Swift
Suzuki Swift เป็นรถประหยัดน้ำมัน ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปี 2023 ด้วยขนาดที่พอเหมาะกับการขับขี่ในเมือง และอัตราประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตร/ลิตร บวกกับแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ที่ทำให้รถมีโครงสร้างแข็งแรงขึ้นแต่น้ำหนักเบาลง พร้อมเครื่องยนต์ขนาด 4 สูบ 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร พร้อมเทคโนโลยีหัวฉีด DUALJET เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT

5.New Honda City
New Honda City เป็นรถประหยัดน้ำมันที่มาพร้อมระบบฟูลไฮบริด e:HEV จากขุมพลังเครื่องยนต์มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ให้แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรตั้งแต่ออกตัว ส่วนในรุ่นเบนซินก็มาพร้อมเครื่องยนต์ VTEC TURBO แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร กำลังสูงสุด 122 แรงม้า
ปักหมุดไว้เลย รับรถประหยัดน้ำมันคันใหม่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง
ได้ทราบ 6 อันดับรถประหยัดน้ำมันยอดนิยมในปี 2024 กันไปแล้ว ใครที่วางแผนจะออกรถใหม่ก็ต้องเตรียมความพร้อมในการรับรถให้ดี สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไปรับรถใหม่จะต้องเตรียมตัวหรือเช็กอะไรบ้างก็ไม่ต้องกังวล เพราะเรารวมมาให้แล้ว โดยมีทั้งหมด 3 ข้อดังนี้

ตรวจเช็กสภาพรถยนต์
สิ่งแรกที่ควรทำก่อนการรับรถก็คือ การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ทั้งภายนอกและภายในอย่างละเอียด เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นรถยนต์มือหนึ่งก็อาจจะมีตำหนิ หรือมีการชำรุดเกินขึ้นได้ โดยจุดที่ควรสังเกตในเบื้องต้นมีดังนี้
ภายนอกตัวรถ
- ตรวจสอบสภาพของสีรถยนต์ว่ามีความเงางามสม่ำเสมอ ไม่มีรอยขีดข่วนหรือหลุดล่อนของสี เว้นแต่รถมือสองอาจมีร่องรอยจากการใช้งานมาบ้าง แต่ต้องตรงกับที่เต็นท์หรือผู้ขายระบุไว้ว่ามีจุดใดบ้าง
 - ตรวจสอบโคมไฟหน้าต้องใสไม่เหลือง ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไม่มีริ้วรอย
 - ตรวจสอบฝากระโปรงว่ามีระยะห่างที่เรียบเสมอกับส่วนอื่น ๆ ของตัวรถ
 - ลองเปิด-ปิดประตูรถว่ามีอาการฝืดหรือติดขัดหรือไม่ พร้อมกับเช็กขอบยางต่าง ๆ ว่าอยู่ในสภาพที่ใหม่ ไม่ชำรุด
 - ตรวจเช็กอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินต่าง ๆ ทั้งสายพ่วงแบตเตอรี่ ยางอะไหล่ แม่แรง เครื่องมือช่างที่จำเป็นต้องใช้ ว่าครบหรือไม่
 - ตรวจเช็กล้อและยางต้องเป็นยางใหม่ สังเกตได้จากหนวดยางหรือสีที่สกรีนบนยางต้องอยู่ครบ ยางไม่มีรอยแตกลายงา
 
ภายในตัวรถ
- ตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่างทุกดวง ทั้งไฟหน้า ไฟหรี่ ไฟสูง ไฟเดย์ไลท์ ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟถอย ไฟฉุกเฉิน รวมถึงไฟในห้องโดยสาร ว่าติดครบทุกจุดหรือไม่
 - ตรวจสอบเบาะที่นั่งต้องไม่เปรอะเปื้อนหรือมีร่องรอยการฉีกขาด ถูกหุ้มด้วยพลาสติกอย่างดีสำหรับรถใหม่ กรณีเบาะไฟฟ้าให้ทดลองการปรับระดับเพิ่มเติม
 - ตรวจเช็กยางปูพื้นและพรมปูพื้นว่ามีมาให้ครบหรือไม่
 - สตาร์ตเครื่องยนต์เพื่อลองฟังเสียงของเครื่องยนต์ว่าเรียบปกติหรือไม่ ทดสอบเปิดเครื่องปรับอากาศ ลองปรับให้ครบทุกโหมด ทดสอบการทำงานของหน้าจอเครื่องเสียงและลำโพง
 - ทดลองเปิด-ปิดหลังคาซันรูฟ (ถ้ามี) ลองพับ-กางกระจกข้างกรณีควบคุมด้วยไฟฟ้า
 - ลองล็อกและปลดล็อกประตู เพื่อดูว่าระบบล็อกสามารถทำงานได้ปกติทุกบานหรือไม่หรือไม่
 - ตรวจเช็กภายในห้องเครื่องว่า ไม่มีน้ำมันซึมหรือรั่ว สภาพสายไฟ แบตเตอรี่
 
ตรวจสอบเอกสารให้ครบ
ก่อนที่จะรับรถใหม่ควรมีการตรวจสอบเอกสารสำคัญต่าง ๆ ให้ครบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง โดยเอกสารที่ควรเช็กในเบื้องต้นมีดังนี้
- ตรวจดูเล่มสมุดทะเบียนว่าเลขตัวถังตรงตามที่ระบุในเล่มหรือไม่ รวมถึงตรวจเอกสารโอนรถ ครอบครองรถ และ พ.ร.บ.
 - ใบเสร็จรับเงินดาวน์รถที่เราจ่ายไป
 - เอกสารสัญญาเช่าซื้อกับทางไฟแนนซ์
 - ใบเสร็จค่ามัดจำป้ายแดง เพื่อนำมารับเงินมัดจำคืนเมื่อได้ป้ายขาว พร้อมตรวจสอบป้ายแดงว่ามีตรา ขส. อยู่หรือไม่ นอกจากนี้ยังควรตรวจเช็กสมุดคู่มือสำหรับรถป้ายแดงด้วยเช่นกัน
 - เอกสารรับประกันอุปกรณ์ และใบรับประกันการเช็กระยะ
 - หากมีการตกแต่งเพิ่มเติม ต้องเช็กเอกสารการรับประกันอุปกรณ์ตกแต่ง
 
เตรียมเงินเผื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรเตรียมไปให้พร้อมก็คือ เงิน เพราะในวันที่ไปรับรถ อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ค่ามัดจำป้ายแดง ค่าอุปกรณ์ที่ติดเพิ่มเติม ค่าทำประกันรถยนต์ชั้น 1 (กรณีที่ศูนย์บริการไม่ได้แถมมาให้) ค่าน้ำมัน เป็นต้น

สรุปบทความ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 อันดับรถประหยัดน้ำมันที่ได้รับความนิยมในปี 2024 ที่เราได้รวบรวมมา สำหรับคนที่สนใจก็แนะนำว่าควรจะเข้าไปทดลองขับและสอบถามข้อมูลด้วยตัวเองที่ศูนย์บริการ และสำหรับคนที่วางแผนจะออกรถใหม่ก็อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อไปรับรถ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
	    	
		    
