• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1111054 แม ลำเอ ยงกล บมาในประเทศต วเองลำบาก part 2

admin79 by admin79
November 11, 2025
in Uncategorized
0
N1111054 แม ลำเอ ยงกล บมาในประเทศต วเองลำบาก part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

ทะลุขีดจำกัดความเร็ว 2025: 20 สุดยอดรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก จากประสบการณ์ผู้เชี่ยวชาญ 10 ปี

ในโลกที่ความเร็วเป็นเสมือนศาสนาสำหรับผู้คลั่งไคล้ยานยนต์ บางทีเราอาจต้องตั้งคำถามว่าความเร็วสูงสุดนั้นมีความหมายในชีวิตประจำวันแค่ไหน? รถยนต์ครอบครัวทั่วไปก็สามารถทำความเร็ว 120 กม./ชม. ได้อย่างสบายๆ บนท้องถนน แต่สำหรับอาณาจักรของรถยนต์สมรรถนะสูงและไฮเปอร์คาร์ ความเร็วสูงสุดไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่มันคือการประกาศศักดา บทพิสูจน์ทางวิศวกรรมที่ไร้ขีดจำกัด และเป็นเครื่องมือสร้างสถานะที่ไม่อาจปฏิเสธได้

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าการสร้างรถยนต์ที่สามารถทะยานด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ และยังคงถูกต้องตามกฎหมายบนท้องถนนนั้นเป็นความท้าทายทางเทคนิคที่ยิ่งใหญ่ มันคือการผสมผสานศิลปะ วิทยาศาสตร์ และความกล้าหาญเข้าไว้ด้วยกัน ในยุค 2025 ที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาถึงของ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่พลิกโฉมหน้าของวงการไปอย่างสิ้นเชิง บริษัทรถยนต์หน้าใหม่หลายรายสามารถเข้ามายืนหยัดเคียงข้างแบรนด์ระดับตำนานได้ด้วยนวัตกรรมที่น่าทึ่ง

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึก 20 อันดับ รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ประจำปี 2025 ที่ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะ แต่คือสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จทางวิศวกรรม ความหรูหรา และแรงผลักดันที่ไม่หยุดยั้งในการก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์และเครื่องจักร มาดูกันว่าปีนี้มีสุดยอด ไฮเปอร์คาร์ รุ่นใดบ้างที่สามารถครองบัลลังก์แห่งความเร็วได้สำเร็จ

วิวัฒนาการแห่งความเร็ว: การเดินทางสู่ขีดสุด

ย้อนกลับไปในยุคแรกเริ่มของวงการยานยนต์ รถยนต์ที่เร็วที่สุด มักจะเป็นรถแข่งที่ถูกดัดแปลงมาวิ่งบนท้องถนน ดังเช่นรถจาก Bentley หรือ Bugatti ในตำนานการแข่งขัน Le Mans แต่ในยุคปัจจุบัน การพัฒนารถแข่งและรถยนต์ถนนกลายเป็นคนละสายงานกันอย่างชัดเจน หากคุณต้องการสร้างชื่อในทำเนียบ รถถนนที่เร็วที่สุด คุณต้องทุ่มเททั้งเวลาและทรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อการวิจัยและพัฒนาโดยเฉพาะ

ผมยังจำความตื่นเต้นในยุค 90 ได้ดี กับการแข่งขันเพื่อทะลุความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 320 กม./ชม.) โดยรถอย่าง Ferrari F40, Porsche 959, Jaguar XJ220 และท้ายที่สุดคือ McLaren F1 ที่สร้างความตกตะลึงด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ V8 หายใจธรรมชาติและการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ล้ำสมัย พวกเขาสามารถทำ ความเร็วสูงสุด ที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนจากรถยนต์ที่มีป้ายทะเบียน

แต่ในวันนี้ ผู้ผลิตกำลังต่อสู้กันที่ความเร็วใกล้ 300 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 480 กม./ชม.) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยากจะเข้าถึงได้อย่างทวีคูณ การที่มันเป็นไปได้ในปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ รถยนต์ที่ถูกกฎหมายบนท้องถนน และที่สำคัญคือเรากำลังเห็น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เข้ามามีบทบาทอย่างรวดเร็วในสมรภูมินี้ ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดทำให้ผู้ผลิตหน้าใหม่ก็สามารถสร้างสรรค์รถยนต์ที่ท้าชนกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้

สุดยอดนักล่าบนลาดยาง: 20 อันดับรถถนนที่เร็วที่สุดแห่งปี 2025

รายการ รถถนนที่เร็วที่สุดในโลก นี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ด้วยการพัฒนาและการทดสอบอย่างไม่หยุดยั้งของค่ายรถยนต์ ผนวกกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้พวกเขาทะยานไปข้างหน้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่คือลิสต์ล่าสุดประจำปี 2025 จากอันดับ 20 ไปยังอันดับ 1 โดยหลีกเลี่ยงรุ่นซ้ำซ้อนหรือรถยนต์ที่ผ่านการดัดแปลงอย่างหนัก:

McLaren F1

ความเร็วสูงสุด: 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง (386.4 กม./ชม.)

ราคา: £15 ล้าน+

สำหรับคอรถยนต์ตัวจริง McLaren F1 ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อ แต่คือตำนานที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ มันสร้างสถิติโลกสำหรับรถโปรดักชั่นในปี 1998 ด้วยความเร็ว 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยหัวใจ V8 หายใจธรรมชาติและเกียร์ธรรมดา นี่คือวิศวกรรมบริสุทธิ์ที่หลายคนยังคงโหยหา

W Motors Fenyr Supersport

ความเร็วสูงสุด: 245 ไมล์ต่อชั่วโมง (394.3 กม./ชม.)

ราคา: £1.4 ล้าน

จากเลบานอนสู่ดูไบ W Motors ได้ส่ง Fenyr SuperSport ตามรอย Lykan HyperSport ที่โด่งดัง (และแพงที่สุดที่เคยปรากฏใน Fast & Furious) ทั้งสองรุ่นเคลมว่าสามารถทำความเร็วได้ 245 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยขุมพลัง Twin-turbo Flat-six จาก Ruf และการตกแต่งภายในที่หรูหราด้วยเพชรและแซฟไฟร์ในไฟหน้า สะท้อนถึงความพิเศษที่หาใครเทียบยาก

Saleen S7 Twin Turbo

ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (399.1 กม./ชม.)

ราคา: £500,000

Saleen S7 Twin Turbo ปรากฏตัวในปี 2005 ด้วยพละกำลัง 750 แรงม้า พร้อมคำมั่นสัญญาว่าจะทำลายสถิติ McLaren F1 ด้วยความเร็ว 248 ไมล์ต่อชั่วโมง นี่คืออเมริกันมัสเซิลที่แท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ V8 และเทอร์โบขนาดมหึมา แม้ว่าตัวเลขนี้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่ความพยายามก็ทำให้มันถูกจดจำในฐานะหนึ่งใน รถที่เร็วที่สุด ในยุคนั้น

Koenigsegg Gemera & CCXR

ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (399.1 กม./ชม.)

ราคา: £2 ล้าน

Koenigsegg แบรนด์จากสวีเดนปรากฏตัวหลายครั้งในลิสต์นี้ และอันดับนี้เป็นของสองรุ่นที่ทำความเร็วได้เท่ากันคือ Gemera และ CCXR Gemera เป็นไฮบริดอัลตร้าโมเดิร์นที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัวและเครื่องยนต์สันดาป ในขณะที่ CCXR เป็นรถรุ่นเก่าที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเท่านั้น สะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่ยังคงเป้าหมายเดียวกัน

Aspark Owl

ความเร็วสูงสุด: 249 ไมล์ต่อชั่วโมง (400.7 กม./ชม.)

ราคา: £2.5 ล้าน

แม้ชื่อจะไม่คุ้นหูเท่า McLaren หรือ Koenigsegg แต่ Aspark Owl จากญี่ปุ่นคือตัวแทนของแบรนด์น้องใหม่ที่เข้ามาเขย่าวงการ ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า ด้วยตัวเลข 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.72 วินาที ที่อาจทำให้มันเป็น รถที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุด ในโลก และ ความเร็วสูงสุด ที่ 249 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยพละกำลัง 1,985 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้า มันแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของ EV

Ultima RS

ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (402.3 กม./ชม.)

ราคา: £130,000

Ultima RS เป็นข้อยกเว้นที่น่าสนใจที่สุดในลิสต์นี้ ด้วยราคาที่ถูกที่สุดและเป็น รถคิทคาร์ การขับรถที่สร้างขึ้นเองที่บ้านด้วยความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงอาจฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ด้วยน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษและเครื่องยนต์ Corvette ที่จูนมาให้ได้ 1,200 แรงม้า ทำให้มันเป็นตัวแทนของพลังงานดิบแบบ Old-school ที่ยังคงมีที่ยืนในวงการ รถเร็วที่สุดในโลก

McLaren Speedtail

ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (402.3 กม./ชม.)

ราคา: £2.1 ล้าน

แบรนด์ซูเปอร์คาร์อังกฤษระบุว่า McLaren Speedtail ทำความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้มากกว่า 30 ครั้งในการทดสอบที่ Kennedy Space Centre ทำให้มันเร็วกว่า F1 ในตำนาน ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 106 คันเท่า F1 Speedtail สืบทอดโครงสร้าง 3 ที่นั่ง โดยคนขับอยู่ตรงกลาง พร้อมกับการออกแบบที่ลื่นไหลตามหลักอากาศพลศาสตร์

Czinger 21C V Max

ความเร็วสูงสุด: 253 ไมล์ต่อชั่วโมง+ (407.2 กม./ชม.)

ราคา: £1.5 ล้าน

Czinger 21C V Max อาจมีชื่อที่แปลกหู แต่มันคือหนึ่งใน รถที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลัง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และมอเตอร์ไฟฟ้าที่รวมกันให้กำลังถึง 1,233 แรงม้า โมเดล V Max ถูกปรับแต่งให้ลดแรงต้านอากาศเพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดให้ทะลุ 250 ไมล์ต่อชั่วโมง นี่คือตัวอย่างของ นวัตกรรมยานยนต์ ที่ผสานพลังงานไฮบริดได้อย่างลงตัว

Koenigsegg Regera

ความเร็วสูงสุด: 255 ไมล์ต่อชั่วโมง (410.4 กม./ชม.)

ราคา: £2.6 ล้าน

Koenigsegg Regera เป็นอีกหนึ่งผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลใน สถิติความเร็วสูงสุด ของแบรนด์สวีเดน ด้วยระบบส่งกำลังไฮบริดเกือบ 1,500 แรงม้า และระบบเกียร์นวัตกรรมแบบ Single-speed ทำให้มันทำความเร็วได้ถึง 255 ไมล์ต่อชั่วโมง Regera ยังเคยสร้างสถิติโลก 0-249-0 ไมล์ต่อชั่วโมงสำหรับการเร่งความเร็วและการเบรกในปี 2019

SSC Ultimate Aero

ความเร็วสูงสุด: 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง (412.3 กม./ชม.)

ราคา: £500,000

SSC Ultimate Aero ใช้เครื่องยนต์ Twin-turbo V8 1,183 แรงม้า และในช่วงการผลิต 7 ปี มันสามารถแย่งตำแหน่ง รถที่เร็วที่สุด จาก Bugatti Veyron ได้ด้วยความเร็ว 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง สถิตินี้เกิดขึ้นบนถนนสาธารณะที่ถูกปิดชั่วคราว ใกล้โรงงานในวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบและเร้าใจอย่างไร้ระบบช่วยขับ

Rimac Nevera/Nevera R

ความเร็วสูงสุด: 258 ไมล์ต่อชั่วโมง (415.2 กม./ชม.) / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (431.3 กม./ชม.)

ราคา: £2.4 ล้าน

Rimac Nevera ไม่เพียงแต่เป็น ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก แต่ยังครองตำแหน่งรถที่เร็วเป็นอันดับห้าของโลกอีกด้วย ด้วยพละกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร มันสามารถเร่งความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.9 วินาที และ 0-186 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 9.3 วินาที รุ่น Nevera R ที่เพิ่งเปิดตัวได้เพิ่มพลังเป็น 2,078 แรงม้า และทำความเร็วสูงสุดได้ 268 ไมล์ต่อชั่วโมง พร้อมอัตราเร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.8 วินาที และ 0-186 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 7.9 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง สะท้อนถึง อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า

Bugatti Veyron

ความเร็วสูงสุด: 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (431.3 กม./ชม.)

ราคา: £1 ล้าน

แม้จะผ่านพ้นมาหลายปี แต่ชื่อของ Bugatti Veyron ยังคงได้รับการยกย่องจากผู้คลั่งไคล้ ยานยนต์สมรรถนะสูง และวิศวกรทั่วโลก Veyron Super Sport ที่มาพร้อม 1,183 แรงม้า จากเครื่องยนต์ W12 สี่เทอร์โบ 6.0 ลิตร สามารถทำความเร็ว 268 ไมล์ต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาไม่ถึง 2.5 วินาที ซึ่งแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นก็ยังต้องพยายามอย่างหนักเพื่อเทียบเท่า Veyron คือหนึ่งใน รถแรงที่สุดในโลก ตลอดกาล

Hennessey Venom F5

ความเร็วสูงสุด: 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง (437.1 กม./ชม.)

ราคา: £1.7 ล้าน

Hennessey บริษัทปรับแต่งรถยนต์จากอเมริกาที่ผันตัวมาสร้าง ไฮเปอร์คาร์ ได้ก้าวข้ามขีดจำกัด 270 ไมล์ต่อชั่วโมงด้วย Venom F5 ที่ทำความเร็วได้ 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมงในการทดสอบ ด้วยเครื่องยนต์ V8 Twin-turbo 1,817 แรงม้า Hennessey มีเป้าหมายที่จะแตะ 311 ไมล์ต่อชั่วโมงเมื่อรถได้รับการพัฒนาเต็มที่ การเร่งความเร็ว 0-249 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 15.5 วินาที แสดงให้เห็นถึงพลังและความเร็วในทางตรงที่น่าทึ่ง

Bugatti Tourbillon

ความเร็วสูงสุด: 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 445.8 กม./ชม.)

ราคา: £3.5 ล้าน+ (ประมาณ)

Bugatti Tourbillon รุ่นใหม่นี้ได้จองที่นั่งในลิสต์ รถที่เร็วที่สุด ของเราอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V16 986 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีกำลังรวมกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของ Bugatti ในการสร้าง รถที่เร็วที่สุดในโลก และความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรม ผมมั่นใจว่า Tourbillon จะสร้างมาตรฐานใหม่เมื่อมันเปิดตัวในปี 2026

Koenigsegg Agera RS

ความเร็วสูงสุด: 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง (447.2 กม./ชม.)

ราคา: £3.5 ล้าน

ในปี 2017 Koenigsegg ได้สร้างสถิติใหม่ด้วย Agera RS ด้วยการทำความเร็ว 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมงบนถนนสาธารณะที่ถูกปิดในรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา นี่คือการประกาศศักดาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ตอกย้ำว่า Koenigsegg คือหนึ่งในผู้เล่นตัวจริงในเกม ความเร็วสูงสุด ด้วยการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่โดดเด่นและพละกำลังที่มหาศาล

Bugatti Mistral

ความเร็วสูงสุด: 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง (453.9 กม./ชม.)

ราคา: £5.2 ล้าน

Bugatti Mistral คือสุดยอด รถเปิดประทุนที่เร็วที่สุด ในโลก ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 99 คัน มันคือผลงานชิ้นเอกที่รวมประวัติศาสตร์ 115 ปีของ Bugatti เข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยเครื่องยนต์ W16 สี่เทอร์โบ 8.0 ลิตรในตำนาน Mistral สามารถทำความเร็ว 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมงในการทดสอบในปี 2024 ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับ รถเปิดประทุน

SSC Tuatara

ความเร็วสูงสุด: 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง (455.3 กม./ชม.)

ราคา: £1.5 ล้าน

สถิติความเร็วของ SSC Tuatara เคยเป็นที่ถกเถียงอย่างหนัก แต่ในปี 2021 SSC ได้ทำการทดสอบใหม่อย่างโปร่งใส ด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำและพยานอิสระ ทำให้ได้ค่าเฉลี่ยความเร็วสองทางที่ 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้จะยังไม่ทะลุ 300 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ก็เป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ด้วยเครื่องยนต์ V8 flat-plane-crank 5.9 ลิตร Twin-turbo 1,750 แรงม้า ที่ส่งกำลังไปยังล้อหลังเท่านั้น

Bugatti Chiron Super Sport 300+

ความเร็วสูงสุด: 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง (490.5 กม./ชม.)

ราคา: £3 ล้าน

Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือจุดสูงสุดของการพัฒนาจาก Veyron และ Chiron มันได้ทำลายสถิติทั้งหมดของแบรนด์และผลักดันทะลุขีดจำกัด 300 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ดูเหมือนจะเข้าไม่ถึง ด้วยเครื่องยนต์ W16 8.0 ลิตรที่จูนมาให้ได้ 1,578 แรงม้า และการอัปเกรดอากาศพลศาสตร์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะส่วนท้ายแบบ “Longtail” ที่เพิ่มความยาว 25 ซม. Chiron Super Sport 300+ ทำความเร็วได้ 304.774 ไมล์ต่อชั่วโมงที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien และถูกผลิตเพียง 30 คันสำหรับลูกค้าพิเศษ

Koenigsegg Jesko Absolut

ความเร็วสูงสุด: 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (เป้าหมาย) (498.9 กม./ชม.)

ราคา: £2.3 ล้าน (ประมาณ)

เมื่อ Christian Von Koenigsegg ประกาศว่าพวกเขากำลังสร้าง “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดที่เราเคยสร้างมา” นั่นไม่ใช่คำกล่าวที่ควรเพิกเฉย Jesko Absolut คือรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านอากาศโดยเฉพาะของ Jesko 1,578 แรงม้า ด้วยการขยายตัวถัง, ถอดปีกหลัง, และลดน้ำหนักอย่างพิถีพิถัน รวมถึงเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก เป้าหมายของแบรนด์คือ ความเร็วสูงสุด 310 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งด้วยประวัติของ Koenigsegg ที่เคยครองตำแหน่ง รถที่เร็วที่สุดในโลก มาก่อน ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่แข่งอย่าง Bugatti จึงสูงลิ่ว

Yangwang U9 Xtreme

ความเร็วสูงสุด: 308 ไมล์ต่อชั่วโมง (495.7 กม./ชม.)

ราคา: £250,000+

เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดจนแทบไม่น่าเชื่อว่ารถยนต์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์จะสามารถทำลายสถิติความเร็วที่เคยครองโดยรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกได้ แต่ Yangwang U9 Xtreme ได้ทำสิ่งนั้นสำเร็จ ด้วยสถิติ 308 ไมล์ต่อชั่วโมง ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในปัจจุบัน ด้วยการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์และมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลังสี่ตัว ที่ให้กำลังรวม 2,978 แรงม้า มันใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ที่ช่วยให้การส่งพลังงานรวดเร็วกว่า รถยนต์ไฟฟ้า ทั่วไป และแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการใช้งานที่ความเร็วสูง ทำให้ U9 Xtreme เป็นผู้เล่นที่น่าจับตาในวงการ ไฮเปอร์คาร์แห่งอนาคต

| อันดับ | รถยนต์ | ราคาเริ่มต้น | ความเร็วสูงสุด |

| :—- | :———————– | :—————– | :———————– |

| 1. | Yangwang U9 Xtreme | £250,000+ | 308 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 2. | Koenigsegg Jesko Absolut | £2.3 ล้าน (ประมาณ) | 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (เป้าหมาย) |

| 3. | Bugatti Chiron SS 300+ | £3 ล้าน | 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 4. | SSC Tuatara | £1.5 ล้าน | 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 5. | Bugatti Mistral | £5.2 ล้าน | 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 6. | Koenigsegg Agera RS | £3.5 ล้าน | 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 7. | Bugatti Tourbillon | £3.5 ล้าน+ (ประมาณ) | 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ) |

| 8. | Hennessey Venom F5 | £1.7 ล้าน | 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 9. | Bugatti Veyron SS | £1 ล้าน | 268 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 10. | Rimac Nevera/Nevera R | £2.4 ล้าน | 258/268 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 11. | SSC Ultimate Aero | £500,000 | 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 12. | Koenigsegg Regera | £2.6 ล้าน | 255 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 13. | Czinger 21C V Max | £1.5 ล้าน | 253 ไมล์ต่อชั่วโมง+ |

| 14. | McLaren Speedtail | £2.1 ล้าน | 250 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 15. | Ultima RS | £130,000 | 250 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 16. | Aspark Owl | £2.5 ล้าน | 249 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 17. | Koenigsegg Gemera & CCXR | £2 ล้าน | 248 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 18. | Saleen S7 Twin Turbo | £500,000 | 248 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 19. | W Motors Fenyr Supersport| £1.4 ล้าน | 245 ไมล์ต่อชั่วโมง |

| 20. | McLaren F1 | £15 ล้าน+ | 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง |

เหนือกว่าไฮเปอร์สเฟียร์: ความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมงสำหรับผู้มองการณ์ไกล

แม้ว่ารถยนต์ใน 20 อันดับแรกจะเป็นยานพาหนะระดับปรากฏการณ์ที่มีราคาเจ็ดหลัก แต่การเข้าถึง รถยนต์โปรดักชั่น ที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (320 กม./ชม.) กลับง่ายขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา คุณยังคงต้องมีเงินทุนจำนวนมากเพื่อครอบครองมัน แต่ด้วยจำนวนผู้ผลิตที่นำเสนอ รถยนต์ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีตัวเลือกมากมายสำหรับผู้ที่อยู่ในฐานะที่จะซื้อได้

จากประสบการณ์ของผม มีรถยนต์หลายรุ่นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะแบรนด์อังกฤษอย่าง Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS และ McLaren หลายรุ่น นอกจากนี้ ยังมี รถเปิดประทุน บางรุ่นที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (แม้จะทำได้เมื่อปิดหลังคา) เช่น Lamborghini Huracan Evo Spyder (201 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Ferrari 296 GTS (205 ไมล์ต่อชั่วโมง+) ที่เป็นรุ่นเปิดประทุนของคู่คูเป้ที่เร็วกว่า

หากคุณต้องการ รถยนต์หรู ที่มีความเร็วสูง ตัวเลือก Grand Tourer ก็เป็นที่น่าสนใจ รถยนต์เหล่านี้ให้ความเร็วสูงโดยไม่ลดทอนความหรูหราสะดวกสบาย Bentley Flying Spur (207 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Bentley Continental GT Speed (208 ไมล์ต่อชั่วโมง) คือตัวอย่างที่โดดเด่น

แน่นอนว่า รถยนต์ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ซูเปอร์คาร์ สองที่นั่ง รุ่นอย่าง Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ล้วนเกินเกณฑ์นี้พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น นอกจากนี้ยังมีตัวเลือก รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด อย่าง Ferrari SF90 ที่ทำความเร็วได้ 211 ไมล์ต่อชั่วโมง

คุณอาจสังเกตเห็นว่าชื่อดังบางชื่อหายไปจากลิสต์นี้ นั่นเป็นเพราะ ไฮเปอร์คาร์ ระดับไฮเอนด์จำนวนมากไม่ได้ให้ความสำคัญกับ ความเร็วสูงสุด อย่างเช่นที่จำเป็นต้องทำเมื่อมุ่งเป้าไปที่ 250 ไมล์ต่อชั่วโมงขึ้นไป รถยนต์อย่าง Mercedes-AMG One (217 ไมล์ต่อชั่วโมง+) และ Aston Martin Valkyrie ถูกออกแบบมาเพื่อมอบ เวลาต่อรอบที่ดีที่สุด ในสนามแข่ง ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดในทางตรง รวมถึง Porsche 911 GT2 RS ที่ราคาเข้าถึงง่ายกว่าแต่ก็ยังคงน่าเกรงขาม

มรดกแห่งความเร็ว: ประวัติศาสตร์โดยสังเขป

การเดินทางสู่ความเร็วสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานของ นวัตกรรมยานยนต์ ตั้งแต่รถยนต์คันแรกที่ได้รับการยอมรับอย่าง Benz Patent Motorwagen ในปี 1898 ที่ทำความเร็วสูงสุด 12 ไมล์ต่อชั่วโมง ไม่ถึงครึ่งศตวรรษต่อมาในปี 1949 Jaguar ได้ยกระดับมาตรฐานขึ้นสิบเท่าด้วย Jaguar XK120

ยุค 50 เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ซึ่งทั้งสองรุ่นสามารถทำความเร็วได้เกิน 150 ไมล์ต่อชั่วโมง ยุค 60 ตามมาพร้อมกับการเปลี่ยนตำแหน่งแชมป์อย่างรวดเร็วระหว่างแบรนด์อิตาลีหลายรุ่น โดย Iso Grifo ได้สร้างมาตรฐานในปี 1963 ด้วยความเร็ว 161 ไมล์ต่อชั่วโมง

AC Cobra ที่สร้างโดยความร่วมมือระหว่างอังกฤษ-อเมริกา ได้ครองตำแหน่งชั่วคราวในปี 1965 ก่อนจะถูกโค่นโดย Lamborghini Miura, Ferrari 365 GTB/4 และ Miura P400S ระหว่างปี 1967-1969

สิบสามปีผ่านไปกว่า Lamborghini จะทำลายสถิติของตัวเองด้วย Countach ซึ่งเป็น รถโปรดักชั่น คันแรกที่ทะลุ 180 ไมล์ต่อชั่วโมง ในปี 1983 RUF ได้นำเสนอ BTR 190 ไมล์ต่อชั่วโมง ในขณะที่ Porsche 959 ทำได้ 198 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1986

Ferrari สร้าง รถโปรดักชั่น คันแรกของโลกที่ทะลุ 200 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1987 ด้วย F40 472 แรงม้า เมื่อเข้าสู่ยุค 90 McLaren F1 ได้ยกระดับขึ้นอีกครั้งด้วย ความเร็วสูงสุด 221 ไมล์ต่อชั่วโมง และรุ่นที่ไม่มีตัวจำกัดรอบเครื่องทำได้ถึง 240 ไมล์ต่อชั่วโมง

Koenigsegg CCR ครองตำแหน่ง รถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลก ชั่วคราวในเดือนกุมภาพันธ์ 2005 ด้วยความเร็ว 241 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Nardo Ring ในอิตาลี เพียงสองเดือนต่อมา Bugatti Veyron ก็ได้ทะลุขีดจำกัด 250 ไมล์ต่อชั่วโมงและคว้าแชมป์ด้วยความเร็ว 253.8 ไมล์ต่อชั่วโมง

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Bugatti และ Koenigsegg ได้แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสูงสุด โดยมีผู้ท้าชิงที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่างผู้ผลิต ซูเปอร์คาร์ สัญชาติอเมริกันอย่าง SSC และ Hennessey เข้ามาร่วมวงด้วย การแข่งขันนี้ยังคงดำเนินต่อไปและไม่เคยหยุดนิ่ง แสดงให้เห็นถึงแรงผลักดันอันแรงกล้าของมนุษย์ในการก้าวข้ามขีดจำกัด

สรุปและก้าวไปข้างหน้า

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการ ยานยนต์สมรรถนะสูง มากกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่า รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก เหล่านี้ไม่ใช่แค่เครื่องจักรที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ แต่มันคือผลลัพธ์ของ วิศวกรรมยานยนต์ ที่ล้ำหน้าที่สุด การออกแบบที่ท้าทายกฎฟิสิกส์ และความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง ในปี 2025 นี้ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะการเข้ามาของ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่กำลังจะกลายเป็นผู้นำในเกมแห่งความเร็ว

รถยนต์เหล่านี้เป็นมากกว่าพาหนะ มันคือสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้า ความหรูหรา และความฝันที่กลายเป็นจริง ถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้หลงใหลในความเร็ว วิศวกรรม และอนาคตของ ยานยนต์ เช่นเดียวกับเรา อย่าพลาดที่จะติดตามข่าวสารล่าสุดจากโลกแห่ง ไฮเปอร์คาร์ และ ซูเปอร์คาร์ บนเว็บไซต์ของเรา ที่นี่เราจะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์ความเร็วระดับโลกและนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนใครเสมอ!

สุดยอดรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: 20 อันดับแรกตามความเร็วสูงสุด

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของความเร็วและนวัตกรรม ความเร็วสูงสุดอาจดูเหมือนเป็นเพียงตัวเลขที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มไฮเปอร์คาร์ มันคือหัวใจสำคัญของการพิสูจน์ขีดจำกัดทางวิศวกรรมและความเป็นเลิศทางเทคนิค ในปี 2025 นี้ การแข่งขันเพื่อช่วงชิงตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด ไม่เพียงแต่เป็นสงครามของแรงม้าและแรงบิดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนวัตกรรมด้านวัสดุศาสตร์ อากาศพลศาสตร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งกำลังพลิกโฉมหน้าของวงการไปอย่างสิ้นเชิง

การสร้างรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้น ไม่ใช่แค่การยัดเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ลงไปเท่านั้น แต่เป็นความท้าทายที่ซับซ้อนในทุกมิติ ตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างให้ทนทานต่อแรงกดอากาศมหาศาล การพัฒนาระบบส่งกำลังที่สามารถถ่ายทอดพละกำลังได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไปจนถึงการควบคุมน้ำหนักและจัดการกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเหนือสิ่งอื่นใด คือการทำให้มันถูกต้องตามกฎหมายสำหรับการวิ่งบนท้องถนน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของวิศวกรและนักออกแบบที่ผลักดันขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้ ผมมองว่ารถยนต์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นงานศิลปะทางวิศวกรรมที่แสดงถึงความทะเยอทะยานของมนุษย์

ในอดีตนั้น รถแข่งคือจุดเริ่มต้นของรถยนต์สมรรถนะสูงบนท้องถนน แต่ในยุคปัจจุบัน การพัฒนารถแข่งและรถถนนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การสร้างรถยนต์ที่ติดอันดับความเร็วสูงสุดในโลกต้องใช้เงินลงทุนและเวลาในการวิจัยและพัฒนาอย่างมหาศาล โดยมุ่งเน้นไปที่การทำลายสถิติโดยเฉพาะ ใครจะลืมยุค 90 ที่ Ferrari F40, Porsche 959, Jaguar XJ220 และ McLaren F1 สร้างปรากฏการณ์ความเร็วเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นความเร็วที่ยากจะจินตนาการได้สำหรับรถยนต์ที่มีป้ายทะเบียน

แต่ตอนนี้ วงการได้ก้าวไปสู่จุดที่ใกล้เคียง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงแล้ว ซึ่งเป็นความเร็วที่ยากจะเข้าถึงได้มากกว่าเดิมเป็นทวีคูณ การที่มันเป็นไปได้สำหรับรถยนต์ที่ใช้งานบนถนนได้อย่างถูกกฎหมายนั้นเป็นสิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง และที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า ที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หน้าใหม่สามารถสร้างรถยนต์ที่ทัดเทียมหรือแม้กระทั่งแซงหน้าแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้ นี่คือยุคที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ที่หลงใหลในความเร็วและเทคโนโลยี

รายการรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามที่ผู้ผลิตรถยนต์สร้างและทดสอบรถยนต์ที่เร็วที่สุดของพวกเขา และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้ความเร็วสูงสุดที่พวกเขาสามารถทำได้ก้าวกระโดด นี่คือรายการล่าสุดประจำปี 2025 ที่ผมได้รวบรวมมาให้คุณผู้อ่าน โดยพยายามหลีกเลี่ยงการซ้ำรุ่นย่อยที่ไม่แตกต่างกันมากนัก และรถยนต์ที่ได้รับการดัดแปลงอย่างหนัก ซึ่งจากประสบการณ์ของผมทำให้การจัดอันดับมีความน่าเชื่อถือสูงสุด

20 อันดับสุดยอดรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025

McLaren F1
ความเร็วสูงสุด: 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 680 ล้านบาท)
แม้ว่าจะเป็นรถจากยุคก่อน แต่ McLaren F1 ยังคงเป็นหนึ่งในตำนานที่ยากจะหาใครเทียบได้ มันสร้างสถิติโลกสำหรับรถยนต์โปรดักชั่นในปี 1998 ด้วยความเร็ว 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยเครื่องยนต์ V12 หายใจเอง และเกียร์ธรรมดา นี่คือความบริสุทธิ์ของการขับขี่ที่นักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบต่างยกย่อง คุณจะหารถที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจเช่นนี้ได้ยากยิ่งในยุคปัจจุบัน

W Motors Fenyr Supersport
ความเร็วสูงสุด: 245 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 1.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 63 ล้านบาท)
จากเลบานอนสู่ดูไบ W Motors ผู้สร้าง Lykan HyperSport ที่โด่งดังจากภาพยนตร์ Fast & Furious ได้ส่ง Fenyr SuperSport ลงสู่สนามแข่งความเร็ว โดยมีพื้นฐานเครื่องยนต์จาก Ruf ซึ่งเป็นสำนักแต่ง Porsche ชื่อดัง ด้วยเครื่องยนต์แฟลตซิกซ์เทอร์โบคู่ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังห้องโดยสาร นอกจากสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมแล้ว วัสดุสั่งทำพิเศษที่ฝังเพชรและแซฟไฟร์ในไฟหน้ายังทำให้มันเป็นผลงานที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง ซึ่งบ่งบอกถึงความหรูหราแบบไร้ขีดจำกัดของภูมิภาคนี้

Saleen S7 Twin Turbo
ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 22.7 ล้านบาท)
Saleen S7 Twin Turbo เปิดตัวในปี 2005 ด้วยพละกำลัง 750 แรงม้า และคำกล่าวอ้างความเร็วสูงสุด 248 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเหนือกว่า McLaren F1 ถึง 8 ไมล์ต่อชั่วโมง มันคือสัตว์ประหลาดสัญชาติอเมริกันแท้ๆ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 และเทอร์โบขนาดมหึมา แม้ว่าตัวเลขนี้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ถึงความบ้าคลั่งและความดิบของมัน ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดใจผู้ที่ชื่นชอบความแรงแบบ Old-School

Koenigsegg Gemera & CCXR
ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 91 ล้านบาท)
Koenigsegg แบรนด์จากสวีเดนปรากฏตัวในรายการนี้หลายครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาที่ไม่ยอมประนีประนอมในเรื่องความเร็วและนวัตกรรม สำหรับอันดับนี้เราขอรวมสองรุ่นคือ Gemera และ CCXR ทั้งคู่ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 248 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพอดี Gemera คือไฮบริดยุคใหม่ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าถึงสามตัว แต่ละตัวมีกำลังมหาศาล และยังมีเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ด้วย ในขณะที่ CCXR เป็นรถรุ่นเก่ากว่าที่ทำความเร็วได้เท่ากันโดยใช้เพียงเครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จ แต่มีน้ำหนักที่เบากว่าและรูปทรงอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า Koenigsegg มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลทั้งในอดีตและปัจจุบัน

Aspark Owl
ความเร็วสูงสุด: 249 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 113 ล้านบาท)
แม้ว่าชื่ออย่าง McLaren และ Koenigsegg จะเป็นที่คุ้นเคยในลิสต์นี้ แต่ Aspark Owl จากญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาสร้างความฮือฮาในตลาดไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตจำนวนจำกัด Owl เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ที่มีตัวเลขที่น่าประทับใจบนกระดาษ ด้วยอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.72 วินาที ซึ่งทำให้เป็นรถยนต์โปรดักชั่นที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเคลมความเร็วสูงสุดไว้ที่ 249 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยพละกำลัง 1,985 แรงม้า การเร่งความเร็วที่บ้าคลั่งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากชุดแบตเตอรี่ขนาด 64kWh ที่ค่อนข้างเบา ซึ่งเล็กกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ แต่ก็ยังให้ระยะทางวิ่งได้ประมาณ 280 ไมล์ นี่คือเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของยานยนต์ไฟฟ้า

Ultima RS
ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 130,000 ปอนด์ (ประมาณ 5.9 ล้านบาท)
Ultima RS คือรถที่โดดเด่นที่สุดในรายการนี้ ไม่เพียงเพราะมีราคาถูกที่สุด แต่ยังเป็น “รถคิทคาร์” อีกด้วย การขับรถด้วยความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงในรถที่สร้างขึ้นเองในโรงรถอาจฟังดูไม่สมจริง แต่เป็นไปได้หากคุณมีเงินและทักษะ บริษัทใช้ความได้เปรียบจากน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษและเครื่องยนต์ Corvette ที่ปรับแต่งให้มีกำลัง 1,200 แรงม้า แทนที่จะเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย นี่คือการแสดงออกถึงพลังแบบ Old-School ต่ออัตราส่วนน้ำหนักที่ยังคงทรงอิทธิพล

McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 2.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 95 ล้านบาท)
จากข้อมูลของแบรนด์ซูเปอร์คาร์อังกฤษ McLaren Speedtail ทำความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้มากกว่า 30 ครั้งในระหว่างการทดสอบที่ Kennedy Space Centre ในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา นั่นหมายความว่า Speedtail เร็วกว่า McLaren F1 ในตำนาน และทั้งคู่ต่างก็หายากพอๆ กัน โดย Speedtail ผลิตจำกัดเพียง 106 คันเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับบรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่ Speedtail ยังคงใช้การจัดวางแบบสามที่นั่งของ F1 โดยคนขับนั่งอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ McLaren ในการสร้างสรรค์ยานยนต์แห่งความเร็ว

Czinger 21C V Max
ความเร็วสูงสุด: 253+ ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 68 ล้านบาท)
Czinger 21C อาจฟังดูเหมือนชื่ออาหารฟาสต์ฟู้ด แต่เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก เช่นเดียวกับรถยนต์เกือบทั้งหมดในรายการนี้ มันใช้เครื่องยนต์ที่ทรงพลังอย่างมหาศาลและตัวถังที่ลู่ลม พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าบางส่วนที่รวมกันแล้วให้กำลังรวม 1,233 แรงม้า มันสามารถเร่งความเร็ว 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 1.9 วินาที ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และรุ่น V Max ได้ตัดอุปกรณ์อากาศพลศาสตร์ที่สร้างแรงต้านออกไปเพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดจากรุ่นปกติให้สูงกว่า 250 ไมล์ต่อชั่วโมง นี่คือวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญในการออกแบบเพื่อความเร็วสูงสุดโดยเฉพาะ

Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 255 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 2.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 118 ล้านบาท)
Koenigsegg มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการทำลายสถิติความเร็วสูงสุดของรถยนต์ถนน และ Regera ก็ยังไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดของแบรนด์นี้ มันสามารถทำความเร็วได้ถึง 255 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่มีกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า มันใช้ระบบเกียร์ความเร็วเดียวที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งเป็นไปได้ด้วยการตั้งค่าปลั๊กอินไฮบริด แน่นอนว่ายังมีเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ที่ให้พลังงานส่วนใหญ่ นอกจากนี้ รถคันนี้ยังสร้างสถิติโลก 0–249–0 ไมล์ต่อชั่วโมงสำหรับการเร่งความเร็วและการเบรกในปี 2019 แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน

SSC Ultimate Aero
ความเร็วสูงสุด: 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 22.7 ล้านบาท)
SSC Ultimate Aero ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ 1,183 แรงม้า ในระหว่างการผลิตเจ็ดปี มันสามารถช่วงชิงตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดจาก Bugatti Veyron ด้วยความเร็วสูงสุด 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง ตัวเลขนี้ทำได้บนถนนสาธารณะ โดยผู้ผลิตรถยนต์ใช้ทางหลวงสองเลนที่ปิดชั่วคราวใกล้โรงงานในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา Ultimate Aero ไม่มีระบบช่วยขับขี่ใดๆ เช่น ระบบควบคุมการทรงตัว มอบประสบการณ์ดิบๆ ที่น่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง ซึ่งผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายแสวงหา

Rimac Nevera/Nevera R
ความเร็วสูงสุด: 258 ไมล์ต่อชั่วโมง / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 2.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 109 ล้านบาท)
Rimac Nevera เป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดอันดับที่ห้าของโลก และยังเป็นไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกอีกด้วย ด้วยความดุดันของสงครามพลังงานไฟฟ้า ดูเหมือนว่าอีกไม่นานรถยนต์ไฟฟ้าจะครองตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร Nevera จึงเป็นรถที่เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ สามารถเร่งความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.9 วินาที แม้จะเป็นรถที่มีน้ำหนักมาก และสามารถทำความเร็ว 186 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 9.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่าที่รถยนต์ครอบครัวส่วนใหญ่จะทำความเร็วได้ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง นอกจากนี้ Rimac ยังได้เปิดตัว Nevera R ด้วยกำลัง 2,078 แรงม้า และความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมง ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในรถที่เร็วที่สุดโดยรวม แต่ยังเป็นรถยนต์ถนนที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีกด้วย ด้วย 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.8 วินาที และ 186 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 7.9 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่บ้าคลั่งจริงๆ

Bugatti Veyron
ความเร็วสูงสุด: 268 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 45 ล้านบาท)
เป็นเวลานานแล้วที่ Bugatti Veyron ปรากฏตัวในวงการไฮเปอร์คาร์ แต่ชื่อนี้ยังคงเป็นที่เคารพและชื่นชมอย่างมากจากคนรักรถและวิศวกรทุกวัยและทุกภูมิหลัง Veyron รุ่นปกติสร้างความตกตะลึงให้กับวงการยานยนต์ด้วยกำลังเกือบ 1,000 แรงม้า และแรงบิด 1,500 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบ 6.0 ลิตร อันทรงพลัง แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับนักวิจัยของ Bugatti หลายปีต่อมา Veyron Super Sport ที่บ้าคลั่งอย่างแท้จริงได้เปิดตัวขึ้น และเพิ่มกำลังเป็น 1,183 แรงม้า หลายปีผ่านไปและยังมีรถยนต์น้อยมากที่สามารถทำความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมงของ Veyron Super Sport ได้ เวลา 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ต่ำกว่า 2.5 วินาทีของยักษ์ใหญ่นี้ก็เป็นสิ่งที่แม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังยากที่จะเทียบได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง รถคันนี้ยังคงเป็นหนึ่งในรถที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 1.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 77 ล้านบาท)
Hennessey บริษัทปรับแต่งสัญชาติอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นผู้สร้างไฮเปอร์คาร์ เคยทำความเร็วเกิน 270 ไมล์ต่อชั่วโมงด้วย Venom ที่มีพื้นฐานจาก Lotus Exige แต่ Venom F5 ก็ทะลุผ่านความเร็วนั้นไปแล้ว ในความเป็นจริง มันทำความเร็วได้เร็วกว่าในการทดสอบ โดยทำความเร็ว 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Johnny Bohmer Proving Grounds ในฟลอริดา ไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อพิจารณาว่า Venom รุ่นเก่ามีกำลังเพียง 1,244 แรงม้า ในขณะที่รุ่นใหม่มีกำลังมหาศาลถึง 1,817 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ เป็นที่ชัดเจนว่า Hennessey ตั้งเป้าที่จะทำความเร็ว 311 ไมล์ต่อชั่วโมงเมื่อรถได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง แรงฉุดที่จำกัดอาจขัดขวางเวลา 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ 2.6 วินาทีของ F5 แต่ตัวเลขการเร่งความเร็ว 0-249 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ 15.5 วินาทีแสดงให้เห็นว่าความเร็วทางตรงของ Hennessey นั้นน่าทึ่งเพียงใดเมื่อมันได้เข้าที่เข้าทาง

Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (โดยประมาณ)
ราคา: เริ่มต้น 3.5 ล้านปอนด์+ (ประมาณ 159 ล้านบาท+ โดยประมาณ)
Bugatti Tourbillon รุ่นใหม่ ได้รับการจองที่นั่งในรายการนี้แล้ว โดยจะใช้ระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V16 กำลัง 986 แรงม้า และแรงบิด 664 ปอนด์-ฟุต สำหรับกำลังรวมกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ในการสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก พร้อมกับความรู้ด้านวิศวกรรมทั้งหมดที่มาพร้อมกับมัน ผมมั่นใจว่ารุ่นใหม่นี้จะพบที่ยืนในหมู่รถยนต์คันอื่นๆ ในรายการนี้เมื่อเปิดตัวในปี 2026 นี่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีอันทันสมัยและการรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์

Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 159 ล้านบาท)
Koenigsegg เพิ่มเดิมพันในปี 2017 โดยเพิ่มสถิติความเร็วให้สูงขึ้นไปอีกจาก CCXR และในขณะเดียวกันก็บันทึกความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้บนถนนสาธารณะ ด้วยการใช้ทางหลวง 11 ไมล์ที่ปิดในเนวาดา สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดนได้นำ Agera RS ของลูกค้าทำความเร็วได้ถึง 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและความมั่นใจในสมรรถนะของรถ ที่สามารถท้าทายขีดจำกัดบนสภาพถนนจริง

Bugatti Mistral
ความเร็วสูงสุด: 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 5.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 236 ล้านบาท)
Bugatti อาจมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 115 ปี แต่แบรนด์ฝรั่งเศสยังคงสร้างข่าวพาดหัวมากมาย – ล่าสุดคือ Bugatti Mistral แม้สำหรับ Bugatti ก็ถือว่ามีราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อและหายากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยจำกัดเพียง 99 คัน แต่พูดง่ายๆ คือ Mistral เป็นรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในการผลิต ด้วยนักขับทดสอบชื่อดัง Andy Wallace ที่อยู่เบื้องหลังพวงมาลัย Mistral ทำสถิติที่ศูนย์ทดสอบใน Papenburg เยอรมนีในปี 2024 ด้วยความเร็ว 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ W16 สี่เทอร์โบ 8 ลิตร อันโด่งดังของ Bugatti ซึ่งในไม่ช้าจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ V16 หายใจเองอันน่าทึ่งของ Tourbillon นี่คือการเฉลิมฉลองส่งท้ายเครื่องยนต์ W16 ในตำนาน

SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 68 ล้านบาท)
สถิติความเร็วมักจะก่อให้เกิดข้อโต้แย้ง และ SSC ผู้ปรับแต่งสัญชาติอเมริกันทำให้อินเทอร์เน็ตลุกเป็นไฟเมื่อการวิ่งด้วยความเร็วสูง 316 ไมล์ต่อชั่วโมงของไฮเปอร์คาร์ Tuatara ถูกตั้งคำถาม ในปี 2021 SSC ได้พยายามทำสถิติความเร็วอีกครั้งด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำยิ่งขึ้นและพยานอิสระ เพื่อแก้ไขข้อกล่าวหา โดยบันทึกค่าเฉลี่ยสองทางที่ 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้จะยังไม่ทะลุผ่านกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ก็ยังคงน่าประทับใจอย่างมาก Tuatara มีพละกำลังมากมาย ด้วยเครื่องยนต์ V8 แคร้งก์ระนาบ 5.9 ลิตร พร้อมเทอร์โบคู่ที่ให้กำลัง 1,750 แรงม้า และแรงบิด 1,735 นิวตันเมตร ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์ส่วนใหญ่ในรายการนี้ พลังงานทั้งหมดนี้ส่งไปยังล้อหลังเท่านั้น เมื่อรวมกับแชสซีและตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้น้ำหนักลดลงเหลือเพียง 1,247 กก. แสดงถึงการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด

Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 136 ล้านบาท)
นับตั้งแต่กลายเป็นเพชรยอดมงกุฎของ Volkswagen Group Bugatti ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของพลังงานและความเร็วทางตรง การพัฒนา Veyron และ Chiron ล้วนนำไปสู่การสร้าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ ซึ่งทำลายสถิติทั้งหมดของแบรนด์ก่อนหน้านี้และทะลุผ่านกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ดูเหมือนจะเจาะไม่เข้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตรของ Bugatti ได้รับการปรับแต่งให้มีกำลัง 1,578 แรงม้า – มากกว่า Chiron มาตรฐาน 99 แรงม้า นอกจากนี้ยังได้รับการระบายความร้อนพิเศษสำหรับเครื่องยนต์และกระปุกเกียร์ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์มากมาย การอัพเกรดอากาศพลศาสตร์ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวิ่งด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนท้ายแบบ ‘Longtail’ ที่เพิ่มตัวถัง 25 ซม. เพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศ Chiron Super Sport 300+ ทำความเร็วได้ 304.774 ไมล์ต่อชั่วโมงที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี และผลิต 30 คันสำหรับลูกค้าพิเศษ โดยมีราคาคันละ 3 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการนิยามคำว่า “สุดยอด” ได้อย่างแท้จริง

Koenigsegg Jesko Absolut
ความเร็วสูงสุด: 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (ตั้งเป้า)
ราคา: ประมาณ 2.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 104 ล้านบาท)
Koenigsegg ไม่ได้ด้อยประสบการณ์ในการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่สร้างความกังวลให้กับ Bugatti เลย ดังนั้นเมื่อ Christian Von Koenigsegg เองประกาศว่าแบรนด์กำลังพัฒนารถยนต์ “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะสร้างได้” นี่ไม่ใช่คำกล่าวที่ควรละเลย รถยนต์คันดังกล่าวคือ Jesko Absolut ซึ่งเป็นรุ่นที่ลดแรงต้านอากาศของ Koenigsegg Jesko กำลัง 1,578 แรงม้า วิศวกรของแบรนด์สวีเดนได้ใช้เวลาอย่างมากในการปรับแต่งอย่างพิถีพิถันเพื่อปรับปรุงค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านและกำลังของรถให้ดียิ่งขึ้น มาตรการเหล่านี้รวมถึงตัวถังที่ยาวขึ้น การถอดปีกหลังออก และมาตรการลดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสิ่งที่ Koenigsegg อ้างว่าเป็นเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ 5.0 ลิตร อันดุดันยังได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มกำลังเล็กน้อยเป็น 1,600 แรงม้า ตัวเลขอย่างเป็นทางการยังไม่ได้เปิดเผย แต่เป้าหมายของแบรนด์คือความเร็วสูงสุด 310 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้ว่าในตอนแรกอาจฟังดูห่างไกล Koenigsegg เคยเป็นเจ้าของตำแหน่ง “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” มาแล้ว ดังนั้นความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่แข่งเก่าแก่อย่าง Bugatti จะสูงมาก ผมมั่นใจว่ารถคันนี้จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ได้แน่นอน

Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 308 ไมล์ต่อชั่วโมง
ราคา: เริ่มต้น 250,000 ปอนด์+ (ประมาณ 11.3 ล้านบาท+)
เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าได้ก้าวหน้าไปมากในระยะเวลาอันสั้น จนดูเหมือนแทบเป็นไปไม่ได้ที่รถยนต์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์ จะทำลายสถิติความเร็วที่รถยนต์แพงที่สุดในธุรกิจเคยทำไว้ แต่ Yangwang U9 Xtreme ได้ทำสิ่งนั้น ด้วยการสร้างสถิติความเร็ว 308 ไมล์ต่อชั่วโมง เพื่อครองตำแหน่งสูงสุดในปัจจุบัน นั่นเป็นผลมาจากการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์เหนือรุ่นมาตรฐาน รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังเป็นพิเศษสี่ตัว และกำลังรวม 2,978 แรงม้า นอกจากนี้ยังใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ และแม้กระทั่ง U9 รุ่นปกติ ซึ่งมีระบบ 800V แบตเตอรี่ได้รับการตั้งค่ามาโดยเฉพาะเพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้เร็วขึ้นที่ความเร็วสูง (โดยไม่ทำให้ร้อนเกินไป) และจัดหาโดย BYD ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Yangwang นี่คือการปฏิวัติวงการอย่างแท้จริง และเป็นข้อพิสูจน์ว่าอนาคตของความเร็วอยู่ในมือของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย และด้วยราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าคู่แข่งหลายเท่า ทำให้มันเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ยานยนต์ความเร็วสูง

ตารางเปรียบเทียบรถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก 2025

อันดับรถยนต์ราคาเริ่มต้น (โดยประมาณ)ความเร็วสูงสุด
1Yangwang U9 Xtreme£250,000+308 ไมล์ต่อชั่วโมง
2Koenigsegg Jesko Absolut£2.3 ล้าน310 ไมล์ต่อชั่วโมง (ตั้งเป้า)
3Bugatti Chiron Super Sport 300+£3 ล้าน304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง
4SSC Tuatara£1.5 ล้าน282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง
5Bugatti Mistral£5.2 ล้าน282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง
6Koenigsegg Agera RS£3.5 ล้าน277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง
7Bugatti Tourbillon£3.5 ล้าน+277 ไมล์ต่อชั่วโมง (โดยประมาณ)
8Hennessey Venom F5£1.7 ล้าน271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง
9Bugatti Veyron£1 ล้าน268 ไมล์ต่อชั่วโมง
10Rimac Nevera/Nevera R£2.4 ล้าน258 ไมล์ต่อชั่วโมง / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง
11SSC Ultimate Aero£500,000256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง
12Koenigsegg Regera£2.6 ล้าน255 ไมล์ต่อชั่วโมง
13Czinger 21C V Max£1.5 ล้าน253 ไมล์ต่อชั่วโมง+
14McLaren Speedtail£2.1 ล้าน250 ไมล์ต่อชั่วโมง
15Ultima RS£130,000250 ไมล์ต่อชั่วโมง
16Aspark Owl£2.5 ล้าน249 ไมล์ต่อชั่วโมง
17Koenigsegg Gemera & CCXR£2 ล้าน248 ไมล์ต่อชั่วโมง
18Saleen S7 Twin Turbo£500,000248 ไมล์ต่อชั่วโมง
19W Motors Fenyr Supersport£1.4 ล้าน245 ไมล์ต่อชั่วโมง
20McLaren F1£15 ล้าน+240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง

ทางเลือกอื่นๆ สำหรับรถยนต์ความเร็วสูงเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง

รถยนต์ที่เร็วที่สุดในรายการนี้มีราคาสูงลิ่ว โดยส่วนใหญ่ต้องใช้เงินเจ็ดหลักในการซื้อ และยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในชีวิตประจำวันอีกมากมาย อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงรถยนต์โปรดักชั่นที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงนั้นง่ายกว่าที่เคยเป็นมา แม้คุณยังคงต้องมีเงินจำนวนมากเพื่อซื้อ แต่ด้วยผู้ผลิตจำนวนมากขึ้นที่นำเสนอรถยนต์ที่ทำความเร็วได้ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้มีตัวเลือกมากมายหากคุณอยู่ในตำแหน่งที่โชคดีที่จะได้ซื้อ

จากประสบการณ์ของผม ผมเห็นว่ามีรถยนต์จากอังกฤษหลายคันที่เข้าสู่กลุ่มนี้ รวมถึง Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS และ McLaren หลายรุ่น นอกจากนี้ยังมีรถเปิดประทุนไม่กี่คันที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้ว่าจะทำได้เมื่อปิดหลังคา เช่น Lamborghini Huracan Evo Spyder (201 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Ferrari 296 GTS (205 ไมล์ต่อชั่วโมง+) ซึ่งเป็นรุ่นเปิดประทุนของคูเป้ที่เร็วกว่า

หากคุณต้องการรถยนต์หรูที่รวดเร็ว ตัวเลือกอื่นคือรถยนต์แกรนด์ทัวเรอร์ รถยนต์เหล่านี้สามารถทำความเร็วสูงได้โดยไม่ลดทอนความหรูหรา และเป็นรถยนต์อังกฤษที่นำหน้าอีกครั้ง Bentley นำเสนอ Flying Spur สี่ประตูอันน่าทึ่ง (207 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในขณะที่ Bentley Continental GT Speed ทำได้ 208 ไมล์ต่อชั่วโมง

เป็นเรื่องธรรมดาที่รถยนต์ส่วนใหญ่ในกลุ่ม 200 ไมล์ต่อชั่วโมงประกอบด้วยซูเปอร์คาร์สองที่นั่ง รุ่นต่างๆ เช่น Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ล้วนเกินเกณฑ์นี้ในขณะที่ให้การขับขี่ที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกปลั๊กอินไฮบริด โดย Ferrari SF90 ทำความเร็วได้ 211 ไมล์ต่อชั่วโมง

คุณอาจอ่านรายการนี้และคิดว่ามีชื่อใหญ่อื่นๆ หายไป มีไฮเปอร์คาร์ระดับไฮเอนด์จำนวนมากที่ไม่ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดในลักษณะที่คุณต้องทำเมื่อตั้งเป้าที่จะทำความเร็วเกิน 250 ไมล์ต่อชั่วโมง เช่น Mercedes-AMG One (217 ไมล์ต่อชั่วโมง+) และ Aston Martin Valkyrie ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ได้เวลาต่อรอบที่ดีที่สุด แทนที่จะเป็นความเร็วสูงสุด และเช่นเดียวกับ Porsche 911 GT2 RS ที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่า แต่ยังคงน่าเกรงขาม

ประวัติศาสตร์แห่งความเร็ว: วิวัฒนาการของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก

รถยนต์คันแรกของโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ Benz Patent Motorwagen ที่สร้างขึ้นในปี 1898 เริ่มต้นรายการของเราด้วยความเร็วสูงสุด 12 ไมล์ต่อชั่วโมง เพียงครึ่งศตวรรษต่อมาในปี 1949 Jaguar ได้เพิ่มเดิมพันนี้เป็นสิบเท่าด้วย Jaguar XK120

ยุค 50 เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ซึ่งทั้งคู่สามารถทำความเร็วได้เกิน 150 ไมล์ต่อชั่วโมง ยุค 60 ตามมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอย่างรวดเร็วระหว่างแบรนด์อิตาลีหลายแห่ง Iso Grifo สร้างมาตรฐานในปี 1963 ด้วยความเร็วสูงสุด 161 ไมล์ต่อชั่วโมง

ผู้มาใหม่ AC Cobra ที่สร้างขึ้นโดย Anglo-American ได้ช่วงชิงตำแหน่งสั้นๆ ในปี 1965 ก่อนที่จะถูก Lamborghini Miura, Ferrari 365 GTB/4 และ Miura P400S เอาชนะไปในช่วงปี 1967 ถึง 1969

สิบสามปีผ่านไปก่อนที่ Lamborghini จะสามารถทำลายสถิติของตัวเองได้ด้วย Countach ซึ่งเป็นรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกที่ทำความเร็วเกิน 180 ไมล์ต่อชั่วโมง ในปี 1983 RUF ผู้ปรับแต่ง Porsche ชาวเยอรมันได้นำเสนอ BTR ที่ความเร็ว 190 ไมล์ต่อชั่วโมง ในขณะที่ซูเปอร์คาร์ของ Porsche เอง 959 ทำความเร็วได้ 198 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1986

Ferrari สร้างรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกของโลกที่ทำความเร็วเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1987 ด้วย F40 กำลัง 472 แรงม้า เมื่อเข้าสู่ยุค 90 McLaren F1 ได้เพิ่มเดิมพันอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุด 221 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้ว่า F1 ที่ไม่มีตัวจำกัดรอบเครื่องยนต์จะทำความเร็วได้ 240 ไมล์ต่อชั่วโมง

Koenigsegg CCR ครองตำแหน่งรถยนต์โปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลกได้ไม่นาน โดยเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2005 ซึ่งทำความเร็วได้ 241 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Nardo Ring ของอิตาลี เพียงสองเดือนต่อมา Bugatti Veyron ก็ทะลุผ่านกำแพง 250 ไมล์ต่อชั่วโมงและครองตำแหน่งด้วยความเร็ว 253.8 ไมล์ต่อชั่วโมง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bugatti และ Koenigsegg ได้แข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งสูงสุด โดยมีผู้ท้าชิงที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเช่นผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ชาวอเมริกัน SSC และ Hennessey เข้ามาร่วมวงด้วย และในปี 2025 นี้ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการเข้ามาของ Yangwang U9 Xtreme ที่ประกาศศักดาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

อนาคตของความเร็วรอคุณอยู่

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ ผมเชื่อว่ายุคนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนาไฮเปอร์คาร์ ความรุ่งโรจน์ของเครื่องยนต์สันดาปภายในที่เคยเป็นหัวใจสำคัญของความเร็ว กำลังถูกท้าทายด้วยนวัตกรรมของยานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด แต่ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยีใด หัวใจหลักของการสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกยังคงเป็นการผลักดันขีดจำกัดทางวิศวกรรมและการออกแบบ ที่สะท้อนถึงความสามารถอันไร้ขีดจำกัดของมนุษย์

คุณผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกเหล่านี้? รถยนต์คันใดที่ทำให้คุณประทับใจมากที่สุด หรือคุณคิดว่าอนาคตของความเร็วจะก้าวไปในทิศทางใด? ร่วมแบ่งปันความคิดเห็นของคุณและเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาในโลกยานยนต์แห่งความเร็วและนวัตกรรมนี้ไปกับเรา!

Previous Post

N1111422 เรื่องของเราในฤดูฝน part 2

Next Post

N1111053 แต งงานไปแล วอยากได เง นค part 2

Next Post
N1111053 แต งงานไปแล วอยากได เง นค part 2

N1111053 แต งงานไปแล วอยากได เง นค part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1111489 เป นแค แม าน ทำไมข บรถหร มาทำงาน part 2
  • N1111486 เพ อนก นเขาไม แย งแฟนก นหรอก part 2
  • N1111488 เจ าของบ านต วจร งค อใคร part 2
  • N1111490 เป นเม ยประธานบร ทำไมมาก นข าวกล องข างทาง part 2
  • N1111487 เม อสาม พาหญ งอ นข นรถ part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.