• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1111429 เมื่อหัวใจบอกว่าใช่ part 2

admin79 by admin79
November 11, 2025
in Uncategorized
0
N1111429 เมื่อหัวใจบอกว่าใช่ part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

สุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: 20 อันดับความเร็วสูงสุดบนท้องถนน

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของความเร็วและสมรรถนะบนท้องถนนมาโดยตลอด แม้ว่าสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ความเร็วสูงสุดของรถยนต์อาจดูไม่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันมากนัก แต่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์และผู้หลงใหลในความเร็ว นี่คือสนามประลองสำคัญที่พิสูจน์ถึงขีดสุดของวิศวกรรม ความแม่นยำ และนวัตกรรม

การสร้างรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้เหนือจินตนาการ และยังคงถูกกฎหมายให้วิ่งบนถนนสาธารณะได้ ถือเป็นความท้าทายทางเทคนิคขั้นสูงสุด มันไม่ใช่แค่การทำลายสถิติ แต่คือการสร้างชื่อเสียง สถานะ และความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก และในปี 2025 นี้ การแข่งขันก็ยังคงดุเดือดและน่าตื่นเต้นกว่าที่เคย เราไม่ได้เห็นเพียงการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ทรงพลัง แต่ยังรวมถึงการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด ที่เข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ของสุดยอดรถยนต์ความเร็วสูงอย่างสิ้นเชิง แบรนด์ใหม่ๆ กำลังผงาดขึ้นมาท้าทายยักษ์ใหญ่ดั้งเดิม พร้อมนำเสนอขีดจำกัดใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครคาดคิด

จากยุค 90 ที่การแข่งขันอยู่ที่การทะลุ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยรถในตำนานอย่าง Ferrari F40, Porsche 959, Jaguar XJ220 และ McLaren F1 มาถึงปัจจุบัน ที่พรมแดน 300 ไมล์ต่อชั่วโมงกำลังถูกท้าทายอย่างต่อเนื่อง ความก้าวหน้าทางวิศวกรรมและวัสดุศาสตร์ทำให้รถยนต์เหล่านี้สามารถทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ เรากำลังอยู่ในยุคทองของไฮเปอร์คาร์ ที่ไม่เพียงแค่เร็ว แต่ยังผสมผสานความหรูหรา เทคโนโลยีล้ำสมัย และขีดจำกัดของฟิสิกส์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

ผมจะพาทุกท่านดำดิ่งสู่โลกของเครื่องจักรแห่งความเร็ว กับ 20 อันดับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025 ที่ถูกกฎหมายบนท้องถนน ซึ่งแต่ละคันล้วนเป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อท้าทายทุกขีดจำกัด

20 อันดับสุดยอดรถยนต์ความเร็วสูงสุดแห่งปี 2025

McLaren F1

ความเร็วสูงสุด: 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 690 ล้านบาท)

สำหรับผู้ที่เติบโตมากับโลกยานยนต์ในยุคก่อนปี 2000 ไม่มีใครไม่รู้จัก McLaren F1 รถคันนี้สร้างสถิติโลกให้กับรถยนต์โปรดักชั่นในปี 1998 ด้วยความเร็วสูงสุด 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งน่าทึ่งมากที่ทำได้ด้วยเครื่องยนต์ V12 ที่ไม่มีระบบอัดอากาศ (Naturally Aspirated) และเกียร์ธรรมดา นี่คือความบริสุทธิ์ของการขับขี่ วิศวกรรมที่เน้นน้ำหนักเบาและประสิทธิภาพสูงสุด โดยไร้ซึ่งระบบช่วยเหลืออิเล็กทรอนิกส์มากมายในปัจจุบัน มันยังคงเป็นที่ใฝ่ฝันของนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายในการขับขี่ที่แท้จริง

W Motors Fenyr Supersport

ความเร็วสูงสุด: 245 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 1.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 64.4 ล้านบาท)

W Motors แบรนด์ไฮเปอร์คาร์สัญชาติเลบานอนที่ปัจจุบันมีฐานอยู่ในดูไบ ได้สร้างสรรค์ Fenyr SuperSport ขึ้นมาต่อยอดจาก Lykan HyperSport ที่โด่งดัง ความพิเศษของ Fenyr ไม่ได้อยู่ที่ความเร็ว 245 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความประณีตในการสร้างสรรค์ วัสดุสั่งทำพิเศษที่ฝังเพชรและแซฟไฟร์ลงในไฟหน้า สะท้อนถึงความหรูหราขั้นสุดยอด เครื่องยนต์ Flat-Six ทวินเทอร์โบที่ปรับแต่งโดย Ruf จากเยอรมนี ทำให้รถคันนี้เป็นทั้งงานศิลปะและความเร็วที่สมบูรณ์แบบ

Saleen S7 Twin Turbo

ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)

Saleen S7 Twin Turbo เปิดตัวในปี 2005 ด้วยพละกำลัง 750 แรงม้า และคำมั่นสัญญาว่าจะทำความเร็วได้ถึง 248 ไมล์ต่อชั่วโมง แซงหน้า McLaren F1 ไป 8 ไมล์ต่อชั่วโมง นี่คือสัตว์ร้ายสัญชาติอเมริกันที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 และเทอร์โบขนาดมหึมาสองลูกที่ส่งเสียงคำรามกึกก้อง แม้ว่าความเร็วสูงสุดที่เคลมไว้อาจจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่ประสิทธิภาพและความดุดันของ S7 Twin Turbo ยังคงเป็นที่จดจำและนับถือในวงการ

Koenigsegg Gemera & CCXR

ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 92 ล้านบาท)

Koenigsegg แบรนด์จากสวีเดนผู้เชี่ยวชาญด้านไฮเปอร์คาร์ ปรากฏตัวในลิสต์นี้หลายครั้ง และในลำดับนี้เราขอนำเสนอสองรุ่นที่ต่างยุคแต่มีจุดร่วมเดียวกันคือความเร็วสูงสุด 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (400 กม./ชม.) Gemera คือ “เมกะ-GT” สุดล้ำสมัยแบบไฮบริดที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าถึงสามตัว ผสานกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน ให้กำลังมหาศาล ขณะที่ CCXR คือรถที่เก่ากว่ามาก ใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเพียงอย่างเดียว แต่มีน้ำหนักเบาและรูปทรงแอโรไดนามิกที่ไร้ที่ติ แสดงให้เห็นถึงปรัชญาของ Koenigsegg ที่ไม่เคยหยุดยั้งในการสร้างสรรค์ความเร็ว

Aspark Owl

ความเร็วสูงสุด: 249 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 115 ล้านบาท)

Aspark Owl ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าโลกของสุดยอดรถยนต์กำลังเปลี่ยนไป แบรนด์เกิดใหม่เหล่านี้กำลังก้าวเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ ตัว Owl ซึ่งเผยโฉมในรูปแบบโปรโตไทป์เมื่อปี 2017 สร้างความตกตะลึงด้วยตัวเลขบนกระดาษที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.72 วินาที ซึ่งเร็วที่สุดในบรรดารถยนต์โปรดักชั่น และความเร็วสูงสุด 249 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยกำลัง 1,985 แรงม้าจากแบตเตอรี่น้ำหนักเบา ทำให้ Owl เป็นหนึ่งในนักปฏิวัติแห่งยุค

Ultima RS

ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 130,000 ปอนด์ (ประมาณ 6 ล้านบาท)

Ultima RS เป็นรถที่โดดเด่นที่สุดในลิสต์นี้ ไม่เพียงเพราะเป็นรถที่ถูกที่สุด แต่ยังเป็น “คิทคาร์” ที่คุณสามารถประกอบเองได้ ความคิดที่จะขับรถที่สร้างในโรงรถของคุณเองด้วยความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมง อาจฟังดูเหลือเชื่อ แต่ถ้าคุณมีทักษะและเงินทุน มันก็เป็นไปได้ รถคันนี้ไม่ได้อาศัยเทคโนโลยีสุดแฟนซี แต่ใช้หลักการของน้ำหนักเบาขั้นสุด และเครื่องยนต์ Corvette ที่จูนให้ผลิตกำลังถึง 1,200 แรงม้า นี่คือพลังดิบแบบ Old-School ที่ผลักดัน Ultima RS เข้าสู่ทำเนียบความเร็ว

McLaren Speedtail

ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 2.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 96.6 ล้านบาท)

McLaren Speedtail คือหนึ่งใน “Ultimate Series” ของแบรนด์อังกฤษ และเป็นทายาททางจิตวิญญาณของ F1 ที่โด่งดัง แบรนด์ระบุว่า Speedtail ทำความเร็วได้ถึง 250 ไมล์ต่อชั่วโมงมากกว่า 30 ครั้งในการทดสอบที่ Kennedy Space Centre นี่คือรถที่เร็วกว่า F1 ในตำนาน และยังคงรักษาการจัดวางที่นั่งแบบสามที่นั่งโดยคนขับอยู่ตรงกลางไว้ จำนวนการผลิตจำกัดเพียง 106 คันเท่ากับ F1 ทำให้มันเป็นของหายากและเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง

Czinger 21C V Max

ความเร็วสูงสุด: 253+ ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)

Czinger 21C อาจฟังดูแปลกหู แต่คือหนึ่งในรถที่เร็วที่สุดในโลก ผสมผสานเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและตัวถังที่เพรียวลมเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 1,233 แรงม้า ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำอัตราเร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 1.9 วินาที รุ่น V Max ได้ลดชุดแอโรไดนามิกที่สร้างแรงต้าน เพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดให้ทะลุ 250 ไมล์ต่อชั่วโมงไปอีก นี่คือสุดยอดเทคโนโลยีและวิศวกรรมการผลิตแบบ 3D Printing

Koenigsegg Regera

ความเร็วสูงสุด: 255 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 2.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 119.6 ล้านบาท)

Koenigsegg Regera คืออีกหนึ่งผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในความเร็วของแบรนด์สวีเดน ด้วยขุมพลังไฮบริดที่ให้กำลังเกือบ 1,500 แรงม้า ทำให้มันสามารถพุ่งทะยานไปถึง 255 ไมล์ต่อชั่วโมง จุดเด่นคือระบบเกียร์ Direct Drive แบบซิงเกิลสปีดที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งเป็นไปได้ด้วยระบบ Plug-in Hybrid แม้จะเป็นรถที่เน้นความหรูหราและความสะดวกสบาย แต่ก็ยังทำสถิติโลก 0-249-0 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 2019 แสดงถึงความสามารถรอบด้านที่แท้จริง

SSC Ultimate Aero

ความเร็วสูงสุด: 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)

SSC Ultimate Aero ทำลายสถิติจาก Bugatti Veyron ในยุคสมัยหนึ่ง ด้วยความเร็วสูงสุด 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ทำได้บนถนนสาธารณะที่ถูกปิดชั่วคราว ใกล้โรงงานในวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา รถคันนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 1,183 แรงม้า และสิ่งที่ทำให้มันพิเศษคือการไร้ซึ่งระบบช่วยขับขี่อย่าง Traction Control ทำให้ผู้ขับได้สัมผัสประสบการณ์ดิบๆ ที่แท้จริง นี่คือบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์ของการแสวงหาความเร็ว

Rimac Nevera/Nevera R

ความเร็วสูงสุด: 258 ไมล์ต่อชั่วโมง / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 2.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 110.4 ล้านบาท)

Rimac Nevera ได้รับการยกย่องให้เป็นไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงการปฏิวัติของ EV ในวงการความเร็ว ด้วยกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร ทำให้มันเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.9 วินาที และทะยานไปถึง 186 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 9.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารถบ้านส่วนใหญ่จะถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงเสียอีก รุ่น Nevera R ที่เพิ่งเปิดตัว มาพร้อมกำลัง 2,078 แรงม้า และความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำลายสถิติอัตราเร่งจาก 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.8 วินาที และ 0-186 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 7.9 วินาที ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างแท้จริง

Bugatti Veyron

ความเร็วสูงสุด: 268 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 46 ล้านบาท)

แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด Bugatti Veyron ยังคงเป็นชื่อที่ได้รับความเคารพและชื่นชมอย่างมหาศาลจากทั้งคนรักรถและวิศวกร ด้วยเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบ 6.0 ลิตร ที่ให้กำลังเกือบ 1,000 แรงม้าในรุ่นปกติ และเพิ่มเป็น 1,183 แรงม้าในรุ่น Super Sport Veyron Super Sport ได้ทำความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งมีรถเพียงไม่กี่คันที่สามารถแซงหน้ามันได้ นี่คือตำนานที่กำหนดนิยามใหม่ของคำว่าไฮเปอร์คาร์ และยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

Hennessey Venom F5

ความเร็วสูงสุด: 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 1.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 78.2 ล้านบาท)

Hennessey ผู้ปรับแต่งรถสัญชาติอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นผู้สร้างไฮเปอร์คาร์ ได้สร้าง Venom F5 ขึ้นมาเพื่อทะลุขีดจำกัดความเร็ว รุ่นก่อนหน้าอย่าง Venom เคยทำความเร็วได้เกิน 270 ไมล์ต่อชั่วโมงมาแล้ว แต่ F5 ก็ทำได้ดีกว่า โดยทำความเร็ว 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมงในการทดสอบที่ Johnny Bohmer Proving Grounds ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 1,817 แรงม้า Hennessey มีเป้าหมายชัดเจนที่จะไปถึง 311 ไมล์ต่อชั่วโมง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่แรงกล้าของวิศวกรชาวอเมริกัน

Bugatti Tourbillon

ความเร็วสูงสุด: 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (คาดการณ์)

ราคาเริ่มต้น: 3.5 ล้านปอนด์ขึ้นไป (ประมาณ 161 ล้านบาทขึ้นไป) (คาดการณ์)

Bugatti Tourbillon คืออนาคตของ Bugatti ซึ่งจะมาพร้อมกับระบบไฮบริดที่ผสมผสานเครื่องยนต์ V16 N/A ขนาดมหึมา 986 แรงม้า เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของ Bugatti ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก เราเชื่อมั่นว่า Tourbillon ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 จะเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน นี่คือวิวัฒนาการใหม่ของขุมพลัง Bugatti ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้

Koenigsegg Agera RS

ความเร็วสูงสุด: 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 161 ล้านบาท)

ในปี 2017 Koenigsegg ได้ยกระดับสถิติความเร็วขึ้นไปอีกขั้นด้วย Agera RS พร้อมทั้งสร้างสถิติความเร็วสูงสุดเท่าที่เคยมีมาบนถนนสาธารณะ ด้วยการปิดถนนหลวงยาว 11 ไมล์ในเนวาดา สหรัฐอเมริกา Koenigsegg Agera RS สามารถทำความเร็วเฉลี่ยได้ถึง 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความกล้าหาญและความแม่นยำทางวิศวกรรมของแบรนด์ นี่คือรถยนต์ที่เป็นตำนานและเป็นสัญลักษณ์ของความเร็วบนท้องถนน

Bugatti Mistral

ความเร็วสูงสุด: 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 5.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 239.2 ล้านบาท)

Bugatti Mistral คือบทสุดท้ายของเครื่องยนต์ W16 อันเลื่องชื่อในรูปแบบเปิดประทุน และเป็นรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยการผลิตจำกัดเพียง 99 คัน ทำให้มันเป็นรถที่หายากและมีราคาแพงอย่างยิ่ง Mistral ทำลายสถิติด้วยความเร็ว 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมงที่สนามทดสอบใน Papenburg เยอรมนีในปี 2024 โดยมี Andy Wallace นักขับทดสอบชื่อดังอยู่หลังพวงมาลัย นี่คือการอำลาที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำของหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ยานยนต์

SSC Tuatara

ความเร็วสูงสุด: 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)

SSC Tuatara เป็นรถอีกคันที่สร้างความฮือฮาในโลกออนไลน์จากข้อถกเถียงเรื่องสถิติความเร็ว 316 ไมล์ต่อชั่วโมงครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ในปี 2021 SSC ได้ทำการทดสอบใหม่ด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำและพยานอิสระ โดยสามารถทำความเร็วเฉลี่ยสองทิศทางได้ถึง 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 5.9 ลิตร ที่ให้กำลัง 1,750 แรงม้า และน้ำหนักเพียง 1,247 กิโลกรัม Tuatara คือขุมพลังที่แท้จริง

Bugatti Chiron Super Sport 300+

ความเร็วสูงสุด: 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 138 ล้านบาท)

Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือรถที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทะลุผ่านกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงที่เคยคิดว่ายากจะเข้าถึง ด้วยการจูนเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร ให้มีกำลังถึง 1,578 แรงม้า พร้อมการอัปเกรดแอโรไดนามิกที่สำคัญ โดยเฉพาะส่วนท้ายแบบ “Longtail” ที่เพิ่มความยาวของตัวถังถึง 25 ซม. เพื่อเพิ่มความลื่นไหลของอากาศ Chiron Super Sport 300+ ทำความเร็วได้ถึง 304.774 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien และมีเพียง 30 คันเท่านั้นที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับลูกค้าผู้โชคดี

Koenigsegg Jesko Absolut

ความเร็วสูงสุด: 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (เป้าหมาย)

ราคาเริ่มต้น: 2.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 105.8 ล้านบาท) (โดยประมาณ)

เมื่อ Christian Von Koenigsegg ประกาศว่าแบรนด์กำลังพัฒนารถยนต์ “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะเคยทำมา” ไม่มีใครมองข้ามคำกล่าวนี้ไปได้ Jesko Absolut คือรุ่นที่เน้นแรงต้านต่ำของ Jesko ซึ่งมีกำลัง 1,578 แรงม้า วิศวกรของสวีเดนได้ใช้เวลาอย่างพิถีพิถันในการปรับแต่งทุกรายละเอียด ทั้งตัวถังที่ยาวขึ้น การถอดปีกหลังออก และมาตรการลดน้ำหนักอย่างสุดขีด รวมถึงเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบ 5.0 ลิตร ได้รับการปรับแต่งให้มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 1,600 แรงม้า แม้ตัวเลขอย่างเป็นทางการจะยังไม่เปิดเผย แต่เป้าหมายคือ 310 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งหากทำได้จริง มันจะขึ้นแท่นเป็นราชันย์แห่งความเร็ว

Yangwang U9 Xtreme

ความเร็วสูงสุด: 308 ไมล์ต่อชั่วโมง

ราคาเริ่มต้น: 250,000 ปอนด์ขึ้นไป (ประมาณ 11.5 ล้านบาทขึ้นไป)

และอันดับหนึ่งในลิสต์สุดยอดรถยนต์ความเร็วสูงปี 2025 คือผู้ท้าชิงจากโลกยานยนต์ไฟฟ้า Yangwang U9 Xtreme นี่คือปรากฏการณ์ใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า ด้วยราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าไฮเปอร์คาร์หลายคันในลิสต์นี้ U9 Xtreme ได้สร้างสถิติความเร็ว 308 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวอันทรงพลัง ให้กำลังรวมถึง 2,978 แรงม้า! ระบบสถาปัตยกรรม 1,200V ช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แบตเตอรี่ที่พัฒนาโดย BYD บริษัทแม่ของ Yangwang ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานพลังงานสูงที่ความเร็วสูงโดยไม่เกิดความร้อนสูงเกินไป Yangwang U9 Xtreme ไม่เพียงแต่เป็นรถที่เร็วที่สุดในปัจจุบัน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคใหม่ที่รถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาพลิกโฉมวงการความเร็วอย่างแท้จริง

รถยนต์ที่ทะลุ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง: ทางเลือกที่หลากหลายขึ้น

นอกเหนือจากสุดยอดไฮเปอร์คาร์ราคาเจ็ดหลักที่กล่าวมา การเข้าถึงรถยนต์โปรดักชั่นที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงนั้นง่ายขึ้นกว่าที่เคย แม้คุณยังคงต้องมีเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อมาครอบครอง แต่ด้วยจำนวนผู้ผลิตที่เสนอรถยนต์ระดับ 200 ไมล์ต่อชั่วโมงมากขึ้น ทำให้มีตัวเลือกมากมายสำหรับผู้ที่โชคดีพอที่จะซื้อ

แบรนด์อังกฤษอย่าง Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS และ McLaren หลายรุ่น ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีรถเปิดประทุนบางรุ่นที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (โดยต้องปิดหลังคา) เช่น Lamborghini Huracan Evo Spyder (201 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Ferrari 296 GTS (205+ ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นรุ่นเปิดประทุนของคูเป้ที่เร็วกว่า

หากคุณต้องการรถหรูที่รวดเร็ว Grand Tourer คืออีกทางเลือกหนึ่ง รถยนต์เหล่านี้สามารถทำความเร็วสูงได้โดยไม่ลดทอนความฟุ่มเฟือย แบรนด์อังกฤษก็ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น Bentley Flying Spur สี่ประตูอันน่าทึ่ง (207 ไมล์ต่อชั่วโมง) หรือ Bentley Continental GT Speed (208 ไมล์ต่อชั่วโมง)

แน่นอนว่าส่วนใหญ่ของกลุ่ม 200 ไมล์ต่อชั่วโมงประกอบด้วยซูเปอร์คาร์สองที่นั่ง รุ่นต่างๆ เช่น Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ล้วนเกินเกณฑ์นี้ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น มีแม้กระทั่งตัวเลือก Plug-in Hybrid อย่าง Ferrari SF90 ที่ทำความเร็วได้ถึง 211 ไมล์ต่อชั่วโมง

คุณอาจกำลังอ่านลิสต์นี้และคิดว่ามีชื่อใหญ่อื่นๆ ที่หายไป จริงอยู่ที่ไฮเปอร์คาร์ระดับไฮเอนด์จำนวนมากไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดมากเท่ากับการทำความเร็วเกิน 250 ไมล์ต่อชั่วโมง รถอย่าง Mercedes-AMG One (217+ ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Aston Martin Valkyrie ถูกออกแบบมาเพื่อเวลาต่อรอบที่ดีที่สุด ไม่ใช่ความเร็วสูงสุด และเช่นเดียวกับ Porsche 911 GT2 RS ที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่าแต่ยังคงน่าเกรงขาม

ประวัติศาสตร์แห่งความเร็วบนท้องถนน: วิวัฒนาการที่ไม่หยุดยั้ง

การเดินทางของความเร็วบนท้องถนนเริ่มต้นขึ้นอย่างถ่อมตน Benz Patent Motorwagen ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถยนต์คันแรกของโลกในปี 1898 ทำความเร็วสูงสุดได้ 12 ไมล์ต่อชั่วโมง เพียงครึ่งศตวรรษต่อมา ในปี 1949 Jaguar ได้เพิ่มความเร็วขึ้นสิบเท่าด้วย Jaguar XK120

ยุค 50 เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ซึ่งทั้งสองคันสามารถทำความเร็วได้เกิน 150 ไมล์ต่อชั่วโมง ยุค 60 ตามมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งแชมป์อย่างรวดเร็วในบรรดาแบรนด์อิตาลี โดย Iso Grifo กำหนดมาตรฐานในปี 1963 ด้วยความเร็วสูงสุด 161 ไมล์ต่อชั่วโมง

ในปี 1965 AC Cobra ซึ่งสร้างโดยความร่วมมือระหว่างอังกฤษ-อเมริกา ได้แย่งชิงตำแหน่งแชมป์ไปได้เพียงไม่นาน ก่อนที่จะถูกโค่นโดย Lamborghini Miura, Ferrari 365 GTB/4 และ Miura P400S ในช่วงปี 1967 ถึง 1969

สิบสามปีต่อมา Lamborghini ก็สามารถทำลายสถิติของตัวเองได้ด้วย Countach ซึ่งเป็นรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกที่ทะลุกำแพง 180 ไมล์ต่อชั่วโมง ในปี 1983 RUF ผู้ปรับแต่ง Porsche ชาวเยอรมัน นำเสนอ BTR ที่ความเร็ว 190 ไมล์ต่อชั่วโมง ขณะที่ซูเปอร์คาร์ของ Porsche เองอย่าง 959 ทำความเร็วได้ 198 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1986

Ferrari สร้างรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกของโลกที่ทะลุกำแพง 200 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1987 ด้วย F40 ที่มีกำลัง 472 แรงม้า เมื่อเข้าสู่ยุค 90 McLaren F1 ก็ยกระดับการแข่งขันขึ้นไปอีกด้วยความเร็วสูงสุด 221 ไมล์ต่อชั่วโมง (และ 240 ไมล์ต่อชั่วโมงสำหรับ F1 ที่ไม่มีตัวจำกัดรอบ)

Koenigsegg CCR ครองตำแหน่งรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลกในช่วงสั้นๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2005 ด้วยความเร็ว 241 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Nardo Ring ประเทศอิตาลี เพียงสองเดือนต่อมา Bugatti Veyron ก็ทะลุกำแพง 250 ไมล์ต่อชั่วโมง และคว้าตำแหน่งแชมป์ด้วยความเร็ว 253.8 ไมล์ต่อชั่วโมง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bugatti และ Koenigsegg ยังคงแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งสูงสุด โดยมีผู้ท้าชิงที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักจากผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ชาวอเมริกันอย่าง SSC และ Hennessey เข้ามาร่วมวงด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแสวงหาความเร็วสูงสุดบนท้องถนนนั้นไม่มีวันสิ้นสุด

อนาคตที่ไร้ขีดจำกัด

โลกของสุดยอดรถยนต์ความเร็วสูงนั้นน่าตื่นเต้นและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การผสมผสานของเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ปรับแต่งจนถึงขีดสุด ระบบไฮบริดที่ซับซ้อน และการก้าวกระโดดของพลังงานไฟฟ้า กำลังผลักดันขีดจำกัดที่เราเคยรู้จักไปอีกขั้น รถยนต์ในลิสต์นี้ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่คือสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นของมนุษย์ในการท้าทายฟิสิกส์และวิศวกรรม

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน ผมรับรองได้ว่าอนาคตของความเร็วยังคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจและนวัตกรรมใหม่ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพลังงานรูปแบบใด การแข่งขันเพื่อเป็นที่สุดยังคงดำเนินต่อไป และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เราทุกคนตื่นเต้นไปกับมัน

มาร่วมติดตามการเดินทางอันน่าทึ่งในโลกแห่งสุดยอดรถยนต์ความเร็วสูงนี้ไปพร้อมกับเรา และเตรียมพบกับปรากฏการณ์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า!

รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: 20 สุดยอดแห่งความเร็วและนวัตกรรม

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของสุดยอดเครื่องจักรที่สร้างมาเพื่อท้าทายขีดจำกัดของความเร็ว จากสนามแข่งสู่ท้องถนน รถยนต์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นผลงานศิลปะทางวิศวกรรมที่สะท้อนถึงความทะเยอทะยานของมนุษย์ในการก้าวข้ามขีดจำกัด สำหรับปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกยังคงร้อนระอุ ด้วยผู้เล่นหน้าใหม่และเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่พลิกโฉมหน้าวงการไปอย่างสิ้นเชิง

ความเร็วสูงสุดนั้นเป็นสถิติที่น่าหลงใหล แม้ว่าจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันสำหรับคนส่วนใหญ่ก็ตาม เพราะแม้แต่รถยนต์ครอบครัวธรรมดาๆ ก็สามารถทำความเร็ว 110 กม./ชม. (70 ไมล์ต่อชั่วโมง) ได้อย่างสบายๆ ดังนั้นเว้นแต่คุณจะอยู่บนสนามแข่ง หรือทางด่วนที่ไม่จำกัดความเร็วอย่าง Autobahn ในเยอรมนี ความเร็วสูงสุดของรถอาจไม่ส่งผลมากนัก ทว่าสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงขั้นสุดแล้ว มันคืออีกมิติหนึ่งที่สำคัญ นั่นคือ “สิทธิ์ในการโอ้อวด” (Bragging Rights)

ตัวเลขความเร็วสูงสุดได้กลายเป็นวิธีที่ผู้ผลิตรถยนต์ใช้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าพวกเขาสามารถสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมและสมรรถนะได้ การสร้างรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้อย่างไม่น่าเชื่อนั้นเป็นความท้าทายทางเทคนิคที่ยิ่งใหญ่ และการทำให้มันถูกกฎหมายบนท้องถนนก็เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ยากยิ่ง การสร้างหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการดึงดูดความสนใจ สร้างสถานะ และความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรม การแข่งขันที่ดุเดือดนี้ทำให้เราได้เห็นการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านเครื่องยนต์แอโรไดนามิก และระบบส่งกำลังที่ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ไปอย่างไม่หยุดยั้ง

แฟนๆ รถยนต์คงจำการแข่งขันเพื่อทำความเร็ว 320 กม./ชม. (200 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในช่วงทศวรรษ 1990 ได้เป็นอย่างดี กับตำนานอย่าง Ferrari F40, Porsche 959, Jaguar XJ220 และสุดยอดอย่าง McLaren F1 ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยเครื่องยนต์ทรงพลังและตัวถังแอโรไดนามิก พวกเขาทำความเร็วสูงสุดที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนจากรถยนต์ที่มีป้ายทะเบียนปกติ แต่ในยุคปัจจุบัน เรากำลังพูดถึงตัวเลขที่เข้าใกล้ 480 กม./ชม. (300 ไมล์ต่อชั่วโมง) และนี่คือสิ่งที่ยากขึ้นอย่างทวีคูณสำหรับรถยนต์ทั่วไป การที่มันเป็นไปได้ทั้งหมดนั้นน่าประทับใจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะสำหรับรถยนต์ที่สามารถวิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย และที่น่าสนใจคือเราเริ่มเห็นรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทในลิสต์นี้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายความว่าแม้แต่ผู้ผลิตรถยนต์หน้าใหม่ก็สามารถผลิตรถยนต์ที่สามารถเอาชนะแบรนด์ใหญ่ๆ ได้แล้ว

นี่คือสุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 ที่ผมได้รวบรวมและวิเคราะห์จากประสบการณ์นับสิบปีในวงการนี้ รายชื่อนี้จะเรียงจากอันดับ 20 ถึงอันดับ 1 โดยหลีกเลี่ยงรุ่นที่ซ้ำซ้อนกัน หรือรถยนต์ที่มีการดัดแปลงอย่างหนัก เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนที่สุดของ “ไฮเปอร์คาร์” ที่แท้จริง

McLaren F1
ความเร็วสูงสุด: 386.4 กม./ชม. (240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: มากกว่า 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 690 ล้านบาท)

สำหรับผู้ที่เกิดก่อนศตวรรษนี้ McLaren F1 แทบไม่ต้องการคำแนะนำใดๆ มันสร้างสถิติโลกสำหรับรถยนต์โปรดักชั่นในปี 1998 ด้วยความเร็วสูงสุด 386.4 กม./ชม. และทำได้ด้วยเครื่องยนต์ V12 ที่หายใจเองตามธรรมชาติ (Naturally-aspirated) และเกียร์ธรรมดา ไม่มีรถยนต์จำนวนมากที่สามารถเทียบเคียงความน่าหลงใหลในเชิงผู้คลั่งไคล้ได้ นอกจาก GMA T.50 ซึ่งเป็นผู้สืบทอดสมัยใหม่ของ F1 ที่ออกแบบโดยบุคคลเดียวกัน คือ Gordon Murray แม้ว่ารถคันล่าสุดของเขาน่าจะเร็วพอๆ กัน หรือเร็วกว่า F1 แต่จะไม่มีการเปิดเผยสถิติ ทำให้เราไม่อาจทราบได้ว่ามันจะอยู่ในอันดับใดในลิสต์นี้ แต่ F1 ยังคงเป็นตำนานที่ขับเคลื่อนด้วยจิตวิญญาณแห่งวิศวกรรมที่บริสุทธิ์

W Motors Fenyr Supersport
ความเร็วสูงสุด: 394 กม./ชม. (245 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 1.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 64.4 ล้านบาท)

W Motors ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในเลบานอนและปัจจุบันมีฐานอยู่ในดูไบ ได้ส่ง Fenyr SuperSport ตามหลัง Lykan HyperSport ที่โด่งดัง ทั้งสองรุ่นสามารถทำความเร็วได้ถึง 394 กม./ชม. ตามที่ผู้ผลิตระบุ เครื่องยนต์มาจาก Ruf ผู้ปรับแต่ง Porsche สัญชาติเยอรมัน โดยเป็นเครื่องยนต์ Flat-Six ทวินเทอร์โบที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังห้องโดยสาร ในขณะที่วัสดุพิเศษ เช่น เพชรและแซฟไฟร์ในไฟหน้า ถูกนำมาใช้ทั่วทั้งรถยนต์เพื่อสร้างสรรค์เครื่องจักรที่ไม่เหมือนใคร หาก Lykan HyperSport ดูคุ้นตา นั่นเป็นเพราะมันเป็นรถยนต์ที่แพงที่สุดที่เคยปรากฏในซีรีส์ภาพยนตร์ Fast & Furious และเป็นรถที่พุ่งชนระหว่างอาคารใน Furious 7 แสดงให้เห็นถึงความแรงและดีไซน์ที่โดดเด่น

Saleen S7 Twin Turbo
ความเร็วสูงสุด: 399 กม./ชม. (248 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)

Saleen S7 Twin Turbo เปิดตัวในปี 2005 ด้วยกำลัง 750 แรงม้า และคำมั่นสัญญาว่าจะทำความเร็วได้ 399 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่า McLaren F1 ในตำนานถึง 13 กม./ชม. มันเป็นการอ้างสิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ในเวลานั้น เนื่องจาก Saleen ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่า McLaren (และ BMW ผู้ผลิตเครื่องยนต์ F1) มันคืออสูรกายสไตล์อเมริกันแท้ๆ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 และเทอร์โบขนาดใหญ่สองตัว แม้ว่าคำกล่าวอ้างนี้จะไม่เคยได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่หลายคนก็สามารถเข้าใกล้ตัวเลขนี้ได้ ถือเป็นหนึ่งใน “muscle car” ยุคใหม่ที่น่าจับตา

Koenigsegg Gemera & CCXR
ความเร็วสูงสุด: 399 กม./ชม. (248 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 92 ล้านบาท)

Koenigsegg ปรากฏตัวในลิสต์นี้หลายครั้ง และสำหรับอันดับนี้ เราขอรวมสองรุ่นคือ Gemera และ CCXR ทั้งคู่ทำความเร็วสูงสุดได้ 399 กม./ชม. หรือ 400 กม./ชม. พอดี ถือเป็นการปรากฏตัวคู่ที่เหมาะสมสำหรับแบรนด์สัญชาติสวีเดน Gemera เป็นไฮบริดอัลตร้าโมเดิร์นที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว อย่างเหลือเชื่อ มอเตอร์สองตัวมีกำลังประมาณ 500 แรงม้า และตัวด้านหน้ามีประมาณ 800 แรงม้า แต่ก็ยังมีเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ด้วย ในขณะที่ CCXR เป็นรถที่เก่ากว่ามากที่บังเอิญมีความเร็วสูงสุดเท่ากัน โดยใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเท่านั้น แต่มีน้ำหนักน้อยกว่ามากและมีรูปทรงแอโรไดนามิกที่ซับซ้อน

Aspark Owl
ความเร็วสูงสุด: 400 กม./ชม. (249 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 115 ล้านบาท)

ในขณะที่คุณคาดว่าจะเห็นชื่ออย่าง McLaren และ Koenigsegg ในลิสต์ของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก แต่ประเภทรถยนต์เฉพาะกลุ่มนี้ก็ยังเป็นพื้นที่สำหรับแบรนด์เกิดใหม่ที่ต้องการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตด้วยมือในจำนวนจำกัด Aspark Owl จากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตัวอย่างนั้น เปิดตัวในรูปแบบรถต้นแบบที่งาน Frankfurt Motor Show 2017 Owl เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่อีกรุ่นที่มีตัวเลขที่น่าประทับใจ มันสามารถเร่งความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. (0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใน 1.72 วินาที ซึ่งจะทำให้เป็นรถยนต์โปรดักชั่นที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุด Aspark ยังระบุความเร็วสูงสุดของ Owl ที่มีกำลัง 1,985 แรงม้าไว้ที่ 400 กม./ชม. การเร่งความเร็วที่รุนแรงนั้นได้รับความช่วยเหลือจากชุดแบตเตอรี่ 64kWh ที่ค่อนข้างเบา ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ แต่ก็ยังให้ระยะทางประมาณ 450 กม. (280 ไมล์)

Ultima RS
ความเร็วสูงสุด: 402 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 130,000 ปอนด์ (ประมาณ 5.9 ล้านบาท)

Ultima RS เป็นรถยนต์ที่โดดเด่นที่สุดในลิสต์นี้อย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่เป็นรถที่ถูกที่สุดด้วยราคาประมาณ 130,000 ปอนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นรถยนต์แบบ “Kit Car” อีกด้วย การขับขี่ที่ 402 กม./ชม. ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างของบริษัทสำหรับความเร็วสูงสุดของรุ่นที่เร็วที่สุด ในรถยนต์ที่สร้างขึ้นในโรงรถที่บ้านของคุณอาจฟังดูไม่จริง แต่มันเป็นไปได้หากคุณมีเงินสดและทักษะในการทำมัน รถยนต์คันนี้ใช้น้ำหนักที่เบามากและเครื่องยนต์ Corvette ที่ปรับแต่งให้มีกำลัง 1,200 แรงม้า แทนที่จะใช้เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อทำความเร็วนี้ ดังนั้นมันคือพลังงานต่ออัตราส่วนน้ำหนักแบบ “old-school” ที่ทำให้ Ultima อยู่ในลิสต์นี้ได้

McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 402 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 2.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 96.6 ล้านบาท)

ตามที่แบรนด์ซูเปอร์คาร์อังกฤษระบุ McLaren Speedtail ทำความเร็วได้ 402 กม./ชม. มากกว่า 30 ครั้งในระหว่างการทดสอบที่ Kennedy Space Centre ในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายความว่า Speedtail นั้นเร็วกว่า McLaren F1 ในตำนาน แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะหายากเท่ากัน เนื่องจากแบรนด์ได้จำกัดการผลิต Speedtail ไว้เพียง 106 คัน ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับรุ่นก่อนหน้าอันเลื่องชื่อ ในฐานะส่วนหนึ่งของรุ่น ‘Ultimate Series’ ของ McLaren Speedtail ยังคงใช้โครงสร้างสามที่นั่งของ F1 โดยมีคนขับนั่งอยู่ตรงกลางรถ ขนาบข้างด้วยผู้โดยสารสองคน ต่างจากรุ่นเก่า Speedtail ที่ใช้คลัตช์คู่ไม่มีคันเกียร์ ทำให้เข้าออกได้ง่ายขึ้นจากทั้งสองข้าง

Czinger 21C V Max
ความเร็วสูงสุด: 407 กม./ชม. (253 ไมล์ต่อชั่วโมง) ขึ้นไป
ราคา: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)

อาจฟังดูเหมือนชื่ออาหารจานด่วนผสมกับเครื่องดูดฝุ่น แต่ Czinger 21C คือหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก เช่นเดียวกับรถยนต์เกือบทั้งหมดในลิสต์นี้ มันใช้เครื่องยนต์ทรงพลังมหาศาลและตัวถังที่เพรียวลม พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าบางส่วนที่รวมกันให้กำลังรวม 1,233 แรงม้า มันสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาที ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และรุ่น V Max ได้ลดชุดแอโรไดนามิกที่สร้างแรงต้านเพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดให้สูงขึ้นไปอีกจากรุ่นปกติที่มากกว่า 400 กม./ชม.

Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 410 กม./ชม. (255 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 2.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 119.6 ล้านบาท)

Koenigsegg มีความหลงใหลในสถิติความเร็วสูงสุดของรถยนต์บนท้องถนน และ Regera ของผู้ผลิตสวีเดนรายนี้ก็ยังไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดของแบรนด์ด้วยซ้ำ มันสามารถทำความเร็วได้ 410 กม./ชม. ด้วยระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่มีกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า มันใช้ระบบเกียร์ความเร็วเดียวที่เป็นนวัตกรรมใหม่แทนเกียร์ทั่วไป ซึ่งเป็นไปได้ด้วยการติดตั้งระบบปลั๊กอินไฮบริด แน่นอนว่ายังมีเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบอยู่บนรถที่ให้กำลังส่วนใหญ่ และแม้จะดูเหมือนรถคูเป้ แต่จริงๆ แล้วมันมีหลังคาแบบ Targa-top ที่ถอดออกได้ รถยนต์คันนี้ยังสร้างสถิติโลก 0–400–0 กม./ชม. (0–249–0 ไมล์ต่อชั่วโมง) สำหรับการเร่งความเร็วและการเบรกในปี 2019 แสดงถึงความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านพละกำลังและการควบคุม

SSC Ultimate Aero
ความเร็วสูงสุด: 412.3 กม./ชม. (256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 23 ล้านบาท)

SSC Ultimate Aero ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ทวินเทอร์โบ 1,183 แรงม้า และในช่วงเจ็ดปีของการผลิต มันสามารถแย่งตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดจาก Bugatti Veyron ด้วยการทำความเร็วสูงสุด 412.3 กม./ชม. ตัวเลขนี้ทำได้บนถนนสาธารณะ โดยผู้ผลิตรถยนต์ใช้ทางหลวงสองเลนที่ปิดชั่วคราวใกล้โรงงานในวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา Ultimate Aero ไม่มีระบบช่วยขับขี่เหมือนระบบควบคุมการยึดเกาะถนนเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบและน่าตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ

Rimac Nevera / Nevera R
ความเร็วสูงสุด: 415 กม./ชม. (258 ไมล์ต่อชั่วโมง) / 431 กม./ชม. (268 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 2.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 110.4 ล้านบาท)

Rimac Nevera เป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดเป็นอันดับห้าของโลก และยังเป็นไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกอีกด้วย ด้วยความรุนแรงของสงครามพลังงาน EV ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นที่รถยนต์ไฟฟ้าจะครองตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร Nevera นั้นเร็วอย่างเหลือเชื่อ พุ่งจาก 0-96 กม./ชม. (0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใน 1.9 วินาที แม้จะเป็นรถที่มีน้ำหนักมาก มันยังสามารถทำความเร็วได้ถึง 300 กม./ชม. (186 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในเวลาเพียง 9.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่าที่รถยนต์ครอบครัวส่วนใหญ่จะทำความเร็วถึง 96 กม./ชม. ได้ Rimac ยังไม่พอใจ และได้เปิดตัว Nevera R ด้วยกำลัง 2,078 แรงม้า และความเร็วสูงสุด 431 กม./ชม. ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดโดยรวม แต่ยังเป็นรถยนต์บนท้องถนนที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยทำ 0-100 กม./ชม. ใน 1.8 วินาที และแตะ 300 กม./ชม. (186 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในเวลาเพียง 7.9 วินาที ซึ่งน่าทึ่งอย่างยิ่ง

Bugatti Veyron
ความเร็วสูงสุด: 431 กม./ชม. (268 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 46 ล้านบาท)

เป็นเวลานานแล้วที่ Bugatti Veyron เข้าสู่เวทีไฮเปอร์คาร์ แต่นี่คือชื่อที่ยังคงได้รับความเคารพและความชื่นชมอย่างมากจากผู้หลงใหลในรถยนต์และวิศวกรทุกวัยและทุกภูมิหลัง ในขณะที่ Veyron รุ่นปกติสร้างความตกตะลึงให้กับโลกยานยนต์ด้วยกำลังเกือบ 1,000 แรงม้า และแรงบิด 1,500 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์ W16 สี่เทอร์โบ 6.0 ลิตร อันทรงพลัง แต่สิ่งนี้ยังไม่เพียงพอที่จะตอบสนองนักวิทยาศาสตร์ของ Bugatti ไม่กี่ปีต่อมา Veyron Super Sport ที่บ้าระห่ำอย่างแท้จริงได้เปิดตัว และเพิ่มกำลังขึ้นไปอีกเป็น 1,183 แรงม้า หลายปีต่อมา ยังมีรถยนต์เพียงไม่กี่คันที่สามารถทำความเร็วสูงสุด 431 กม./ชม. ของ Veyron Super Sport ได้ เวลา 0-100 กม./ชม. ที่ต่ำกว่า 2.5 วินาทีของยักษ์ใหญ่นี้เป็นสิ่งที่แม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อเทียบเท่า กล่าวอีกนัยหนึ่ง รถยนต์คันนี้ยังคงเป็นหนึ่งในตำนานตลอดกาลได้อย่างง่ายดาย

Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 437.1 กม./ชม. (271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 1.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 78.2 ล้านบาท)

Hennessey บริษัทปรับแต่งสัญชาติอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นผู้สร้างไฮเปอร์คาร์ เคยทำความเร็วได้เกิน 430 กม./ชม. (270 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วย Venom ที่ใช้พื้นฐาน Lotus Exige แต่ Venom F5 ได้ทำความเร็วผ่านจุดนั้นไปแล้ว อันที่จริง มันได้ทำความเร็วได้เร็วกว่านั้นในการทดสอบ โดยทำได้ 437.1 กม./ชม. ที่ Johnny Bohmer Proving Grounds ในฟลอริดา ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย เมื่อพิจารณาว่า Venom รุ่นเก่ามีเพียง 1,244 แรงม้า ในขณะที่รุ่นใหม่มีกำลังมหาศาลถึง 1,817 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ เป็นที่ชัดเจนว่า Hennessey ตั้งเป้าที่จะทำความเร็ว 500 กม./ชม. (311 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อรถยนต์ได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง การยึดเกาะถนนที่จำกัดนั้นขัดขวางเวลา 0-100 กม./ชม. (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ที่ 2.6 วินาทีของ F5 อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตัวเลขการเร่งความเร็ว 0-400 กม./ชม. (0-249 ไมล์ต่อชั่วโมง) ที่ 15.5 วินาที แสดงให้เห็นว่าความเร็วในทางตรงของ Hennessey นั้นน่าทึ่งเพียงใดเมื่อมันเริ่มออกตัว

Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 446 กม./ชม. (277 ไมล์ต่อชั่วโมง) (โดยประมาณ)
ราคา: 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 161 ล้านบาท) ขึ้นไป (โดยประมาณ)

มีพื้นที่สำรองในลิสต์นี้สำหรับ Bugatti Tourbillon รุ่นใหม่ ซึ่งจะใช้ระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V16 กำลัง 986 แรงม้า และแรงบิด 664 ปอนด์-ฟุต (ประมาณ 900 นิวตันเมตร) เพื่อให้ได้กำลังรวมมากกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ในการสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก พร้อมด้วยความรู้ด้านวิศวกรรมทั้งหมดที่มาพร้อมกับมัน เรามั่นใจว่ารุ่นใหม่นี้จะได้รับตำแหน่งท่ามกลางรถยนต์คันอื่นๆ ในลิสต์นี้เมื่อเปิดตัวในปี 2026 การผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดใหญ่ที่หายใจเองตามธรรมชาติและพลังงานไฟฟ้าสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด “Hybrid of the Future” ที่ Bugatti กำลังบุกเบิก

Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 447.2 กม./ชม. (277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 161 ล้านบาท)

Koenigsegg ได้ยกระดับมาตรฐานในปี 2017 โดยเพิ่มสถิติความเร็วให้สูงขึ้นไปอีกจาก CCXR และยังบันทึกความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้บนถนนสาธารณะอีกด้วย โดยใช้ทางหลวงที่ปิดยาว 18 กม. (11 ไมล์) ในเนวาดา สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดนได้ขับ Agera RS ที่เป็นของลูกค้าด้วยความเร็ว 447.2 กม./ชม. การทำสถิติบนถนนจริงนี้ทำให้ Agera RS ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงในประวัติศาสตร์รถยนต์ความเร็วสูง

Bugatti Mistral
ความเร็วสูงสุด: 453.9 กม./ชม. (282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 5.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 239.2 ล้านบาท)

Bugatti อาจมีประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ยาวนานถึง 115 ปี แต่แบรนด์ฝรั่งเศสยังคงสร้างข่าวพาดหัวอย่างต่อเนื่อง – ล่าสุดคือ Bugatti Mistral แม้แต่สำหรับ Bugatti เอง ก็ยังแพงและหายากอย่างเหลือเชื่อ โดยจำกัดการผลิตเพียง 99 คัน แต่พูดง่ายๆ คือ Mistral เป็นรถยนต์เปิดประทุนที่เร็วที่สุดในสายการผลิต ด้วยนักทดสอบผู้ทรงเกียรติอย่าง Andy Wallace เป็นผู้ขับ Mistral ได้สร้างสถิติที่ Papenburg, Germany ในปี 2024 โดยทำความเร็ว 453.9 กม./ชม. ด้วยเครื่องยนต์ W16 สี่เทอร์โบ 8 ลิตร อันเลื่องชื่อของ Bugatti ซึ่งในไม่ช้าจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ V16 ที่หายใจเองตามธรรมชาติอันน่าทึ่งของ Tourbillon นี่คือการแสดงความยิ่งใหญ่ของเครื่องยนต์สันดาปภายในก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของพลังงานทางเลือก

SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 455.3 กม./ชม. (282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 69 ล้านบาท)

สถิติความเร็วสูงสุดมักจะมาพร้อมกับข้อโต้แย้ง และ SSC ผู้ปรับแต่งสัญชาติอเมริกันได้จุดประกายความร้อนแรงบนอินเทอร์เน็ตเมื่อความเร็วสูง 508 กม./ชม. (316 ไมล์ต่อชั่วโมง) ที่อ้างว่าทำได้ของไฮเปอร์คาร์ Tuatara ถูกตั้งคำถาม วิดีโอการพยายามทำสถิติบนทางหลวงเนวาดาถูกอ้างว่าพิสูจน์ว่ารถไม่เคยทำความเร็วได้ตามที่ SSC กล่าวอ้าง ในปี 2021 SSC ได้พยายามทำสถิติความเร็วอีกครั้งด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำยิ่งขึ้นและพยานอิสระเพื่อแก้ไขปัญหา โดยบันทึกค่าเฉลี่ยสองทางที่ 455.3 กม./ชม. แม้จะไม่ถึง 500 กม./ชม. แต่ก็ยังน่าประทับใจอย่างยิ่ง Tuatara มีกำลังมากมาย ด้วยเครื่องยนต์ V8 Flat-Plane-Crank 5.9 ลิตร พร้อมทวินเทอร์โบที่ให้กำลัง 1,750 แรงม้า และแรงบิด 1,735 นิวตันเมตร ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์ส่วนใหญ่ในลิสต์นี้ พลังงานทั้งหมดนี้ถูกส่งไปยังล้อหลังเท่านั้น เมื่อรวมกับโครงและตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้น้ำหนักลดลงเหลือเพียง 1,247 กก.

Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 490.4 กม./ชม. (304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 138 ล้านบาท)

นับตั้งแต่เป็นอัญมณีในมงกุฎของ Volkswagen Group Bugatti ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของพลังและความเร็วในทางตรง การพัฒนา Veyron และ Chiron ล้วนนำไปสู่การสร้าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ ซึ่งทำลายสถิติทั้งหมดของ marque และพุ่งทะลุขีดจำกัด 300 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 480 กม./ชม.) ที่ดูเหมือนจะผ่านไม่ได้ เพื่อให้บรรลุความสำเร็จนี้ เครื่องยนต์ W16 8.0 ลิตร ของ Bugatti ถูกปรับแต่งให้สร้างกำลัง 1,578 แรงม้า ซึ่งมากกว่า Chiron รุ่นมาตรฐาน 99 แรงม้า นอกจากนี้ยังเพิ่มการระบายความร้อนสำหรับเครื่องยนต์และกระปุกเกียร์ พร้อมด้วยการเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์มากมาย การอัปเกรดแอโรไดนามิกก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเร็วสูงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนท้าย ‘Longtail’ ที่เพิ่มตัวถัง 25 ซม. เพื่อปรับปรุงการไหลของอากาศ Chiron Super Sport 300+ ทำความเร็วได้ 490.4 กม./ชม. ที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี และมีการสร้างรถยนต์ 30 คันที่โรงงาน Molsheim ของ Bugatti สำหรับลูกค้าผู้มีอภิสิทธิ์ โดยแต่ละคันมีราคา 3 ล้านปอนด์

Koenigsegg Jesko Absolut
ความเร็วสูงสุด: 500 กม./ชม. (310 ไมล์ต่อชั่วโมง) (เป้าหมาย)
ราคา: 2.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 105.8 ล้านบาท) (โดยประมาณ)

Koenigsegg ไม่ได้ขาดประสบการณ์ในการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่ทำให้ Bugatti ต้องกังวล ดังนั้นเมื่อ Christian Von Koenigsegg ประกาศเองว่าแบรนด์กำลังพัฒนารถยนต์ “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างมา” นี่ไม่ใช่คำกล่าวที่ควรละเลย รถยนต์ที่ว่าคือ Jesko Absolut ซึ่งเป็นรุ่นที่มีแรงต้านต่ำของ Koenigsegg Jesko 1,578 แรงม้า รถยนต์รุ่นมาตรฐานนั้นห่างไกลจากความเชื่องช้า แต่วิศวกรของแบรนด์สวีเดนได้ใช้เวลาอย่างมากในการปรับแต่งอย่างพิถีพิถันเพื่อปรับปรุงค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านและกำลังของรถยนต์ให้ดียิ่งขึ้น มาตรการเหล่านี้รวมถึงตัวถังที่ยาวขึ้น การถอดปีกหลังออก และมาตรการลดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงสิ่งที่ Koenigsegg อ้างว่าเป็นเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบ 5.0 ลิตร อันดุดันยังได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มกำลังเล็กน้อยเป็น 1,600 แรงม้า แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่เป้าหมายของแบรนด์คือความเร็วสูงสุด 500 กม./ชม. แม้ว่าในตอนแรกอาจฟังดูห่างไกลความจริง แต่ Koenigsegg เป็นเจ้าของตำแหน่ง “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” มาก่อน ดังนั้นความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่แข่งเก่าแก่อย่าง Bugatti จึงสูงมาก

Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 495 กม./ชม. (308 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ราคา: 250,000 ปอนด์ (ประมาณ 11.5 ล้านบาท) ขึ้นไป

เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์พัฒนาไปไกลมากในเวลาอันสั้นจนดูแทบไม่น่าเชื่อว่ารถยนต์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 46 ล้านบาท) จะสามารถทำลายสถิติความเร็วที่สร้างโดยรถยนต์ที่แพงที่สุดในธุรกิจได้ นั่นคือสิ่งที่ Yangwang U9 Xtreme ได้ทำ โดยสร้างสถิติ 495 กม./ชม. เพื่อครองตำแหน่งสูงสุดในปัจจุบัน นั่นเป็นผลมาจากการปรับปรุงแอโรไดนามิกจากรุ่นมาตรฐาน รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัวที่ทรงพลังเป็นพิเศษ และกำลังรวมที่น่าทึ่งถึง 2,978 แรงม้า มันยังใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ และแม้แต่ U9 รุ่นปกติ ซึ่งมีระบบ 800V แบตเตอรี่ได้รับการตั้งค่าเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถใช้พลังงานที่ความเร็วสูงได้เร็วขึ้น (โดยไม่เกิดความร้อนสูงเกินไป) และจัดหาโดย BYD ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Yangwang นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้าในการก้าวข้ามขีดจำกัดของเครื่องยนต์สันดาปภายในและเข้าสู่ยุคใหม่ของไฮเปอร์คาร์

ตารางสรุปสุดยอดรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025

อันดับรถยนต์ราคาเริ่มต้น (โดยประมาณ)ความเร็วสูงสุด (โดยประมาณ)
1.Yangwang U9 Xtreme11.5 ล้านบาท+495 กม./ชม.
2.Koenigsegg Jesko Absolut105.8 ล้านบาท500 กม./ชม. (เป้าหมาย)
3.Bugatti Chiron Super Sport 300+138 ล้านบาท490.4 กม./ชม.
4.SSC Tuatara69 ล้านบาท455.3 กม./ชม.
5.Bugatti Mistral239.2 ล้านบาท453.9 กม./ชม.
6.Koenigsegg Agera RS161 ล้านบาท447.2 กม./ชม.
7.Bugatti Tourbillon161 ล้านบาท+446 กม./ชม. (โดยประมาณ)
8.Hennessey Venom F578.2 ล้านบาท437.1 กม./ชม.
9.Bugatti Veyron46 ล้านบาท431 กม./ชม.
10.Rimac Nevera/Nevera R110.4 ล้านบาท415 กม./ชม./431 กม./ชม.
11.SSC Ultimate Aero23 ล้านบาท412.3 กม./ชม.
12.Koenigsegg Regera119.6 ล้านบาท410 กม./ชม.
13.Czinger 21C V Max69 ล้านบาท407 กม./ชม.+
14.McLaren Speedtail96.6 ล้านบาท402 กม./ชม.
15.Ultima RS5.9 ล้านบาท402 กม./ชม.
16.Aspark Owl115 ล้านบาท400 กม./ชม.
17.Koenigsegg Gemera & CCXR92 ล้านบาท399 กม./ชม.
18.Saleen S7 Twin Turbo23 ล้านบาท399 กม./ชม.
19.W Motors Fenyr Supersport64.4 ล้านบาท394 กม./ชม.
20.McLaren F1690 ล้านบาท+386.4 กม./ชม.

รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก: ทางเลือก 320 กม./ชม. (200 ไมล์ต่อชั่วโมง)

รถยนต์ที่เร็วที่สุดในลิสต์นี้มีราคาแพงลิบลิ่ว โดยส่วนใหญ่ต้องใช้เงินเจ็ดหลักเพื่อซื้อ และต้องเตรียมเงินจำนวนมากไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาประจำวันด้วย อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงรถยนต์โปรดักชั่นที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 320 กม./ชม. นั้นง่ายกว่าที่เคยเป็นมา คุณยังคงต้องมีเงินสดจำนวนมากเพื่อซื้อ แต่ด้วยผู้ผลิตที่นำเสนอรถยนต์ความเร็ว 320 กม./ชม. มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้มีตัวเลือกมากมายหากคุณอยู่ในตำแหน่งที่โชคดีที่สามารถซื้อได้

มีรถยนต์อังกฤษจำนวนหนึ่งที่เข้าร่วมคลับนี้ รวมถึง Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS และ McLaren หลายรุ่น และที่น่าสนใจคือยังมีรถยนต์เปิดประทุนบางรุ่นที่สามารถทำความเร็วได้มากกว่า 320 กม./ชม. แม้ว่าจะต้องปิดหลังคาเพื่อทำความเร็วนี้ก็ตาม Lamborghini Huracan Evo Spyder (323 กม./ชม.) และ Ferrari 296 GTS (330 กม./ชม.+) เป็นสองรุ่นเปิดประทุนของรถคูเป้ที่เร็วกว่า

หากคุณต้องการรถยนต์หรูหราที่รวดเร็ว อีกทางเลือกหนึ่งคือรถแกรนด์ทัวเรอร์ รถยนต์เหล่านี้ทำความเร็วสูงได้โดยไม่ลดทอนความหรูหรา และเป็นรถยนต์อังกฤษที่นำหน้าอีกครั้ง Bentley นำเสนอ Flying Spur สี่ประตู (333 กม./ชม.) ที่น่าทึ่ง ในขณะที่ Bentley Continental GT Speed ทำได้ 335 กม./ชม. โดยธรรมชาติแล้ว รถยนต์ส่วนใหญ่ในคลับ 320 กม./ชม. ประกอบด้วยซูเปอร์คาร์สองที่นั่ง รุ่นต่างๆ เช่น Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ล้วนเกินเกณฑ์นี้ในขณะที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น และยังมีตัวเลือกของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด โดย Ferrari SF90 ทำความเร็วได้ 340 กม./ชม.

คุณอาจอ่านลิสต์นี้แล้วคิดว่ามีชื่อใหญ่ๆ บางชื่อที่ขาดหายไป มีไฮเปอร์คาร์ระดับไฮเอนด์จำนวนมากที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดในแบบที่คุณต้องทำเมื่อตั้งเป้าที่จะผ่าน 400 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง) Aston Martin Valkyrie และ Mercedes-AMG One (350 กม./ชม.+) ที่น่าทึ่ง ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบเวลาต่อรอบที่ดีที่สุด แทนที่จะเป็นความเร็วสูงสุด และเช่นเดียวกับ Porsche 911 GT2 RS ที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่าแต่ยังคงน่าเกรงขาม

ประวัติศาสตร์รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก: จากอดีตถึงปัจจุบัน

รถยนต์คันแรกของโลกที่ได้รับการยอมรับคือ Benz Patent Motorwagen สร้างขึ้นในปี 1898 เริ่มต้นลิสต์ของเราด้วยความเร็วสูงสุด 19 กม./ชม. (12 ไมล์ต่อชั่วโมง) เพียงครึ่งศตวรรษต่อมา ในปี 1949 Jaguar ได้ยกระดับเดิมพันนี้ขึ้นสิบเท่า ด้วย Jaguar XK120

ทศวรรษ 1950 เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ซึ่งทั้งสองรุ่นสามารถทำความเร็วได้เกิน 240 กม./ชม. (150 ไมล์ต่อชั่วโมง) ตามมาด้วยทศวรรษ 1960 และการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งมากมายระหว่างแบรนด์อิตาลีหลายแห่ง Iso Grifo เป็นผู้กำหนดทิศทางในปี 1963 ด้วยความเร็วสูงสุด 259 กม./ชม. (161 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ผู้มาใหม่ AC Cobra ที่สร้างโดยอังกฤษ-อเมริกา ได้แย่งชิงตำแหน่งไปชั่วคราวในปี 1965 ก่อนจะถูก Lamborghini Miura, Ferrari 365 GTB/4 และ Miura P400S เอาชนะไปในระหว่างปี 1967 ถึง 1969

สิบสามปีผ่านไปก่อนที่ Lamborghini จะสามารถทำลายสถิติของตัวเองด้วย Countach ซึ่งเป็นรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกที่ผ่านกำแพง 290 กม./ชม. (180 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในปี 1983 RUF ผู้ปรับแต่ง Porsche สัญชาติเยอรมัน เสนอ BTR ความเร็ว 305 กม./ชม. (190 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในขณะที่ซูเปอร์คาร์ของ Porsche เอง 959 ทำความเร็วได้ 318 กม./ชม. (198 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในปี 1986

Ferrari สร้างรถยนต์โปรดักชั่นคันแรกของโลกที่ผ่านกำแพง 320 กม./ชม. (200 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในปี 1987 ด้วย F40 กำลัง 472 แรงม้า เมื่อเข้าสู่ทศวรรษ 1990 McLaren F1 ได้ยกระดับเดิมพันอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุด 355 กม./ชม. (221 ไมล์ต่อชั่วโมง) แม้ว่า F1 ที่ไม่มีตัวจำกัดรอบเครื่องยนต์จะทำความเร็วได้ถึง 386 กม./ชม. (240 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ช่วงเวลาสั้นๆ ของ Koenigsegg CCR ในฐานะรถยนต์โปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลกเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2005 โดยทำความเร็วได้ 388 กม./ชม. (241 ไมล์ต่อชั่วโมง) ที่ Nardo Ring ของอิตาลี เพียงสองเดือนต่อมา Bugatti Veyron ได้พุ่งทะลุกำแพง 400 กม./ชม. (250 ไมล์ต่อชั่วโมง) และครองตำแหน่งด้วยความเร็ว 408.4 กม./ชม. (253.8 ไมล์ต่อชั่วโมง)

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bugatti และ Koenigsegg ได้แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสูงสุด โดยมีผู้ท้าชิงที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเช่น ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกันอย่าง SSC และ Hennessey และในปัจจุบันเราได้เห็นการก้าวเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในทุกขณะ

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการนี้มานาน ผมเชื่อว่าอนาคตของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะมาทำลายขีดจำกัดเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานไฟฟ้า ระบบ AI อัจฉริยะ หรือวัสดุศาสตร์ที่ก้าวหน้า รถยนต์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องจักร แต่เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ที่พยายามจะก้าวข้ามทุกขีดจำกัด คุณเองก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์นี้ได้ หากคุณหลงใหลในความเร็วและเทคโนโลยี ลองจินตนาการถึงไฮเปอร์คาร์ในฝันของคุณ แล้วบอกเราว่าคันไหนคือที่สุดในใจคุณ และคุณคิดว่ารถยนต์รุ่นใดจะเป็นผู้สร้างสถิติใหม่ในปีถัดไป? ร่วมแบ่งปันความคิดเห็นของคุณได้เลย!

Previous Post

N1111428 เธออยู่ข้างฉันเสมอ part 2

Next Post

N1111421 แฟนเก่าห้องข้างๆ part 2

Next Post
N1111421 แฟนเก่าห้องข้างๆ part 2

N1111421 แฟนเก่าห้องข้างๆ part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1111489 เป นแค แม าน ทำไมข บรถหร มาทำงาน part 2
  • N1111486 เพ อนก นเขาไม แย งแฟนก นหรอก part 2
  • N1111488 เจ าของบ านต วจร งค อใคร part 2
  • N1111490 เป นเม ยประธานบร ทำไมมาก นข าวกล องข างทาง part 2
  • N1111487 เม อสาม พาหญ งอ นข นรถ part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.