ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลก (ปัจจุบัน)

เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ชีวิตการทำงานแล้ว แต่ละคนก็จะมีเป้าหมายในการเก็บเงินแตกต่างกันไป บางคนก็เพื่อซื้อบ้านที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองสักหลัง บางคนก็เก็บเพื่อที่จะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในอนาคต บางคนก็เก็บเพื่อที่จะมีรถยนต์ของตัวเองไว้ใช้งาน และแน่นอนว่าวัยเด็กของใครหลายคนน่าจะมีสิ่งที่เรียกว่า “รถในฝัน” อยู่ ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน บ้างก็เป็นสาย JDM รถแต่งญี่ปุ่นอย่าง Nissan Skyline GTR หรืออาจจะเป็นรถหรูอย่าง Mercedes-Benz, BMW จนไปถึงขั้นซุปเปอร์คาร์สุดหรูอย่างพวก Porsche, Ferrari, Aston Martin, Lamborghini ฯลฯ เลยก็ได้ แต่ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูขั้นกว่าของรถซุปเปอร์คาร์นั่นก็คือบรรดา ไฮเปอร์คาร์ ที่ติดอันดับ 10 รถที่แพงที่สุดในโลก โดยจะมียี่ห้อไหน รุ่นไหนบ้าง ตามมาดูไปพร้อมๆ กันได้เลยครับ
10. Lamborghini Sian (ราคาโดยประมาณ 111,600,000 บาท)
Cr: Car and driver
เริ่มกันที่อันดับ 10 กับตัวแรงที่เปรียบเสมือนอนาคตของค่ายรถกระทิงดุจากประเทศอิตาลีอย่าง Lamborghini Sian ที่มีพื้นฐานมาจากรุ่น Aventador SVJ โดยจะมาในเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ให้พละกำลังแรงม้าสูงสุดถึง 819 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 350 กม./ชม. ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ได้ด้วยเวลาแค่ 2.8 วินาทีเท่านั้น ทำให้นี่กลายเป็นรถที่แรงที่สุดตั้งแต่แบรนด์มีมา และจะทำการผลิตทั่วโลกเพียงแค่ 63 คันเท่านั้น
9. Bugatti Chiron Super Sport 300+ (ราคาโดยประมาณ 120,900,000 บาท)
Cr: Motor 1
ต่อกันที่อันดับ 9 กับค่ายรถยนต์หรูระดับไฮเพอฟอร์แมนซ์สัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Bugatti ในรุ่น Chiron Super Sport 300+ ที่ทางแบรนด์เองประกาศว่ารถรุ่นนี้ได้ทำความเร็วเกิน 300 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 482.80 กม./ชม. โดยต่อมาบูกัตติเองก็ได้ดัดแปลงรถรุ่นนี้ให้ใช้งานได้บนท้องถนน ซึ่งจะจำกัดความเร็วสูงสุดของแต่ละคันไว้ที่ 277 ไมล์/ชม. หรือ 445.79 กม./ชม. และจะเป็นการผลิตแบบจำนวนจำกัดเพียงแค่ 30 คันเท่านั้น
8. Lamborghini Veneno (ราคาโดยประมาณ 139,500,000 บาท)
Cr: Luxury and expensive
ไม่ทิ้งช่วงนานสำหรับแบรนด์กระทิงดุกับอันดับที่ 8 อย่างเจ้า Lamborghini Veneno ซึ่งเป็นรถที่พัฒนามาจากพื้นฐานของ Aventador เช่นกัน และผลิดเป็นเหมือนรถตัวอย่างแค่ 14 คันเท่านั้น ในระหว่างปี 2014 – 2015 มีทั้งแบบเปิดประทุนและคูเป้ โดยใช้ขุมกำลัง V12 ขนาด 6.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดถึง 740 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 609 นิวตัน-เมตร ซึ่งทำอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ได้ด้วยเวลาเพียง 2.9 วินาที และจนถึงตอนนี้ Veneno ก็เป็นรถที่แพงที่สุดตั้งแต่เริ่มมีแบรนด์มา
7. Koenigsegg CCXR Trevita (ราคาโดยประมาณ 148,800,000 บาท)
สำหรับอันดับที่ 7 ตกเป็นของ Koenigsegg ค่ายรถยนต์ไฮเปอร์คาร์สุดหรูจากประเทศสวีเดน กับรุ่น CCXR Trevita โดยสาเหตุความแพงของเจ้าคันนี้อยู่ที่ตัวรถมีส่วนประกอบของเพชรหุ้มอยู่ด้วย สีของภายนอกก็ใช้เป็นสีเพชร ตัวรถถูกขับเคลื่อนด้วยขุมกำลัง V8 ขนาด 4.8 ลิตร มาพร้อมกับเทอร์โบคู่ ให้จำนวนแรงม้าสูงสุดถึง 1,004 ตัว แรงบิดสูงสุด 1,080 นิวตันเมตร แต่ทางแบรนด์ก็ผลิตตัวอย่างคันนี้เพียงแค่ 3 คันเท่านั้น ก่อนจะเลิกผลิตในท้ายที่สุด
Cr: Koenigsegg
6. Bugatti Divo (ราคาโดยประมาณ 179,800,000 บาท)
Cr: Bugatti
ถัดมาเพียงแค่สองอันดับจากอันดับที่ 9 Bugatti ก็กลับมาอีกครั้งในอันดับที่ 6 กับรุ่น Bugatti Divo โดยรถรุ่นนี้มีความคล้ายคลึงกันกับเจ้า Chiron ซึ่งถูกกว่าเยอะพอสมควร แต่ราคาที่แพงกว่าของ Divo ก็มาพร้อมกับล้อที่มีน้ำหนักเบา อินเตอร์คูลเลอร์แบบคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้รุ่นนี้เบากว่าตัว Chiron ถึง 77 ปอนด์ ส่วนเครื่องยนต์ถึงจะเป็นแบบเดียวกัน แต่ด้วยการตั้งค่าเกี่ยวกับระบบอากาศพลศาสตร์ที่แตกต่างทำให้เร็วกว่า 8 วินาที เมื่ออยู่ในสนามทดสอบ โดยทาง Bugatti กำลังผลิตตัวอย่างรถคันนี้ทั้งหมด 40 คันด้วยกัน
5. Mercedes-Maybach Exelero (ราคาโดยประมาณ 248,000,000 บาท)
Cr: Daimler
มาถึงครึ่งทางกันแล้วครับ โดยในอันดับที่ 5 ตกเป็นของ Mercedes-Maybach Exelero แบรนด์หรูจากเยอรมนี ซึ่งเป็นการผลิตที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากทาง Fulda ที่เป็นบริษัทในเครือของ Goodyear ผู้ผลิตยางรถยนต์ชื่อดัง เพื่อทดสอบยางรุ่นใหม่ โดยเจ้าคันนี้เปิดตัวในปี 2004 มีพื้นฐานมาจาก Maybach ด้วยเครื่องยนต์ V12 มาพร้อมเทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,020 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 350 กม./ชม. และด้วยภาวะเงินในปัจจุบันการจะเป็นเจ้าของ Exelero คันนี้อาจจะต้องใช้เงินมากถึง 300,000,000 บาท
4. Bugatti Centodieci (ราคาโดยประมาณ 279,000,000 บาท)
Cr: Carbuzz
ติดอันดับเป็นคันที่ 3 แล้วสำหรับ Bugatti กับอันดับที่ 4 ในรุ่น Centodieci โดยถูกเปิดตัวในงานรถยนต์ Pebble Beach เมื่อปีที่แล้ว และผลิตแบบจำนวนจำกัดเพียงแค่ 10 คันเท่านั้น นอกจากนี้เจ้ารุ่นนี้ได้ถูกผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการครบรอบ 110 ปีของ Bugatti ซึ่งรุ่นนี้มีรูปลักษณ์คล้ายกับ Bugatti EB110 ตัวดังในอดีต และจากรูปลักษณ์ของการดีไซน์ที่แปลกตาอาจะไม่ได้ถูกใจใครหลายคน แต่ก็การันตีได้ว่าคุณจะไม่เหมือนใครบนท้องถนนเช่นเดียวกัน
3. Bugatti La Voiture Noire (ราคาโดยประมาณ 387,500,000 บาท)
Cr: Car and driver
ต่อเนื่องกันสำหรับ Bugatti ในอันดับที่ 3 กับเจ้าหนึ่งเดียวอย่าง Bugatti La Voiture Noire คันนี้ก็ได้กลายเป็นรถที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสไปแล้วเรียบร้อย โดยรุ่นนี้ได้รับการตีความใหม่จากรุ่น Type 57 SC Atlantic ของ Jean Bugatti อดีต 1 ในผู้บริหารของแบรนด์ มาในเครื่องยนต์แบบเดียวกับรุ่น Chiron ด้วยเครื่อง W16 ขนาด 8.0 ลิตร มาพร้อมควอดเทอร์โบ ให้แรงม้าสูงสุดถึง 1,479 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร และแน่นอนว่าหนึ่งเดียวคันนี้มีเจ้าของเรียบร้อยแล้ว
2. Rolls-Royce Sweptail (ราคาโดยประมาณ 396,800,000 บาท)
Cr: Rolls-Royce
มาถึงอันดับที่สองแล้วกับแบรนด์หรูจากเมืองผู้ดีอย่าง Rolls-Royce รถยนต์นั่งสุดหรูหรามากๆ ยี่ห้อหนึ่งของโลกที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยรุ่นนี้มีชื่อว่า Rolls-Royce Sweptail กับราคาที่เสียวไส้เล็กน้อยเฉียดๆ 400 ล้านบาท ซึ่งเคยได้รับตำแหน่งรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกเมื่อปี 2017 แต่ทางโรลส์-รอยซ์เองก็ไม่ได้ยืนยันข้อมูลนี้แบบเป็นทางการ และเจ้า Sweptail หนึ่งเดียวคันนี้ใช้เวลาในการพัฒนามากถึง 4 ปี ก่อนที่จะเปิดตัวในงานแสดงรถคลาสสิกและรถโบราณ Concorso d’Eleganza Villa d’Este ที่ประเทศอิตาลี เมื่อปี 2017
1. Pagani Zonda HP Barchetta (ราคาโดยประมาณ 542,500,000 บาท)
Cr: Jalopnik
และก็มาถึงอันดับที่ 1 ของรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก โดยตกเป็นของสุดยอดแบรนด์หรูไฮเปอร์คาร์จากดินแดนรองเท้าบู้ต ประเทศอิตาลี อย่าง Pagani กับรุ่น Zonda HP Barchetta ซึ่งจากราคาเปิดตัวเมื่อปี 2018 ที่ 17.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ 542,500,000 บาท ทำให้มันขึ้นแท่นเป็นรถที่แพงที่สุดในโลกไปแล้ว แถมทางแบรนด์ยังได้สร้างตัวอย่างเจ้าคันนี้เพียงแค่ 3 คันเท่านั้น และหนึ่งในนั้นตกเป็นของ CEO แบรนด์อย่างคุณ Horacio Pagani
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 10 อันดับรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกที่เราเอามานำเสนอกันในวันนี้ ต้องบอกเลยว่าราคาแต่ละคันทำเอาขนลุกกันไปเลย แค่สตาร์ทที่อันดับ 10 ก็เริ่มต้นที่ 100 กว่าล้านแล้ว ยิ่งอันดับ 1 ราคาไปไกลถึงครึ่งพันล้าน นับว่าโหดมากกับการซื้อรถยนต์สักคันหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับสมรรถภาพและคุณภาพต่างๆ รวมไปถึงความลิมิเต็ดแล้วก็คงต้องยอม ส่วนเราก็นั่งดูรอรับชมกันต่อไปครับว่าในอนาคตจะมีรถที่แพงขึ้นกว่านี้อีกขนาดไหน และราคาจะพุ่งไปจบที่เท่าไหร่กัน
	    	
		    
