ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
เจาะลึก Motor Expo 2025: BYD และ DENZA จากเรเว่ ออโตโมทีฟ – สุดยอดนวัตกรรม EV และโปรโมชั่นที่ห้ามพลาด
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicles – NEVs) ของประเทศไทย การแข่งขันที่ดุเดือด นวัตกรรมที่ก้าวกระโดด และนโยบายภาครัฐที่ขับเคลื่อนตลาดอย่างต่อเนื่อง ล้วนสร้างภูมิทัศน์ที่น่าตื่นเต้น และไม่มีเวทีใดจะสะท้อนภาพรวมนี้ได้ชัดเจนเท่ากับมหกรรมยานยนต์ หรือ Motor Expo โดยในปี 2025 นี้ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผู้บริโภคชาวไทยไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบูธของ เรเว่ ออโตโมทีฟ (Rêver Automotive) ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BYD และ DENZA ซึ่งครั้งนี้มาพร้อมการประกาศศักดาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต และมอบข้อเสนอสุดเร้าใจที่อาจเป็นโค้งสุดท้ายก่อนการปรับเปลี่ยนนโยบาย EV 3.0
เรเว่ ออโตโมทีฟ: ผู้นำที่ขยายอาณาจักรยานยนต์พลังงานใหม่
การเข้าสู่ปี 2025 ถือเป็นช่วงเวลาที่เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้สร้างฐานที่มั่นอันแข็งแกร่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างชัดเจน ด้วยเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการที่ครอบคลุมกว่า 167 สาขาทั่วประเทศ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีระดับโลกมาสู่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง และในการจัดงาน Motor Expo 2025 ครั้งนี้ เรเว่ฯ ตอกย้ำความเป็นผู้นำอีกครั้งด้วยพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดในงาน รวมกว่า 2,193 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับ BYD โดยเฉพาะ 1,591 ตารางเมตร และ DENZA อีก 602 ตารางเมตร ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การแสดงความยิ่งใหญ่ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิดและครบวงจรที่สุด นี่คือการลงทุนที่แสดงถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาด NEV ในไทย และความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ที่ยั่งยืน
พื้นที่จัดแสดงขนาดมหึมานี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การโชว์รถยนต์เท่านั้น แต่เป็นประสบการณ์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ให้ผู้เยี่ยมชมได้ดื่มด่ำกับโลกของยานยนต์พลังงานใหม่ ทั้งจาก BYD และแบรนด์พรีเมียมอย่าง DENZA ที่เรเว่นำเข้ามาเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอ การจัดแสดงที่แยกโซนอย่างชัดเจน แต่ยังคงความเชื่อมโยงกัน ทำให้เห็นถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) 100% ไปจนถึงรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ที่เป็นหัวใจสำคัญของหลายรุ่น นับเป็นจุดแข็งที่ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว
เปิดม่านนวัตกรรม: 3 ยานยนต์ใหม่แกะกล่องที่แรกในไทย
หัวใจสำคัญของการมาเยือน Motor Expo 2025 ของเรเว่ฯ คือการเปิดตัว 3 รุ่นใหม่ที่ไม่เคยปรากฏที่ใดในประเทศไทยมาก่อน ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ BYD ในการพัฒนายานยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกมิติการใช้งาน และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต
DENZA B5: redefining SUV Off-road Luxury
DENZA B5 คือรถยนต์ SUV Off-road ที่มาพร้อมกับการผสานเทคโนโลยีการขับเคลื่อนล้ำสมัยเข้ากับสุนทรียศาสตร์แห่งการออกแบบทรงเหลี่ยมสไตล์พรีเมียมอย่างเหนือชั้น ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า B5 คือคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่สามารถลุยได้ทุกเส้นทางแต่ยังคงความหรูหราและความสะดวกสบายสูงสุด การออกแบบที่ดุดันแต่แฝงไว้ซึ่งความปราณีต แสดงให้เห็นถึงการยกระดับมาตรฐานของรถ SUV พรีเมียมในตลาด ไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์ แต่ B5 ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี B-Style U-Turn ที่ทำให้รัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 3.4 เมตร มอบความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยมสำหรับการขับขี่ในเมืองใหญ่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผนวกกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และขุมพลังไฮบริด DMO ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 505 กิโลวัตต์ และแรงบิดมหาศาล 760 นิวตัน-เมตร ทำให้ B5 พร้อมพิชิตทุกอุปสรรคได้อย่างมั่นใจ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันทุกการเดินทาง ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการผจญภัยสุดสัปดาห์ นี่คือ รถ SUV ไฟฟ้า ที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนไทย
BYD Ti7: The Urban Adventure SUV with Cutting-Edge Tech
BYD Ti7 คือรถยนต์ Urban SUV สไตล์ Adventure ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด “STARSHIP Ark” สะท้อนถึงการออกแบบที่ผสานความแข็งแกร่งเข้ากับตัวถังทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ และภายในห้องโดยสารที่ออกแบบสไตล์ Dual Layer Symmetry ก็คือจุดเด่นที่ทำให้ Ti7 แตกต่างจากคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด ด้วย BYD Intelligent Cockpit ที่เชื่อมต่อการแสดงผลผ่านหน้าจอต่างๆ รวมถึงระบบแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาด 26 นิ้ว ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างมาก มอบข้อมูลการขับขี่ได้อย่างสมจริงและปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมหน้าจอผู้โดยสารด้านหลัง BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถยนต์ได้โดยตรง เสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเป็นศูนย์กลางควบคุมในรถ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV แบบ DM 5.0 platform 4WD ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง เข้ากับ BYD Blade Battery ให้กำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ แรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 155 กิโลเมตร (NEDC) และที่สำคัญคือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ ที่ยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ให้เหนือชั้น นี่คือ นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่ผสมผสานความล้ำยุคและความดุดันไว้ได้อย่างลงตัว
DENZA D9 Phantom Edition: Luxury MPV Elevated
สำหรับ DENZA D9 Phantom Edition เป็นการยกระดับความหรูหราของ DENZA D9 MPV ที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว ให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยชุดตกแต่งสเกิร์ตรอบคันดีไซน์สปอร์ต กระจังหน้าแบบใหม่ และชุดสปอยเลอร์ ที่เพิ่มความสง่างามและความสปอร์ตได้อย่างลงตัว ภายในห้องโดยสารยังคงความพรีเมียมด้วยจอเพดานระบบสัมผัสสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 15.6 นิ้ว มอบความบันเทิงตลอดการเดินทาง การเพิ่ม “Phantom Edition” เข้ามาในตลาด เป็นการตอกย้ำจุดยืนของ DENZA ในฐานะแบรนด์พรีเมียมที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มองหาสุดยอดยานยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัวหรือผู้บริหารที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด ด้วยดีไซน์ที่หรูหราและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน D9 Phantom Edition คือทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง ที่ไม่เพียงแค่พาคุณไปยังจุดหมาย แต่ยังมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ
พลังแห่ง DM-i Super Hybrid: การขับขี่ที่เหนือกว่า
BYD ได้พลิกโฉมตลาด PHEV ด้วยนวัตกรรมระบบ DM-i Super Hybrid ซึ่งแตกต่างจากระบบ PHEV ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่าหัวใจสำคัญของ DM-i คือการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงประสบการณ์การขับขี่ที่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้า EV อย่างแท้จริง ทั้งการตอบสนองที่ฉับไว ไร้เสียงรบกวน และความนุ่มนวล แต่ยังคงความอุ่นใจด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่พร้อมทำงานเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จหรือระยะทางในการเดินทางไกล นี่คือการผสมผสานจุดเด่นของ EV และ HEV ได้อย่างลงตัวที่สุด และที่สำคัญ DM-i Super Hybrid ยังมาพร้อมกับ BYD Blade Battery ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ระดับชั้นนำของวงการ ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัยและระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวที่ยาวนานกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายรายในตลาด PHEV ณ ปัจจุบัน
เรเว่ฯ ได้นำเสนอรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid สองรุ่นเด่น ได้แก่:
BYD Seal 5 DM-i: ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกในไทยที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV นี้ สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC) ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั๊ก ที่ประหยัดเชื้อเพลิงและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ ด้วยดีไซน์ที่หรูหราและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม Seal 5 DM-i จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ซีดานที่มีความสมดุลทั้งด้านประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน
BYD SEALION 6 DM-i: รถยนต์ SUV พรีเมียมและมีสไตล์ ที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบรถ SUV ที่ต้องการความสะดวกสบาย ความหรูหรา และประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เหนือชั้น ด้วย เทคโนโลยี BYD ที่ล้ำสมัยและการออกแบบที่โดดเด่น ทำให้ SEALION 6 DM-i เป็นหนึ่งในรถ SUV PHEV ที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2025
นาทีทองแห่งการตัดสินใจ: โค้งสุดท้ายของมาตรการ EV 3.0 สู่ EV 3.5
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่สุดที่ผู้บริโภคที่กำลังพิจารณาเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่จะต้องให้ความสำคัญคือ “ช่วงเวลา” การจัดงาน Motor Expo 2025 ครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เปราะบางและเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับผู้ที่ต้องการคว้าสิทธิประโยชน์สูงสุดจากมาตรการ EV 3.0 ของภาครัฐ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568
ผมในฐานะผู้สังเกตการณ์ตลาดมาโดยตลอด ขอเน้นย้ำว่าหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2568 การเปลี่ยนแปลงนโยบายไปสู่ EV 3.5 จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้:
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ผลิตในประเทศไทย: เช่น BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3 ซึ่งปัจจุบันได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดมูลค่า 150,000 บาท จากโครงการ EV 3.0 จะไม่ได้รับสิทธินี้อีกต่อไป แต่จะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดมูลค่า 50,000 บาท จากโครงการ EV 3.5 แทน ซึ่งหมายถึงราคาที่เพิ่มขึ้นถึง 100,000 บาท
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า: เช่น BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 นอกจากจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐสูงสุดมูลค่า 75,000 บาทแล้ว ยังจะมีการปรับอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 8% รวมเป็น 10% ซึ่งจะทำให้ราคาจำหน่ายพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
จากข้อมูลข้างต้น จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าช่วงเวลาของ Motor Expo 2025 (29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568) คือ “ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด” ในการตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ไม่ใช่แค่เพราะมีรถรุ่นใหม่และโปรโมชั่นพิเศษเท่านั้น แต่เป็นเพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะได้ครอบครองรถยนต์คุณภาพเหล่านี้ในราคาที่ดีที่สุด ก่อนที่จะมีการปรับราคาขึ้นตามโครงสร้างภาษีและมาตรการสนับสนุนใหม่
ข้อเสนอสุดพิเศษจากเรเว่: คว้าโอกาสก่อนใคร
เพื่อตอบรับกับช่วงเวลาสำคัญนี้ เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้จัดแคมเปญและ โปรโมชั่นรถยนต์ไฟฟ้า ที่ดีที่สุดเพื่อมอบให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้การเป็นเจ้าของรถยนต์ BYD และ DENZA เป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่าที่สุด
BYD DOLPHIN: สำหรับรุ่นย่อย Standard เสนอราคาพิเศษเพียง 449,900 บาท หรือ 459,900 บาท (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข) พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้าผ่อนถูก และคุ้มค่าสำหรับการใช้งานในเมือง
BYD ATTO 3: สำหรับรุ่นย่อย Premium ราคาพิเศษ 629,900 บาท หรือ 639,900 บาท และรุ่นย่อย Extended ราคาพิเศษ 699,900 บาท หรือ 709,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ทั้งสองรุ่นย่อย ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก ATTO 3 ยังคงเป็น รถ EV ราคาดีที่สุด ในกลุ่ม B-SUV ที่ตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวได้อย่างลงตัว
BYD M6: สำหรับรุ่นย่อย Dynamic มอบข้อเสนอพิเศษ ด้วยดาวน์เริ่มต้นเพียง 39,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก ทำให้ M6 เป็น MPV ไฟฟ้าที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
BYD SEALION 7: สำหรับรุ่นย่อย Premium ด้วยดาวน์เริ่มต้นเพียง 57,495 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ รถ SUV ไฟฟ้า ขนาดใหญ่ที่มาพร้อมความหรูหราและเทคโนโลยีเต็มพิกัด
BYD Seal 5 DM-i และ BYD SEALION 6 DM-i: สองรุ่น DM-i Super Hybrid ที่มาพร้อมข้อเสนอที่น่าสนใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเงินดาวน์เริ่มต้นที่เข้าถึงง่าย หรืออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมของแถมครบครัน
นอกจากโปรโมชั่นสุดพิเศษเหล่านี้แล้ว สิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยกว่า 100,000 รายให้ความไว้วางใจในแบรนด์ BYD คือความมุ่งมั่นในคุณภาพ นวัตกรรมระดับโลก และการบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง ด้วยเครือข่าย ศูนย์บริการ BYD ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้การดูแลรักษารถยนต์พลังงานใหม่เป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจได้
บทสรุปและคำเชิญชวน
มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ไม่ใช่แค่เพียงงานแสดงรถยนต์ประจำปี แต่เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของยานยนต์พลังงานใหม่อย่างเต็มตัว เรเว่ ออโตโมทีฟ ในฐานะผู้บุกเบิกและผู้นำตลาด ได้นำเสนอทัพยานยนต์จาก BYD และ DENZA ที่ไม่เพียงแต่นำเสนอนวัตกรรมแห่งอนาคต แต่ยังมาพร้อมกับข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่นโยบายภาครัฐกำลังจะเปลี่ยนผ่าน
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการนี้ ผมขอยืนยันว่านี่คือ “โอกาสทอง” ที่สำคัญที่สุดของปี 2025 ในการตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด DM-i Super Hybrid ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยีล้ำสมัย
อย่าพลาดโอกาสครั้งสำคัญนี้! ขอเรียนเชิญทุกท่านมาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสู่โลกยานยนต์ที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น พบกับทัพยานยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA พร้อมรับข้อเสนอที่ดีที่สุดด้วยตัวคุณเอง ที่บูธหมายเลข A06 ณ อิมแพค เมืองทองธานี ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 หรือเยี่ยมชม โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD และ DENZA ใกล้บ้านท่านทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศ เพื่อรับคำปรึกษาและข้อเสนอพิเศษ โอกาสในการเป็นเจ้าของยานยนต์แห่งอนาคตในราคาที่ดีที่สุดรอคุณอยู่ ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป!
เรเว่ ออโตโมทีฟ: พลิกโฉมวงการยานยนต์ไทย สู่ยุคพลังงานใหม่ที่ Motor Expo 2025
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สั่งสมประสบการณ์มานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าปี 2025 นี้ คือช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งสำหรับตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) โอกาสทองครั้งใหญ่กำลังจะมาถึงในมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมี Rêver Automotive ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานใหม่ BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยพื้นที่จัดแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในงาน และข้อเสนอที่ไม่เคยมีมาก่อนที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของ “รถยนต์พลังงานใหม่ BYD” และ “รถยนต์ไฟฟ้า DENZA” ได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด
อนาคตยานยนต์อยู่ตรงหน้า: Rêver Automotive บนเวที Motor Expo 2025
Rêver Automotive ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด “รถยนต์พลังงานใหม่” อีกครั้ง ด้วยการครอบครองพื้นที่จัดแสดงรวมกว่า 2,193 ตารางเมตร ณ Motor Expo 2025 แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับแบรนด์ BYD ขนาด 1,591 ตารางเมตร และ DENZA ขนาด 602 ตารางเมตร ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ในการนำเสนอ “นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” ที่หลากหลายและทันสมัยที่สุดให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย การมาเยือนบูธ A06 ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำยุคในรถยนต์หลากหลายรุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเข้าถึง “โปรโมชั่นรถยนต์ไฟฟ้า BYD” และ “ข้อเสนอ DENZA D9” ที่ “คุ้มค่าที่สุด” ก่อนมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐจะสิ้นสุดลง นี่คือจังหวะที่เหนือกว่าคำว่า “ดีที่สุด” ในการตัดสินใจลงทุนเพื่ออนาคตการเดินทางที่ยั่งยืนของคุณ
นโยบาย EV 3.0 ถึง EV 3.5: จุดเปลี่ยนที่ต้องคว้าไว้
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ผู้บริโภค “รถยนต์ไฟฟ้า” ทุกท่านต้องตระหนักในปี 2025 นี้ คือการสิ้นสุดมาตรการสนับสนุนการใช้ “รถยนต์ไฟฟ้า” ของภาครัฐภายใต้โครงการ EV 3.0 ซึ่งจะหมดเขตลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 หลังจากนั้นประเทศไทยจะเข้าสู่มาตรการ EV 3.5 ซึ่งมีการปรับลดเงินสนับสนุนลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลโดยตรงต่อ “ราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า” ในตลาด
สำหรับ “รถยนต์ไฟฟ้า BYD” ที่ผลิตในประเทศอย่าง “BYD DOLPHIN” และ “BYD ATTO 3” จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 150,000 บาทจาก EV 3.0 อีกต่อไป แต่จะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดเพียง 50,000 บาทจาก EV 3.5 ซึ่งหมายถึง “ต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้า” ที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ซื้อ ส่วน “รถยนต์ไฟฟ้า” และ “รถยนต์ PHEV” ที่นำเข้า อาทิ “BYD SEAL”, “BYD M6”, “BYD SEALION 7” และ “DENZA D9” นอกจากจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐสูงสุด 75,000 บาทแล้ว ยังต้องเผชิญกับการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก 8% รวมเป็น 10% ซึ่งจะส่งผลให้ “ราคา EV” เหล่านี้สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ขอเน้นย้ำว่า Motor Expo 2025 คือ “โอกาสสุดท้าย” ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการ EV 3.0 เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด เพื่อให้ได้ครอบครอง “รถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง” ใน “ราคาที่น่าสนใจที่สุด” ก่อนการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่จะมาถึง ไม่ใช่เพียงแค่การซื้อรถ แต่เป็นการ “ลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า” ที่จะให้ผลตอบแทนในระยะยาวด้วย “ค่าใช้จ่าย EV” ที่คุ้มค่ากว่าอย่างเห็นได้ชัด
เปิดตัวครั้งแรกในไทย: 3 นวัตกรรมยานยนต์ที่เหนือความคาดหมาย
Rêver Automotive สร้างความตื่นเต้นด้วยการนำ 3 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยจัดแสดงที่ใดในไทยมาก่อน มาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่ Motor Expo 2025 ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนเป็นตัวแทนของ “เทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต” ที่ BYD และ DENZA มุ่งมั่นนำเสนอ
DENZA B5: SUV Off-road ผสานพลัง DMO Hybrid สู่การขับขี่ไร้ขีดจำกัด
นี่คือการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยของ “DENZA B5” รถยนต์ SUV off-road ที่ผสานความแข็งแกร่งเข้ากับ “เทคโนโลยีการขับเคลื่อนล้ำสมัย” ได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยการออกแบบดีไซน์ทรงเหลี่ยมแบบพรีเมียม ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการผจญภัย ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบพิเศษเพียง 3.4 เมตร ร่วมกับเทคโนโลยี B-Style U-Turn ทำให้การขับขี่ในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่นเป็นเรื่องง่ายดายและคล่องตัวอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะเดียวกัน ก็พร้อมลุยในทุกเส้นทางท้าทายด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันทรงพลังและ “ระบบไฮบริด DMO” (Dual Mode Off-road) อันเป็นนวัตกรรมเฉพาะของ BYD
“ระบบ DMO Hybrid” ของ DENZA B5 คือการผสานการทำงานของเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ มอบ “กำลังรวมสูงสุด 505 กิโลวัตต์” (ประมาณ 686 แรงม้า) และ “แรงบิดรวมสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร” ที่พร้อมส่งพลังงานได้อย่างฉับไวและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเร่งแซงบนทางหลวง หรือการตะลุยทางวิบาก “DENZA B5” ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่สมบูรณ์แบบและสุนทรียภาพตลอดเส้นทาง สำหรับผู้ที่มองหา “รถยนต์ SUV ไฟฟ้าออฟโรด” ที่รวมความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความอเนกประสงค์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว DENZA B5 คือคำตอบ
BYD Ti7: Urban SUV Adventure ที่สุดแห่งเทคโนโลยีและความดุดัน
อีกหนึ่งไฮไลต์คือ “BYD Ti7” รถยนต์ Urban SUV สไตล์ Adventure ที่มาพร้อมการออกแบบภายใต้แนวคิด STARSHIP Ark ผสมผสานความดุดันและแข็งแกร่งเข้ากับตัวถังทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบสไตล์ Dual Layer Symmetry มอบความรู้สึกกว้างขวางและทันสมัย พร้อม “BYD Intelligent Cockpit” ที่เชื่อมต่อการแสดงผลผ่านหน้าจอต่างๆ รวมถึงระบบแสดงผลบนกระจกหน้า “AR-HUD ขนาด 26 นิ้ว” ที่ให้ข้อมูลสำคัญแก่ผู้ขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน และอุปกรณ์เสริม “หน้าจอผู้โดยสารด้านหลัง BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว” ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถได้โดยตรง เสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเป็นศูนย์กลางควบคุมในรถ
“BYD Ti7” ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV แบบ “DM 5.0 platform 4WD” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Plug-in Hybrid เจเนอเรชันใหม่ล่าสุดของ BYD ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง เข้ากับ “BYD Blade Battery” อันเลื่องชื่อในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ มอบ “กำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์” (ประมาณ 490 แรงม้า) และ “แรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร” สามารถ “ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ 155 กิโลเมตร (NEDC)” เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง และมี “เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+” มากถึง 20 ระบบ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุด ผู้ที่มองหา “รถยนต์ SUV ไฟฟ้าอัจฉริยะ” ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การผจญภัยต้องไม่พลาด BYD Ti7
DENZA D9 Phantom Edition: อีกระดับของความหรูหราและสง่างามใน MPV
สำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราเหนือระดับและพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง “DENZA D9 Phantom Edition” คือคำตอบ รถ MPV สุดพรีเมียมที่ได้รับการยกระดับความสง่างามจากชุดตกแต่งสเกิร์ตรอบคัน ดีไซน์สปอร์ต และชุดสปอยเลอร์อันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังได้รับการปรับปรุงให้มีความหรูหรายิ่งขึ้น ด้วยการติดตั้ง “จอเพดานระบบสัมผัสสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 15.6 นิ้ว” ที่ช่วยเพิ่มความบันเทิงและความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ หรือผู้บริหารที่ต้องการ “รถยนต์ MPV ไฟฟ้า” ที่มอบประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาส “DENZA D9 Phantom Edition” เป็นการผสมผสานความอลังการของดีไซน์เข้ากับ “เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า” เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างแท้จริง
DM-i Super Hybrid: นวัตกรรม PHEV ที่ขับขี่ได้ดั่ง EV
Rêver Automotive ไม่ได้หยุดอยู่แค่รถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่ยังนำเสนอ “ระบบ DM-i Super Hybrid” ซึ่งเป็นนวัตกรรม Plug-in Hybrid (PHEV) จาก BYD ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง “เทคโนโลยี DM-i” นี้แตกต่างจากระบบ PHEV ทั่วไป เนื่องจากถูกออกแบบมาให้ “ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก” จึงมอบความรู้สึกในการขับขี่ที่คล้ายกับ “รถยนต์ไฟฟ้า EV” ทั้งในด้านการตอบสนองที่ฉับไว ไร้เสียงรบกวน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ในขณะเดียวกันก็หมดกังวลเรื่องระยะทางขับขี่ด้วยการมีเครื่องยนต์เป็นตัวช่วยในการสร้างพลังงานหรือขับเคลื่อนเมื่อจำเป็น และใช้เชื้อเพลิงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
หัวใจสำคัญของ “ระบบ DM-i Super Hybrid” คือ “BYD Blade Battery” ซึ่งเป็น “แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า” ระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้าน “ความปลอดภัยรถยนต์ไฟฟ้า” และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้มั่นใจได้ในระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ ลดการพึ่งพาการชาร์จสาธารณะ และช่วยลด “ค่าบำรุงรักษา EV” ในระยะยาวได้อย่างมาก
ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อม “ระบบ DM-i Super Hybrid” ทาง Rêver Automotive ได้นำเสนอสองรุ่นที่น่าสนใจ ได้แก่:
BYD Seal 5 DM-i: ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทยที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV สามารถ “ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC)” ตอบโจทย์ผู้ที่มองหา “รถยนต์ซีดานไฮบริด” ที่ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Premium ที่ให้คุณเลือกดาวน์เริ่มต้นเพียง 34,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก นี่คือ “โปรโมชั่น PHEV” ที่ไม่ควรพลาด
BYD SEALION 6 DM-i: รถยนต์ SUV พรีเมียมและมีสไตล์ ที่สามารถ “ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC)” มอบความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความอเนกประสงค์ พร้อมข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Dynamic ด้วยดาวน์เริ่มต้นเพียง 44,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก “BYD SEALION 6 DM-i” เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการ “รถยนต์ SUV ประหยัดน้ำมัน” พร้อม “เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า” ที่ทันสมัย
ทัพยนตรกรรมพลังงานใหม่จาก BYD: ข้อเสนอที่ดีที่สุดก่อนหมดเขต EV 3.0
นอกเหนือจากรุ่นใหม่และเทคโนโลยี DM-i แล้ว Rêver Automotive ยังนำทัพ “รถยนต์ไฟฟ้า BYD” ยอดนิยมรุ่นอื่นๆ มาพร้อม “โปรโมชั่นรถยนต์ไฟฟ้า” และ “แคมเปญ EV 3.0” ที่ “ดีที่สุด” เพื่อให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
BYD DOLPHIN: สำหรับรุ่นย่อย Standard ราคาพิเศษ 449,900 บาท (หรือ 459,900 บาทพร้อมโฮมชาร์จเจอร์) ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก “BYD DOLPHIN” ยังคงเป็น “รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก” ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ใช้งานในเมือง ด้วย “ราคา EV ที่เข้าถึงง่าย” และความคล่องตัวในการขับขี่
BYD ATTO 3: สำหรับรุ่นย่อย Premium ราคาพิเศษ 629,900 บาท (หรือ 639,900 บาทพร้อมโฮมชาร์จเจอร์) และรุ่นย่อย Extended ราคาพิเศษ 699,900 บาท (หรือ 709,900 บาทพร้อมโฮมชาร์จเจอร์) ทั้งสองรุ่นย่อย ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก “BYD ATTO 3” เป็น “รถยนต์ไฟฟ้า SUV ยอดนิยม” ที่ผสมผสานดีไซน์ทันสมัย เทคโนโลยีความปลอดภัย และ “ประสิทธิภาพ EV” ได้อย่างลงตัว
BYD M6: สำหรับรุ่นย่อย Dynamic ดาวน์เริ่มต้นเพียง 39,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก “BYD M6” คือ “รถยนต์ MPV ไฟฟ้า” ที่มอบความกว้างขวางและความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางของครอบครัว
BYD SEALION 7: สำหรับรุ่นย่อย Premium ดาวน์เริ่มต้นเพียง 57,495 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก “BYD SEALION 7” เป็น “รถยนต์ SUV ไฟฟ้าพรีเมียม” ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และ “เทคโนโลยี EV ล้ำสมัย”
ข้อเสนอเหล่านี้คือการยืนยันถึงความคุ้มค่าสูงสุดในการ “เป็นเจ้าของรถยนต์ BYD” และ “รถยนต์ DENZA” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “BYD Warranty” ที่มอบความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน ด้วย “บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า” ที่ครอบคลุมและ “ศูนย์บริการ BYD” กว่า 167 สาขาทั่วประเทศ
Rêver Automotive: ขับเคลื่อนความยั่งยืนสู่สังคมไทย
คุณประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Rêver Automotive ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปข้างหน้า พร้อมเผชิญกับปัจจัยท้าทายในปัจจุบัน การนำเสนอ “ยานยนต์พลังงานใหม่” ที่มาพร้อมนวัตกรรมระดับโลก ไม่ใช่เพียงแค่สร้างความตื่นตาตื่นใจ แต่เพื่อส่งเสริม “ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม” และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
คุณประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Rêver Automotive ยังกล่าวเสริมว่า “เทคโนโลยีล่าสุดในรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA มิได้สร้างขึ้นมาเพื่อความตื่นตาเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนด้วย” การนำเสนอทางเลือกทั้ง “รถยนต์ EV” และ “รถยนต์ PHEV DM-i Super Hybrid” ที่เป็นนวัตกรรมแถวหน้าของวงการ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีที่ดีกว่ามาให้ชาวไทยได้สัมผัส พร้อมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกว่าให้กับทุกคน
อย่ารอช้า: โอกาสทองที่ Motor Expo 2025 กำลังรอคุณ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำอีกครั้งว่านี่คือโอกาสทองครั้งสุดท้ายที่คุณจะสามารถ “เป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่” จาก BYD และ DENZA ด้วยข้อเสนอที่ดีที่สุดภายใต้มาตรการ EV 3.0 ก่อนที่สิทธิประโยชน์เหล่านี้จะสิ้นสุดลงในปลายปีนี้ การตัดสินใจในวันนี้ไม่เพียงแค่เป็นการเลือกซื้อรถยนต์ แต่เป็นการตัดสินใจที่ “คุ้มค่าการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า” ในระยะยาว ด้วย “ค่าใช้จ่าย EV ที่ต่ำกว่า” และ “ความคุ้มค่า EV ที่เหนือกว่า” จากนโยบายสนับสนุนภาครัฐ
อย่าพลาดโอกาสสำคัญนี้! มาสัมผัสประสบการณ์และนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษจาก Rêver Automotive ได้ที่บูธหมายเลข A06 ในมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 หรือเยี่ยมชมและทดลองขับ “รถยนต์พลังงานใหม่ BYD” ได้ที่โชว์รูมและ “ศูนย์บริการ BYD” และ DENZA ใกล้บ้านท่านทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือทุกท่านในการเลือกสรร “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสู่สังคมยานยนต์พลังงานใหม่ที่ยั่งยืนไปพร้อมกันกับ BYD และ DENZA ในวันนี้!
