• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1212643 ไรเดอร บบ านเล part 2

admin79 by admin79
December 12, 2025
in Uncategorized
0
N1212643 ไรเดอร บบ านเล part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

Bentley Speed: ตำนาน W12 บทสุดท้าย สู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต 2025

ในโลกแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์หรูหราที่กำลังผันผ่านเข้าสู่ยุคใหม่เต็มตัว การกล่าวอำลาบางสิ่งอันเป็นที่รักย่อมก่อเกิดความรู้สึกที่ผสมผสานกันระหว่างความคิดถึงอดีตและความตื่นเต้นกับอนาคต สำหรับ Bentley Motors แล้ว การประกาศยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 อันเป็นเอกลักษณ์ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่น่าจดจำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์กว่าศตวรรษของแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรุ่น “Speed” ซึ่งเป็นเรือธงที่อัดแน่นด้วยขุมพลัง W12 ที่ทรงสมรรถนะที่สุด การส่งท้ายสายการผลิตเครื่องยนต์ W12 ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามตลอดสองทศวรรษ จึงมิใช่เพียงการสิ้นสุดยุคสมัย แต่คือการเฉลิมฉลองความสำเร็จด้านวิศวกรรมยานยนต์ที่ไร้คู่เปรียบ และการปูทางสู่การปฏิวัติยานยนต์ไฟฟ้าหรูหราอย่างเต็มตัวในปี 2025 และปีต่อ ๆ ไป ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงอัครยนตรกรรมมานานกว่าทศวรรษ ผมขอมาร่วมถอดรหัสความยิ่งใหญ่ของ Bentley Speed และความหมายของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้

Bentley Speed: นิยามแห่งสมรรถนะเหนือระดับในทุกมิติ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “Bentley Speed” คือสัญลักษณ์ของความเป็นที่สุดในด้านสมรรถนะและประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจภายใต้ความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bentley ไม่ว่าจะเป็น Continental GT Speed, Continental GT Convertible Speed, Flying Spur Speed หรือ Bentayga Speed ทุกรุ่นต่างได้รับการรังสรรค์ขึ้นเพื่อมอบพลังที่เหนือชั้น การควบคุมที่แม่นยำ และการตกแต่งที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความเร็ว รุ่น Speed ไม่ได้เป็นเพียงรถที่เร็วที่สุดของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นผลงานชิ้นเอกที่รวมเอาความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม ดีไซน์ และงานฝีมืออันประณีตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตอบโจทย์นักขับที่ต้องการทั้งความตื่นเต้นบนท้องถนนและความสะดวกสบายสูงสุดในทุกการเดินทาง

ในปี 2025 ที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว Bentley Speed ที่ขับเคลื่อนด้วย W12 ยิ่งทวีความโดดเด่นในฐานะอัครยานยนต์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยุคเครื่องยนต์สันดาปภายใน ก่อนที่โลกจะก้าวเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้าหรูอย่างสมบูรณ์แบบ มันคือโอกาสสุดท้ายที่จะได้สัมผัสขุมพลังระดับตำนานนี้

สุนทรียภาพแห่งดีไซน์ที่สะท้อนความเร็วและสง่างาม

เอกลักษณ์ของ Bentley Speed เริ่มต้นจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ออกแบบมาเพื่อตอกย้ำถึงความสปอร์ตและความเร้าใจที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความหรูหราสง่างาม ชิ้นส่วนชุดแต่ง Styling Specification รอบคันได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์อย่างพิถีพิถัน ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์สีดำเงาคุณภาพสูง น้ำหนักเบา ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแหวกอากาศ แต่ยังเพิ่มมิติความดุดันและทันสมัยให้กับตัวรถ ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์บนคาร์บอนไฟเบอร์เหล่านี้เป็นดั่งลายเซ็นของรุ่น Speed บ่งบอกถึงความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร

กระจังหน้าและกระจังกันชนด้านล่างในเฉดสีเข้มแบบ Dark Tint ผสานเข้ากับกาบประตูห้องโดยสาร ‘Speed’ ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว และช่องระบายอากาศสีเข้ม พร้อมโลโก้ ‘Speed’ โครเมียมที่บังโคลนหน้า ล้วนเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่รวมกันเป็นภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามและทรงพลัง ชวนให้สัมผัสถึงพละกำลังมหาศาลที่พร้อมจะปลดปล่อยออกมา

จุดเด่นอีกประการที่ไม่อาจมองข้ามคือล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรุ่น Speed โดยมีตัวเลือกทั้งเฉดสีเงินสว่างคลาสสิก หรือเฉดสีดำเงาที่ดูดุดัน ผสานกับฝาปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ ‘Jewel’ ที่เพิ่มความหรูหราเหนือระดับ และกาบบันไดประตูห้องโดยสารแบบเรืองแสงประดับด้วยคำว่า ‘Speed’ ที่ให้ความรู้สึกพิเศษทุกครั้งที่ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร ปลายท่อไอเสียรูปทรงรีคู่คือเครื่องยืนยันถึงขุมพลัง W12 ที่ซ่อนอยู่ภายใน และสำหรับ Bentayga Speed สปอยเลอร์ท้ายที่โดดเด่นยิ่งเสริมลุคสปอร์ต พร้อมบ่งบอกถึงสมรรถนะที่ไม่ธรรมดาของอัครยานยนต์ SUV คันนี้

สำหรับ Flying Spur Speed นั้น มาพร้อมกับชุดแต่งภายนอก Blackline Specification เฉดสีดำสนิท ซึ่งเปลี่ยน Flying ‘B’ มาสคอตอันโด่งดัง, กระจังหน้าเมทริกซ์, กรอบหน้าต่าง, กรอบประตูด้านล่าง, กันชนหลัง, กรอบไฟหน้าและไฟท้าย, มือจับประตู รวมถึงช่องระบายอากาศ ให้กลายเป็นสีดำทั้งหมด สร้างความรู้สึกที่เร้าใจและลึกลับมากยิ่งขึ้น ตัวเลือกเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจของ Bentley ในการนำเสนอรถยนต์หรูที่สามารถปรับแต่งให้เข้ากับรสนิยมและความต้องการเฉพาะบุคคลของลูกค้าได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นสีภายนอกมาตรฐาน 17 เฉดสี, สีพิเศษ 47 เฉดสีจาก Mulliner, ตัวเลือกแบบดูโอโทน 24 เฉดสี หรือแม้กระทั่งการสร้างเฉดสีใหม่ที่ตรงใจตามวัสดุที่ลูกค้าต้องการ นับเป็นการนำเสนอประสบการณ์ “รถยนต์หรู 2025” ที่แท้จริง

งานฝีมืออันประณีตผสานจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน

ภายในห้องโดยสารของ Bentley Speed คือการหลอมรวมกันระหว่างความหรูหราโอ่อ่าเข้ากับกลิ่นอายของรถแข่งได้อย่างลงตัว วัสดุหนัง Alcantara® คุณภาพสูง ซึ่งมักถูกใช้ในรถแข่งสมรรถนะสูง ถูกนำมาตกแต่งในส่วนสำคัญต่าง ๆ เช่น เบาะรองนั่งและแผงพนักพิงหลัง, คันเกียร์, พวงมาลัย และแผงบุหลังคา เพื่อมอบสัมผัสที่นุ่มนวล การยึดเกาะที่ดีเยี่ยม และความรู้สึกสปอร์ตที่แท้จริง

งานปักคำว่า ‘Speed’ บนเบาะโดยสารและการออกแบบการเย็บแบบตัดกันผ่านงานควิลท์ลวดลายเพชรตามแบบ Mulliner Driving Specification คือหัวใจของการตกแต่งภายใน เส้นเย็บแต่ละเส้นที่ลากผ่านลวดลายเพชรเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการตกแต่ง แต่เป็นการแสดงออกถึงความประณีตบรรจง แต่ละเส้นจะถูกแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเพื่อให้เข้ากับสีของหนัง และอีกส่วนหนึ่งใช้สีที่ตัดกันอย่างเด่นชัด สร้างมิติที่สวยงามและดึงดูดสายตา โลโก้ ‘Speed’ บนคอนโซลหน้าและกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสงยิ่งตอกย้ำถึงความพิเศษของรุ่นนี้

การปรับแต่งภายในยังคงเป็นจุดแข็งของ Bentley ลูกค้าสามารถเลือกเฉดสีหลัก 15 เฉดสีและเฉดสีรอง 11 เฉดสี รวมถึงการใช้หนัง Alcantara ในส่วนอื่น ๆ ของห้องโดยสาร เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศที่สะท้อนถึงความเป็นตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวเลือกวัสดุวีเนียร์อันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Piano Black, Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus และ Koa ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดและงานฝีมือระดับโลกที่ Bentley มอบให้ ไม่ว่าจะเป็น Piano Black หรือไม้ที่คัดสรรมาอย่างดี ทุกองค์ประกอบล้วนถูกเลือกและติดตั้งอย่างพิถีพิถัน มอบความรู้สึกของ “การลงทุนรถยนต์หรู” ที่ไม่เพียงแค่ซื้อรถ แต่เป็นการซื้อผลงานศิลปะเคลื่อนที่

ขุมพลัง W12: บทสรุปแห่งอัจฉริยภาพทางวิศวกรรม

หัวใจหลักที่ขับเคลื่อน Bentley Speed สู่ขีดสุดแห่งสมรรถนะคือเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร อันเลื่องชื่อ ซึ่งได้รับการพัฒนามาโดยเฉพาะสำหรับรุ่น Speed

Continental GT Speed: ติดตั้งขุมพลัง W12 ที่ให้พละกำลังมหาศาลถึง 650 แรงม้า เพิ่มขึ้น 4% จากรุ่น W12 มาตรฐาน พร้อมแรงบิดที่คงที่ 900 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุด 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.6 วินาที ซึ่งเร็วกว่าเดิม 0.1 วินาที ตัวเลขเหล่านี้ยืนยันถึงการเป็น “รถสปอร์ตสมรรถนะสูง” ตัวจริง
Flying Spur Speed: อัครยนตรกรรมซีดานที่มาพร้อมพละกำลัง 626 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิสูจน์ให้เห็นว่าความหรูหราสง่างามมิได้หมายถึงการประนีประนอมกับสมรรถนะ
Bentayga Speed: ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ SUV ไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ W12 ขนาด 6.0 ลิตร ที่มอบพละกำลังสูงสุด 626 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ทำให้ Bentayga Speed สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.9 วินาที ผสมผสานสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และการควบคุมที่ดีเยี่ยมเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ

แต่ขุมพลัง W12 ไม่ได้มีดีเพียงแค่ตัวเลขที่น่าทึ่งเท่านั้น รุ่น Speed ยังตอบโจทย์ผู้ที่หลงใหลในความเร็ว แต่ยังคงต้องการความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ ด้วยการผสาน “เทคโนโลยีรถยนต์ขั้นสูง” เข้ากับระบบขับเคลื่อนอันชาญฉลาด:

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟขั้นสูง (Advanced Active All-Wheel Drive): ระบบนี้จะกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่อย่างชาญฉลาด เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นถนนแห้ง ถนนเปียก หรือแม้แต่ทางโค้งที่ท้าทาย
ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic All-Wheel Steering): คือกุญแจสำคัญที่มอบทั้งเสถียรภาพและความคล่องตัวที่น่าทึ่ง ในย่านความเร็วต่ำ ล้อหลังจะบังคับเลี้ยวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ส่งผลให้ระยะฐานล้อเสมือนสั้นลง รัศมีวงเลี้ยวแคบลง ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและการจอดรถในพื้นที่จำกัดให้ง่ายดายยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ล้อหลังจะบังคับเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มเสถียรภาพสูงสุด ทำให้การเปลี่ยนเลนหรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเป็นไปอย่างมั่นใจและราบรื่น นี่คือการผสมผสาน “ประสบการณ์ขับขี่ Bentley” ที่ไม่เหมือนใคร
ระบบ Bentley Dynamic Ride System: เทคโนโลยีควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้า 48 โวลต์แห่งแรกของโลก ระบบนี้จะตอบสนองต่อแรงหมุนด้านข้างทันทีเมื่อเข้าโค้ง เพื่อรักษาตัวรถให้มั่นคงและยึดเกาะถนนได้มากที่สุด ส่งผลให้ห้องโดยสารมีเสถียรภาพสูงสุด ผู้โดยสารรู้สึกสบาย และผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นโค้งที่กว้างหรือแคบ ระบบนี้จะช่วยให้รถทรงตัวได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการทำงานร่วมกับระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (Torque Vectoring by Brake) ที่ช่วยจัดการแรงบิดของแต่ละล้ออย่างอิสระ Bentley Speed จึงมอบสมดุลระหว่างสมรรถนะและความสบายในการเดินทางที่หาคู่แข่งได้ยาก

ปิดฉากตำนาน W12 สู่ยุคใหม่ของอัครยนตรกรรมไฟฟ้า

การประกาศยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในเดือนเมษายน 2567 ถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคทองที่ยาวนานกว่าสองทศวรรษของเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2546 เครื่องยนต์ W12 ได้ถูกผลิตไปแล้วกว่า 100,000 เครื่องที่โรงงานครูว์ ประเทศอังกฤษ และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากทีมวิศวกรของ Bentley โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พละกำลังของเครื่องยนต์ W12 เพิ่มขึ้นกว่า 37% แรงบิดเพิ่มขึ้น 54% ในขณะที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงถึง 25% ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบควบคุม, การพัฒนาการออกแบบระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและการระบายความร้อน, เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์ รวมถึงระบบหัวฉีดและการเผาไหม้ที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น

การยุติบทบาทของ W12 คือการปูทางให้ Bentley ก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับ “นวัตกรรมยานยนต์ยั่งยืน” และความต้องการของตลาดโลกในปี 2025 และอนาคต การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้มาจากความจำเป็นทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการแสดงออกถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ยานยนต์แห่งอนาคตที่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา สมรรถนะ และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่เรากล่าวอำลาเครื่องยนต์ W12 ที่เปี่ยมด้วยตำนาน เราก็กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นของ “รถยนต์ไฟฟ้าหรู” Bentley ซึ่งจะนำเสนอนิยามใหม่ของประสิทธิภาพและความยั่งยืน

ก้าวสู่ประวัติศาสตร์บทใหม่

Bentley Speed ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง W12 ถือเป็นอัครยนตรกรรมชิ้นสุดท้ายที่ยังคงจิตวิญญาณแห่งการเป็นที่สุดของเครื่องยนต์สันดาปภายใน ก่อนที่โลกยานยนต์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง นี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะได้เป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ยานยนต์ ที่ผสมผสานความเร้าใจของสมรรถนะ ความประณีตของงานฝีมือ และความพิเศษของขุมพลังระดับตำนาน ก่อนที่เครื่องยนต์ W12 จะกลายเป็นเพียงความทรงจำอันงดงามที่ถูกแทนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้าในอนาคต

อย่าพลาดโอกาสที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ และเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญนี้ ติดต่อผู้แทนจำหน่าย Bentley อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เพื่อร่วมเดินทางในบทสุดท้ายของตำนาน W12 และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตแห่งความหรูหราไฟฟ้าที่กำลังจะมาถึง

สุดยอดตำนานแห่งความเร็ว: Bentley Speed – บทส่งท้ายขุมพลัง W12 และอนาคตที่ก้าวไกล

จากประสบการณ์กว่าทศวรรษในโลกยนตรกรรมหรูระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี ผมได้ประจักษ์ถึงความวิจิตรบรรจงและวิศวกรรมอันเป็นเลิศของ Bentley มาโดยตลอด และในวันนี้ เรากำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ผู้หลงใหลในความเร็วและประวัติศาสตร์ยานยนต์ไม่อาจมองข้ามไปได้ นั่นคือการสิ้นสุดสายพานการผลิตของเครื่องยนต์ W12 อันเป็นสัญลักษณ์แห่งสมรรถนะสูงสุดของ Bentley โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตระกูล “Speed” ซึ่งเปรียบเสมือนเรือธงที่สะท้อนถึงขีดสุดแห่งความเร็ว ความหรูหรา และการควบคุมที่เหนือชั้นตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา

บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ Bentley อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้นำพาเรามาสัมผัสกับ Bentley Speed อัครยนตรกรรมที่รวบรวมแก่นแท้ของปรัชญา “Speed” ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็น Continental GT Convertible Speed, Continental GT Speed, Flying Spur Speed และ Bentayga Speed รถยนต์เหล่านี้ไม่ใช่เพียงพาหนะ แต่คือประติมากรรมแห่งวิศวกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยหัวใจ W12 อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งกำลังจะปิดฉากตำนานลงในปี 2567 เพื่อเปิดทางสู่วิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่มุ่งเน้นพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบของแบรนด์ “Beyond100” ทำให้รถยนต์ตระกูล Speed ที่ขับเคลื่อนด้วย W12 เหล่านี้กลายเป็นของสะสมอันล้ำค่าที่รอคอยนักสะสมและผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของประวัติศาสตร์

การรังสรรค์แห่งความเร็ว: ดีไซน์ภายนอกที่บ่งบอกตัวตน

Bentley Speed ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับแต่งเครื่องยนต์ให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้น แต่เป็นการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบทั้งในด้านสุนทรียภาพและฟังก์ชันการใช้งาน ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงสมรรถนะอันดุดันและความสง่างามเหนือกาลเวลา เริ่มต้นด้วยชุดแต่ง Styling Specification รอบคัน ซึ่งไม่ได้มีเพียงความสวยงาม แต่ยังถูกหลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง เพื่อให้รถสามารถแหวกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ชุดแต่งนี้ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์สีดำมันวาวน้ำหนักเบา พร้อมลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่เน้นย้ำถึง DNA ของรถแข่ง ผสมผสานกับการตกแต่งด้วยกระจังหน้าและกระจังกันชนด้านล่างในเฉดสีเข้มแบบ Dark Tint ที่ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวและลึกลับ นอกจากนี้ กาบประตูห้องโดยสารอันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น ‘Speed’ ช่องระบายอากาศสีเข้ม และโลโก้ ‘Speed’ โครเมียมที่ประดับอยู่บนบังโคลนด้านหน้า ล้วนเป็นรายละเอียดที่ตอกย้ำถึงความพิเศษของรุ่นนี้ได้อย่างชัดเจน

คุณลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้คือล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรุ่น Speed โดยเฉพาะ มีให้เลือกทั้งในเฉดสีเงินสว่างอันหรูหรา หรือตัวเลือกในโทนสีเข้มและสีดำเงาที่ดูดุดันและทรงพลัง การเติมเต็มความหรูหราด้วยฝาปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ ‘Jewel’ ที่ส่องประกายคล้ายอัญมณี และกาบบันไดประตูห้องโดยสารแบบเรืองแสงที่ประดับด้วยคำว่า ‘Speed’ ยิ่งเพิ่มความประณีตให้กับการเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร และไม่ลืมปลายท่อไอเสียรูปทรงรีอันโดดเด่น ที่เป็นสัญลักษณ์ของขุมพลังเครื่องยนต์ W12 อันเป็นตำนาน สำหรับรุ่น Bentayga Speed ซึ่งเป็นอัครยนตรกรรม SUV สมรรถนะสูง ยังมาพร้อมสปอยเลอร์ท้ายดีไซน์สปอร์ตที่โดดเด่น ช่วยเสริมภาพลักษณ์แห่งความเร็วและสมรรถนะให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

สำหรับ Flying Spur Speed นั้น ได้รับการยกระดับความพิเศษด้วยชุดแต่งภายนอก Blackline Specification ในเฉดสีดำสนิท ซึ่งรวมถึงองค์ประกอบสำคัญอย่าง Flying ‘B’ มาสคอตอันโด่งดัง กระจังหน้าแบบเมทริกซ์ กรอบหน้าต่างห้องโดยสาร กรอบประตูด้านล่าง และกันชนหลัง ตลอดจนกรอบไฟหน้าและไฟท้าย มือจับประตู และช่องระบายอากาศ ล้วนเป็นสีดำเข้ม ทำให้ Flying Spur Speed ดูลึกลับและสง่างามในแบบฉบับของตัวเอง

เบนท์ลีย์ยังเปิดโอกาสให้เจ้าของสามารถรังสรรค์เฉดสีภายนอกได้ตามจินตนาการ ด้วย 17 เฉดสีมาตรฐาน และอีก 47 เฉดสีพิเศษจาก Mulliner รวมถึงตัวเลือกเฉดสีแบบดูโอโทนอีก 24 เฉดสี หรือแม้แต่การรังสรรค์เฉดสีใหม่ที่เข้ากับวัสดุหรือความต้องการส่วนบุคคลได้อย่างไร้ขีดจำกัด นี่คือการลงทุนในงานศิลปะที่เคลื่อนที่ได้ และเป็นเครื่องยืนยันว่าไม่มี Bentley Speed คันไหนที่จะเหมือนกันอย่างแท้จริง

สัมผัสแห่งความสปอร์ตที่หรูหรา: ภายในห้องโดยสารที่ประณีต

เมื่อเปิดประตูเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ Bentley Speed คุณจะสัมผัสได้ถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหราและกลิ่นอายของสนามแข่งได้อย่างชัดเจน การตกแต่งภายในเน้นใช้วัสดุหนัง Alcantara® คุณภาพสูง ซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมใช้ในรถแข่ง เพื่อมอบสัมผัสที่นุ่มนวลแต่กระชับมือและผสานความสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบ วัสดุ Alcantara นี้ถูกนำมาใช้ในส่วนสำคัญต่างๆ เช่น เบาะรองนั่งและแผงพนักพิงหลัง คันเกียร์ พวงมาลัย และแผงบุหลังคา ทุกรายละเอียดบ่งบอกถึงความตั้งใจในการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่าง

โลโก้ ‘Speed’ ที่ปักอย่างประณีตบนเบาะโดยสารร่วมกับการออกแบบการเย็บแบบตัดกันใหม่ผ่านงานควิลท์ลวดลายเพชรในแบบ Mulliner Driving Specification ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น Speed คือจุดเด่นที่ไม่อาจมองข้ามได้ เส้นเย็บแต่ละเส้นที่ลากผ่านงานควิลท์จะถูกแยกออก โดยเส้นหนึ่งเพื่อให้เข้ากับสีหนัง และอีกเส้นหนึ่งเป็นสีที่ตัดกันอย่างเด่นชัด สร้างมิติและความหรูหราที่แตกต่าง นอกจากนี้ การตกแต่งด้วยโลโก้ ‘Speed’ บริเวณคอนโซลหน้า และกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสง ยิ่งเสริมความรู้สึกพิเศษและเอกลักษณ์ให้กับผู้โดยสาร

ความหรูหราภายในห้องโดยสารยังสามารถปรับแต่งได้อย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อตอบสนองรสนิยมเฉพาะตัวของเจ้าของ ด้วยตัวเลือกเฉดสีหลัก 15 เฉดสีและเฉดสีรองอีก 11 เฉดสี รวมถึงการใช้หนัง Alcantara ในการตกแต่งส่วนอื่นๆ ตามต้องการ ยังมีตัวเลือกวัสดุวีเนียร์หลากหลายรูปแบบให้เลือกสรร ตั้งแต่ Piano Black ซึ่งเป็นตัวเลือกมาตรฐาน ไปจนถึง Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus และ Koa ซึ่งแต่ละแบบล้วนให้ความรู้สึกและบรรยากาศที่แตกต่างกันไป นี่คือการลงทุนในงานฝีมือที่สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดสูงสุด และเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อคุณโดยเฉพาะ

หัวใจแห่งตำนาน: อัครยนตรกรรมที่ทรงสมรรถนะที่สุดด้วยขุมพลัง W12

หัวใจสำคัญที่ทำให้อัครยนตรกรรมตระกูล Bentley Speed โดดเด่นเหนือใครคือเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร อันเป็นเอกลักษณ์ เครื่องยนต์นี้ไม่ใช่เพียงแค่กลไก แต่คือผลงานชิ้นเอกทางวิศวกรรมที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอดสองทศวรรษ เพื่อมอบพละกำลังและสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบได้ เครื่องยนต์ W12 ในรุ่น Speed นี้ถูกจูนและปรับปรุงให้มีพละกำลังสูงสุดถึง 650 แรงม้า ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 4% จากเครื่องยนต์ W12 รุ่นมาตรฐาน ขณะที่ยังคงรักษาแรงบิดมหาศาลไว้ที่ 900 นิวตันเมตร สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นและเร้าใจอย่างแท้จริง

Continental GT Speed: คือนิยามของรถแกรนด์ทัวริ่งสมรรถนะสูง มันสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลาเพียง 3.6 วินาที ซึ่งเร็วขึ้น 0.1 วินาทีจากรุ่นปกติ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทของวิศวกร Bentley ในการรีดเค้นสมรรถนะสูงสุดจากขุมพลัง W12 อันเป็นตำนาน

Flying Spur Speed: อัครยนตรกรรมซีดานที่ผสมผสานความหรูหราและความเร็วเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มาพร้อมกับพละกำลัง 626 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.8 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี่คือซีดานที่สามารถท้าทายรถสปอร์ตหลายคันได้อย่างสบาย

Bentayga Speed: ยกระดับมาตรฐานของรถ SUV สมรรถนะสูงไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ W12 ขนาด 6.0 ลิตร มอบพละกำลังสูงสุด 626 แรงม้า พร้อมแรงบิด 900 นิวตันเมตร ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้น ความสะดวกสบาย และการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ทำให้ Bentayga Speed สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาทีเท่านั้น นี่คือการพิสูจน์ว่ารถ SUV ก็สามารถมอบประสบการณ์ความเร็วที่เร้าใจได้ไม่แพ้รถสปอร์ต

เครื่องยนต์ W12 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่คือการผสมผสานของเทคโนโลยีขั้นสูงที่ทำให้ Bentley Speed ตอบโจทย์ผู้ที่หลงใหลในความเร็ว แต่ยังคงต้องการความสบายและความมั่นใจในการขับขี่ผ่านประสิทธิภาพและความแม่นยำในการควบคุมที่เหนือชั้น

ความแม่นยำในการเคลื่อนไหว: เทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะ

เพื่อรองรับพละกำลังมหาศาลของเครื่องยนต์ W12 Bentley Speed ได้ติดตั้งระบบควบคุมและเทคโนโลยีการขับขี่ที่ล้ำสมัยที่สุด เพื่อมอบความมั่นใจสูงสุดในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนทางหลวง หรือการบังคับเลี้ยวในเมืองที่คับคั่ง

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟขั้นสูง (Advanced Active All-Wheel Drive): ระบบนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ แต่เป็นการจัดการแรงบิดที่ชาญฉลาด เพื่อให้รถมีการยึดเกาะถนนที่ดีที่สุดในทุกสภาพพื้นผิวและทุกสภาวะการขับขี่ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพการควบคุมอย่างเห็นได้ชัด

ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic All-Wheel Steering): คืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่พลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่อย่างสิ้นเชิง ระบบนี้ช่วยเพิ่มทั้งเสถียรภาพในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง และมอบความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยมในการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ โดยในขณะที่ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ระบบจะบังคับล้อหลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ซึ่งจะทำให้ระยะฐานล้อสั้นลงโดยปริยาย ส่งผลให้ลดรัศมีวงเลี้ยว เพิ่มความคล่องตัวในการเลี้ยวกลับรถ หรือการจอดรถในพื้นที่จำกัดได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบจะบังคับล้อหลังไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้าเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของรถ ทำให้การแซงหรือการเปลี่ยนเลนเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจยิ่งขึ้น ระบบนี้จึงมอบความสมดุลที่ลงตัวระหว่างความเร้าใจและความสะดวกสบาย

ระบบ Bentley Dynamic Ride (BDR): นี่คือเทคโนโลยีควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้าตัวแรกของโลกที่ใช้ระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ ระบบ BDR ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยระบบจะตอบสนองต่อแรงหมุนด้านข้างในทันทีเมื่อรถเข้าโค้ง เพื่อให้ยางยึดเกาะพื้นถนนได้มากที่สุด สิ่งนี้ช่วยลดการโคลงเคลงของตัวถัง เพิ่มความมั่นคงและสบายภายในห้องโดยสารอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความราบรื่นแม้ยามเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (Torque Vectoring by Brake) ยังช่วยควบคุมแรงบิดให้สัมพันธ์กับความเร็วของแต่ละล้อ ทำให้รถทรงตัวบนถนนได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้อย่างแม่นยำ

เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ไม่ใช่เพียงแค่ความเร็ว แต่ยังรวมถึงความมั่นใจ ความสะดวกสบาย และความแม่นยำ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของปรัชญา “Speed” ของ Bentley

บทสรุปตำนาน W12: ก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน

การประกาศยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในเดือนเมษายน 2567 ถือเป็นบทส่งท้ายที่ยิ่งใหญ่สำหรับหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยานยนต์ นับตั้งแต่เปิดตัวเครื่องยนต์ W12 เป็นครั้งแรกในปี 2546 ทีมวิศวกรของ Bentley ได้พัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์นี้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นด้านพละกำลัง แรงบิด การลดการปล่อยไอเสีย และการปรับแต่งต่างๆ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เครื่องยนต์ W12 ได้รับการเพิ่มพละกำลังขึ้นกว่า 37% และมีแรงบิดเพิ่มขึ้น 54% ในขณะเดียวกันก็ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 25% ซึ่งเป็นผลจากการยกระดับประสิทธิภาพของระบบควบคุม การออกแบบระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและการระบายความร้อนใหม่ เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ก้าวหน้า รวมถึงระบบหัวฉีดและการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การพัฒนาครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2558 เมื่อมีการเปิดตัว Bentayga โดยเครื่องยนต์ W12 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด และยังคงเป็นรุ่นของเครื่องยนต์ที่อยู่ในสายการผลิต ณ ปัจจุบัน ซึ่งมีการติดตั้งระบบการปิดการทำงานของกระบอกสูบ (Cylinder Deactivation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิง ระบบไดเรคท์และพอร์ตอินเจคชั่น (Direct and Port Injection) เพื่อการจ่ายเชื้อเพลิงที่แม่นยำ และระบบเทอร์โบคู่ (Twin-Turbo) ที่ให้การตอบสนองที่ฉับไวและพละกำลังที่ต่อเนื่อง

การสิ้นสุดยุคของ W12 นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การอำลาเครื่องยนต์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Bentley สู่การเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Beyond100” ที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่านี่คือโอกาสสุดท้ายในการเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ยานยนต์ ที่ผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะ และวิศวกรรมอันเป็นเลิศ ที่จะไม่มีวันหวนกลับมาอีก

Bentley Speed ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง W12 จึงไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นมรดกที่จับต้องได้ เป็นการลงทุนในงานศิลปะและวิศวกรรมที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งจะยิ่งทวีมูลค่าและความสำคัญในอนาคต

เชิญสัมผัสประสบการณ์สุดยอดแห่งตำนานความเร็ว

อย่าพลาดโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของตำนานแห่งความเร็วและความหรูหราที่กำลังจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ยานยนต์ สัมผัสถึงจิตวิญญาณของ Bentley Speed และขุมพลัง W12 อันเป็นเอกลักษณ์ได้แล้ววันนี้ที่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ และเป็นเจ้าของอัครยนตรกรรมที่จะกลายเป็นของสะสมล้ำค่าในอนาคต โอกาสสุดท้ายก่อนที่ตำนานนี้จะปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์แบบกำลังรอคุณอยู่.

Previous Post

N1212313 ไม เจอก นมา พฤต กรรมก ไม นเลย #มายป ณย ปานวาด #หน งส นสะท part 2

Next Post

N1212641 ความร ของแม part 2

Next Post
N1212641 ความร ของแม part 2

N1212641 ความร ของแม part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1612666 ในว นท เม ยนอกใจ! Part 2
  • N1612663 ำใจส งต อผ part 2
  • N1612670 รถหร สำหร บพน กงานของฉ part 2
  • N1612668 ความซ อส ตย เป นค ณสมบ ของคนด part 2
  • N1612661 ทำไมแต งช ดออกกำล งกายมาทำงาน part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.