• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1111563 ดจบสองหน มดอย เท ยวป วนไปท part 2

admin79 by admin79
November 11, 2025
in Uncategorized
0
N1111563 ดจบสองหน มดอย เท ยวป วนไปท part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

สุดยอดรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: 20 อันดับยานยนต์ความเร็วเหนือขีดจำกัด

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมกล้าพูดได้เลยว่า โลกแห่งความเร็วคือสนามประลองเทคโนโลยีและวิศวกรรมที่ไร้ขีดจำกัด แม้ความเร็วสูงสุดอาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการขับขี่ประจำวันบนท้องถนนทั่วไป แต่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์และผู้หลงใหลในสมรรถนะ มันคือจุดสูงสุดของ “สิทธิ์ในการโอ้อวด” (Bragging Rights) ที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมและผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้

การสร้างรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้อย่างน่าเหลือเชื่อนั้นไม่ใช่แค่ความท้าทายทางเทคนิค แต่ยังเป็นการประกาศศักยภาพทางวิศวกรรมยานยนต์ขั้นสูงที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์และคงไว้ซึ่งการใช้งานบนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย การได้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกจึงไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลข แต่เป็นสัญลักษณ์ของสถานะ เกียรติยศ และความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรมยานยนต์

ในยุค 90 เราเคยตื่นเต้นกับการแข่งขันเพื่อทะลุ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยรถยนต์ในตำนานอย่าง Ferrari F40, Porsche 959, Jaguar XJ220 และ McLaren F1 ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์และงานออกแบบอากาศพลศาสตร์อันล้ำสมัย แต่ในปี 2025 สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผู้ผลิตกำลังฟาดฟันกันใกล้หลัก 300 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่ยากจะเข้าถึงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว และที่น่าจับตามองคือ การเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ที่พลิกโฉมหน้าวงการด้วยเทคโนโลยี EV ล่าสุดที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้แม้กระทั่งแบรนด์น้องใหม่ก็สามารถผลิตรถยนต์ที่ท้าทายแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้แล้ว

ลิสต์ของรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยให้รถยนต์เหล่านี้สามารถทำความเร็วได้สูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ นี่คือ 20 อันดับล่าสุดของรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก ณ ปี 2025 ที่ได้รวบรวมมาให้คุณ โดยหลีกเลี่ยงรุ่นซ้ำและรถที่ดัดแปลงอย่างหนัก

McLaren F1

ความเร็วสูงสุด: 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง (386.4 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: มากกว่า 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 690 ล้านบาท)

สำหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงยานยนต์มานาน คงไม่มีใครไม่รู้จัก McLaren F1 ตำนานไฮเปอร์คาร์ที่สร้างสถิติโลกให้กับรถยนต์โปรดักชั่นในปี 1998 ด้วยความเร็ว 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง สิ่งที่น่าทึ่งคือ มันทำได้ด้วยเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศ และเกียร์ธรรมดา มอบประสบการณ์การขับขี่ที่บริสุทธิ์และเร้าใจอย่างแท้จริง ซึ่งหาได้ยากในรถยนต์ยุคใหม่ในปัจจุบัน F1 ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นการลงทุนในรถยนต์หายากที่ทรงคุณค่า และยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบอย่าง Gordon Murray ผู้สร้าง GMA T.50 ซึ่งเป็นทายาททางจิตวิญญาณของ F1

W Motors Fenyr Supersport

ความเร็วสูงสุด: 245 ไมล์ต่อชั่วโมง (394 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 1.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 64.4 ล้านบาท)

จากเลบานอนสู่ดูไบ W Motors ได้สร้างชื่อเสียงด้วย Lykan HyperSport และ Fenyr SuperSport ไฮเปอร์คาร์หรูหราที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยดีไซน์ที่ดุดันและสมรรถนะที่น่าทึ่ง ทั้งสองรุ่นสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 245 ไมล์ต่อชั่วโมงตามที่ผู้ผลิตระบุ ขุมพลังมาจากเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ Flat-six ที่พัฒนาโดย Ruf สำนักแต่ง Porsche ชื่อดังของเยอรมนี นอกจากนี้ ภายในรถยังประดับประดาด้วยวัสดุพิเศษ อาทิ เพชรและแซฟไฟร์ในชุดไฟหน้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์สั่งทำพิเศษที่หรูหราเกินจินตนาการ และยังปรากฏตัวในภาพยนตร์ Fast & Furious 7 สร้างความจดจำให้กับผู้ชมทั่วโลก

Saleen S7 Twin Turbo

ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (399 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)

ในปี 2005 Saleen S7 Twin Turbo ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมแรงม้า 750 ตัว และคำมั่นสัญญาว่าจะทำความเร็วได้ถึง 248 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเหนือกว่า McLaren F1 ถึง 8 ไมล์ต่อชั่วโมง นี่คือ “สัตว์ประหลาดสัญชาติอเมริกัน” ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 และเทอร์โบลูกยักษ์สองตัว แม้ว่าตัวเลขนี้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่ก็ไม่มีใครกังขาในความสามารถของ Saleen S7 ในการเข้าใกล้ขีดจำกัดความเร็วที่สูงเช่นนี้ นับเป็นหนึ่งในรถอเมริกันที่มีสมรรถนะอันดุดันและเป็นไอคอนของยุคนั้น

Koenigsegg Gemera & CCXR

ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (400 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 92 ล้านบาท)

Koenigsegg เป็นแบรนด์สวีเดนที่ปรากฏตัวในลิสต์นี้หลายครั้ง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุด สำหรับอันดับนี้ เราขอรวมสองรุ่นที่แตกต่างกัน แต่มีจุดร่วมคือความเร็วสูงสุด 248 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 400 กม./ชม. อย่างแรกคือ Gemera “Mega-GT” ที่ล้ำสมัยด้วยระบบไฮบริดพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ซึ่งแต่ละตัวมีแรงม้ามหาศาล และยังคงมีเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ทรงพลัง ในทางกลับกัน CCXR เป็นรถยนต์รุ่นเก่าที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเพียงอย่างเดียว แต่มีน้ำหนักเบาและรูปทรงที่เน้นอากาศพลศาสตร์อย่างยิ่งยวด แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของวิศวกรรมยานยนต์สวีเดนในการเข้าถึงความเร็วสูงสุด

Aspark Owl

ความเร็วสูงสุด: 249 ไมล์ต่อชั่วโมง (401 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 115 ล้านบาท)

แม้ว่าคุณจะคุ้นเคยกับชื่ออย่าง McLaren และ Koenigsegg ในลิสต์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก แต่ Aspark Owl จากญี่ปุ่นก็คือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนของแบรนด์น้องใหม่ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการด้วยไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าแบบแฮนด์เมด รุ่นต้นแบบเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 ที่งาน Frankfurt Motor Show และสร้างความฮือฮาด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ โดยอ้างว่าสามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 1.72 วินาที ซึ่งทำให้เป็นรถโปรดักชั่นที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก Aspark Owl ที่มีกำลังเกือบ 2,000 แรงม้า ยังอ้างความเร็วสูงสุดที่ 249 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นผลมาจากชุดแบตเตอรี่ 64kWh ที่ค่อนข้างเบา ช่วยให้รถมีน้ำหนักไม่มาก และยังคงให้ระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจถึง 280 ไมล์

Ultima RS

ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (402 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 130,000 ปอนด์ (ประมาณ 6 ล้านบาท)

Ultima RS คือรถยนต์ที่แปลกที่สุดในลิสต์นี้ ไม่เพียงแต่เป็นรถที่ถูกที่สุดในบรรดาคู่แข่งที่อยู่ในหลักล้าน แต่ยังเป็น “Kit Car” หรือรถยนต์ที่คุณสามารถประกอบเองได้ การขับรถด้วยความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่บริษัทกล่าวอ้างสำหรับรุ่นที่เร็วที่สุด ในรถที่สร้างจากโรงรถที่บ้านอาจฟังดูไม่จริง แต่เป็นไปได้หากคุณมีเงินและความสามารถในการสร้างมัน รถคันนี้ใช้หลักการแบบ “Old School” คือน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษ และเครื่องยนต์ Corvette ที่จูนให้ได้กำลังถึง 1,200 แรงม้า แทนที่จะใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน ทำให้ Ultima RS เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่เหนือชั้น

McLaren Speedtail

ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (402 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 2.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 96.6 ล้านบาท)

McLaren Speedtail คือสุดยอด Hyper-GT ที่สืบทอดจิตวิญญาณจาก McLaren F1 ตามข้อมูลจากแบรนด์รถซูเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษคันนี้ Speedtail สามารถทำความเร็วถึง 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้มากกว่า 30 ครั้ง ระหว่างการทดสอบที่ Kennedy Space Centre ในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ทำให้มันเร็วกว่า F1 ในตำนานอย่างแท้จริง Speedtail เป็นส่วนหนึ่งของ “Ultimate Series” ของ McLaren และยังคงใช้เลย์เอาต์ 3 ที่นั่งอันเป็นเอกลักษณ์ โดยผู้ขับขี่อยู่ตรงกลางและผู้โดยสารสองคนอยู่ด้านข้าง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้มันเป็นรถยนต์สะสมที่หายาก โดยมีเพียง 106 คันเท่านั้น เช่นเดียวกับ F1 รุ่นพี่

Czinger 21C V Max

ความเร็วสูงสุด: มากกว่า 253 ไมล์ต่อชั่วโมง (407 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)

อาจฟังดูเหมือนชื่อจากนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ Czinger 21C คือหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ผู้ผลิตจากแคลิฟอร์เนียรายนี้ใช้เครื่องยนต์ที่ทรงพลังอย่างมหาศาลและรูปทรงตัวถังที่เพรียวลม ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าหลายตัว ทำให้มีกำลังรวมกว่า 1,233 แรงม้า ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำให้มันสามารถเร่งความเร็วจาก 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาที และในรุ่น V Max ที่ลดอุปกรณ์อากาศพลศาสตร์ที่สร้างแรงต้านออกไป เพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดให้สูงขึ้นไปอีกกว่า 250 ไมล์ต่อชั่วโมง เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีการผลิตแบบ 3D Printing และระบบไฮบริดที่ล้ำสมัย

Koenigsegg Regera

ความเร็วสูงสุด: 255 ไมล์ต่อชั่วโมง (410 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 2.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 119.6 ล้านบาท)

Koenigsegg มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการสร้างสถิติความเร็วสูงสุดของรถยนต์ถนน และ Regera ก็ยังไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดของแบรนด์สวีเดนแห่งนี้ มันสามารถทำความเร็วได้ถึง 255 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่มีกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า และยังใช้เกียร์นวัตกรรมแบบ Single-speed Koenigsegg Direct Drive (KDD) ที่เป็นไปได้ด้วยการตั้งค่า Plug-in Hybrid แน่นอนว่ายังคงมีเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบที่ให้กำลังมหาศาล แม้จะดูเหมือนคูเป้ แต่ก็มีหลังคา Targa-top ที่ถอดออกได้ และยังเคยสร้างสถิติโลก 0-249-0 ไมล์ต่อชั่วโมง สำหรับอัตราเร่งและการเบรกในปี 2019

SSC Ultimate Aero

ความเร็วสูงสุด: 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง (412.3 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)

SSC Ultimate Aero มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 เบนซินทวินเทอร์โบ 1,183 แรงม้า และตลอดระยะเวลาการผลิต 7 ปี มันได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการแย่งชิงตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกจาก Bugatti Veyron ด้วยความเร็วสูงสุด 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง ตัวเลขนี้ทำได้บนถนนสาธารณะ โดยผู้ผลิตได้ปิดถนนสองเลนชั่วคราวใกล้โรงงานในวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา สิ่งที่ทำให้ Ultimate Aero โดดเด่นคือการที่มันไม่มีระบบช่วยผู้ขับขี่อย่าง Traction Control ทำให้เป็นประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบและบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

Rimac Nevera/Nevera R

ความเร็วสูงสุด: 258 ไมล์ต่อชั่วโมง (415 กม./ชม.) / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (431 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 2.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 110.4 ล้านบาท)

Rimac Nevera คือไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการปฏิวัติพลังงานไฟฟ้าได้มาถึงจุดที่สามารถท้าทายขีดจำกัดความเร็วของรถยนต์สันดาปได้อย่างเต็มตัว ด้วยกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร Nevera สามารถเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาที และไปถึง 186 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 9.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารถยนต์ครอบครัวส่วนใหญ่ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 500kW ทำให้แบตเตอรี่สามารถชาร์จถึง 80 เปอร์เซ็นต์ได้ใน 19 นาที ด้วยระยะทาง 340 ไมล์ และล่าสุด Rimac ได้เปิดตัว Nevera R ด้วยกำลัง 2,078 แรงม้า และความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้มันเป็นรถถนนที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา คือ 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.8 วินาที และ 0-186 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 7.9 วินาทีที่น่าทึ่ง

Bugatti Veyron

ความเร็วสูงสุด: 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (431 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 46 ล้านบาท)

เป็นเวลานานแล้วนับตั้งแต่ Bugatti Veyron ปรากฏตัวในวงการไฮเปอร์คาร์ แต่ชื่อนี้ยังคงเป็นที่เคารพและชื่นชมอย่างมากจากผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์และวิศวกรทุกวัย Veyron รุ่นปกติสร้างความตกตะลึงด้วยกำลังเกือบ 1,000 แรงม้า จากเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบ 8.0 ลิตร แต่ Bugatti ก็ยังไม่หยุดแค่นั้น หลังจากนั้นไม่กี่ปี Veyron Super Sport ก็เปิดตัวด้วยกำลังที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,183 แรงม้า ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่คันที่สามารถทำความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ การทำความเร็ว 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาไม่ถึง 2.5 วินาที เป็นความสามารถที่แม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าบางคันก็ยังต้องพยายามเลียนแบบ กล่าวได้ว่า Veyron คือหนึ่งในตำนานตลอดกาลอย่างแท้จริง

Hennessey Venom F5

ความเร็วสูงสุด: 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง (437 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 1.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 78.2 ล้านบาท)

Hennessey บริษัทปรับแต่งรถสัญชาติอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นผู้สร้างไฮเปอร์คาร์ เคยทำความเร็วเกิน 270 ไมล์ต่อชั่วโมงมาแล้วกับ Venom รุ่นก่อนที่ใช้พื้นฐาน Lotus Exige แต่ Venom F5 ได้ทำลายสถิตินั้นไปอย่างง่ายดายในการทดสอบ โดยทำความเร็วได้ถึง 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Johnny Bohmer Proving Grounds ในฟลอริดา ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย เนื่องจาก Venom F5 มีกำลังมหาศาลถึง 1,817 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ที่ Hennessey ตั้งเป้าว่าจะทำความเร็วให้ได้ถึง 311 ไมล์ต่อชั่วโมงเมื่อการพัฒนารถเสร็จสมบูรณ์ ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง อาจมีผลต่ออัตราเร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ 2.6 วินาที แต่ตัวเลข 0-249 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 15.5 วินาที แสดงให้เห็นถึงความเร็วทางตรงอันเหลือเชื่อของ Hennessey เมื่อมันเริ่มออกตัวเต็มที่

Bugatti Tourbillon

ความเร็วสูงสุด: 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (446 กม./ชม.) (ประมาณการ)

ราคาเริ่มต้น: มากกว่า 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 161 ล้านบาท) (ประมาณการ)

ในลิสต์นี้มีที่สำหรับ Bugatti Tourbillon รุ่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะใช้ระบบไฮบริดที่รวมเอาเครื่องยนต์ V16 ไร้ระบบอัดอากาศ 986 แรงม้า เข้ากับระบบไฟฟ้าเพื่อสร้างกำลังรวมกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของ Bugatti ในการสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ผนวกกับความรู้ด้านวิศวกรรมยานยนต์ขั้นสูงที่มาพร้อมกับแบรนด์ ผมมั่นใจว่ารุ่นใหม่นี้จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มรถยนต์ที่โดดเด่นในลิสต์นี้ได้อย่างแน่นอนเมื่อมันเปิดตัวในปี 2026

Koenigsegg Agera RS

ความเร็วสูงสุด: 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง (447.2 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 161 ล้านบาท)

Koenigsegg ได้ยกระดับมาตรฐานในปี 2017 ด้วยการสร้างสถิติความเร็วที่สูงขึ้นไปอีก และพร้อมกันนั้นก็สร้างสถิติความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้บนถนนสาธารณะ โดยใช้ถนนไฮเวย์ที่ปิดชั่วคราวระยะทาง 11 ไมล์ในรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์สวีเดนรายนี้ได้ขับ Agera RS ซึ่งเป็นของลูกค้า ด้วยความเร็วเฉลี่ยสองทิศทางที่ 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง เป็นการพิสูจน์ถึงสมรรถนะที่แท้จริงของรถและการตั้งค่าทางอากาศพลศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบ

Bugatti Mistral

ความเร็วสูงสุด: 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง (453.9 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 5.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 239.2 ล้านบาท)

Bugatti อาจมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 115 ปี แต่แบรนด์ฝรั่งเศสรายนี้ยังคงสร้างข่าวพาดหัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคือ Bugatti Mistral แม้แต่สำหรับ Bugatti เอง Mistral ก็ถือว่ามีราคาแพงและหายากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยผลิตจำกัดเพียง 99 คัน แต่พูดง่ายๆ คือ Mistral เป็นรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดที่ผลิตออกจำหน่าย ด้วยฝีมือของนักขับทดสอบผู้มีชื่อเสียง Andy Wallace Mistral ได้สร้างสถิติที่ศูนย์ทดสอบ Papenburg ในเยอรมนีในปี 2024 โดยขุมพลังที่ขับเคลื่อนรถคันนี้ไปสู่ 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง คือเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบ 8.0 ลิตร อันเลื่องชื่อของ Bugatti ซึ่งกำลังจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ V16 ไร้ระบบอัดอากาศอันน่าทึ่งของ Tourbillon

SSC Tuatara

ความเร็วสูงสุด: 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง (455.3 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)

สถิติความเร็วสูงสุดมักจะมาพร้อมกับข้อถกเถียง และ SSC Tuatara จากอเมริกาได้สร้างความร้อนแรงบนอินเทอร์เน็ตเมื่อความพยายามทำความเร็ว 316 ไมล์ต่อชั่วโมงถูกตั้งคำถาม อย่างไรก็ตาม ในปี 2021 SSC ได้พยายามสร้างสถิติใหม่อีกครั้งด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำยิ่งขึ้นและพยานอิสระ เพื่อแก้ไขข้อสงสัย โดยบันทึกความเร็วเฉลี่ยสองทิศทางที่ 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งแม้จะไม่ถึง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ก็ยังคงน่าประทับใจอย่างยิ่ง Tuatara มีกำลังเหลือเฟือจากเครื่องยนต์ V8 Flat-plane-crank 5.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลัง 1,750 แรงม้า และแรงบิด 1,735 นิวตันเมตร ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งไปยังล้อหลังเท่านั้น ผสานกับโครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ที่เบาเป็นพิเศษ ทำให้รถมีน้ำหนักเพียง 1,247 กก.

Bugatti Chiron Super Sport 300+

ความเร็วสูงสุด: 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง (490.5 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 138 ล้านบาท)

นับตั้งแต่ Bugatti กลายเป็นอัญมณีในเครือ Volkswagen Group แบรนด์นี้ก็มีความหมายเดียวกับพละกำลังและความเร็วทางตรง การพัฒนา Veyron และ Chiron ล้วนนำไปสู่การสร้าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ ซึ่งทำลายสถิติทั้งหมดของแบรนด์และทะลุผ่านกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ดูเหมือนจะเจาะไม่เข้าได้สำเร็จ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตรของ Bugatti ถูกปรับจูนให้มีกำลัง 1,578 แรงม้า ซึ่งมากกว่า Chiron มาตรฐาน 99 แรงม้า นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มระบบระบายความร้อนสำหรับเครื่องยนต์และกระปุกเกียร์ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์ และการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนท้ายแบบ “Longtail” ที่เพิ่มความยาวของตัวถังอีก 25 ซม. เพื่อปรับการไหลของอากาศให้ราบรื่นขึ้น Chiron Super Sport 300+ รุ่น “enhanced” นี้ทำความเร็วได้ถึง 304.774 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี โดยผลิตเพียง 30 คันสำหรับลูกค้าคนพิเศษ แต่ละคันมีราคา 3 ล้านปอนด์

Koenigsegg Jesko Absolut

ความเร็วสูงสุด: 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (500 กม./ชม.) (เป้าหมาย)

ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 2.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 105.8 ล้านบาท)

Koenigsegg ไม่ได้ด้อยประสบการณ์ในการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่สร้างความกังวลให้กับ Bugatti เลย ดังนั้นเมื่อ Christian Von Koenigsegg เองประกาศว่าแบรนด์กำลังพัฒนารถยนต์ “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะเคยทำมา” นี่ไม่ใช่คำกล่าวที่ควรละเลย รถคันนี้คือ Jesko Absolut ซึ่งเป็นรุ่นที่ลดแรงต้านอากาศลงของ Koenigsegg Jesko 1,578 แรงม้า แม้รุ่นมาตรฐานก็เร็วเหลือเชื่อแล้ว แต่วิศวกรชาวสวีเดนได้ใช้เวลาอย่างมากในการปรับแต่งอย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศและกำลังเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก มาตรการเหล่านี้รวมถึงการยืดตัวถัง การถอดปีกหลังออก และมาตรการลดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเพลาข้อเหวี่ยงที่ Koenigsegg อ้างว่าเป็นเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 5.0 ลิตรที่ดุดันยังได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มกำลังเล็กน้อยเป็น 1,600 แรงม้า แม้ตัวเลขอย่างเป็นทางการจะยังไม่เปิดเผย แต่เป้าหมายของแบรนด์คือความเร็วสูงสุดที่ 310 ไมล์ต่อชั่วโมง และด้วยสถิติผู้ครองตำแหน่ง “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” มาก่อน ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่แข่งเก่าอย่าง Bugatti ย่อมสูงส่งอย่างแน่นอน

Yangwang U9 Xtreme

ความเร็วสูงสุด: 308 ไมล์ต่อชั่วโมง (495.7 กม./ชม.)

ราคาเริ่มต้น: มากกว่า 250,000 ปอนด์ (ประมาณ 11.5 ล้านบาท)

เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าได้ก้าวหน้าไปมากในเวลาอันสั้นจนแทบไม่น่าเชื่อว่ารถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์ จะสามารถทำลายสถิติความเร็วที่สร้างโดยรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกได้ นั่นคือสิ่งที่ Yangwang U9 Xtreme ได้ทำ โดยสร้างสถิติความเร็วสูงสุดที่ 308 ไมล์ต่อชั่วโมง เพื่อครองอันดับหนึ่งในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์เหนือกว่ารุ่นมาตรฐาน รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังสี่ตัว และกำลังขับรวม 2,978 แรงม้า นอกจากนี้ยังใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ รวมถึง U9 รุ่นปกติที่มีระบบ 800V แบตเตอรี่ได้รับการตั้งค่าเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้เร็วขึ้นที่ความเร็วสูง (โดยไม่ร้อนเกินไป) และมาจาก BYD ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Yangwang แสดงให้เห็นถึงการปฏิวัติความเร็วด้วยเทคโนโลยี EV ของจีนอย่างแท้จริง

ตารางสรุปสุดยอดรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก

| อันดับ | รถยนต์ | ราคาเริ่มต้น (โดยประมาณ) | ความเร็วสูงสุด |

| :—- | :———————– | :————————– | :———————– |

| 1 | Yangwang U9 Xtreme | £250,000+ | 308 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 2 | Koenigsegg Jesko Absolut | £2.3 ล้าน | 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (เป้าหมาย) |

| 3 | Bugatti Chiron SS 300+ | £3 ล้าน | 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 4 | SSC Tuatara | £1.5 ล้าน | 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 5 | Bugatti Mistral | £5.2 ล้าน | 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 6 | Koenigsegg Agera RS | £3.5 ล้าน | 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 7 | Bugatti Tourbillon | £3.5 ล้าน+ | 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณการ) |

| 8 | Hennessey Venom F5 | £1.7 ล้าน | 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 9 | Bugatti Veyron | £1 ล้าน | 268 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 10 | Rimac Nevera/Nevera R | £2.4 ล้าน | 258 ไมล์ต่อชั่วโมง/268 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 11 | SSC Ultimate Aero | £500,000 | 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 12 | Koenigsegg Regera | £2.6 ล้าน | 255 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 13 | Czinger 21C V Max | £1.5 ล้าน | 253 ไมล์ต่อชั่วโมง+ |

| 14 | McLaren Speedtail | £2.1 ล้าน | 250 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 15 | Ultima RS | £130,000 | 250 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 16 | Aspark Owl | £2.5 ล้าน | 249 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 17 | Koenigsegg Gemera & CCXR | £2 ล้าน | 248 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 18 | Saleen S7 Twin Turbo | £500,000 | 248 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 19 | W Motors Fenyr Supersport| £1.4 ล้าน | 245 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 20 | McLaren F1 | £15 ล้าน+ | 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง |

ทางเลือกสำหรับรถยนต์ความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมง: เข้าถึงได้ง่ายขึ้นในปี 2025

แม้รถยนต์ในลิสต์ข้างต้นจะมีราคาเจ็ดหลักและค่าบำรุงรักษาที่สูงลิบ แต่การเข้าถึงรถยนต์โปรดักชั่นที่สามารถทำความเร็วเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 322 กม./ชม.) ได้นั้นง่ายกว่าที่เคยเป็นมา คุณยังคงต้องมีเงินจำนวนมากเพื่อซื้อรถเหล่านี้ แต่ด้วยผู้ผลิตจำนวนมากขึ้นที่นำเสนอรถยนต์ความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้มีตัวเลือกมากมายหากคุณอยู่ในสถานะที่โชคดีพอที่จะซื้อได้

มีรถยนต์จากอังกฤษหลายรุ่นที่เข้าสู่คลับนี้ รวมถึง Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS และ McLaren หลายรุ่น นอกจากนี้ยังมีรถเปิดประทุนบางรุ่นที่สามารถทำความเร็วได้มากกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้จะต้องปิดหลังคาเพื่อทำความเร็วสูงสุดก็ตาม อย่าง Lamborghini Huracan Evo Spyder (201 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Ferrari 296 GTS (205 ไมล์ต่อชั่วโมง+) ก็เป็นตัวอย่างของรถเปิดประทุนที่เร็วไม่แพ้รุ่นคูเป้

หากคุณต้องการรถยนต์หรูที่มีความเร็วสูง รถ Grand Tourer ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง รถเหล่านี้ทำความเร็วได้สูงโดยไม่ลดทอนความหรูหรา โดยแบรนด์อังกฤษยังคงเป็นผู้นำ Bentley นำเสนอ Flying Spur สี่ประตู (207 ไมล์ต่อชั่วโมง) ที่น่าทึ่ง ในขณะที่ Bentley Continental GT Speed สามารถทำความเร็วได้ 208 ไมล์ต่อชั่วโมง

แน่นอนว่ารถยนต์ส่วนใหญ่ในคลับ 200 ไมล์ต่อชั่วโมงคือซูเปอร์คาร์สองที่นั่ง รุ่นต่างๆ เช่น Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ล้วนเกินเกณฑ์นี้และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น นอกจากนี้ยังมีตัวเลือก Plug-in Hybrid อย่าง Ferrari SF90 ที่ทำความเร็วได้ 211 ไมล์ต่อชั่วโมง

รถยนต์ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดเป็นอันดับแรก

คุณอาจกำลังอ่านลิสต์นี้และคิดว่ามีชื่อใหญ่บางแบรนด์หายไป มีไฮเปอร์คาร์ระดับสูงจำนวนมากที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดในลักษณะเดียวกับที่คุณต้องทำเมื่อตั้งเป้าที่จะเกิน 250 ไมล์ต่อชั่วโมง อย่าง Mercedes-AMG One (217 ไมล์ต่อชั่วโมง+) และ Aston Martin Valkyrie ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบเวลาต่อรอบที่ดีที่สุดในสนามแข่งมากกว่าความเร็วสูงสุด และเช่นเดียวกับ Porsche 911 GT2 RS ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก็ยังน่าเกรงขาม

ประวัติศาสตร์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก

Benz Patent Motorwagen ที่สร้างขึ้นในปี 1898 ถือเป็นรถยนต์คันแรกของโลกที่ได้รับการยอมรับ และเปิดลิสต์ของเราด้วยความเร็วสูงสุด 12 ไมล์ต่อชั่วโมง เพียงครึ่งศตวรรษต่อมาในปี 1949 Jaguar ได้ยกระดับเดิมพันขึ้นสิบเท่าด้วย Jaguar XK120

ยุค 50 เป็นการต่อสู้ที่เข้มข้นระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ซึ่งทั้งสองรุ่นสามารถทำความเร็วได้เกิน 150 ไมล์ต่อชั่วโมง ยุค 60 ตามมาด้วยการเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำอย่างรวดเร็วระหว่างแบรนด์อิตาลีหลายราย โดย Iso Grifo ได้กำหนดมาตรฐานในปี 1963 ด้วยความเร็วสูงสุด 161 ไมล์ต่อชั่วโมง

ผู้ท้าชิงหน้าใหม่ AC Cobra ที่สร้างขึ้นโดย Anglo-American ได้ช่วงชิงตำแหน่งมาได้ชั่วครู่ในปี 1965 เพียงเพื่อถูก Lamborghini Miura, Ferrari 365 GTB/4 และ Miura P400S เอาชนะไปในระหว่างปี 1967 ถึง 1969

สิบสามปีผ่านไปก่อนที่ Lamborghini จะสามารถทำลายสถิติของตัวเองด้วย Countach ซึ่งเป็นรถโปรดักชั่นคันแรกที่ทะลุกำแพง 180 ไมล์ต่อชั่วโมง ในปี 1983 RUF สำนักแต่ง Porsche จากเยอรมนี นำเสนอ BTR ความเร็ว 190 ไมล์ต่อชั่วโมง ในขณะที่ซูเปอร์คาร์ของ Porsche เองอย่าง 959 ทำความเร็วได้ 198 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1986

Ferrari สร้างรถโปรดักชั่นคันแรกของโลกที่ทำความเร็วเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1987 ด้วย F40 ที่มีกำลัง 472 แรงม้า เมื่อเข้าสู่ยุค 90 McLaren F1 ได้ยกระดับเดิมพันอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุด 221 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้ว่า F1 ที่ไม่มีตัวจำกัดรอบจะทำความเร็วได้ถึง 240 ไมล์ต่อชั่วโมง

ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ Koenigsegg CCR เป็นรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลก เริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2005 โดยทำความเร็วได้ 241 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Nardo Ring ในอิตาลี เพียงสองเดือนต่อมา Bugatti Veyron ก็ทะลุกำแพง 250 ไมล์ต่อชั่วโมงและครองตำแหน่งด้วยความเร็ว 253.8 ไมล์ต่อชั่วโมง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bugatti และ Koenigsegg ได้แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสูงสุด โดยมีผู้ท้าชิงที่รู้จักกันน้อยกว่า เช่น ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ชาวอเมริกันอย่าง SSC และ Hennessey และล่าสุดเราได้เห็นการก้าวเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมจะสร้างนิยามใหม่ของความเร็วสูงสุดอีกครั้ง

โลกของยานยนต์ความเร็วสูงไม่มีวันหยุดนิ่ง การแข่งขันเพื่อเป็นที่สุดยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่เราได้เห็นการผสมผสานระหว่างขุมพลังสันดาปภายในและนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวล้ำ จนสามารถทำลายขีดจำกัดความเร็วที่เราเคยจินตนาการไว้ในอดีต หากคุณเป็นหนึ่งในผู้หลงใหลในความเร็วและเทคโนโลยี อย่าพลาดที่จะติดตามพัฒนาการอันน่าตื่นเต้นเหล่านี้ เพราะอนาคตของยานยนต์ที่เร็วที่สุดกำลังจะถูกเขียนขึ้นใหม่ในทุกๆ วัน และเรากำลังเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์นั้น มาร่วมค้นหาว่าขีดจำกัดต่อไปของความเร็วจะอยู่ที่ใด!

สุดยอดรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกแห่งปี 2025: 20 อันดับที่ความเร็วทะลุขีดจำกัด

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมบอกได้เลยว่าไม่มีอะไรจะจุดประกายความหลงใหลในเครื่องจักรได้เท่ากับ “ความเร็วสูงสุด” อีกแล้ว แม้ว่าในชีวิตจริงบนท้องถนนส่วนใหญ่ของเราจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสความเร็วระดับนั้นเลยก็ตาม แต่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์และผู้หลงใหลในความเร็วแล้ว ตัวเลขความเร็วสูงสุดไม่ใช่แค่สถิติ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จทางวิศวกรรม ความท้าทายที่ไร้ขีดจำกัด และความภาคภูมิใจที่ไม่อาจประเมินค่าได้

การสร้าง รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่สามารถวิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฎหมายนั้นเป็นงานที่ซับซ้อนอย่างมหาศาล ไม่ใช่แค่การยัดเครื่องยนต์ทรงพลังลงไป แต่ยังต้องคำนึงถึงอากาศพลศาสตร์ที่เหนือชั้น วัสดุที่เบาและแข็งแกร่ง ระบบช่วงล่างที่รองรับแรงมหาศาล และแน่นอนว่าต้องปลอดภัยภายใต้สภาวะที่รุนแรงที่สุด ผมจำได้ว่าในยุค 90 การทะลุกำแพง 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 320 กม./ชม.) ด้วย Ferrari F40, Porsche 959 หรือ McLaren F1 นั้นถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและเป็นหมุดหมายสำคัญ แต่ในยุค 2025 นี้ การแข่งขันได้ก้าวไปสู่จุดที่น่าทึ่งยิ่งกว่า นั่นคือการไล่ล่าความเร็วระดับ 300 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 480 กม./ชม.) และที่น่าสนใจคือเราเริ่มเห็น รถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง ก้าวเข้ามาท้าชิงบัลลังก์นี้อย่างจริงจัง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดอย่างไม่เคยมีมาก่อน

วงการไฮเปอร์คาร์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ผลักดันขีดจำกัดของความเร็วให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และในฐานะผู้ที่เฝ้าติดตามมาตลอด ผมเชื่อว่ารายชื่อ 20 อันดับ รถยนต์ถนนที่เร็วที่สุด ประจำปี 2025 นี้ จะทำให้คุณตื่นเต้นไม่แพ้ผม รายชื่อที่เราคัดสรรมานี้เน้นที่รถโปรดักชันที่ผลิตเพื่อจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หลีกเลี่ยงรถที่ปรับแต่งหนักๆ หรือรถต้นแบบที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นทางการ เอาล่ะครับ เตรียมตัวพบกับสุดยอดเครื่องจักรแห่งความเร็วที่วิศวกรรมและศิลปะหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง

20 อันดับรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก ปี 2025

McLaren F1
ความเร็วสูงสุด: 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง (386.4 กม./ชม.)
ราคา: 15 ล้านปอนด์+ (ประมาณ 690 ล้านบาท+)
หนึ่งใน ไฮเปอร์คาร์ ที่เป็นตำนานตลอดกาล McLaren F1 ไม่ได้มีแค่ความเร็ว แต่มีจิตวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์ ตัวเลข 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ทำได้ในปี 1998 ด้วยเครื่องยนต์ V12 หายใจตามธรรมชาติและเกียร์ธรรมดานั้นน่าทึ่งมาก มันเป็นเครื่องยืนยันว่าบางครั้ง ความสมบูรณ์แบบไม่ได้มาจากเทคโนโลยีที่ซับซ้อนที่สุดเสมอไป แต่มาจากความเข้าใจในหลักการพื้นฐานอย่างถ่องแท้ มันคือแรงบันดาลใจให้ Gordon Murray สร้าง GMA T.50 ซึ่งเป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณของ F1 ในปัจจุบัน

W Motors Fenyr Supersport
ความเร็วสูงสุด: 245 ไมล์ต่อชั่วโมง (394 กม./ชม.)
ราคา: 1.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 64.4 ล้านบาท)
จากดูไบ W Motors ได้พิสูจน์แล้วว่าตะวันออกกลางก็มีขีดความสามารถในการสร้าง ซูเปอร์คาร์ ที่โดดเด่น Fenyr Supersport ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์ที่ดุดันและวัสดุที่หรูหราอย่างเพชรและแซฟไฟร์ในไฟหน้า แต่มันยังมีความเร็วระดับ 245 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยเครื่องยนต์ Flat-six ทวินเทอร์โบจากสำนักแต่ง Ruf ของเยอรมนี มันคือรถที่แสดงถึงความกล้าที่จะแตกต่างและสร้างสรรค์

Saleen S7 Twin Turbo
ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (399 กม./ชม.)
ราคา: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)
Saleen S7 Twin Turbo คือตัวแทนของ อเมริกันมัสเซิลคาร์ ในร่างไฮเปอร์คาร์ มันมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 750 แรงม้า และคำมั่นสัญญาว่าจะทำความเร็วได้ถึง 248 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเหนือกว่า McLaren F1 ในยุคนั้น แม้ว่าสถิตินี้จะยังไม่มีการพิสูจน์อย่างเป็นทางการแบบเต็มกำลัง แต่ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความทะเยอทะยานและพลังดิบที่ยากจะหาใครเทียบได้

Koenigsegg Gemera & CCXR
ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (400 กม./ชม.)
ราคา: 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 92 ล้านบาท)
Koenigsegg เป็นชื่อที่เราจะเห็นบ่อยครั้งในลิสต์นี้ แบรนด์จากสวีเดนนี้คือผู้บุกเบิกในโลกของ ไฮเปอร์คาร์สมรรถนะสูง Gemera คือ Mega-GT แบบไฮบริดที่ทันสมัย มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวและเครื่องยนต์สันดาปอีกหนึ่ง ซึ่งทำให้มีกำลังรวมมหาศาล ส่วน CCXR คือรถรุ่นเก่าที่สร้างชื่อด้วยเครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเจอร์ น้ำหนักเบา และอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งสองคันนี้ทำความเร็วสูงสุดได้ 248 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่ากัน แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำของ Koenigsegg ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา

Aspark Owl
ความเร็วสูงสุด: 249 ไมล์ต่อชั่วโมง (401 กม./ชม.)
ราคา: 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 115 ล้านบาท)
Aspark Owl จากญี่ปุ่นคือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนของ รถยนต์ไฟฟ้า ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการไฮเปอร์คาร์ มันไม่ได้แค่เร็ว แต่เป็นการเร่งความเร็วที่เหลือเชื่อ จาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.72 วินาทีเท่านั้น! ด้วยกำลัง 1,985 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ขนาด 64kWh ที่เบาเป็นพิเศษ ทำให้ Owl สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 249 ไมล์ต่อชั่วโมง พร้อมระยะทางวิ่งประมาณ 450 กม. มันคือสัญญาณว่ายุคของ รถไฟฟ้าความเร็วสูง กำลังมาถึงแล้ว

Ultima RS
ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (402 กม./ชม.)
ราคา: 130,000 ปอนด์ (ประมาณ 5.98 ล้านบาท)
Ultima RS คือม้ามืดที่แตกต่างที่สุดในลิสต์นี้ ด้วยราคาที่ “เข้าถึงได้” ที่สุดและสถานะการเป็น รถประกอบเอง ที่คุณสามารถสร้างขึ้นมาได้จากโรงรถของคุณเอง ฟังดูเหมือนไม่น่าเชื่อ แต่ด้วยน้ำหนักที่เบามากและเครื่องยนต์ Corvette ที่จูนมาให้มีกำลังถึง 1,200 แรงม้า มันคือบทพิสูจน์ว่าพลังดิบต่ออัตราส่วนน้ำหนักที่ถูกต้องสามารถพาคุณไปถึง 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้โดยไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีแฟนซีมากนัก มันคือเสน่ห์แบบ Old-school ที่ยังคงมีที่ยืนในยุคนี้

McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (402 กม./ชม.)
ราคา: 2.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 96.6 ล้านบาท)
Speedtail คือผลงานศิลปะแห่งอากาศพลศาสตร์จาก McLaren ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความเร็วสูงสุดโดยเฉพาะ McLaren ระบุว่า Speedtail ทำความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้มากกว่า 30 ครั้งในการทดสอบที่ Kennedy Space Centre มันเร็วกว่า F1 ในตำนาน และยังคงเอกลักษณ์การจัดวางที่นั่งแบบ 3 ที่นั่ง โดยคนขับอยู่ตรงกลาง มันคือการรวมกันของดีไซน์ที่งดงามและประสิทธิภาพที่ไร้ที่ติ

Czinger 21C V Max
ความเร็วสูงสุด: 253 ไมล์ต่อชั่วโมง+ (407 กม./ชม.)
ราคา: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)
Czinger 21C V Max คือนวัตกรรมที่มาพร้อมกับชื่อที่น่าสนใจ มันเป็น ไฮเปอร์คาร์ ที่ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติในการสร้างชิ้นส่วนมากมาย ทำให้มีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ ด้วยเครื่องยนต์ทรงพลังและมอเตอร์ไฟฟ้าที่รวมกันให้กำลัง 1,233 แรงม้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำให้มันเร่งจาก 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.9 วินาที รุ่น V Max ได้ลดชิ้นส่วนอากาศพลศาสตร์ที่สร้างแรงต้านเพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดให้ทะลุ 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อย่างง่ายดาย

Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 255 ไมล์ต่อชั่วโมง (410 กม./ชม.)
ราคา: 2.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 119.6 ล้านบาท)
Koenigsegg Regera คือตัวอย่างที่ชัดเจนของวิศวกรรมที่แหวกแนว ด้วยระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่มีกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า และที่สำคัญคือมันใช้ระบบเกียร์ความเร็วเดียวที่เป็นนวัตกรรมใหม่ แทนที่จะเป็นเกียร์แบบปกติ ทำให้การส่งกำลังราบรื่นอย่างเหลือเชื่อ มันไม่เพียงแต่เร็วแต่ยังเป็น รถยนต์ถนน ที่สร้างสถิติ 0–249–0 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 2019 แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพทั้งการเร่งและเบรก

SSC Ultimate Aero
ความเร็วสูงสุด: 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง (412.28 กม./ชม.)
ราคา: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)
SSC Ultimate Aero คือผู้ที่เคยแย่งชิงตำแหน่ง รถที่เร็วที่สุดในโลก จาก Bugatti Veyron ในอดีต ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 1,183 แรงม้า มันทำความเร็วได้ 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมงบนถนนสาธารณะที่ถูกปิดชั่วคราว ความดิบของมันอยู่ที่การไร้ซึ่งระบบช่วยขับขี่อย่าง Traction Control ทำให้ผู้ขับขี่ต้องอาศัยทักษะล้วนๆ เพื่อควบคุมพละกำลังมหาศาลนี้

Rimac Nevera/Nevera R
ความเร็วสูงสุด: 258 ไมล์ต่อชั่วโมง (415 กม./ชม.) / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (431 กม./ชม.)
ราคา: 2.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 110.4 ล้านบาท)
Rimac Nevera คือเจ้าแห่ง ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า มันพิสูจน์แล้วว่ารถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำความเร็วได้ไม่แพ้รถน้ำมัน ด้วยกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 Nm มันสามารถเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.9 วินาที และพุ่งไปถึง 186 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 9.3 วินาที รุ่น Nevera R ที่เพิ่งเปิดตัวมาพร้อมกำลัง 2,078 แรงม้า และความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมง พร้อมอัตราเร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.8 วินาที และ 0-186 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 7.9 วินาที ซึ่งเป็นการสร้างสถิติใหม่ให้กับ รถยนต์ไฟฟ้า ที่เร็วที่สุดในโลก

Bugatti Veyron
ความเร็วสูงสุด: 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (431 กม./ชม.)
ราคา: 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 46 ล้านบาท)
Bugatti Veyron คือผู้บุกเบิกยุคใหม่ของ ไฮเปอร์คาร์ มันสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยเครื่องยนต์ W16 ควอด-เทอร์โบ ขนาด 8.0 ลิตร ที่ให้กำลังเกือบ 1,000 แรงม้า รุ่น Super Sport ที่ตามมาได้เพิ่มกำลังเป็น 1,183 แรงม้า และทำความเร็วสูงสุดได้ 268 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว Veyron Super Sport ยังคงเป็นหนึ่งในรถไม่กี่คันที่สามารถทำความเร็วระดับนี้ได้ และอัตราเร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาไม่ถึง 2.5 วินาทีก็ยังเป็นสิ่งที่ รถยนต์ไฟฟ้า หลายคันยังต้องพยายามตามให้ทัน มันคือตำนานที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ

Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง (437.1 กม./ชม.)
ราคา: 1.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 78.2 ล้านบาท)
Hennessey จากอเมริกาได้สร้างชื่อเสียงในการผลิต รถยนต์สมรรถนะสูง ที่ทำความเร็วได้ทะลุขีดจำกัด Venom F5 ได้ทำลายสถิติของตัวเองด้วยการแตะ 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมงในการทดสอบ ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 1,817 แรงม้า Hennessey ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 311 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็น รถที่เร็วที่สุดในโลก อัตราเร่ง 0-249 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 15.5 วินาทีของมัน คือสิ่งที่บอกเล่าเรื่องราวของพละกำลังที่ไร้ขีดจำกัด

Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (446 กม./ชม.) (ประมาณการ)
ราคา: 3.5 ล้านปอนด์+ (ประมาณ 161 ล้านบาท+) (ประมาณการ)
Bugatti Tourbillon คืออนาคตของ Bugatti มันเป็น ไฮเปอร์คาร์ไฮบริด ที่จะมาพร้อมเครื่องยนต์ V16 หายใจตามธรรมชาติขนาดมหึมา 986 แรงม้า ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีกำลังรวมกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของ Bugatti ในการสร้าง รถที่เร็วที่สุดในโลก เราคาดการณ์ว่า Tourbillon จะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่และติดอันดับต้นๆ ของลิสต์นี้อย่างแน่นอนเมื่อมันออกสู่ตลาดในปี 2026

Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง (447.2 กม./ชม.)
ราคา: 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 161 ล้านบาท)
ในปี 2017 Koenigsegg Agera RS ได้สร้างสถิติโลกด้วยการเป็น รถยนต์โปรดักชันที่เร็วที่สุดในโลก บนถนนสาธารณะ โดยทำความเร็วได้ 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมงบนทางหลวง 11 ไมล์ในรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา การทำลายสถิติครั้งนั้นเป็นการแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของวิศวกรรมจากสวีเดน และความมุ่งมั่นของ Koenigsegg ที่จะผลักดันขีดจำกัดของความเร็วให้ไกลยิ่งขึ้น

Bugatti Mistral
ความเร็วสูงสุด: 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง (453.9 กม./ชม.)
ราคา: 5.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 239.2 ล้านบาท)
Bugatti Mistral คือสุดยอดของ ไฮเปอร์คาร์เปิดประทุน ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยการผลิตจำกัดเพียง 99 คัน มันคือการเฉลิมฉลองเครื่องยนต์ W16 ควอด-เทอร์โบ ขนาด 8.0 ลิตร อันเลื่องชื่อของ Bugatti ซึ่งกำลังจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ V16 ใหม่ใน Tourbillon Mistral ทำความเร็วสถิติ 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 2024 โดยมีนักขับทดสอบ Andy Wallace อยู่หลังพวงมาลัย เป็นการปิดฉากยุคของ W16 อย่างสง่างาม

SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง (455.3 กม./ชม.)
ราคา: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)
SSC Tuatara กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์จากความพยายามทำลายสถิติ 300 ไมล์ต่อชั่วโมงครั้งแรกที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียง แต่ในปี 2021 SSC ได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งด้วยการบันทึกความเร็วเฉลี่ยสองทิศทางที่ 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 5.9 ลิตร ที่ให้กำลัง 1,750 แรงม้า และน้ำหนักเพียง 1,247 กก. Tuatara คือ ไฮเปอร์คาร์อเมริกัน ที่มีพละกำลังมหาศาลและมุ่งมั่นที่จะเป็นเจ้าของสถิติโลก

Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง (490.5 กม./ชม.)
ราคา: 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 138 ล้านบาท)
Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือ รถยนต์โปรดักชันคันแรกที่ทำความเร็วได้เกิน 300 ไมล์ต่อชั่วโมง มันคือหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ยานยนต์ ด้วยเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีกำลังถึง 1,578 แรงม้า พร้อมกับการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์อย่าง “Longtail” ที่เพิ่มความยาวของตัวถังด้านหลัง 25 ซม. เพื่อลดแรงต้าน Bugatti ได้สร้างสถิติที่ Ehra-Lessien ในเยอรมนีด้วยความเร็ว 304.774 ไมล์ต่อชั่วโมง และผลิตออกมาเพียง 30 คันสำหรับลูกค้าคนพิเศษ

Koenigsegg Jesko Absolut
ความเร็วสูงสุด: 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (500 กม./ชม.) (เป้าหมาย)
ราคา: 2.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 105.8 ล้านบาท) (โดยประมาณ)
เมื่อ Christian Von Koenigsegg ประกาศว่ากำลังสร้าง “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะเคยทำมา” นั่นไม่ใช่คำพูดที่ต้องฟังผ่านๆ Jesko Absolut คือเวอร์ชัน Low-drag ของ Koenigsegg Jesko ที่มีกำลัง 1,578 แรงม้า ทีมวิศวกรได้ใช้เวลาอย่างมากในการปรับแต่งอากาศพลศาสตร์ ลดน้ำหนัก (รวมถึงเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก) และเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบ 5.0 ลิตร เป็น 1,600 แรงม้า แม้ตัวเลขอย่างเป็นทางการจะยังไม่ประกาศ แต่เป้าหมาย 310 ไมล์ต่อชั่วโมงของ Koenigsegg คือสิ่งที่ทำให้โลกจับตามอง เพราะประวัติของแบรนด์นี้ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง

Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 308 ไมล์ต่อชั่วโมง (495.7 กม./ชม.)
ราคา: 250,000 ปอนด์+ (ประมาณ 11.5 ล้านบาท+)
และนี่คือผู้มาใหม่ที่พลิกเกมอย่างสิ้นเชิง! Yangwang U9 Xtreme คือปรากฏการณ์แห่งปี 2025 ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยราคาที่น่าเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน (ต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์) U9 Xtreme ได้สร้างสถิติความเร็ว 308 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวที่ทรงพลังและกำลังรวมมหาศาลถึง 2,978 แรงม้า! มันใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ที่ช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วขึ้น แบตเตอรี่จาก BYD ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับการจ่ายพลังงานสูงที่ความเร็วสูงโดยไม่เกิดความร้อนสูงเกินไป Yangwang U9 Xtreme ไม่ใช่แค่ รถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก แต่มันกำลังนิยามใหม่ของคำว่า “ไฮเปอร์คาร์” ด้วยประสิทธิภาพที่น่าตกใจและราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าที่เคยมีมา

ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความเร็วเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง

แน่นอนว่า รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก 20 คันแรกนั้นมาพร้อมป้ายราคาที่สูงลิบลิ่ว แต่สำหรับผู้ที่ใฝ่ฝันอยากสัมผัสความเร็วเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 320 กม./ชม.) ในปี 2025 นี้ มีตัวเลือกที่หลากหลายและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แม้จะยังต้องใช้เงินจำนวนมากก็ตาม

แบรนด์อย่าง Aston Martin, McLaren, Ferrari และ Lamborghini ยังคงเป็นผู้นำเสนอ รถสปอร์ตสมรรถนะสูง ในกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น Aston Martin DB11 V12 หรือ DBS, Ferrari 296 GTB หรือ Lamborghini Huracan Evo Spyder ที่แม้จะเป็นรถเปิดประทุนก็ยังทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (แต่ต้องปิดหลังคา)

สำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราควบคู่ไปกับความเร็ว รถ Grand Tourer คือคำตอบ Bentley Flying Spur (207 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Continental GT Speed (208 ไมล์ต่อชั่วโมง) เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการผสมผสานความสะดวกสบายและสมรรถนะได้อย่างลงตัว

นอกจากนี้ ยังมี ซูเปอร์คาร์สองที่นั่ง ยอดนิยมอย่าง Maserati MC20, Audi R8 V10 หรือ Ferrari SF90 (ปลั๊กอินไฮบริด 211 ไมล์ต่อชั่วโมง) ที่มอบทั้งความเร็วและประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ ไฮเปอร์คาร์ ทุกคันจะเน้นความเร็วสูงสุด บางคันอย่าง Mercedes-AMG One, Aston Martin Valkyrie หรือ Porsche 911 GT2 RS ถูกออกแบบมาเพื่อทำเวลาต่อรอบในสนามแข่งให้ดีที่สุด ซึ่งหมายถึงการเน้น downforce และสมดุลในการเข้าโค้ง มากกว่าการทำความเร็วสูงสุดบนทางตรง

ประวัติศาสตร์การไล่ล่าความเร็วบนถนน

การไล่ล่าความเร็วสูงสุดนั้นมีมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของยานยนต์ Benz Patent Motorwagen คันแรกในปี 1898 ทำความเร็วได้เพียง 12 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ในเวลาเพียงครึ่งศตวรรษ Jaguar XK120 ในปี 1949 ก็ได้ก้าวข้ามไปถึง 120 ไมล์ต่อชั่วโมง

ยุค 50s คือการแข่งขันดุเดือดระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ที่สามารถทะลุ 150 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ ส่วนในยุค 60s รถยนต์สัญชาติอิตาลี ได้เข้ามาครองบัลลังก์ เริ่มจาก Iso Grifo (161 ไมล์ต่อชั่วโมง) ตามมาด้วย AC Cobra ของอังกฤษ-อเมริกา, Lamborghini Miura และ Ferrari 365 GTB/4

จากนั้น Lamborghini Countach ได้สร้างประวัติศาสตร์ในปี 1983 ด้วยการเป็น รถยนต์โปรดักชันคันแรกที่ทะลุ 180 ไมล์ต่อชั่วโมง ตามมาด้วย RUF BTR และ Porsche 959 ที่เกือบถึง 200 ไมล์ต่อชั่วโมง

แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือปี 1987 เมื่อ Ferrari F40 กลายเป็น รถยนต์โปรดักชันคันแรกที่ทะลุ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ก่อนที่ McLaren F1 จะก้าวข้ามไปอีกขั้นในยุค 90s ด้วยความเร็ว 221 ไมล์ต่อชั่วโมง (และ 240 ไมล์ต่อชั่วโมงสำหรับคันที่ไม่มี Rev-limiter)

ต้นยุค 2000s เป็นของ Koenigsegg CCR (241 ไมล์ต่อชั่วโมง) ที่ครองตำแหน่งไม่นานก่อนที่ Bugatti Veyron จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการทะลุ 250 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 2005 ด้วยความเร็ว 253.8 ไมล์ต่อชั่วโมง

และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การแข่งขันได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่าง Bugatti, Koenigsegg และผู้ท้าชิงรายใหม่จากอเมริกาอย่าง SSC และ Hennessey ที่ต่างมุ่งมั่นที่จะเป็นเจ้าของสถิติ รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับเราทุกคนที่หลงใหลในความเร็ว

สรุปและคำเชิญชวน

โลกของ ไฮเปอร์คาร์ และ ซูเปอร์คาร์ ที่เร็วที่สุดในโลกนั้นไม่เคยหยุดนิ่ง มันคือเวทีแสดงศักยภาพของวิศวกรรม นวัตกรรม และความกล้าที่จะผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ ในปี 2025 นี้ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาของ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ทรงพลังอย่าง Yangwang U9 Xtreme ที่พลิกโฉมการแข่งขัน หรือการผสมผสานเทคโนโลยีไฮบริดใน Bugatti Tourbillon สิ่งเหล่านี้ยืนยันว่าอนาคตของความเร็วนั้นน่าตื่นเต้นและคาดเดาไม่ได้อย่างแท้จริง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่ารถยนต์เหล่านี้ไม่ใช่แค่เครื่องจักร แต่เป็นงานศิลปะที่มีชีวิต ที่ถูกสร้างสรรค์ด้วยความหลงใหลและความแม่นยำ ทุกคันในลิสต์นี้คือผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ต่อขีดจำกัดทางกายภาพ

คุณคิดว่ารถคันไหนในลิสต์นี้คือที่สุดในใจคุณ? หรือมีรถคันไหนที่คุณใฝ่ฝันอยากจะได้สัมผัส? มาร่วมแบ่งปันความคิดเห็น ประสบการณ์ หรือรถในฝันของคุณกับเราได้เลยครับ อนาคตของความเร็วรอเราอยู่ และเราพร้อมที่จะสำรวจไปพร้อมกัน!

Previous Post

N1111051 เม อส นสอดกลายเป นเพชฌฆาต part 2

Next Post

N1111568 กว าเจ านายแอบม part 2

Next Post
N1111568 กว าเจ านายแอบม part 2

N1111568 กว าเจ านายแอบม part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1111489 เป นแค แม าน ทำไมข บรถหร มาทำงาน part 2
  • N1111486 เพ อนก นเขาไม แย งแฟนก นหรอก part 2
  • N1111488 เจ าของบ านต วจร งค อใคร part 2
  • N1111490 เป นเม ยประธานบร ทำไมมาก นข าวกล องข างทาง part 2
  • N1111487 เม อสาม พาหญ งอ นข นรถ part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.