• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1111568 กว าเจ านายแอบม part 2

admin79 by admin79
November 11, 2025
in Uncategorized
0
N1111568 กว าเจ านายแอบม part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

สุดยอดรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: 20 อันดับแห่งความเร็วที่เหนือขีดจำกัด

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าแม้ความเร็วสูงสุดจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ แต่ในโลกของไฮเปอร์คาร์ มันคือหัวใจหลักที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมและเป็นสัญลักษณ์ของความเหนือกว่าทางวิศวกรรมที่ไร้ขีดจำกัด การที่รถยนต์ครอบครัวธรรมดาก็สามารถวิ่งด้วยความเร็ว 110 กม./ชม. ได้อย่างสบายๆ นั้น ไม่ได้หมายความว่าความเร็วสูงสุดจะหมดความหมาย ในทางตรงกันข้าม สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำและบรรดาผู้หลงใหลในความแรง ความเร็วสูงสุดคือสนามประลองที่แท้จริง เป็นเวทีที่ใช้พิสูจน์ศักยภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และสถานะของแบรนด์

การสร้างรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้เหลือเชื่อนั้นเป็นความท้าทายทางเทคนิคที่มหาศาล และการทำให้รถคันนั้นถูกกฎหมายสามารถวิ่งบนถนนได้จริงก็ยกระดับความท้าทายขึ้นไปอีกขั้น ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2025 นี้ เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำลายสถิติความเร็วสูงสุด ทำให้แบรนด์หน้าใหม่ก็สามารถท้าชนยักษ์ใหญ่ในวงการได้ นี่ไม่ใช่แค่การแข่งขันด้านความเร็ว แต่เป็นการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ความก้าวหน้า และการเป็นผู้กำหนดทิศทางของอนาคตยานยนต์

ในช่วงทศวรรษที่ 90 เราได้เห็นการแข่งขันอันดุเดือดเพื่อแตะระดับ 320 กม./ชม. ด้วยตำนานอย่าง Ferrari F40, Porsche 959, Jaguar XJ220 และ McLaren F1 ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลังและรูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ ในปัจจุบัน การต่อสู้ได้เข้มข้นขึ้นไปอีกขั้น โดยมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานไปถึง 480 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ยากจะเข้าถึงอย่างมากสำหรับรถยนต์ทั่วไป แต่การที่มันเป็นไปได้สำหรับรถยนต์ที่ใช้งานบนถนนได้อย่างถูกกฎหมายนั้นเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง และที่น่าจับตาที่สุดคือการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเข้ามาพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์การทำความเร็ว

รายชื่อรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ด้วยพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด ทำให้รถยนต์สามารถทำความเร็วสูงสุดได้สูงขึ้นเรื่อยๆ นี่คือรายชื่ออัปเดตล่าสุดสำหรับปี 2025 จากอันดับที่ 20 ถึงอันดับที่ 1 โดยเราจะคัดสรรเฉพาะรุ่นที่ไม่ซ้ำซ้อนกันมากนัก และหลีกเลี่ยงรถยนต์ที่ได้รับการดัดแปลงอย่างหนัก

McLaren F1

ความเร็วสูงสุด: 386.4 กม./ชม.

ราคา: มากกว่า 600 ล้านบาท

สำหรับผู้ที่เกิดก่อนศตวรรษที่ 21 McLaren F1 แทบจะไม่ต้องมีการแนะนำอะไรเลย มันได้สร้างสถิติโลกสำหรับรถยนต์โปรดักชั่นในปี 1998 ด้วยความเร็วสูงสุด 386.4 กม./ชม. โดยใช้เครื่องยนต์ V12 ที่หายใจเองตามธรรมชาติ และระบบเกียร์ธรรมดา นี่คือรถที่สร้างขึ้นด้วยจิตวิญญาณแห่งการขับขี่อย่างแท้จริง ซึ่งปัจจุบันมีรถยนต์เพียงไม่กี่คันที่สามารถเทียบเคียงเสน่ห์นี้ได้ ซึ่งอาจรวมถึง GMA T50 ที่ออกแบบโดย Gordon Murray คนเดียวกัน ผู้ซึ่งสร้างสรรค์ F1 ขึ้นมา

W Motors Fenyr Supersport

ความเร็วสูงสุด: 394 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 56 ล้านบาท

W Motors ซึ่งเริ่มต้นในเลบานอนและปัจจุบันตั้งอยู่ในดูไบ ได้สร้าง Fenyr SuperSport ตามความสำเร็จของ Lykan HyperSport โดยทั้งสองรุ่นนี้ผู้ผลิตเคลมว่าสามารถทำความเร็วได้ 394 กม./ชม. เครื่องยนต์ของมันมาจาก Ruf ผู้ปรับแต่ง Porsche ชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แฟลตซิกซ์เทอร์โบคู่ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังห้องโดยสาร นอกจากนี้ยังใช้วัสดุสั่งทำพิเศษรวมถึงเพชรและแซฟไฟร์ในไฟหน้า เพื่อสร้างรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Saleen S7 Twin Turbo

ความเร็วสูงสุด: 399 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 20 ล้านบาท

Saleen S7 Twin Turbo เปิดตัวในปี 2005 ด้วยกำลัง 750 แรงม้า และคำมั่นสัญญาว่าจะทำความเร็วได้ 399 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่า McLaren F1 อันเป็นสัญลักษณ์ถึง 13 กม./ชม. นี่เป็นคำกล่าวอ้างที่ยิ่งใหญ่ในเวลานั้น เนื่องจาก Saleen ไม่ได้มีชื่อเสียงระดับเดียวกับ McLaren (และ BMW ผู้ผลิตเครื่องยนต์ F1) แต่เป็นรถอเมริกันมอนสเตอร์ที่มีเครื่องยนต์ V8 และเทอร์โบขนาดใหญ่สองตัว แม้ว่าคำกล่าวอ้างนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่หลายคนก็สามารถเข้าใกล้ความเร็วนี้ได้

Koenigsegg Gemera & CCXR

ความเร็วสูงสุด: 399 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 80 ล้านบาท

Koenigsegg ปรากฏหลายครั้งในรายชื่อนี้ และในอันดับนี้เราขอรวบรวมสองรุ่นคือ Gemera และ CCXR ทั้งสองรุ่นมีความเร็วสูงสุด 399 กม./ชม. ซึ่งเท่ากับ 400 กม./ชม. พอดี ถือเป็นการปรากฏตัวคู่ที่เหมาะสมสำหรับแบรนด์สวีเดนแห่งนี้ Gemera เป็นรถไฮบริดอัลตร้าโมเดิร์นที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว น่าทึ่งที่มอเตอร์สองตัวมีกำลังประมาณ 500 แรงม้า และอีกหนึ่งตัวที่ด้านหน้ามีประมาณ 800 แรงม้า แต่ก็ยังมีเครื่องยนต์สันดาปอยู่ด้วย ในขณะที่ CCXR เป็นรถที่เก่ากว่ามาก แต่มีความเร็วสูงสุดเท่ากัน โดยใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเท่านั้น แต่มีน้ำหนักน้อยกว่ามากและมีรูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์

Aspark Owl

ความเร็วสูงสุด: 400 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 100 ล้านบาท

ในขณะที่คุณคาดหวังว่าจะเห็นชื่ออย่าง McLaren และ Koenigsegg ในรายชื่อรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก แต่ประเภทรถยนต์เฉพาะกลุ่มนี้ยังเป็นสนามประลองสำหรับแบรนด์เกิดใหม่ที่ต้องการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตด้วยมือในจำนวนจำกัด Aspark Owl จากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตัวอย่างดังกล่าว Owl เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าพร้อมตัวเลขที่น่าทึ่ง โดยอ้างว่าสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 1.72 วินาที ซึ่งจะทำให้เป็นรถยนต์โปรดักชั่นที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุด Aspark ยังระบุว่า Owl ที่มีกำลัง 1,985 แรงม้า มีความเร็วสูงสุด 400 กม./ชม. การเร่งความเร็วที่รวดเร็วเป็นพิเศษของมันได้รับความช่วยเหลือจากชุดแบตเตอรี่ 64kWh ที่ค่อนข้างเบา ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ แต่ยังคงให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 450 กม.

Ultima RS

ความเร็วสูงสุด: 402 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 5.2 ล้านบาท

Ultima RS เป็นรถที่แปลกแยกที่สุดในรายชื่อนี้ ไม่เพียงแต่เป็นรถที่ถูกที่สุดอย่างมากที่ราคาประมาณ 5.2 ล้านบาท แต่ยังเป็น “คิทคาร์” อีกด้วย การขับขี่ที่ความเร็ว 402 กม./ชม. ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างของบริษัทสำหรับความเร็วสูงสุดของรุ่นที่เร็วที่สุด ในรถยนต์ที่ประกอบขึ้นเองในโรงรถของคุณ อาจฟังดูไม่จริง แต่ก็เป็นไปได้หากคุณมีเงินและความสามารถที่จะทำมันได้ รถคันนี้ใช้น้ำหนักที่เบามากและเครื่องยนต์ Corvette ที่ได้รับการปรับแต่งให้ผลิตกำลัง 1,200 แรงม้า แทนที่จะเป็นเทคโนโลยีหรูหรา เพื่อให้ได้ความเร็วนั้น ดังนั้นจึงเป็นพลังงานต่ออัตราส่วนน้ำหนักแบบดั้งเดิมที่ทำให้ Ultima เข้ามาอยู่ในรายชื่อนี้

McLaren Speedtail

ความเร็วสูงสุด: 402 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 84 ล้านบาท

ตามที่แบรนด์ซูเปอร์คาร์จากอังกฤษกล่าวไว้ McLaren Speedtail ทำความเร็วได้ 402 กม./ชม. มากกว่า 30 ครั้งในระหว่างการทดสอบที่ศูนย์อวกาศเคนเนดีในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายความว่า Speedtail เร็วกว่า McLaren F1 ในตำนาน แม้ว่าทั้งสองจะหายากพอๆ กัน เนื่องจากแบรนด์ได้จำกัด Speedtail ไว้เพียง 106 คันเท่ากับรุ่นก่อนหน้าอันเลื่องชื่อ ในฐานะส่วนหนึ่งของรุ่น ‘Ultimate Series’ ของ McLaren Speedtail ยังคงใช้โครงสร้าง 3 ที่นั่งแบบ F1 โดยมีคนขับนั่งอยู่ตรงกลางรถ โดยมีผู้โดยสารสองคนขนาบข้าง ไม่เหมือนรุ่นเก่า Speedtail ที่ใช้คลัตช์คู่ไม่มีคันเกียร์ ทำให้เข้าออกได้ง่ายจากทั้งสองด้าน

Czinger 21C V Max

ความเร็วสูงสุด: มากกว่า 407 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 60 ล้านบาท

Czinger 21C อาจฟังดูเหมือนชื่ออาหารจานด่วนผสมกับเครื่องดูดฝุ่น แต่เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก เช่นเดียวกับรถยนต์เกือบทั้งหมดในรายชื่อนี้ มันใช้เครื่องยนต์ที่ทรงพลังอย่างมหาศาลและตัวถังที่เพรียวลม พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่รวมกันให้กำลังทั้งหมด 1,233 แรงม้า มันสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาที ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และรุ่น V Max ได้ลดชุดแอโร่ที่สร้างแรงต้าน เพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดจากรุ่นปกติให้สูงกว่า 407 กม./ชม.

Koenigsegg Regera

ความเร็วสูงสุด: 410 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 104 ล้านบาท

Koenigsegg มีความหลงใหลในการทำลายสถิติความเร็วสูงสุดของรถยนต์ถนน และ Regera ของผู้ผลิตชาวสวีเดนรายนี้ก็ไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดของแบรนด์ด้วยซ้ำ มันสามารถทำความเร็วได้ 410 กม./ชม. ด้วยระบบส่งกำลังแบบไฮบริดที่มีกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า มันใช้ระบบเกียร์ความเร็วเดียวที่เป็นนวัตกรรมใหม่แทนเกียร์ธรรมดา ซึ่งเป็นไปได้ด้วยการตั้งค่าแบบปลั๊กอินไฮบริด แน่นอนว่ายังมีเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ที่ให้กำลังส่วนใหญ่ และในขณะที่มันดูเหมือนรถคูเป้ แต่จริงๆ แล้วมันมีหลังคาแบบทาร์ก้าที่ถอดออกได้ รถคันนี้ยังสร้างสถิติโลก 0-400-0 กม./ชม. สำหรับการเร่งความเร็วและเบรกในปี 2019

SSC Ultimate Aero

ความเร็วสูงสุด: 412.33 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 20 ล้านบาท

SSC Ultimate Aero ใช้เครื่องยนต์ V8 เบนซินเทอร์โบคู่ 1,183 แรงม้า และตลอดระยะเวลาการผลิตเจ็ดปี มันสามารถแย่งตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดจาก Bugatti Veyron ได้ด้วยความเร็วสูงสุด 412.33 กม./ชม. ตัวเลขนี้ทำได้บนถนนสาธารณะ โดยผู้ผลิตรถยนต์ใช้ทางหลวงสองเลนที่ปิดชั่วคราวใกล้โรงงานในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา Ultimate Aero เป็นการขับขี่ที่ดุดัน โดยไม่มีระบบช่วยขับขี่เช่นระบบควบคุมการลื่นไถล เพื่อประสบการณ์ที่ดิบอย่างไม่น่าเชื่อ

Rimac Nevera/Nevera R

ความเร็วสูงสุด: 415 กม./ชม. (Nevera) / 431 กม./ชม. (Nevera R)

ราคา: ประมาณ 96 ล้านบาท

Rimac Nevera เป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดเป็นอันดับห้าของโลก และยังมีความโดดเด่นในการเป็นไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยการแข่งขันด้านพลังงาน EV ที่ดุเดือด ดูเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่รถยนต์ไฟฟ้าจะครองตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกอย่างสมบูรณ์ ด้วยกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร Nevera จึงเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 1.9 วินาที แม้จะมีน้ำหนักมาก และสามารถเร่งความเร็วต่อไปได้ถึง 300 กม./ชม. ในเวลาเพียง 9.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารถยนต์ครอบครัวส่วนใหญ่ที่ใช้เวลาในการทำความเร็ว 100 กม./ชม. เสียอีก

Bugatti Veyron

ความเร็วสูงสุด: 431 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 40 ล้านบาท

เป็นเวลานานอย่างน่าตกใจแล้วตั้งแต่ Bugatti Veyron ปรากฏตัวในวงการไฮเปอร์คาร์ แต่ชื่อนี้ยังคงได้รับความเคารพและความชื่นชมอย่างมากจากผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์และวิศวกรทุกวัยและทุกภูมิหลัง ในขณะที่ Veyron รุ่นปกติสร้างความตกตะลึงให้กับโลกยานยนต์ด้วยกำลังเกือบ 1,000 แรงม้า และแรงบิด 1,500 นิวตันเมตรจากเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบสี่ตัวอันทรงพลัง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญของ Bugatti พึงพอใจ หลายปีต่อมา Veyron Super Sport อันน่าทึ่งก็เปิดตัวขึ้น และเพิ่มกำลังต่อไปเป็น 1,183 แรงม้า หลายปีผ่านไปและยังมีรถยนต์เพียงไม่กี่คันที่สามารถทำความเร็วสูงสุด 431 กม./ชม. ของ Veyron Super Sport ได้ เวลา 0-100 กม./ชม. ที่ต่ำกว่า 2.5 วินาทีของรถคันนี้เป็นความสำเร็จที่แม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังต้องดิ้นรนที่จะเทียบได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง รถคันนี้ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

Hennessey Venom F5

ความเร็วสูงสุด: 437.1 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 68 ล้านบาท

บริษัทปรับแต่งรถยนต์สัญชาติอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์อย่าง Hennessey เคยทำความเร็วเกิน 430 กม./ชม. ด้วย Venom ที่ใช้พื้นฐาน Lotus Exige แต่ Venom F5 ได้ทำความเร็วเกินกว่านั้นไปแล้ว ที่จริงแล้วมันทำความเร็วได้เร็วกว่าในการทดสอบ โดยแตะ 437.1 กม./ชม. ที่ Johnny Bohmer Proving Grounds ในฟลอริดา ไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อพิจารณาว่า Venom เก่ามีกำลังเพียง 1,244 แรงม้า ในขณะที่รุ่นใหม่มีกำลังมหาศาลถึง 1,817 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ เป็นที่ชัดเจนว่า Hennessey ตั้งเป้าที่จะทำความเร็ว 500 กม./ชม. เมื่อรถได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์

Bugatti Tourbillon

ความเร็วสูงสุด: 446 กม./ชม. (คาดการณ์)

ราคา: มากกว่า 140 ล้านบาท (คาดการณ์)

มีที่ว่างสำหรับ Bugatti Tourbillon รุ่นใหม่ในรายชื่อนี้ ซึ่งจะใช้ระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V16 กำลัง 986 แรงม้าและแรงบิด 664 ปอนด์-ฟุต เพื่อให้กำลังรวมมากกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ในการสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกพร้อมกับความรู้ด้านวิศวกรรมทั้งหมดที่มาพร้อมกับมัน เรามั่นใจว่ารุ่นใหม่นี้จะพบที่ว่างในบรรดารถยนต์คันอื่นๆ เมื่อมันมาถึงในปี 2026

Koenigsegg Agera RS

ความเร็วสูงสุด: 447.2 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 140 ล้านบาท

Koenigsegg เพิ่มเดิมพันในปี 2017 โดยเพิ่มสถิติความเร็วให้สูงขึ้นไปอีกจาก CCXR และในขณะเดียวกันก็บันทึกความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้บนถนนสาธารณะ ด้วยการใช้ทางหลวง 11 ไมล์ที่ปิดในรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์ชาวสวีเดนได้นำ Agera R ของลูกค้ามาทดสอบที่ความเร็ว 447.2 กม./ชม. ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ในวงการความเร็ว

Bugatti Mistral

ความเร็วสูงสุด: 453.9 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 208 ล้านบาท

Bugatti อาจมีประวัติอันยาวนานถึง 115 ปี แต่แบรนด์ฝรั่งเศสยังคงสร้างข่าวพาดหัวมากมาย – ล่าสุดคือ Bugatti Mistral แม้สำหรับ Bugatti แล้ว มันก็แพงมหาศาลและหายากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยจำกัดการผลิตเพียง 99 คัน แต่พูดง่ายๆ คือ Mistral เป็นรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดที่ผลิตในปัจจุบัน ด้วยนักทดสอบชื่อดังอย่าง Andy Wallace อยู่หลังพวงมาลัย Mistral ได้สร้างสถิติใหม่ที่ Papenburg ประเทศเยอรมนี ในปี 2024 โดยรถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ W16 ขนาด 8 ลิตร เทอร์โบสี่ตัวอันโด่งดังของ Bugatti ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ V16 หายใจเองตามธรรมชาติอันน่าทึ่งของ Tourbillon รุ่นใหม่ในไม่ช้า

SSC Tuatara

ความเร็วสูงสุด: 455.3 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 60 ล้านบาท

สถิติความเร็วมักจะก่อให้เกิดข้อถกเถียง และผู้ปรับแต่งชาวอเมริกัน SSC ได้สร้างความฮือฮาในโลกออนไลน์เมื่อการวิ่งความเร็วสูงที่ 508 กม./ชม. ของไฮเปอร์คาร์ Tuatara ถูกตั้งคำถาม วิดีโอการพยายามบนทางหลวงในรัฐเนวาดาถูกอ้างว่าพิสูจน์ว่ารถไม่เคยวิ่งได้เร็วเท่าที่ SSC กล่าวไว้ ในปี 2021 SSC ได้พยายามสร้างสถิติความเร็วอีกครั้งด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำยิ่งขึ้นและพยานอิสระ เพื่อแก้ไขข้อกล่าวหา โดยบันทึกค่าเฉลี่ยสองทิศทางได้ 455.3 กม./ชม. แม้จะไม่ถึง 500 กม./ชม. แต่ก็น่าประทับใจอย่างยิ่งเช่นกัน Tuatara มีกำลังมากมาย ต้องขอบคุณเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.9 ลิตร แบบแฟลตเพลน-แคร้งก์ พร้อมเทอร์โบคู่ ที่ผลิตกำลัง 1,750 แรงม้า และแรงบิด 1,735 นิวตันเมตร ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์ส่วนใหญ่ในรายชื่อนี้ พลังงานทั้งหมดนี้ถูกส่งไปยังล้อหลังเท่านั้น เมื่อรวมกับโครงและตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้มีน้ำหนักเพียง 1,247 กก.

Bugatti Chiron Super Sport 300+

ความเร็วสูงสุด: 490.48 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 120 ล้านบาท

นับตั้งแต่กลายเป็นเพชรยอดมงกุฎของ Volkswagen Group Bugatti ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของพลังและความเร็วทางตรง การพัฒนา Veyron และ Chiron ล้วนนำไปสู่การสร้าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ ซึ่งทำลายสถิติเก่าของแบรนด์ทั้งหมด และก้าวข้ามกำแพงความเร็ว 300 ไมล์ต่อชั่วโมง (482 กม./ชม.) ที่ดูเหมือนจะทะลุผ่านไม่ได้ เพื่อให้บรรลุความสำเร็จนี้ เครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร ของ Bugatti ได้รับการปรับแต่งให้สร้างกำลัง 1,578 แรงม้า ซึ่งมากกว่า Chiron รุ่นมาตรฐานถึง 99 แรงม้า นอกจากนี้ยังได้รับการระบายความร้อนเพิ่มเติมสำหรับเครื่องยนต์และเกียร์ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์มากมาย การอัพเกรดด้านอากาศพลศาสตร์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันต่อการวิ่งความเร็วสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนท้ายแบบ ‘Longtail’ ที่เพิ่มความยาวตัวถัง 25 ซม. เพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศ Chiron Super Sport 300+ “ที่ได้รับการปรับปรุง” ทำความเร็วได้ 490.48 กม./ชม. ที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี และมีการผลิตรถยนต์ 30 คันที่โรงงาน Molsheim ของ Bugatti สำหรับลูกค้าผู้ทรงอิทธิพล โดยมีราคาคันละ 120 ล้านบาท

Koenigsegg Jesko Absolut

ความเร็วสูงสุด: 499 กม./ชม. (เป้าหมาย)

ราคา: ประมาณ 92 ล้านบาท (โดยประมาณ)

Koenigsegg ไม่ใช่ผู้ไม่มีประสบการณ์ในการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่ทำให้ Bugatti ต้องกังวล ดังนั้นเมื่อ Christian Von Koenigsegg ตัวเองประกาศว่าแบรนด์กำลังพัฒนารถ “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดที่เราเคยสร้าง” นี่ไม่ใช่คำกล่าวที่ควรมองข้าม รถยนต์คันดังกล่าวคือ Jesko Absolut ซึ่งเป็นรุ่นที่มีแรงต้านต่ำของ Koenigsegg Jesko ที่มีกำลัง 1,578 แรงม้า รถยนต์รุ่นมาตรฐานนั้นห่างไกลจากคำว่าช้า แต่ทีมวิศวกรของแบรนด์สวีเดนได้ใช้เวลาอย่างมากในการปรับแต่งอย่างพิถีพิถันเพื่อปรับปรุงค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านและกำลังเอาต์พุตของรถให้ดียิ่งขึ้น มาตรการเหล่านี้รวมถึงตัวถังที่ยาวขึ้น การถอดปีกหลังออก และมาตรการลดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสิ่งที่ Koenigsegg อ้างว่าเป็นเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ 5.0 ลิตร อันดุดันก็ได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มกำลังเล็กน้อยเป็น 1,600 แรงม้า แม้ว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่เป้าหมายของแบรนด์คือความเร็วสูงสุด 499 กม./ชม. แม้ว่าในตอนแรกอาจฟังดูห่างไกลจากความเป็นจริง แต่ Koenigsegg เคยเป็นเจ้าของตำแหน่ง “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” มาแล้ว ดังนั้นความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่แข่งเก่าอย่าง Bugatti จะสูงมาก

Yangwang U9 Xtreme

ความเร็วสูงสุด: 495 กม./ชม.

ราคา: ประมาณ 10 ล้านบาท+

เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาอันสั้น จนดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่รถยนต์ราคาต่ำกว่า 40 ล้านบาท จะสามารถทำลายสถิติความเร็วที่สร้างโดยรถยนต์ที่แพงที่สุดในธุรกิจได้ นั่นคือสิ่งที่ Yangwang U9 Xtreme ทำได้สำเร็จ โดยสร้างสถิติ 495 กม./ชม. เพื่อครองตำแหน่งสูงสุดในปัจจุบัน นั่นเป็นผลมาจากการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์จากรุ่นมาตรฐาน รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังเป็นพิเศษสี่ตัว และกำลังรวมทั้งหมด 2,978 แรงม้า นอกจากนี้ยังใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ และแม้กระทั่ง U9 รุ่นปกติที่มีระบบ 800V แบตเตอรี่ได้รับการตั้งค่าเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้เร็วขึ้นที่ความเร็วสูง (โดยไม่มีความร้อนสูงเกินไป) และมาจาก BYD ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Yangwang

สำรวจตัวเลือกความเร็ว 320 กม./ชม. ในตลาดปี 2025

แม้ว่ารถยนต์ที่เร็วที่สุดในรายชื่อนี้จะมีราคาสูงลิบลิ่ว โดยส่วนใหญ่ต้องใช้เงินลงทุนหลักร้อยล้านบาท และยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอีกจำนวนมาก แต่การเข้าถึงรถยนต์โปรดักชั่นที่สามารถทำความเร็วเกิน 320 กม./ชม. นั้นง่ายกว่าที่เคยเป็นมา คุณยังคงต้องมีเงินจำนวนมากในการซื้อ แต่ด้วยผู้ผลิตจำนวนมากขึ้นที่นำเสนอรถยนต์ความเร็ว 320 กม./ชม. ทำให้มีตัวเลือกมากมายหากคุณอยู่ในสถานะที่โชคดีพอที่จะซื้อได้

แบรนด์อังกฤษหลายรายได้ก้าวเข้าสู่คลับนี้ รวมถึง Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS และ McLaren หลายรุ่น นอกจากนี้ยังมีรถยนต์เปิดประทุนไม่กี่คันที่สามารถทำความเร็วได้มากกว่า 320 กม./ชม. แม้ว่าจะทำได้เมื่อปิดหลังคาเท่านั้น Lamborghini Huracan Evo Spyder (323 กม./ชม.) และ Ferrari 296 GTS (มากกว่า 330 กม./ชม.) เป็นสองรุ่นเปิดประทุนของรถคูเป้ที่เร็วกว่านี้

หากคุณต้องการรถยนต์หรูหราที่เร็ว อีกทางเลือกหนึ่งคือ Grand Tourer รถยนต์เหล่านี้ทำความเร็วสูงได้โดยไม่ลดทอนความหรูหรา และเป็นแบรนด์อังกฤษที่ยังคงเป็นผู้นำ Bentley นำเสนอ Flying Spur สี่ประตู (333 กม./ชม.) ในขณะที่ Bentley Continental GT Speed สามารถทำความเร็วได้ 335 กม./ชม.

โดยธรรมชาติแล้ว รถยนต์ส่วนใหญ่ในคลับ 320 กม./ชม. ประกอบด้วยซูเปอร์คาร์สองที่นั่ง รุ่นต่างๆ เช่น Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ล้วนเกินเกณฑ์มาตรฐานนี้ ในขณะที่ยังคงให้การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดอย่าง Ferrari SF90 ที่ทำความเร็วได้ 340 กม./ชม.

คุณอาจกำลังอ่านรายชื่อนี้และคิดว่ามีชื่อใหญ่บางชื่อที่ขาดหายไป มีไฮเปอร์คาร์ระดับไฮเอนด์จำนวนมากที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดเท่าที่จำเป็นเมื่อต้องการทำความเร็วเกิน 400 กม./ชม. รถยนต์อย่าง Mercedes-AMG One (มากกว่า 350 กม./ชม.) และ Aston Martin Valkyrie ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบเวลาต่อรอบที่ดีที่สุด มากกว่าความเร็วสูงสุดโดยตรง และเช่นเดียวกับ Porsche 911 GT2 RS ที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ยังคงน่าเกรงขาม

ประวัติศาสตร์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก

Benz Patent Motorwagen ที่สร้างขึ้นในปี 1898 ซึ่งเป็นรถยนต์คันแรกที่ได้รับการยอมรับ ได้เปิดรายชื่อของเราด้วยความเร็วสูงสุด 19 กม./ชม. เพียงครึ่งศตวรรษต่อมาในปี 1949 Jaguar ได้ยกระดับสถิตินี้ขึ้นสิบเท่าด้วย Jaguar XK120

ยุค 50 เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ซึ่งทั้งสองคันสามารถทำความเร็วได้เกิน 240 กม./ชม. ยุค 60 ตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอย่างรวดเร็วระหว่างแบรนด์อิตาลีหลายแห่ง Iso Grifo เป็นผู้กำหนดทิศทางในปี 1963 ด้วยความเร็วสูงสุด 259 กม./ชม. ผู้มาใหม่ AC Cobra ที่สร้างโดยอังกฤษ-อเมริกา ได้แย่งชิงตำแหน่งไปได้ชั่วคราวในปี 1965 ก่อนจะถูก Lamborghini Miura, Ferrari 365 GTB/4 และ Miura P400S เอาชนะระหว่างปี 1967 ถึง 1969

สิบสามปีผ่านไปก่อนที่ Lamborghini จะสามารถทำลายสถิติของตัวเองได้ด้วย Countach ซึ่งเป็นรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกที่ทำความเร็วเกิน 290 กม./ชม. ในปี 1983 ผู้ปรับแต่ง Porsche ชาวเยอรมัน RUF นำเสนอ BTR ที่ความเร็ว 305 กม./ชม. ในขณะที่ซูเปอร์คาร์ของ Porsche เองคือ 959 ทำความเร็วได้ 318 กม./ชม. ในปี 1986

Ferrari สร้างรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกของโลกที่ทำความเร็วเกิน 320 กม./ชม. ในปี 1987 ด้วย F40 ที่มีกำลัง 472 แรงม้า เมื่อเข้าสู่ยุค 90 McLaren F1 ได้ยกระดับเดิมพันขึ้นอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุด 355 กม./ชม. แม้ว่า F1 ที่ไม่มีตัวจำกัดรอบจะทำความเร็วได้ 386 กม./ชม.

Koenigsegg CCR มีช่วงเวลาสั้นๆ ในฐานะรถยนต์โปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลก เริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2005 โดยทำความเร็วได้ 388 กม./ชม. ที่ Nardo Ring ของอิตาลี เพียงสองเดือนต่อมา Bugatti Veyron ก็ทะลุกำแพง 400 กม./ชม. และครองตำแหน่งด้วยความเร็ว 408.5 กม./ชม.

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bugatti และ Koenigsegg ได้แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสูงสุด โดยมีผู้ท้าชิงที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก เช่น ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ชาวอเมริกัน SSC และ Hennessey และในปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Yangwang U9 Xtreme ได้เข้ามาสร้างนิยามใหม่ให้กับคำว่า “ความเร็ว” อย่างแท้จริง

สรุป

โลกของรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดยังคงเป็นเวทีแห่งนวัตกรรมและการแข่งขันที่ไม่สิ้นสุด ในปี 2025 นี้ เราได้เห็นการมาถึงของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้การแข่งขันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งทวีความรุนแรงและน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น รถแต่ละคันในรายชื่อนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องจักรที่น่าทึ่ง แต่ยังเป็นผลงานศิลปะทางวิศวกรรมที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และความหลงใหลของผู้สร้าง มันคือการรวมกันของพลัง แรงม้า อากาศพลศาสตร์ และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้

หากคุณเป็นผู้ที่หลงใหลในความเร็วและเทคโนโลยี หรือกำลังมองหาการลงทุนในยานยนต์ที่เหนือระดับ การติดตามพัฒนาการของรถยนต์เหล่านี้คือการได้เห็นอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเผยโฉมออกมาต่อหน้าต่อตาเรา

ร่วมสำรวจอนาคตแห่งความเร็ว

คุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์ความเร็วสูงสุดที่ไร้ขีดจำกัดเหล่านี้แล้วหรือยัง? ติดตามข่าวสารล่าสุดและร่วมพูดคุยเกี่ยวกับยานยนต์แห่งอนาคตกับเรา เพื่อไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวในโลกของไฮเปอร์คาร์ระดับโลก!

20 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ปี 2025: เปิดลิสต์สุดยอดความเร็วแห่งยุคสมัย

ในโลกแห่งยนตรกรรม ความเร็วสูงสุดไม่ใช่แค่ตัวเลขสถิติ แต่มันคือสัญลักษณ์ของสุดยอดวิศวกรรมขั้นสูง ความท้าทายไร้ขีดจำกัด และความภาคภูมิใจที่แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ปรารถนาจะพิสูจน์ให้โลกเห็น สำหรับผู้ขับขี่ทั่วไป ตัวเลข 70 ไมล์ต่อชั่วโมงก็เพียงพอแล้วสำหรับการเดินทางบนท้องถนน แต่สำหรับรถยนต์สมรรถนะสูง การก้าวข้ามขีดจำกัดความเร็วคือการประกาศศักดา การสร้างรถที่สามารถพุ่งทะยานด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ พร้อมกับยังคงสถานะ “ถูกกฎหมายบนท้องถนน” นั้นเป็นความท้าทายทางเทคนิคที่ซับซ้อนและต้องใช้ความทุ่มเทอย่างมหาศาล

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการนี้มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของการแข่งขันด้านความเร็ว จากการไล่ล่าตัวเลข 200 ไมล์ต่อชั่วโมงในยุค 90s โดยตำนานอย่าง Ferrari F40 และ McLaren F1 สู่การต่อสู้ที่ดุเดือดเพื่อแตะหลัก 300 ไมล์ต่อชั่วโมงในปัจจุบัน ซึ่งเป็นความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและยากยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการเข้ามามีบทบาทอย่างเต็มตัวของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งด้วยพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด ทำให้ผู้ผลิตรายใหม่ๆ สามารถสร้าง ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า ที่ท้าทายแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ลิสต์ 20 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 ที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ คือการรวบรวมสุดยอดยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมแห่งความเร็ว ตัดรถยนต์รุ่นซ้ำซ้อนหรือรถดัดแปลงหนักออกไป เพื่อให้คุณได้สัมผัสแก่นแท้ของศักยภาพยานยนต์แห่งยุคสมัย

McLaren F1

ความเร็วสูงสุด: 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง (386.4 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 15 ล้านปอนด์+ (ประมาณ 690 ล้านบาท+)

McLaren F1 ไม่ใช่แค่รถ แต่คือมรดกทางวิศวกรรม มันคือรถโปรดักชั่นที่สร้างสถิติโลกในปี 1998 ด้วยเครื่องยนต์ V12 หายใจเอง และเกียร์ธรรมดา ซึ่งถือเป็นตำนานที่แท้จริงที่ไม่มีรถรุ่นใหม่ๆ เทียบได้ในแง่ของความบริสุทธิ์ในการขับขี่ ในปี 2025 นี้ มูลค่าของ F1 ยังคงพุ่งทะยานไม่หยุดหย่อน สะท้อนถึงสถานะอันเป็นอมตะในโลกของ ซูเปอร์คาร์วินเทจ ที่ผู้คนยังคงโหยหา

W Motors Fenyr Supersport

ความเร็วสูงสุด: 245 ไมล์ต่อชั่วโมง (394 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 64.4 ล้านบาท)

จากผู้สร้าง Lykan HyperSport ที่โด่งดังจากภาพยนตร์ Fast & Furious สู่ Fenyr SuperSport ที่ยังคงเอกลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับและสมรรถนะอันดุดัน เครื่องยนต์ Flat-six ทวินเทอร์โบจากสำนักแต่ง Ruf ของเยอรมนี มอบพละกำลังที่น่าเกรงขาม พร้อมกับการออกแบบที่ผสมผสานอัญมณีล้ำค่าอย่างเพชรและแซฟไฟร์ในส่วนของไฟหน้า ทำให้ Fenyr Supersport เป็นมากกว่ารถเร็ว มันคือผลงานศิลปะเคลื่อนที่

Saleen S7 Twin Turbo

ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (399 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)

ในปี 2005 Saleen S7 Twin Turbo ก้าวขึ้นมาท้าทายบัลลังก์ McLaren F1 ด้วยพละกำลัง 750 แรงม้า และคำเคลมความเร็วสูงสุด 248 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้จะยังไม่มีการพิสูจน์อย่างเป็นทางการในระดับสากล แต่นี่คือรถอเมริกันแท้ๆ ที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาดใหญ่พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ แสดงให้เห็นถึงแนวคิด “Old-school power” ที่ยังคงดึงดูดใจนักสะสม รถยนต์สมรรถนะสูง

Koenigsegg Gemera & CCXR

ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (400 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 92 ล้านบาท)

Koenigsegg แบรนด์สัญชาติสวีเดนที่ปรากฏตัวในลิสต์นี้หลายครั้ง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้าง ไฮเปอร์คาร์ ระดับโลก Gemera คือ เมกะคาร์ไฮบริด 4 ที่นั่ง ที่ผสมผสานเครื่องยนต์สันดาปเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ให้พละกำลังรวมมหาศาล ขณะที่ CCXR เป็นรุ่นเก่าที่เน้นความเบาและอากาศพลศาสตร์ ด้วยเครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จ ที่ยังคงความเร็วปลายอันน่าทึ่ง

Aspark Owl

ความเร็วสูงสุด: 249 ไมล์ต่อชั่วโมง (400.7 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 115 ล้านบาท)

Aspark Owl จากญี่ปุ่น คืออีกหนึ่งตัวอย่างของ ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า ที่เข้ามาเขย่าวงการ ด้วยสถิติอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ 1.72 วินาที (หากได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ) ซึ่งจะทำให้มันเป็นรถโปรดักชั่นที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุดในโลก Aspark Owl พิสูจน์ให้เห็นว่า เทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถมอบพละกำลังถึง 1,985 แรงม้า และความเร็วปลายเกือบ 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในแพ็กเกจที่เบาและมีประสิทธิภาพ

Ultima RS

ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (402 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 130,000 ปอนด์ (ประมาณ 5.9 ล้านบาท)

Ultima RS คือม้ามืดในลิสต์นี้ ด้วยราคาที่ “เข้าถึงได้” ที่สุดและสถานะ คิทคาร์ ที่สามารถสร้างเองได้ การทำความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงในรถที่ประกอบเอง อาจฟังดูเหลือเชื่อ แต่ด้วยน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษและเครื่องยนต์ Corvette ที่จูนมาอย่างดีให้พละกำลัง 1,200 แรงม้า ทำให้ Ultima RS เป็นตัวแทนของแนวคิด “แรงม้าต่อน้ำหนัก” แบบดั้งเดิมที่ยังคงทรงประสิทธิภาพ

McLaren Speedtail

ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (402 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 96.6 ล้านบาท)

McLaren Speedtail คือบทสรุปของปรัชญา “Ultimate Series” ที่สร้างขึ้นเพื่อความเร็วสูงสุดและงานฝีมืออันประณีต ด้วยการจำกัดจำนวนผลิตเพียง 106 คันเท่ากับ F1 ในตำนาน Speedtail ได้พิสูจน์ความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงบนรันเวย์ของ Kennedy Space Centre การจัดวางที่นั่งแบบ 3 ที่นั่ง โดยคนขับอยู่ตรงกลาง สะท้อนถึง DNA แห่งความเร็วและนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของ McLaren

Czinger 21C V Max

ความเร็วสูงสุด: 253 ไมล์ต่อชั่วโมง+ (407 กม./ชม.+)
ราคาโดยประมาณ: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)

Czinger 21C คือผลงานที่ผสมผสานเครื่องยนต์พลังสูงกับมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ให้พละกำลังรวม 1,233 แรงม้า การเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายใน 1.9 วินาที ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ถือเป็นความสำเร็จอันน่าทึ่ง โดยเฉพาะรุ่น V Max ที่ลดอุปกรณ์อากาศพลศาสตร์ที่สร้างแรงต้านเพื่อเพิ่ม ความเร็วปลาย ให้สูงทะลุ 250 ไมล์ต่อชั่วโมง

Koenigsegg Regera

ความเร็วสูงสุด: 255 ไมล์ต่อชั่วโมง (410 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 119.6 ล้านบาท)

Koenigsegg Regera คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการสร้างสถิติโลก ด้วยระบบส่งกำลังไฮบริดที่ให้พละกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า โดดเด่นด้วยนวัตกรรมระบบเกียร์แบบ Single-speed ที่เรียกว่า Koenigsegg Direct Drive (KDD) ซึ่งเป็นไปได้ด้วยการทำงานร่วมกันของระบบ Plug-in Hybrid ทำให้ Regera ไม่เพียงแค่เร็ว แต่ยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการขับเคลื่อนอีกด้วย

SSC Ultimate Aero

ความเร็วสูงสุด: 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง (412.28 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)

SSC Ultimate Aero สร้างความฮือฮาด้วยการโค่นบัลลังก์ Bugatti Veyron ในฐานะรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลกเมื่อหลายปีก่อน ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 1,183 แรงม้า การทำลายสถิติบนถนนสาธารณะที่ปิดชั่วคราว แสดงให้เห็นถึงความดิบและ สมรรถนะที่แท้จริง โดยไม่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่าง Traction Control เข้ามาแทรกแซง ทำให้มันเป็นประสบการณ์การขับขี่ที่บริสุทธิ์และท้าทาย

Rimac Nevera / Nevera R

ความเร็วสูงสุด: 258 ไมล์ต่อชั่วโมง (415 กม./ชม.) / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (431 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 110.4 ล้านบาท)

Rimac Nevera คือ ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า ที่เร็วที่สุดในโลกในปัจจุบัน ด้วยพละกำลังมหาศาล 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร ทำให้มันพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 1.9 วินาที และทำความเร็ว 0-300 กม./ชม. ได้ภายใน 9.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารถบ้านส่วนใหญ่ที่ทำ 0-100 กม./ชม. เสียอีก Rimac ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ด้วยรุ่น Nevera R ที่เพิ่มพละกำลังเป็น 2,078 แรงม้า และความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมง รวมถึงอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 1.8 วินาที ทำให้มันเป็นรถที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนท้องถนน

Bugatti Veyron

ความเร็วสูงสุด: 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (431 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 46 ล้านบาท)

Bugatti Veyron คือผู้บุกเบิกในยุคสมัยใหม่ของไฮเปอร์คาร์ ด้วยเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบ 6.0 ลิตร ที่ให้พละกำลังเกือบ 1,000 แรงม้าในรุ่นปกติ และเพิ่มเป็น 1,183 แรงม้าในรุ่น Super Sport แม้จะเปิดตัวมานานแล้ว แต่ Veyron Super Sport ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ไม่กี่คันที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 268 ไมล์ต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 2.5 วินาที ซึ่งยากที่แม้แต่ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ในปัจจุบันจะทำได้ง่ายๆ

Hennessey Venom F5

ความเร็วสูงสุด: 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง (437.1 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 78.2 ล้านบาท)

จากสำนักแต่งชื่อดัง สู่ผู้สร้างไฮเปอร์คาร์ Hennessey Venom F5 ทะยานผ่านขีดจำกัดความเร็ว 270 ไมล์ต่อชั่วโมงไปแล้วในการทดสอบ ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 1,817 แรงม้า แม้จะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลังที่อาจมีข้อจำกัดในการยึดเกาะถนนเมื่อออกตัว แต่เมื่อได้ความเร็วแล้ว อัตราเร่ง 0-400 กม./ชม. ภายใน 15.5 วินาทีของ Venom F5 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เหลือเชื่อ และ Hennessey ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 311 ไมล์ต่อชั่วโมงเมื่อการพัฒนารถสมบูรณ์

Bugatti Tourbillon

ความเร็วสูงสุด: 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (446 กม./ชม.) (ประมาณการ)
ราคาโดยประมาณ: 3.5 ล้านปอนด์+ (ประมาณ 161 ล้านบาท+) (ประมาณการ)

Bugatti Tourbillon คือทายาทคนล่าสุดที่จะมาสานต่อตำนานความเร็ว ด้วยระบบไฮบริดที่ผสมผสานเครื่องยนต์ V16 ขนาดใหญ่ 986 แรงม้า กับมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 3 ตัว ให้พละกำลังรวมกว่า 1,770 แรงม้า จากชื่อเสียงและ นวัตกรรมยานยนต์ ของ Bugatti เรามั่นใจว่า Tourbillon จะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่และยึดตำแหน่งในลิสต์สุดยอดรถที่เร็วที่สุดในโลกได้อย่างแน่นอน เมื่อมันออกสู่ตลาดในปี 2026

Koenigsegg Agera RS

ความเร็วสูงสุด: 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง (447.2 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 161 ล้านบาท)

ในปี 2017 Koenigsegg Agera RS สร้างสถิติโลกด้วยการทำความเร็วสูงสุด 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมงบนถนนสาธารณะที่ปิดชั่วคราวในรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการเพิ่มเดิมพันในสงครามความเร็วและตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญของ Koenigsegg ในการสร้าง ไฮเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุด ด้วยการใช้รถที่ลูกค้าเป็นเจ้าของเพื่อสร้างสถิติ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในสมรรถนะและความทนทานของรถอย่างแท้จริง

Bugatti Mistral

ความเร็วสูงสุด: 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง (453.9 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 5.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 239.2 ล้านบาท)

Bugatti Mistral คือ รถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลก ที่ผลิตออกจำหน่าย โดยจำกัดเพียง 99 คันเท่านั้น มันคือการยกย่องเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบ 8 ลิตร อันโด่งดังของ Bugatti ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยขุมพลัง V16 ของ Tourbillon ด้วยการทำสถิติความเร็ว 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 2024 โดย Andy Wallace นักขับทดสอบระดับตำนาน Mistral ไม่เพียงแต่เร็ว แต่ยังเป็นหนึ่งใน รถหายาก ที่สวยงามและแพงที่สุดในโลก

SSC Tuatara

ความเร็วสูงสุด: 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง (455.3 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)

SSC Tuatara กลายเป็นที่ถกเถียงอย่างมากจากการทำสถิติความเร็วสูงสุดครั้งแรก แต่ในปี 2021 SSC ได้ทำการทดสอบอีกครั้งด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำและพยานอิสระ โดยทำความเร็วเฉลี่ยสองทิศทางได้ที่ 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้จะยังไม่ทะลุ 300 ไมล์ต่อชั่วโมงตามที่เคยคาดไว้ แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ ด้วยเครื่องยนต์ V8 Flat-plane-crank 5.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้พละกำลัง 1,750 แรงม้า ส่งไปยังล้อหลังเท่านั้น ผสมผสานกับตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา

Bugatti Chiron Super Sport 300+

ความเร็วสูงสุด: 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง (490.4 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 138 ล้านบาท)

Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือรถยนต์คันแรกที่สามารถทำลายกำแพงความเร็ว 300 ไมล์ต่อชั่วโมงลงได้ ด้วยการทำความเร็ว 304.774 ไมล์ต่อชั่วโมงบนสนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี เครื่องยนต์ W16 8.0 ลิตร ถูกปรับจูนให้มีพละกำลัง 1,578 แรงม้า และได้รับการอัปเกรดอากาศพลศาสตร์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะส่วนท้ายแบบ “Longtail” ที่ยืดออกไป 25 ซม. เพื่อเพิ่มความเสถียรและความลื่นไหลของอากาศ รถรุ่นนี้ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 30 คัน สำหรับลูกค้าคนพิเศษเท่านั้น

Koenigsegg Jesko Absolut

ความเร็วสูงสุด: 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (500 กม./ชม.) (เป้าหมาย)
ราคาโดยประมาณ: 2.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 105.8 ล้านบาท)

Christian Von Koenigsegg ได้ประกาศไว้ว่า Jesko Absolut คือ “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างมา” ซึ่งเป็นถ้อยแถลงที่ไม่อาจมองข้ามได้ นี่คือรุ่นที่เน้นแรงต้านอากาศต่ำของ Koenigsegg Jesko ที่มีพละกำลัง 1,578 แรงม้า (และเพิ่มเป็น 1,600 แรงม้าในรุ่น Absolut) วิศวกรชาวสวีเดนได้ทำการปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน ทั้งการขยายตัวถัง การถอดปีกหลังออก และมาตรการลดน้ำหนักอย่างเข้มข้น รวมถึงเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก แม้ตัวเลขทางการจะยังไม่เปิดเผย แต่ Koenigsegg ตั้งเป้าไว้ที่ 310 ไมล์ต่อชั่วโมง และจากประวัติที่ผ่านมา พวกเขามีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะพิชิตบัลลังก์นี้

Yangwang U9 Xtreme

ความเร็วสูงสุด: 308 ไมล์ต่อชั่วโมง (495.7 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 250,000 ปอนด์+ (ประมาณ 11.5 ล้านบาท+)

นี่คือปรากฏการณ์ใหม่แห่งปี 2025 Yangwang U9 Xtreme จาก BYD คือบทพิสูจน์ว่า รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง สามารถทำลายสถิติความเร็วที่เคยถูกผูกขาดโดยรถราคามหาศาลได้สำเร็จ ด้วยราคาที่ “เข้าถึงได้” เพียง 250,000 ปอนด์ แต่กลับสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 308 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง 4 ตัว ให้พละกำลังรวมมหาศาลถึง 2,978 แรงม้า ระบบสถาปัตยกรรม 1,200V ช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานรวดเร็วกว่ารถ EV ทั่วไป แบตเตอรี่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานพลังงานสูงที่ความเร็วสูงโดยเฉพาะ Yangwang U9 Xtreme ไม่เพียงแค่เร็วที่สุด แต่ยังเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์

โลกแห่งความเร็วที่ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง: ทางเลือกที่หลากหลาย

แม้ ไฮเปอร์คาร์ ระดับท็อปจะมาพร้อมป้ายราคาหลักล้านปอนด์ แต่การเข้าถึงรถยนต์โปรดักชั่นที่ทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงนั้นง่ายขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาอย่างมาก ในปี 2025 ตลาดมีตัวเลือกมากมายสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์สมรรถนะสูง ที่ยังคงความหรูหราและความสะดวกสบาย

แบรนด์ยุโรปอย่าง Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS, หรือแม้แต่ McLaren หลายรุ่น ล้วนสามารถทะยานเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ นอกจากนี้ ยังมี รถสปอร์ตเปิดประทุน ที่ให้ความเร็วเหนือ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยเฉพาะ Lamborghini Huracan Evo Spyder (201 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Ferrari 296 GTS (205 ไมล์ต่อชั่วโมง+) ที่เป็นเวอร์ชันเปิดประทุนของคูเป้ที่เร็วกว่า

สำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์หรู ที่เร็วและยังคงความสง่างาม รถแกรนด์ทัวเรอร์ (GT) คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ Bentley Flying Spur (207 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Bentley Continental GT Speed (208 ไมล์ต่อชั่วโมง) เป็นตัวอย่างของรถที่ผสมผสานความเร็วเข้ากับความหรูหราได้อย่างไร้ที่ติ

แน่นอนว่าส่วนใหญ่ของ “คลับ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง” ยังคงเป็น ซูเปอร์คาร์ สองที่นั่ง เช่น Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ซึ่งทั้งหมดนี้มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้นและทำความเร็วเกินมาตรฐานได้อย่างสบายๆ แม้กระทั่ง ปลั๊กอินไฮบริด อย่าง Ferrari SF90 ก็ยังทำความเร็วได้ถึง 211 ไมล์ต่อชั่วโมง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีที่ผสานกัน

คุณอาจสงสัยว่าทำไมรถยนต์ชื่อดังบางรุ่น เช่น Mercedes-AMG One หรือ Aston Martin Valkyrie ถึงไม่ปรากฏในลิสต์ความเร็วสูงสุดนี้ นั่นเป็นเพราะรถเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเน้น สมรรถนะในสนามแข่ง และเวลาต่อรอบสูงสุด มากกว่าการไล่ล่าความเร็วปลายที่ไร้ขีดจำกัดบนทางตรง เช่นเดียวกับ Porsche 911 GT2 RS ที่เน้นความปราดเปรียวและประสิทธิภาพในการขับขี่เป็นหลัก

ประวัติศาสตร์แห่งความเร็ว: การเดินทางของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก

การแสวงหาความเร็วสูงสุดของมนุษย์มีมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่มีการประดิษฐ์รถยนต์คันแรก Benz Patent Motorwagen ในปี 1898 ที่มีความเร็วสูงสุดเพียง 12 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่เพียงครึ่งศตวรรษต่อมาในปี 1949 Jaguar XK120 ก็ได้ยกระดับความเร็วขึ้นเป็นสิบเท่า

ยุค 50s เป็นการต่อสู้ระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ที่ต่างทำความเร็วได้เกิน 150 ไมล์ต่อชั่วโมง ส่วนในยุค 60s เกิดการผลัดเปลี่ยนตำแหน่งแชมป์อย่างรวดเร็ว โดยมี Iso Grifo เริ่มต้นที่ 161 ไมล์ต่อชั่วโมง ตามมาด้วย AC Cobra, Lamborghini Miura และ Ferrari 365 GTB/4

ในปี 1983 RUF BTR ทำความเร็วได้ 190 ไมล์ต่อชั่วโมง และ Porsche 959 ทำได้ 198 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1986 ก่อนที่ Ferrari F40 จะสร้างประวัติศาสตร์ในปี 1987 ในฐานะ รถโปรดักชั่นคันแรกของโลกที่ทะลุ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วย 201 ไมล์ต่อชั่วโมง (323 กม./ชม.)

ยุค 90s เป็นของ McLaren F1 ที่ยกระดับมาตรฐานไปอีกขั้นด้วยความเร็ว 221 ไมล์ต่อชั่วโมง (และ 240 ไมล์ต่อชั่วโมงสำหรับรุ่นที่ไม่มีตัวจำกัดรอบ) เข้าสู่ปี 2000 การแข่งขันยิ่งดุเดือด Koenigsegg CCR ครองตำแหน่งชั่วคราวในปี 2005 ด้วย 241 ไมล์ต่อชั่วโมง ก่อนที่ Bugatti Veyron จะเข้ามาทำลายกำแพง 250 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียงสองเดือนต่อมา ด้วยความเร็ว 253.8 ไมล์ต่อชั่วโมง และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Bugatti และ Koenigsegg ก็ได้ผลัดกันครองบัลลังก์ความเร็ว ควบคู่ไปกับผู้ท้าชิงรายใหม่อย่าง SSC และ Hennessey

สัมผัสอนาคตแห่งความเร็วไปพร้อมกับเรา

โลกของ ไฮเปอร์คาร์ ยังคงวิวัฒนาการอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมสร้างนิยามใหม่ของความเร็วอยู่เสมอ ในฐานะผู้หลงใหลในยานยนต์ เราคือส่วนหนึ่งของการเดินทางอันน่าตื่นเต้นนี้ ที่ซึ่งนวัตกรรมไม่เคยหยุดนิ่ง และขีดจำกัดถูกท้าทายอยู่ตลอดเวลา

แล้วคุณล่ะ? รถยนต์ความเร็วสูงสุด ในฝันของคุณคือคันไหน? หรือมีเทคโนโลยีใดที่คุณมองว่าจะเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกในอนาคต? มาร่วมแบ่งปันมุมมองของคุณ หรือค้นพบข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุดยอดยานยนต์แห่งอนาคตและ นวัตกรรมยานยนต์ ล่าสุดไปพร้อมกับเราได้ที่นี่! อย่าพลาดทุกความเคลื่อนไหวในโลกแห่งความเร็ว!

Previous Post

N1111563 ดจบสองหน มดอย เท ยวป วนไปท part 2

Next Post

N1111570 ไม หล อขอแฟน part 2

Next Post
N1111570 ไม หล อขอแฟน part 2

N1111570 ไม หล อขอแฟน part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1111489 เป นแค แม าน ทำไมข บรถหร มาทำงาน part 2
  • N1111486 เพ อนก นเขาไม แย งแฟนก นหรอก part 2
  • N1111488 เจ าของบ านต วจร งค อใคร part 2
  • N1111490 เป นเม ยประธานบร ทำไมมาก นข าวกล องข างทาง part 2
  • N1111487 เม อสาม พาหญ งอ นข นรถ part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.