• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1512344 ให ชายเป นพ อของล กแทน #มายป ณย ปานวาด #หน งส นสะท อนส งคม part 2

admin79 by admin79
December 15, 2025
in Uncategorized
0
N1512344 ให ชายเป นพ อของล กแทน #มายป ณย ปานวาด #หน งส นสะท อนส งคม part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

มอเตอร์เอ็กซ์โป 2025: เจาะลึกยอดจองถล่มทลาย วิเคราะห์เทรนด์ EV และสงครามราคาที่เข้มข้น

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่างานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ที่กำลังดำเนินไปอย่างคึกคัก ไม่ได้เป็นเพียงแค่เวทีจัดแสดงรถยนต์ แต่คือกระจกสะท้อนภาพรวมและทิศทางอนาคตของตลาดรถยนต์ไทยได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งทางของงานที่เพิ่งผ่านพ้นไป ยอดจองรถยนต์ที่พุ่งทะยานสูงกว่า 3.6 หมื่นคันในเวลาเพียง 8 วันแรก ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตา และบ่งชี้ถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังเกิดขึ้น

กระแสความตื่นตัวของผู้บริโภคต่อยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (Hybrid) ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ด้วยสัดส่วนยอดจอง EV ที่ทะลุเกินครึ่ง ชี้ให้เห็นว่าเทรนด์ “พลังงานทางเลือก” ไม่ใช่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป หากแต่เป็นปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ ในขณะเดียวกัน ค่ายรถยนต์สัญชาติจีนก็ยังคงครองพื้นที่อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมอัดฉีดโปรโมชั่นและแคมเปญสุดดุเดือด สร้างการแข่งขันในตลาดให้ร้อนระอุยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาทุกท่านเจาะลึกถึงปัจจัยความสำเร็จของ Motor Expo 2025, วิเคราะห์เทรนด์ยานยนต์ที่โดดเด่น, และมองไปถึงอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในปี 2568 และหลังจากนี้

ปรากฏการณ์ยอดจองถล่มทลาย: สัญญาณบวกของตลาดรถยนต์ไทย

ตัวเลขยอดจอง 36,174 คัน ในช่วง 8 วันแรกของงานมหกรรมยานยนต์ 2025 นั้น ไม่เพียงแต่สูงกว่าเป้าหมายที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ แต่ยังแสดงถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 30-45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกำลังซื้อที่กลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนยอดจองเหล่านี้มาจากการผนึกกำลังกันของมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย (EV 3.0 และ EV 3.5) ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงในปลายปี 2568 และความกระตือรือร้นของค่ายรถยนต์ในการระบายสต็อกและกระตุ้นยอดขายก่อนการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

จากข้อมูลเชิงลึก เราพบว่าสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ครองความสนใจของตลาดมากที่สุด โดยกินสัดส่วนถึง 52% ของยอดจองทั้งหมด ตามมาด้วยรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด (xEV) ที่ยังคงเป็นทางเลือกยอดนิยมอันดับสอง สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคไทยมีความเข้าใจและพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพ, การประหยัดพลังงาน, และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในขณะที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ แต่ชัดเจนว่าทิศทางของตลาดกำลังเคลื่อนไปสู่การใช้พลังงานทางเลือกอย่างไม่อาจย้อนกลับ

เปิดโผ 10 อันดับค่ายรถยนต์ที่คว้ายอดจองสูงสุด ณ Motor Expo 2025

การแข่งขันในงาน Motor Expo 2025 ดุเดือดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด ค่ายรถยนต์ชั้นนำต่างงัดกลยุทธ์และแคมเปญสุดพิเศษมานำเสนอ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย 10 อันดับแรกของค่ายรถยนต์ที่ทำยอดจองสูงสุดในช่วง 8 วันแรกของงาน มีดังนี้:

โตโยต้า (Toyota): ผู้นำที่ยังคงแข็งแกร่งด้วย Hybrid Strategy

ยอดจอง: 6,013 คัน

รถยนต์รุ่นเด่น: Toyota Yaris Cross

แม้ตลาดจะขับเคลื่อนด้วย EV แต่ Toyota ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาด ด้วยกลยุทธ์ Hybrid ที่มั่นคง โดย Yaris Cross HEV ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ด้วยชื่อเสียงด้านความทนทาน, ประหยัดน้ำมัน, และศูนย์บริการที่ครอบคลุม แม้จะยังไม่เน้น EV เต็มรูปแบบ แต่ Toyota กำลังปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาตำแหน่งในระยะยาว

บีวายดี (BYD): เจ้าตลาด EV ที่ไร้เทียมทาน

ยอดจอง: 3,154 คัน (คำนวณจากยอดผู้ลงทะเบียนซื้อรถชิงรถ)

รถยนต์รุ่นเด่น: BYD Atto3, BYD SEAL

BYD ยังคงเป็นดาวเด่นในกลุ่ม EV อย่างต่อเนื่อง ด้วย BYD Atto 3 ที่เป็นรุ่นยอดนิยม และ BYD SEAL ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยส่วนลดมหาศาลกว่า 5 แสนบาท ทำให้ราคารุ่น Dynamic เข้าถึงง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ การนำเสนอประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานสำหรับ Dolphin และ Atto 3 เป็นการสร้างความมั่นใจที่เหนือกว่าให้กับผู้บริโภค ถือเป็นกลยุทธ์ที่เฉียบคมในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาด EV ในประเทศไทย

ฮอนด้า (Honda): Hybrid ที่ยังเป็นที่พึ่งของคนไทย

ยอดจอง: 3,039 คัน

รถยนต์รุ่นเด่น: Honda HR-V e:HEV

Honda ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มรถยนต์ไฮบริด ด้วย HR-V e:HEV ที่ผสมผสานดีไซน์ทันสมัยเข้ากับประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่ยอดเยี่ยม สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์และเทคโนโลยี Hybrid ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Honda ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดได้อย่างมั่นคง

โอโมด้า แอนด์ เจคู (OMODA & JAECOO): ผู้ท้าชิงหน้าใหม่ที่น่าจับตา

ยอดจอง: 2,678 คัน

รถยนต์รุ่นเด่น: Jaecoo 5 EV

การปรากฏตัวของ OMODA และ JAECOO สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด ด้วย Jaecoo 5 EV ที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัยและราคาที่เข้าถึงได้ การประกาศมอบราคาพิเศษสำหรับ JAECOO 5 EV อีก 3,000 คันก่อนสิ้นปี 2568 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างฐานลูกค้าและการเจาะตลาด EV ในประเทศไทยอย่างจริงจัง

เอ็มจี (MG): ผู้บุกเบิกตลาด EV ราคาเข้าถึงได้

ยอดจอง: 2,360 คัน

รถยนต์รุ่นเด่น: MG S5 EV, NEW MG4 ELECTRIC

MG ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด EV ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงง่าย พร้อมแคมเปญส่วนลดที่น่าสนใจ เช่น NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ที่ลดราคามหาศาล การประกาศว่าจะไม่ปรับลดราคาอีกแล้ว สะท้อนถึงความมั่นใจในราคาปัจจุบันที่แข่งขันได้ และมุ่งเน้นการมอบข้อเสนอแบบครบวงจร

จีเอซี (ไอออน) (GAC AION): นวัตกรรม EV จากแดนมังกร

ยอดจอง: 2,187 คัน

รถยนต์รุ่นเด่น: AION UT

GAC AION เดินหน้าสร้างการรับรู้ในตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วย AION V และ AION UT ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย การมอบประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ และกล่องควบคุมตลอดอายุการใช้งาน พร้อมของแถมอย่าง iPhone 17 แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์การตลาดที่ดึงดูดใจ และความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์

จีลี่ (Geely): ทางเลือกใหม่ที่ไม่พึ่งรัฐ

ยอดจอง: 2,134 คัน

รถยนต์รุ่นเด่น: Geely EX2

Geely สร้างความแตกต่างด้วยการประกาศไม่เข้าร่วมมาตรการ EV ของรัฐบาล แต่เน้นการทำงานร่วมกับบริษัทแม่เพื่อตั้งราคาที่แข่งขันได้ตั้งแต่แรกเริ่ม โดย Geely EX2 ที่เปิดตัวในงานด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 399,990 บาท แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอรถยนต์คุณภาพดีในราคาที่จับต้องได้ โดยไม่ต้องพึ่งเงินสนับสนุนจากภาครัฐ

ดีพอล (Deepal): EV พรีเมียมจากฉางอาน

ยอดจอง: 2,117 คัน

รถยนต์รุ่นเด่น: Deepal S05

Deepal ภายใต้ร่มเงาของ Changan สร้างความประทับใจด้วย Deepal S05 ที่มาพร้อมเงื่อนไขทางการเงินสุดยืดหยุ่น เช่น ดาวน์ 0%, ผ่อนเริ่มต้นเพียง 2,990 บาท, และส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท พร้อมประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่เข้าถึงง่าย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor): ความหลากหลายที่ตอบโจทย์

ยอดจอง: 2,015 คัน

รถยนต์รุ่นเด่น: GWM Tank 300 Diesel, ORA Good Cat

GWM ยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้ง SUV อย่าง Tank 300 Diesel และ EV ยอดนิยมอย่าง ORA Good Cat แม้จะมีการประกาศปรับขึ้นราคา ORA Good Cat ในปี 2569 แต่ก็มีการมอบสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพื่อชดเชย แสดงให้เห็นถึงการวางแผนระยะยาวที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าและสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

มิตซูบิชิ (Mitsubishi): Hybrid ที่ยังรักษาฐานแฟนคลับ

ยอดจอง: 1,588 คัน

รถยนต์รุ่นเด่น: Mitsubishi Xforce HEV

Mitsubishi ยังคงรักษาฐานลูกค้าด้วย Xforce HEV ที่นำเสนอประสิทธิภาพและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก การผสมผสานเทคโนโลยี Hybrid เข้ากับความน่าเชื่อถือของแบรนด์ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดแข็งของ Mitsubishi ในตลาด

มหกรรมแห่งการแข่งขัน: นโยบายรัฐ, สงครามราคา, และอนาคต EV ไทย

Motor Expo 2025 เป็นเวทีที่สะท้อนถึงช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของตลาดรถยนต์ไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการสิ้นสุดมาตรการส่งเสริม EV 3.0 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งให้ส่วนลดรถยนต์ EV ที่เข้าร่วมมาตรการสูงสุดถึง 150,000 บาท ทำให้ค่ายรถยนต์ EV ทุกค่ายเร่งอัดฉีดแคมเปญอย่างไม่เคยมีมาก่อน เพื่อระบายสต็อกและกระตุ้นยอดขายก่อนที่มาตรการ EV 3.5 จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะลดเงินสนับสนุนสำหรับรถยนต์ EV นำเข้าจาก 150,000 บาท เหลือ 50,000 บาท และปรับภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 10%

สถานการณ์เหล่านี้ได้จุดชนวน “สงครามราคา” ที่ดุเดือดในปี 2568 ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุดจากส่วนลดและโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น BYD SEAL ที่ลดกว่า 5 แสนบาท, MG ที่ปรับลดราคา NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ลงเกือบ 2.8 แสนบาท, หรือ GAC AION ที่มอบ iPhone 17 เป็นของแถม สิ่งเหล่านี้สร้างแรงจูงใจมหาศาลในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าก่อนสิ้นปี

อย่างไรก็ตาม ในปี 2569 สถานการณ์สงครามราคาอาจจะลดความรุนแรงลง ตามเงื่อนไขของมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลที่จะมีผลต่อต้นทุนราคาของรถยนต์ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2568 จะปิดยอดขายรวมกว่า 100,000 คัน และจะเติบโตต่อเนื่องไปถึง 120,000 คันในปี 2569 ซึ่งหมายถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดสำหรับโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จและการบริการหลังการขาย

ในมุมมองของผู้มีประสบการณ์ ผมมองว่าการแข่งขันในอนาคตจะไม่ได้อยู่ที่ราคาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่จะขยับไปสู่คุณภาพของผลิตภัณฑ์, เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า, เครือข่ายการบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง, และการเข้าถึงสถานีชาร์จที่ครอบคลุม ผู้บริโภคจะฉลาดเลือกมากขึ้น โดยพิจารณาจากมูลค่าโดยรวมของรถยนต์ในระยะยาว ทั้งในด้านประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, และความสะดวกสบายในการใช้งาน

มุมมองผู้เชี่ยวชาญ: ทิศทางและการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต

จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผมเห็นว่า Motor Expo 2025 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เร่งให้ผู้ผลิตทุกรายต้องปรับกลยุทธ์อย่างรอบด้าน:

ความท้าทายของแบรนด์ดั้งเดิม: แบรนด์ญี่ปุ่นและยุโรปต้องเร่งพัฒนาและนำเสนอรถยนต์ EV และ PHEV ที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์จีนได้ ไม่เพียงแค่ในเรื่องราคา แต่รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ การสร้างความสมดุลระหว่างการรักษาส่วนแบ่งตลาดเดิมกับก้าวเข้าสู่ตลาดพลังงานทางเลือกใหม่คือหัวใจสำคัญ

การเติบโตของแบรนด์จีน: แบรนด์จีนได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาสามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ และยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการกระตุ้นให้ตลาด EV เติบโตอย่างรวดเร็ว บทบาทของพวกเขาจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

โครงสร้างพื้นฐาน EV: การเติบโตของยอดจดทะเบียน EV ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (10,330 คันในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา โดย JAECOO, BYD, MG, AION, และ Deepal เป็นผู้นำ) จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพ การลงทุนในสถานีชาร์จสาธารณะที่ครอบคลุมและสะดวกสบายจะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของตลาด EV อย่างเต็มที่

นวัตกรรมและเทคโนโลยี: เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ากำลังก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านประสิทธิภาพแบตเตอรี่, ระยะทางวิ่ง, ความเร็วในการชาร์จ, และระบบขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) ค่ายรถยนต์ที่สามารถนำเสนอนวัตกรรมเหล่านี้สู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและน่าเชื่อถือ จะเป็นผู้ที่ได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว

การบริการหลังการขาย: เมื่อสงครามราคาเริ่มลดความรุนแรงลง การบริการหลังการขายจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจซื้อ การรับประกันแบตเตอรี่, การบำรุงรักษา, และความพร้อมของอะไหล่จะเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นและความภักดีต่อแบรนด์

บทสรุปและคำเชิญชวน

งานมหกรรมยานยนต์ 2025 ได้ตอกย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย สัญญาณจากยอดจองที่ร้อนแรงในช่วง 8 วันแรกแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของตลาดที่จะก้าวสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว สงครามราคาที่ดุเดือดในช่วงปลายปีนี้ได้มอบโอกาสทองให้กับผู้บริโภคในการเป็นเจ้าของนวัตกรรมยานยนต์ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด ก่อนที่มาตรการและสภาวะตลาดจะปรับเปลี่ยนไป

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดสินใจลงทุนกับรถยนต์คันใหม่ ไม่ว่าจะเป็น EV, Hybrid, หรือรถยนต์พลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ

อย่าพลาดโอกาสสำคัญที่จะได้สัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ขอเชิญทุกท่านมาค้นหาและเป็นเจ้าของยานยนต์ในฝัน พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษที่ Motor Expo 2025 นี้ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการยานยนต์ที่กำลังเกิดขึ้น สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าและร่วมกำหนดอนาคตการเดินทางของคุณได้แล้ววันนี้!

มหกรรมยานยนต์ 2025: เจาะลึกยอดจองถล่มทลาย ปรากฏการณ์ EV ครองใจคนไทย และกลยุทธ์เด็ดแบรนด์ดัง

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของตลาดมาแล้วหลายยุคสมัย แต่คงไม่มีครั้งใดที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยพลวัตเท่ากับมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ที่เพิ่งผ่านพ้นครึ่งทางไปอย่างน่าประทับใจ งานนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแสดงรถยนต์รุ่นใหม่เท่านั้น หากแต่เป็นดัชนีชี้วัดที่ชัดเจนถึงทิศทางและอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามามีบทบาทอย่างมหาศาลของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยียานยนต์พลังงานทางเลือกอื่น ๆ

ตลอด 8 วันแรกของการจัดงาน ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 5 ธันวาคม 2568 ยอดจองรถยนต์จากทุกค่ายพุ่งทะยานสู่ตัวเลขที่น่าทึ่งถึง 36,174 คัน ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่เพียงการเติบโต แต่เป็นการ “ก้าวกระโดด” ที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกลยุทธ์ที่เฉียบคมของผู้ผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ตัวเลขการเติบโตกว่า 30-45% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของตลาดรถยนต์ในประเทศ และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ สัดส่วนของรถยนต์ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้ากว่า 52% เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามมาด้วยรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด (xEV) ซึ่งยืนยันเทรนด์พลังงานทางเลือกที่ชัดเจน เหนือกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดที่สำคัญแต่กำลังเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่ดุเดือด

เปิดขุมกำลัง 10 แบรนด์ชั้นนำ: ใครคือผู้ขับเคลื่อนความสำเร็จ?

จากการรวบรวมข้อมูลของยอดจองจากหลากหลายแหล่ง ผมได้จัดอันดับ 10 ค่ายรถยนต์ที่ทำยอดจองได้สูงสุด พร้อมวิเคราะห์ถึงรุ่นรถยนต์ที่มาแรงที่สุดของแต่ละแบรนด์ ซึ่งเผยให้เห็นถึงกลยุทธ์และจุดแข็งที่แตกต่างกันไป:

โตโยต้า (Toyota): ยอดจอง 6,013 คัน โดยมี Toyota Yaris Cross เป็นดาวเด่น การที่โตโยต้ายังคงรั้งตำแหน่งผู้นำตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์และความแข็งแกร่งของเครือข่ายบริการหลังการขาย แม้จะไม่ได้เน้น EV จ๋า แต่รถยนต์ไฮบริดอย่าง Yaris Cross ก็ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหาความประหยัดและเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้
บีวายดี (BYD): ยอดจอง 3,154 คัน พร้อมด้วย BYD Atto 3 ที่ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นแบรนด์ที่ไม่ได้เปิดเผยยอดจองโดยตรง แต่ตัวเลขที่คำนวณจากผู้ลงทะเบียนซื้อรถก็สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ BYD ในฐานะผู้นำตลาด EV ที่เข้ามาเขย่าวงการ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและแคมเปญที่ดุดัน
ฮอนด้า (Honda): ยอดจอง 3,039 คัน โดยมี Honda HR-V e:HEV เป็นแม่เหล็กดึงดูด ฮอนด้ายังคงรักษาฐานลูกค้าที่ภักดีได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยรถยนต์ไฮบริดที่ให้สมรรถนะดีเยี่ยม ดีไซน์ทันสมัย และแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคย
โอโมด้า แอนด์ เจคู (Omoda & Jaecoo): ยอดจอง 2,678 คัน และ Jaecoo 5 EV คือหัวหอกสำคัญ แบรนด์น้องใหม่จากจีนรายนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด EV ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่ตอบโจทย์การใช้งานในราคาที่แข่งขันได้
เอ็มจี (MG): ยอดจอง 2,360 คัน และ MG S5 EV คือรุ่นที่ได้รับความสนใจสูง เอ็มจีเป็นอีกหนึ่งแบรนด์จีนที่เข้ามาบุกตลาด EV ในไทยอย่างจริงจัง และได้สร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นในราคาที่เข้าถึงง่าย และเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
จีเอซี ไอออน (GAC Aion): ยอดจอง 2,187 คัน โดยมี Aion UT เป็นรุ่นยอดนิยม แบรนด์ EV จากจีนอีกรายที่น่าจับตามอง ด้วยดีไซน์ล้ำสมัยและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ให้ระยะทางวิ่งน่าประทับใจ Aion กำลังสร้างชื่อเสียงในตลาดอย่างรวดเร็ว
จีลี่ (Geely): ยอดจอง 2,134 คัน และ Geely EX2 คือความหวังใหม่ จีลี่เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ด้วยกลยุทธ์ที่ไม่พึ่งพิงมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่เน้นการตั้งราคาที่เข้าถึงได้ตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นแนวทางที่กล้าหาญและพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ
ดีพอล (Deepal): ยอดจอง 2,117 คัน พร้อม Deepal S05 ที่มีดีไซน์โดดเด่นและเทคโนโลยีอัจฉริยะ Deepal เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ EV สัญชาติจีนที่กำลังสร้างกระแสในกลุ่มผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เกรท วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor): ยอดจอง 2,015 คัน โดยมี GWM Tank 300 Diesel ที่แข็งแกร่งเป็นจุดเด่น GWM แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ EV เท่านั้น แต่ยังคงนำเสนอรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลที่ตอบโจทย์ลูกค้าสายลุยได้อย่างดีเยี่ยม
มิตซูบิชิ (Mitsubishi): ยอดจอง 1,588 คัน โดยมี Mitsubishi Xforce HEV ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นตัวชูโรง มิตซูบิชิกลับมาพร้อมกับรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ที่น่าจับตา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ตลาดและกลับมาสร้างความคึกคักอีกครั้ง

นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 ได้สะท้อนภาพรวมว่า การตอบรับจากผู้เข้าชมงานเป็นไปอย่างล้นหลาม ยอดจองรถยนต์สะสมที่ทะลุ 36,174 คันนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะแรงผลักดันจากรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งกินสัดส่วนถึง 52% ของยอดจองทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคที่พร้อมเปิดรับนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ ๆ ท่านยังมั่นใจว่ายอดจองรวมของงานในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนอย่างน้อย 30-40% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ปัจจัยสำคัญมาจากกระแสการปรับภาษีและมาตรการส่งเสริม EV ที่กำลังจะสิ้นสุดลง ทำให้ผู้ที่กำลังวางแผนจะเปลี่ยนรถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และคาดว่าในช่วงวันหยุดยาวที่เหลือของงาน จะยิ่งมีความคึกคักเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

สงครามราคา EV: โอกาสทองของผู้บริโภคกับการระบายสต็อกครั้งใหญ่

หนึ่งในปัจจัยหลักที่กระตุ้นยอดขายอย่างมหาศาลคือ “สงครามราคา” ที่ดุเดือดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังมาตรการสนับสนุน EV3.5 กำลังจะสิ้นสุดลงในปลายปี 2568 นี้ ซึ่งหมายถึงส่วนลดที่เคยได้รับ 150,000 บาทสำหรับรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการ EV3.0 จะหมดไป ส่วนรถยนต์ที่เข้าร่วม EV3.5 ก็จะเห็นส่วนลดลดลงจาก 150,000 บาท เหลือ 50,000 บาท และยังมีการปรับภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 10%

สถานการณ์นี้ทำให้ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ต้องเร่งกระตุ้นยอดขายและระบายรถยนต์ในสต็อกอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระต้นทุน โดยมีการสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมถึงพนักงานขายประจำบูธและโชว์รูมว่า “รถยนต์ที่ได้รับส่วนลดราคามีจำนวนจำกัด” เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อให้เร็วที่สุด

จากการวิเคราะห์ของผม นี่คือช่วงเวลาทองของผู้บริโภคที่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า เพราะโปรโมชั่นและแคมเปญที่แต่ละค่ายอัดฉีดเข้ามานั้นจัดเต็มชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน:

BYD – Rever Group: ผู้นำตลาด EV เข้ามาเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการมอบ การรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน เป็นครั้งแรก มูลค่า 50,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถ BYD Dolphin และ BYD Atto 3 ภายในสิ้นปี 2568 นอกจากนี้ ยังมีโปรย้อนหลังให้กับลูกค้าที่ซื้อรถตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2568 อีกด้วย
สำหรับรุ่นนำเข้าอย่าง BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 ที่ได้รับอานิสงส์จาก EV3.5 ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ BYD SEAL ที่มอบส่วนลดกว่า 525,000 บาทในรุ่น Dynamic ทำให้ราคาจาก 1,325,000 บาท เหลือเพียง 799,000 บาทในงาน ส่วนรุ่น Premium ก็ลดไปถึง 549,100 บาท จาก 1,449,000 บาท และ BYD SEALION 7 รุ่น Premium ลด 175,000 บาท ทำให้เหลือ 1,074,900 บาท เรียกได้ว่าเป็นการลดราคาที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
GAC AION: จัดโปรโมชั่น “คุ้ม 4 ต่อ” ส่งท้ายมาตรการ EV สำหรับ AION V ที่ราคาพิเศษ 899,000 บาท (จากปกติ 1,020,900 บาท) และ AION UT Standard ลดเหลือ 469,000 บาท (จาก 519,900 บาท) รวมถึงรุ่น Premium ลดเหลือ 599,900 บาท (จาก 669,900 บาท) จุดเด่นคือการรับประกันแบตเตอรี่, มอเตอร์ขับเคลื่อน, และกล่องควบคุมตลอดอายุการใช้งาน พร้อมส่วนลดชุดแต่งและแถม iPhone 17 มูลค่า 43,900 บาท ซึ่งเป็นของแถมที่ดึงดูดใจอย่างยิ่ง
ฉางอาน (CHANGAN): แบรนด์ EV น้องใหม่ที่มาพร้อมเงื่อนไขสุดเร้าใจ เช่น ดาวน์ 0%, ผ่อนเริ่มต้นเพียง 2,990 บาท และส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท สำหรับ Deepal S05 รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน สำหรับผู้ที่จองภายในช่วงเวลาจัดงาน
JAECOO: คุณเซดริก ชุย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) เผยว่า ด้วยความสำเร็จที่เหนือความคาดหมาย มียอดส่งมอบ JAECOO 5 EV ไปแล้วกว่า 12,000 คัน ภายใน 10 เดือนแรกของปี 2568 และคาดว่าจะปิดยอดขายรวมที่ 14,000 คัน เพื่อส่งท้ายปีและมาตรการ EV3.0 จึงมอบราคาพิเศษสำหรับ JAECOO 5 EV LONG RANGE DYNAMIC เหลือ 549,000 บาท (จาก 629,000 บาท) และ JAECOO 5 EV LONG RANGE MAX เหลือ 599,000 บาท (จาก 679,000 บาท) รวมถึง JAECOO 6 EV ที่ลดสูงสุด 250,000 บาท และ JAECOO 7 SHS ลดสูงสุด 100,000 บาท
MG: คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันว่าจะไม่ปรับลดราคาจำหน่ายรถยนต์ EV ของ MG อีกแล้ว เพราะราคาล่าสุดถือเป็น “ราคาสุดท้ายจริง ๆ” โดยเฉพาะ NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER ราคาพิเศษ 849,000 บาท (จาก 1,119,900 บาท) ส่วนลดกว่า 279,000 บาท (จำกัด 90 คัน) รวมถึง MG IM6 ราคา 1,299,900 บาท พร้อมประกันชั้นหนึ่ง พ.ร.บ. 3 ปี และดอกเบี้ย 0.99% นาน 48 เดือน นอกจากนี้ยังมี MG4 ELECTRIC ราคาเริ่มต้น 519,900 บาท, MG ZS EV เริ่มต้น 499,900 บาท และ MG EP PLUS เริ่มต้น 469,900 บาท พร้อมของแถมมากมาย
Geely: คุณณรงค์ สีตลายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด ผู้จัดจำหน่าย Geely ยืนยันชัดเจนว่าไม่เข้าร่วมมาตรการรัฐบาล แต่จะเน้นการทำงานร่วมกับบริษัทแม่เพื่อทำราคารถยนต์ให้คนไทยจับต้องได้ง่ายขึ้น โดย Geely EX2 เปิดตัวในงานด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 399,990 บาท (จำกัด 2,000 คันแรก) ซึ่งเป็นราคาที่สร้างความฮือฮาและแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในผลิตภัณฑ์โดยไม่ต้องพึ่งส่วนลดจากภาครัฐ
GWM: คุณเวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย คาดการณ์ว่าสงครามราคาจะยังคงอยู่ต่อเนื่องในปี 2569 แม้ความรุนแรงอาจลดลงตามเงื่อนไขมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล สำหรับปี 2569 GWM จะปรับขึ้นราคา ORA Good Cat เล็กน้อย (ปัจจุบันเริ่มต้น 599,000 บาท) แต่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ เช่น โปรแกรมช่วยผ่อนเดือนละ 5,000 บาท, ประกันภัยชั้นหนึ่ง 2 ปี และค่าบำรุงรักษา 5 ปี ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าแทนการลดราคาตรง ๆ

ภาพรวมตลาดและอนาคตยานยนต์ไทย 2025-2026

นอกเหนือจากความคึกคักในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปแล้ว ภาพรวมของตลาดรถยนต์ไทยยังคงมีทิศทางการเติบโตที่น่าจับตา คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ จาก MG ประมาณการว่า ตลาดรถยนต์รวมในประเทศไทยสำหรับปี 2568 จะปิดตัวเลขยอดขายที่ประมาณ 600,000 คัน เติบโตราว 3-4% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ดี แม้จะไม่สูงมากนัก แต่ก็แสดงถึงเสถียรภาพของตลาดที่แข็งแกร่ง

สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ คาดการณ์ว่าปี 2568 จะมียอดขายทะลุ 100,000 คัน และในปี 2569 จะพุ่งสูงถึง 120,000 คัน ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสชั่วคราว แต่ได้กลายเป็นส่วนสำคัญและเป็นอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างแท้จริง

การเติบโตนี้ไม่ได้มาจากแค่ปัจจัยด้านราคาและโปรโมชั่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การรับรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำกว่า และการพัฒนานวัตกรรมจากผู้ผลิตที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายขึ้น

บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ: โอกาสและความท้าทาย

ในมุมมองของผม ตลาดรถยนต์ไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ การแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์จีนที่เน้นรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้แบรนด์ญี่ปุ่นและยุโรปต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ ๆ หรือการเร่งพัฒนา EV เพื่อรักษาฐานลูกค้าและส่วนแบ่งตลาด

ผู้บริโภคคือผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากสถานการณ์นี้ ด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย เทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น และราคาที่แข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในยุคนี้ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ นอกเหนือจากราคา เช่น ความพร้อมของสถานีชาร์จ การบริการหลังการขาย ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และมูลค่าการขายต่อในอนาคต

สำหรับผู้ประกอบการ การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยั่งยืน และการสร้างเครือข่ายบริการที่แข็งแกร่ง จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว สงครามราคาอาจเป็นกลยุทธ์ระยะสั้นเพื่อระบายสต็อกและสร้างฐานลูกค้า แต่คุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการคือสิ่งที่ทำให้แบรนด์ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง

มิติใหม่ของการเลือกซื้อรถ: Leapmotor และโปรโมชั่นพิเศษ

ไม่ใช่แค่แบรนด์ใหญ่ที่สร้างความตื่นเต้น บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด (PNA) ผู้แทนจำหน่าย Leapmotor ในประเทศไทย ก็ได้ส่งรุ่นพิเศษ C10 Limited Edition Kinetix Model จำนวนจำกัดเพียง 100 คัน ในราคา 928,000 บาท ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีเอกลักษณ์ และยังจัดแคมเปญบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร มูลค่า 20,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงานและรับรถภายในเดือนธันวาคม 2568 แสดงให้เห็นว่าทุกผู้เล่นต่างพยายามสร้างข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจให้กับลูกค้า

สรุปและคำเชิญชวน

มหกรรมยานยนต์ 2025 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตลาดรถยนต์ไทยเต็มไปด้วยพลังงานและความพร้อมที่จะก้าวสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้า การแข่งขันที่ดุเดือด นวัตกรรมที่ก้าวล้ำ และแคมเปญสุดพิเศษจากหลากหลายค่าย ทำให้งานนี้เป็นมากกว่าแค่การจัดแสดง แต่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กำลังกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรม

อย่าพลาดโอกาสทองในการสัมผัสประสบการณ์ยานยนต์แห่งอนาคต ด้วยข้อเสนอที่ยากจะหาได้อีกแล้ว หากคุณกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ ไม่ว่าจะเป็น EV, ไฮบริด หรือ ICE งาน Motor Expo 2025 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี จนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2568 คือแหล่งรวมทุกสิ่งที่คุณต้องการ ผมขอเชิญชวนให้คุณไปสัมผัสเทคโนโลยีล้ำสมัย เปรียบเทียบรถยนต์ที่คุณสนใจ และใช้โอกาสนี้เลือกซื้อรถยนต์ที่ตอบโจทย์ชีวิตของคุณมากที่สุด ก่อนที่มาตรการและโปรโมชั่นดี ๆ จะสิ้นสุดลง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตยานยนต์ไทยด้วยตัวคุณเอง

Previous Post

N1512343 แบบน เร ยกญาต ได หรอ มเง นแล วไม #มายป ณย ปานวาด #หน งส นสะท part 2

Next Post

N1512341 แม วแสดงเก งแบบน กตาทองต องเข าแล วป #มายป ณย ปานวาด #หน งส part 2

Next Post
N1512341 แม วแสดงเก งแบบน กตาทองต องเข าแล วป #มายป ณย ปานวาด #หน งส part 2

N1512341 แม วแสดงเก งแบบน กตาทองต องเข าแล วป #มายป ณย ปานวาด #หน งส part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1612666 ในว นท เม ยนอกใจ! Part 2
  • N1612663 ำใจส งต อผ part 2
  • N1612670 รถหร สำหร บพน กงานของฉ part 2
  • N1612668 ความซ อส ตย เป นค ณสมบ ของคนด part 2
  • N1612661 ทำไมแต งช ดออกกำล งกายมาทำงาน part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.