ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
รถประหยัดน้ำมัน 2025 แบรนด์ไหนดีจนต้องจับตามอง

ผู้เขียน: Thirakan T Published: ธันวาคม 26, 2024

ตรวจทาน: Natthamon Last edited: ธันวาคม 23, 2024

อัปเดตข้อมูลรถประหยัดน้ำมันเผื่อเป็นตัวเลือก สำหรับคนที่ต้องการซื้อรถยนต์ที่ยังใช้งานเครื่องยนต์สันดาปอยู่ ยังไม่พร้อมรับมือกับสถานการณ์ของรถไฟฟ้า ทาง แรบบิท แคร์ จึงได้ลองสร้างลิสต์รายการเกี่ยวกับรถประหยัดน้ำมัน2025 ขึ้นมา เพื่อรวบรวมรุ่นรถประหยัดน้ำมันที่คิดว่ามีประสิทธิภาพตอนโจทย์เรื่องความประหยัดเป็นหลัก รวมถึงมีราคาที่จับต้องได้ง่าย เป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีการเซอร์วิสดี ใช้งานได้ยาวนาน ดูแลรักษาไม่ยากจนเกินไป
ทั้งนี้ยังเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับการนำเสนอรถประหยัดน้ำมัน ด้วยการคัดเลือกรุ่นที่มีราคาไม่เกิน 6 แสนบาท มานำเสนอเพิ่มเติม นอกเหนือจากรุ่นที่น่าสนใจ และสุดท้ายกับการตามหาคำตอบว่า รถประหยัดน้ำมัน 2024 ปัจจุบันมีค่าเฉลี่ยกี่กิโลเมตรต่อลิตรบ้าง ช่วยคลายความสงสัย ถึงความประหยัดที่สัมผัสได้จริงจากการใช้งาน
10 รถประหยัดน้ำมัน
ลิสต์รายการ 10 รุ่นรถประหยัดน้ำมันที่ดีจนต้องจับตามอง ได้แก่ Mitsubishi Attrage, Toyota Yaris Ativ, Suzuki Celerio, Toyota Yaris Cross, Honda City Hatchback e:HEV, NEW Nissan Almera, Suzuki Swift, New Honda City, Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D และ Honda HR-V e:HEV ถ้าดูจากภาพรวมของทั้งหมด 10 รุ่นที่กล่าวมา จะเป็นรถประหยัดน้ำมันแบรนด์ยอดฮิตในประเทศไทยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นรถประหยัดน้ํามัน honda ที่โดดเด่นมายาวนาน กับคู่แข่งคนสำคัญ Toyota ที่สรรค์สร้างนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ ๆ ออกมาให้เราได้ชมกันเกือบทุกปีในช่วงเวลานี้ และแบรนด์อื่น ๆ ที่เข้ามาท้าชิงในตลาดรถประหยัดน้ำมันอีกหลายราย สามารถติดตามรายละเอียดข้อมูลที่น่าสนใจของแต่ละรุ่นเพิ่มเติมได้ดังต่อไปนี้
- Mitsubishi Attrage อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 78 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 5.29 แสนบาท
 - Toyota Yaris Ativ อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 94 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 5.49 แสนบาท
 - Suzuki Celerio อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 20.8 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 68 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 3.38 แสนบาท
 - Toyota Yaris Cross อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 26.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 7.89 แสนบาท
 - Honda City Hatchback e:HEV อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 27.8 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 7.29 แสนบาท
 - NEW Nissan Almera อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 100 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 5.49 แสนบาท
 - Suzuki Swift อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 5.67 แสนบาท
 - New Honda City อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 38.8 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 5.99 แสนบาท
 - Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 26.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.5 ลิตร (เครื่องยนต์ดีเซล) กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 6.54 แสนบาท
 - Honda HR-V e:HEV อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 25.6 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 106 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 9.79 แสนบาท
 
หลาย ๆ รุ่นรถประหยัดน้ำมัน 2024 มักจะเป็นการใช้เครื่องยนต์ควบกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่สูงขึ้น กับอัตราสิ้นเปลืองพลังงานที่ประหยัดมากกว่าเดิม ดังนั้นหากมีงบประมาณเพิ่มขึ้น การตัดสินใจเลือกรถประหยัดน้ำมันที่มีระบบไฮบริด ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเช่นเดียวกัน
รถประหยัดน้ำมัน ราคาถูก ไม่เกิน 6 แสนบาท
หลังจากที่เราได้รับชมข้อมูลรถประหยัดน้ํามัน 2024 มาหลายรุ่นแล้ว ในหัวข้อนี้ แรบบิท แคร์ จะพาทุกคนมาดูรุ่นรถประหยัดน้ำมันในช่วงราคาเริ่มต้นไม่เกิน 6 แสนบาท เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนอยากประหยัดงบประมาณในการออกรถ โดยจะมีนำเสนอเพิ่มเติมจากหัวข้อรถประหยัดน้ำมันด้านบน ประมาณ 5 รุ่น คือ Mazda 2, Nissan March, Nissan Note e:Power, Suzuki Ciaz และ Mitsubishi Mirage รายละเอียดรถประหยัดน้ำมันเพิ่มเติมทั้งหมดที่กล่าวมา ลองดูกันได้จากลิสต์ด้านล่างนี้เลย
- Mazda 2 อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.3 ลิตร กำลังสูงสุด 93 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 5.99 แสนบาท
 - Nissan March อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 20 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 4.2 แสนบาท
 - Nissan Note e:Power อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 28.8 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 82 แรงม้า (ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า อาจมีกำลังสูงสูดเพิ่มขึ้นอีก) ราคาเริ่มต้น 5.57 แสนบาท (ราคาเปิดตัวจากทางประเทศญี่ปุ่น ยังไม่รวมภาษีและราคาทางการในประเทศไทยยังไม่ได้กำหนด)
 - Suzuki Ciaz อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 20 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 3.78 แสนบาท (ปัจจุบันขายหมดแล้ว)
 - Mitsubishi Mirage อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 22.8 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 78 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 5.09 แสนบาท
 
และทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมของรถประหยัดน้ำมัน ที่มีช่วงราคาไม่เกิน 6 แสนบาท และยังมีอัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยที่อยู่ในเกณฑ์ดีมาก ช่วยให้เราประหยัดได้ทั้งงบประมาณในการออกรถ กับค่าน้ำมันในอนาคตที่ต้องแบกรับ ใครที่กำลังวางแผนซื้อรถประหยัดน้ำมัน 2024 โดยที่ไม่ได้ต้องฟังก์ชัน หรือสเปกรถคันใหญ่มากนัก เหล่ารายชื่อรถประหยัดน้ำมันที่เราเสนอมาทั้งหมด รับรองเลยว่าต้องมีถูกใจกันแน่นอน

เฉลี่ยรถประหยัดน้ำมัน กี่ กิโล ต่อลิตร
สรุปข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยว่ารถประหยัดน้ำมัน กี่กิโลต่อลิตรกันแน่? คำตอบ คือ รถประหยัดน้ำมัน 2024 ที่ดี ควรจะต้องมีอัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยตั้งแต่ 20-21 กิโลเมตร/ลิตรขึ้นไป ไม่อย่างนั้นจะถือว่าอยู่นอกเกณฑ์รถประหยัดน้ำมัน ยิ่งถ้ามีการใช้ระบบไฮบริด ควบรวมมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยแล้ว ยิ่งควรจะต้องมีประสิทธิภาพในการเป็นรถประหยัดน้ำมันที่มากขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้ค่าตัวเลขที่หลายแบรนด์เคลมเอาไว้ อาจเป็นเพียงค่าเฉลี่ยที่ได้จากการพิสูจน์หลายรูปแบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งานรถยนต์ของแต่ละคนอีกทีหนึ่ง ว่าขับขี่บนท้องถนนลักษณะแบบไหน เจอการจราจรที่ติดขัดมากน้อยเพียงใด
คำแนะนำเพิ่มเติม หากต้องการรู้ว่ารถประหยัดน้ำมันที่เราใช้งานอยู่ มีอัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยเท่าไหร่ ให้สังเกตที่หน้าปัดรถยนต์ได้เลย เพราะในรถประหยัดน้ำมันรุ่นใหม่ส่วนมาก จะมีค่าเฉลี่ยแจ้งเอาไว้แบบเรียลไทม์ตอนที่เราขับขี่ได้ระยะทางประมาณหนึ่ง หรือบางรุ่นที่มีค่าเฉลี่ยรวมการเดินทางทั้งหมดของรถ เพื่อเป็นการแจ้งตัวเลขการคำนวณของระบบที่ชัดเจน ถึงการขับขี่ของเราว่าสิ้นเปลืองมากน้อยแค่ไหน
รถประหยัดน้ำมันทำประกันคุ้มไหม
รถประหยัดน้ำมันทำประกันคุ้มไหม? คำตอบนี้ไม่ยากเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นรถประหยัดน้ำมัน2024 รุ่นใหม่ รุ่นเก่า หรือรถยนต์รุ่นอื่น ๆ การเลือกทำประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มค่าได้มากที่สุด ตามความเหมาะสมในการใช้งานรถยนต์ของเรา เช่น หากเราใช้งานรถยนต์เพื่อเดินทางไปทำงาน การเลือกทำประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองได้อย่างครอบคลุม ภายใต้ค่าเบี้ยประกันที่เหมาะสม ย่อมสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้ใช้งานรถได้อย่างมหาศาลอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องสนใจว่าคุณจะใช้งานรถประหยัดน้ำมันหรือรถยนต์รุ่นไหนอยู่ หากต้องการเพิ่มความอุ่นใจ ความปลอดภัยในทุกการขับขี่ ประกันถือเป็นอีกสิ่งที่ควรพิจารณา
พออ่านมาถึงตรงนี้แล้วการตัดสินใจซื้อรถประหยัดน้ำมันของคุณ คงเป็นอะไรที่ชัดเจนมาขึ้น รวมถึงการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ด้วย แต่ถ้ายังไม่มั่นใจเรื่องประกันรถยนต์ ยังอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม อยากมีคนที่ช่วยนำเสนอในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา สามารถติดต่อหา แรบบิท แคร์ มาได้เลยที่เบอร์ 1438 (24 ชม.) เพราะเรามีตัวเลือกจากบริษัทประกันภัยชั้นนำระดับประเทศให้เลือก มากถึง 30 แห่ง และยังมีโปรโมชันส่วนลดสูงสุดถึง 70% หรือจะเลือกผ่อน 0% นานถึง 10 เดือนก็มีให้!
สรุป
บทความนี้แนะนำให้ผู้อ่านรู้จักรถหรูและรถที่แพงที่สุดในโลกจากหลากหลายประเทศ เช่น ยุโรป เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน โดยแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นด้านดีไซน์ เครื่องยนต์ และประสิทธิภาพที่น่าทึ่ง เช่น Rolls-Royce Boat Tail ที่มีราคาสูงถึง 890 ล้านบาท หรือ Ferrari 250 GTO ที่ถูกประมูลในราคากว่า 1.8 พันล้านบาท พร้อมทั้งกล่าวถึงรถหรู 4 ประตูและ 7 ที่นั่งที่แพงที่สุด รวมถึงแบรนด์เด่นในแต่ละภูมิภาค นอกจากนี้ยังเน้นให้ความสำคัญกับการดูแลรถยนต์และการเลือกประกันที่เหมาะสมเพื่อปกป้องรถคันโปรดของคุณ โดยแนะนำการบริการจากแรบบิท แคร์ เพื่อความอุ่นใจในทุกการเดินทาง…
รถประหยัดน้ำมัน 2024 รุ่นไหนดี เซฟค่าใช้จ่าย ราคาไม่เกินล้าน
147,635อ่าน

รวมรถประหยัดน้ำมัน 2024 ราคาไม่เกินล้าน ในยุคน้ำมันแพง ช่วยเซฟค่าใช้จ่าย มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง

สรุปมาให้แล้วกับ 10 รถประหยัดน้ำมัน 2024 ในยุคน้ำมันแพงและยังไม่พร้อมเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยข้อจำกัดในการใช้งานต่างจากรถยนต์น้ำมัน แต่อยากลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ ถูกนำมาใช้เพื่อให้อัตราสิ้นเปลืองต่ำลง ทั้งเทอร์โบไปจนถึงระบบไฮบริดประเภทต่าง ๆ รถรุ่นใหม่ในปัจจุบันจึงประหยัดน้ำมันมากขึ้น ส่วนจะมีรุ่นไหนราคาไม่ถึงล้าน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20 กิโลเมตร/ลิตร (EcoSticker) ลองไปดูกันเลย
รถประหยัดน้ำมัน 2024
1. Suzuki Celerio

ภาพจาก : suzuki.co.th
Suzuki Celerio รถยนต์นั่งตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง ที่ให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัยเท่าที่จำเป็น แต่ราคาประหยัด บำรุงรักษาง่าย แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อย ส่วนสีตัวถังมีทั้งหมด 4 สี
Suzuki Celerio เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 68 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย เกียร์อัตโนมัติ 20.8 กิโลเมตร/ลิตร เกียร์ธรรมดา 21.3 กิโลเมตร/ลิตร
Suzuki Celerio ราคาจำหน่าย
- Suzuki Celerio รุ่น GA เกียร์ธรรมดา ราคา 338,000 บาท
 - Suzuki Celerio รุ่น GL เกียร์อัตโนมัติ ราคา 416,000 บาท
 - Suzuki Celerio รุ่น GL Up เกียร์อัตโนมัติ ราคา 423,000 บาท
 - Suzuki Celerio รุ่น GX เกียร์อัตโนมัติ ราคา 451,000 บาท
 
2. Toyota Yaris Cross

ภาพจาก : toyota.co.th
Toyota Yaris Cross รถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ 5 ที่นั่ง ลดอัตราสิ้นเปลืองด้วยเทคโนโลยีไฮบริด มีฝาท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย สีตัวถังมีทั้งโมโนโทนและทูโทนรวม 6 สี
Toyota Yaris Cross เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 91 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 80 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ให้กำลังสูงสุดรวมกันทั้งระบบ 111 แรงม้า เกียร์ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 26.3 กิโลเมตร/ลิตร
Toyota Yaris Cross ราคาจำหน่าย
- Toyota Yaris Cross รุ่น HEV Smart ราคา 789,000 บาท
 - Toyota Yaris Cross รุ่น HEV Premium ราคา 849,000 บาท
 - Toyota Yaris Cross รุ่น HEV Premium Luxury ราคา 899,000 บาท
 
3. Honda City Hatchback e:HEV

ภาพจาก : honda.co.th
Honda City Hatchback e:HEV รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด e:HEV ติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda SENSING เบรกมือไฟฟ้า แอร์อัตโนมัติ และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เป็นต้น แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย สีตัวถังมีทั้งหมด 6 สี
Honda City Hatchback e:HEV เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 109 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 27.8 กิโลเมตร/ลิตร
Honda City Hatchback e:HEV ราคาจำหน่าย
- Honda City Hatchback e:HEV รุ่น SV ราคา 729,000 บาท
 - Honda City Hatchback e:HEV รุ่น RS ราคา 799,000 บาท
 
4. Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D

ภาพจาก : mazda.co.th
Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์ดีเซลช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ใกล้เคียงกับเทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งไม่ต้องบำรุงรักษาทั้งสองระบบ มีระบบควบคุมขณะเข้าโค้ง GVC Plus ภายในตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม และมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ i-Activesense โดยรุ่นดีเซลแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย
Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 26.3 กิโลเมตร/ลิตร
Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D ราคาจำหน่าย
- Mazda 2 รุ่น XD Sport ราคา 720,000 บาท
 - Mazda 2 รุ่น XDL Sport ราคา 830,000 บาท
 
5. Toyota Yaris Ativ

ภาพจาก : toyota.co.th
Toyota Yaris Ativ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ตัวถังซีดาน 4 ประตู ที่ยังไม่ติดตั้งเทคโนโลยีไฮบริด แต่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เบรกมือไฟฟ้า มีให้ในบางรุ่นย่อย ซึ่งแบ่งเป็น 4 รุ่น ส่วนสีตัวถังมีทั้งหมด 7 สี
Toyota Yaris Ativ เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 94 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
Toyota Yaris Ativ ราคาจำหน่าย
- Toyota Yaris Ativ รุ่น Sport ราคา 549,000 บาท
 - Toyota Yaris Ativ รุ่น Smart ราคา 594,000 บาท
 - Toyota Yaris Ativ รุ่น Premium ราคา 669,000 บาท
 - Toyota Yaris Ativ รุ่น Premium Luxury ราคา 699,000 บาท
 
6. Nissan Almera

ภาพจาก : nissan.co.th
Nissan Almera รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ตัวถังซีดาน 4 ประตู ที่ลดขนาดความจุเครื่องยนต์ และชดเชยกำลังด้วยระบบอัดอากาศอย่างเทอร์โบ เพื่อให้ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ติดตั้งระบบความปลอดภัย 360 องศา Safety Shield แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อย มีสีโมโนโทน 6 สี และทูโทน 3 สี
Nissan Almera เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 100 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
Nissan Almera ราคาจำหน่าย
- Nissan Almera รุ่น E ราคา 549,000 บาท
 - Nissan Almera รุ่น EL ราคา 589,000 บาท
 - Nissan Almera รุ่น V ราคา 659,000 บาท
 - Nissan Almera รุ่น VL ราคา 699,000 บาท
 
7. Honda HR-V e:HEV

ภาพจาก : honda.co.th
Honda HR-V e:HEV รถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ 5 ที่นั่ง เทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งรุ่นเริ่มต้น e:HEV E ราคาต่ำกว่าล้านบาท อุปกรณ์ความปลอดภัยเหมือนรุ่นท็อป ขาดแค่ Honda LaneWatch กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในและการตกแต่งภายนอกบางรายการ
Honda HR-V e:HEV เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 131 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25.6 กิโลเมตร/ลิตร
Honda HR-V e:HEV ราคาจำหน่าย
- Honda HR-V e:HEV รุ่น E ราคา 979,000 บาท
 
8. Nissan Kicks e-POWER

ภาพจาก : nissan.co.th
Nissan Kicks e-POWER รถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ 5 ที่นั่ง ที่มาพร้อมเทคโนโลยี e-POWER แตกต่างไม่เหมือนใคร เพราะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน แต่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็กคอยปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ โดยแบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย ส่วนสีตัวถังมีทั้งแบบทูโทน 5 สี และโมโนโทน 7 สี
Nissan Kicks e-POWER เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 136 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยมีเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร สร้างกระแสไฟเข้าแบตเตอรี่เพื่อจ่ายไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้า (ไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้) อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.8 กม./ลิตร
Nissan Kicks e-POWER ราคาจำหน่าย
- Nissan Kicks e-POWER รุ่น E ราคา 779,000 บาท
 - Nissan Kicks e-POWER รุ่น V ราคา 849,000 บาท
 - Nissan Kicks e-POWER รุ่น VL ราคา 919,000 บาท
 - Nissan Kicks e-POWER รุ่น Autech ราคา 979,000 บาท
 - Nissan Kicks e-POWER รุ่น Star Edition ราคา 939,000 บาท
 
9. MG VS HEV

ภาพจาก : mgcars.com
MG VS HEV รถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ 5 ที่นั่ง เทคโนโลยีไฮบริด ที่เคลมว่ามีกำลังสูงถึง 177 แรงม้า สามารถสั่งงาน เช็กสถานะตัวรถจากระยะไกลได้ด้วย i-Smart แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย สีตัวถังมีทั้งทูโทนและโมโนโทนรวม 6 สี ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย
MG VS HEV เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 109 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ให้กำลังรวมกันสูงสุด 177 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 24.4 กิโลเมตร/ลิตร
MG VS HEV ราคาจำหน่าย
- MG VS HEV รุ่น D ราคา 699,000 บาท
 - MG VS HEV รุ่น X ราคา 759,000 บาท
 
10. Haval Jolion HEV

ภาพจาก : gwm.co.th
Haval Jolion HEV รถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ประหยัดเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยีไฮบริด และมีกำลังสูงถึง 190 แรงม้า ตามตัวเลขจากโรงงาน แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย ส่วนสีตัวถังมีทั้งหมด 4 สี
Haval Jolion เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 125 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 156 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ให้กำลังรวมกันทั้งระบบ 190 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร เกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตร/ลิตร
Haval Jolion HEV ราคาจำหน่าย
- Haval Jolion HEV รุ่น Sport ราคา 799,000 บาท
 - Haval Jolion HEV รุ่น Ultra ราคา 999,000 บาท
 
ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถคันใหม่
สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อรถใหม่ แต่ไม่แน่ใจหรือลังเลว่าควรเลือกอย่างไรไม่ให้ต้องเสียดายภายหลัง เพราะปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย แต่เรามีวิธีง่าย ๆ มาแนะนำเพื่อให้ได้รถที่เหมาะกับตัวเองและการใช้งานมากที่สุด
อันดับแรกควรพิจารณาจากการใช้งาน หรือจริง ๆ แล้วต้องการซื้อรถเพราะเหตุผลใดเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันรถยนต์มีหลายประเภท หลายเทคโนโลยี ควรเลือกรถให้เหมาะสมกับความชอบ ลักษณะการใช้งาน รวมถึงความสะดวกในการดูแล หรือมีจุดไหนที่ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ
อีกส่วนหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ งบประมาณกับความสามารถในการผ่อนชำระ (หากซื้อเงินสดก็คงเป็นส่วนของการบำรุงรักษา) โดยเฉพาะค่างวดรายเดือนไม่ควรเกิน 20-30% ของรายได้ เพราะถึงจะซื้อรถใหม่แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย เช่น ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาตามระยะ ยาง แบตเตอรี่ และประกันภัย เป็นต้น
	    	
		    
