ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
29 ปี ฟอร์ดในประเทศไทย: เจาะลึกความสำเร็จและอนาคตที่ ‘ดุดันทุกสถานการณ์’ ปี 2025
ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็วของปี 2025 แบรนด์รถยนต์ต้องเผชิญกับความท้าทายและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง ฟอร์ด ประเทศไทย ยืนหยัดอย่างมั่นคงด้วยเรื่องราวความสำเร็จอันน่าประทับใจตลอด 29 ปี การเดินทางที่ยาวนานเกือบสามทศวรรษนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การดำเนินธุรกิจ แต่เป็นการสร้างตำนานที่สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อตลาดและความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่าทศวรรษ ผมจะพาคุณเจาะลึกถึงเบื้องหลังความสำเร็จ ปัจจัยสำคัญ และกลยุทธ์ที่ทำให้ฟอร์ดไม่เพียงแค่ “อยู่รอด” แต่ยังคง “ครองใจ” คนไทยได้อย่างเหนียวแน่น และพร้อมก้าวสู่ทศวรรษที่สามอย่างแข็งแกร่ง
รากฐานแห่งความไว้วางใจ: ยอดขายที่สะท้อนปรากฏการณ์แห่งความเชื่อมั่น
เมื่อกล่าวถึง ฟอร์ด ประเทศไทย สิ่งแรกที่สะท้อนถึงความสำเร็จคือตัวเลขยอดขายที่น่าทึ่ง นับตั้งแต่วันแรกที่ฟอร์ดเข้ามาดำเนินธุรกิจในผืนแผ่นดินไทย จนถึง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ฟอร์ดได้ส่งมอบ รถยนต์ฟอร์ด ให้กับลูกค้าชาวไทยไปแล้วกว่า 803,352 คัน ตัวเลขนี้ไม่ใช่เพียงแค่ปริมาณ แต่คือการตอกย้ำถึงความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค 2025 ที่ตลาด รถยนต์ มีการแข่งขันสูง และผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย ตัวเลขนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ฟอร์ด สามารถสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้อย่างไร้ข้อกังขา
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจจากการวิเคราะห์ข้อมูล 4 ปีล่าสุด (พ.ศ. 2564-2568) คือสีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ ลูกค้าฟอร์ดในไทย คือ สีดำ ซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความเท่ ความแข็งแกร่ง และความดุดัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ ฟอร์ด มักสื่อสารผ่านผลิตภัณฑ์อย่าง Ford Ranger และ Ford Everest สีดำไม่ได้เป็นเพียงแค่สี แต่เป็นสัญลักษณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านภาพลักษณ์ของผู้ขับขี่ที่ต้องการความมั่นใจและแตกต่างบนท้องถนนในปี 2025
หัวใจการผลิตระดับโลก: โรงงานระยองสู่มาตรฐานสากล
เบื้องหลังความสำเร็จด้านยอดขาย คือหัวใจสำคัญของการผลิตที่แข็งแกร่ง โรงงานฟอร์ด ทั้งสองแห่งที่จังหวัดระยอง ได้แก่ ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (FTM) และ ออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ AAT ถือเป็นฐานการผลิตเชิงกลยุทธ์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออกทั่วโลก โรงงานเหล่านี้ไม่ใช่แค่แหล่งประกอบรถยนต์ แต่เป็นศูนย์รวมของ เทคโนโลยีการผลิต ขั้นสูง มาตรฐานคุณภาพระดับโลก และนวัตกรรมที่ทันสมัย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โรงงานทั้งสองแห่งได้ผลิต รถยนต์ฟอร์ด ไปแล้วรวมกว่า 3.2 ล้านคัน หากเราลองจินตนาการถึงรถยนต์จำนวนมหาศาลนี้ที่จอดเรียงต่อกัน จะพบว่ามันทอดยาวจากระยอง ข้ามทวีปไปจนถึงชายฝั่งตะวันออกของประเทศแคนาดาเลยทีเดียว นี่คือบทพิสูจน์ถึงศักยภาพและขีดความสามารถในการผลิตที่ไร้ขีดจำกัดของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางยานยนต์ของภูมิภาค ด้วยกำลังการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ทุก ๆ 2 นาที จะมี รถฟอร์ดคันใหม่ หนึ่งคันออกจากสายการผลิต พร้อมส่งมอบถึงมือลูกค้าทั่วโลก นี่คืออัตราความเร็วที่สะท้อนถึงระบบการจัดการที่ยอดเยี่ยม และการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่รวดเร็วกว่า “เวลาที่ใช้ดริปกาแฟตอนเช้า” เสียอีก ในปี 2025 ที่ อุตสาหกรรมยานยนต์ กำลังให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และความยั่งยืน โรงงานของฟอร์ดในระยองได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของ การผลิตยานยนต์ แห่งอนาคต
ถอดรหัส DNA ลูกค้าฟอร์ด: เจาะลึกความเข้าใจที่เหนือกว่าคู่แข่ง
หนึ่งในกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนของฟอร์ด คือความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง ข้อมูลเชิงลึกล่าสุดเปิดเผยว่ากลุ่ม ลูกค้าหลักของฟอร์ด มีอายุระหว่าง 30-50 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ต้องการทั้งความมั่นคง ประสิทธิภาพ และภาพลักษณ์ที่สะท้อนตัวตน
สิ่งที่น่าสนใจและหักล้างภาพจำแบบเดิมๆ คือสัดส่วนลูกค้าชายอยู่ที่ 60% ในขณะที่ ลูกค้าผู้หญิง สูงถึง 40% ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่า รถยนต์ฟอร์ด ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มผู้ขับขี่ชายอีกต่อไป แต่ได้ขยายฐานความนิยมไปสู่กลุ่มผู้หญิงที่มองหา รถยนต์ ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัย ความสะดวกสบาย หรือดีไซน์ที่แข็งแกร่งแต่ลงตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อ รถครอบครัว หรือ รถอเนกประสงค์ ในปี 2025
นอกจากนี้ การวิเคราะห์อาชีพของ ลูกค้าฟอร์ด ยังเผยให้เห็นภาพที่น่าสนใจ โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลัก ได้แก่ เจ้าของธุรกิจ พนักงานบริษัทเอกชน และเกษตรกร ซึ่งกระจายตัวอยู่ใน 5 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และขอนแก่น การกระจายตัวนี้สะท้อนถึงความหลากหลายของกลุ่มลูกค้าและความสามารถของ รถกระบะฟอร์ด และ SUV ฟอร์ด ในการตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค
ภูเก็ต: ดินแดนแห่ง Ford Everest
ที่ภูเก็ต จังหวัดแห่งการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการ Ford Everest สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 เหนือกว่าคู่แข่งทุกรายอย่างน่าภาคภูมิใจ ซึ่งตอกย้ำถึงความโดดเด่นของ SUV พรีเมียม รุ่นนี้ ในฐานะ รถยนต์อเนกประสงค์ ที่ตอบโจทย์ทั้งการเดินทางท่องเที่ยวแบบครอบครัว การขนสัมภาระสำหรับธุรกิจ หรือแม้แต่การขับขี่ในชีวิตประจำวันบนเส้นทางที่หลากหลาย Everest มอบทั้งความหรูหรา ความสะดวกสบาย และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับไลฟ์สไตล์แบบภูเก็ต
จันทบุรี: เมืองหลวงของ Ford Ranger Raptor
ในทางกลับกัน จังหวัดจันทบุรี กลับครองตำแหน่ง ‘เมืองแห่ง Ford Ranger Raptor’ เป็นแหล่งรวมสาวก รถกระบะสมรรถนะสูง สุดทรงพลังแห่งนี้ เป็นอันดับสองรองจากกรุงเทพฯ ลูกค้าส่วนใหญ่ในจันทบุรีมักเป็นเจ้าของสวนผลไม้ ซึ่งมองหา รถกระบะ ที่ไม่ใช่แค่พาหนะบรรทุก แต่เป็น “รถในฝัน” ที่พร้อมลุยไปในทุกสภาพเส้นทาง ไม่ว่าจะขึ้นเขา ลุยโคลน หรือขนผลผลิต ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ด้วย สมรรถนะการขับขี่ ที่เหนือชั้น และดีไซน์ที่ดุดัน จึงตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและงานหนักได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ฟอร์ด สามารถเจาะลึกและเข้าใจถึงความต้องการเฉพาะกลุ่มของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ได้อย่างไร
เหนือกว่าแค่รถ: สร้างสรรค์ประสบการณ์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ในยุค 2025 ที่ เทคโนโลยีรถยนต์ มีความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ฟอร์ดไม่เพียงแค่พัฒนารถยนต์ที่แข็งแกร่งและทนทาน แต่ยังมุ่งเน้นการนำเสนอ นวัตกรรมยานยนต์ ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้าง “คุณค่าและความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ”
เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ: ฟอร์ด ได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วแบบปรับอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System), หรือระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญอย่างมากเพื่อความอุ่นใจในการเดินทาง
ระบบเชื่อมต่อและความบันเทิง: การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อผ่านระบบ SYNC™ ของ ฟอร์ด มอบความสะดวกสบายในการเข้าถึงข้อมูล ความบันเทิง และการนำทาง ทำให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและเพลิดเพลิน นอกจากนี้ การรองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ แบบไร้สายยังเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของคนในปี 2025 ได้เป็นอย่างดี
สมรรถนะและประสิทธิภาพ: ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo ใน Ford Ranger Raptor ที่ให้พละกำลังมหาศาลสำหรับการ ลุยทางออฟโรด หรือเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ใน Ford Everest ที่มอบ การขับขี่ที่นุ่มนวล และ ประหยัดน้ำมัน อย่างน่าทึ่ง ฟอร์ด ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผสาน สมรรถนะ เข้ากับ ประสิทธิภาพ ได้อย่างลงตัว ซึ่งตอบโจทย์ทั้งการใช้งานหนักและไลฟ์สไตล์ในเมือง
ความอุ่นใจหลังพวงมาลัย: มิติใหม่ของบริการหลังการขาย
การเป็นเจ้าของรถยนต์ไม่ได้จบลงที่การซื้อ ฟอร์ด ตระหนักดีว่า บริการหลังการขาย คือหัวใจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ด้วยเหตุนี้ ฟอร์ดจึงทุ่มเทกับการพัฒนาระบบนิเวศด้านบริการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การเปิด ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ ที่มีขนาดใหญ่ถึง 40,000 ตารางเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลมาตรฐานถึง 5.6 สนาม พร้อมคลัง อะไหล่รถยนต์แท้ สำรองกว่า 4.3 ล้านชิ้น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังของ ฟอร์ด ในการดูแลลูกค้า นี่คือการลงทุนที่สำคัญเพื่อให้ลูกค้า ฟอร์ด ทุกคันได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมบำรุงตามระยะ หรือการเปลี่ยนอะไหล่ฉุกเฉิน การมีสต็อกอะไหล่จำนวนมากและระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่า รถยนต์ฟอร์ด ของคุณจะกลับมาพร้อมลุยในทุกเส้นทางได้อย่างไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ การขยายเครือข่าย ศูนย์บริการฟอร์ด ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมช่างผู้ชำนาญการที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น และการนำเสนอแพ็กเกจ ค่าบำรุงรักษารถยนต์ ที่โปร่งใสและคุ้มค่า ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้า และตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญาของ ฟอร์ด ในการเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่เชื่อถือได้ตลอดอายุการใช้งาน
มองไปข้างหน้า: ทศวรรษที่ 3 ของฟอร์ดในไทยกับอนาคตที่ ‘ดุดันทุกสถานการณ์’
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ ฟอร์ด ยังคงเป็นหนึ่งใน แบรนด์รถยนต์ ที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์ ความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และ บริการหลังการขาย ที่มอบความอุ่นใจตลอดการใช้งาน ทำให้ ฟอร์ด ประเทศไทย มีความพร้อมที่จะเดินหน้าสู่ทศวรรษที่ 3 อย่างแข็งแกร่ง และด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล ฟอร์ดกำลังเตรียมรับมือกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของ อุตสาหกรรมยานยนต์ ในปี 2025 และปีต่อๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งเน้นไปที่ รถยนต์ไฟฟ้า และ รถยนต์ไฮบริด มากขึ้น (Plug-in Hybrid – PHEV) หรือการพัฒนาระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะที่ผนวกเข้ากับการใช้ชีวิตประจำวัน
ในฐานะแบรนด์ที่สร้างสรรค์ยานยนต์ที่แข็งแกร่ง เท่ และเปี่ยมด้วย นวัตกรรม ฟอร์ดไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่กำลังมองหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น การยกระดับประสบการณ์ลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือการสร้างสรรค์โซลูชันการเดินทางที่ยั่งยืน ฟอร์ดพร้อมที่จะ “ดุดันทุกสถานการณ์” ไปกับคนไทยอีกนานแสนนาน
พร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์ ‘ดุดันทุกสถานการณ์’ แล้วหรือยัง?
หากคุณกำลังมองหา รถกระบะสมรรถนะสูง ที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง, SUV พรีเมียม ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์, หรือ รถยนต์ ที่มอบความมั่นใจในทุกการเดินทาง พร้อมด้วย บริการหลังการขาย ที่ไร้กังวล ฟอร์ด คือตัวเลือกที่พิสูจน์แล้วว่าคู่ควรแก่การพิจารณา เชิญคุณมาสัมผัส รถยนต์ฟอร์ด รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ และพูดคุยกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ ศูนย์บริการฟอร์ด ใกล้บ้านคุณ หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ฟอร์ด ประเทศไทย เพื่อค้นหา ราคาฟอร์ด และข้อมูลเพิ่มเติมที่จะทำให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจถึงเวลาแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งของตำนาน 29 ปี ที่พร้อมก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งกับฟอร์ด!
29 ปีแห่งตำนานฟอร์ดในไทย: ถอดรหัสความสำเร็จสู่ทศวรรษใหม่แห่งยานยนต์
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงยานยนต์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของหลากหลายแบรนด์อย่างใกล้ชิด แต่มีหนึ่งชื่อที่ยืนหยัดอย่างโดดเด่นและสร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ “ฟอร์ด” ในประเทศไทย การเดินทางตลอด 29 ปีของฟอร์ดไม่ใช่เพียงแค่การดำเนินธุรกิจ แต่เป็นการสร้างตำนานที่สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหัวใจของผู้บริโภคชาวไทย การพัฒนานวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง และการยึดมั่นในปรัชญา “Born Ford Tough” ที่ก้าวข้ามผ่านกาลเวลาสู่ยุค 2025 ได้อย่างสง่างาม ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้ เพื่อทำความเข้าใจว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ฟอร์ดกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกันที่ยังคงครองใจคนไทยได้อย่างเหนียวแน่น
รากฐานแห่งความเชื่อมั่น: ยอดขายที่สะท้อนความผูกพัน
ตัวเลขไม่ใช่แค่สถิติ แต่เป็นเรื่องราวของความเชื่อมั่นและความผูกพันที่ฟอร์ดได้สร้างสมมาตลอดเกือบสามทศวรรษ นับตั้งแต่ก้าวแรกที่ฟอร์ดเข้ามาในตลาดเมืองไทย จนถึงปัจจุบันในเดือนกรกฎาคม 2568 ฟอร์ดได้ส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าชาวไทยไปแล้วกว่า 803,352 คัน นี่คือหลักไมล์ที่สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถกระบะสมรรถนะสูงและ SUV พรีเมียม ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ฟอร์ดได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากการตลาดที่ฉาบฉวย แต่เกิดจากการส่งมอบคุณค่าที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น และความทนทานที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกสภาพเส้นทางของเมืองไทย
สิ่งที่น่าสนใจและบ่งบอกถึง DNA ของแบรนด์ฟอร์ดในไทยได้เป็นอย่างดี คือการที่ “สีดำ” ได้รับความนิยมสูงสุดจากข้อมูล 4 ปีล่าสุด สีดำไม่ใช่แค่สี แต่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ความดุดัน และความเท่ที่เข้าถึงจิตวิญญาณของเจ้าของรถฟอร์ดได้อย่างไร้ที่ติ มันสะท้อนภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับปรัชญา “พร้อมลุยทุกสถานการณ์” และ “ดุดันทุกสถานการณ์” ที่ฟอร์ดได้ยึดมั่นมาโดยตลอด ผู้บริโภคชาวไทยเลือกสีดำเพราะมันเป็นสีที่ทรงพลัง ดูดีมีระดับ และเสริมบุคลิกให้กับรถยนต์ฟอร์ดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็น Ford Ranger ที่ดูบึกบึน หรือ Ford Everest ที่สง่างาม
หัวใจการผลิตระดับโลก: โรงงานระยองสู่เวทีสากล
เบื้องหลังความสำเร็จด้านยอดขาย คือขีดความสามารถด้านการผลิตระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ด้วยโรงงานสองแห่งที่จังหวัดระยอง ได้แก่ ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (FTM) และออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ AAT ซึ่งเป็นโรงงานร่วมทุน ฟอร์ดได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โรงงานเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ฐานการผลิต แต่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตรถยนต์รวมแล้วกว่า 3.2 ล้านคัน หากนำรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตจากโรงงานเหล่านี้มาจอดเรียงต่อกัน จะทอดยาวเป็นระยะทางมหาศาลจากระยอง ข้ามทวีปไปจนถึงชายฝั่งตะวันออกของประเทศแคนาดาเลยทีเดียว นี่คือข้อพิสูจน์ถึงศักยภาพการผลิตที่ไร้ขีดจำกัด และการเป็นฐานส่งออกรถยนต์คุณภาพสูงไปยังทั่วโลก
ด้วยกำลังการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ฟอร์ดสามารถผลิตรถยนต์คันใหม่ออกจากสายการผลิตได้ทุก ๆ 2 นาที ซึ่งเร็วกว่าเวลาที่เราใช้ในการดริปกาแฟยามเช้าเสียอีก ความเร็วและประสิทธิภาพนี้เกิดขึ้นได้จากการลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ระบบอัตโนมัติ และการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาคุณภาพการผลิตให้ได้มาตรฐานระดับโลก พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศได้อย่างทันท่วงที ในปี 2025 นี้ การมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนในกระบวนการผลิต การใช้พลังงานสะอาด และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็เป็นอีกหนึ่งพันธกิจสำคัญที่ฟอร์ดกำลังเดินหน้าอย่างจริงจัง
เจาะลึกหัวใจลูกค้าฟอร์ด: ใครคือผู้หลงใหลในแบรนด์นี้?
ความสำเร็จของฟอร์ดในประเทศไทยเป็นผลมาจากการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่หล่อหลอมผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง จากข้อมูลเชิงลึกล่าสุด กลุ่มลูกค้าหลักของฟอร์ดมีอายุระหว่าง 30-50 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่มั่นคงในชีวิต มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจซื้อ และมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานส่วนตัวและครอบครัว
สิ่งที่น่าสนใจคือสัดส่วนลูกค้าผู้หญิงสูงถึง 40% ซึ่งทำลายภาพจำแบบเดิมๆ ที่ว่ารถฟอร์ดมีแต่ผู้ชายขับเท่านั้น ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในทัศนคติของผู้บริโภค ผู้หญิงในยุคปัจจุบันมองหารถยนต์ที่มีสมรรถนะสูง ปลอดภัย และมีดีไซน์ที่แข็งแกร่ง ทันสมัย ซึ่งฟอร์ดสามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ SUV อย่าง Ford Everest ที่มอบความสะดวกสบาย หรูหรา และเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย ทำให้ผู้หญิงมั่นใจในการขับขี่และเดินทางพร้อมครอบครัว
เมื่อพิจารณาอาชีพหลักของลูกค้า ฟอร์ดพบว่ามีการกระจายตัวที่น่าสนใจ ได้แก่ เจ้าของธุรกิจ พนักงานบริษัทเอกชน และเกษตรกร กลุ่มเจ้าของธุรกิจมักมองหารถกระบะที่ทนทาน แข็งแกร่ง สามารถรองรับการบรรทุกและใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างดีเยี่ยม ขณะที่พนักงานบริษัทเอกชนต้องการรถยนต์ที่ให้ความคล่องตัวในการเดินทาง ประหยัดน้ำมัน และมีฟังก์ชันที่ตอบรับไลฟ์สไตล์คนเมือง รวมถึงการใช้งานสำหรับครอบครัว ส่วนกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ ต้องการรถกระบะที่สามารถลุยได้ทุกสภาพเส้นทาง บรรทุกผลผลิตได้มาก และมีความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว Ford Ranger จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายเหล่านี้ได้อย่างครบครัน
การกระจายตัวของลูกค้ายังครอบคลุม 5 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และขอนแก่น ซึ่งแต่ละจังหวัดมีลักษณะเฉพาะและพฤติกรรมการใช้งานรถยนต์ที่แตกต่างกันไป
กรุงเทพฯ: ตลาดหลักที่ใหญ่ที่สุด เน้นเทคโนโลยีความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และภาพลักษณ์ที่ทันสมัย
ชลบุรี: จังหวัดที่มีความหลากหลายสูง ทั้งเป็นเมืองท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม ทำให้ Ford Ranger และ Everest ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
เชียงใหม่: ศูนย์กลางภาคเหนือ ทั้งเมืองท่องเที่ยวและเกษตรกรรม ลูกค้ามองหารถยนต์ที่ลุยได้สะดวกสบายในการเดินทางท่องเที่ยวและใช้งานในพื้นที่ชนบท
ขอนแก่น: ศูนย์กลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลูกค้าเน้นความคุ้มค่า ความทนทาน และประสิทธิภาพในการขนส่งเพื่อธุรกิจและการเกษตร
แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ จังหวัดภูเก็ต ที่ Ford Everest สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 เหนือคู่แข่งทุกราย สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าในตลาดรถ SUV พรีเมียมและกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง Ford Everest ได้รับการยอมรับในด้านดีไซน์ที่หรูหรา สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตของคนภูเก็ตได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมือง หรือการออกสำรวจชายหาดและเส้นทางทุรกันดารเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน จังหวัดจันทบุรี ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘เมืองแห่งฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์’ โดยเป็นแหล่งรวมสาวกรถกระบะสุดทรงพลัง Ford Ranger Raptor เป็นอันดับสองรองจากกรุงเทพฯ ลูกค้าส่วนใหญ่ในจันทบุรีเป็นเจ้าของสวนผลไม้ ซึ่งมองหารถกระบะสมรรถนะสูงสุดเท่ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะ แต่เป็น ‘รถในฝัน’ ที่พร้อมลุยไปด้วยกันในทุกเส้นทางชีวิต Raptor ไม่ได้ตอบโจทย์แค่การขนส่งผลผลิต แต่ยังตอบสนองความต้องการด้านออฟโรดที่เหนือชั้น ความแข็งแกร่งทนทาน และภาพลักษณ์ที่โดดเด่น ทำให้เจ้าของสวนรู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ และสามารถใช้งานรถยนต์ได้อย่างเต็มศักยภาพ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับเส้นทางลูกรังในสวน หรือการเดินทางไกลเพื่อการพักผ่อน
มิติใหม่ของบริการหลังการขาย: ความอุ่นใจที่เหนือกว่า
ความสำเร็จที่ยั่งยืนไม่ได้หยุดอยู่แค่การขายรถยนต์ แต่ยังรวมถึงความมุ่งมั่นในการให้บริการหลังการขายที่มอบความอุ่นใจให้กับลูกค้าตลอดการใช้งาน ฟอร์ดตระหนักดีว่าบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยมคือหัวใจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ด้วยเหตุนี้ ฟอร์ดจึงได้ลงทุนครั้งสำคัญด้วยการเปิดศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 40,000 ตารางเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลมาตรฐานถึง 5.6 สนาม
ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งนี้เป็นมากกว่าคลังเก็บของ แต่เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่ทันสมัย ซึ่งรองรับคลังอะไหล่สำรองกว่า 4.3 ล้านชิ้น การลงทุนมหาศาลนี้มีจุดประสงค์เดียวคือเพื่อให้ลูกค้าฟอร์ดทุกคันมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมบำรุงตามระยะ การเปลี่ยนอะไหล่ หรือการดูแลแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การมีอะไหล่พร้อมให้บริการในปริมาณมากเช่นนี้ ช่วยลดระยะเวลาในการรอซ่อม ลดการหยุดใช้งานรถยนต์ และเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถยนต์ในการประกอบอาชีพ หรือผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางแบบไร้กังวล ในยุค 2025 ที่ความคาดหวังของลูกค้าสูงขึ้น การเข้าถึงบริการและอะไหล่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำคือสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้
นวัตกรรมและเทคโนโลยี: ขับเคลื่อนสู่ประสบการณ์เหนือระดับ
ปรัชญาของฟอร์ดในการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มอบทั้งคุณค่าและความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของนั้นชัดเจนมาโดยตลอด ในปี 2025 นี้ ฟอร์ดได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับยานยนต์เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือกว่าที่เคย
ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะอย่าง Ford Co-Pilot360™ คือตัวอย่างที่ชัดเจนของความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยที่ฟอร์ดมอบให้ ระบบนี้รวมเอาเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูง อาทิ ระบบควบคุมความเร็วแบบปรับได้อัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System), ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Pre-Collision Assist with Automatic Emergency Braking) และระบบตรวจจับจุดอับสายตา (Blind Spot Information System – BLIS) ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และมอบความอุ่นใจให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารบนทุกเส้นทาง
นอกจากนี้ เทคโนโลยีเชื่อมต่ออย่าง FordPass Connect™ ยังเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่เข้ามาเปลี่ยนวิธีการใช้งานรถยนต์ของผู้บริโภค ให้สามารถเชื่อมต่อและควบคุมรถได้จากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการสตาร์ทรถ ล็อก/ปลดล็อกประตู ค้นหาตำแหน่งรถ หรือตรวจสอบสถานะต่างๆ ของรถยนต์ รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย มอบความบันเทิงและข้อมูลที่ครบครันตลอดการเดินทาง นี่คือการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
ในด้านสมรรถนะ ฟอร์ดไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาระบบส่งกำลัง เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue Bi-Turbo ที่ให้ทั้งพละกำลังที่เหนือชั้นและประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันฟอร์ดที่ยอดเยี่ยม ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของ Ford Ranger และ Everest ซึ่งได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองมาตรฐานด้านไอเสียที่เข้มงวดขึ้นและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น
ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 อย่างแข็งแกร่ง: วิสัยทัศน์ในอนาคต
ตลอด 29 ปีที่ผ่านมา ฟอร์ดได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แบรนด์นี้มีความพร้อมที่จะเดินหน้าสู่ทศวรรษที่ 3 อย่างแข็งแกร่ง ด้วยความเข้าใจลูกค้าอย่างถ่องแท้ คุณภาพผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น และบริการหลังการขายที่มอบความอุ่นใจอย่างต่อเนื่อง ฟอร์ดพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
วิสัยทัศน์ของฟอร์ดในประเทศไทย ไม่ใช่แค่การรักษาส่วนแบ่งตลาด แต่คือการเป็นผู้นำในการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมยุคใหม่ การมุ่งเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของรถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ดในตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าฟอร์ดพร้อมที่จะปรับตัวและเติบโตไปพร้อมกับผู้บริโภคชาวไทยอย่างไม่หยุดยั้ง การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ การยกระดับการฝึกอบรมบุคลากร และการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า จะยังคงเป็นภารกิจสำคัญในการสร้างความผูกพันและมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศ
ปรัชญา “ดุดันทุกสถานการณ์” ไม่ได้เป็นแค่คำขวัญ แต่เป็น DNA ที่ฝังลึกอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์และบริการของฟอร์ด สะท้อนถึงความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางที่ขรุขระ สภาพอากาศที่แปรปรวน หรือสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน ฟอร์ดคือเพื่อนร่วมทางที่พร้อมจะเคียงข้างคนไทยในทุกช่วงเวลาของชีวิต
สัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือกว่าและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของตำนานฟอร์ดในประเทศไทย
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ความภาคภูมิใจ และเทคโนโลยีล้ำสมัย ฟอร์ดคือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ขอเชิญคุณมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ฟอร์ดด้วยตัวคุณเอง ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นรถยนต์ฟอร์ดที่คุณสนใจ รวมถึงโปรโมชั่นฟอร์ดสุดพิเศษ และนัดทดลองขับได้แล้ววันนี้ ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ เพื่อให้คุณได้พิสูจน์ด้วยตัวเองถึงสมรรถนะที่เหนือชั้น ความสะดวกสบาย และความอุ่นใจในการเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ด เราเชื่อมั่นว่าคุณจะพบกับรถยนต์คู่ใจที่พร้อม “ดุดันทุกสถานการณ์” ไปกับคุณในทุกเส้นทางชีวิต

