ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
เผยโฉมสุดยอดรถยนต์รุ่นใหม่ประจำปี 2025: นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่คุณไม่ควรพลาด
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่กำลังปะทุขึ้นทั่วโลก และปี 2025 นี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่อุตสาหกรรมรถยนต์จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งนวัตกรรมอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติด้วยพลังงานไฟฟ้า การผสมผสานเทคโนโลยีไฮบริดอันชาญฉลาด หรือแม้แต่การยกระดับเครื่องยนต์สันดาปภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกต่างพร้อมที่จะนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งในด้านสมรรถนะ ความหรูหรา ความยั่งยืน และความคุ้มค่า บทความนี้จะพาทุกท่านดำดิ่งสู่โลกของ “รถยนต์รุ่นใหม่ 2025” ที่กำลังจะเปิดตัว ตั้งแต่ซูเปอร์คาร์ที่เร้าใจไปจนถึง “รถยนต์ไฟฟ้า 2025” สำหรับครอบครัว ซึ่งจะมาพลิกโฉมหน้าของท้องถนนและนิยามการเดินทางของเราไปตลอดกาล เตรียมพบกับสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่คุณไม่ควรพลาด
ยุคแห่งการปฏิวัติพลังงานไฟฟ้า: สมรรถนะเหนือระดับและความยั่งยืน
ปี 2025 เป็นปีที่ “รถยนต์ไฟฟ้า” (EV) จะก้าวเข้าสู่กระแสหลักอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ในฐานะทางเลือก แต่เป็นพลังขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรม เราจะเห็นการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในตลาด EV ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่ม “รถยนต์ไฟฟ้าชาร์จเร็ว” และรถที่มีระยะทางวิ่งสูงสุด
จากสนามแข่งสู่ท้องถนน: Hyper-EVs ที่จะสะกดทุกสายตา
Aston Martin Valhalla: ซูเปอร์คาร์ลูกผสมเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า มอบกำลังรวมกว่า 1,069 แรงม้า ผลิตเพียง 999 คันทั่วโลก สะท้อนปรัชญา “EV performance” ที่ไร้ขีดจำกัด พร้อมแอโรไดนามิกส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก F1 นี่คือบทบาทใหม่ของแบรนด์อังกฤษในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้น
Ferrari Elettrica: การก้าวเข้าสู่โลกของ EV ครั้งแรกของม้าลำพอง ด้วย “ซูเปอร์คาร์ไฮบริด” ที่อาจมาในรูปแบบ 4 ประตู เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลายขึ้น แต่ยังคงรักษา DNA แห่งสมรรถนะอันดุดันที่แฟนๆ เฟอร์รารี่คาดหวัง นี่คือการตีความใหม่ของความหรูหราและ “ประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้า”
McLaren W1: คู่แข่งโดยตรงของ Ferrari F80 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร ผสานระบบไฮบริด ให้กำลัง 1,258 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อหลัง พร้อมแอโรไดนามิกส์ที่สร้างแรงกดมหาศาล เพื่อการยึดเกาะถนนที่เหนือชั้น นี่คือหนึ่งใน “รถยนต์สปอร์ตใหม่” ที่นักสะสมเฝ้ารอคอย
ความหรูหราที่มาพร้อมไฟฟ้า: Sedan และ SUV ระดับพรีเมียม
Porsche Boxster/Cayman EV และ Cayenne Electric: ปอร์เช่กำลังจะนำรถสปอร์ตไอคอนิกอย่าง Boxster และ Cayman เข้าสู่ยุคไฟฟ้า โดยอาจยังคงเครื่องยนต์สันดาปไว้สำหรับรุ่น GT สมรรถนะสูง ส่วน Cayenne Electric จะใช้แพลตฟอร์ม PPE เช่นเดียวกับ Macan Electric พร้อมแบตเตอรี่ 100kWh และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เน้น “เทคโนโลยีรถยนต์ล่าสุด” และความหรูหราที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
BMW iX3 และ M3 Electric: iX3 จะเป็นรุ่นแรกจากตระกูล Neue Klasse ของ BMW นำเสนอระยะทางวิ่งสูงสุด 500 ไมล์ และสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800V รองรับ “รถยนต์ไฟฟ้าชาร์จเร็ว” ส่วน M3 Electric ที่จะตามมาในปี 2027 จะมาพร้อมมอเตอร์สี่ตัว ให้กำลังสูงสุด 1,341 แรงม้า พร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่ เพื่อตอบสนองแฟนพันธุ์แท้
Audi A6 e-tron และ Q6 e-tron: Audi ยังคงรุกตลาด EV อย่างต่อเนื่องด้วย A6 e-tron และ Q6 e-tron ที่พัฒนาร่วมกับ Porsche เน้นการออกแบบที่ล้ำสมัย ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า และ “รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ไกลที่สุด” ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ล่าสุด
Mercedes CLA และ GLC Electric: Mercedes-Benz จะเปิดตัวรถยนต์ ‘entry luxury’ รุ่นใหม่บนแพลตฟอร์ม MMA ที่รองรับระยะทางวิ่งเกือบ 500 ไมล์ พร้อมการชาร์จที่รวดเร็ว ส่วน GLC Electric ที่ใช้สถาปัตยกรรม MB.EA จะมาพร้อมแบตเตอรี่ 94kWh และระยะทางวิ่ง 435 ไมล์ พร้อมเทคโนโลยี “ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS)”
Polestar 5 และ Volvo ES90: Polestar 5 คือคู่แข่งของ Porsche Taycan และ Lotus Emeya มาพร้อมสถาปัตยกรรมอะลูมิเนียมพิเศษ ให้กำลังสูงสุด 874 แรงม้า ส่วน Volvo ES90 คือรถซีดานเรือธงไฟฟ้าของ Volvo คู่แข่ง BMW i5 และ Audi A6 e-tron มาพร้อมเทคโนโลยี 800V และระยะทางวิ่ง 186 ไมล์จากการชาร์จเพียง 10 นาที ทั้งสองรุ่นนี้เป็นตัวแทนของ “SUV ไฟฟ้าหรู” และซีดานไฟฟ้าพรีเมียมที่เน้นความยั่งยืน
Jaguar Four-door GT: จากการปรับโครงสร้างแบรนด์ครั้งใหญ่ Jaguar จะมุ่งเน้นรถยนต์ไฟฟ้าหรูหรา โดย GT 4 ประตูคันแรกนี้จะมาพร้อมราคาประมาณ 130,000 ปอนด์ บนแพลตฟอร์ม EV เฉพาะ Jaguar Electrified Architecture (JEA) ให้ระยะทางวิ่งน่าทึ่งถึง 478 ไมล์ และ “รถยนต์ไฟฟ้าชาร์จเร็ว” ที่เพิ่มระยะทาง 200 ไมล์ใน 15 นาที นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของ “โซลูชันการเดินทางแห่งอนาคต” ที่ผสานความหรูหราและประสิทธิภาพ
รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับทุกคน: การเข้าถึงที่ง่ายขึ้นและความคุ้มค่า
นอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแล้ว ปี 2025 ยังเป็นปีที่ “รถยนต์ไฟฟ้า” จะเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น ด้วยรุ่นราคาประหยัดที่ยังคงมอบประสิทธิภาพและฟังก์ชันการใช้งานที่ยอดเยี่ยม
Volkswagen ID.Polo และ ID.2X: โฟล์คสวาเกนจะเปิดตัว ID.Polo (ชื่อเดิม ID.2) รถยนต์ไฟฟ้าซูเปอร์มินิราคาประหยัดบนแพลตฟอร์ม MEB Entry โดยคาดว่าจะเริ่มต้นที่ราคาต่ำกว่า 25,000 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ตามมาด้วย ID.2X ซึ่งเป็น SUV ขนาดเล็กไฟฟ้าทางเลือกของ VW T-Cross ทั้งสองรุ่นนี้จะตอบโจทย์ “รถยนต์ไฟฟ้าคอมแพกต์พรีเมียม” ที่เข้าถึงได้
Skoda Epiq และ EV หลากหลายรุ่น: Skoda ยังคงสานต่อความสำเร็จของ Enyaq ด้วยการเปิดตัว SUV ไฟฟ้าหลายขนาด รวมถึงรุ่นที่อาจมีราคาต่ำกว่า 20,000 ปอนด์ พร้อมรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวในรูปแบบ Estate นี่คือการขยายไลน์อัพที่เน้นความคุ้มค่าและ “เทคโนโลยียานยนต์ยั่งยืน” สำหรับทุกคน
Hyundai Ioniq Series (Inster, Ioniq 3, Ioniq 9): Hyundai จะเปิดตัว Inster รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่เน้นความกะทัดรัดและใช้งานง่ายในเมือง ให้ระยะทางวิ่ง 229 ไมล์ ส่วน Ioniq 3 ซึ่งเป็นแฮทช์แบ็กไฟฟ้าขนาดเล็กจะมาเป็นคู่แข่งของ VW ID.3 และ Ioniq 9 จะเป็น EV SUV 7 ที่นั่งขนาดใหญ่ที่สุด พร้อมแบตเตอรี่ 110.3kWh และระยะทาง 385 ไมล์ สะท้อนถึงความหลากหลายของ “รถยนต์ไฟฟ้า 2025” สำหรับทุกความต้องการ
Kia EV Series (EV4, PV5): Kia EV4 จะเป็นซีดาน/แฮทช์แบ็กไฟฟ้าที่มาพร้อมระยะทางเกือบ 400 ไมล์ บนแพลตฟอร์ม E-GMP ส่วน PV5 คือรถตู้เชิงพาณิชย์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ยืดหยุ่น และ EV Series ทั้งหมดจะมาพร้อมการรับประกัน 7 ปีอันเป็นผู้นำตลาด เน้นความน่าเชื่อถือและความคุ้มค่าของ “รถยนต์ EV”
BYD Atto 2: คู่แข่งสำคัญในตลาด SUV ไฟฟ้าขนาดเล็ก มาพร้อมเทคโนโลยีมากมายเป็นมาตรฐาน เช่น หน้าจอสัมผัสหมุนได้ 12.8 นิ้ว, Apple CarPlay ไร้สาย, กล้อง 360 องศา และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่กว่าสิบรายการ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับ “SUV ไฟฟ้าหรู” ในราคาที่เข้าถึงได้
Citroen e-C3 และ C3 Aircross EV: e-C3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าซูเปอร์มินิสำหรับมวลชน ด้วยราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 22,000 ปอนด์ ให้ระยะทาง 199 ไมล์ ส่วน C3 Aircross EV จะเป็น SUV ขนาดเล็กที่มาพร้อมทางเลือก 5 หรือ 7 ที่นั่ง และระยะทางวิ่ง 188-250 ไมล์ ทั้งสองรุ่นเน้นความสบายอันเป็นเอกลักษณ์ของ Citroen และเป็น “รถยนต์รุ่นใหม่” ที่น่าจับตามองในตลาด EV ราคาประหยัด
Renault 4 และ Twingo: Renault กลับมาพร้อมรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้แรงบันดาลใจจากยุคคลาสสิก Renault 4 จะเป็น SUV ขนาดเล็กไฟฟ้าที่มีรูปทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ใช้แพลตฟอร์ม AmpR Small และแบตเตอรี่ 52kWh ให้ระยะทาง 248 ไมล์ ส่วน Twingo ใหม่จะมาในราคาต่ำกว่า 20,000 ยูโร เป็น “รถยนต์ไฟฟ้า 2025” ที่น่าดึงดูดสำหรับคนเมือง
Nissan Leaf (โฉม Crossover): ผู้บุกเบิกรถยนต์ EV กลับมาในรูปแบบครอสโอเวอร์ที่โฉบเฉี่ยว ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Nissan Ariya มอบระยะทางวิ่งสูงสุด 375 ไมล์ ด้วยแบตเตอรี่ 75kWh เป็น “รถยนต์ยอดเยี่ยม 2025” สำหรับครอบครัวที่ต้องการ EV ที่ใช้งานได้จริง
Vauxhall Frontera Electric: SUV คอมแพกต์ที่เน้นความอเนกประสงค์และความคุ้มค่า มาพร้อมทางเลือกไฟฟ้าและไฮบริดในราคาที่เท่ากัน ประมาณ 23,495 ปอนด์ โดยรุ่น EV ให้ระยะทาง 186 ไมล์ เป็นการทำลายกำแพงราคาของการเป็นเจ้าของ EV อย่างแท้จริง
พลังผสมผสานและเครื่องยนต์สันดาปสุดล้ำ: เมื่อนวัตกรรมไม่เคยหยุดนิ่ง
แม้กระแส EV จะแรง แต่ “รถยนต์ไฮบริดใหม่” และเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องก็ยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงและ SUV
Alfa Romeo Giulia และ Stelvio (Hybrid/ICE): Giulia รุ่นใหม่ในปี 2026 จะมีทางเลือกเครื่องยนต์เบนซินไฮบริดหรือไฟฟ้าล้วน โดยจะมีรุ่น Quadrofoglio เครื่องยนต์ V6 อันเลื่องชื่อ ส่วน Stelvio SUV ก็จะตามมาในครึ่งหลังของปี 2025 ด้วยแพลตฟอร์ม STLA Large และทางเลือกเครื่องยนต์เช่นกัน ทั้งสองรุ่นเป็นตัวแทนของ “รถยนต์ SUV ใหม่” และซีดานสปอร์ตพรีเมียม
BMW M5 Touring (PHEV): เป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ของ M5 ที่มีรุ่นสเตชั่นวากอน M5 Touring มาพร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังรวม 717 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที ผสมผสานสมรรถนะของรถสปอร์ตเข้ากับความอเนกประสงค์ของ “รถยนต์ยอดเยี่ยม 2025” สำหรับครอบครัว
Honda Prelude (Hybrid): การกลับมาของ Honda Prelude หลังจากการหายไปนานกว่าสองทศวรรษ รถคูเป้ 2 ประตูที่โฉบเฉี่ยวนี้จะมาพร้อมขุมพลังไฮบริดและเทคโนโลยีเกียร์เสมือน ‘S Shift’ ที่จำลองเสียงและสัมผัสของการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติอย่างรวดเร็ว นี่คือหนึ่งใน “รถสปอร์ตใหม่” ที่จะนำกลิ่นอายคลาสสิกมาสู่ยุคปัจจุบัน
Land Rover Defender OCTA: สุดยอด Defender ที่เคยมีมา ด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.4 ลิตร 626 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที พร้อมระบบกันสะเทือน 6D Dynamics ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับซูเปอร์คาร์ของ McLaren นี่คือ “รถยนต์ SUV ใหม่” ที่รวมความหรูหราเข้ากับขีดความสามารถออฟโรดขั้นสุด
การรุกคืบของ SUV และ Crossover ในทุกมิติ
ไม่ว่าจะมองไปในกลุ่มใด “SUV” และ “Crossover” ยังคงเป็นรูปแบบรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และปี 2025 ก็จะเห็นการเปิดตัวของ SUV ที่หลากหลายยิ่งขึ้น ครอบคลุมทุกขนาดและทุกประเภทเชื้อเพลิง
Alpine A390: Alpine กำลังก้าวเข้าสู่ตลาด Coupe-SUV ไฟฟ้า ด้วย A390 ที่ออกแบบมาให้ดูเหมือน “รถแข่งในชุดสูท” คู่แข่งของ Porsche Macan Electric มาพร้อมมอเตอร์สามตัว ให้กำลัง 464 แรงม้า พร้อมระบบ torque vectoring เพื่อการควบคุมที่ว่องไว
Cadillac Lyriq: การกลับมาของ Cadillac ในตลาดสหราชอาณาจักรด้วย Lyriq SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่หรูหรา มาพร้อมมอเตอร์คู่ 520 แรงม้า แบตเตอรี่ 102kWh ให้ระยะทาง 329 ไมล์ และหน้าจอ OLED ขนาด 33 นิ้ว
Dacia Bigster: Dacia ขยายไลน์อัพรถยนต์ราคาประหยัดด้วย Bigster SUV ขนาดกลางที่หวังจะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาด Segment C และจะเป็น “รถยนต์ SUV ใหม่” ที่เน้นความคุ้มค่าและแข็งแกร่ง
Jeep Recon: Jeep เปิดตัว Recon SUV ไฟฟ้า 4×4 ที่แข็งแกร่ง ขนาดเท่า Wrangler ใช้แพลตฟอร์ม STLA Large ของ Stellantis ที่ออกแบบมาสำหรับ EV โดยเฉพาะ สะท้อนถึง “เทคโนโลยียานยนต์ยั่งยืน” ในรูปแบบออฟโรด
Lotus Mid-size SUV (Type 134): Lotus กำลังขยายฐานลูกค้าด้วย SUV ขนาดกลางไฟฟ้าที่จะมาเป็นคู่แข่งของ Porsche Macan Electric โดยมีเป้าหมายราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
Mazda CX-6e: รุ่นพี่น้อง SUV ที่เน้นความอเนกประสงค์ของ Mazda 6e Sedan ไฟฟ้า ที่จะเข้ามาเสริมทัพในกลุ่ม “SUV ไฟฟ้าหรู” ในอนาคต
Range Rover Electric: ตำนาน SUV หรูหรากำลังเข้าสู่ยุคไฟฟ้า โดย JLR สัญญาว่าจะสร้าง Range Rover ที่เงียบสงบและประณีตที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมการขับขี่ที่ไร้มลพิษ
เทคโนโลยีและความเชื่อมโยง: อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์
นอกเหนือจากพลังงานขับเคลื่อนแล้ว “นวัตกรรมยานยนต์ 2025” ยังหมายถึงการยกระดับประสบการณ์ภายในห้องโดยสารอย่างก้าวกระโดด
ระบบ Infotainment และ AI Assistant: เราจะเห็นหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น การเชื่อมต่อไร้สายที่ราบรื่น (Apple CarPlay, Android Auto) และการบูรณาการ AI assistant ที่ฉลาดขึ้น ซึ่งสามารถเรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ
Advanced Driver Assistance Systems (ADAS): ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงจะกลายเป็นมาตรฐานในรถยนต์หลายรุ่น เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist) และระบบจอดรถอัตโนมัติ (Automated Parking) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
สถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800V: เทคโนโลยี 800V จะแพร่หลายมากขึ้นในรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ “รถยนต์ไฟฟ้าชาร์จเร็ว” ทำได้จริง โดยสามารถเพิ่มระยะทางวิ่งได้หลายร้อยกิโลเมตรในเวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความกังวลเรื่องระยะทาง (range anxiety) ของผู้ใช้
วัสดุและดีไซน์ยั่งยืน: ผู้ผลิตจะหันมาใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุจากพืชมากขึ้นในการตกแต่งภายใน เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นใน “เทคโนโลยียานยนต์ยั่งยืน” และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บทสรุป: ก้าวสู่โลกยานยนต์แห่งอนาคต
ปี 2025 และปีต่อๆ ไปจะเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับวงการยานยนต์ เราจะได้เห็นการหลอมรวมของเทคโนโลยีใหม่ๆ การมุ่งเน้นความยั่งยืน และการนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ตั้งแต่ “รถยนต์ยอดเยี่ยม 2025” ในกลุ่มซูเปอร์คาร์ไปจนถึง “รถยนต์ไฟฟ้า” สำหรับชีวิตประจำวัน นวัตกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการเดินทางของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีที่เรามองยานพาหนะและบทบาทของมันในสังคมด้วย
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าตลาด “รถยนต์รุ่นใหม่ 2025” กำลังอยู่ในจุดสูงสุดแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากตัวเลือกที่มากขึ้น ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่มองหา “SUV ไฟฟ้าหรู” คันต่อไป “รถยนต์ไฮบริดใหม่” ที่ประหยัดพลังงาน หรือ “รถสปอร์ตใหม่” ที่เร้าใจ อนาคตของการขับขี่ได้มาถึงแล้ว และมันน่าตื่นเต้นกว่าที่เคย
เตรียมพบกับอนาคตของการขับขี่ได้ที่โชว์รูมหรือเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแต่ละแบรนด์ อย่าพลาดโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติยานยนต์ครั้งนี้!
เปิดศักราชใหม่: ยานยนต์แห่งอนาคตปี 2025 และเส้นทางสู่ปี 2026 ที่ผู้เชี่ยวชาญต้องจับตา
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่จะน่าตื่นเต้นและรวดเร็วเท่าช่วงเวลาปัจจุบันและที่กำลังจะมาถึงนี้ ปี 2025 ไม่ใช่เพียงแค่การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เท่านั้น แต่เป็นการประกาศศักราชแห่งนวัตกรรมที่แท้จริง ซึ่งกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมไปอีกหลายปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ล้ำสมัย รถไฮบริดที่ชาญฉลาด หรือแม้แต่รถยนต์สันดาปภายในที่ยังคงมีบทบาทสำคัญอยู่ การแข่งขันในปีนี้และปีหน้าจะดุเดือดกว่าที่เคย และนี่คือลิสต์รถยนต์รุ่นเด่นที่คุณไม่ควรมองข้าม พร้อมมุมมองเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ
ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า 2025 กำลังขยายตัวอย่างไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้ระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ผู้ผลิตจำนวนมากหันมาลงทุนใน รถยนต์ SUV ไฟฟ้า และ รถยนต์ EV หรู เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค นอกจากนี้ การมาถึงของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนยังเป็นการเขย่าตลาด ให้ผู้ผลิตดั้งเดิมต้องเร่งปรับตัวและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
แต่ถึงแม้ว่ากระแสไฟฟ้าจะแรงกล้าเพียงใด รถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ และรถยนต์สันดาปภายในก็ยังคงมีที่ยืนที่มั่นคงในตลาด โดยเฉพาะในภูมิภาคที่โครงสร้างพื้นฐาน EV ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ การผสมผสานเทคโนโลยีที่หลากหลายนี้ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ตรงกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของตนเองมากที่สุด ในบทความนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกถึงรุ่นรถยนต์สำคัญๆ ที่กำลังจะเปิดตัว ตั้งแต่รถขนาดเล็กในเมืองไปจนถึงซูเปอร์คาร์ที่เร้าใจ เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวสำคัญของตลาด ยานยนต์ 2025
Alfa Romeo: การกลับมาของความเร้าใจในยุคไฟฟ้า
Alfa Romeo Giulia EV: ตำนานความเร้าใจจากอิตาลีกำลังจะถูกเขียนขึ้นใหม่สำหรับปี 2026 ด้วย Giulia EV ที่ไม่ได้เป็นเพียงการปรับโฉม แต่เป็นการปฏิวัติ รถคันนี้จะใช้แพลตฟอร์ม STLA Large ที่มุ่งเน้น EV ของ Stellantis ซึ่งรองรับระบบไฟฟ้า 800V สำหรับการชาร์จที่รวดเร็วเป็นพิเศษ และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ให้ระยะทางมากกว่า 640 กิโลเมตร สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการยืนยันว่าจะมีรุ่น Quadrifoglio ที่ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสมรรถนะอันเป็นตำนานกับอนาคตที่ยั่งยืน
Alfa Romeo Stelvio: ก่อนที่ Giulia EV จะมาถึง Stelvio SUV เจเนอเรชันถัดไปจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยสร้างบนสถาปัตยกรรม STLA Large เช่นกัน จะมีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและระบบส่งกำลังไฟฟ้าให้เลือก มั่นใจได้ถึง DNA ความเป็น Alfa Romeo ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับประสิทธิภาพอันเป็นเลิศ
Alpine: ขุมพลังไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว
Alpine A290: สำหรับผู้ที่มองหา รถสปอร์ต EV ที่มาพร้อมความสนุกในการขับขี่ A290 คือคำตอบ โดยเป็นการนำ Renault 5 E-Tech มาปรับแต่งให้ดุดันยิ่งขึ้น Alpine ได้ปรับช่วงล่างใหม่ทั้งหมด ขยายระยะฐานล้อ ล้อขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง Michelin โดยเฉพาะ และการออกแบบที่สปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยราคาเริ่มต้นที่น่าสนใจ นี่คือรถแฮทช์แบ็กไฟฟ้าที่พร้อมจะสร้างความประทับใจ
Alpine A390: ก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ด้วย A390 รถคูเป้-SUV ไฟฟ้าที่ Alpine เรียกว่า “Sport Fastback” การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากรถแข่ง ผสมผสานความสปอร์ตเข้ากับความหรูหรา คาดว่าราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 2.5 ล้านบาท ด้วยกำลังสูงสุด 464 แรงม้า และการเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาที นี่คือคู่แข่งที่น่าจับตาในตลาด รถ SUV ไฟฟ้า ระดับพรีเมียม
Aston Martin: ไฮเปอร์คาร์ลูกผสมแห่งอนาคต
Aston Martin Valhalla: Valhalla จะเป็นรถยนต์ถนนเครื่องยนต์วางกลางที่ผลิตเป็นซีรีส์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 111 ปีของ Aston Martin มีเพียง 999 คันทั่วโลก ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ให้กำลังรวม 1,069 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.5 วินาที พร้อมระบบอากาศพลศาสตร์แอคทีฟที่ได้แรงบันดาลใจจาก F1 นี่คือสุดยอดแห่งวิศวกรรมที่หาตัวจับยาก
Audi: ความหรูหราในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน
Audi ยังคงรุกตลาดอย่างต่อเนื่องในปี 2025 โดยเตรียมเปิดตัว Q3 SUV ขนาดกะทัดรัดระดับพรีเมียมเจเนอเรชันถัดไป และ A6 Executive Saloon ใหม่ ที่จะผสานความหรูหราเข้ากับเทคโนโลยีล่าสุด โดยเฉพาะการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ e-tron ที่ใช้เทคโนโลยีร่วมกับ Porsche ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของ Audi ในตลาด รถยนต์ EV หรู และ รถ SUV ไฟฟ้า ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
BMW: ประสบการณ์ขับขี่ขั้นสูงสุดในทุกรูปแบบ
BMW iX3: iX3 ใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นแรกจากตระกูล Neue Klasse ของ BMW ได้รับการเผยโฉมแล้ว ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและระบบ iDrive ล่าสุด แบตเตอรี่ใหม่ทำให้ iX3 มีระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 800 กิโลเมตรในรุ่น Mid-range และยังมีรุ่นระยะทางที่ไกลกว่านั้นในอนาคต ด้วยสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800 โวลต์ ทำให้สามารถเพิ่มระยะทาง 400 กิโลเมตรได้ในเวลาเพียง 10 นาที เป็นการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 2025
BMW M3: M3 เจเนอเรชันถัดไปจะเปิดตัวในปี 2027 และจะเป็นรุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ด้วยมอเตอร์สี่ตัว ให้กำลังสูงสุดถึง 1,341 แรงม้า และระบบ Torque Vectoring ที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม BMW ยังคงไม่ทอดทิ้งแฟนๆ ด้วยการนำเสนอ M3 เวอร์ชันเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่เช่นเดียวกับรุ่นปัจจุบัน
BMW M5 Touring: สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะระดับ M พร้อมประโยชน์ใช้สอยที่เหนือกว่า M5 Touring กลับมาอีกครั้งในรุ่นปลั๊กอินไฮบริด ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.4 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 717 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที และพื้นที่เก็บสัมภาระ 500 ลิตร นี่คือรถสเตชันแวกอนสมรรถนะสูงที่ไม่มีใครเหมือน
BYD: ผู้ท้าชิงรายสำคัญในตลาด EV ขนาดเล็ก
BYD Atto 2: BYD เดินหน้าเข้าสู่สมรภูมิ รถ SUV ไฟฟ้า ขนาดเล็กที่แข่งขันกันดุเดือด ด้วย Atto 2 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีมาตรฐานมากมาย เช่น หน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้วที่หมุนได้, Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, กล้อง 360 องศา และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่กว่าสิบรายการ รุ่นเริ่มต้นมีระยะทางขับขี่ 338 กิโลเมตร และจะมีรุ่นแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นตามมา ทำให้ Atto 2 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 2025 ที่เน้นความคุ้มค่า
Cadillac: การกลับมาของความหรูหราแบบอเมริกัน
Cadillac Lyriq: หลังจากการหายไปเกือบสิบปี Cadillac กลับมาพร้อมกับ Lyriq SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่หรูหราและล้ำสมัย ตั้งเป้าที่จะแย่งส่วนแบ่งจาก Audi, BMW และ Mercedes Lyriq มาพร้อมมอเตอร์คู่ให้กำลัง 520 แรงม้า และแบตเตอรี่ขนาด 102kWh ที่ให้ระยะทางขับขี่ 530 กิโลเมตร ภายในมาพร้อมจอ OLED ขนาด 33 นิ้วที่กว้างขวางทอดยาวตลอดแดชบอร์ด คาดว่าราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 3.2 ล้านบาท และจะมี Cadillac Optiq รุ่นกะทัดรัดกว่าตามมา
Citroen: ความสบายที่เข้าถึงได้
Citroen e-C3: e-C3 ใหม่ที่ได้รับรางวัล กำลังถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับมวลชน ด้วยราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ แบตเตอรี่ LFP ขนาด 44kWh ให้ระยะทางขับขี่ 320 กิโลเมตร และจะมีรุ่นแบตเตอรี่ที่ถูกกว่าพร้อมระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตรในอนาคต ด้วยการออกแบบที่ดูเป็นครอสโอเวอร์มากขึ้น และเบาะนั่ง Active Comfort อันเป็นเอกลักษณ์ e-C3 มอบความสบายในราคาที่จับต้องได้
Citroen C3 Aircross: C3 Aircross ใหม่ เป็นคู่แข่งสำคัญของ Dacia Duster ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง มาพร้อมตัวเลือก 5 หรือ 7 ที่นั่ง แม้จะมีขนาดเพียง 4.39 เมตร ผู้ซื้อยังสามารถเลือกรุ่นเบนซิน, ไฮบริด และไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดย e-C3 Aircross EV มีระยะทางขับขี่ระหว่าง 300 ถึง 400 กิโลเมตร พร้อมราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 900,000 บาท
Citroen C5 Aircross: การปรับโฉมครั้งสุดท้ายของ Citroen คือ C5 Aircross เจเนอเรชันถัดไปที่เน้นความสบายเป็นหลัก ด้วยพื้นที่เบาะหลังที่กว้างขวางที่สุดในคลาสและพื้นที่เก็บสัมภาระขนาด 651 ลิตร ภายในได้รับการออกแบบให้ความรู้สึกเหมือนห้องนั่งเล่น สร้างบนแพลตฟอร์ม STLA Medium เช่นเดียวกับ Peugeot 3008 และ Vauxhall Grandland ทำให้มีตัวเลือกระบบส่งกำลัง mild-hybrid, plug-in hybrid และไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยรุ่น EV มีระยะทางสูงสุดถึง 680 กิโลเมตร
Cupra: ความสปอร์ตในเมืองใหญ่
Cupra Raval: Raval คือคู่แข่งสปอร์ตสำหรับ Volkswagen ID.Polo ที่กำลังจะมาถึง โดยถูกแสดงให้เห็นครั้งแรกในงาน Munich Motor Show 2025 โดยรถคันนี้จะมีความยาวมากกว่าสี่เมตรเล็กน้อย เหมาะสำหรับถนนในเมือง แต่มีห้าประตูเพื่อความอเนกประสงค์ ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยกำลังมากกว่า 200 แรงม้า และมีระยะทางขับขี่สูงสุด 435 กิโลเมตร Raval จะเป็นรุ่นเริ่มต้นของแบรนด์ และคาดว่าราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 1.1 ล้านบาท
Dacia: คุณค่าที่น่าจับตามอง
Dacia ยังคงมุ่งมั่นขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่า โดยในปีนี้ได้เปิดตัว Dacia Duster Mk3 ซึ่งเป็น SUV ขนาดเล็กแห่งปี และ Dacia Spring EV ที่มีราคาต่ำกว่า 650,000 บาท นอกจากนี้ Dacia Bigster ก็ได้ลงสู่ตลาดด้วยความหวังที่จะเขย่าตลาด SUV ขนาดกลาง Bigster เป็นหนึ่งในสามรุ่นใหม่ที่ Dacia กำลังเปิดตัวใน C-segment ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่สำคัญ
DS: ความหรูหราสไตล์ปารีส
DS No8: DS No8 เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่สำหรับแบรนด์ DS โดยเป็นรถคูเป้-SUV ไฟฟ้าที่เน้นความหรูหรา ความสบาย และคุณภาพที่แบรนด์เรียกว่า “Serene” (ความสงบ) ให้ระยะทางขับขี่ที่น่าทึ่งถึง 750 กิโลเมตร ด้วยราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 2.2 ล้านบาท ทำให้ DS No8 มีราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง Polestar 4 และ Audi Q6 e-tron อย่างมาก เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่ม รถยนต์ EV หรู
Ferrari: ยุคใหม่ของม้าลำพอง
Ferrari F80: F80 คือไฮเปอร์คาร์ “ครั้งในทศวรรษ” ล่าสุดจากมาราเนลโล ทายาทของ F40, F50, Enzo และ LaFerrari การออกแบบที่น่าทึ่งได้แรงบันดาลใจจากรถแข่ง 499P ที่ชนะเลอม็อง ระบบส่งกำลังเป็นเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร 9,200 รอบต่อนาที เทอร์โบคู่ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าห้าตัว ให้กำลังรวม 1,183 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.15 วินาที ราคาเกิน 130 ล้านบาท เป็นการสะท้อนถึงวิศวกรรมขั้นสุดยอดของ รถสปอร์ต EV และลูกผสม
Ferrari Elettrica: แม้แต่ Ferrari ก็ต้องก้าวเข้าสู่ยุคไฟฟ้าเต็มตัว คาดว่าจะใช้ชื่อ “Ferrari Elettrica” ซึ่งหมายถึง “ไฟฟ้า” ในภาษาอิตาลี จากภาพ Spyshot รถ EV คันแรกจากมาราเนลโลจะเป็นรถสี่ประตูที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Ferrari Purosangue ที่ Ferrari เรียกว่า “รถสปอร์ตสี่ที่นั่งสี่ประตู” สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Ferrari ในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังคงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ
Fiat: แพนด้าตัวใหญ่แห่งอนาคต
Fiat Grande Panda: Grande Panda ใหม่มาแล้ว! นี่คือรถพี่น้องของ Citroen e-C3 ที่ได้รับรางวัล Auto Express Car of the Year ด้วยดีไซน์สี่เหลี่ยมผืนผ้าและสนุกสนาน นี่คือรุ่นแรกในตระกูล Panda-inspired ใหม่ การออกแบบย้อนยุคแต่ล้ำยุคได้รับแรงบันดาลใจจาก Panda ดั้งเดิมจากยุคแปดศูนย์ รวมถึง Panda 4×4 ที่แข็งแกร่ง ภายในมีองค์ประกอบทรงสี่เหลี่ยมมากขึ้น สีสันสดใส และวัสดุที่น่าสนใจ เช่น ใยไม้ไผ่บนแดชบอร์ด นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บของมากมาย แต่คุณสมบัติที่ใช้งานได้จริงที่สุดของ Grande Panda คือสายชาร์จแบบพับเก็บได้ที่ซ่อนอยู่ในส่วนหน้าของรุ่น EV จะมีเวอร์ชันไฮบริดให้เลือกด้วย และราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 780,000 บาท
Ford: การปรับโฉมสู่ยุคไฟฟ้าและสมรรถนะอันเร้าใจ
Ford กำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่กับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเพิ่งเปิดตัว Explorer SUV ใหม่ และ Puma ครอสโอเวอร์ขนาดเล็กเวอร์ชัน EV ที่เป็นที่นิยม แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการฟื้นชื่อ Ford Capri ขึ้นมาใหม่สำหรับ รถ SUV ไฟฟ้า ซึ่งเป็นจุดยืนที่ชัดเจนในการเข้าสู่ยุค EV อย่างไรก็ตาม Mustang ยังคงยึดมั่นในเครื่องยนต์ V8 และยังมี Mustang GTD ที่เน้นการขับขี่ในสนามแข่งด้วยกำลังมากกว่า 800 แรงม้า แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในกลยุทธ์ของ Ford ที่ยังคงรักษามรดกอันทรงพลังพร้อมกับการก้าวไปข้างหน้า
Genesis: สมรรถนะที่เร่าร้อนในรูปแบบไฟฟ้า
Genesis GV60 Magma: Genesis วางแผนที่จะเปิดตัวรุ่น Magma สมรรถนะสูงของกลุ่มผลิตภัณฑ์ของตน โดยเริ่มด้วย GV60 Magma ที่ร้อนแรงซึ่งจะมาถึงช่วงปลายปีนี้ และคาดว่าจะมาพร้อมกับกำลังที่มากกว่า Hyundai Ioniq 5 N และ Kia EV6 GT ซึ่งสร้างบนแพลตฟอร์มเดียวกัน Tyrone Johnson หัวหน้าฝ่ายพัฒนายานยนต์ของ Genesis ระบุว่า GV60 Magma จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยเวอร์ชันคอนเซ็ปต์ที่ Goodwood Festival of Speed 2024 เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ เช่น ระยะฐานล้อที่กว้างขึ้น ช่วงล่างที่ต่ำลง รูปลักษณ์ที่ดุดัน และภายในที่สปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมเบาะนั่งทรง Bucket Seats
Honda: ก้าวใหม่ของพลังงานสะอาด
Honda 0 Series: Honda ที่เคยตามหลังในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามาพักหนึ่ง กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยการประกาศเปิดตัว EV รุ่นใหม่ 7 รุ่นภายในปี 2030 ภายใต้แบรนด์ย่อย ‘0 Series’ ทั่วโลก รุ่นแรกจะมาถึงในปี 2026 โดยเป็น SUV ขนาดกลางที่เพรียวบาง ตามมาด้วยรถซีดานเรือธงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด Honda Saloon Concept
Honda Prelude: หลังจากห่างหายไปกว่าสองทศวรรษ Honda Prelude จะกลับมาในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 โดยรุ่นที่หกใหม่นี้จะเป็นรถคูเป้สองประตูที่เพรียวบาง พร้อมระบบไฮบริดและเทคโนโลยีเกียร์เสมือนที่ Honda เรียกว่า ‘S Shift’ ซึ่งจำลองเสียงและความรู้สึกของการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติอย่างรวดเร็ว
Hyundai: EV หลากขนาดตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
Hyundai Inster: Inster คือการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในราคาที่จับต้องได้ของ Hyundai ที่มีดีไซน์แปลกตาแต่น่ารัก มีขนาดเล็กกว่ารถซูเปอร์มินิอย่าง Skoda Fabia หรือ Renault Clio แต่ใช้พื้นที่ภายในได้อย่างคุ้มค่า และมีเบาะหลังแบบเลื่อนได้ที่ทำให้รถคันเล็กนี้อเนกประสงค์อย่างน่าประหลาดใจ Inster ยังให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 368 กิโลเมตร และมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 1 ล้านบาท
Hyundai Ioniq 9: นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่สุดแล้ว Hyundai ยังได้เปิดตัวรถ EV ที่ใหญ่ที่สุด: Ioniq 9 แบบ 7 ที่นั่ง รถคันยักษ์ยาว 5 เมตรนี้เป็นทางเลือกที่ล้ำยุค ไร้มลพิษสำหรับ Hyundai Santa Fe และเป็นรถพี่น้องกับ Kia EV9 ที่ได้รับรางวัล SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งสองรุ่นใช้แพลตฟอร์ม E-GMP เดียวกัน แต่ Ioniq 9 มีแบตเตอรี่ขนาด 110.3kWh ที่ใหญ่กว่า ซึ่งเมื่อรวมกับการออกแบบที่ลื่นไหลอย่างน่าประหลาดใจ จะให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 620 กิโลเมตร
Hyundai Ioniq 3: กลุ่มผลิตภัณฑ์ Ioniq จะขยายตัวต่อไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าด้วยการเปิดตัว Ioniq 3 รุ่นที่เล็กกว่า ซึ่งได้รับการแสดงตัวอย่างที่งาน Munich Motor Show 2025 โดย Hyundai Concept Three คาดว่ารถแฮทช์แบ็กไฟฟ้าใหม่นี้จะเป็นคู่แข่งกับ Volkswagen ID.3 จะเปิดตัวในปี 2026
IM Motors: ผู้ท้าชิง Tesla จากฝั่ง MG
IM Motors L6: IM Motors ซึ่งเป็นแบรนด์พี่น้องระดับพรีเมียมของ MG จะเข้าสู่ตลาดในปี 2025 โดยนำเสนอ IM L6: รถซีดานไฟฟ้าไร้มลพิษระดับพรีเมียมที่คาดว่าจะมาท้าชนกับ Tesla Model 3 ที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล L6 สามารถเร่งความเร็วถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลาไม่ถึงสามวินาที และชาร์จด้วยความเร็วที่สูงกว่า 300kW ซึ่งไม่เพียงแต่เหนือกว่า Tesla แต่ยังเทียบเท่ากับ Porsche Taycan
Jaguar: การพลิกโฉมสู่ความหรูหราแบบไฟฟ้าเต็มตัว
Jaguar Four-door GT: การปรับปรุง Jaguar ครั้งใหญ่เป็นที่พูดถึงมาหลายเดือนแล้ว เนื่องจากหนึ่งในแบรนด์รถยนต์หลักของอังกฤษกำลังจะเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดและมุ่งสู่ตลาดระดับพรีเมียมอย่างจริงจัง ด้วยรถยนต์รุ่นปัจจุบันทั้งหมดที่หยุดการผลิตไปแล้ว Jaguar กำลังเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่สามรุ่น โดยเริ่มจากรถ GT สี่ประตูที่มีราคาประมาณ 5.7 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวแนวคิดที่ใกล้เคียงกับรุ่นผลิตจริงก่อนสิ้นปีนี้ และรถยนต์จริงจะมาถึงในปี 2026
Jeep: ลุยไปกับ EV ออฟโรด
Jeep Recon: Jeep เพิ่งเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกคือ Avenger ในปี 2023 แต่ยังมี EV อีกหลายรุ่นที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา Recon คือรถ 4×4 ที่แข็งแกร่งขนาด Wrangler EV คันนี้จะใช้การออกแบบที่บึกบึนและแพลตฟอร์ม STLA Large สำหรับ EV โดยเฉพาะจาก Stellantis ซึ่งใช้เป็นพื้นฐานสำหรับ Wagoneer S SUV เรือธงใหม่ของ Jeep ด้วย
Kia: การขยายอาณาจักร EV สู่ทุกภาคส่วน
Kia EV4: Kia EV4 ใหม่ทั้งหมดคือการเพิ่มล่าสุดในกลุ่มรถยนต์ครอบครัวไฟฟ้าที่ดูโดดเด่นของแบรนด์ มีให้เลือกทั้งแบบซีดานที่เพรียวบางหรือแฮทช์แบ็กห้าประตูแบบดั้งเดิม โดยคาดว่าแบบหลังจะเป็นที่นิยมมากกว่าในยุโรป คู่แข่งของ VW ID.3 คันนี้ใช้แพลตฟอร์ม E-GMP เดียวกันกับ Kia EV3 SUV ที่ได้รับรางวัล และมีระยะทางขับขี่เกือบ 640 กิโลเมตร เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวที่ยอดเยี่ยม เงียบสงบ และกว้างขวาง
Kia PV5: ในปีนี้ Kia กำลังนำความรู้และความเชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้ามาสู่โลกของรถตู้ ด้วยกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ ซึ่งน่าจะทำให้ตระกูล Ford E-Transit ต้องกังวล ผู้บุกเบิกคือ Kia PV5 ซึ่งในฐานะรถตู้แผงข้างจะแข่งขันโดยตรงกับ Ford E-Transit Custom และจะมีเวอร์ชัน MPV ที่จะมาท้าทาย Volkswagen ID. Buzz ด้วย
Land Rover: สุดยอด Defender กับขุมพลัง V8
Land Rover Defender OCTA: ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที กำลัง 626 แรงม้า และราคาประมาณ 7 ล้านบาท Defender OCTA คือสุดยอดของ Land Rover Defender อย่างไม่ต้องสงสัย เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.4 ลิตรเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดที่เคยติดตั้งใน Defender ยุคใหม่ และเพื่อให้มั่นใจว่าแชสซีของ 4×4 จะรองรับกำลังมหาศาลนี้ได้ Land Rover ได้ทำการปรับปรุงอย่างกว้างขวาง รวมถึงเบรก Brembo ที่อัปเกรดแล้ว พวงมาลัยที่เร็วขึ้น ยางที่พัฒนาเป็นพิเศษ และระบบช่วงล่าง 6D Dynamics ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีคล้ายกับซูเปอร์คาร์ของ McLaren
Lotus: จากสปอร์ตคาร์สู่ผู้นำ EV ระดับพรีเมียม
Lotus Mid-size SUV (Type 134): Lotus ที่สร้างชื่อเสียงจากรถสปอร์ตน้ำหนักเบา ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วเป็นผู้ผลิต EV ระดับพรีเมียม โดยเริ่มต้นจาก Eletre hyper-SUV และ Emeya GT แต่ Lotus หวังที่จะขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้นด้วย SUV ขนาดกลางที่จะมาท้าชนกับ Porsche Macan Electric ใหม่ Lotus ตั้งเป้าราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 2.5 ล้านบาท สำหรับ Type 134 ซึ่งต่ำกว่า Macan อย่างมาก แบรนด์ยืนยันว่าจะเปิดตัวในปี 2025
Lotus Electric Sports Car (Type 135): SUV และซีดานจะคิดเป็นยอดขายส่วนใหญ่ของ Lotus ในไม่ช้า แต่แบรนด์จะไม่ละทิ้งมรดกการผลิตรถสปอร์ตเกือบ 80 ปีของตน ในปี 2027 บริษัทจะเปิดตัวรถสปอร์ตไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกที่จะมาแทนที่ Emira ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน รหัส Type 135 จะถูกสร้างที่ฐาน Hethel ของ Lotus ใน Norfolk และใช้สถาปัตยกรรมเฉพาะ การออกแบบคาดว่าจะได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากแนวคิด Lotus Theory 1
Mazda: การก้าวเข้าสู่สนาม EV อย่างจริงจัง
Mazda 6e: หลังจาก MX-30 ครอสโอเวอร์ที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ Mazda กำลังจะเปิดตัว 6e ซีดานใหม่ทั้งหมดในสหราชอาณาจักรในปี 2026 เพื่อท้าชนกับ Tesla Model 3 น่าเสียดายที่เริ่มต้นได้ไม่ดีนัก เนื่องจากระยะทางขับขี่ที่เคลมของ 6e อยู่ที่ 550 กิโลเมตร ซึ่งน้อยกว่า Tesla เกือบ 160 กิโลเมตร อย่างน้อย Mazda ก็สัญญาว่าซีดานที่สวยงามคันนี้จะมอบ “พฤติกรรมการขับขี่ที่คาดหวังจากผู้ผลิตที่มีประสบการณ์หลายทศวรรษในการสร้างรถยนต์ที่ขับสนุก” นอกจากนี้จะมีรุ่น SUV ที่สูงขึ้นและคาดว่าจะใช้งานได้จริงมากขึ้นในชื่อ Mazda CX-6e
McLaren: สุดยอดไฮเปอร์คาร์แห่งยุค
McLaren W1: หลังจาก F1 และ P1 ตอนนี้ McLaren W1 ก็มาถึงเพื่อแสดงให้โลกเห็นถึงศักยภาพของ Woking คู่แข่งโดยตรงของ Ferrari F80 ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ W1 มีระบบส่งกำลังไฮบริด V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ที่ส่งกำลัง 1,258 แรงม้า ทั้งหมดไปยังล้อหลังเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้รถลอยขึ้น “ระบบอากาศพลศาสตร์ Ground-effect ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Formula One” สามารถสร้างแรงกดได้ 1,000 กิโลกรัม ที่ความเร็ว 280 กม./ชม.
Mercedes: ความหรูหราที่ยั่งยืน
Mercedes CLA: CLA เจเนอเรชันถัดไปจะเป็นรถยนต์ ‘Entry Luxury’ รุ่นแรกของ Mercedes ที่สร้างบนสถาปัตยกรรม MMA ใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำหรับ SUV สองรุ่นและ Shooting Brake ระบบส่งกำลังไฟฟ้าสามารถให้ระยะทางขับขี่เกือบ 800 กิโลเมตร และการชาร์จที่รวดเร็วเป็นพิเศษ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงที่ทำได้ด้วยแพลตฟอร์มใหม่นี้ มีราคาที่ดีและเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือมากกว่าข้อเสนอ EV ขนาดใหญ่บางรุ่นของ Mercedes ในอดีต
Mercedes GLC: ตามหลัง BMW iX3 อย่างใกล้ชิด Mercedes GLC ล่าสุดได้รับการเปิดตัวแล้วและพร้อมลงสู่ท้องถนนในไม่ช้า เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมดและไม่เกี่ยวข้องกับ GLC ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นเก่า: ใช้สถาปัตยกรรม MB.EA แบบไฟฟ้าทั้งหมด และมีแบตเตอรี่ขนาด 94kWh ที่ให้ระยะทางขับขี่ 700 กิโลเมตร และความเร็วการชาร์จเร็ว DC สูงสุด 330kW
MINI: ความเร้าใจในรูปแบบใหม่
MINI John Cooper Works: MINI Cooper ล่าสุดเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่คาดหวังมากที่สุดในปีที่ผ่านมา และพิสูจน์แล้วว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ตอนนี้แบรนด์ได้เติมความเร้าใจพิเศษเพื่อสร้าง MINI John Cooper Works hot hatch ใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ JCW Electric ให้กำลังสูงสุด 254 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งด้านหน้า ซึ่งเพียงพอสำหรับการเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที ซึ่งเร็วกว่า Hyundai i20 N แต่ก็ยังมีเวอร์ชันเบนซินแบบ Old-school ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สี่สูบ 2.0 ลิตร 228 แรงม้า
Nissan: จากผู้บุกเบิกสู่ผู้นำเทรนด์
Nissan Leaf: ในฐานะรถ EV ตลาดมวลชนรุ่นแรก Nissan Leaf เป็นผู้บุกเบิกอย่างแท้จริง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาต้องหลีกทางให้กับคู่แข่งที่ทันสมัยกว่าและเหนือกว่า โดยทั่วไป เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ แฮทช์แบ็กสำหรับครอบครัวได้เปลี่ยนร่างเป็น SUV ครอสโอเวอร์ที่พลิ้วไหว ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเดียวกับ Nissan Ariya ซึ่งเคยได้รับรางวัล Auto Express Car of the Year โปรไฟล์ที่เพรียวบางรวมกับกลเม็ดอื่นๆ ทำให้ Leaf ใหม่เป็นรถยนต์ที่มีอากาศพลศาสตร์ดีที่สุดที่แบรนด์ญี่ปุ่นเคยผลิตมา และมีระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 600 กิโลเมตร
Nissan Micra: นี่คือ Nissan Micra ใหม่ทั้งหมด และหากคุณคิดว่ามันดูน่าสงสัยเหมือน Renault 5 ใหม่ นั่นเป็นเพราะมันเป็นเวอร์ชันที่เปลี่ยนตราและเปลี่ยนส่วนหน้าของรถฝรั่งเศสที่หรูหราคันนั้น Nissan ได้ละทิ้งไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมและไฟท้ายแนวตั้งของ R5 เพื่อใช้ไฟหน้าทรงกลมขนาดใหญ่ที่น่าขบขัน คล้ายกับ Micra Mk3 ที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังมีการออกแบบกันชนใหม่ กระจกหลังใหม่ และแน่นอนว่า Nissan ได้เพิ่มตราสัญลักษณ์และการออกแบบล้อของตัวเอง แต่ก็แค่นั้น ตัวเลือกแบตเตอรี่ ความเร็ว ระยะทางขับขี่ สมรรถนะ แชสซี ความอเนกประสงค์ และภายในยังคงเหมือนกัน
Polestar: ประสิทธิภาพไฟฟ้าและการออกแบบที่โดดเด่น
Polestar 5: เป็นเวลาห้าปีแล้วนับตั้งแต่ Polestar Precept concept ที่น่าทึ่งได้รับการเปิดตัว แต่ในที่สุด Volvo ก็พร้อมที่จะเปิดตัวคู่แข่งของ Porsche Taycan และ Lotus Emeya: Polestar 5 มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบเพียงเล็กน้อยสำหรับรุ่นผลิตจริง และเช่นเดียวกับแนวคิด ไม่มีหน้าต่างหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังให้สูงสุด เช่นเดียวกับ Polestar 4 coupé ภายในจะใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุจากพืชอย่างกว้างขวางเพื่อเสริมคุณสมบัติด้านสิ่งแวดล้อม
Polestar 7: Polestar 7 จะเป็นรุ่นที่เจ็ดจากแบรนด์สวีเดน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือจะเป็นคำตอบสำหรับ Tesla Model Y “SUV ขนาดกะทัดรัดระดับพรีเมียม” จะถูกสร้างในยุโรป มีเทคโนโลยีล่าสุด และอาจมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 1.7 ล้านบาท Polestar จะเปลี่ยนจากการใช้แพลตฟอร์มหลายแบบในปัจจุบันด้วย 7 และหันมาใช้ “สถาปัตยกรรมเดียว ลดความซับซ้อน ต้นทุน และการลงทุน”
Porsche: การปรับเปลี่ยนสู่ยุคไฟฟ้าที่ยังคงเอกลักษณ์
Porsche Boxster/Cayman EV: รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางของ Porsche อย่าง Cayman และ Boxster จะทิ้งเครื่องยนต์เบนซินเพื่อใช้ระบบส่งกำลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบ อย่างน้อยก็สำหรับรุ่นปกติ ในขณะที่รุ่น GT ระดับสูงอาจยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซินต่อไป ทั้งสองรุ่นจะใช้แพลตฟอร์มรถสปอร์ตไฟฟ้าที่พัฒนาโดย Porsche โดยเฉพาะ และจากภาพ Spyshot จะมีระยะฐานล้อที่ยาวกว่ารุ่นที่กำลังจะตกรุ่น ซึ่งอาจเป็นเพราะต้องรองรับชุดแบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังห้องโดยสารผู้โดยสาร แทนที่จะอยู่ใต้พื้นเหมือน EV ส่วนใหญ่ ซึ่งจะช่วยในการกระจายน้ำหนักและตำแหน่งที่นั่งที่ต่ำ
Porsche Cayenne Electric: Porsche Cayenne จะยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซินและไฮบริดในตอนนี้ แต่ Cayenne Electric ใหม่กำลังจะมา และจะใช้แพลตฟอร์ม PPE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวกับ Macan Electric ดังนั้นคาดว่าจะมีแบตเตอรี่ความจุประมาณ 100kWh มอเตอร์คู่ และระบบช่วงล่างแบบแอคทีฟ รวมถึงความเป็นไปได้ของการชาร์จไร้สาย
Range Rover: ราชาแห่ง SUV ในรูปแบบไฟฟ้า
Range Rover Electric: Range Rover คือ SUV หรูหราดั้งเดิม และกว่าครึ่งศตวรรษต่อมา ก็ยังคงเป็นราชาแห่งป่า แต่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะมี Range Rover Electric Thomas Müller ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมผลิตภัณฑ์ของ JLR กล่าวว่า “เรากำลังมุ่งมั่นที่จะสร้าง Range Rover ที่เงียบที่สุดและประณีตที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่วนผสมมหัศจรรย์ที่รองรับความสำเร็จของ Range Rover ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง – ตอนนี้มาพร้อมกับการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์”
Renault: การกลับมาของความคลาสสิกในรูปแบบ EV
Renault 4: ตามหลัง Renault 5 ใหม่ที่ยอดเยี่ยมที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นาน คือ Renault 4 SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กมีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายกับ R4 ดั้งเดิมจากยุคหกศูนย์ และการออกแบบรวมเอาคุณสมบัติที่คุ้นเคยหลายอย่าง เช่น หน้าต่างสามเหลี่ยมหลังทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ไฟท้ายรูปทรงยาเม็ด และกระจังหน้าแนวนอนกว้างพร้อมไฟหน้าทรงกลม ใช้แพลตฟอร์ม AmpR Small เดียวกันกับ R5 hatchback แต่จะมีให้เลือกเฉพาะแบตเตอรี่ขนาด 52kWh ที่ให้ระยะทางขับขี่ 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
Renault Twingo: การเพิ่มเติมสุดท้ายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ EV ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากย้อนยุคของ Renault คือ Twingo ใหม่ทั้งหมด ซึ่งได้รับการแสดงตัวอย่างในรูปแบบแนวคิดในเดือนพฤศจิกายน 2023 Luca de Meo ซีอีโอของ Renault อธิบายว่าเป็น “กระสุนเงินสำหรับการเคลื่อนที่อย่างยั่งยืน” Twingo ใหม่มีกำหนดที่จะเปลี่ยนจากแนวคิดสู่การผลิตในเวลาเพียงสองปีและมีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 20,000 ยูโร หรือประมาณ 770,000 บาทในอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน และแน่นอนว่ามันจะมาถึงสหราชอาณาจักรด้วย!
Rivian: ผู้บุกเบิก EV จากอเมริกาขยายสู่สากล
Rivian R2: Rivian ผู้เริ่มต้น EV ผู้บุกเบิกจากอเมริกา ผู้ผลิตรถกระบะไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของโลก จะเข้าสู่ตลาดสหราชอาณาจักรในที่สุดในปี 2027 แต่ไม่ใช่ด้วยรถกระบะ รุ่นแรกที่จะจำหน่ายในอังกฤษคือ Rivian R2: SUV ขนาดกลางไฟฟ้าที่จะเป็นคู่แข่งกับ Tesla Model Y และอีกหลายรุ่น นอกจากนี้เรายังคาดว่า Rivian R3 hatchback และ R3X hot hatch จะมาถึงฝั่งของเราในเวลาต่อมา
Skoda: การขยายไลน์อัพ EV ที่คุ้มค่า
Skoda มีปีที่ยุ่งมากในปี 2024 โดยมีการอัปเดตหลายรุ่นยอดนิยม เช่น Kamiq และ Octavia นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Kodiaq เจเนอเรชันที่สองใหม่ทั้งหมด และ Superb ล่าสุด ซึ่งทั้งสองรุ่นได้รับรางวัลจาก Auto Express New Car Awards มองไปข้างหน้า แบรนด์เช็กจะสร้างจากความสำเร็จของ Enyaq และเปิดตัว รถ SUV ไฟฟ้า ในขนาดและราคาที่หลากหลาย รวมถึงรุ่นที่มีราคาต่ำกว่า 850,000 บาท ในทำนองเดียวกัน Skoda กำลังพัฒนารถสเตชันแวกอนสำหรับครอบครัวที่ไร้มลพิษ เพื่ออยู่ร่วมกับ Octavia Estate และ Superb Estate ที่ยอดเยี่ยม แบรนด์ยังได้แสดงแนวคิด Skoda Epiq เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นการแสดงตัวอย่างคู่แข่งขนาด Kamiq ใหม่สำหรับ VW ID. Cross
Suzuki: EV คันแรกกับการขับเคลื่อนสี่ล้อ
Suzuki e Vitara: Suzuki ได้ตัดสินใจกระโดดลงสู่สนาม EV อย่างจริงจังด้วย e Vitara ใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็น SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ต้องแข่งขันกับคู่แข่งที่น่าประทับใจมากมาย คุณสมบัติที่โดดเด่นคือตัวเลือก AllGrip-e four-wheel drive ซึ่งใช้มอเตอร์คู่เพื่อให้ “สมรรถนะที่ทรงพลัง” และแรงฉุดพิเศษในสภาพถนนที่ลื่น เข้ากับการออกแบบที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ระยะทางสูงสุดของ e Vitara คือ 426 กิโลเมตร ซึ่งเหนือกว่า Jeep Avenger เล็กน้อย แต่ไม่สามารถเทียบเท่ากับรถยนต์อย่าง Kia EV3 ที่สามารถครอบคลุมระยะทางมากกว่า 600 กิโลเมตรในการชาร์จครั้งเดียว
Vauxhall: ความคุ้มค่าและความอเนกประสงค์
Vauxhall Frontera: Vauxhall Frontera อาจไม่มีตำนานเทียบเท่าชื่ออย่าง Ford Capri หรือ Honda Prelude แต่ก็ได้รับการฟื้นฟูสำหรับ SUV ขนาดกะทัดรัดใหม่ทั้งหมดที่เน้นความอเนกประสงค์และราคาที่จับต้องได้ ด้วยรูปทรง SUV แบบสี่เหลี่ยมแบบดั้งเดิม สูงสุด 7 ที่นั่ง และความจุสัมภาระที่อาจถึงเกือบ 1,600 ลิตร Frontera จึงใช้งานได้จริงด้วยเช่นกัน
Volkswagen: รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับทุกคน
Volkswagen ID. Polo: Volkswagen ยืนยันว่าชื่อ ID.2 ไม่มีอีกต่อไป: รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กราคาประหยัดรุ่นใหม่จากแบรนด์จะใช้ชื่อ ID. Polo แทน รถคันนี้ได้รับการเปิดเผยในระดับหนึ่งที่งาน Munich Motor Show 2025 โดยแสดงให้เห็นในรูปแบบพรางตัวที่ทำให้เรามีความคิดที่ดีว่ามันจะมีลักษณะอย่างไร รุ่นนี้จะใช้แพลตฟอร์ม MEB เวอร์ชันต้นทุนต่ำ ซึ่งจะทำให้มีราคาเริ่มต้นที่ต่ำ: อาจต่ำกว่า 1.1 ล้านบาทในสหราชอาณาจักรเมื่อรถมาถึงในปี 2027
Volkswagen ID.2X: Volkswagen ได้สัญญาไว้เมื่อนานมาแล้วว่าจะเปิดตัว SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กราคาประหยัดรุ่นใหม่ที่สร้างบน ID.2 – ตอนนี้เรียกว่า ID. Polo ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นทางเลือกไร้มลพิษสำหรับ VW T-Cross ที่เป็นที่นิยม ตอนนี้บริษัทได้ยืนยันแล้วว่าคู่แข่งของ Renault 4 ในอนาคตจะใช้ชื่อ Volkswagen ID.2X และในที่สุดก็จะเปิดตัวที่งาน Munich Motor Show ในเดือนกันยายนปีนี้
Volvo: ซีดานไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
Volvo ES90: Volvo ได้ยกเลิก S60 และ S90 ไปเมื่อปีที่แล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะละทิ้งรถซีดานขนาดใหญ่ไปทั้งหมด Volvo ES90 ที่กำลังจะมาถึงจะเป็นผู้ท้าชิงของแบรนด์สวีเดนสำหรับ BMW i5 และ Audi A6 e-tron รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำหน้าที่สุดของบริษัทจนถึงปัจจุบัน สร้างบนแพลตฟอร์มเดียวกับ EX90 SUV เรือธง แต่ซีดานได้ประโยชน์จากมอเตอร์ไฟฟ้าเบาใหม่เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีขึ้น รวมถึงเทคโนโลยี 800V ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มระยะทางขับขี่ได้ถึง 300 กิโลเมตรหลังจากชาร์จเพียง 10 นาที ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 3 ล้านบาท
ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งยานยนต์
ปี 2025 และปีต่อๆ ไป กำลังจะเป็นบทบาทใหม่ที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ โลกกำลังมุ่งหน้าสู่การขับเคลื่อนที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ด้วยนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้งและตัวเลือกที่หลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมตื่นเต้นกับทิศทางที่อุตสาหกรรมกำลังมุ่งไป ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการเดินทางของผู้คนทั่วโลก
ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมติดตามการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เหล่านี้อย่างใกล้ชิด และสัมผัสกับอนาคตของการเดินทางที่กำลังจะมาถึง หากคุณกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไฟฟ้า 2025, รถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่, หรือ รถ SUV ไฟฟ้า เรามั่นใจว่าคุณจะพบกับตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างแน่นอน อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางอันน่าตื่นเต้นนี้!

