ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
ยนตรกรรมแห่งความเร็วระดับโลกปี 2025: 20 สุดยอดรถถนนที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
ในโลกยานยนต์ยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวข้ามขีดจำกัดไปอย่างไม่หยุดยั้ง การแสวงหา “ความเร็วสูงสุด” ยังคงเป็นหนึ่งในแรงผลักดันหลักที่จุดประกายจินตนาการของวิศวกรและผู้ที่หลงใหลในความเร็วทั่วโลก แม้ว่าในชีวิตประจำวัน ความเร็วระดับ 70 ไมล์ต่อชั่วโมงก็ถือว่าเกินพอสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่บนท้องถนน แต่สำหรับอาณาจักรแห่งไฮเปอร์คาร์ (Hypercar) และซูเปอร์คาร์ (Supercar) การทำลายสถิติความเร็วสูงสุดคือการประกาศศักดาแห่งนวัตกรรม วิศวกรรม และบารมี
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าติดตามพัฒนาการอันน่าทึ่งของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกมาอย่างใกล้ชิด และปี 2025 นี้เป็นอีกปีที่เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง (High-performance electric vehicles) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ หรือการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของค่ายยักษ์ใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน เราจะพาคุณเจาะลึก 20 สุดยอดรถถนนที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อพิชิตความเร็วขั้นสูงสุด ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เพื่อค้นหาสุดยอดสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบได้
การสร้างรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้อย่างน่าเหลือเชื่อนั้นไม่ใช่เพียงแค่การใส่เครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเข้าไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ไร้ที่ติ การใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ไปจนถึงการพัฒนาระบบส่งกำลังและระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน เพื่อให้รถยนต์สามารถรักษาเสถียรภาพและความปลอดภัยได้ในความเร็วระดับมหาศาล การที่รถยนต์เหล่านี้ยังคงได้รับอนุญาตให้วิ่งบนถนนสาธารณะได้นั้น ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความอัจฉริยะทางวิศวกรรมที่แท้จริง และนี่คือลิสต์ล่าสุดของรถถนนที่เร็วที่สุดในโลกประจำปี 2025 ที่ได้รวบรวมจากข้อมูลและการทดสอบล่าสุด เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับนิยามใหม่ของความเร็ว
McLaren F1
ความเร็วสูงสุด: 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง (386.4 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: มากกว่า 15 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: แม้จะผ่านมาหลายทศวรรษ McLaren F1 ยังคงเป็นตำนานที่ไม่เลือนหาย รถคันนี้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยเครื่องยนต์ V12 ไร้ระบบอัดอากาศ และเกียร์ธรรมดา ซึ่งเป็นหัวใจที่นักขับทั่วโลกยังคงโหยหา ด้วยตำแหน่งคนขับตรงกลางอันเป็นเอกลักษณ์ F1 คือจุดเริ่มต้นของยุคไฮเปอร์คาร์ และเป็นแรงบันดาลใจให้ Gordon Murray ผู้สร้างสรรค์ ยังคงสานต่อปรัชญาความเร็วบริสุทธิ์ในผลงานยุคใหม่ การปรากฏตัวของมันในลิสต์นี้ยังคงแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำเหนือกาลเวลา
W Motors Fenyr Supersport
ความเร็วสูงสุด: 245 ไมล์ต่อชั่วโมง (394 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1.4 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: จากผู้ผลิตสัญชาติเลบานอนที่ตั้งฐานในดูไบ Fenyr Supersport ไม่ได้มีดีแค่รูปลักษณ์สุดล้ำราวกับหลุดมาจากภาพยนตร์ไซไฟ แต่ยังมาพร้อมสมรรถนะที่เหลือเชื่อ ด้วยเครื่องยนต์แฟลตซิกซ์เทอร์โบคู่จากสำนักแต่ง Ruf ของเยอรมนี W Motors ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ไม่เพียงแต่มอบความเร็ว แต่ยังเปี่ยมด้วยความหรูหราเฉพาะตัว ด้วยการประดับเพชรและแซฟไฟร์ในส่วนประกอบต่างๆ ทำให้ Fenyr Supersport เป็นมากกว่ารถยนต์ แต่เป็นงานศิลปะที่เคลื่อนที่ได้ และเป็นที่จดจำจากบทบาทในภาพยนตร์ Fast & Furious ภาค 7
Saleen S7 Twin Turbo
ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (399 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 500,000 ปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Saleen S7 Twin Turbo คือตัวแทนความดุดันแบบอเมริกันแท้ๆ ที่ปรากฏตัวในปี 2005 ด้วยพละกำลัง 750 แรงม้าจากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ขนาดใหญ่ การประกาศว่าจะโค่นแชมป์ McLaren F1 ด้วยความเร็ว 248 ไมล์ต่อชั่วโมงสร้างความฮือฮาอย่างมากในยุคนั้น แม้ว่าความเร็วสูงสุดนี้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นทางการในทุกสภาวะ แต่ S7 Twin Turbo ก็ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในยุคของมัน ด้วยการออกแบบที่ก้าวร้าวและเสียงคำรามของเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์
Koenigsegg Gemera & CCXR
ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (400 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Koenigsegg ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์จากสวีเดน มีชื่อปรากฏในลิสต์นี้หลายครั้ง และที่อันดับ 17 นี้ เราขอนำเสนอสองรุ่นที่ต่างยุคแต่มีความเร็วสูงสุดเท่ากัน นั่นคือ Gemera และ CCXR Gemera คือ “Mega-GT” แบบไฮบริดที่ทันสมัย มาพร้อมสามมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลังและเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็ก แต่มีสมรรถนะรวมมหาศาล ในขณะที่ CCXR คือรุ่นเก่าที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเท่านั้น แต่ด้วยน้ำหนักที่เบาและการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้มันยังคงยืนหยัดอยู่ในอันดับเดียวกัน เป็นบทพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่ยังคงมุ่งสู่จุดสูงสุดเดียวกัน
Aspark Owl
ความเร็วสูงสุด: 249 ไมล์ต่อชั่วโมง (400 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.5 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทสำคัญ Aspark Owl จากญี่ปุ่นคือตัวอย่างอันโดดเด่นของไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่ผลิตจำนวนจำกัด Owl เปิดตัวในรูปแบบต้นแบบปี 2017 พร้อมตัวเลขที่น่าทึ่ง ทั้งอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.72 วินาที ซึ่งอาจทำให้เป็นรถยนต์ที่อัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก และความเร็วสูงสุด 249 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ทำได้ด้วยพละกำลัง 1,985 แรงม้า การออกแบบที่เน้นอากาศพลศาสตร์และแบตเตอรี่น้ำหนักเบาทำให้ Owl เป็นผู้ท้าชิงที่น่าจับตาในกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง
Ultima RS
ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (402 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 130,000 ปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Ultima RS คือรถยนต์ “Kit Car” ที่เป็นข้อยกเว้นในลิสต์นี้อย่างชัดเจน ไม่เพียงเพราะราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าหลายเท่า แต่ยังเป็นรถที่ลูกค้าสามารถนำไปประกอบเองได้ การขับขี่ด้วยความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงในรถที่สร้างขึ้นจากโรงรถ อาจฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่ Ultima RS พิสูจน์แล้วว่าทำได้ ด้วยปรัชญาแบบ “Old School” ที่เน้นน้ำหนักเบาเป็นพิเศษและเครื่องยนต์ Corvette ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีพละกำลังสูงถึง 1,200 แรงม้า โดยปราศจากเทคโนโลยีอันซับซ้อน ทำให้ Ultima RS เป็นสัญลักษณ์ของความเร็วที่เข้าถึงได้ด้วยหัวใจวิศวกรรมที่บริสุทธิ์
McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (402 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.1 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: McLaren Speedtail คือหนึ่งในรุ่น “Ultimate Series” ที่สืบทอดจิตวิญญาณจาก F1 ในตำนาน ด้วยการทำความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ถึงกว่า 30 ครั้งในการทดสอบที่ Kennedy Space Centre Speedtail ไม่เพียงเร็วกว่า F1 แต่ยังคงเอกลักษณ์ด้วยการจัดเรียงที่นั่งแบบสามที่นั่ง โดยคนขับอยู่ตรงกลาง การผลิตจำกัดเพียง 106 คันเท่ากับ F1 ทำให้ Speedtail เป็นของสะสมที่หายากและเป็นตัวแทนของความลงตัวระหว่างความเร็วระดับสูง ความหรูหรา และนวัตกรรมที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบไฮบริด
Czinger 21C V Max
ความเร็วสูงสุด: มากกว่า 253 ไมล์ต่อชั่วโมง (407 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1.5 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Czinger 21C V Max คือผลลัพธ์ของการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและการออกแบบที่ล้ำสมัย ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลังรวม 1,233 แรงม้า ทำให้ 21C V Max สามารถเร่งความเร็ว 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 1.9 วินาที และรุ่น V Max ที่ลดอุปกรณ์อากาศพลศาสตร์เพื่อลดแรงต้านลม ยังสามารถผลักดันความเร็วสูงสุดให้ทะลุ 250 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อย่างง่ายดาย Czinger คือบทพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติและวิศวกรรมอวกาศ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างรถยนต์สมรรถนะสูงได้อย่างไร
Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 255 ไมล์ต่อชั่วโมง (410 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.6 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Koenigsegg Regera คืออีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกจากสวีเดน ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการทำลายสถิติความเร็ว Regera ใช้ระบบส่งกำลังแบบไฮบริดที่มีพละกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์แบบ Single-speed ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ทำให้สามารถทำความเร็ว 255 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากความเร็วแล้ว Regera ยังสร้างสถิติโลก 0-249-0 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 2019 ซึ่งเป็นการรวมประสิทธิภาพทั้งอัตราเร่งและเบรกเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
SSC Ultimate Aero
ความเร็วสูงสุด: 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง (412.28 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 500,000 ปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: SSC Ultimate Aero เคยสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการยานยนต์ด้วยการโค่นแชมป์ Bugatti Veyron ในยุคของมัน ด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 1,183 แรงม้า Ultimate Aero ทำความเร็วสูงสุด 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมงบนถนนสาธารณะที่ปิดชั่วคราวใกล้โรงงานในวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา SSC Ultimate Aero โดดเด่นด้วยประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบและท้าทาย โดยไม่มีระบบช่วยขับขี่อย่างระบบควบคุมการยึดเกาะ ทำให้มันเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในรถยนต์ที่มอบประสบการณ์ที่บริสุทธิ์ที่สุดในบรรดารถที่เร็วที่สุดในโลก
Rimac Nevera/Nevera R
ความเร็วสูงสุด: 258 ไมล์ต่อชั่วโมง (415 กม./ชม.) / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (431 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.4 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Rimac Nevera คือผู้นำแห่งยุคใหม่และเป็นไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยพละกำลังมหาศาล 1,888 แรงม้าและแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร Nevera สามารถเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.9 วินาที และยังคงทะยานต่อไปถึง 186 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 9.3 วินาที แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี EV ที่ก้าวล้ำ นอกจากนี้ Nevera R รุ่นล่าสุดยังเพิ่มพละกำลังเป็น 2,078 แรงม้าและทำความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมง พร้อมอัตราเร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.8 วินาที และ 0-186 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 7.9 วินาที ทำให้มันเป็นรถถนนที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นตัวบ่งชี้ว่าอนาคตของความเร็วอาจเป็นของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง
Bugatti Veyron
ความเร็วสูงสุด: 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (431 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Bugatti Veyron คือชื่อที่สร้างปรากฏการณ์และยังคงได้รับการยอมรับอย่างสูงในวงการยานยนต์ Veyron Super Sport ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร ควอดเทอร์โบ พละกำลัง 1,183 แรงม้า สร้างความตกตะลึงด้วยความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมง Veyron ไม่เพียงแต่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับไฮเปอร์คาร์ แต่ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ในตำนานที่สามารถท้าทายแม้กระทั่งรถยนต์ไฟฟ้าในด้านอัตราเร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงภายในเวลาต่ำกว่า 2.5 วินาที ทำให้มันเป็น “ยอดเยี่ยมตลอดกาล” ที่ยังคงน่าเกรงขาม
Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง (437.1 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1.7 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Hennessey แบรนด์จากอเมริกาที่เริ่มต้นจากการเป็นสำนักแต่ง ก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้สร้างไฮเปอร์คาร์ ได้สร้าง Venom F5 ขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ชัดเจนคือการทำลายกำแพงความเร็ว Venom F5 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ “Fury” ที่มีพละกำลังมหาศาล 1,817 แรงม้า และได้พิสูจน์ความเร็วแล้วที่ 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมงในการทดสอบ Venom F5 ยังคงอยู่ในช่วงการพัฒนาเพื่อเป้าหมายที่ 311 ไมล์ต่อชั่วโมง และด้วยอัตราเร่ง 0-249 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 15.5 วินาที ทำให้ Hennessey เป็นผู้ท้าชิงที่น่าจับตาในการแข่งขันความเร็วสูงสุดนี้
Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (446 กม./ชม.) (ประมาณการ)
ราคาโดยประมาณ: มากกว่า 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณการ)
ทำไมถึงติดอันดับ: Bugatti Tourbillon คือทายาทคนล่าสุดของ Bugatti ที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะเข้ามาสร้างความฮือฮาในวงการไฮเปอร์คาร์ ด้วยระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V16 ไร้ระบบอัดอากาศ 986 แรงม้า เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มีพละกำลังรวมมากกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของ Bugatti ในการสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน เราจึงมั่นใจว่า Tourbillon จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านความเร็วเมื่อออกสู่ตลาดในปี 2026 ด้วยการออกแบบและเทคโนโลยีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลไกนาฬิกา Tourbillon จึงเป็นทั้งงานศิลปะแห่งเวลาและความเร็ว
Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง (447.2 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 3.5 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Koenigsegg Agera RS สร้างสถิติโลกอันน่าทึ่งในปี 2017 ด้วยการเป็นรถยนต์ที่ทำความเร็วสูงสุดบนถนนสาธารณะที่ปิดชั่วคราวในเนวาดา สหรัฐอเมริกา ด้วยความเร็วเฉลี่ยสองทิศทาง 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้ Agera RS ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งความเร็วอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีพละกำลังสูงสุด และการออกแบบที่เน้นอากาศพลศาสตร์อย่างเข้มข้น Agera RS ไม่เพียงแต่ทำลายสถิติ แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ผลิตรายอื่นๆ ในการผลักดันขีดจำกัดของความเร็วให้ก้าวไปอีกขั้น
Bugatti Mistral
ความเร็วสูงสุด: 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง (453.9 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 5.2 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Bugatti Mistral คือสุดยอดผลงานล่าสุดจาก Bugatti และเป็นรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลกที่ผลิตออกมาในปัจจุบัน แม้จะมีจำนวนจำกัดเพียง 99 คัน แต่ Mistral ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทำความเร็ว 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยมีนักขับทดสอบระดับตำนาน Andy Wallace เป็นผู้ขับ ด้วยเครื่องยนต์ W16 ควอดเทอร์โบ 8.0 ลิตร อันเลื่องชื่อของ Bugatti Mistral คือการเฉลิมฉลองบทสุดท้ายของเครื่องยนต์ W16 ที่กำลังจะถูกแทนที่ด้วยขุมพลัง V16 ไร้ระบบอัดอากาศใน Tourbillon ทำให้ Mistral เป็นทั้งความเร็วอันน่าทึ่งและชิ้นส่วนของประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้
SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง (455.3 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1.5 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: SSC Tuatara คือชื่อที่เคยสร้างความถกเถียงในวงการด้วยการอ้างความเร็ว 316 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่หลังจากมีการตรวจสอบและทดสอบใหม่ในปี 2021 ด้วยอุปกรณ์วัดเวลาที่แม่นยำและพยานอิสระ Tuatara ได้สร้างสถิติความเร็วเฉลี่ยสองทิศทางที่น่าประทับใจถึง 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 5.9 ลิตร พละกำลัง 1,750 แรงม้า ที่ส่งตรงไปยังล้อหลังเท่านั้น และโครงสร้างน้ำหนักเบาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้ Tuatara เป็นไฮเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกันที่เปี่ยมด้วยพละกำลังและความเร็วอันน่าเกรงขาม
Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง (490.48 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 3 ล้านปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: Bugatti Chiron Super Sport 300+ คือรถยนต์ที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นรถถนนคันแรกที่สามารถทะลุกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยความเร็ว 304.774 ไมล์ต่อชั่วโมงบนสนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เครื่องยนต์ W16 8.0 ลิตรของ Bugatti ได้รับการปรับแต่งให้มีพละกำลัง 1,578 แรงม้า พร้อมการปรับปรุงระบบระบายความร้อนและอากาศพลศาสตร์อย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนท้ายแบบ “Longtail” ที่เพิ่มความยาวขึ้น 25 ซม. เพื่อลดแรงต้านอากาศ การผลิตจำกัดเพียง 30 คันสำหรับลูกค้าผู้ทรงเกียรติ ทำให้ Chiron Super Sport 300+ เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จสูงสุดด้านความเร็ว
Koenigsegg Jesko Absolut
ความเร็วสูงสุด: 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (499 กม./ชม.) (เป้าหมาย)
ราคาโดยประมาณ: 2.3 ล้านปอนด์ (โดยประมาณ)
ทำไมถึงติดอันดับ: เมื่อ Christian Von Koenigsegg ประกาศว่ากำลังสร้าง “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะเคยทำมา” นั่นคือ Jesko Absolut รถรุ่นนี้คือเวอร์ชันที่ลดแรงต้านอากาศของ Jesko ที่มีพละกำลัง 1,578 แรงม้า (และเพิ่มเป็น 1,600 แรงม้าสำหรับ Absolut) วิศวกรชาวสวีเดนได้ทุ่มเทเวลาอย่างมากในการปรับแต่งอากาศพลศาสตร์อย่างพิถีพิถัน รวมถึงการขยายตัวถัง ถอดปีกหลังออก และลดน้ำหนักลงให้มากที่สุด แม้ตัวเลขอย่างเป็นทางการยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่เป้าหมายที่ 310 ไมล์ต่อชั่วโมงของ Koenigsegg คือการประกาศความมุ่งมั่นที่จะทวงคืนบัลลังก์ความเร็วสูงสุด และด้วยประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของแบรนด์นี้ เป้าหมายนี้จึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 308 ไมล์ต่อชั่วโมง (496 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 250,000 ปอนด์
ทำไมถึงติดอันดับ: ในปี 2025 นี้ Yangwang U9 Xtreme คือผู้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ด้วยการเป็นรถยนต์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์ที่สามารถทำลายสถิติความเร็วสูงสุดของรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกบางคัน ด้วยความเร็ว 308 ไมล์ต่อชั่วโมง U9 Xtreme ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยพลังจากสี่มอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลังและพละกำลังรวมกว่า 2,978 แรงม้า! เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ผนวกกับสถาปัตยกรรม 1,200V ที่ช่วยในการส่งกำลังอย่างรวดเร็ว ทำให้ Yangwang U9 Xtreme ไม่เพียงแต่เร็วเหนือความคาดหมาย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เทคโนโลยี EV กำลังพลิกโฉมหน้าของความเร็วสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดย BYD บริษัทแม่ของ Yangwang ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านวัตกรรมที่เข้าถึงได้ก็สามารถสร้างสถิติโลกได้เช่นกัน
อนาคตของความเร็ว: การรวมพลังระหว่างวิศวกรรมดั้งเดิมและยุคใหม่
การเดินทางผ่านลิสต์สุดยอดรถถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025 นี้ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ จากรถยนต์ที่เน้นเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนๆ สู่ยุคของระบบไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ การแข่งขันเพื่อพิชิตความเร็วสูงสุดไม่เพียงแต่ผลักดันขีดจำกัดของเทคโนโลยี แต่ยังเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่เราไม่เคยจินตนาการถึง
ในขณะที่บางคนอาจโต้แย้งว่าความเร็วสูงสุดไม่มีความสำคัญในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้เชี่ยวชาญอย่างเราทราบดีว่ามันคือเวทีที่แสดงถึงความสามารถทางวิศวกรรม วิสัยทัศน์ และความกล้าหาญของผู้ผลิตรถยนต์ การได้เห็นรถยนต์อย่าง Yangwang U9 Xtreme ก้าวขึ้นมานำหน้าด้วยเทคโนโลยีไฟฟ้า หรือ Bugatti และ Koenigsegg ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อเป้าหมาย 300 ไมล์ต่อชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าความหลงใหลในความเร็วนั้นยังคงเป็นอมตะ
ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบเสียงคำรามของเครื่องยนต์ V16 หรือแรงผลักอันเงียบงันของมอเตอร์ไฟฟ้า สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือโลกของไฮเปอร์คาร์ยังคงน่าตื่นเต้นและก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง หากคุณเป็นผู้หลงใหลในความเร็วและเทคโนโลยี หรือกำลังมองหาการลงทุนในยนตรกรรมสุดพิเศษเหล่านี้ ยุค 2025 นี้มอบตัวเลือกที่น่าทึ่งมากมาย
คุณพร้อมที่จะสำรวจขีดจำกัดของความเร็วในโลกอนาคตไปพร้อมกับเราแล้วหรือยัง? ยนตรกรรมแห่งความเร็วเหล่านี้รอให้คุณมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง!
สุดยอดรถถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025: 20 อันดับที่เหนือทุกขีดจำกัดความเร็ว
ในโลกแห่งยนตรกรรม ความเร็วสูงสุดไม่ใช่แค่ตัวเลขสถิติที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิศวกรรมขั้นสูงสุด นวัตกรรมที่ก้าวล้ำ และความกล้าหาญในการผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงมานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าปี 2025 นี้ คือยุคที่การแข่งขันด้านความเร็วบนท้องถนนร้อนแรงกว่าที่เคย ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ยังรวมถึงขุมพลังไฟฟ้าที่พลิกโฉมวงการไฮเปอร์คาร์อย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 320 กม./ชม.) จะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสบนถนนสาธารณะ (ยกเว้นบนสนามแข่งหรือบนถนนเอาท์โทบาห์ที่ไร้ข้อจำกัดในเยอรมนี) แต่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำและแฟนพันธุ์แท้แล้ว การสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกถือเป็นสัญลักษณ์แห่งศักดิ์ศรี ความน่าเชื่อถือ และเป็นความท้าทายทางเทคนิคที่ซับซ้อนอย่างมหาศาล การก้าวข้ามขีดจำกัดด้านความเร็ว ต้องอาศัยการผสานรวมกันอย่างลงตัวระหว่างพละกำลังมหาศาล การออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ไร้ที่ติ และเทคโนโลยีการควบคุมที่ล้ำสมัย เพื่อให้รถยนต์ยังคงถูกกฎหมายและสามารถขับขี่บนท้องถนนได้จริง
การแข่งขันเพื่อสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ในยุคแรกเริ่ม รถแข่งอย่าง Bentley และ Bugatti ที่ลงสนาม Le Mans ก็ถูกนำมาปรับใช้บนท้องถนน แต่ในยุคปัจจุบัน รถยนต์สำหรับมอเตอร์สปอร์ตและรถยนต์บนท้องถนนได้ถูกออกแบบแยกจากกันอย่างชัดเจน การจะก้าวเข้ามาอยู่ในทำเนียบรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก จึงต้องทุ่มเททั้งเวลา งบประมาณ และทรัพยากรจำนวนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนาเฉพาะทาง
ผมยังจำความตื่นเต้นในยุค 90 ได้ดี เมื่อ Ferrari F40, Porsche 959, Jaguar XJ220 และ McLaren F1 พยายามช่วงชิงตำแหน่งรถยนต์คันแรกที่ทำความเร็วได้ถึง 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลังและรูปทรงที่ปราดเปรียว พวกเขาได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ที่จดทะเบียนบนท้องถนนได้
มาวันนี้ ผู้ผลิตกำลังต่อสู้กันที่ความเร็วใกล้ 300 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 480 กม./ชม.) ซึ่งเป็นความเร็วที่ยากจะเข้าถึงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว และที่น่าจับตามองอย่างยิ่งคือ การเข้ามามีบทบาทของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เทคโนโลยี EV ได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ทำให้แม้แต่ผู้ผลิตรายใหม่ก็สามารถสร้างรถยนต์ที่มีศักยภาพทัดเทียมหรือเหนือกว่าแบรนด์ใหญ่ในอดีตได้ นี่คือปรากฏการณ์ที่น่าสนใจและเป็นเครื่องยืนยันว่านวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่มีวันหยุดนิ่ง
ลิสต์ของ “รถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก” นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามการพัฒนาและการทดสอบอย่างต่อเนื่องของบรรดาผู้ผลิต นี่คือ 20 อันดับล่าสุดประจำปี 2025 ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยเน้นที่รุ่นที่ไม่ซ้ำซ้อนและไม่ได้ผ่านการดัดแปลงอย่างหนัก เพื่อให้สะท้อนถึงขีดสุดของวิศวกรรมการผลิตรถยนต์ที่แท้จริง
20 อันดับสุดยอดรถถนนที่เร็วที่สุดในโลกปี 2025
McLaren F1
ความเร็วสูงสุด: 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 386.4 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 15 ล้านปอนด์ขึ้นไป
รถยนต์ในตำนานคันนี้แทบจะไม่ต้องแนะนำตัวสำหรับผู้ที่เกิดก่อนศตวรรษที่ 21 McLaren F1 สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการทำลายสถิติโลกสำหรับรถยนต์ผลิตจริงในปี 1998 ด้วยความเร็วสูงสุด 240.1 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่น่าทึ่งคือ มันทำได้ด้วยเครื่องยนต์ V12 หายใจตามธรรมชาติและเกียร์ธรรมดา นี่คือจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ที่บริสุทธิ์และเป็นแรงบันดาลใจให้ Gordon Murray ผู้สร้างสรรค์ กลับมาอีกครั้งกับ GMA T.50 ซึ่งเป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณที่อาจจะเร็วพอๆ กันหรือเร็วกว่า แต่ยังไม่มีตัวเลขสถิติอย่างเป็นทางการออกมา นี่คือรถที่หลอมรวมความยิ่งใหญ่ของอดีตเข้ากับความเร้าใจในปัจจุบัน
W Motors Fenyr Supersport
ความเร็วสูงสุด: 245 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 394.3 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1.4 ล้านปอนด์
จากผู้ผลิตในเลบานอนที่ปัจจุบันมีฐานอยู่ในดูไบ W Motors ได้สร้างสรรค์ Fenyr SuperSport ตามความสำเร็จของ Lykan HyperSport รถทั้งสองรุ่นมีศักยภาพในการทำความเร็วสูงสุดถึง 245 ไมล์ต่อชั่วโมงตามที่ผู้ผลิตกล่าวอ้าง เครื่องยนต์ถูกพัฒนาโดย Ruf สำนักแต่ง Porsche ชื่อดังจากเยอรมนี นั่นคือเครื่องยนต์ Boxer 6 สูบ เทอร์โบคู่ ติดตั้งอยู่หลังห้องโดยสาร นอกจากสมรรถนะแล้ว รถคันนี้ยังโดดเด่นด้วยการใช้วัสดุพิเศษต่างๆ รวมถึงเพชรและแซฟไฟร์ประดับในไฟหน้า ทำให้เป็นรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง และหากคุณคุ้นหน้าคุ้นตา HyperSport นั่นก็เพราะมันคือรถที่แพงที่สุดที่เคยปรากฏในซีรีส์ภาพยนตร์ Fast & Furious และคือคันที่พุ่งชนระหว่างตึกระฟ้าใน Furious 7
Saleen S7 Twin Turbo
ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 399.1 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 500,000 ปอนด์
Saleen S7 Twin Turbo เปิดตัวในปี 2005 ด้วยพละกำลัง 750 แรงม้า พร้อมคำมั่นสัญญาว่าจะทำความเร็วได้ 248 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งแซงหน้า McLaren F1 ในตำนานไป 8 ไมล์ต่อชั่วโมง นี่คือคำกล่าวอ้างที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น โดยเฉพาะเมื่อ Saleen ไม่ได้มีชื่อเสียงระดับเดียวกับ McLaren (และ BMW ผู้สร้างเครื่องยนต์ F1) S7 Twin Turbo คือสัตว์ร้ายสัญชาติอเมริกันแท้ๆ ด้วยเครื่องยนต์ V8 และเทอร์โบขนาดมหึมาสองตัว แม้ว่าตัวเลขความเร็วสูงสุดนี้จะไม่เคยถูกพิสูจน์อย่างเป็นทางการ แต่ก็มีผู้ที่เข้าใกล้ความจริงมาแล้วหลายครั้ง
Koenigsegg Gemera & CCXR
ความเร็วสูงสุด: 248 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 399.1 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2 ล้านปอนด์
Koenigsegg เป็นชื่อที่ปรากฏในลิสต์นี้หลายครั้ง และในลำดับนี้เราได้รวมสองรุ่นคือ Gemera และ CCXR ซึ่งทั้งคู่มีความเร็วสูงสุด 248 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 400 กม./ชม. เป็นการปรากฏตัวคู่ที่เหมาะสมสำหรับแบรนด์สวีเดนนี้ Gemera คือรถไฮบริดที่ล้ำสมัยอย่างยิ่ง พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว มอเตอร์สองตัวหลังให้กำลังประมาณ 500 แรงม้า ในขณะที่มอเตอร์ตัวหน้าให้กำลังประมาณ 800 แรงม้า แถมยังมีเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ด้วย ส่วน CCXR เป็นรถรุ่นเก่ากว่ามากที่ทำความเร็วสูงสุดได้เท่ากัน โดยใช้เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยน้ำหนักที่เบากว่ามากและการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม
Aspark Owl
ความเร็วสูงสุด: 249 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 400.7 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.5 ล้านปอนด์
ในขณะที่คุณอาจคาดหวังที่จะเห็นชื่ออย่าง McLaren และ Koenigsegg ในลิสต์รถยนต์ถนนที่เร็วที่สุดในโลก แต่เซ็กเมนต์ที่เฉพาะเจาะจงนี้ยังเป็นเวทีสำหรับแบรนด์เกิดใหม่ที่ต้องการสร้างไฮเปอร์คาร์ทำมือจำนวนน้อย เช่นเดียวกับ Aspark Owl จากญี่ปุ่น ที่เปิดตัวในรูปแบบต้นแบบที่งาน Frankfurt Motor Show 2017 Owl เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่อีกรุ่นที่มาพร้อมตัวเลขที่น่าประทับใจ ด้วยอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.72 วินาที ซึ่งจะทำให้มันเป็นรถยนต์ผลิตจริงที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุด Aspark ยังระบุความเร็วสูงสุดของ Owl ที่ 1,985 แรงม้าไว้ที่ 249 ไมล์ต่อชั่วโมง การเร่งความเร็วอันน่าทึ่งได้รับความช่วยเหลือจากชุดแบตเตอรี่ 64kWh ที่ค่อนข้างเบา ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ แต่ก็ยังให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 280 ไมล์
Ultima RS
ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 402.3 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 130,000 ปอนด์
Ultima RS คือรถที่แปลกแยกที่สุดในลิสต์นี้ ไม่เพียงเพราะเป็นรถที่ถูกที่สุดอย่างเห็นได้ชัดที่ราคาประมาณ 130,000 ปอนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นรถแบบ “ชุดคิท” การขับขี่ด้วยความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างของบริษัทสำหรับรุ่นที่เร็วที่สุด ในรถที่สร้างขึ้นเองในโรงรถที่บ้าน อาจฟังดูไม่จริง แต่เป็นไปได้ถ้าคุณมีเงินสดและทักษะที่จะทำ รถคันนี้ใช้น้ำหนักที่เบามากและเครื่องยนต์ Corvette ที่ได้รับการปรับแต่งให้ผลิตกำลัง 1,200 แรงม้า แทนที่จะใช้เทคโนโลยีแฟนซีเพื่อทำความเร็ว นั่นคือพลังงานต่ออัตราส่วนน้ำหนักแบบโรงเรียนเก่าที่ทำให้ Ultima เข้ามาอยู่ในลิสต์นี้
McLaren Speedtail
ความเร็วสูงสุด: 250 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 402.3 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.1 ล้านปอนด์
ตามข้อมูลจากแบรนด์ซูเปอร์คาร์อังกฤษ McLaren Speedtail ได้ทำความเร็ว 250 ไมล์ต่อชั่วโมงมาแล้วกว่า 30 ครั้ง ระหว่างการทดสอบที่ Kennedy Space Centre ในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา นั่นหมายความว่า Speedtail เร็วกว่า McLaren F1 ในตำนาน แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะหายากพอๆ กัน เนื่องจากแบรนด์จำกัดจำนวน Speedtail ไว้เพียง 106 คัน ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับรุ่นก่อนหน้าอันเลื่องชื่อ Speedtail ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรุ่น ‘Ultimate Series’ ของ McLaren ยังคงมีรูปแบบสามที่นั่งเหมือน F1 โดยคนขับนั่งอยู่ตรงกลางรถ มีผู้โดยสารสองคนขนาบข้าง ต่างจากรุ่นเก่า Speedtail มีเกียร์คลัตช์คู่ที่ไม่มีคันเกียร์ ทำให้เข้าออกได้ง่ายจากทั้งสองข้าง
Czinger 21C V Max
ความเร็วสูงสุด: 253 ไมล์ต่อชั่วโมง+ (ประมาณ 407.2 กม./ชม.+)
ราคาโดยประมาณ: 1.5 ล้านปอนด์
Czinger 21C อาจฟังดูเหมือนชื่อจากนิยายวิทยาศาสตร์ แต่รถคันนี้คือหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก เช่นเดียวกับรถยนต์เกือบทั้งหมดในลิสต์นี้ มันใช้เครื่องยนต์ที่ทรงพลังมหาศาลและตัวถังที่เพรียวลม ควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้าบางส่วนที่รวมกันให้กำลังทั้งหมด 1,233 แรงม้า สามารถทำความเร็ว 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาที ต้องขอบคุณระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และรุ่น V Max ยังถอดชุดแอโรที่สร้างแรงต้านออกไป เพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดให้สูงขึ้นไปอีกจากรุ่นปกติ ขึ้นไปเกิน 250 ไมล์ต่อชั่วโมง
Koenigsegg Regera
ความเร็วสูงสุด: 255 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 410.4 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.6 ล้านปอนด์
Koenigsegg มีความมุ่งมั่นกับการทำลายสถิติความเร็วสูงสุดของรถยนต์ถนน และ Regera ของผู้ผลิตสวีเดนรายนี้ก็ยังไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดของแบรนด์ด้วยซ้ำ มันสามารถทำความเร็วได้ถึง 255 ไมล์ต่อชั่วโมง ต้องขอบคุณระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่มีกำลังเกือบ 1,500 แรงม้า มันใช้กระปุกเกียร์แบบความเร็วเดียวที่เป็นนวัตกรรมใหม่ แทนที่จะเป็นเกียร์ธรรมดา ซึ่งเป็นไปได้ด้วยการตั้งค่าปลั๊กอินไฮบริด แน่นอนว่ายังมีเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ที่ให้กำลังส่วนใหญ่ และในขณะที่มันดูเหมือนรถคูเป้ แต่จริงๆ แล้วมันมีหลังคาแบบ targa-top ที่ถอดออกได้ รถคันนี้ยังสร้างสถิติโลก 0–249–0 ไมล์ต่อชั่วโมงสำหรับการเร่งความเร็วและการเบรกในปี 2019
SSC Ultimate Aero
ความเร็วสูงสุด: 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 412.3 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 500,000 ปอนด์
SSC Ultimate Aero ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ 1,183 แรงม้า และตลอดระยะเวลาการผลิตเจ็ดปี มันสามารถแย่งชิงตำแหน่งรถยนต์ที่เร็วที่สุดจาก Bugatti Veyron ได้ด้วยความเร็วสูงสุด 256.18 ไมล์ต่อชั่วโมง ตัวเลขนี้ทำได้บนถนนสาธารณะ โดยผู้ผลิตรถยนต์ใช้ทางหลวงสองเลนที่ปิดชั่วคราวใกล้โรงงานในวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา Ultimate Aero เป็นรถที่ขับขี่ได้ดุดันอย่างยิ่ง โดยไม่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เช่นระบบควบคุมการยึดเกาะถนน เพื่อประสบการณ์ที่ดิบและเร้าใจอย่างเหลือเชื่อ
Rimac Nevera / Nevera R
ความเร็วสูงสุด: 258 ไมล์ต่อชั่วโมง (Nevera) / 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (Nevera R) (ประมาณ 415.2 กม./ชม. / 431.3 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 2.4 ล้านปอนด์
Rimac Nevera ไม่เพียงเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดอันดับที่ห้าของโลก แต่ยังได้รับเกียรติเป็นไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกด้วย ด้วยความรุนแรงของสงครามพลังงาน EV ดูเหมือนว่าการที่รถยนต์ไฟฟ้าจะขึ้นแท่นเป็นรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกนั้นเป็นเพียงเรื่องของเวลา ด้วยกำลัง 1,888 แรงม้า และแรงบิด 2,360 นิวตันเมตร Nevera จึงเป็นรถที่เร็วอย่างเหลือเชื่อ พุ่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.9 วินาที แม้จะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก และยังสามารถทำความเร็วถึง 186 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 9.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่าที่รถครอบครัวส่วนใหญ่จะทำความเร็วถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้
ไม่พอใจกับความสำเร็จ Rimac เพิ่งเปิดตัว Nevera R ด้วยกำลัง 2,078 แรงม้า และความเร็วสูงสุด 268 ไมล์ต่อชั่วโมง ไม่เพียงเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดโดยรวม แต่ยังเป็นรถยนต์ถนนที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วย 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.8 วินาที และทำความเร็วถึง 186 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 7.9 วินาทีที่น่าตกตะลึง
Bugatti Veyron
ความเร็วสูงสุด: 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 431.3 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1 ล้านปอนด์
เวลาผ่านไปนานอย่างน่าประหลาดใจนับตั้งแต่ Bugatti Veyron เข้าสู่เวทีไฮเปอร์คาร์ แต่นี่คือชื่อที่ยังคงได้รับความเคารพและความชื่นชมอย่างมหาศาลจากคนรักรถและวิศวกรทุกวัยและทุกภูมิหลัง ในขณะที่ Veyron รุ่นปกติสร้างความตกตะลึงให้กับวงการยานยนต์ด้วยกำลังเกือบ 1,000 แรงม้า และแรงบิด 1,500 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์ W16 สี่เทอร์โบ 6.0 ลิตร อันทรงพลัง แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของนักวิจัย Bugatti ไม่กี่ปีต่อมา Veyron Super Sport อันน่าทึ่งก็เปิดตัวขึ้น และเพิ่มกำลังให้สูงขึ้นไปอีกเป็น 1,183 แรงม้า หลายปีผ่านไปและยังมีรถยนต์น้อยคันนักที่สามารถทำความเร็วสูงสุดเกิน 268 ไมล์ต่อชั่วโมงของ Veyron Super Sport ได้ เวลา 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ต่ำกว่า 2.5 วินาทีของยักษ์ใหญ่คันนี้ยังเป็นความสำเร็จที่แม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังยากที่จะเทียบได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง รถคันนี้ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลได้อย่างง่ายดาย
Hennessey Venom F5
ความเร็วสูงสุด: 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 437.1 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1.7 ล้านปอนด์
Hennessey บริษัทแต่งรถสัญชาติอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นผู้สร้างไฮเปอร์คาร์ เคยทำความเร็วเกิน 270 ไมล์ต่อชั่วโมงกับ Venom ที่สร้างจาก Lotus Exige มาแล้ว แต่ Venom F5 ได้ทำความเร็วผ่านจุดนั้นไปอย่างง่ายดาย ที่จริงแล้ว มันทำความเร็วได้เร็วกว่าในการทดสอบ โดยทำความเร็ว 271.6 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Johnny Bohmer Proving Grounds ในฟลอริดา ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อพิจารณาว่า Venom รุ่นเก่ามีเพียง 1,244 แรงม้า ในขณะที่รุ่นใหม่มีกำลังมหาศาลถึง 1,817 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ เป็นที่ชัดเจนว่า Hennessey ตั้งเป้าที่จะทำความเร็ว 311 ไมล์ต่อชั่วโมงเมื่อรถได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง การยึดเกาะถนนที่จำกัดย่อมส่งผลต่อเวลา 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ 2.6 วินาทีของ F5 แต่ตัวเลขการเร่งความเร็ว 0-249 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 15.5 วินาที แสดงให้เห็นถึงความเร็วในทางตรงอันเหลือเชื่อของ Hennessey เมื่อมันเข้าสู่จังหวะที่เหมาะสม
Bugatti Tourbillon
ความเร็วสูงสุด: 277 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 445.8 กม./ชม.) (ประมาณการ)
ราคาโดยประมาณ: 3.5 ล้านปอนด์+ (ประมาณการ)
มีตำแหน่งที่สงวนไว้ในลิสต์นี้สำหรับ Bugatti Tourbillon รุ่นใหม่ ซึ่งจะใช้ระบบไฮบริดที่รวมเครื่องยนต์ V16 กำลัง 986 แรงม้า และแรงบิด 664 ปอนด์-ฟุต ทำให้มีกำลังรวมกว่า 1,770 แรงม้า ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ในการสร้างรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก พร้อมด้วยความรู้ด้านวิศวกรรมทั้งหมดที่มาพร้อมกับมัน เรามั่นใจว่ารุ่นใหม่นี้จะพบตำแหน่งท่ามกลางรถยนต์อื่นๆ ในลิสต์นี้เมื่อเปิดตัวในปี 2026 อย่างแน่นอน นี่คือบทต่อไปของวิศวกรรมความเร็วจาก Bugatti
Koenigsegg Agera RS
ความเร็วสูงสุด: 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 447.2 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 3.5 ล้านปอนด์
Koenigsegg ยกระดับความท้าทายในปี 2017 ด้วยการเพิ่มสถิติความเร็วให้สูงขึ้นไปอีกจาก CCXR และในขณะเดียวกันก็บันทึกความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้บนถนนสาธารณะ ด้วยการใช้ทางหลวง 11 ไมล์ที่ปิดกั้นในเนวาดา สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดนได้ขับ Agera RS ที่เป็นของลูกค้าทำความเร็วได้ถึง 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง นี่คือช่วงเวลาที่โลกต้องหยุดหายใจและยอมรับในความกล้าหาญของ Koenigsegg
Bugatti Mistral
ความเร็วสูงสุด: 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 453.9 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 5.2 ล้านปอนด์
Bugatti อาจมีประวัติอันยาวนานถึง 115 ปี แต่แบรนด์ฝรั่งเศสยังคงสร้างพาดหัวข่าวมากมาย โดยล่าสุดคือ Bugatti Mistral แม้แต่สำหรับ Bugatti เอง ราคาก็แพงเกินไปและหายากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยจำกัดจำนวนเพียง 99 คัน แต่พูดง่ายๆ คือ Mistral คือรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในการผลิต ด้วยนักทดสอบผู้ทรงเกียรติ Andy Wallace เป็นผู้ขับ Mistral ได้สร้างสถิติที่ศูนย์ทดสอบใน Papenburg ประเทศเยอรมนีในปี 2024 พลังที่ขับเคลื่อนรถคันนี้ให้ทำความเร็วได้ 282.05 ไมล์ต่อชั่วโมง คือเครื่องยนต์ W16 สี่เทอร์โบ 8 ลิตร อันโด่งดังของ Bugatti ซึ่งในไม่ช้าจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ V16 หายใจตามธรรมชาติอันน่าทึ่งของ Tourbillon
SSC Tuatara
ความเร็วสูงสุด: 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 455.3 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 1.5 ล้านปอนด์
สถิติความเร็วสูงสุดมักจะนำมาซึ่งข้อถกเถียง และ SSC สำนักแต่งรถสัญชาติอเมริกันได้จุดประกายความโต้แย้งบนอินเทอร์เน็ต เมื่อมีการตั้งคำถามถึงความเร็ว 316 ไมล์ต่อชั่วโมงที่กล่าวอ้างของไฮเปอร์คาร์ Tuatara ภาพวิดีโอของการพยายามทำสถิติบนทางหลวงในเนวาดาถูกอ้างว่าพิสูจน์ว่ารถไม่เคยไปได้เร็วเท่าที่ SSC กล่าวไว้ ในปี 2021 SSC ได้พยายามทำสถิติความเร็วอีกครั้งด้วยอุปกรณ์จับเวลาที่แม่นยำยิ่งขึ้นและพยานอิสระ เพื่อแก้ไขข้อกล่าวอ้าง โดยบันทึกความเร็วเฉลี่ยสองทิศทางได้ 282.9 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้จะไม่เกิน 300 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ก็ยังน่าประทับใจอย่างยิ่ง Tuatara มีกำลังมากมายอย่างแน่นอน ต้องขอบคุณเครื่องยนต์ V8 เพลาข้อเหวี่ยงระนาบเดียว 5.9 ลิตร พร้อมเทอร์โบคู่ที่ผลิตกำลัง 1,750 แรงม้า และแรงบิด 1,735 นิวตันเมตร ไม่เหมือนรถยนต์ส่วนใหญ่ในลิสต์นี้ กำลังทั้งหมดนี้ถูกส่งไปยังล้อหลังเท่านั้น ควบคู่ไปกับแชสซีและตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้น้ำหนักลดลงเหลือเพียง 1,247 กก.
Bugatti Chiron Super Sport 300+
ความเร็วสูงสุด: 304.8 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 490.5 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 3 ล้านปอนด์
นับตั้งแต่กลายเป็นอัญมณีในเครือ Volkswagen Group Bugatti ก็มีความหมายเหมือนกันกับพละกำลังและความเร็วทางตรง การพัฒนา Veyron และ Chiron ล้วนนำไปสู่การสร้าง Bugatti Chiron Super Sport 300+ ซึ่งทำลายสถิติทั้งหมดของแบรนด์ก่อนหน้านี้ และทะลวงผ่านกำแพง 300 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ดูเหมือนจะเจาะไม่ได้ เพื่อให้บรรลุความสำเร็จนี้ เครื่องยนต์ W16 8.0 ลิตร ของ Bugatti ได้รับการปรับแต่งให้ผลิตกำลัง 1,578 แรงม้า ซึ่งมากกว่า Chiron มาตรฐาน 99 แรงม้า นอกจากนี้ยังได้รับการระบายความร้อนเพิ่มเติมสำหรับเครื่องยนต์และเกียร์ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์มากมาย การอัปเกรดอากาศพลศาสตร์ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเร็วสูงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนท้ายแบบ ‘Longtail’ ที่เพิ่มตัวถัง 25 ซม. เพื่อปรับปรุงการไหลของอากาศ Chiron Super Sport 300+ รุ่น ‘ปรับปรุง’ ทำความเร็วได้ 304.774 ไมล์ต่อชั่วโมงที่สนามทดสอบ Ehra-Lessien ในเยอรมนี และมีการสร้างรถยนต์ 30 คันที่โรงงาน Bugatti ใน Molsheim สำหรับลูกค้าพิเศษ แต่ละคันมีราคา 3 ล้านปอนด์
Koenigsegg Jesko Absolut
ความเร็วสูงสุด: 310 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 498.9 กม./ชม.) (เป้าหมาย)
ราคาโดยประมาณ: 2.3 ล้านปอนด์ (โดยประมาณ)
Koenigsegg ไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการสร้างไฮเปอร์คาร์ที่ทำให้ Bugatti ต้องกังวล ดังนั้นเมื่อ Christian Von Koenigsegg ได้ประกาศด้วยตนเองว่าแบรนด์กำลังพัฒนา “Koenigsegg ที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะเคยสร้าง” นี่ไม่ใช่คำกล่าวที่ควรมองข้าม รถคันดังกล่าวคือ Jesko Absolut ซึ่งเป็นรุ่นที่มีแรงต้านต่ำของ Koenigsegg Jesko 1,578 แรงม้า รถรุ่นมาตรฐานก็ไม่ได้ช้าเลย แต่วิศวกรของแบรนด์สวีเดนได้ใช้เวลาอย่างมากในการปรับแต่งอย่างพิถีพิถันเพื่อปรับปรุงค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านและกำลังของรถให้ดียิ่งขึ้น มาตรการเหล่านี้รวมถึงตัวถังที่ยาวขึ้น การถอดปีกหลังออก และมาตรการลดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสิ่งที่ Koenigsegg อ้างว่าเป็นเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ 5.0 ลิตร อันดุดันยังได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มกำลังเล็กน้อยเป็น 1,600 แรงม้า ตัวเลขอย่างเป็นทางการยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่เป้าหมายของแบรนด์คือความเร็วสูงสุด 310 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้ว่าสิ่งนี้อาจฟังดูเหลือเชื่อในตอนแรก แต่ Koenigsegg เป็นผู้ครองตำแหน่ง “รถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก” มาก่อน ดังนั้นความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่แข่งเก่าแก่อย่าง Bugatti จึงสูงมาก
Yangwang U9 Xtreme
ความเร็วสูงสุด: 308 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 495.7 กม./ชม.)
ราคาโดยประมาณ: 250,000 ปอนด์+
เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ได้พัฒนาไปไกลอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น จนดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่รถยนต์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์จะสามารถทำลายสถิติความเร็วที่สร้างโดยรถยนต์ที่แพงที่สุดในวงการ นั่นคือสิ่งที่ Yangwang U9 Xtreme ได้ทำ โดยสร้างสถิติ 308 ไมล์ต่อชั่วโมง เพื่อครองตำแหน่งสูงสุดในปัจจุบัน ต้องขอบคุณการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์จากรุ่นมาตรฐาน รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังเป็นพิเศษสี่ตัว และกำลังขับเคลื่อนรวมทั้งหมด 2,978 แรงม้า นอกจากนี้ยังใช้สถาปัตยกรรม 1,200V ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ และแม้กระทั่ง U9 รุ่นปกติ ซึ่งมีระบบ 800V แบตเตอรี่ได้รับการตั้งค่าโดยเฉพาะเพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้เร็วขึ้นที่ความเร็วสูง (โดยไม่ทำให้ร้อนเกินไป) และมาจาก BYD ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Yangwang นี่คือการปฏิวัติวงการไฮเปอร์คาร์อย่างแท้จริง และแสดงให้เห็นถึงอนาคตที่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้
โอกาสในการสัมผัสประสบการณ์ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง: ทางเลือกที่น่าสนใจในปี 2025
รถยนต์ที่เร็วที่สุดในลิสต์นี้มีราคาสูงลิ่ว ด้วยตัวเลขเจ็ดหลักที่ต้องใช้ในการซื้อส่วนใหญ่ และยังมีค่าบำรุงรักษาประจำวันที่ต้องกันไว้จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงรถยนต์ที่สามารถทำความเร็วได้เร็วกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมงนั้นง่ายกว่าที่เคยเป็นมา คุณยังคงต้องมีเงินจำนวนมากเพื่อซื้อ แต่ด้วยผู้ผลิตจำนวนมากที่นำเสนอรถยนต์ความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมงมากขึ้นกว่าที่เคย มีตัวเลือกมากมายหากคุณอยู่ในตำแหน่งที่โชคดีพอที่จะซื้อ
มีรถยนต์อังกฤษจำนวนหนึ่งที่เข้าร่วมคลับนี้ รวมถึง Aston Martin DB11 V12, Aston Martin DBS และ McLaren หลายรุ่น และที่น่าสนใจคือ ยังมีรถเปิดประทุนบางรุ่นที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้ว่าจะทำได้เมื่อปิดหลังคาเท่านั้น เช่น Lamborghini Huracan Evo Spyder (201 ไมล์ต่อชั่วโมง) และ Ferrari 296 GTS (205 ไมล์ต่อชั่วโมง+) ซึ่งเป็นรุ่นเปิดประทุนของรถคูเป้ที่เร็วกว่า
หากคุณต้องการรถหรูที่รวดเร็ว อีกทางเลือกหนึ่งคือรถแกรนด์ทัวเรอร์ รถยนต์เหล่านี้ทำความเร็วสูงได้โดยไม่ลดทอนความหรูหรา และเป็นรถยนต์อังกฤษอีกครั้งที่เป็นผู้นำ Bentley นำเสนอ Flying Spur สี่ประตูอันน่าทึ่ง (207 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในขณะที่ Bentley Continental GT Speed สามารถทำความเร็วได้ 208 ไมล์ต่อชั่วโมง
แน่นอนว่า สมาชิกส่วนใหญ่ของคลับ 200 ไมล์ต่อชั่วโมงประกอบด้วยซูเปอร์คาร์สองที่นั่ง รุ่นต่างๆ เช่น Maserati MC20, Audi R8 V10 และ Ferrari 296 GTB ล้วนเกินเกณฑ์มาตรฐานนี้พร้อมให้ประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น และยังมีตัวเลือกของปลั๊กอินไฮบริด โดย Ferrari SF90 สามารถทำความเร็วได้ถึง 211 ไมล์ต่อชั่วโมง
คุณอาจกำลังอ่านลิสต์นี้และคิดว่ามีชื่อใหญ่ๆ บางชื่อขาดหายไป มีไฮเปอร์คาร์ระดับไฮเอนด์จำนวนมากที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดในลักษณะที่คุณต้องทำเมื่อตั้งเป้าที่จะทำความเร็วเกิน 250 ไมล์ต่อชั่วโมง เช่น Mercedes-AMG One (217 ไมล์ต่อชั่วโมง+) และ Aston Martin Valkyrie ที่ออกแบบมาเพื่อมอบเวลาต่อรอบที่ดีที่สุด มากกว่าความเร็วสูงสุดอย่างแท้จริง และเช่นเดียวกันกับ Porsche 911 GT2 RS ที่ราคาเข้าถึงได้มากกว่าแต่ยังคงน่าเกรงขาม
ประวัติศาสตร์ของรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก
การเดินทางของความเร็วบนท้องถนนเริ่มต้นด้วย Benz Patent Motorwagen ที่สร้างขึ้นในปี 1898 ด้วยความเร็วสูงสุดเพียง 12 ไมล์ต่อชั่วโมง ไม่ถึงครึ่งศตวรรษต่อมาในปี 1949 Jaguar ได้ยกระดับเดิมพันขึ้นสิบเท่าด้วย Jaguar XK120
ทศวรรษ 1950 คือการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่าง Mercedes 300SL Gullwing และ Aston Martin DB4 GT ซึ่งทั้งคู่สามารถทำความเร็วได้เกิน 150 ไมล์ต่อชั่วโมง ทศวรรษ 1960 ตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอย่างรวดเร็วระหว่างแบรนด์อิตาลีหลายแห่ง Iso Grifo สร้างบรรทัดฐานในปี 1963 ด้วยความเร็วสูงสุด 161 ไมล์ต่อชั่วโมง
ผู้มาใหม่ AC Cobra ที่สร้างโดยชาวอังกฤษ-อเมริกัน ได้แย่งชิงตำแหน่งไปในช่วงสั้นๆ ในปี 1965 ก่อนที่จะถูก Lamborghini Miura, Ferrari 365 GTB/4 และ Miura P400S เอาชนะได้ระหว่างปี 1967 ถึง 1969
สิบสามปีผ่านไปก่อนที่ Lamborghini จะสามารถทำลายสถิติของตัวเองได้ด้วย Countach ซึ่งถือเป็นรถยนต์ผลิตจริงคันแรกที่ทำความเร็วเกิน 180 ไมล์ต่อชั่วโมง ในปี 1983 RUF สำนักแต่ง Porsche จากเยอรมนี นำเสนอ BTR ความเร็ว 190 ไมล์ต่อชั่วโมง ในขณะที่ซูเปอร์คาร์ของ Porsche เอง 959 ทำความเร็วได้ 198 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1986
Ferrari สร้างรถยนต์ผลิตจริงคันแรกของโลกที่ทำความเร็วเกิน 200 ไมล์ต่อชั่วโมงในปี 1987 ด้วย F40 กำลัง 472 แรงม้า เมื่อเข้าสู่ทศวรรษ 1990 McLaren F1 ก็ยกระดับเดิมพันอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุด 221 ไมล์ต่อชั่วโมง แม้ว่า F1 ที่ไม่มีตัวจำกัดรอบเครื่องยนต์จะทำความเร็วได้ถึง 240 ไมล์ต่อชั่วโมง
ช่วงเวลาอันสั้นของ Koenigsegg CCR ในฐานะรถยนต์ผลิตจริงที่เร็วที่สุดในโลกเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2005 โดยทำความเร็วได้ 241 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Nardo Ring ของอิตาลี เพียงสองเดือนต่อมา Bugatti Veyron ก็ทะลุผ่านกำแพง 250 ไมล์ต่อชั่วโมงและคว้าตำแหน่งไปครองด้วยความเร็ว 253.8 ไมล์ต่อชั่วโมง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bugatti และ Koenigsegg ได้แข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งสูงสุด โดยมีผู้ท้าชิงที่รู้จักกันน้อยกว่า เช่น ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกัน SSC และ Hennessey เข้ามาร่วมวงด้วย และการเข้ามาของพลังงานไฟฟ้าได้เปลี่ยนโฉมการแข่งขันนี้ไปตลอดกาล
การแสวงหาความเร็วสูงสุดจะไม่มีวันสิ้นสุด ตราบใดที่วิศวกรยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ ปี 2025 นี้เป็นพยานให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยการผสมผสานที่น่าตื่นเต้นระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิมกับขุมพลังไฟฟ้าที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งล้วนแต่สร้างสรรค์ผลงานที่น่าทึ่งบนท้องถนน หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่หลงใหลในสุดยอดวิศวกรรมและความเร็ว ผมขอเชิญชวนให้คุณสัมผัสประสบการณ์เหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง หรือร่วมแบ่งปันความคิดเห็นว่ารถยนต์คันไหนคือที่สุดในใจคุณในคอมเมนต์ด้านล่าง เพราะอนาคตของยานยนต์ที่เร็วที่สุดยังคงสดใสและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น!

