ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
สุดยอดดีลแห่งปี: ปลดล็อกอนาคตยานยนต์พลังงานใหม่กับ BYD และ DENZA ที่ Motor Expo 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าสิบปี ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมากมาย แต่ไม่มีครั้งใดที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยศักยภาพเท่ากับการปฏิวัติของยานยนต์พลังงานใหม่ หรือ EV ที่กำลังขับเคลื่อนโลกของเราอยู่ในขณะนี้ และสำหรับประเทศไทย ปี 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งไม่ใช่แค่การแสดงนวัตกรรมยานยนต์เท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจที่สำคัญสำหรับผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง BYD และ DENZA ที่นำทัพโดย Rêver Automotive ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งเตรียมขนทัพยนตรกรรมสุดล้ำ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมาให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดบนพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ที่สุด
Rêver Automotive: ผู้นำการเปลี่ยนแปลงสู่ยุค EV ในไทย
ความสำเร็จของ BYD ในประเทศไทยไม่อาจแยกขาดจากบทบาทเชิงรุกของ Rêver Automotive ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ได้เลย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Rêver ไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดจำหน่าย แต่เป็นผู้บุกเบิกและขับเคลื่อนตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศไทย ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาสู่ผู้บริโภคชาวไทย และการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ การบริการหลังการขาย และการขยายเครือข่ายศูนย์บริการอย่างรวดเร็วและครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 167 แห่ง ทำให้ Rêver Automotive ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอย่างแท้จริง มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 นี้ Rêver ได้พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นอีกครั้งด้วยการจับจองพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดในงานถึง 2,193 ตร.ม. โดยแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับ BYD ถึง 1,591 ตร.ม. และ DENZA อีก 602 ตร.ม. ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และศักยภาพของแบรนด์ที่ไม่หยุดนิ่ง และบ่งบอกเป็นนัยว่าปี 2025 นี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ BYD และ DENZA จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย
เปิดตัวนวัตกรรมแห่งอนาคต: 3 รุ่นใหม่กับการเขย่าวงการ
หัวใจสำคัญของการมาเยือน Motor Expo 2025 ของ BYD และ DENZA ในครั้งนี้คือการเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่นใหม่ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ใดในประเทศไทยมาก่อน ซึ่งล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
DENZA B5: SUV Off-Road พันธุ์แกร่ง ผสานความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัย
DENZA B5 คือการประกาศถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของรถยนต์ SUV ที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่การใช้งานบนท้องถนนในเมืองอีกต่อไป ด้วยการออกแบบที่ผสานความดุดันของรถยนต์ Off-Road เข้ากับเส้นสายที่เฉียบคมและทรงเหลี่ยมแบบพรีเมียม ทำให้ B5 มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น แต่ไม่ใช่แค่ความงามภายนอกเท่านั้นที่น่าประทับใจ B5 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอันล้ำสมัย ด้วยระบบไฮบริด DMO (Dual Mode Off-road) อันทรงพลังที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 505 กิโลวัตต์ (ประมาณ 686 แรงม้า) และแรงบิดรวมสูงสุด 760 นิวตันเมตร ซึ่งมอบพละกำลังมหาศาลสำหรับการบุกตะลุยในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนในเมืองหรือเส้นทางทุรกันดาร B5 ก็พร้อมตอบโจทย์ทุกความท้าทาย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันชาญฉลาดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและควบคุมรถได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับการขับขี่ในเมือง B5 ยังมอบความคล่องตัวที่เหนือชั้นด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 3.4 เมตร ร่วมกับเทคโนโลยี B-Style U-Turn ที่ทำให้การกลับรถหรือเข้าจอดในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่ายดาย และด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันภายในห้องโดยสารระดับพรีเมียม ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้รับประสบการณ์การเดินทางที่สมบูรณ์แบบและสุนทรียภาพตลอดเส้นทาง DENZA B5 จึงเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ SUV ที่รวมเอาความแข็งแกร่ง ประสิทธิภาพ ความหรูหรา และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
BYD Ti7: Urban SUV สไตล์ Adventure อัจฉริยะแห่งการเดินทาง
BYD Ti7 คืออีกหนึ่งความน่าตื่นตาตื่นใจที่ BYD นำเสนอในกลุ่ม Urban SUV ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “STARSHIP Ark” ซึ่งสะท้อนถึงการผสมผสานความดุดันและแข็งแกร่งเข้ากับตัวถังทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสาร Ti7 โดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์ Dual Layer Symmetry ที่ให้ความรู้สึกกว้างขวาง ทันสมัย และล้ำยุค หัวใจสำคัญของประสบการณ์การขับขี่คือ BYD Intelligent Cockpit ที่เชื่อมต่อการแสดงผลผ่านหน้าจอต่างๆ อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงระบบแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาดใหญ่ถึง 26 นิ้ว ที่ให้ข้อมูลสำคัญแก่ผู้ขับขี่เสมือนจริงบนถนนเบื้องหน้า นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมหน้าจอผู้โดยสารด้านหลัง BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถยนต์ได้โดยตรง เสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเป็นศูนย์กลางควบคุมประจำรถ BYD Ti7 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV แบบ DM 5.0 platform พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ซึ่งผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ทั้งหน้าและหลังเข้ากับ BYD Blade Battery อันเป็นนวัตกรรมแบตเตอรี่ที่โดดเด่น ให้กำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ (ประมาณ 490 แรงม้า) และแรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 155 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญคือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทาง BYD Ti7 จึงเป็นรถยนต์ที่เหมาะสำหรับคนเมืองที่รักการผจญภัยและต้องการเทคโนโลยีระดับสูงในทุกมิติ
DENZA D9 Phantom Edition: MPV สุดหรู ยกระดับประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาส
สำหรับผู้ที่มองหาที่สุดแห่งความหรูหรา ความสะดวกสบาย และพื้นที่ใช้สอย DENZA D9 Phantom Edition คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ รุ่น Phantom Edition นี้ยกระดับความสง่างามและความสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้น ด้วยชุดตกแต่งสเกิร์ตรอบคันดีไซน์สปอร์ต กระจังหน้าแบบใหม่ และชุดสปอยเลอร์ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโดดเด่นและพรีเมียมยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารคืออาณาจักรแห่งความสะดวกสบายและความบันเทิง ด้วยจอเพดานระบบสัมผัสสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาดใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว ที่ช่วยให้ทุกคนเพลิดเพลินกับความบันเทิงตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือทำงาน DENZA D9 ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาด MPV ระดับพรีเมียม ด้วยการผสานความหรูหราแบบรถยุโรปเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะจาก BYD ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ผู้บริหาร หรือผู้ที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์สำหรับการเดินทางระยะไกลที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด และรุ่น Phantom Edition นี้ก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในเซกเมนต์ MPV ระดับไฮเอนด์
จับตามาตรการ EV 3.0 สู่ EV 3.5: โอกาสทองที่ต้องคว้า
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่าช่วงเวลาปลายปี 2025 นี้ ถือเป็น “โอกาสทอง” และ “นาทีทอง” ที่แท้จริงในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ด้วยเหตุผลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ มาตรการ EV 3.0 ซึ่งให้เงินอุดหนุนสูงสุดถึง 150,000 บาทสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ และ 75,000 บาทสำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นี้!
หลังจากนั้น เราจะเข้าสู่มาตรการ EV 3.5 ซึ่งมีการปรับลดวงเงินสนับสนุนลงอย่างมีนัยสำคัญ:
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ผลิตในประเทศไทย: เช่น BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3 จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 150,000 บาทจาก EV 3.0 อีกต่อไป แต่จะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดเพียง 50,000 บาทจากโครงการ EV 3.5 เท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่าราคาจำหน่ายจะสูงขึ้นถึง 100,000 บาท
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้า: เช่น BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 นอกจากจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 75,000 บาทจาก EV 3.0 แล้ว ยังมีการปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากเดิมอีก 8% รวมเป็น 10% ซึ่งจะส่งผลให้ราคาจำหน่ายปรับตัวสูงขึ้นอีกหลายหมื่นบาท
จากข้อมูลที่ผมได้วิเคราะห์มา จะเห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจซื้อรถยนต์ BYD หรือ DENZA ภายในช่วง Motor Expo 2025 และไม่เกินสิ้นปีนี้ จะช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียว นี่ไม่ใช่แค่โปรโมชั่นทั่วไป แต่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐ ซึ่งยากจะเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ และนี่คือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการ “ลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า” ที่คุ้มค่า
DM-i Super Hybrid: นวัตกรรม PHEV ที่เหนือกว่า
นอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% แล้ว BYD ยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) ด้วยระบบ DM-i Super Hybrid ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่โดดเด่นและแตกต่างจาก PHEV ทั่วไปในตลาด จากประสบการณ์ของผม DM-i Super Hybrid ได้รับการออกแบบมาให้ “ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก” ซึ่งหมายความว่าผู้ขับขี่จะได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า EV แทบทุกประการ ทั้งความนุ่มนวล การตอบสนองที่ฉับไว และไร้เสียงรบกวนในความเร็วต่ำถึงปานกลาง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทางขับขี่หรือการหาสถานีชาร์จ เนื่องจากมีเครื่องยนต์สันดาปภายในคอยเสริมการทำงานเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย หรือเมื่อต้องการพละกำลังสูงสุด
เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ยังมาพร้อมกับ BYD Blade Battery ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ชั้นนำของอุตสาหกรรมที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย ความทนทาน และประสิทธิภาพในการกักเก็บพลังงาน ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตรในหลายรุ่น ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้คนส่วนใหญ่โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเลย
ในงาน Motor Expo 2025 นี้ BYD ได้นำเสนอสองรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ที่น่าสนใจ:
BYD Seal 5 DM-i: ซีดานขนาดกลางรุ่นแรกของไทยที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC) ด้วยข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Premium ไม่ว่าจะเป็นดาวน์เริ่มต้นเพียง 34,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก ทำให้ Seal 5 DM-i เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหรา ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
BYD SEALION 6 DM-i: รถยนต์ SUV พรีเมียมและมีสไตล์ที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) ข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Dynamic ด้วยดาวน์เริ่มต้นเพียง 44,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก ทำให้ SEALION 6 DM-i เป็น SUV ที่ตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวสมัยใหม่ที่ต้องการความอเนกประสงค์ ประหยัด และทันสมัย
ทัพยนตรกรรมพลังงานใหม่ BYD พร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุด
นอกจากรุ่นใหม่และเทคโนโลยี DM-i แล้ว BYD ยังคงนำทัพรถยนต์พลังงานใหม่ยอดนิยมมาพร้อมข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ ที่สะท้อนถึงความเข้าใจตลาดและความมุ่งมั่นของ Rêver ในการกระตุ้นยอดขายก่อนมาตรการ EV 3.0 จะหมดอายุ:
BYD DOLPHIN: รถยนต์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากดีไซน์น่ารักและสมรรถนะที่คุ้มค่า รุ่นย่อย Standard มาพร้อมราคาพิเศษเพียง 449,900 บาท หรือ 459,900 บาท (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข) พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก นี่คือราคาที่ทำให้ BYD DOLPHIN เป็นเจ้าของได้ง่ายกว่าที่เคย
BYD ATTO 3: รถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่เป็นแกนหลักในการผลักดันตลาด EV ในไทย รุ่นย่อย Premium มาพร้อมราคาพิเศษ 629,900 บาท หรือ 639,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ส่วนรุ่นย่อย Extended ราคาพิเศษ 699,900 บาท หรือ 709,900 บาท พร้อมโฮมชาร์จเจอร์ ทั้งสองรุ่นย่อยยังได้รับฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก BYD ATTO 3 ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหา SUV EV ที่ลงตัวทั้งดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี
BYD M6: รถยนต์ MPV ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวใหญ่หรือผู้ที่ต้องการพื้นที่กว้างขวาง ด้วยข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Dynamic กับดาวน์เริ่มต้นเพียง 39,995 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก BYD M6 เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
BYD SEALION 7: รถยนต์ SUV ไฟฟ้าสุดหรูและทรงพลัง ด้วยข้อเสนอพิเศษในรุ่นย่อย Premium ดาวน์เริ่มต้นเพียง 57,495 บาท หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก BYD SEALION 7 คือคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการความเหนือระดับในทุกมิติ ทั้งการขับขี่ ดีไซน์ และเทคโนโลยี
ทุกข้อเสนอล้วนได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณมั่นใจว่านี่คือ “ช่วงเวลาที่ดีที่สุด” ในการเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของมาตรการ EV 3.0 สู่ EV 3.5 ที่กำลังจะเกิดขึ้น
บทสรุป: โอกาสที่ไม่ควรพลาด
จากมุมมองของผู้ที่เฝ้าติดตามและคลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มาอย่างยาวนาน ผมสามารถยืนยันได้อย่างหนักแน่นว่า Motor Expo 2025 ในช่วงปลายปีนี้ ไม่ใช่แค่เพียงมหกรรมยานยนต์ประจำปีเท่านั้น แต่เป็น “โอกาสทอง” และ “จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ” สำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการก้าวเข้าสู่ยุคของยานยนต์พลังงานใหม่ การมาถึงของ DENZA B5, BYD Ti7 และ DENZA D9 Phantom Edition ตอกย้ำถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิสัยทัศน์ของ BYD และ DENZA ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนายานยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ขณะเดียวกัน ข้อเสนอสุดพิเศษจาก Rêver Automotive ที่จัดเต็มในทุกรุ่น ประกอบกับการสิ้นสุดของมาตรการ EV 3.0 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ทำให้การตัดสินใจซื้อในวันนี้มีความสำคัญมากกว่าที่เคย หากคุณเล็งเห็นถึงคุณค่าของการ “ลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า” หรือ “รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั๊ก” ที่มาพร้อมนวัตกรรมระดับโลก ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นี่คือจังหวะที่ลงตัวที่สุดที่คุณจะได้รับประโยชน์สูงสุด
อย่าพลาดโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตยานยนต์! เชิญสัมผัสประสบการณ์ขับขี่อันน่าทึ่ง ชมเทคโนโลยีสุดล้ำ และคว้าข้อเสนอที่ดีที่สุดก่อนใคร ได้ที่บูธหมายเลข A06 ของ BYD และ DENZA ในมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 หรือเยี่ยมชมโชว์รูมและศูนย์บริการ BYD และ DENZA ใกล้บ้านท่านทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศ เราพร้อมที่จะช่วยให้คุณเลือกยานยนต์พลังงานใหม่ที่ใช่สำหรับคุณ และเป็นเจ้าของรถยนต์แห่งอนาคตก่อนใคร คว้าโอกาสนี้ไว้ แล้วมาร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน!
เรเว่ ออโตโมทีฟ: ขีดสุดแห่งนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ในมหกรรมยานยนต์ 2025 พร้อมข้อเสนอที่คุณไม่อาจปฏิเสธ
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมกล้ากล่าวได้อย่างเต็มปากว่ามหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในช่วงปลายปีนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การรวมตัวของค่ายรถยนต์ประจำปี แต่เป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงพลวัตอันรวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicles – NEVs) ซึ่งปัจจุบันถือเป็นกระแสหลักที่ขับเคลื่อนตลาดอย่างแท้จริง และท่ามกลางความตื่นตัวนี้ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา ด้วยการยกทัพนวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำ พร้อมการครอบครองพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดในงาน มอบประสบการณ์เหนือระดับและข้อเสนอสุดพิเศษที่กำหนดทิศทางตลาด รถยนต์ไฟฟ้า 2025 และ รถยนต์ PHEV ที่ดีที่สุด อย่างเด็ดขาด
ปี 2025 นับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญสำหรับนโยบายสนับสนุน รถยนต์พลังงานสะอาด ของภาครัฐ การสิ้นสุดมาตรการ EV 3.0 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 และการก้าวเข้าสู่มาตรการ EV 3.5 ได้สร้างจุดผกผันที่นักลงทุนและผู้บริโภคจำเป็นต้องจับตาอย่างใกล้ชิด นี่คือช่วงเวลาทองที่อาจไม่ย้อนกลับมาอีกครั้ง สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณา การลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า เพราะหลังจากนี้ ราคาจำหน่าย รถยนต์ EV ในประเทศไทยสำหรับบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่ผลิตในประเทศอย่าง BYD DOLPHIN และ BYD ATTO 3 จะได้รับเงินสนับสนุนลดลงจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนรถยนต์นำเข้าระดับพรีเมียมอย่าง BYD SEAL, BYD M6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 นอกจากจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 75,000 บาทแล้ว ยังต้องเผชิญกับการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 2% เป็น 10% ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อ ราคา EV อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น การที่เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้จัดแคมเปญส่งท้าย EV 3.0 พร้อม ข้อเสนอ Motor Expo ที่ดีที่สุด จึงเป็นการตอกย้ำถึงความเข้าใจในจังหวะตลาด และความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประโยชน์สูงสุดให้กับผู้บริโภคชาวไทยที่ให้ความไว้วางใจในคุณภาพและ นวัตกรรมยานยนต์ จาก BYD และ DENZA มาแล้วกว่า 100,000 คัน
เรเว่ ออโตโมทีฟ: ผู้นำที่ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์แห่งอนาคต
การเข้ามาของเรเว่ ออโตโมทีฟ ในตลาดไทย ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภค แต่เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการนำ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ที่ดีที่สุดมาสู่คนไทย พร้อมสร้าง สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน กว่าเดิม การครอบครองพื้นที่จัดแสดงรวมกว่า 2,193 ตารางเมตร ณ Motor Expo 2025 แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับ BYD 1,591 ตร.ม. และ DENZA 602 ตร.ม. แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของกลุ่มธุรกิจเรเว่ ในการมอบประสบการณ์ที่ครบวงจรและเข้าถึงนวัตกรรมอย่างเต็มที่ คุณประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ย้ำถึงความสำคัญของการเข้าถึงยานยนต์พลังงานใหม่รุ่นล่าสุดอย่างเต็มอิ่ม ขณะที่คุณประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ฉายภาพถึงพันธกิจในการนำเสนอเทคโนโลยีที่ไม่เพียงสร้างความตื่นตาตื่นใจ แต่ยังเป็นรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน การที่เรเว่สามารถนำเสนอทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) และ รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั๊ก (PHEV) ระดับแนวหน้าอย่าง DM-i Super Hybrid แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและครบวงจร ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งานและความต้องการของผู้บริโภค
เจาะลึก 3 ยานยนต์ไฮไลต์: นิยามใหม่แห่งการเดินทางในอนาคต
หัวใจสำคัญของการจัดแสดงในปีนี้ คือการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยของ 3 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สะท้อนถึงขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของ BYD และ DENZA ได้อย่างชัดเจน ยานยนต์เหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่ง อนาคตยานยนต์ ที่ผสานประสิทธิภาพ ความหรูหรา และเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
DENZA B5: SUV Off-Road พันธุ์ดุ พร้อมเทคโนโลยี DMO Hybrid ที่ไร้เทียมทาน
DENZA B5 คือการประกาศตัวอย่างยิ่งใหญ่ในตลาด รถยนต์ SUV ไฟฟ้า ด้วยการผสมผสานความแข็งแกร่งดุดันแบบ Off-Road เข้ากับสุนทรียศาสตร์การออกแบบทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์และเปี่ยมด้วยพรีเมียม มันถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตจริงอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว หรือการผจญภัยบนเส้นทางที่ท้าทาย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า DENZA B5 คือตัวอย่างของวิศวกรรมที่คำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 3.4 เมตร ร่วมกับเทคโนโลยี B-Style U-Turn ทำให้การกลับรถในพื้นที่จำกัดกลายเป็นเรื่องง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญอย่างยิ่งในสภาพการจราจรหนาแน่นของเมืองใหญ่
แต่ความโดดเด่นที่แท้จริงของ DENZA B5 อยู่ที่ระบบขับเคลื่อน DMO Hybrid Technology ซึ่งเป็นการผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันทรงพลัง มอบกำลังรวมสูงสุดถึง 505 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 760 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถยนต์ประเภทนี้ พลังขับเคลื่อนมหาศาลนี้ไม่เพียงช่วยให้ B5 สามารถเร่งแซงได้อย่างฉับไว แต่ยังมอบสมรรถนะการปีนไต่และการยึดเกาะถนนที่เหนือกว่าในทุกสภาพพื้นผิว ทำให้การขับขี่แบบ Off-Road ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป DENZA B5 ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน ทั้งภายในห้องโดยสารที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ DENZA ในการสร้างสรรค์ รถยนต์หรู EV ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้จริงในทุกมิติ
BYD Ti7: Urban SUV สไตล์ Adventure กับขีดสุดของ Intelligent Cockpit
BYD Ti7 คืออีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนมุมมองต่อ รถยนต์ SUV สไตล์ Urban ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดไปสู่การผจญภัยที่ชาญฉลาด มันถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “STARSHIP Ark” ที่ผสานความดุดันเข้ากับเส้นสายของตัวถังทรงเหลี่ยมที่ทันสมัย บ่งบอกถึงความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกความท้าทายบนท้องถนน ภายในห้องโดยสารของ BYD Ti7 เป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักสรีรศาสตร์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ด้วยดีไซน์ “Dual Layer Symmetry” ที่มอบความรู้สึกสมมาตรและกลมกลืน
หัวใจสำคัญของ BYD Ti7 คือ BYD Intelligent Cockpit ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถยนต์ผ่านหน้าจอหลายรูปแบบ รวมถึงระบบแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาดใหญ่ถึง 26 นิ้ว ที่ให้ข้อมูลสำคัญในการขับขี่แบบเสมือนจริงราวกับหลุดมาจากโลกอนาคต นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมหน้าจอผู้โดยสารด้านหลัง BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้โดยตรง เสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงเป็นศูนย์กลางควบคุมประจำรถ ฟีเจอร์เหล่านี้ยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้เหนือกว่ารถยนต์ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
ด้านขุมพลัง BYD Ti7 เลือกใช้แพลตฟอร์ม PHEV แบบ DM 5.0 4WD ซึ่งเป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง ร่วมกับ BYD Blade Battery ที่ได้รับการยอมรับในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ กำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร ทำให้ Ti7 มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 155 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทาง นับเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับ รถยนต์พลังงานใหม่ ในปี 2025
DENZA D9 Phantom Edition: นิยามใหม่ของ MPV ระดับ First-Class
DENZA D9 Phantom Edition คือการยกระดับประสบการณ์การเดินทางด้วยรถยนต์ MPV สู่มิติใหม่แห่งความสง่างามและความหรูหรา ด้วยชุดแต่งสเกิร์ตรอบคันดีไซน์สปอร์ต และกระจังหน้าแบบใหม่ที่เสริมบุคลิกให้ดูภูมิฐานและทันสมัยยิ่งขึ้น นี่คือ รถยนต์หรู EV ที่พร้อมตอบโจทย์ผู้บริหารและครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบายระดับสูงสุด โดยไม่ทิ้งซึ่งสไตล์ที่โดดเด่น
ภายในห้องโดยสารของ DENZA D9 Phantom Edition ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีต เพื่อมอบความสุนทรียภาพตลอดการเดินทาง จุดเด่นที่สะดุดตาคือจอเพดานระบบสัมผัสสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 15.6 นิ้ว ซึ่งเปลี่ยนพื้นที่ด้านหลังให้กลายเป็นศูนย์รวมความบันเทิงเคลื่อนที่ ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับภาพยนตร์, เพลง, หรือแม้กระทั่งทำงานได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้ทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง DENZA D9 Phantom Edition จึงเป็นมากกว่ารถยนต์ แต่คือห้องรับรองเคลื่อนที่ที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้งานระดับพรีเมียม
DM-i Super Hybrid: เทคโนโลยี PHEV ที่ฉลาดล้ำและคุ้มค่า
นอกเหนือจากรุ่นใหม่ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรก เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ของ BYD ยังคงเป็นจุดแข็งที่น่าจับตาในตลาด รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั๊ก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่า DM-i ไม่ใช่แค่ระบบ PHEV ทั่วไป แต่เป็นการปฏิวัติแนวคิด ด้วยการออกแบบให้รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงอารมณ์การขับขี่ที่เหมือน รถยนต์ไฟฟ้า 100% ทั้งในด้านการตอบสนองที่ฉับไว ความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร และปราศจากมลพิษจากการเผาไหม้ในระยะทางที่เพียงพอต่อการใช้งานประจำวัน
ข้อดีที่สำคัญของ DM-i Super Hybrid คือการที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ในระยะทางไกล เพราะมีเครื่องยนต์เป็นแหล่งพลังงานสำรองที่พร้อมทำงานเมื่อจำเป็น ทำให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้เชื้อเพลิง ระบบนี้ยังมาพร้อมกับ BYD Blade Battery ซึ่งเป็นนวัตกรรมแบตเตอรี่ระดับโลกที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้านความปลอดภัย ความทนทาน และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้มั่นใจได้ในระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวที่ไกลกว่า 100 กิโลเมตร
ปัจจุบัน เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid มีให้เลือกทั้งในรถยนต์ซีดานขนาดกลางอย่าง BYD Seal 5 DM-i ซึ่งสามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้สูงสุด 120 กิโลเมตร (NEDC) และ รถยนต์ SUV พรีเมียม อย่าง BYD SEALION 6 DM-i ที่ขับขี่ด้วยไฟฟ้าได้สูงสุด 104 กิโลเมตร (NEDC) การที่ BYD นำเสนอทางเลือกที่หลากหลายนี้ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ทำให้ DM-i Super Hybrid เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์ประหยัดพลังงาน ที่ผสานประสิทธิภาพของ EV และความสะดวกสบายของรถยนต์สันดาปเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ข้อเสนอสุดพิเศษส่งท้ายปี: โอกาสทองที่คุณไม่ควรพลาด
ในฐานะผู้สังเกตการณ์ตลาดมาอย่างยาวนาน ผมขอยืนยันว่าช่วงเวลาจัดงาน Motor Expo 2025 นี้ คือโอกาสทองที่แท้จริงสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของ รถยนต์พลังงานใหม่ จาก BYD และ DENZA โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบาย EV 3.0 สู่ EV 3.5 ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้จัดเตรียมแคมเปญที่ดีที่สุด ครอบคลุมทั้งรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและรุ่นใหม่ล่าสุด:
BYD DOLPHIN: สำหรับรุ่นย่อย Standard มาพร้อมราคาพิเศษสุด หรือเลือกรับ Home Charger ฟรี พร้อมประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD ATTO 3: ทั้งรุ่นย่อย Premium และ Extended มาพร้อมราคาพิเศษ พร้อม Home Charger ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD M6: รุ่นย่อย Dynamic ดาวน์เริ่มต้นต่ำ หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD SEALION 7: รุ่นย่อย Premium ดาวน์เริ่มต้นต่ำ หรือเลือกรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และฟิล์มเซรามิก
BYD Seal 5 DM-i และ BYD SEALION 6 DM-i: สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ก็มีข้อเสนอสุดพิเศษเช่นกัน ทั้งในเรื่องเงินดาวน์ อัตราดอกเบี้ย และแพ็คเกจของแถมครบครัน
ข้อเสนอเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การลดแลกแจกแถม แต่เป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดในระยะยาว เนื่องจากรถยนต์พลังงานใหม่เหล่านี้มอบ ค่าใช้จ่ายรถ EV ที่ต่ำกว่าในระยะยาว ทั้งในด้านพลังงานและการบำรุงรักษา นอกจากนี้ การเลือกรถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นการมีส่วนร่วมในการ ลดมลพิษทางอากาศ และสร้าง โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ EV ที่แข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา BYD รุ่นใหม่ หรือต้องการสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่แตกต่างจาก DENZA นี่คือช่วงเวลาที่คุณไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม สำหรับการใช้งานในเมือง หรือ รถยนต์ SUV ไฟฟ้า ที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง โอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของนวัตกรรมยานยนต์จาก BYD และ DENZA พร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุดกำลังรอคุณอยู่
อย่ารอช้า โอกาสพิเศษมีจำกัด!
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มาอย่างยาวนาน ผมขอย้ำว่านี่คือโอกาสสำคัญครั้งหนึ่งในรอบปีสำหรับผู้ที่ต้องการครอบครองยานยนต์พลังงานใหม่ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสุดล้ำ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ติดตาม เทคโนโลยีแบตเตอรี่ ล่าสุดอย่าง Blade Battery ผู้ที่ชื่นชอบ การขับขี่อัจฉริยะ หรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 คือจุดนัดพบที่คุณต้องไม่พลาด!
เยี่ยมชมบูธหมายเลข A06 ของเรเว่ ออโตโมทีฟ เพื่อสัมผัสและทดลองขับยานยนต์พลังงานใหม่จาก BYD และ DENZA ด้วยตัวคุณเอง หรือหากไม่สะดวกเดินทางไปงาน คุณสามารถพบกับข้อเสนอสุดพิเศษเหล่านี้ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ BYD และ DENZA ใกล้บ้านท่านทั้ง 167 สาขาทั่วประเทศ อย่าปล่อยให้โอกาสทองในการเป็นเจ้าของอนาคตแห่งการเดินทางหลุดลอยไป เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสู่โลกยานยนต์ที่ยั่งยืนกว่าเดิม!
