• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1412084 ใช วร วมก part 2

admin79 by admin79
December 13, 2025
in Uncategorized
0
N1412084 ใช วร วมก part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

Bentley Speed: ตำนานบทสุดท้ายของ W12 ก่อนยุคใหม่แห่งยนตรกรรมหรูปี 2025

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ระดับอัครยนตรกรรมมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของโลกแห่งความหรูหราและสมรรถนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ ที่นวัตกรรมไฟฟ้ากำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ แต่กระนั้น ก็มีบางตำนานที่ยังคงสถิตอยู่ในความทรงจำ และยังคงเป็นที่ต้องการของนักสะสมและผู้ที่หลงใหลในวิศวกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง นั่นคือ “Bentley Speed” ซีรีส์อัครยนตรกรรมที่เปรียบเสมือนบทส่งท้ายอันยิ่งใหญ่ของขุมพลังเครื่องยนต์ W12 อันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ Bentley ที่ประกาศยุติการผลิตไปเมื่อเมษายน 2024

การสิ้นสุดการผลิตเครื่องยนต์ W12 ไม่ใช่เพียงแค่การปิดฉากเทคโนโลยี แต่เป็นการปิดตำนานบทหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่ง Bentley Speed แต่ละรุ่นไม่ว่าจะเป็น Continental GT Speed, Flying Spur Speed หรือ Bentayga Speed ล้วนเป็นตัวแทนของจุดสูงสุดแห่งสมรรถนะและความหรูหราที่เครื่องยนต์ W12 มอบให้ ความพิเศษของซีรีส์ Speed ในวันนี้จึงไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือ “คุณค่าทางประวัติศาสตร์” ที่ไม่อาจประเมินค่าได้ ทำให้รถยนต์เหล่านี้กลายเป็น รถหรูสั่งผลิตพิเศษ ที่ทรงคุณค่า และเป็น รถสะสม ที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในตลาด รถหรู แห่งปี 2025

ตำนานขุมพลัง W12: หัวใจแห่งสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบ

ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษ นับตั้งแต่ปี 2003 ที่เครื่องยนต์ W12 ได้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้แบรนด์ Bentley มันได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในผลงานวิศวกรรมที่น่าทึ่งที่สุด การจัดเรียงกระบอกสูบแบบ ‘W’ ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ได้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่มีความกะทัดรัดอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสมดุลและสุนทรียภาพในการขับขี่ที่ Bentley ยึดมั่นมาโดยตลอด

จากประสบการณ์ส่วนตัว การได้สัมผัสกับ W12 ตั้งแต่รุ่นแรกๆ จนถึงรุ่น Speed ที่เป็นบทสรุปสุดท้าย ทำให้ผมประจักษ์ถึงความมุ่งมั่นของวิศวกร Bentley ในการพัฒนาและปรับปรุงอย่างไม่หยุดยั้ง จากรุ่นสู่รุ่น พละกำลังและแรงบิดของ W12 เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 37% และ 54% ตามลำดับ ในขณะเดียวกันก็ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 25% ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาระบบควบคุม การปรับปรุงการออกแบบระบบเชื้อเพลิงและความร้อน เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ ระบบหัวฉีดที่ซับซ้อน และกระบวนการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เครื่องยนต์ W12 ในตระกูล Speed เป็นเวอร์ชันที่ได้รับการปรับจูนมาอย่างละเอียด เพื่อปลดปล่อยศักยภาพสูงสุด โดยเฉพาะใน Continental GT Speed ที่ให้พละกำลังสูงถึง 650 แรงม้า ด้วยแรงบิดมหาศาล 900 นิวตันเมตร ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่น่าประทับใจบนกระดาษ แต่เป็นประสบการณ์ที่สัมผัสได้จริงบนท้องถนน ความต่อเนื่องของพละกำลังที่มาพร้อมกับความนุ่มนวลอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bentley ทำให้การขับขี่ในทุกย่านความเร็วเป็นไปอย่างมั่นใจและเร้าใจ การได้ขับขี่ รถสมรรถนะสูง ที่ใช้เครื่องยนต์ W12 คือการได้สัมผัสกับมรดกทางวิศวกรรมที่หาใดเทียบได้ และในยุคที่ อนาคตรถหรู กำลังมุ่งสู่พลังงานไฟฟ้า เครื่องยนต์ W12 คือบทสุดท้ายอันทรงพลังที่ควรค่าแก่การจดจำ

Bentley Speed: สุนทรียภาพแห่งความเร็ว ที่เหนือกว่าแค่ตัวเลข

คำว่า “Speed” ในชื่อรุ่น Bentley ไม่ได้หมายถึงแค่ความเร็วสูงสุดหรืออัตราเร่งเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงปรัชญาการออกแบบและวิศวกรรมที่มุ่งเน้นการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นและเร้าใจยิ่งกว่ารุ่นมาตรฐาน ซึ่งในปี 2025 นี้ การได้ครอบครอง Bentley Speed ที่ใช้เครื่องยนต์ W12 ถือเป็นสิทธิพิเศษที่แตกต่าง และเป็นเครื่องยืนยันรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์

Continental GT Speed: คือนิยามของรถแกรนด์ทัวเรอร์ที่เร็วและหรูหราที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร ที่ส่งกำลัง 650 แรงม้า ทำให้สามารถทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 335 กม./ชม. ซึ่งตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกถึงความสามารถในการพุ่งทะยานที่น่าทึ่ง แต่สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือการผสานสมรรถนะระดับนี้เข้ากับความสง่างามและความสะดวกสบายอันเป็นเอกลักษณ์ของ Continental GT ได้อย่างลงตัว การเดินทางไกลด้วยความเร็วสูงจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อ แต่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ

Flying Spur Speed: ในฐานะซีดาน 4 ประตูที่หรูหราและเร็วที่สุด Flying Spur Speed มาพร้อมพละกำลัง 626 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม. มันคือการผสมผสานความสะดวกสบายของเบาะหลังที่เปรียบเสมือนห้องรับรองส่วนตัวเข้ากับสมรรถนะของรถสปอร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ Flying Spur Speed แสดงให้เห็นว่าความหรูหราและพื้นที่ใช้สอยไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยความเร็วและความคล่องตัว ถือเป็น อัครยนตรกรรม ที่สามารถตอบสนองได้ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารที่ต้องการทั้งความรวดเร็วและความประณีต

Bentayga Speed: ยกระดับมาตรฐานของ SUV หรูให้เหนือไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์ W12 เทอร์โบคู่ 6.0 ลิตร ที่ให้พละกำลัง 626 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร Bentayga Speed สามารถทำความเร็วสูงสุด 306 กม./ชม. และเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับ SUV ขนาดใหญ่ การนำเสนอความเร็วและสมรรถนะในแบบฉบับ Bentley บนแพลตฟอร์ม SUV ทำให้ Bentayga Speed กลายเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการความอเนกประสงค์ของ SUV โดยไม่ทิ้งซึ่งความหรูหราและ ประสบการณ์ขับขี่ ที่เร้าใจ

การรังสรรค์ดีไซน์แห่งความเร็ว: เอกลักษณ์ที่ดึงดูดทุกสายตา

ในทุกรุ่นของ Bentley Speed การออกแบบภายนอกและภายในได้รับการปรับปรุงเพื่อสะท้อนถึง DNA แห่งความสปอร์ตและความเร้าใจ โดยยังคงไว้ซึ่งความสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bentley

รูปลักษณ์ภายนอกที่สง่างามและโฉบเฉี่ยว:

ชุดแต่ง Styling Specification รอบคันทำจากวัสดุ คาร์บอนไฟเบอร์ สีดำเงาที่มีน้ำหนักเบาและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เพียงแค่เพิ่มความโฉบเฉี่ยว แต่ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ กระจังหน้าและกระจังกันชนด้านล่างในเฉดสีเข้มแบบ Dark Tint รวมถึงกาบประตูห้องโดยสารแบบ ‘Speed’ ช่องระบายอากาศสีเข้ม และโลโก้ ‘Speed’ แบบโครเมียมที่บังโคลนหน้า ล้วนเป็นรายละเอียดที่บ่งบอกถึงความพิเศษของรุ่นนี้

จุดเด่นอีกประการคือล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้ว ที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่น Speed พร้อมตัวเลือกเฉดสีเงินสว่าง สีเข้ม หรือสีดำเงาที่ดูดุดัน ฝาปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ ‘Jewel’ และปลายท่อไอเสียรูปทรงรีที่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังสื่อถึงขุมพลัง W12 ที่ซ่อนอยู่ภายใน สำหรับ Bentayga Speed สปอยเลอร์ท้ายที่โดดเด่นยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ของ รถสมรรถนะสูง ได้อย่างชัดเจน

ในรุ่น Flying Spur Speed ชุดแต่งภายนอกจะมาในรูปแบบของ Blackline Specification ที่เน้นองค์ประกอบสีดำ ไม่ว่าจะเป็นมาสคอต Flying ‘B’, กระจังหน้าเมทริกซ์, กรอบหน้าต่าง, กรอบประตู, กันชนหลัง รวมถึงกรอบไฟหน้า ไฟท้าย มือจับประตู และช่องระบายอากาศ ล้วนเป็นสีเข้มที่มอบความรู้สึกสปอร์ตและลึกลับมากยิ่งขึ้น

ลูกค้ายังมีอิสระในการเลือกสรรเฉดสีภายนอกจาก 17 สีมาตรฐาน และอีก 47 สีพิเศษจาก Mulliner รวมถึงเฉดสีแบบดูโอโทนอีก 24 แบบ หรือแม้แต่การรังสรรค์สีใหม่ที่ปรับแต่งให้เข้ากับรสนิยมส่วนตัว นี่คือความยืดหยุ่นที่ทำให้ Bentley Speed แต่ละคันมี ดีไซน์พิเศษ ที่ไม่เหมือนใคร และเป็นภาพสะท้อนตัวตนของเจ้าของอย่างแท้จริง

สัมผัสแห่งความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร:

ภายในห้องโดยสารของ Bentley Speed คือการผสมผสานความหรูหราเข้ากับกลิ่นอายของสนามแข่งได้อย่างลงตัว วัสดุหนัง Alcantara® ซึ่งเป็นที่นิยมในรถแข่ง ถูกนำมาใช้ตกแต่งเบาะรองนั่ง แผงพนักพิงหลัง คันเกียร์ พวงมาลัย และแผงบุหลังคา งานปักคำว่า ‘Speed’ บนเบาะโดยสาร และการออกแบบการเย็บแบบตัดกันใหม่ผ่านงานควิลท์ลายเพชรในแบบ Mulliner Driving Specification คือเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ซึ่งในแต่ละเส้นด้ายที่ถูกเย็บผ่านงานควิลท์ จะมีเส้นหนึ่งที่เข้ากับสีหนัง และอีกเส้นหนึ่งเป็นสีที่ตัดกัน สร้างมิติและความประณีตอย่างถึงที่สุด โลโก้ ‘Speed’ บริเวณคอนโซลหน้า และกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสง ยิ่งเสริมความพิเศษให้กับห้องโดยสารนี้

การตกแต่งภายในยังสามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียดอ่อนด้วยตัวเลือกเฉดสีหลัก 15 สี และเฉดสีรอง 11 สี รวมถึงการใช้หนัง Alcantara ในการตกแต่งส่วนอื่นๆ และตัวเลือกวัสดุวีเนียร์หลากหลายรูปแบบ อาทิ Piano Black (มาตรฐาน), Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus และ Koa ซึ่งการปรับแต่งเหล่านี้ทำให้ Bentley Speed ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นงานศิลปะเคลื่อนที่ที่สะท้อนถึงรสนิยมและเอกลักษณ์ของเจ้าของอย่างแท้จริง

เทคโนโลยีที่ผสานสมรรถนะและความสะดวกสบาย: ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ

สิ่งที่ทำให้ Bentley Speed โดดเด่นกว่ารถยนต์สมรรถนะสูงอื่นๆ คือความสามารถในการมอบทั้งความเร็วและความมั่นใจในการขับขี่ ควบคู่ไปกับความสะดวกสบายอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bentley ซึ่งเป็นผลมาจากระบบวิศวกรรมขั้นสูงที่ได้รับการพัฒนามาอย่างพิถีพิถัน

ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic All-Wheel Steering):

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเห็นว่านี่คือนวัตกรรมที่เปลี่ยนเกมการขับขี่ไปอย่างสิ้นเชิง ระบบนี้ช่วยเพิ่มทั้งเสถียรภาพในการขับขี่ในย่านความเร็วสูง และมอบความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองได้อย่างน่าทึ่ง

ที่ความเร็วต่ำ: ระบบจะบังคับล้อหลังในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ส่งผลให้ระยะฐานล้อสั้นลงโดยปริยาย ทำให้วงเลี้ยวแคบลงอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มความคล่องตัวในการเลี้ยวและจอดรถในพื้นที่จำกัด ซึ่งเป็นสิ่งที่รถขนาดใหญ่หลายคันต้องเผชิญ

ที่ความเร็วสูง: ระบบจะบังคับล้อหลังไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความมั่นคงในการขับขี่ การแซงหรือการเปลี่ยนเลนจึงเป็นไปอย่างมั่นใจและนุ่มนวล ระบบนี้ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุม รถสมรรถนะสูง ขนาดใหญ่นี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด

ระบบ Bentley Dynamic Ride:

นี่คือเทคโนโลยีควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้าตัวแรกของโลกที่ใช้ระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความสะดวกสบายในการขับขี่โดยเฉพาะ ระบบนี้จะโต้ตอบแรงหมุนด้านข้าง (lateral roll) ในทันทีเมื่อเข้าโค้ง เพื่อให้ยางยึดเกาะพื้นถนนได้มากที่สุด สิ่งนี้ไม่เพียงเพิ่มความมั่นคงในห้องโดยสารและความสะดวกสบายในการขับขี่เท่านั้น แต่ยังมอบการควบคุมที่แม่นยำและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (Torque Vectoring by Brake) ที่ช่วยควบคุมแรงบิดให้สัมพันธ์กับล้อและความเร็ว เพื่อให้รถทรงตัวบนถนนได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น ระบบ Bentley Dynamic Ride จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Bentley Speed ไม่เพียงแต่เร็ว แต่ยังสามารถเข้าโค้งได้อย่างเฉียบคมและมั่นใจ ราวกับว่าคุณกำลังขับขี่รถสปอร์ตขนาดเล็ก แต่ยังคงอยู่ในความหรูหราและสะดวกสบายของ Bentley

ปิดฉากตำนาน W12: ก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนของ Bentley

การตัดสินใจยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในเดือนเมษายน 2024 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Bentley และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Beyond100” ที่มุ่งมั่นจะเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นผู้ผลิต รถหรูไฟฟ้า อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2030

ในมุมมองของผม การสิ้นสุดของ W12 ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของบทใหม่ที่น่าตื่นเต้น การผลิตเครื่องยนต์ W12 กว่า 100,000 เครื่องที่โรงงานครูว์ ประเทศอังกฤษ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างมรดกทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่และไม่มีใครเทียบได้ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่ทำให้ W12 มีพละกำลังเพิ่มขึ้น 37% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 54% ในขณะที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 25% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพสูงสุดของเครื่องยนต์สันดาปภายใน

เมื่อปี 2015 เครื่องยนต์ W12 ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดสำหรับการเปิดตัว Bentayga ซึ่งรวมถึงระบบปิดการทำงานของกระบอกสูบ (Cylinder Deactivation), ระบบไดเรคท์และพอร์ตอินเจคชั่น (Direct and Port Injection) และระบบเทอร์โบคู่ (Twin-turbo) ซึ่งล้วนเป็นการปรับปรุงที่ล้ำหน้าในยุคนั้น

ดังนั้น Bentley Speed ในวันนี้จึงไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของยุคทองแห่งสมรรถนะเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ประณีตที่สุด ถือเป็น รถลงทุน ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะของสะสมที่หายาก และเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ยานยนต์ที่กำลังจะถูกจารึก ยิ่งในปี 2025 นี้ ที่กระแส อนาคตรถหรู กำลังมุ่งหน้าสู่พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว Bentley Speed รุ่น W12 ยิ่งทวีความพิเศษและโดดเด่นขึ้นมาในฐานะ การผลิตจำนวนจำกัด ที่หาไม่ได้อีกแล้ว

บทสรุปและคำเชิญ

Bentley Speed ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง W12 คือจุดสูงสุดแห่งวิศวกรรมและความหรูหราที่แท้จริง เป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ Bentley ในการสร้างสรรค์ อัครยนตรกรรม ที่ผสานความเร็ว ความสะดวกสบาย และความประณีตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แม้ว่ายุคของเครื่องยนต์ W12 ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ตำนานและคุณค่าของ Bentley Speed จะยังคงอยู่ตลอดไป และจะยิ่งเพิ่มความพิเศษในฐานะ รถสะสม ที่หายากและทรงคุณค่าในอนาคต

สำหรับผู้ที่หลงใหลในความสมบูรณ์แบบทางวิศวกรรมและประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของ Bentley นี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะได้สัมผัสกับตำนานบทนี้ในฐานะส่วนหนึ่งของมรดกอันล้ำค่า ขอเชิญทุกท่านที่สนใจหรือกำลังมองหา รถหรูสั่งผลิตพิเศษ ที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวและจิตวิญญาณแห่งยนตรกรรม ได้เข้าเยี่ยมชมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการครอบครองชิ้นส่วนแห่งประวัติศาสตร์อันทรงเกียรตินี้ ก่อนที่มันจะกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนานอย่างสมบูรณ์.

Bentley Speed W12: บทสุดท้ายของมหาตำนานเครื่องยนต์แห่งความเร็วและหรูหราก่อนก้าวสู่ยุคไฟฟ้า (อัปเดต 2025)

ในโลกยานยนต์ที่กำลังหมุนไปอย่างรวดเร็วสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า มีบางช่วงเวลาที่สำคัญซึ่งกำหนดทิศทางและสร้างตำนานที่ไม่สามารถลืมเลือนได้ และในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการมานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าปี 2025 นี้ ถือเป็นห้วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและส่งท้ายให้กับหนึ่งในอัญมณีแห่งวิศวกรรมยานยนต์ นั่นคือ “เครื่องยนต์ W12” ของ Bentley และบรรดาสุดยอดอัครยนตรกรรมตระกูล Speed ที่ได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลัง Bentley Speed ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อรุ่น แต่คือสัญลักษณ์แห่งขีดสุดของสมรรถนะ ความหรูหรา และงานฝีมืออันประณีต ที่ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าจินตนาการ เป็นเรือธงที่นำพาทุกท่านทะยานไปข้างหน้าด้วยพละกำลังอันมหาศาลและความมั่นใจเต็มเปี่ยม ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้กับอนาคตแห่งยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวที่ Bentley มุ่งมั่นจะก้าวไปถึง

W12: หัวใจแห่งพละกำลังที่ไม่มีใครเทียบเคียง บทส่งท้ายตำนาน 2 ทศวรรษ

เครื่องยนต์ W12 ของ Bentley ถือเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่าในตำราวิศวกรรมยานยนต์ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยเอกลักษณ์การวางเครื่องยนต์แบบ W ที่ซับซ้อนแต่เปี่ยมประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ขนาด 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบนี้ ได้รับการปรับแต่งและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ทุกครั้งที่เปิดตัวรุ่นใหม่ จากจุดเริ่มต้นในปี 2546 พละกำลังของเครื่องยนต์ W12 เพิ่มขึ้นถึง 37% และแรงบิดมหาศาลพุ่งทะยานขึ้น 54% พร้อมๆ กับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 25% ซึ่งเป็นผลจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการจัดการเครื่องยนต์ ระบบเชื้อเพลิง ระบบระบายความร้อน เทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ชาญฉลาด และการออกแบบหัวฉีดกับห้องเผาไหม้ที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นปี 2558 ที่ Bentayga เปิดตัว เครื่องยนต์ W12 ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ รวมถึงระบบการปิดกระบอกสูบ (Cylinder Deactivation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงในยามที่ไม่จำเป็นต้องใช้พละกำลังสูงสุด

สำหรับอัครยนตรกรรมตระกูล Speed เครื่องยนต์ W12 ได้รับการปรับจูนขั้นสุดเพื่อรีดเค้นสมรรถนะให้ก้าวข้ามขีดจำกัดใดๆ พลังดิบที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่มันคือประสบการณ์ที่กระตุ้นทุกโสตสัมผัส สร้างความตื่นเต้นเร้าใจในทุกครั้งที่เท้าสัมผัสคันเร่ง การตัดสินใจยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในช่วงต้นปี 2567 จึงไม่ใช่แค่การสิ้นสุดสายพานการผลิต แต่คือการปิดฉากยุคทองของวิศวกรรมเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ Bentley ได้รังสรรค์ขึ้น ด้วยจำนวนกว่า 100,000 เครื่องที่ถูกผลิตขึ้น ณ โรงงานเมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ เครื่องยนต์ W12 ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อน Bentley สู่จุดสูงสุดของความหรูหราและสมรรถนะ และแม้ว่า Bentley กำลังก้าวสู่ยุค Beyond100 กับอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่ความทรงจำและมรดกของ W12 จะยังคงตราตรึงอยู่ในประวัติศาสตร์ยานยนต์ตลอดไป ทำให้รถยนต์ Bentley Speed กลายเป็นวัตถุสะสมอันล้ำค่าที่สะท้อนถึงช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญนี้

ความงามที่ดุดัน: การออกแบบภายนอกที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความเร็ว

Bentley Speed ทุกรุ่นได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้รูปลักษณ์ภายนอกสะท้อนถึงสมรรถนะอันเป็นที่สุด ด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและสง่างาม ผสมผสานกับความดุดันของดีไซน์แบบสปอร์ตอย่างลงตัว ชุดแต่ง Styling Specification รอบคัน ไม่ได้เป็นเพียงการเสริมความสวยงาม แต่ยังถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่ที่ความเร็วสูง โดยผลิตจากวัสดุคาร์บอนมันวาวสีดำน้ำหนักเบา พร้อมลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่เสริมมิติความหรูหราและแข็งแกร่งไปพร้อมกัน

กระจังหน้าและกระจังกันชนด้านล่างเฉดสีเข้มแบบ Dark Tint ที่ผสานรวมเข้ากับช่องระบายอากาศสีเข้ม สร้างความรู้สึกดุดันและทรงพลังในทันทีที่ได้เห็น ตราสัญลักษณ์ ‘Speed’ ที่ทำจากโครเมียมประดับบริเวณบังโคลนด้านหน้า รวมถึงกาบประตูห้องโดยสารอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น ‘Speed’ ล้วนเป็นรายละเอียดที่บ่งบอกถึงสายเลือดสปอร์ตที่ไหลเวียนอยู่ในรถยนต์คันนี้ สำหรับ Bentayga Speed นั้นมาพร้อมกับสปอยเลอร์ท้ายที่โดดเด่น ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงเพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยเสริมแรงกดด้านหลัง เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้อย่างชัดเจน

จุดเด่นอีกประการที่ไม่อาจมองข้ามคือล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้ว ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรุ่น Speed ซึ่งมีให้เลือกทั้งเฉดสีเงินสว่างคลาสสิก หรือหากต้องการความดุดันยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกโทนสีเข้มหรือสีดำเงาได้ตามรสนิยม ปลายท่อไอเสียรูปทรงรีขนาดใหญ่ ไม่เพียงเสริมความงามเชิงดีไซน์ แต่ยังเป็นประกาศก้องถึงขุมพลัง W12 ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ฝากระโปรง และเพื่อสัมผัสแห่งความหรูหราในทุกรายละเอียด ฝาปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ ‘Jewel’ พร้อมกาบบันไดประตูห้องโดยสารแบบเรืองแสงประดับคำว่า ‘Speed’ ยิ่งตอกย้ำถึงความใส่ใจในทุกองค์ประกอบ

ในรุ่น Flying Spur Speed นั้น Bentley ได้นำเสนอชุดแต่งภายนอก Blackline Specification ที่มาในเฉดสีดำอันล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น Flying ‘B’ มาสคอตอันเลื่องชื่อ กระจังหน้าแบบเมทริกซ์ กรอบหน้าต่างห้องโดยสาร กรอบประตูด้านล่างและกันชนหลัง รวมถึงกรอบไฟหน้าและไฟท้าย มือจับประตู และช่องระบายอากาศ ล้วนมาในโทนสีเข้ม ที่สร้างความลึกลับและสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์

และด้วยปรัชญาของ Bentley ที่ให้ความสำคัญกับการรังสรรค์ยนตรกรรมให้เป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าของ ลูกค้าจึงสามารถเลือกเฉดสีภายนอกได้ถึง 17 เฉดสีมาตรฐาน และอีก 47 เฉดสีพิเศษจากแผนก Mulliner รวมถึงตัวเลือกเฉดสีแบบดูโอโทนอีก 24 เฉดสี หรือแม้กระทั่งการเทียบเฉดสีใหม่ให้เข้ากับวัสดุที่ต้องการ เพื่อให้ Bentley Speed ของคุณไม่เหมือนใคร และสะท้อนตัวตนได้อย่างแท้จริง

ห้องโดยสารแห่งความเร็วและความหรูหรา: สุนทรียะแห่งการเดินทาง

ก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ Bentley Speed คุณจะสัมผัสได้ถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสปอร์ตที่ได้แรงบันดาลใจจากรถแข่งและความหรูหราสง่างามแบบอังกฤษ การใช้วัสดุหนัง Alcantara® ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการมอเตอร์สปอร์ต ถูกนำมาตกแต่งในส่วนสำคัญต่างๆ ทั้งเบาะรองนั่ง แผงพนักพิงหลัง คันเกียร์ พวงมาลัย และแผงบุหลังคา เพื่อมอบสัมผัสที่กระชับ นุ่มนวล และเสริมบรรยากาศแห่งความเร็ว

การตกแต่งที่โดดเด่นคือการปักคำว่า ‘Speed’ บนเบาะโดยสารอย่างประณีต พร้อมกับการออกแบบการเย็บแบบตัดกันใหม่ในรูปแบบงานควิลท์ลายเพชรตามแบบ Mulliner Driving Specification ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น Speed เส้นเย็บแต่ละเส้นที่ลากผ่านงานควิลท์ถูกรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน โดยเส้นหนึ่งจะกลมกลืนไปกับสีของหนัง และอีกเส้นหนึ่งจะใช้สีที่ตัดกันอย่างเด่นชัด สร้างมิติและรายละเอียดที่น่าทึ่ง ตราสัญลักษณ์ ‘Speed’ ยังประดับอยู่บริเวณคอนโซลหน้าและกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสง ยิ่งตอกย้ำถึงความพิเศษของรุ่นนี้ในทุกมุมมอง

ความหรูหราภายในห้องโดยสารยังสามารถปรับแต่งได้อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยตัวเลือกเฉดสีหลักของหนังแท้ 15 เฉดสี และเฉดสีรองอีก 11 เฉดสี รวมถึงการเลือกใช้หนัง Alcantara ในส่วนอื่นๆ ตามความต้องการ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกวัสดุวีเนียร์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ Piano Black ซึ่งเป็นตัวเลือกมาตรฐาน ไปจนถึง Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus และ Koa แต่ละวัสดุล้วนผ่านการคัดสรรและรังสรรค์มาอย่างดีที่สุด เพื่อให้ทุกสัมผัสภายในห้องโดยสารเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่สะท้อนถึงรสนิยมอันล้ำเลิศของผู้เป็นเจ้าของ Bentley Speed จึงไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ แต่คือผลงานศิลปะเคลื่อนที่ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อคุณโดยเฉพาะ

ปลดปล่อยพละกำลัง: สุดยอดสมรรถนะบนท้องถนน

Bentley Speed ทุกรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ด้วยพละกำลังที่ไม่มีใครเทียบเคียงจากเครื่องยนต์ W12 ที่ได้รับการปรับจูนมาอย่างละเอียดอ่อน นี่คือรายละเอียดของสมรรถนะที่น่าทึ่งในแต่ละรุ่น:

Continental GT Speed: คือนิยามของ Grand Tourer สมรรถนะสูงอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร ที่สร้างพละกำลังสูงสุดถึง 650 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 4% จากรุ่น W12 มาตรฐาน) พร้อมแรงบิดมหาศาล 900 นิวตันเมตร สามารถทะยานจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การขับขี่ Continental GT Speed คือการเดินทางที่ผสมผสานระหว่างความเร็วอันเร้าใจและความสะดวกสบายอันเป็นที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอัครยนตรกรรมที่สามารถพิชิตทุกเส้นทางด้วยความมั่นใจและสไตล์

Flying Spur Speed: คือการยกระดับประสบการณ์รถยนต์ซีดานหรูไปสู่อีกขั้น ด้วยพละกำลัง 626 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร Flying Spur Speed สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับเป็นซีดานที่เร็วที่สุดในโลกที่ยังคงรักษาความสง่างามและความสะดวกสบายของห้องโดยสารได้อย่างสมบูรณ์แบบ มอบประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและรวดเร็ว ไม่ว่าจะขับเองหรือมีคนขับ

Bentayga Speed: ท้าทายทุกคำนิยามของ SUV ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ W12 ขนาด 6.0 ลิตร ที่มอบพละกำลังสูงสุด 626 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร สามารถทะยานจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ Bentayga Speed เป็น SUV ที่เร็วที่สุดในโลกที่ยังคงไว้ซึ่งความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดและความสะดวกสบายอันเป็นเลิศ ไม่ว่าจะบนทางเรียบหรือเส้นทางวิบาก Bentayga Speed ก็พร้อมตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างไร้ที่ติ

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Bentley ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่มอบทั้งความเร็ว ความหรูหรา และความสามารถในการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงขีดสุดแห่งประสบการณ์ยานยนต์

เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัจฉริยะ: ควบคุมทุกการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ

พลังมหาศาลของเครื่องยนต์ W12 ใน Bentley Speed จะไร้ประโยชน์หากปราศจากระบบควบคุมที่ยอดเยี่ยม Bentley จึงได้ติดตั้งเทคโนโลยีช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนที่ล้ำสมัย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมพละกำลังเหล่านั้นได้อย่างมั่นใจและแม่นยำในทุกสภาพการขับขี่

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟขั้นสูง (Advanced Active All-Wheel Drive): ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนและเสถียรภาพในการขับขี่ โดยระบบจะกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างชาญฉลาดตามสภาพพื้นผิวและความต้องการ ทำให้ Bentley Speed สามารถถ่ายทอดพละกำลังลงสู่พื้นถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเข้าโค้ง ออกตัว หรือเร่งแซง

ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic All-Wheel Steering): คืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มทั้งความคล่องตัวในย่านความเร็วต่ำและเสถียรภาพในย่านความเร็วสูง ในระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ระบบจะบังคับล้อหลังในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ซึ่งช่วยลดรัศมีวงเลี้ยวได้อย่างมาก ทำให้รถยนต์ขนาดใหญ่อย่าง Bentley สามารถกลับรถหรือจอดรถในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดายและคล่องตัวราวกับรถยนต์ขนาดเล็ก ในทางกลับกัน เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบจะบังคับล้อหลังไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มความเสถียรของรถยนต์ ทำให้การเปลี่ยนเลนหรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเป็นไปได้อย่างมั่นใจและนุ่มนวล

ระบบ Bentley Dynamic Ride (48-volt Active Anti-Roll System): เป็นเทคโนโลยีควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลกที่ใช้ระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและความสะดวกสบายในการขับขี่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ระบบนี้จะตอบสนองต่อแรงเหวี่ยงด้านข้างที่เกิดขึ้นขณะเข้าโค้งในทันที โดยการปรับความแข็งของเหล็กกันโคลง เพื่อให้ยางของรถยนต์สัมผัสพื้นถนนได้มากที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้คือเสถียรภาพในห้องโดยสารที่ดีเยี่ยม ลดอาการโคลงเคลง ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวลและควบคุมได้ดียิ่งขึ้นแม้ในทางโค้งที่รุนแรง ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (Torque Vectoring by Brake) ยังช่วยควบคุมแรงบิดให้สัมพันธ์กับความเร็วของแต่ละล้อ ทำให้รถทรงตัวบนถนนได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้อย่างเฉียบคม

การผสมผสานของเทคโนโลยีเหล่านี้ ทำให้ Bentley Speed ไม่ใช่แค่รถยนต์ที่เร็วและหรูหรา แต่ยังเป็นยนตรกรรมที่มอบความมั่นใจ ความปลอดภัย และความเพลิดเพลินในการขับขี่ที่เหนือระดับ พร้อมที่จะตอบสนองทุกความต้องการของนักขับได้อย่างสมบูรณ์แบบ

การจากลาเพื่อการเริ่มต้นใหม่: มรดกของ W12 และอนาคตของ Bentley

การยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในช่วงต้นปี 2567 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Bentley Motors มันคือการปิดฉากบทอันรุ่งโรจน์ของเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและประสบความสำเร็จที่สุดแห่งยุค ที่ได้ขับเคลื่อนอัครยนตรกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มานานกว่าสองทศวรรษ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็คือการปูทางสู่ยุคใหม่ที่ Bentley มุ่งมั่นจะก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบภายใต้วิสัยทัศน์ Beyond100

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า Bentley Speed พร้อมเครื่องยนต์ W12 ที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังและเทคโนโลยี จึงไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ แต่เป็นชิ้นส่วนแห่งประวัติศาสตร์ เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จด้านวิศวกรรมยานยนต์ที่หาใดเปรียบ และเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่สำคัญจากยุคเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า รถยนต์เหล่านี้จะกลายเป็นวัตถุสะสมที่มีคุณค่าสูงยิ่งในอนาคต เป็นความภาคภูมิใจของผู้ครอบครอง และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นหลัง

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของตำนาน!

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอเชิญชวนทุกท่านที่หลงใหลในความสมบูรณ์แบบของ Bentley Speed ที่ผสานความเร็ว แรง และความหรูหราอย่างไม่มีใครเทียบ มาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับซึ่งจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ร่วมเป็นเจ้าของมรดกแห่งวิศวกรรม W12 อันล้ำค่านี้ ที่กำลังจะกลายเป็นตำนาน ก่อนที่โลกยานยนต์จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่เต็มตัว หากท่านต้องการสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายของสุดยอดเครื่องยนต์ W12 และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ Bentley ได้รังสรรค์ไว้ หรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอนาคตที่น่าตื่นเต้นของ Bentley สู่ยุคพลังงานไฟฟ้า โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อรับคำปรึกษาและสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษนี้ด้วยตัวท่านเอง เพราะบางตำนาน…รอช้าไม่ได้

Previous Post

N1412082 งจน งไร วตน part 2

Next Post

N1412083 ได แฟนสวยม นก แต ได แฟนด ตก ไปได สวย part 2

Next Post
N1412083 ได แฟนสวยม นก แต ได แฟนด ตก ไปได สวย part 2

N1412083 ได แฟนสวยม นก แต ได แฟนด ตก ไปได สวย part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1612666 ในว นท เม ยนอกใจ! Part 2
  • N1612663 ำใจส งต อผ part 2
  • N1612670 รถหร สำหร บพน กงานของฉ part 2
  • N1612668 ความซ อส ตย เป นค ณสมบ ของคนด part 2
  • N1612661 ทำไมแต งช ดออกกำล งกายมาทำงาน part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.