ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
เรเว่ ออโตโมทีฟ: ผู้นำยานยนต์พลังงานใหม่ เขย่าวงการที่ Motor Expo 2025 พร้อมข้อเสนอสุดท้ายแห่งยุค EV 3.0
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คลุกคลีในตลาดมานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าปี 2025 คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญสำหรับตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย ที่ Motor Expo ครั้งที่ 42 นี้ ไม่ใช่แค่การจัดแสดงนวัตกรรม แต่คือจุดนัดพบสำคัญสำหรับผู้ที่มองหาอนาคตของการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลยุทธ์อันแข็งแกร่งของ Rêver Automotive (เรเว่ ออโตโมทีฟ) ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BYD และ DENZA ในประเทศไทย ที่เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยพื้นที่จัดแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และข้อเสนอสุดพิเศษที่เรียกได้ว่าเป็น “โอกาสทอง” ครั้งสุดท้ายก่อนการปรับเปลี่ยนมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และ Rêver Automotive ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์ BYD กว่า 100,000 คันภายในระยะเวลาอันสั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยต่อคุณภาพ นวัตกรรม และความคุ้มค่าของแบรนด์ BYD และ DENZA ในงาน Motor Expo 2025 นี้ Rêver Automotive ได้ยกทัพยานยนต์พลังงานใหม่มาจัดแสดงอย่างเต็มรูปแบบ ไม่เพียงแค่รุ่นยอดนิยมที่ทุกคนคุ้นเคย แต่ยังรวมถึง 3 รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งพร้อมที่จะพลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่ของคนไทยไปอีกขั้น
ปรากฏการณ์แห่งอนาคต: Rêver Automotive ยึดพื้นที่ที่ Motor Expo 2025
สิ่งที่น่าจับตามองในงาน Motor Expo 2025 คือการที่ Rêver Automotive ได้ครอบครองพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดในงานถึง 2,193 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นโซน BYD 1,591 ตารางเมตร และโซน DENZA 602 ตารางเมตร นี่ไม่ใช่เพียงแค่การอวดศักยภาพ แต่เป็นการประกาศวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านยานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย ผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมล้ำสมัยอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) 100% ไปจนถึงเทคโนโลยี Plug-in Hybrid (PHEV) ระดับแนวหน้าอย่าง DM-i Super Hybrid ที่พัฒนาโดย BYD
การลงทุนในพื้นที่ขนาดใหญ่นี้ ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของ Rêver Automotive ที่จะมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเชิงลึก การทดลองนั่ง หรือแม้กระทั่งการสัมผัสเทคโนโลยีที่จะกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต การจัดแสดงในครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการสร้างความเข้าใจและแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คู่ใจที่ตอบโจทย์ทั้งประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และความคุ้มค่าสูงสุด
เปิดมิติใหม่แห่งการขับขี่: 3 ยานยนต์รุ่นแรกของไทย
หัวใจสำคัญของการจัดแสดงในปีนี้คือการเปิดตัว 3 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนในไทยมาก่อน ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์พลังงานใหม่
DENZA B5: ผู้นำ SUV Off-Road Hybrid สู่ยุคใหม่
DENZA B5 คือบทนิยามใหม่ของรถยนต์ SUV Off-Road ที่ผสานความแข็งแกร่งดุดันเข้ากับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัจฉริยะอย่างลงตัว ด้วยดีไซน์ทรงเหลี่ยมสุดพรีเมียมที่สะท้อนความมั่นคง พร้อมสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในทุกมิติ หัวใจสำคัญคือระบบขับเคลื่อน DMO Hybrid อันทรงพลังที่รวมการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 505 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวสูง ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 3.4 เมตร ร่วมกับเทคโนโลยี B-Style U-Turn ที่ทำให้การกลับรถหรือเลี้ยวในที่แคบเป็นเรื่องง่าย หรือการผจญภัยในเส้นทาง Off-Road ที่ท้าทาย DENZA B5 ก็พร้อมพาคุณไปทุกที่ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันชาญฉลาด ห้องโดยสารมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน มอบความสุนทรียภาพและความสบายตลอดการเดินทางที่ไร้ขีดจำกัด DENZA B5 จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่เหนือกว่าทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะ และการใช้งาน
BYD Ti7: Urban SUV แห่งอนาคต พร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ
BYD Ti7 ถือเป็นการบุกเบิกเซกเมนต์ Urban SUV สไตล์ Adventure ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด “STARSHIP Ark” ที่ผสานความดุดันเข้ากับเส้นสายตัวถังทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสารคืออาณาจักรแห่งเทคโนโลยีและดีไซน์แบบ Dual Layer Symmetry ที่โดดเด่น ด้วย BYD Intelligent Cockpit ที่เชื่อมต่อการแสดงผลผ่านหน้าจอต่างๆ อย่างราบรื่น รวมถึงระบบแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาด 26 นิ้ว ที่ให้ข้อมูลสำคัญแก่ผู้ขับขี่เสมือนจริง และอุปกรณ์เสริมหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถได้โดยตรง ให้ประสบการณ์การเดินทางเสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเป็นศูนย์กลางควบคุมรถ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV แบบ DM 5.0 platform 4WD ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง เข้ากับ BYD Blade Battery อันเป็นนวัตกรรมแบตเตอรี่ระดับโลก ให้กำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ถึง 155 กิโลเมตร (NEDC) นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุด BYD Ti7 จึงเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ผสมผสานความล้ำสมัย เทคโนโลยี และสมรรถนะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
DENZA D9 Phantom Edition: นิยามใหม่ของความหรูหราใน MPV
สำหรับผู้ที่มองหาที่สุดแห่งความหรูหราและสะดวกสบายในการเดินทางแบบ MPV, DENZA D9 Phantom Edition คือคำตอบ การปรับโฉมครั้งนี้ได้ยกระดับความสง่างามด้วยชุดแต่งสเกิร์ตรอบคันดีไซน์สปอร์ต, กระจังหน้าแบบใหม่ และชุดสปอยเลอร์ที่เพิ่มความโฉบเฉี่ยว ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาส ด้วยจอเพดานระบบสัมผัสสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 15.6 นิ้ว ที่ให้ความบันเทิงตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อธุรกิจหรือการท่องเที่ยวกับครอบครัว DENZA D9 Phantom Edition ก็พร้อมที่จะมอบความประทับใจและความสะดวกสบายในทุกรายละเอียด ให้ทุกการเดินทางเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำและผ่อนคลายอย่างแท้จริง
โอกาสสุดท้าย: มาตรการ EV 3.0 และการตัดสินใจที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025
ประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ในปี 2025 คือ “มาตรการ EV 3.0” จากภาครัฐ ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นี่คือจังหวะเวลาที่คุณจะได้รับข้อเสนอและสิทธิประโยชน์สูงสุดจากรัฐบาล และจาก Rêver Automotive ก่อนที่ราคาจำหน่ายจะมีการปรับขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ภายใต้มาตรการ EV 3.0 รถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ผลิตในประเทศไทย เช่น BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3 จะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดถึง 150,000 บาท แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2569 ภายใต้มาตรการ EV 3.5 เงินสนับสนุนนี้จะลดลงเหลือเพียง 50,000 บาทเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาจำหน่ายรถยนต์รุ่นเหล่านี้ปรับสูงขึ้นจากปัจจุบัน
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า เช่น BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 สถานการณ์ยิ่งมีความสำคัญเป็นสองเท่า เพราะนอกจากจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 75,000 บาทจากภาครัฐแล้ว ยังต้องเผชิญกับการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตอีก 8% รวมเป็น 10% ซึ่งจะทำให้ราคาจำหน่ายพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
จากปัจจัยเหล่านี้ การตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ BYD หรือ DENZA ในช่วง Motor Expo 2025 จึงเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและคุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษและส่วนลดราคาที่ Rêver Automotive มอบให้ในช่วงเวลานี้เท่านั้น นี่คือโอกาสทองที่คุณจะได้ครอบครองยานยนต์แห่งอนาคต ด้วยเงื่อนไขที่ดีที่สุด และยังคงได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการภาครัฐอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
นวัตกรรมแห่งพลัง: DM-i Super Hybrid และ Blade Battery
นอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% BYD ยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ด้วยระบบ DM-i Super Hybrid ที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจาก PHEV ทั่วไป DM-i Super Hybrid ถูกออกแบบให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวล เงียบสงบ และการตอบสนองที่ฉับไวเหมือนรถยนต์ EV 100% แต่ยังคงความอุ่นใจด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ช่วยขยายระยะทางขับขี่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ และยังประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
หัวใจของเทคโนโลยีนี้คือ BYD Blade Battery แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ที่ปฏิวัติวงการ ด้วยการออกแบบที่ปลอดภัยสูง ทนทาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัยและระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่ไกลกว่า 100 กิโลเมตรในหลายรุ่น
Rêver Automotive ได้นำเสนอรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ในงานนี้ด้วย:
BYD Seal 5 DM-i: ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทยที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC) มาพร้อมข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Premium ไม่ว่าจะเป็นดาวน์เริ่มต้นเพียง 34,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD SEALION 6 DM-i: รถยนต์ SUV พรีเมียมและมีสไตล์ ที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) ก็มาพร้อมข้อเสนอที่น่าสนใจเช่นกัน ในรุ่นย่อย Dynamic ด้วยดาวน์เริ่มต้นเพียง 44,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
ทัพยนตรกรรมพลังงานใหม่จาก BYD: ตัวเลือกที่ใช่ โปรที่ชอบ
Rêver Automotive เข้าใจดีว่าผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลาย จึงได้รวบรวมทัพยนตรกรรม BYD ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุด:
BYD DOLPHIN: รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่เปี่ยมด้วยความคล่องตัวและประหยัดพลังงาน เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นอย่างยิ่ง สำหรับรุ่นย่อย Standard มีราคาพิเศษ 449,900 บาท หรือ 459,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD ATTO 3: รถยนต์ SUV ไฟฟ้ายอดนิยม ที่ผสมผสานดีไซน์ล้ำสมัย สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน เหมาะสำหรับครอบครัวยุคใหม่ สำหรับรุ่นย่อย Premium ราคาพิเศษ 629,900 บาท หรือ 639,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ และรุ่นย่อย Extended ราคาพิเศษ 699,900 บาท หรือ 709,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ทั้งสองรุ่นย่อยมาพร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD M6: รถยนต์ MPV ไฟฟ้าที่นำเข้า ซึ่งให้ความสะดวกสบายและความหรูหราสำหรับทุกคนในครอบครัว ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง ในรุ่นย่อย Dynamic มาพร้อมดาวน์เริ่มต้นเพียง 39,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD SEALION 7: รถยนต์ SUV ไฟฟ้าพรีเมียมนำเข้า ที่มอบทั้งความสง่างามและสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราและประสิทธิภาพสูงสุด ในรุ่นย่อย Premium มีดาวน์เริ่มต้นเพียง 57,495 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
ข้อเสนอเหล่านี้คือสิ่งยืนยันว่า Rêver Automotive มุ่งมั่นที่จะทำให้การเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่เป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านนโยบายภาครัฐนี้
Rêver Automotive: พันธสัญญาแห่งความยั่งยืนและการบริการที่เหนือกว่า
จากประสบการณ์ในวงการ ผมมองว่า Rêver Automotive ไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ แต่เป็นผู้กำหนดทิศทางและสร้างระบบนิเวศของยานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทยอย่างแท้จริง การที่พวกเขามุ่งมั่นนำเสนอเทคโนโลยีที่หลากหลาย ทั้ง EV และ PHEV รวมถึงการลงทุนในเครือข่ายศูนย์บริการ BYD และ DENZA กว่า 167 สาขาทั่วประเทศ แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นในการให้บริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง
ความสำเร็จของ Rêver Automotive ไม่ได้มาจากการขายรถยนต์เท่านั้น แต่มาจากวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนขึ้นให้กับคนไทยทุกคน ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประสบการณ์การขับขี่ที่ดีกว่า ความเชื่อมั่นกว่า 100,000 รายชื่อลูกค้าชาวไทยที่เลือก BYD คือเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพและนวัตกรรมระดับโลกที่ Rêver Automotive นำมาสู่ตลาด
อย่าพลาดโอกาสครั้งสำคัญที่สุดในรอบปี
Motor Expo 2025 คือเวทีที่คุณจะได้สัมผัสอนาคตของการเดินทางอย่างแท้จริง และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นโอกาสสุดท้ายที่คุณจะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากการเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ก่อนที่มาตรการ EV 3.0 จะสิ้นสุดลง ณ บูธ A06 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 คุณจะได้พบกับยนตรกรรมล้ำสมัย ข้อเสนอที่เหนือกว่า และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
หากคุณกำลังพิจารณาเปลี่ยนรถ หรือก้าวเข้าสู่โลกของยานยนต์พลังงานใหม่ ผมขอเชิญชวนให้คุณมาสัมผัสด้วยตัวคุณเอง อย่าปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดลอยไป เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตัดสินใจครอบครองยนตรกรรมแห่งอนาคตที่มาพร้อมนวัตกรรมล่าสุด และข้อเสนอสุดพิเศษจาก Rêver Automotive หรือเยี่ยมชมโชว์รูมและศูนย์บริการ BYD และ DENZA ใกล้บ้านคุณได้ทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศ เพื่อรับคำปรึกษาและข้อเสนอสุดพิเศษที่รอคุณอยู่ เพราะอนาคตของการเดินทางเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้!
โอกาสทองแห่งยานยนต์พลังงานใหม่: BYD และ DENZA กับแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ส่งท้าย EV 3.0 ที่ Motor Expo 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมกล้ากล่าวอย่างเต็มปากว่าปี 2025 คือหมุดหมายสำคัญที่น่าจับตาที่สุดปีหนึ่งสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปีนี้ที่มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 กำลังจะเปิดฉากขึ้นภายใต้แนวคิดแห่งการก้าวข้ามขีดจำกัด ไม่ใช่แค่เพียงการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ผู้บริโภคชาวไทยจะได้สัมผัสกับโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน และอาจจะไม่มีอีกแล้ว ในการเป็นเจ้าของยานยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดระดับพรีเมียมจาก BYD และ DENZA ภายใต้การนำทัพของ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดอย่างรวดเร็ว
งาน Motor Expo 2025 ในปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบูธจัดแสดงของ BYD และ DENZA ที่เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้เนรมิตพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในงานถึง 2,193 ตารางเมตร เพื่อจัดแสดงขบวนทัพยานยนต์พลังงานใหม่ที่ครบครันและหลากหลายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ที่เป็นหัวใจสำคัญของหลายรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำ 3 รุ่นใหม่ที่ไม่เคยเผยโฉมที่ใดในประเทศไทยมาก่อนมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ได้แก่ DENZA B5, BYD Ti7 และ DENZA D9 Phantom Edition ซึ่งล้วนแต่เป็นผลผลิตจากวิสัยทัศน์และเทคโนโลยีล้ำสมัยของ BYD
เข้าใจโอกาสทอง: จุดเปลี่ยนสำคัญจาก EV 3.0 สู่ EV 3.5 ที่คุณต้องรู้
สิ่งที่ทำให้ Motor Expo 2025 ครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่งยวดสำหรับผู้บริโภคที่กำลังพิจารณาเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าคือ “ช่วงเวลา” การสิ้นสุดมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ หรือ EV 3.0 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นี้ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำเตือนว่านี่ไม่ใช่เรื่องคาดเดา แต่เป็นความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ภายใต้มาตรการ EV 3.0 รถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ประกอบในประเทศไทยอย่าง BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3 ได้รับเงินอุดหนุนสูงสุดถึง 150,000 บาท ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาจำหน่ายสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสร้างปรากฏการณ์ยอดขายถล่มทลาย แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2569 รถยนต์กลุ่มนี้จะเข้าสู่มาตรการ EV 3.5 ซึ่งจะได้รับเงินสนับสนุนลดลงเหลือเพียง 50,000 บาท นั่นหมายถึง “ราคาจำหน่ายที่ต้องปรับเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100,000 บาท” สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสในช่วงนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าอย่าง BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 นอกจากจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 75,000 บาทจาก EV 3.0 แล้ว ยังต้องเผชิญกับการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตจากเดิมอีก 8% รวมเป็น 10% ซึ่งจะส่งผลให้ “ราคาจำหน่ายสูงขึ้นไปอีกในอัตราที่สำคัญ” เมื่อพิจารณาจากราคาปัจจุบันของรถยนต์กลุ่มนี้ ดังนั้น การตัดสินใจซื้อรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ในช่วง Motor Expo 2025 นี้จึงเปรียบเสมือนการ “ซื้อในราคาที่ดีที่สุด” ที่ภาครัฐและเรเว่ ออโตโมทีฟร่วมกันมอบให้เป็นของขวัญส่งท้ายปี
จากประสบการณ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ราคาของรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลงจากการแข่งขันและเทคโนโลยีที่ดีขึ้น แต่ในกรณีนี้ ผลกระทบจากนโยบายภาครัฐเป็นปัจจัยภายนอกที่ทำให้ราคาในอนาคตจะสูงขึ้นอย่างชัดเจน นี่จึงเป็น “วินาทีทอง” ที่แท้จริง สำหรับผู้ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูง นวัตกรรมล้ำสมัย และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
เปิดโลกยานยนต์แห่งอนาคต: 3 รุ่นใหม่กับการพลิกโฉมตลาด
เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้นำรถยนต์ 3 รุ่นใหม่ล่าสุดที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันก้าวหน้าของ BYD และ DENZA มาเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนมีเอกลักษณ์และเทคโนโลยีที่น่าสนใจ
DENZA B5: SUV Off-Road พันธุ์แกร่ง ผสานความหรูหราและขุมพลัง DMO
DENZA B5 คือนิยามใหม่ของรถยนต์ SUV off-road ที่ไม่ได้มีดีแค่สมรรถนะลุย แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราและดีไซน์อันโดดเด่น ด้วยรูปทรงเหลี่ยมที่สื่อถึงความแข็งแกร่งและพรีเมียม แต่กลับมีความคล่องตัวเกินคาดด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 3.4 เมตร พร้อมเทคโนโลยี B-Style U-Turn ที่ทำให้การขับขี่ในเมืองเป็นเรื่องง่ายดายราวกับรถยนต์ขนาดเล็ก แต่เมื่อต้องลุยเส้นทางสมบุกสมบัน DENZA B5 ก็พร้อมตอบรับทุกความท้าทายด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และที่สำคัญคือขุมพลังไฮบริด DMO (Dual Mode Off-road) ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ มอบกำลังรวมสูงสุดถึง 505 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถในเซกเมนต์นี้ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบความสุนทรียภาพและความสบายตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือการผจญภัยในเส้นทางธรรมชาติ DENZA B5 คือคำตอบที่ลงตัวสำหรับผู้ที่มองหาความหลากหลายและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
BYD Ti7: Urban SUV สไตล์ Adventure พร้อมเทคโนโลยีล้ำยุค
BYD Ti7 คือรถยนต์ Urban SUV สไตล์ Adventure ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด STARSHIP Ark สะท้อนความดุดันผสมผสานความทันสมัยด้วยตัวถังทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยดีไซน์ Dual Layer Symmetry และ BYD Intelligent Cockpit ที่มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อและความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ ผ่านหน้าจอแสดงผลต่างๆ รวมถึงระบบแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาดใหญ่ถึง 26 นิ้ว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำเสนอข้อมูลสำคัญในการขับขี่ได้อย่างชัดเจนและปลอดภัย ไม่เพียงเท่านั้น ผู้โดยสารด้านหลังยังสามารถเพลิดเพลินกับ BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว ที่ทำหน้าที่เสมือนแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถได้โดยตรง Ti7 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV แบบ DM 5.0 platform 4WD ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง เข้ากับ BYD Blade Battery อันเลื่องชื่อ มอบกำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 155 กิโลเมตร (NEDC) มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุด BYD Ti7 จึงเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการ SUV ที่ผสมผสานการผจญภัยเข้ากับไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างลงตัว
DENZA D9 Phantom Edition: MPV หรูหราที่ยกระดับการเดินทางสู่มิติใหม่
สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ MPV ระดับพรีเมียมที่เหนือกว่า DENZA D9 Phantom Edition คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ รุ่นพิเศษนี้ได้รับการปรับโฉมเพิ่มความสง่างามและความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยชุดตกแต่งสเกิร์ตรอบคันดีไซน์สปอร์ต กระจังหน้าแบบใหม่ และชุดสปอยเลอร์ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารยังคงความหรูหราสะดวกสบาย พร้อมยกระดับประสบการณ์การเดินทางของผู้โดยสารตอนหลังด้วยจอเพดานระบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว ที่มอบความบันเทิงและความผ่อนคลายตลอดเส้นทาง DENZA D9 Phantom Edition ไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่คือการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำในทุกไมล์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อธุรกิจหรือเพื่อครอบครัว DENZA D9 Phantom Edition คือนิยามของความหรูหราที่มาพร้อมประโยชน์ใช้สอยอย่างแท้จริง
หัวใจสำคัญของ BYD: นวัตกรรม DM-i Super Hybrid และ Blade Battery
สิ่งที่ทำให้ BYD ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดโลกและในประเทศไทยคือสองเสาหลักทางเทคโนโลยี: แบตเตอรี่ Blade Battery และระบบขับเคลื่อน DM-i Super Hybrid
DM-i Super Hybrid: ระบบ PHEV ของ BYD แตกต่างจากระบบปลั๊กอินไฮบริดทั่วไปในตลาดอย่างสิ้นเชิง ด้วยแนวคิด “ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก” (EV-centric) ทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกในการขับขี่ที่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100% นั่นคืออัตราเร่งที่ฉับไว ไร้เสียงรบกวน และการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องพะวงเรื่องระยะทางและความกังวลเกี่ยวกับการชาร์จ เนื่องจากมีเครื่องยนต์เข้ามาช่วยเสริมเมื่อจำเป็น และยังคงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญสำหรับตลาดที่โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง DM-i Super Hybrid ผสมผสานข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์น้ำมันได้อย่างลงตัว
Blade Battery: หัวใจสำคัญของความปลอดภัยและประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้า BYD คือแบตเตอรี่ Blade Battery ซึ่งเป็นนวัตกรรมแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LFP) ที่ BYD พัฒนาขึ้นเอง มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยสูงสุด ผ่านการทดสอบ “Nail Penetration Test” หรือการตอกตะปูทะลุแบตเตอรี่โดยไม่เกิดการลุกไหม้หรือระเบิด นอกจากนี้ยังให้ความหนาแน่นของพลังงานสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน และมีความทนทานต่ออุณหภูมิที่หลากหลาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในสภาพอากาศเมืองไทย ด้วย Blade Battery รถยนต์ BYD สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร ทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันแทบไม่จำเป็นต้องพึ่งพาน้ำมันเลย
ขบวนทัพยานยนต์พลังงานใหม่จาก BYD: ตัวเลือกหลากหลายสำหรับทุกคน
นอกเหนือจากรุ่นใหม่ที่เปิดตัว BYD ยังคงนำเสนอรถยนต์พลังงานใหม่อื่นๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาด ซึ่งมาพร้อมข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้
BYD Seal 5 DM-i และ BYD SEALION 6 DM-i: สองรุ่นในตระกูล DM-i Super Hybrid ที่พร้อมมอบประสบการณ์ EV-centric อย่างเต็มรูปแบบ BYD Seal 5 DM-i ซีดานขนาดกลางที่สามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้าได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหรา ประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ BYD SEALION 6 DM-i คือ SUV พรีเมียมที่มีสไตล์ ขับขี่ด้วยไฟฟ้าได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) ตอบโจทย์ครอบครัวและผู้ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง ทั้งสองรุ่นมาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ดอกเบี้ย 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟิล์มเซรามิก
BYD DOLPHIN: รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเทคโนโลยีที่ครบครัน เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนเมืองและผู้ที่เริ่มต้นใช้รถยนต์ไฟฟ้า ในรุ่น Standard มาพร้อมราคาพิเศษ 449,900 บาท หรือ 459,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟิล์มเซรามิก
BYD ATTO 3: รถยนต์ SUV ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ด้วยดีไซน์สปอร์ต ห้องโดยสารกว้างขวาง และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ตอบโจทย์ครอบครัวและการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างลงตัว รุ่น Premium ราคาพิเศษ 629,900 บาท หรือ 639,900 บาท และรุ่น Extended ราคาพิเศษ 699,900 บาท หรือ 709,900 บาท โดยทั้งสองรุ่นย่อยมาพร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟิล์มเซรามิก
BYD M6 และ BYD SEALION 7: BYD M6 เป็นรถยนต์ MPV ไฟฟ้าที่นำเสนอความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอยที่ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่หรือการใช้งานเชิงพาณิชย์ ในขณะที่ BYD SEALION 7 เป็น SUV ไฟฟ้าที่นำเสนอความหรูหราและเทคโนโลยีระดับสูง พร้อมสมรรถนะที่โดดเด่น ทั้งสองรุ่นมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 1.88% ฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟิล์มเซรามิก
เรเว่ ออโตโมทีฟ: พันธมิตรที่เข้าใจและขับเคลื่อนตลาด EV ไทย
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ ได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของเรเว่ ในการเป็นผู้นำและผู้ผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ที่ดีที่สุดจาก BYD และ DENZA ควบคู่ไปกับการมอบข้อเสนอและบริการหลังการขายที่เหนือระดับ เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า 100,000 ราย ที่ให้การยอมรับในคุณภาพของ BYD ได้มั่นใจและอุ่นใจในทุกการเดินทาง
นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ ยังได้เสริมถึงวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน โดยเน้นย้ำว่าเทคโนโลยีในรถยนต์ BYD และ DENZA ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจเท่านั้น แต่เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกว่าสำหรับทุกคน ด้วยความหลากหลายของยานยนต์พลังงานใหม่ ไม่ว่าจะเป็น EV หรือ PHEV ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid เรเว่ ออโตโมทีฟ มุ่งมั่นที่จะนำเสนอทางเลือกที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า
บทสรุปและคำเชิญ
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการนี้มานาน ผมขอยืนยันว่า Motor Expo 2025 ไม่ใช่แค่เพียงมหกรรมยานยนต์ประจำปี แต่เป็น “โอกาสสำคัญ” ที่คุณจะไม่ได้พบเจออีกแล้วในอนาคตอันใกล้ ด้วยการสิ้นสุดของมาตรการ EV 3.0 และการปรับโครงสร้างราคา รวมถึงภาษีที่กำลังจะเกิดขึ้น การตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ BYD หรือ DENZA ในช่วงเวลานี้คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ทั้งในแง่ของราคา นวัตกรรม และความอุ่นใจในการขับขี่
อย่าพลาดโอกาสครั้งสำคัญนี้ที่จะได้สัมผัสกับยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษที่เรเว่ ออโตโมทีฟ ตั้งใจมอบให้คุณ เยี่ยมชมบูธ BYD และ DENZA หมายเลข A06 ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 ณ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 หรือแวะไปที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD และ DENZA ใกล้บ้านคุณทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศ เพื่อทดลองขับและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โอกาสทองเช่นนี้ไม่ได้มีบ่อยครั้ง รีบคว้าไว้ก่อนที่ราคาจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะอนาคตการขับขี่ที่ยั่งยืนและประหยัดกำลังรอคุณอยู่ ณ บัดนี้!
