• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1212269 ชายแท EP2 #หน งส นสะท อนส งคม#หน งส น#หน งส นค ณธรรม#หน งส นสอนใ part 2

admin79 by admin79
December 12, 2025
in Uncategorized
0
N1212269 ชายแท EP2 #หน งส นสะท อนส งคม#หน งส น#หน งส นค ณธรรม#หน งส นสอนใ part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

เบนท์ลีย์ สปีด: ย้อนรอยตำนาน W12 สู่ยุคใหม่แห่งสมรรถนะเหนือระดับในปี 2025

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์หรูมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของอุตสาหกรรมนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2025 ที่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ แต่กระนั้น มรดกอันยิ่งใหญ่ของเครื่องยนต์สันดาปภายในระดับตำนานยังคงเป็นที่จดจำ และสำหรับ Bentley Motors แล้ว การยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “Bentley Speed” ซีรีส์อัครยนตรกรรมสมรรถนะสูงที่ถือเป็นบทสรุปอันงดงามของขุมพลัง W12 ก่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าเต็มตัว นับเป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะได้สัมผัสกับสุดยอดวิศวกรรมที่หลอมรวมความหรูหราเข้ากับพละกำลังอันมหาศาลได้อย่างลงตัว

AAS Auto Service ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ Bentley อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้นำพาเราไปทำความรู้จักกับอัครยนตรกรรม Bentley Speed อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็น Continental GT Speed, Continental GT Convertible Speed, Flying Spur Speed หรือ Bentayga Speed แต่ละรุ่นล้วนเป็นตัวแทนของความสมบูรณ์แบบสูงสุดที่เครื่องยนต์ W12 เคยรังสรรค์มาตลอด 20 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2546 วันนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงสิ่งที่ทำให้ Bentley Speed เป็นมากกว่ารถยนต์ แต่เป็นชิ้นงานศิลปะทางวิศวกรรมที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งความเร็วและความหรูหราที่แท้จริงในบริบทของปี 2025 ที่โลกกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

W12: หัวใจแห่งอัครยนตรกรรม สมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบ

เครื่องยนต์ W12 ของ Bentley ไม่ได้เป็นเพียงกลไกขับเคลื่อน แต่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นทางวิศวกรรมที่หาใดเทียบได้ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา วิศวกรของ Bentley ได้ผลักดันขีดจำกัดของเครื่องยนต์สันดาปภายในให้ไปไกลกว่าที่เคยเป็นมา เมื่อเรามองย้อนกลับไปในยุคก่อนปี 2025 เครื่องยนต์ W12 ที่ติดตั้งในรุ่น Speed นี้ ถือเป็นสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์เบนท์ลีย์ ที่ผสานขุมพลังแบบ Multi-Cylinder เข้ากับความราบรื่นในการทำงานได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างเครื่องยนต์ 12 สูบในรูปแบบ “W” ที่ซับซ้อน แต่ให้ประสิทธิภาพที่ทรงพลังและประหยัดพื้นที่ได้อย่างลงตัว

ในรุ่น Speed พละกำลังจากเครื่องยนต์ W12 ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการปรับแต่งพิเศษที่เน้นการส่งกำลังที่รวดเร็วและต่อเนื่อง นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Bentley Speed โดดเด่นเหนือกว่าใครในสนามแห่งอัครยนตรกรรมสมรรถนะสูง การตัดสินใจยุติการผลิต W12 ในช่วงปลายปี 2567 (ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เรามองย้อนกลับไปจากปี 2025) นั้น สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญของ Bentley ในการก้าวสู่ยุคใหม่ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการตอกย้ำถึงคุณค่าอันเป็นประวัติศาสตร์ของ W12 ที่จะกลายเป็นของสะสมล้ำค่าสำหรับผู้ที่หลงใหลในความสมบูรณ์แบบทางวิศวกรรม และแน่นอนว่า “เบนท์ลีย์ W12 สุดท้าย” ในรุ่น Speed เหล่านี้ คือบทสรุปที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

การออกแบบที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งความเร็วและความสง่างาม

เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ Bentley Speed ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงสมรรถนะ แต่ยังรวมถึงการออกแบบที่สื่อถึงความสปอร์ตและความสง่างามได้อย่างลงตัว เมื่อคุณมองไปยัง Bentley Speed สิ่งแรกที่คุณจะสัมผัสได้คือความโฉบเฉี่ยวที่มาพร้อมกับความหรูหราไร้ที่ติ ชุดแต่ง Styling Specification รอบคัน ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์หน้า สเกิร์ตข้าง หรือดิฟฟิวเซอร์หลัง ล้วนถูกรังสรรค์ขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์สีดำมันวาวน้ำหนักเบา ไม่เพียงเพิ่มความดุดัน แต่ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์หรูสมรรถนะสูงในระดับนี้ รายละเอียดปลีกย่อยอย่างกระจังหน้าและกระจังกันชนด้านล่างที่มาในเฉดสีเข้ม Dark Tint พร้อมด้วยช่องระบายอากาศสีเข้ม และโลโก้ ‘Speed’ แบบโครเมียมที่ประดับอยู่บริเวณบังโคลนหน้า ล้วนเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้

หนึ่งในจุดเด่นที่ไม่อาจมองข้ามคือล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้วที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรุ่น Speed มาพร้อมกับทางเลือกเฉดสีที่หลากหลาย ตั้งแต่สีเงินสว่างไปจนถึงสีดำเงาดุดัน เพิ่มความรู้สึกสปอร์ตและหรูหราในคราวเดียวกัน ฝาปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ ‘Jewel’ และกาบบันไดประตูห้องโดยสารแบบเรืองแสงที่ประดับด้วยคำว่า ‘Speed’ เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่แสดงถึงความใส่ใจในทุกองค์ประกอบ ปลายท่อไอเสียรูปทรงรีขนาดใหญ่ ไม่เพียงสื่อถึงพละกำลังของเครื่องยนต์ W12 แต่ยังสร้างสรรค์เสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์ ในรุ่น Bentayga Speed ยังเพิ่มความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์ท้ายที่ออกแบบมาอย่างโดดเด่น ช่วยเสริมทั้งรูปลักษณ์และประสิทธิภาพ

สำหรับ Flying Spur Speed นั้น โดดเด่นด้วยชุดแต่ง Blackline Specification ที่เปลี่ยนองค์ประกอบโครเมียมภายนอกให้เป็นสีดำสนิท ไม่ว่าจะเป็นมาสคอต Flying ‘B’ อันเป็นเอกลักษณ์, กระจังหน้าแบบเมทริกซ์, กรอบหน้าต่าง, กรอบประตู และกันชนหลัง รวมถึงกรอบไฟหน้า ไฟท้าย และมือจับประตู ล้วนเป็นสีดำเข้ม ทำให้รถดูดุดันและลึกลับมากยิ่งขึ้น ลูกค้ายังสามารถเลือกเฉดสีภายนอกได้หลากหลายกว่า 17 เฉดสีมาตรฐาน และ 47 เฉดสีพิเศษจาก Mulliner รวมถึงตัวเลือกแบบดูโอโทนอีก 24 เฉดสี หรือแม้แต่การรังสรรค์สีใหม่ที่ปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการเฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นการย้ำถึงความเหนือระดับของ การออกแบบรถยนต์พรีเมียม และความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดในการสร้างสรรค์อัครยนตรกรรมในฝัน

ห้องโดยสาร: สัมผัสแห่งความสปอร์ตที่หรูหราอย่างเหนือระดับ

เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ Bentley Speed คุณจะพบกับโลกที่ผสมผสานความสปอร์ตเข้ากับความหรูหราได้อย่างลงตัว วัสดุ Alcantara® ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการรถแข่ง ถูกนำมาใช้ในการตกแต่งอย่างประณีต ทั้งบนเบาะรองนั่ง แผงพนักพิงหลัง คันเกียร์ พวงมาลัย และแผงบุหลังคา มอบสัมผัสที่นุ่มนวลและช่วยเพิ่มการยึดเกาะในการขับขี่สไตล์สปอร์ต โลโก้ ‘Speed’ ที่ปักอยู่บนเบาะโดยสาร พร้อมด้วยงานเย็บตะเข็บแบบตัดกันในลวดลายเพชร Mulliner Driving Specification อันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น Speed ทำให้ภายในดูโดดเด่นและมีมิติ แต่ละเส้นเย็บถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยมีเส้นหนึ่งเข้ากับสีของหนัง และอีกเส้นหนึ่งเป็นสีที่ตัดกัน สร้างความแตกต่างและรายละเอียดที่น่าทึ่ง โลโก้ ‘Speed’ ยังประดับอยู่บริเวณคอนโซลหน้าและกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสง เพิ่มความพิเศษในทุกมุมมอง

การตกแต่งภายในที่หรูหรายังสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ ด้วยตัวเลือกเฉดสีหลัก 15 เฉดสีและเฉดสีรอง 11 เฉดสี ให้ลูกค้าสามารถรังสรรค์บรรยากาศภายในห้องโดยสารที่สะท้อนรสนิยมส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกวัสดุวีเนียร์หลากหลายรูปแบบให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็น Piano Black ที่เป็นมาตรฐาน หรือ Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus และ Koa ที่มอบความรู้สึกคลาสสิกและทันสมัยในคราวเดียวกัน การตกแต่งภายในรถยนต์หรู ของ Bentley Speed จึงไม่ใช่แค่การเลือกใช้วัสดุที่ดีที่สุด แต่คือการสร้างสรรค์ประสบการณ์ส่วนตัวที่เหนือกว่าคำว่า “พรีเมียม”

ขุมพลัง W12: สมรรถนะแห่งความเร้าใจที่ไร้ขีดจำกัด

นี่คือจุดศูนย์กลางของ Bentley Speed ที่แท้จริง: เครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนามาเป็นพิเศษเพื่อรุ่น Speed โดยเฉพาะ ด้วยพละกำลังที่มหาศาลกว่า 650 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 4% จากเครื่องยนต์ W12 มาตรฐาน) และแรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร มันไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่มันคือประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

Continental GT Speed: อัครยนตรกรรมคันนี้สามารถทะยานจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี่คือ รถสปอร์ตพรีเมียม ที่มอบทั้งความเร็วและความสง่างามในการเดินทางไกล
Flying Spur Speed: สำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราของซาลูนสี่ประตู แต่ยังคงปรารถนาพละกำลังเร้าใจ Flying Spur Speed มาพร้อมกับ 626 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย
Bentayga Speed: แม้จะเป็นอัครยนตรกรรม SUV ที่ใหญ่โต แต่ Bentayga Speed ก็ไม่เคยประนีประนอมเรื่องสมรรถนะ ด้วยเครื่องยนต์ W12 เทอร์โบคู่ 6.0 ลิตร ให้กำลัง 626 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาที พิสูจน์ให้เห็นว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์ W12 สามารถมอบความเร็วเหนือชั้นได้แม้กระทั่งในรถยนต์อเนกประสงค์

การปรับจูนเครื่องยนต์ในรุ่น Speed ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ตัวเลข แต่เป็นการสร้างสรรค์ “ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ” ที่ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้ถึงพละกำลังที่ตอบสนองอย่างฉับไว แรงบิดที่ดึงออกตัวอย่างต่อเนื่อง และเสียงคำรามอันทรงพลังของเครื่องยนต์ W12 ที่กระตุ้นอะดรีนาลีนในทุกครั้งที่กดคันเร่ง

เทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูง: ความมั่นใจในทุกเส้นทาง

สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมจะไร้ความหมายหากขาดการควบคุมที่แม่นยำ Bentley Speed จึงมาพร้อมกับระบบการขับขี่ขั้นสูงที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมพละกำลังอันมหาศาลได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟ (Active All-Wheel Drive): ไม่ใช่เพียงแค่การส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ แต่เป็นระบบที่ชาญฉลาด สามารถปรับการกระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังได้อย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์การขับขี่ เพื่อให้การยึดเกาะถนนสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือการขับขี่ในสภาพถนนที่ท้าทาย
ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ (Four-Wheel Steering): นี่คือหนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่ช่วยเพิ่มทั้งความคล่องตัวและเสถียรภาพ ในความเร็วต่ำ ล้อหลังจะบังคับไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ทำให้วงเลี้ยวแคบลง การจอดรถในเมืองใหญ่จึงเป็นเรื่องง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น ล้อหลังจะบังคับไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพิ่มเสถียรภาพในการเปลี่ยนเลนด้วยความเร็วสูง และให้ความมั่นใจในการแซง
ระบบ Bentley Dynamic Ride (Bentley Dynamic Ride System): ระบบควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้า 48 โวลต์แห่งแรกของโลก ระบบนี้ทำงานโดยตอบสนองต่อแรงหมุนด้านข้างในทันทีเมื่อรถเข้าโค้ง เพื่อให้ยางทุกเส้นสัมผัสพื้นถนนได้อย่างเต็มที่ ลดการเอียงตัวของรถ ทำให้ห้องโดยสารมีความมั่นคงและสบายสูงสุด และที่สำคัญคือ เพิ่มการควบคุมรถที่มีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อ ผสานกับระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (Torque Vectoring) ที่ช่วยกระจายแรงบิดให้เหมาะสมกับแต่ละล้อ ทำให้รถทรงตัวได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้อย่างแม่นยำ

ระบบเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน มอบประสบการณ์ขับขี่ที่ไม่ใช่แค่รวดเร็ว แต่ยังปลอดภัย สะดวกสบาย และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในทุกย่านความเร็ว เป็นการแสดงให้เห็นถึงวิศวกรรมขั้นสูงที่แท้จริงของ Bentley ในการสร้างสรรค์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัจฉริยะ และ ระบบกันสะเทือนไฟฟ้า ที่ตอบโจทย์นักขับผู้หลงใหลในสมรรถนะ

บทสรุปของตำนาน W12 สู่ยุคใหม่แห่งพลังงานไฟฟ้า (2025)

ในขณะที่โลกกำลังมุ่งหน้าสู่การใช้พลังงานสะอาด Bentley Motors ก็ได้ประกาศอย่างชัดเจนถึงวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ การยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 ในช่วงปลายปี 2567 จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญของแบรนด์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เรามองย้อนกลับไปจากปี 2025 ด้วยความเคารพ นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2546 เครื่องยนต์ W12 ได้ถูกผลิตมามากกว่า 100,000 เครื่อง ณ โรงงานครูว์ ประเทศอังกฤษ และได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพละกำลัง แรงบิด หรือการลดการปล่อยไอเสียลงถึง 25% ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น การปิดการทำงานของกระบอกสูบ (Cylinder Deactivation), ระบบไดเรคท์และพอร์ตอินเจคชั่น และระบบเทอร์โบคู่

Bentley Speed จึงไม่ใช่แค่เพียงรถยนต์รุ่นหนึ่ง แต่เป็นบทสุดท้ายของตำนาน W12 ที่เปี่ยมด้วยความรุ่งโรจน์ เป็นตัวแทนของยุคทองแห่งวิศวกรรมยานยนต์ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะได้อย่างไร้ที่ติ และในบริบทของปี 2025 ที่ รถยนต์ไฟฟ้าหรู 2025 กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ อัครยนตรกรรม Bentley Speed รุ่นสุดท้ายเหล่านี้จะยิ่งทวีมูลค่าและกลายเป็นของสะสมอันล้ำค่าสำหรับผู้ที่เข้าใจในประวัติศาสตร์และคุณค่าของนวัตกรรมยานยนต์ที่กำลังจะกลายเป็นตำนาน

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของตำนานบทสุดท้าย หรือก้าวสู่ยุคใหม่แห่งความหรูหราไร้มลพิษไปกับ Bentley

ในขณะที่เรายืนอยู่บนรอยต่อของยุคสมัย Bentley Speed คือพยานถึงความยิ่งใหญ่ของวิศวกรรม W12 และบทส่งท้ายที่สมบูรณ์แบบ หากท่านคือผู้ที่หลงใหลในความสมบูรณ์แบบทางวิศวกรรม หลงใหลในเสียงคำรามของเครื่องยนต์อันทรงพลัง และต้องการเป็นเจ้าของหนึ่งในชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้นี้ หรือหากท่านต้องการสัมผัสกับวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของ Bentley ที่กำลังจะเกิดขึ้น โปรดติดต่อ AAS Auto Service เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษก่อนใคร

Bentley Speed W12: บทสรุปแห่งอัครยนตรกรรมสมรรถนะเหนือชั้น ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งความเร็วยานยนต์ปี 2025

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์หรูและซูเปอร์คาร์มากว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าปี 2025 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ประวัติศาสตร์กำลังถูกจารึก ยิ่งโดยเฉพาะกับแบรนด์ Bentley ที่เคยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโลกยานยนต์มาตลอดศตวรรษ การอำลาของเครื่องยนต์ W12 ในตระกูล Bentley Speed ไม่ได้เป็นเพียงการปิดฉากเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบทหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นทิศทางที่อุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกมุ่งหน้าไปอย่างชัดเจน

บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ Bentley อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้พาเราย้อนรำลึกถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของตระกูล Bentley Speed ซึ่งเป็นตัวแทนของขุมพลัง W12 ที่ทรงสมรรถนะที่สุดเท่าที่ Bentley เคยสร้างสรรค์มา อัครยนตรกรรมเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น Continental GT Speed, Continental GT Convertible Speed, Flying Spur Speed และ Bentayga Speed คือบทพิสูจน์ถึงความสุดยอดทางวิศวกรรมที่เคยขับเคลื่อนเรือธงของแบรนด์มาตั้งแต่ปี 2546 และ ณ วันนี้ในปี 2025 พวกมันได้กลายเป็นตำนานแห่งความเร็วและหรูหราที่ไม่อาจหาใดเทียบเคียงได้

หัวใจ W12: ตำนานบทสุดท้ายแห่งวิศวกรรมยานยนต์สุดขีด

เครื่องยนต์ W12 คือหัวใจหลักที่ทำให้ Bentley Speed โดดเด่นเหนือใครในตลาดอัครยนตรกรรม ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ธรรมดา แต่เป็นผลงานศิลปะทางวิศวกรรมที่หาคู่แข่งได้ยากยิ่ง ย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อนที่ Bentley ได้นำเครื่องยนต์ W12 มาสู่สายการผลิตครั้งแรกในปี 2546 ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งพละกำลังและความประณีตที่ยั่งยืนมาได้ยาวนานเพียงนี้

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมได้เห็นการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของ W12 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมวิศวกรของ Bentley ได้ทุ่มเทอย่างหนักในการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพละกำลัง แรงบิด การลดการปล่อยมลพิษ และการปรับแต่งเสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์ ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา เครื่องยนต์ W12 มีพละกำลังเพิ่มขึ้นถึง 37% และแรงบิดเพิ่มขึ้นถึง 54% ในขณะที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 25% ซึ่งเป็นผลมาจากนวัตกรรมที่ซับซ้อน ตั้งแต่ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่ชาญฉลาด การออกแบบระบบเชื้อเพลิงและการระบายความร้อนที่ล้ำสมัย เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์ประสิทธิภาพสูง ไปจนถึงระบบหัวฉีดและการเผาไหม้ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อ Bentayga เปิดตัวในปี 2558 เครื่องยนต์ W12 ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมด โดยมีการติดตั้งระบบที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น ระบบปิดการทำงานของกระบอกสูบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงในสภาวะการขับขี่บางรูปแบบ ระบบฉีดเชื้อเพลิงคู่ (Direct and Port Injection) ที่มอบความแม่นยำในการจ่ายเชื้อเพลิงสูงสุด และระบบเทอร์โบคู่ที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว นี่คือขุมพลังที่ยังคงอยู่ในสายการผลิตจนถึงวาระสุดท้ายในเดือนเมษายน 2567 ซึ่งจากมุมมองของปี 2025 นี่คือตำนานที่ถูกส่งต่อมาถึงเราอย่างสมบูรณ์แบบ มันไม่ได้เป็นแค่เครื่องยนต์ แต่เป็นจิตวิญญาณแห่งความเร็วและความหรูหราที่ยากจะเลียนแบบ

การสิ้นสุดสายการผลิตเครื่องยนต์ W12 จำนวนกว่า 100,000 เครื่อง ณ โรงงานเมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ ไม่ได้เป็นเพียงการปิดตำนาน แต่เป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา ตระกูล Speed คือบทสรุปสุดท้ายที่สมบูรณ์แบบของมหากาพย์ W12 เป็นการแสดงออกถึงศักยภาพสูงสุดของเครื่องยนต์สันดาปภายใน ก่อนที่ Bentley จะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบภายใต้กลยุทธ์ “Beyond100” ในฐานะอัครยนตรกรรมที่ทรงสมรรถนะที่สุด เหล่า Bentley Speed จึงกลายเป็นของสะสมที่ล้ำค่าและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างมหาศาล

สมรรถนะที่เร้าใจ: ปลดปล่อยความเร็วอย่างไร้ขีดจำกัด

ตระกูล Bentley Speed ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นและเร้าใจที่สุดเท่าที่ Bentley เคยมีมา ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็วปลาย แต่เป็นเรื่องของอัตราเร่งอันดุดัน การตอบสนองที่ฉับไว และการควบคุมที่แม่นยำในทุกช่วงความเร็ว

Continental GT Speed: คือนิยามของรถสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตรที่ได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ มอบพละกำลังมหาศาลถึง 650 แรงม้า เพิ่มขึ้นจากรุ่น W12 มาตรฐานถึง 4% ในขณะที่ยังคงรักษาแรงบิดระดับ 900 นิวตันเมตรไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้เพียง 3.6 วินาที ซึ่งเร็วขึ้น 0.1 วินาทีจากรุ่นก่อนหน้า และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือความรู้สึกที่คุณจะได้รับเมื่อเหยียบคันเร่งลงไปอย่างเต็มที่ การพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไร้ความปรานีพร้อมกับเสียงคำรามของ W12 ที่ดุดันเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน
Flying Spur Speed: คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหราแบบรถลีมูซีนและความดุดันแบบรถสปอร์ต เครื่องยนต์ W12 มอบพละกำลัง 626 แรงม้า พร้อมแรงบิด 900 นิวตันเมตร สามารถทะยานจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าความสะดวกสบายในห้องโดยสารระดับเฟิสต์คลาสก็สามารถมาพร้อมกับสมรรถนะแบบซูเปอร์คาร์ได้อย่างไร้ที่ติ
Bentayga Speed: ยกระดับมาตรฐานของ SUV สมรรถนะสูงไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ W12 ขนาด 6.0 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 626 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร ความโดดเด่นคือการผสานสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และการควบคุมที่เป็นเลิศ ทำให้ Bentayga Speed สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลาเพียง 3.9 วินาที นี่คือ SUV ที่พร้อมจะพาคุณผจญภัยไปทุกที่ด้วยความเร็วและความมั่นใจสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางบนไฮเวย์ หรือบนถนนที่ท้าทาย

เทคโนโลยีขับเคลื่อนขั้นสูง: ความแม่นยำและความมั่นใจในการควบคุม

สิ่งที่ทำให้ Bentley Speed แตกต่างจากรถยนต์สมรรถนะสูงทั่วไป ไม่ใช่เพียงแค่พละกำลังมหาศาล แต่เป็นระบบควบคุมและเทคโนโลยีช่วงล่างที่ล้ำสมัย ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างลงตัวเพื่อเปลี่ยนพลังดิบให้กลายเป็นการขับขี่ที่แม่นยำ มั่นคง และเปี่ยมด้วยความมั่นใจ นี่คือสิ่งที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะพละกำลังที่ไร้การควบคุมย่อมไม่ต่างอะไรกับเสือที่ดุร้าย

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟ (Advanced Active All-Wheel Drive): ไม่เหมือนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทั่วไป Bentley Speed ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟที่สามารถปรับการกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังได้อย่างอิสระและรวดเร็ว ตามสภาพการขับขี่และสไตล์ของผู้ขับขี่ ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนสูงสุดในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือการขับขี่บนพื้นผิวที่ลื่น ทำให้การส่งกำลังลงสู่พื้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงตลอดเวลา
ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic All-Wheel Steering): คืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่ยกระดับการควบคุมรถอย่างก้าวกระโดด ในย่านความเร็วต่ำ ระบบจะบังคับล้อหลังให้หมุนไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ซึ่งช่วยลดรัศมีวงเลี้ยว ทำให้รถคล่องตัวขึ้นอย่างน่าทึ่ง การเข้าจอดในพื้นที่แคบ หรือการกลับรถในที่จำกัดกลายเป็นเรื่องง่ายดายราวกับขับรถคันเล็ก แต่เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบจะบังคับล้อหลังให้หมุนไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความมั่นคง ทำให้การเปลี่ยนเลน การแซง หรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจ ระบบนี้เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุม Bentley Speed ที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ
Bentley Dynamic Ride System: สุดยอดเทคโนโลยีควบคุมการเข้าโค้ง: นี่คือระบบควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้า 48 โวลต์ ระบบแรกของโลกที่ Bentley พัฒนาขึ้นมา ระบบนี้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลังในการตอบสนองต่อแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางในทันทีเมื่อรถเข้าโค้ง โดยจะปรับความแข็งของเหล็กกันโคลงให้เหมาะสม เพื่อรักษาระดับการทรงตัวของตัวถังรถให้ราบเรียบที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้คือการยึดเกาะถนนของยางสูงสุด ลดอาการโคลงเคลงของห้องโดยสาร เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ และให้การควบคุมที่แม่นยำราวกับว่ารถกำลังวิ่งอยู่บนรางรถไฟ เทคโนโลยีนี้ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ และสัมผัสได้ถึงขีดจำกัดของสมรรถนะได้อย่างปลอดภัย
ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (Torque Vectoring by Brake): ทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ เพื่อกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละข้างอย่างเหมาะสม ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง ทำให้รถสามารถเลี้ยวได้อย่างคมกริบและตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น

การออกแบบที่สง่างามผสานความดุดัน: เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Speed

ภายนอกและภายในของ Bentley Speed ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อสะท้อนถึงความสปอร์ต ประสิทธิภาพ และความหรูหราที่เหนือระดับ ทุกรายละเอียดถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น และมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย

รูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยวและโดดเด่น:
รุ่น Speed โดดเด่นด้วยชุดแต่ง Styling Specification รอบคัน ซึ่งผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มันวาวสีดำน้ำหนักเบา พร้อมลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความโฉบเฉี่ยว แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ได้อย่างสูงสุด ผนวกกับการตกแต่งด้วยกระจังหน้าและกระจังกันชนด้านล่างเฉดสีเข้มแบบ Dark Tint ที่ให้ความรู้สึกดุดันและลึกลับ กาบประตูห้องโดยสารที่ประทับตรา ‘Speed’ ช่องระบายอากาศสีเข้ม และโลโก้ ‘Speed’ แบบโครเมียมที่ตกแต่งบริเวณบังโคลนด้านหน้า ล้วนเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความพิเศษของรุ่นนี้

อีกหนึ่งคุณลักษณะที่โดดเด่นคือล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้ว ที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่น ‘Speed’ มีให้เลือกทั้งเฉดสีเงินสว่างคลาสสิก หรือตัวเลือกในโทนสีเข้มและสีดำเงาที่ดูดุดัน ฝาปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ ‘Jewel’ ที่ประณีตงดงาม กาบบันไดประตูห้องโดยสารแบบเรืองแสงประดับด้วยคำว่า ‘Speed’ และปลายท่อไอเสียรูปทรงรีที่สื่อถึงขุมพลัง W12 ล้วนเป็นรายละเอียดที่เสริมสร้างความหรูหราและความสปอร์ตได้อย่างลงตัว สำหรับ Bentayga Speed นั้นยังอัดแน่นความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์ท้ายที่โดดเด่นยิ่งขึ้น บ่งบอกถึงคุณลักษณะด้านสมรรถนะได้อย่างชัดเจน

สำหรับ Flying Spur Speed นั้น มาพร้อมกับชุดแต่งภายนอก Blackline Specification เฉดสีดำ อันได้แก่ Flying ‘B’ มาสคอตอันโด่งดัง กระจังหน้าแบบเมทริกซ์ กรอบหน้าต่างห้องโดยสาร กรอบประตูด้านล่างและกันชนหลัง รวมถึงกรอบไฟหน้าและไฟท้าย มือจับประตู และช่องระบายอากาศในโทนสีเข้ม ทำให้รถดูสง่างามแต่แฝงไว้ด้วยความดุดัน

ลูกค้า Bentley สามารถรังสรรค์เฉดสีภายนอกได้ตามความต้องการ ด้วย 17 เฉดสีมาตรฐาน และอีก 47 เฉดสีพิเศษจาก Mulliner รวมถึงตัวเลือกเฉดสีแบบทูโทนอีก 24 เฉดสี หรือแม้แต่การสร้างสรรค์เฉดสีใหม่ด้วยการเทียบสีจากวัสดุอื่น ๆ ที่ต้องการ นี่คือความหรูหราเฉพาะบุคคลที่ Bentley มอบให้

สัมผัสแห่งความสปอร์ตและหรูหราในห้องโดยสาร:
ภายในห้องโดยสารของรุ่น Speed คือการผสมผสานระหว่างวัสดุระดับพรีเมียมและงานฝีมืออันประณีต ด้วยการนำวัสดุหนัง Alcantara® ที่ใช้ในรถแข่งมาตกแต่งในส่วนสำคัญ เช่น เบาะรองนั่งและแผงพนักพิงหลัง คันเกียร์ พวงมาลัย และแผงบุหลังคา เพื่อสัมผัสที่นุ่มนวลและเพิ่มการยึดเกาะ โลโก้ ‘Speed’ ถูกปักอย่างประณีตบนเบาะโดยสาร พร้อมกับการออกแบบการเย็บแบบตัดกันใหม่ผ่านงานควิลท์ลวดลายเพชรในแบบ Mulliner Driving Specification ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น Speed โดยเส้นเย็บแต่ละเส้นที่ลากผ่านงานควิลท์จะถูกแยกออก โดยเส้นหนึ่งเพื่อให้เข้ากับหนัง และอีกเส้นหนึ่งเป็นสีที่ตัดกัน สร้างมิติและความหรูหราอย่างมีระดับ นอกจากนี้ โลโก้ ‘Speed’ ยังประดับอยู่บริเวณคอนโซลหน้าและกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสงอีกด้วย

การตกแต่งภายในสามารถปรับแต่งได้อย่างหรูหราและเฉพาะตัว ด้วยตัวเลือกเฉดสีหลัก 15 เฉดสี และเฉดสีรอง 11 เฉดสี รวมถึงการใช้หนัง Alcantara ในการตกแต่งส่วนอื่นๆ พร้อมตัวเลือกวัสดุวีเนียร์ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ อาทิ Piano Black เป็นตัวเลือกมาตรฐาน และตัวเลือกพรีเมียมอย่าง Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus และ Koa ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งหายาก นี่คือการผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและความหรูหราที่ตอบโจทย์รสนิยมสูงสุด

บทสรุปของยุคทอง: โอกาสสำหรับนักสะสมและผู้หลงใหล

ในปี 2025 นี้ การพูดถึง Bentley Speed W12 ไม่ใช่แค่การพูดถึงรถยนต์สมรรถนะสูง แต่เป็นการพูดถึง “ของสะสม” ที่มีมูลค่าทางประวัติศาสตร์และราคาที่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเป็นเจ้าของหนึ่งในอัครยนตรกรรมตระกูล Speed รุ่นสุดท้ายที่มีเครื่องยนต์ W12 จึงไม่ได้เป็นเพียงการได้ครอบครองรถยนต์หรูที่มีสมรรถนะเหนือชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการครอบครองตำนานบทสุดท้ายของยุคเครื่องยนต์สันดาปอันรุ่งโรจน์ของ Bentley ก่อนที่แบรนด์จะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัวตามวิสัยทัศน์ Beyond100

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่าคุณสมบัติเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่ไร้กาลเวลา สมรรถนะที่เร้าใจ เทคโนโลยีขับเคลื่อนที่ล้ำสมัย และงานฝีมืออันประณีต ทำให้ Bentley Speed W12 เป็นอัครยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว ความหรูหรา และความพิเศษเฉพาะตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ พวกมันคือสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของวิศวกรรมยานยนต์และงานฝีมืออันเป็นเลิศ

เชิญสัมผัสตำนานและอนาคตของ Bentley

การได้สัมผัสกับมรดกอันยิ่งใหญ่ของ Bentley Speed W12 คือประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน แม้การผลิตจะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่ตำนานของ W12 จะยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัวใจของนักเลงรถทั่วโลก หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่มองหาอัครยนตรกรรมที่ผสมผสานประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์กับนวัตกรรมยานยนต์ชั้นนำ หรือสนใจในทิศทางแห่งอนาคตของ Bentley ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าเต็มตัว

ขอเชิญคุณมาสัมผัสโลกแห่ง Bentley และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอัครยนตรกรรมรุ่นอื่น ๆ รวมถึงแผนการในอนาคตของแบรนด์ ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ยานยนต์ระดับโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ผ่าน บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเพื่อสัมผัสประสบการณ์ Bentley ที่เหนือระดับได้แล้ววันนี้!

Previous Post

N1212261 ไทแบนด ไอดอล (เดอะซ EP6 #ซ#ไทแบนด (2) part 2

Next Post

N1212263 ไทแบนด ไอดอล EP5 #ซ#ไทแบนด (1) part 2

Next Post
N1212263 ไทแบนด ไอดอล EP5 #ซ#ไทแบนด (1) part 2

N1212263 ไทแบนด ไอดอล EP5 #ซ#ไทแบนด (1) part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1612666 ในว นท เม ยนอกใจ! Part 2
  • N1612663 ำใจส งต อผ part 2
  • N1612670 รถหร สำหร บพน กงานของฉ part 2
  • N1612668 ความซ อส ตย เป นค ณสมบ ของคนด part 2
  • N1612661 ทำไมแต งช ดออกกำล งกายมาทำงาน part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.