ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
สุดยอดรถ SUV สมรรถนะสูงและหรูหราแห่งปี 2025: คู่มือสำหรับผู้หลงใหลความเร็ว
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์อย่างใกล้ชิด และไม่มีเซกเมนต์ใดที่เติบโตและปรับตัวได้รวดเร็วเท่ากับรถยนต์อเนกประสงค์ หรือ SUV อีกแล้ว จากที่เคยเป็นเพียงรถสำหรับครอบครัวธรรมดา วันนี้ SUV ได้ก้าวข้ามขีดจำกัด กลายเป็นสัญลักษณ์ของสมรรถนะอันดุดัน ความหรูหราเหนือระดับ และเทคโนโลยีล้ำสมัย สำหรับผู้ที่ต้องการมากกว่าแค่การเดินทาง แต่ปรารถนาประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจและเติมเต็มจิตวิญญาณ รถ SUV สมรรถนะสูงเหล่านี้คือคำตอบ
ปี 2025 ถือเป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับตลาด SUV ระดับพรีเมียมและสมรรถนะสูง ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั่วโลกได้ทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ทรงพลัง ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่ก้าวล้ำ หรือแม้กระทั่งการนำนวัตกรรมจากสนามแข่งมาสู่ท้องถนน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่มองหารถยนต์ที่สามารถเป็นได้ทั้งรถครอบครัวที่กว้างขวาง รถสำหรับเดินทางในชีวิตประจำวัน และในขณะเดียวกันก็สามารถมอบความตื่นเต้นเร้าใจเมื่ออยู่หลังพวงมาลัย ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหารถ SUV ที่พร้อมลุยในสนามแข่ง จรวดทางเรียบสุดหรู หรือนักผจญภัยออฟโรดที่มีด้านมืดอันน่าค้นหา คู่มือฉบับนี้จะพาคุณไปสำรวจโลกของรถ SUV สมรรถนะสูงแห่งปี 2025 ที่จะตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ
อนาคตของรถ SUV: เทคโนโลยีและแนวโน้มปี 2025
ตลาดรถ SUV กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มสมรรถนะสูงและหรูหรา สำหรับปี 2025 เราได้เห็นการรวมเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น:
ระบบส่งกำลังแบบไฮบริดและไฟฟ้า (Hybrid & Electric Powertrains): การเข้ามาของเทคโนโลยี Mild-Hybrid (MHEV), Plug-in Hybrid (PHEV) และ Battery Electric Vehicle (BEV) ในกลุ่ม SUV สมรรถนะสูง ทำให้รถเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีพละกำลังที่เหนือกว่า แต่ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รถ SUV ไฟฟ้าอย่าง Lotus Eletre หรือ Porsche Macan EV คือตัวอย่างที่ชัดเจนถึงอนาคตที่กำลังมาถึง
การผสานสมรรถนะและประสิทธิภาพ: ผู้ผลิตพยายามสร้างสมดุลระหว่างความแรงของเครื่องยนต์ การควบคุมที่เฉียบคม และความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวันมากขึ้น ระบบช่วงล่างปรับได้ การควบคุมแรงบิดที่แม่นยำ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะกลายเป็นมาตรฐาน
ห้องโดยสารล้ำสมัยและหรูหรา: ภายในของ SUV สมรรถนะสูงในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สำหรับโดยสารอีกต่อไป แต่เป็นห้องควบคุมที่ผสานวัสดุคุณภาพสูงเข้ากับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ระบบ Infotainment ที่ใช้งานง่าย และเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ
การปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalization): แบรนด์หรูหลายแห่งได้ยกระดับบริการการปรับแต่งเฉพาะบุคคล ให้ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุ สีสัน และฟีเจอร์ต่างๆ ได้ตามความต้องการ เพื่อให้รถสะท้อนความเป็นตัวตนของเจ้าของอย่างแท้จริง
จากประสบการณ์ของผม นี่คือรถ SUV สมรรถนะสูงและหรูหราประจำปี 2025 ที่คุณไม่ควรมองข้าม พร้อมมุมมองเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ:
2025 Alfa Romeo Stelvio Quadrifoglio: วิญญาณอิตาเลียนในร่าง SUV
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่เร้าใจอย่างแท้จริง Alfa Romeo Stelvio Quadrifoglio ปี 2025 ยังคงเป็นหนึ่งใน SUV ที่มอบความสนุกหลังพวงมาลัยได้อย่างไม่มีใครเทียบ ด้วยหัวใจสำคัญอย่างเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบขนาด 2.9 ลิตร ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Ferrari สร้างพละกำลัง 505 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.6 วินาที เสียงคำรามจากท่อไอเสียนั้นเป็นดนตรีที่กระตุ้นอะดรีนาลีนได้เป็นอย่างดี
Stelvio Quadrifoglio ไม่ได้มีดีแค่ความเร็วทางตรง แต่ยังมาพร้อมช่วงล่างที่ปรับแต่งมาอย่างประณีต ระบบบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองฉับไว และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เน้นสมรรถนะ ทำให้มันสามารถเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำและคล่องตัวราวกับรถสปอร์ต ระบบเบรก Brembo ขนาดใหญ่ช่วยให้คุณควบคุมพลังมหาศาลนี้ได้อย่างมั่นใจ การออกแบบภายนอกผสมผสานความสง่างามและความดุดันไว้ได้อย่างลงตัว ด้วยชุดแอโรไดนามิกที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และปลายท่อไอเสียคู่ที่บ่งบอกถึงความจัดจ้านภายใน
ภายในห้องโดยสารเน้นบรรยากาศแบบสปอร์ตแต่แฝงความหรูหรา เบาะนั่งทรงสปอร์ตที่โอบกระชับ พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ขนาดใหญ่ และวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ตกแต่งอยู่ทั่ว สร้างสภาพแวดล้อมที่มุ่งเน้นผู้ขับขี่เป็นหลัก แม้ระบบ Infotainment อาจไม่ล้ำหน้าเท่าคู่แข่งบางราย แต่มันชดเชยด้วยประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ด้วยการผสมผสานระหว่างสมรรถนะอันเร้าใจ สไตล์อิตาเลียนอันเป็นเอกลักษณ์ และการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน Stelvio Quadrifoglio จึงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในตลาด SUV สมรรถนะสูง
2025 Aston Martin DBX: ความหรูหรา ดุดัน และไม่เหมือนใคร
Aston Martin DBX ปี 2025 ยังคงเป็นเรือธงในกลุ่ม SUV ของแบรนด์ ด้วยการผสมผสานความหรูหราขั้นสุดกับสมรรถนะการขับขี่ที่น่าตื่นเต้นได้อย่างลงตัว สำหรับปีนี้ Aston Martin ได้มุ่งเน้นการยกระดับภายในห้องโดยสาร และปรับไลน์ผลิตภัณฑ์ให้กระชับขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกเลิกรุ่น DBX มาตรฐาน เหลือเพียงรุ่น DBX707 สมรรถนะสูงเท่านั้น สะท้อนความมุ่งมั่นในการนำเสนอประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้น
ใต้ฝากระโปรงของ DBX707 คือเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ที่ผลิตด้วยมือจาก Mercedes-AMG แต่ได้รับการปรับจูนใหม่ให้มีพละกำลังมหาศาลถึง 697 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด แบบ Wet Clutch ทำให้การเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.1 วินาที ทำให้มันเป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด นอกจากนี้ DBX707 ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อม Electronic Limited-Slip Rear Differential เพื่อการยึดเกาะและการควบคุมที่ยอดเยี่ยมในทุกสภาวะ
ภายในห้องโดยสารได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ทั้งแผงหน้าปัด คอนโซลกลาง และพวงมาลัย พร้อมระบบ Infotainment ใหม่ที่ใช้งานง่ายขึ้น รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งล้วนเป็นเกรดพรีเมียม ทั้งหนังแท้ที่เย็บด้วยมือ และคาร์บอนไฟเบอร์ สร้างบรรยากาศที่หรูหราและประณีต หากคุณกำลังมองหารถ SUV ที่ไม่เหมือนใคร เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ สวยงาม และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม DBX คือคำตอบที่ใช่
2025 Audi SQ5: ความสมดุลแห่งความเร็วและความสะดวกสบายที่ก้าวล้ำ
สำหรับปี 2025 Audi SQ5 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยดีไซน์ใหม่หมดจดทั้งภายนอกและภายใน ผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะ และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ภายนอกได้รับการปรับปรุงให้ดูเฉียบคมยิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้า Matrix LED ดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าที่ปรับรูปทรง และกันชนหน้า-หลังที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด
หัวใจสำคัญคือเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ที่ได้รับการเพิ่มกำลังเป็น 362 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งที่น่าประทับใจและประสบการณ์ขับขี่ที่สปอร์ต การเพิ่มพละกำลังเล็กน้อยนี้ เมื่อรวมกับความเชี่ยวชาญของ Audi ในด้านช่วงล่างและการควบคุม ทำให้ SQ5 มอบความรู้สึกที่หนักแน่นและมั่นคงบนท้องถนน ผู้ที่ต้องการประสบการณ์ขับขี่ที่ดุดันยิ่งขึ้น สามารถเลือกแพ็คเกจ Sport ที่มาพร้อมโช้คอัพปรับได้ ช่วงล่างแบบสปอร์ต และเฟืองท้ายหลังแบบสปอร์ต
ภายในห้องโดยสารได้รับการยกระดับด้วยวัสดุคุณภาพสูงและเทคโนโลยีล้ำสมัย หน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมระบบ MMI Touch ของ Audi และหน้าจอมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วที่ปรับแต่งได้ มอบข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้ขับขี่อย่างครบถ้วน SQ5 ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มาตรฐานหลายรายการ เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ด้วยการผสมผสานสมรรถนะ ความหรูหรา และเทคโนโลยี ทำให้ 2025 Audi SQ5 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา Compact SUV ระดับพรีเมียมที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวันและการขับขี่แบบสปอร์ต
2025 Audi SQ7: SUV สำหรับครอบครัวที่เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น
Audi SQ7 ปี 2025 เป็น SUV หรูหราที่ผสมผสานสมรรถนะ ความสะดวกสบายในการใช้งาน และสไตล์ได้อย่างลงตัว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรถครอบครัวขนาดใหญ่ที่ยังคงมอบความเร้าใจในการขับขี่ ใต้ฝากระโปรงคือเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร อันทรงพลัง ให้พละกำลัง 500 แรงม้า และแรงบิด 760 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งถือว่าน่าประทับใจสำหรับรถขนาดนี้
เครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro อันเป็นเอกลักษณ์ของ Audi ทำให้ SQ7 มอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงและทรงพลัง ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือการเดินทางไกลในช่วงสุดสัปดาห์
นอกจากสมรรถนะแล้ว SQ7 ยังโดดเด่นด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางและประณีต ด้วยที่นั่งสามแถวรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 คน ภายในตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียม พร้อมเทคโนโลยีที่ครบครัน เช่น หน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว มาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และระบบเสียง Bang & Olufsen 3D SQ7 ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงหลายรายการ
รูปลักษณ์ภายนอกของ SQ7 แตกต่างจาก Q7 ทั่วไปเล็กน้อย ด้วยกันชนหน้าที่ปรับดีไซน์ใหม่พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขึ้น กระจังหน้าเฉพาะรุ่น ปลายท่อไอเสียสี่ท่อ และล้ออัลลอยด์ดีไซน์พิเศษ สำหรับปี 2025 ยังมีการปรับปรุงกันชนหน้าและหลัง ไฟหน้าและไฟท้ายใหม่ พร้อมตัวเลือกสีภายนอกและภายในใหม่ๆ ทำให้ 2025 Audi SQ7 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในกลุ่ม SUV หรูหราสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่
2025 Audi SQ8: ความสง่างามที่มาพร้อมกับพลังที่ซ่อนเร้น
Audi SQ8 ปี 2025 ยังคงสร้างความประทับใจในฐานะ SUV แบบคูเป้ 5 ที่นั่ง ที่ผสานการออกแบบที่เพรียวบางเข้ากับความอเนกประสงค์ของ SUV ได้อย่างลงตัว มันเป็นตัวเลือกที่มั่นคงและปลอดภัย ด้วยความงามที่ดึงดูดใจและความสมรรถนะที่น่าทึ่ง ภายใต้รูปลักษณ์ที่โดดเด่นคือเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ที่ให้พละกำลัง 500 แรงม้า ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ทำให้มันมีสมรรถนะที่ใกล้เคียงกับ RS Q8 แต่มีราคาที่เข้าถึงได้มากกว่ามาก
ภายในห้องโดยสารได้รับการยกย่องว่า “สะดวกสบายและเงียบสงบ” ด้วย “วัสดุคุณภาพสูง” และ “สัมผัสที่หรูหรา” เบาะนั่งที่รองรับสรีระได้ดี และพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง นอกจากนี้ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี สำหรับปี 2025 Audi SQ8 มาพร้อมไฟภายในห้องโดยสารแบบ LED และระบบจดจำป้ายจราจรเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่นย่อย รุ่น Prestige เพิ่มเบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบนวดและหน่วยความจำเข้ามาเป็นมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจ Carbon ที่เพิ่มการตกแต่งคาร์บอนไฟเบอร์บริเวณกระจกมองข้าง ช่องดักอากาศ และกาบบันได รวมถึงแพ็คเกจ Audi Sport ที่เพิ่มการตกแต่งด้วยด้ายสีแดงบริเวณเบาะนั่ง คอนโซลกลาง และพนักพิงประตู พร้อมเข็มขัดนิรภัยสีแดงอันสะดุดตา
SQ8 มอบความตื่นเต้นในการขับขี่และความหรูหราที่ผู้ซื้อคาดหวังจาก Audi ในระดับพรีเมียม มันเป็นรถที่สามารถดึงดูดสายตาได้ทุกที่ที่ไป และมอบความมั่นใจในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
2025 Audi RS Q8: Urus ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า
หากคุณหลงใหลในความดุดันของ Lamborghini Urus แต่ต้องการความคุ้มค่าที่มากกว่า Audi RS Q8 ปี 2025 คือคำตอบที่ผมจะแนะนำให้คุณพิจารณาอย่างจริงจัง มันคือเวอร์ชันที่เร็วที่สุดของ Q8 และเป็น SUV ตระกูล RS เพียงรุ่นเดียวในตลาดอเมริกาเหนือ และยังเป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในสนาม Nürburgring Nordschleife อีกด้วย ซึ่งหมายความว่ามันมีความคล่องตัวอย่างน่าทึ่งสำหรับ SUV ที่สามารถใช้รับส่งลูกๆ ไปโรงเรียนได้
RS Q8 มาพร้อมป้ายราคาที่สูง แต่สมรรถนะ สไตล์ และฟีเจอร์ที่ครบครันนั้นคุ้มค่าแก่การลงทุนอย่างแน่นอน ทุกรุ่นของ RS Q8 มาพร้อมระบบช่วงล่างถุงลมแบบปรับได้ ล้อขนาด 22 นิ้ว เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบทำความร้อนและระบายอากาศ และระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen 17 ลำโพง สำหรับปี 2025 RS Q8 ได้รับการปรับปรุงดีไซน์เล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับ Q8 และ SQ8 ที่ได้รับการปรับโฉมไปเมื่อปีก่อน แต่ไฮไลต์ที่แท้จริงคือรุ่น Performance ใหม่ ที่มาพร้อมพละกำลังถึง 631 แรงม้า
รุ่น Performance ไม่เพียงแต่มีแรงม้าเพิ่มขึ้น แต่ยังมาพร้อม Limited-Slip Center Differential, ระบบไอเสียที่ปรับแต่งเป็นพิเศษ และระบบช่วงล่างเฉพาะรุ่นที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยควบคุมการทรงตัวของ RS Q8 ในโค้ง สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์สูงสุด นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาว่ามันมอบสมรรถนะที่ใกล้เคียงกับ Super SUV ราคาแพงกว่าครึ่งเท่าตัว RS Q8 จึงเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับผู้ที่ต้องการ “ซูเปอร์คาร์ในร่าง SUV”
2025 Bentley Bentayga: นิยามใหม่แห่งความหรูหราและสมรรถนะ
Bentley Bentayga ปี 2025 ยังคงเป็นมาตรฐานของ SUV ระดับอัลตร้าลักชัวรี ที่ผสานความประณีตตามแบบฉบับของ Bentley เข้ากับสมรรถนะที่คาดไม่ถึงได้อย่างลงตัว ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในวงการ ผมกล้าพูดว่านี่คือหนึ่งใน SUV ที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้
หัวใจของ Bentayga V8 คือเครื่องยนต์ V8 ที่ล้ำสมัย ให้พละกำลังเกือบ 550 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่มหาศาล มอบอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ พร้อมการขับขี่ที่นุ่มนวลและหรูหราขั้นสุด Bentayga V8 มีการควบคุมที่ยอดเยี่ยมและคล่องตัวเกินกว่าที่คุณจะคาดคิด นอกจากนี้ Bentley ยังนำเสนอ Bentayga Hybrid ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร 335 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 162 แรงม้า และแบตเตอรี่ Li-ion 17.3 kWh ให้พละกำลังรวม 443 แรงม้า ซึ่งยังคงมอบสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา
สำหรับปี 2025 Bentayga ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ยังคงมีตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น รุ่น S ที่เน้นความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยการปรับแต่งช่วงล่างให้เฉียบคมขึ้น ล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้ว และกันชนหน้าที่ดุดันขึ้น หรือรุ่น Azure ที่มาพร้อมการตกแต่งภายในที่หรูหราที่สุดและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ครบครัน
จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ผมแนะนำ Bentayga S ด้วยเครื่องยนต์ V8 ที่ทรงพลังไม่แพ้กัน แต่ได้รับการปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่เฉียบคมและอัตราเร่งที่รวดเร็วขึ้น มอบพลวัตการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายและความหรูหรา นอกจากนี้ยังมาพร้อมองค์ประกอบภายนอกสีดำ และกันชนหน้าที่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความแรงและสไตล์
2025 Bentley Bentayga EWB: ความกว้างขวางที่หรูหราเหนือระดับ
Bentley Bentayga EWB (Extended Wheel Base) ปี 2025 คือการยกระดับความหรูหราและความสะดวกสบายของ Bentayga ไปอีกขั้น ด้วยการเพิ่มระยะฐานล้อถึง 180 มม. ทำให้เบาะนั่งด้านหลังมีพื้นที่วางขาที่กว้างขวางมหาศาล เปลี่ยน SUV คันนี้ให้กลายเป็นรถลิมูซีนส่วนตัวที่สามารถรองรับผู้โดยสารระดับ VVIP ได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณสามารถเลือกการตกแต่งแบบเบาะแยกสองที่นั่งพร้อมฟังก์ชันเอนนอน หรือแบบสามที่นั่งที่ให้พื้นที่วางขาที่มากขึ้น
นอกจากพื้นที่พิเศษแล้ว EWB ยังมาพร้อมล้อขนาด 21 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐานแม้ในรุ่นเริ่มต้น และยังคงมอบสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับ Bentayga รุ่นมาตรฐาน โดยไม่ลดทอนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. หรือความเร็วสูงสุด สำหรับปี 2025 Bentayga ยังคงมีรุ่น Mulliner ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด (ตามภาพประกอบ) ที่มาพร้อมการตกแต่งภายในแบบ Triple-Color สุดพิเศษ ซึ่งมีให้เลือกมากถึงแปดเฉดสีที่ไม่ซ้ำกัน Mulliner จะมีเฉพาะในรุ่นฐานล้อยาวและเครื่องยนต์ V8 เท่านั้น
Bentayga EWB เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการ SUV สำหรับครอบครัวที่เน้นความหรูหราและความกว้างขวางเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ด้วยการผสมผสานความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาสเข้ากับสมรรถนะและความประณีตในแบบฉบับของ Bentley EWB จึงเป็นยานยนต์ที่โดดเด่นอย่างแท้จริง
2025 BMW X3 M: SUV สำหรับผู้แสวงหาอะดรีนาลีน
BMW X3 M ปี 2025 ยังคงเป็น Compact SUV สมรรถนะสูงที่ผสมผสานการใช้งานได้จริงเข้ากับพลวัตการขับขี่อันเร้าใจได้อย่างลงตัว ใต้ฝากระโปรงคือเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร ที่สร้างพละกำลัง 473 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ของ BMW ทำให้ X3 M สามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาที
นอกจากความเร็วทางตรงที่น่าประทับใจแล้ว X3 M ยังโดดเด่นในเรื่องการควบคุมและความคล่องตัว ด้วยช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต โช้คอัพปรับได้ และการจูน M-Specific ทำให้ SUV คันนี้กลายเป็นเครื่องจักรที่พร้อมเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ระบบบังคับเลี้ยวมีความแม่นยำและตอบสนองได้ดี ให้ฟีดแบ็กที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้ขับขี่ ระบบเบรกขนาดใหญ่ให้พลังหยุดรถที่มั่นใจได้ แม้ในการขับขี่ที่ดุดัน การออกแบบภายนอกของ X3 M สะท้อนสมรรถนะของมัน ด้วยสไตล์ที่ดุดัน เช่น ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขึ้น กระจังหน้าเฉพาะรุ่น ปลายท่อไอเสียสี่ท่อ และล้อดีไซน์พิเศษ
ภายในห้องโดยสารของ X3 M ผสมผสานความหรูหราและความสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกัน เบาะนั่งทรงสปอร์ตที่โอบกระชับ พวงมาลัยขอบหนา และจอแสดงผล M-Specific สร้างสภาพแวดล้อมที่มุ่งเน้นผู้ขับขี่เป็นหลัก ห้องโดยสารยังใช้วัสดุคุณภาพสูงและเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น หน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับปี 2025 BMW X3 M ยังคงเดิมจากรุ่นปี 2024 แต่ราคามีการปรับขึ้นเล็กน้อย
จากมุมมองของผม หากคุณกำลังมองหา SUV ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและเร้าใจทุกวัน X3 M โดยเฉพาะรุ่น Competition ซึ่งเพิ่มพละกำลังและการตกแต่งภายนอกที่ดุดันยิ่งขึ้น เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
2025 BMW X4 M: ความแรงและสไตล์ที่ลงตัว
BMW X4 M ปี 2025 นำสมรรถนะและการใช้งานได้จริงของ X3 M มาห่อหุ้มในแพ็คเกจที่ดูมีสไตล์และสปอร์ตยิ่งขึ้นในรูปแบบ Sports Activity Coupe คันนี้มีเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร อันดุดันเช่นเดียวกับ X3 M ให้พละกำลัง 473 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตร เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive X4 M สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาที มอบอัตราเร่งที่น่าตื่นเต้นและการยึดเกาะที่มั่นใจ
แต่ X4 M เป็นมากกว่าแค่ขีปนาวุธทางตรง ช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต โช้คอัพปรับได้ และระบบบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ ทำให้มันเป็นรถที่สนุกในการขับขี่ผ่านโค้งต่างๆ X4 M แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัวที่น่าทึ่งสำหรับ SUV ด้วยแชสซีที่ตอบสนองได้ดีซึ่งกระตุ้นให้เกิดการขับขี่ที่กระตือรือร้น องค์ประกอบการออกแบบที่โดดเด่น เช่น หลังคาที่ลาดเอียง ด้านท้ายที่ดูเป็นประติมากรรม และกันชนหน้าที่ดุดัน ทำให้มันแตกต่างจาก X3 M ที่ดูเป็นแบบดั้งเดิมมากกว่า
ภายใน X4 M นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและมุ่งเน้นผู้ขับขี่ เบาะนั่งทรงสปอร์ตให้การรองรับที่ดีเยี่ยมในระหว่างการขับขี่ที่ดุดัน ในขณะที่พวงมาลัยขอบหนาและจอแสดงผล M-Specific ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ ห้องโดยสารยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี เช่น หน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับปี 2025 BMW X4 M ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากรุ่นปี 2024 นอกจากการปรับราคาขึ้นเล็กน้อย
หากคุณต้องการ SUV ที่มีความแรง มีสไตล์ และใช้งานได้จริง X4 M โดยเฉพาะรุ่น Competition คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
2025 BMW X5 M: มาตรฐานใหม่ของ Super SUV
BMW X5 M ปี 2025 ยังคงเป็นผู้นำในตลาด SUV สมรรถนะสูง ด้วยพละกำลังและเทคโนโลยีที่น่าประทับใจเพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจ ใต้ฝากระโปรง เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.4 ลิตร ที่คุ้นเคยได้รับการอัปเกรดด้วยเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48V เพิ่มกำลังเป็น 617 แรงม้า และแรงบิด 750 นิวตันเมตร ทำให้ X5 M สามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาที พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่เร้าใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ
แต่ความสามารถของ X5 M ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความเร็วทางตรง แชสซีที่ซับซ้อนมาพร้อมช่วงล่าง M แบบปรับได้ ระบบควบคุมการทรงตัว Active Roll Stabilization และระบบเลี้ยวสี่ล้อ ทำงานร่วมกันเพื่อมอบการควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive พร้อม M Differential แบบแอ็คทีฟ ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและการควบคุม ทำให้ X5 M สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ เบรก M Compound ขนาดใหญ่ให้พลังหยุดรถที่มั่นใจได้
ภายในห้องโดยสาร X5 M นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย หน้าจอ BMW Curved Display ที่ครอบคลุมแผงหน้าปัด ผสานมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว และหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัส 14.9 นิ้วเข้าไว้ด้วยกัน เบาะนั่ง M Sport ให้การรองรับที่ดีเยี่ยมในระหว่างการขับขี่ที่ดุดัน ในขณะที่วัสดุระดับพรีเมียมและการตกแต่งที่ประณีตสร้างบรรยากาศที่หรูหรา ด้วยการผสมผสานสมรรถนะอันดุดัน เทคโนโลยีล้ำสมัย และความหรูหรา 2025 BMW X5 M ยังคงเป็นมาตรฐานที่สูงสำหรับ SUV สมรรถนะสูง
2025 BMW X6 M: พลังมหาศาลและความสนุกบนถนนหลัง
BMW X6 M ปี 2025 ต่อยอดจากชื่อเสียงของตัวเองในฐานะ SUV แบบคูเป้สมรรถนะสูง ด้วยการผสมผสานพลัง สไตล์ และเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้นเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.4 ลิตร ร่วมกับ X5 M และได้รับการปรับปรุงด้วยเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48V ให้พละกำลังรวม 617 แรงม้า และแรงบิด 750 นิวตันเมตร ทำให้ X6 M สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.7 วินาที
สมรรถนะของ X6 M ไม่ได้มีแค่ความแรงดิบๆ ด้วยแชสซีที่ซับซ้อนซึ่งมีช่วงล่าง M แบบปรับได้ ระบบควบคุมการทรงตัว Active Roll Stabilization และระบบเลี้ยวสี่ล้อ เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้การควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ทำให้ SUV ขนาดใหญ่คันนี้สามารถเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำอย่างน่าประหลาดใจ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive พร้อม M Differential แบบแอ็คทีฟ ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและการควบคุม ในขณะที่เบรก M Compound ที่ทรงพลังให้พลังหยุดรถที่มั่นใจได้
ภายในห้องโดยสาร X6 M นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและมุ่งเน้นผู้ขับขี่ BMW Curved Display เป็นศูนย์กลาง ผสานมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว และหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัส 14.9 นิ้วเข้าด้วยกัน เบาะนั่ง M Sport ให้การรองรับที่ดีเยี่ยมในระหว่างการขับขี่ที่ดุดัน ในขณะที่วัสดุระดับพรีเมียมและการตกแต่งที่ประณีตสร้างบรรยากาศที่หรูหรา ด้วยการผสมผสานการออกแบบที่โดดเด่น สมรรถนะอันเร้าใจ และเทคโนโลยีขั้นสูง 2025 BMW X6 M โดดเด่นในฐานะตัวเลือกที่พิเศษและน่าหลงใหลในกลุ่ม SUV สมรรถนะสูง
2025 Cadillac Escalade V-Series: ยักษ์ใหญ่ที่คล่องตัวเกินคาด
Cadillac Escalade V-Series ปี 2025 ยกระดับ SUV สุดหรูในตำนานขึ้นไปสู่จุดสูงสุดใหม่ของสมรรถนะและความพิเศษเฉพาะตัว ใต้ฝากระโปรงคือเครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จ 6.2 ลิตร ที่สร้างด้วยมือ ปล่อยพละกำลังมหาศาลถึง 682 แรงม้า และแรงบิด 881 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.4 วินาที ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับ SUV ที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้ Escalade V-Series ไม่ได้อาศัยเพียงแค่พละกำลังดิบๆ แต่ยังมาพร้อมช่วงล่างที่ปรับแต่งสมรรถนะด้วย Magnetic Ride Control 4.0, Limited-Slip Differential และเบรก Brembo ขนาดใหญ่ เพื่อให้การควบคุมและการหยุดรถที่ยอดเยี่ยม
Escalade V-Series โดดเด่นด้วยองค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงศักยภาพด้านสมรรถนะ กันชนหน้าดีไซน์เฉพาะพร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขึ้น กระจังหน้าแบบตาข่าย และตราสัญลักษณ์ V-Series ทำให้มันแตกต่างจาก Escalade รุ่นมาตรฐาน ล้อขนาด 24 นิ้วสุดพิเศษ คาลิปเปอร์เบรก Edge Red ที่เป็นอุปกรณ์เสริม และปลายท่อไอเสียสี่ท่อ ยิ่งตอกย้ำถึงความสปอร์ต ภายในห้องโดยสารเป็นแหล่งรวมความหรูหราและเทคโนโลยี เบาะนั่งหุ้มหนัง Semi-aniline พร้อมการเย็บที่ไม่ซ้ำใครและโลโก้ V-Series มอบความสบายและการรองรับที่ยอดเยี่ยม หน้าจอ OLED โค้งขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมแผงหน้าปัด ผสานมาตรวัดดิจิทัล 14.2 นิ้ว และหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัส 16.9 นิ้ว
ด้วยการผสมผสานระหว่างสมรรถนะอันดุดัน การออกแบบที่สะดุดตา และสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหรา 2025 Cadillac Escalade V-Series ได้นิยามใหม่ของเซกเมนต์ SUV สุดหรู มันเป็นยานพาหนะที่สามารถขนส่งครอบครัวได้อย่างสะดวกสบายและมีสไตล์ พร้อมมอบสมรรถนะที่เร้าใจได้ตามต้องการ สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดความหรูหราและสมรรถนะใน SUV Escalade V-Series คือตัวเลือกที่โดดเด่นอย่างแท้จริง
2025 Dodge Durango SRT 392: SUV อเนกประสงค์กับสมรรถนะอันน่าทึ่ง
Dodge Durango SRT 392 ปี 2025 คือรถ Muscle Car ที่ปลอมตัวมาในร่าง SUV สำหรับครอบครัว เป็นยานพาหนะที่ท้าทายความคาดหมาย มอบสมรรถนะอันเร้าใจและเสียงเครื่องยนต์ V8 ที่ดุดัน ในขณะที่ยังคงความอเนกประสงค์ของ SUV แบบสามแถว ใต้ฝากระโปรงคือเครื่องยนต์ HEMI V8 6.4 ลิตร ที่ให้พละกำลัง 475 แรงม้า และแรงบิด 637 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.7 วินาที จัดเป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในคลาสนี้ แต่ Durango SRT 392 ไม่ได้มีดีแค่ความเร็วทางตรง
Dodge ได้ติดตั้ง SUV สมรรถนะสูงคันนี้ด้วยช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต เบรก Brembo และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ช่วยให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างคล่องตัวอย่างน่าประหลาดใจ มันเป็นยานพาหนะที่สามารถขับขี่บนถนนคดเคี้ยวได้อย่างสบาย หรือแม้กระทั่งลงสนามแข่งได้อย่างมั่นใจ การออกแบบภายนอกที่ดุดันของ Durango SRT 392 ด้วยตัวถังที่กว้างขึ้น ช่องดักอากาศบนฝากระโปรงหน้า และล้อขนาด 20 นิ้ว ยิ่งบ่งบอกถึงศักยภาพด้านสมรรถนะ
ภายใน Durango SRT 392 มอบห้องโดยสารที่สะดวกสบายและครบครันด้วยอุปกรณ์ เบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารสูงสุด 7 คน เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบทำความร้อนและระบายอากาศ พวงมาลัยทำความร้อน และระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว เป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ที่ทำให้การเดินทางน่ารื่นรมย์ ด้วยการผสมผสานสมรรถนะแบบ Muscle Car ความอเนกประสงค์ของ SUV และภายในที่สะดวกสบาย Dodge Durango SRT 392 จึงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถที่ครบเครื่อง
2025 Dodge Durango SRT Hellcat: SUV ครอบครัวที่เร็วระดับซูเปอร์คาร์
Dodge Durango SRT Hellcat ปี 2025 กลับมาอีกครั้ง ท้าทายทั้งความคาดหวังและตรรกะ ด้วยการยัดเครื่องยนต์ Hellcat V8 ซูเปอร์ชาร์จ 6.2 ลิตร ลงใน SUV สำหรับครอบครัว เครื่องยนต์อันมหาศาลนี้ผลิตพละกำลังที่น่าตกใจถึง 710 แรงม้า และแรงบิด 875 นิวตันเมตร เปลี่ยน Durango ให้กลายเป็นสัตว์ร้ายแห่งสมรรถนะอย่างแท้จริง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.5 วินาที และเวลา 1/4 ไมล์ใน 11.5 วินาที Durango SRT Hellcat สามารถทำให้รถสปอร์ตหลายคันอับอายได้ ในขณะที่ยังคงรองรับผู้โดยสาร 7 คนและสัมภาระได้อย่างสะดวกสบาย
แต่ Durango SRT Hellcat ไม่ได้มีดีแค่ความแรงดิบๆ เท่านั้น มันมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ปรับแต่งสมรรถนะ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดพร้อม Paddle Shifters และช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ช่วยให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างคล่องตัวอย่างน่าประหลาดใจสำหรับขนาดของมัน เบรก Brembo ขนาดใหญ่ให้พลังหยุดรถที่จำเป็นในการควบคุมสัตว์ร้ายตัวนี้ ในขณะที่ระบบ Launch Control ช่วยให้คุณได้อัตราเร่งที่กระชากใจ การออกแบบภายนอกที่ดุดันของ Durango SRT Hellcat ด้วยตัวถังที่กว้างขึ้น ช่องดักอากาศบนฝากระโปรงหน้า และล้อขนาด 20 นิ้ว ทำให้ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเจตนาด้านสมรรถนะ
ภายใน Durango SRT Hellcat มอบห้องโดยสารที่สะดวกสบายและครบครันด้วยอุปกรณ์ เบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารสูงสุด 7 คน เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบทำความร้อนและระบายอากาศ พวงมาลัยทำความร้อน และระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว เป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ที่ทำให้การเดินทางน่ารื่นรมย์ ด้วยการผสมผสานสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ ความอเนกประสงค์ของ SUV และภายในที่สะดวกสบาย 2025 Dodge Durango SRT Hellcat จึงเป็นยานพาหนะที่โดดเด่นและเร้าใจอย่างแท้จริง ที่ท้าทายทุกคำนิยาม
2025 Ferrari Purosangue: การผสมผสานที่ลงตัวของสมรรถนะ ความหรูหรา และการใช้งานได้จริง
Ferrari Purosangue ปี 2025 ไม่ใช่แค่ SUV คันแรกของ Ferrari แต่มันคือการประกาศที่จะท้าทายขนบธรรมเนียมและนิยามใหม่ของความคาดหวัง นี่ไม่ใช่รถครอบครัวยกสูงทั่วไป แต่เป็น Ferrari พันธุ์แท้ที่มาพร้อมจิตวิญญาณของรถสปอร์ตและความอเนกประสงค์ของ SUV การออกแบบที่เพรียวบางตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยฝากระโปรงหน้าที่ยาว บังโคลนที่แข็งแกร่ง และท่าทางที่ดุดัน เป็นเอกลักษณ์ของ Ferrari อย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ความสูงจากพื้นดินที่เพิ่มขึ้นและสี่ประตูมอบระดับการใช้งานได้จริงที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับม้าลำพอง
ใต้ฝากระโปรง Purosangue มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 หายใจตามธรรมชาติ 6.5 ลิตร ที่ปลดปล่อยพละกำลัง 715 แรงม้า และแรงบิด 716 นิวตันเมตร ทำให้มีสมรรถนะที่น่าทึ่ง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. แต่ Purosangue เป็นมากกว่าแค่ขีปนาวุธทางตรง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขั้นสูง ระบบช่วงล่างแบบแอ็คทีฟ และระบบเลี้ยวสี่ล้อ ให้การควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ทำให้มันเป็นรถที่สนุกในการขับขี่บนถนนคดเคี้ยว
ภายใน Purosangue มอบห้องโดยสารที่หรูหราและกว้างขวางพร้อมที่นั่งสำหรับสี่คน ห้องนักบินที่มุ่งเน้นผู้ขับขี่มีมาตรวัดดิจิทัล ระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 10.2 นิ้ว และการออกแบบ Dual-Cockpit ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งทำให้ผู้โดยสารตอนหน้ามีจอแสดงผลและระบบควบคุมของตัวเอง เบาะหลังมีพื้นที่วางขาและศีรษะที่กว้างขวาง ทำให้ Purosangue เป็นยานพาหนะที่สะดวกสบายและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยการผสมผสานสมรรถนะอันเร้าใจ การออกแบบที่น่าทึ่ง และการใช้งานได้จริงอย่างน่าประหลาดใจ Ferrari Purosangue เป็นยานพาหนะที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่นิยามใหม่ว่า Ferrari สามารถเป็นอะไรได้บ้าง
2025 Ford F-150 Raptor / Raptor R: สัตว์ป่าแห่งทะเลทรายที่ไร้ขีดจำกัด
Ford F-150 Raptor และ Raptor R ปี 2025 ยังคงครองตำแหน่งสูงสุดในโลกของรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง รถกระบะที่พร้อมลุยทะเลทราย ปีนป่ายโขดหินเหล่านี้ สร้างขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการการผจญภัยที่กระตุ้นอะดรีนาลีน และเรียกร้องความสามารถสูงสุดจากยานพาหนะ ทั้งสองรุ่นใช้แพลตฟอร์มเดียวกันและสไตล์ที่ดุดัน แต่ตอบสนองความกระตือรือร้นในการออฟโรดที่แตกต่างกัน
F-150 Raptor รุ่น “พื้นฐาน” ก็ไม่ธรรมดา มาพร้อมเครื่องยนต์ EcoBoost V6 ทวินเทอร์โบ 3.5 ลิตร อันทรงพลัง ที่ให้พละกำลัง 450 แรงม้า และแรงบิด 691 นิวตันเมตร กำลังนี้ส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ซับซ้อนพร้อม Transfer Case แบบ Torque-on-Demand จุดเด่นของ Raptor อยู่ที่ระบบช่วงล่าง ด้วยโช้คอัพ Fox 3.1 Live Valve Internal Bypass ที่ให้การควบคุมและการหน่วงที่ดีเยี่ยมแม้บนพื้นผิวที่ท้าทายที่สุด ด้วยระยะยุบตัวของช่วงล่างด้านหน้า 13.1 นิ้ว และด้านหลัง 14.1 นิ้ว ทำให้ Raptor สามารถซับแรงกระแทกและกระโดดได้อย่างสบาย
สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่เหนือชั้นยิ่งขึ้น F-150 Raptor R ยกระดับไปอีกขั้น ใต้ฝากระโปรงคือเครื่องยนต์ Predator V8 ซูเปอร์ชาร์จ 5.2 ลิตร ที่ยกมาจาก Mustang Shelby GT500 ซึ่งปลดปล่อยพละกำลังมหาศาลถึง 700 แรงม้า และแรงบิด 868 นิวตันเมตร ทำให้ Raptor R เป็นรถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตลาด นอกจากนี้ยังมีช่วงล่างที่ปรับแต่งเฉพาะรุ่น ฐานล้อที่กว้างขึ้น และยาง All-Terrain ขนาด 37 นิ้ว ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการออฟโรดให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่น Raptor หรือ Raptor R คุณจะได้รับรถกระบะที่สามารถพิชิตทุกสภาพพื้นผิวและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่กระตุ้นอะดรีนาลีนได้อย่างแน่นอน
2025 Ford Bronco Raptor: ออฟโรดพันธุ์แท้
Ford Bronco Raptor ไม่ใช่ SUV ทั่วไป แต่เป็นสัตว์ร้ายออฟโรดสมรรถนะสูงที่สร้างขึ้นเพื่อพิชิตภูมิประเทศที่ท้าทายที่สุด ลองนึกภาพรถบรรทุก Monster Truck ที่พร้อมลุยทะเลทราย ปีนป่ายโขดหิน กระโดดข้ามเนินทราย พร้อมป้ายทะเบียน Ford ได้นำ Bronco ที่มีความสามารถอยู่แล้ว มาฉีด DNA ของ Raptor เข้าไปอย่างเข้มข้น ทำให้เกิดยานพาหนะที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของสมรรถนะออฟโรด
ใต้ฝากระโปรง Bronco Raptor บรรจุเครื่องยนต์ EcoBoost V6 ทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร อันทรงพลังที่ให้พละกำลัง 418 แรงม้า และแรงบิด 597 นิวตันเมตร กำลังนี้ส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ซับซ้อนพร้อมเพลาท้าย Dana 50 Heavy-Duty AdvanTEK และเพลาหน้า Dana 44 AdvanTEK จุดเด่นของ Bronco Raptor คือระบบช่วงล่าง มันมาพร้อมระบบช่วงล่างออฟโรดสมรรถนะสูง (HOSS 4.0) พร้อมโช้คอัพ Fox 3.1 Internal Bypass แบบกึ่งแอ็คทีฟ ช่วงล่างระยะยุบตัวสูง และยาง All-Terrain ขนาด 37 นิ้ว การตั้งค่านี้ช่วยให้ Bronco Raptor ซับแรงกระแทกและกระโดดได้อย่างสบาย ให้การควบคุมและความมั่นคงที่ยอดเยี่ยมแม้ในสภาพแวดล้อมออฟโรดที่ท้าทายที่สุด
การออกแบบภายนอกของ Bronco Raptor นั้นดุดันไม่แพ้สมรรถนะ บังโคลนที่กว้างขึ้น กระจังหน้าเฉพาะรุ่น และตัวอักษร “FORD” ที่โดดเด่น ทำให้ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเจตนาของมัน ฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริง เช่น แผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ แผ่นกันกระแทกสำหรับงานหนัก และตะขอเกี่ยว เพิ่มความสามารถในการออฟโรด ภายในห้องโดยสารผสมผสานความทนทานและความประณีตเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยเบาะนั่งไวนิลเกรดเรือ หน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสความละเอียดสูง และฟีเจอร์ที่เน้นการออฟโรดมากมาย Bronco Raptor เป็นเครื่องจักรที่โดดเด่นและมีความสามารถอย่างแท้จริง ที่นิยามใหม่ว่า SUV ออฟโรดสามารถเป็นอะไรได้บ้าง
2025 Lamborghini Urus: ความสมดุลระหว่างความบ้าคลั่งของ Lamborghini และ SUV ที่ใช้งานได้จริง
Lamborghini Urus ปี 2025 ก้าวเข้าสู่อนาคตด้วยระบบส่งกำลัง Plug-in Hybrid อันทรงพลัง ซึ่งเป็นยุคใหม่สำหรับ SUV สมรรถนะสูงคันนี้ ในขณะที่เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร อันเป็นเอกลักษณ์ยังคงอยู่ แต่ตอนนี้มันได้ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อสร้าง Urus S.E. (Super Elettrica) ใหม่ การรวมกันนี้ปลดปล่อยพละกำลังที่น่าตกใจถึง 789 แรงม้า และแรงบิด 950 นิวตันเมตร ทำให้ Urus S.E. เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.1 วินาที นอกจากพละกำลังดิบๆ แล้ว ระบบไฮบริดยังให้ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวประมาณ 48 กิโลเมตร เพิ่มมิติของประสิทธิภาพให้กับ Super SUV คันนี้
แต่ไลน์ผลิตภัณฑ์ Urus ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น Urus S “พื้นฐาน” ก็ได้รับการอัปเดตสำหรับปี 2025 ด้วยส่วนหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมกันชนและฝากระโปรงหน้าใหม่ รวมถึงไฟหน้าและไฟท้ายที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ภายในทั้ง Urus S และ S.E. ได้รับประโยชน์จากระบบ Infotainment ที่อัปเกรดใหม่และตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลายยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะของ Urus รุ่น Performante ยังคงเป็นตัวเลือกสูงสุด ด้วยการลดน้ำหนัก การปรับปรุงตามหลักอากาศพลศาสตร์ และการจูนที่เน้นสนามแข่ง ทำให้ Urus Performante มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดุดันและเร้าใจยิ่งขึ้น
ตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจคือล้อ Galanthus ขนาด 23 นิ้วที่โดดเด่น หุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero ขนาด 285/35 ที่ด้านหน้า และ 325/30 ที่ด้านหลัง ภายใน Urus S.E. มีหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วที่ใหญ่ขึ้น พร้อมการตอบสนองที่ดีขึ้นและการควบคุมด้วยเสียงที่ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ยอมรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Lamborghini ยังคงรักษาปุ่มควบคุมทางกายภาพที่น่าพึงพอใจไว้หลายอย่าง รวมถึงสวิตช์โยกและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกครอบไว้ การอัปเดตเหล่านี้รวมกันเพื่อยกระดับความสวยงามและเทคโนโลยีของ Urus ทำให้มันยังคงเป็นรถที่ดึงดูดสายตาจากภายในและภายนอก
2025 Lotus Eletre: จุดเปลี่ยนสำหรับ Lotus ในโลกของ SUV ไฟฟ้า
Lotus Eletre เป็นยานพาหนะที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นการก้าวสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษที่ขึ้นชื่อเรื่องรถสปอร์ตน้ำหนักเบา SUV ไฟฟ้าคันนี้คือการบุกเบิกตลาด SUV ครั้งแรกของ Lotus และมันกำลังสร้างความโดดเด่นด้วยการออกแบบที่น่าทึ่ง เทคโนโลยีล้ำสมัย และความสามารถด้านสมรรถนะที่น่าประทับใจ รูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์และเส้นสายที่ประณีตของ Eletre ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพและระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจ
ภายใต้ตัวถัง Eletre มีระบบส่งกำลังไฟฟ้าอันทรงพลังพร้อมมอเตอร์คู่ที่ให้พละกำลังรวม 603 แรงม้า และแรงบิด 710 นิวตันเมตร ในรุ่นเริ่มต้นและรุ่น S ทำให้สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น Eletre R ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด ปลดปล่อยพละกำลังมหาศาลถึง 905 แรงม้า และแรงบิด 985 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.95 วินาที Eletre R ยังมีเกียร์สองสปีดที่เป็นเอกลักษณ์ที่เพลาหลัง ช่วยเพิ่มทั้งอัตราเร่งและประสิทธิภาพ
ภายในห้องโดยสาร Eletre นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย ใช้วัสดุที่ยั่งยืนตลอดทั้งคัน สะท้อนความมุ่งมั่นของ Lotus ในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 15.1 นิ้วครอบงำแผงหน้าปัด ให้การเข้าถึงระบบนำทาง ความบันเทิง และการตั้งค่ารถยนต์ Eletre ยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงมากมาย เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบรักษาช่องทางเดินรถ และระบบกล้อง 360 องศา ด้วยการผสมผสานสมรรถนะ เทคโนโลยี และความยั่งยืน Porsche Macan EV จึงพร้อมที่จะนิยามใหม่ของเซกเมนต์ SUV ไฟฟ้า
2025 Maserati Grecale: สไตล์อิตาเลียนที่หรูหราและสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา
Maserati Grecale ปี 2025 เปิดตัวในฐานะ Compact Luxury SUV ที่สะท้อนถึงสไตล์และสมรรถนะแบบอิตาเลียนอย่างแท้จริง SUV ที่มีสไตล์คันนี้มอบการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างความอเนกประสงค์ เทคโนโลยี และความตื่นเต้นในการขับขี่ ทำให้เป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งในเซกเมนต์ของตน Maserati นำเสนอ Grecale ในสามรุ่นที่แตกต่างกัน แต่ละรุ่นตอบสนองความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน
Grecale GT ระดับเริ่มต้นใช้เครื่องยนต์สี่สูบ Mild-Hybrid 2.0 ลิตร ที่ให้พละกำลัง 296 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตันเมตร ซึ่งให้พละกำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ในขณะที่ระบบ Mild-Hybrid ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ถัดไปคือ Grecale Modena ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์ Mild-Hybrid แบบเดียวกันแต่มีพละกำลังสูงขึ้น สร้างกำลัง 325 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตันเมตร ซึ่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานยิ่งขึ้น ด้วยอัตราเร่งและการตอบสนองที่ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะของ Grecale รุ่น Grecale Trofeo คือรุ่นสูงสุด มันเปลี่ยนจากเครื่องยนต์สี่สูบเป็นเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร ที่มีพละกำลังสูง ซึ่งมาจากรถซูเปอร์คาร์ MC20 เครื่องยนต์อันทรงพลังนี้ปลดปล่อยพละกำลังที่น่าตื่นเต้นถึง 523 แรงม้า และแรงบิด 620 นิวตันเมตร ทำให้ Grecale Trofeo เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นใด Grecale ก็มอบห้องโดยสารที่หรูหราและครบครันด้วยอุปกรณ์ พร้อมวัสดุคุณภาพสูงและคุณสมบัติทางเทคโนโลยีขั้นสูง
2025 Maserati Grecale Folgore: ผสมผสานสไตล์อิตาเลียน สมรรถนะ และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกัน
Maserati Grecale Folgore ปี 2025 ได้นำกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ไลน์ผลิตภัณฑ์ Grecale ซึ่งเป็นการนำเสนอสมรรถนะที่ยั่งยืนให้กับ SUV สัญชาติอิตาเลียนคันนี้ Grecale Folgore ซึ่งเป็นรุ่นไฟฟ้าเต็มรูปแบบ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ให้พละกำลังรวม 542 แรงม้า และแรงบิด 800 นิวตันเมตร ทำให้มีอัตราเร่งที่เร้าใจ ด้วยเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 4.1 วินาที แต่ Folgore ไม่ได้มีดีแค่ความเร็วทางตรงเท่านั้น มันยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 105 kWh ที่ให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 500 กิโลเมตร ทำให้เป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้จริงสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล
Grecale Folgore แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาปด้วยองค์ประกอบการออกแบบที่ละเอียดอ่อนแต่โดดเด่น ล้อแอโรไดนามิกที่เป็นเอกลักษณ์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในขณะที่การตกแต่งด้วยสีทองแดงบนตราสัญลักษณ์ภายนอกและคาลิปเปอร์เบรกบ่งบอกถึงธรรมชาติของรถไฟฟ้า ภายในห้องโดยสาร Folgore มีเบาะนั่งหุ้มด้วย Econyl ซึ่งเป็นไนลอนรีไซเคิล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Maserati ในการรักษาสิ่งแวดล้อม แผงหน้าปัดมีมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว และระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ให้การเข้าถึงระบบนำทาง ความบันเทิง และการตั้งค่ารถยนต์ ด้วยการผสมผสานสไตล์อิตาเลียน สมรรถนะอันเร้าใจ และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2025 Maserati Grecale Folgore เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา SUV ไฟฟ้าพรีเมียมที่ไม่ลดทอนความสนุกในการขับขี่
2025 Maserati Levante: SUV ที่สวยงามและหรูหราในแบบฉบับ Maserati
Maserati Levante ปี 2025 ซึ่งเป็น SUV เรือธงของแบรนด์ ยังคงสร้างความประทับใจด้วยการผสมผสานสไตล์อิตาเลียน การตกแต่งภายในที่หรูหรา และสมรรถนะอันเร้าใจ สำหรับปีนี้ Levante ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ เทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุง และระบบส่งกำลังที่ประณีตขึ้น การออกแบบภายนอกได้รับการปรับให้ดูเฉียบคมยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าและไฟท้ายที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ภายในห้องโดยสารมีระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วใหม่ พร้อมซอฟต์แวร์ล่าสุดของ Maserati ซึ่งให้การทำงานและการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น
ไลน์ผลิตภัณฑ์ Levante นำเสนอตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน Levante GT ระดับเริ่มต้นมีเครื่องยนต์สี่สูบ Mild-Hybrid 2.0 ลิตร ที่ให้สมดุลระหว่างสมรรถนะและประสิทธิภาพ สร้างพละกำลัง 325 แรงม้า Levante Modena เพิ่มสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร สร้างพละกำลังที่สูงขึ้น 424 แรงม้า สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะของ Levante รุ่น Levante Trofeo คือรุ่นสูงสุด มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 3.8 ลิตร อันดุดัน ซึ่งปลดปล่อยพละกำลังที่น่าตื่นเต้นถึง 572 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที
ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่น Levante ใด คุณจะได้รับการขับขี่ที่หรูหราและประณีต ภายในห้องโดยสารสร้างสรรค์ด้วยวัสดุระดับพรีเมียม เช่น หนังและไม้ ในขณะที่คุณสมบัติอย่างเบาะนั่งทำความร้อนและระบายอากาศ ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม และหลังคาพาโนรามา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ด้วยการผสมผสานการออกแบบสไตล์อิตาเลียน เครื่องยนต์ทรงพลัง และสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหรา 2025 Maserati Levante ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่ม SUV สุดหรู
2025 Mercedes-AMG G63: สัญลักษณ์สถานะที่หรูหราและสะดวกสบายอย่างแท้จริง
Mercedes-AMG G 63 หรือที่รู้จักกันในนาม “G-Wagon” คือสัญลักษณ์ของความสามารถในการออฟโรดและความหรูหราที่ไม่มีการประนีประนอม SUV ในตำนานคันนี้ ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมและการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทางการทหาร เป็นสัญลักษณ์ของสถานะและความสามารถมานานหลายทศวรรษ สำหรับปี 2025 G 63 ได้รับการอัปเดตที่ครอบคลุม ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะ เทคโนโลยี และความประณีต ในขณะที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์อันเป็นสัญลักษณ์ไว้
ใต้ฝากระโปรง G 63 บรรจุเครื่องยนต์ AMG V8 Biturbo 4.0 ลิตร ที่สร้างด้วยมือ ซึ่งตอนนี้ติดตั้งระบบ Mild-Hybrid 48 โวลต์ เครื่องยนต์อันทรงพลังนี้ให้พละกำลัง 577 แรงม้า และแรงบิด 850 นิวตันเมตร ทำให้ G 63 เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 4.2 วินาที ระบบ Mild-Hybrid ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มสมรรถนะ แต่ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ ความสามารถในการออฟโรดของ G 63 ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งให้การยืดหยุ่นที่ดีขึ้นและการขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นบนพื้นผิวที่ขรุขระ
ภายในห้องโดยสาร G 63 เป็นแหล่งรวมความหรูหราและเทคโนโลยี หนังที่เย็บด้วยมือ การตกแต่งด้วยไม้ที่สร้างด้วยมือ และการเน้นด้วยอะลูมิเนียมขัดเงาสร้างบรรยากาศที่หรูหราและประณีต หน้าจอมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว และระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วครอบงำแผงหน้าปัด ให้การเข้าถึงข้อมูลและความบันเทิงมากมาย สำหรับปี 2025 G 63 ได้แนะนำคุณสมบัติช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ๆ รวมถึง Active Steering Assist และ Active Emergency Stop Assist ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
ด้วยการผสมผสานการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะอันทรงพลัง การตกแต่งที่หรูหรา และเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุง 2025 Mercedes-AMG G 63 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดความหรูหราและความสามารถในการออฟโรด
2025 Mercedes-AMG GLC-Class: พลังไฟฟ้าที่ไร้ขีดจำกัด
Mercedes-AMG GLC-Class ปี 2025 ทั้งในรูปแบบ SUV แบบดั้งเดิมและ Coupe ที่เพรียวบาง มอบสมรรถนะอันทรงพลังให้กับเซกเมนต์ Compact Luxury รถยนต์ที่ไดนามิกเหล่านี้ใช้แพลตฟอร์ม GLC ที่ประณีตและอเนกประสงค์ และใส่ DNA ของมอเตอร์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของ AMG เข้าไป ทำให้เกิด SUV ที่สามารถใช้งานได้ดีทั้งบนถนนคดเคี้ยวและในเมือง
สำหรับปี 2025 ไลน์ผลิตภัณฑ์ AMG GLC-Class ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเน้นที่สมรรถนะไฟฟ้า AMG GLC 43 4MATIC มาพร้อมระบบ Mild-Hybrid ที่จับคู่กับเครื่องยนต์สี่สูบเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร สร้างพละกำลัง 416 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตันเมตร การตั้งค่านี้ให้อัตราเร่งที่รวดเร็วและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ในขณะที่ช่วงล่างที่ปรับจูนโดย AMG และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อช่วยให้การควบคุมที่คล่องตัวและการยึดเกาะที่มั่นใจ
ที่จุดสูงสุดของลำดับชั้นสมรรถนะคือ AMG GLC 63 S E PERFORMANCE รุ่นสมรรถนะสูงคันนี้มาพร้อมระบบส่งกำลัง Plug-in Hybrid ที่ล้ำสมัย ซึ่งผสมผสานเครื่องยนต์สี่สูบเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลัง ให้พละกำลังรวม 671 แรงม้า และแรงบิด 1,020 นิวตันเมตร ทำให้มีอัตราเร่งที่น่าตกใจ ด้วยเวลา 0-100 กม./ชม. เพียง 3.4 วินาที GLC 63 S E PERFORMANCE ยังมีคุณสมบัติสมรรถนะมากมาย รวมถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเฉพาะของ AMG ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ และระบบควบคุมการทรงตัวแบบแอ็คทีฟ ซึ่งรับประกันการควบคุมที่ยอดเยี่ยมและประสบการณ์การขับขี่ที่ไดนามิก
ทั้ง GLC 43 และ GLC 63 S E PERFORMANCE มีให้เลือกทั้งแบบ SUV และ Coupe ซึ่งมอบทางเลือกระหว่าง SUV ที่ใช้งานได้จริงและอเนกประสงค์กว่า หรือ Coupe ที่เพรียวบางและสปอร์ตกว่า ด้วยการผสมผสานสมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีขั้นสูง และการตกแต่งที่หรูหรา 2025 Mercedes-AMG GLC-Class และ GLC-Class Coupe จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา Compact Luxury SUV ที่มาพร้อมความเร้าใจ
2025 Mercedes-AMG GLE-Class: SUV ขนาดกลางที่ทรงพลังและควบคุมได้ดี
Mercedes-AMG GLE-Class ปี 2025 ยังคงเป็น SUV หรูหราสมรรถนะสูงที่ผสมผสานพลังอันเร้าใจเข้ากับความสะดวกสบายที่ประณีตและเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างลงตัว SUV ขนาดกลางคันนี้ ซึ่งสร้างจาก Mercedes-Benz GLE ได้รับการปรับแต่งแบบ AMG โดยมุ่งเน้นที่พลวัตการขับขี่ที่ได้รับการปรับปรุง สไตล์ที่ดุดัน และระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ทรงพลัง ไลน์ผลิตภัณฑ์ GLE-Class AMG สำหรับปี 2025 ได้รับการปรับปรุงให้กระชับขึ้น โดยนำเสนอ GLE 53 และ GLE 63 สมรรถนะสูง
GLE 53 ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงด้วยระบบ Mild-Hybrid การตั้งค่านี้สร้างพละกำลัง 429 แรงม้า และแรงบิด 520 นิวตันเมตร ซึ่งให้พละกำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว เครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9 สปีด ที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและราบรื่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC+ ช่วยให้การควบคุมและการยึดเกาะที่มั่นใจในสภาวะต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกที่สปอร์ตของ GLE 53
Mercedes-AMG GLE 63 S E เป็นรุ่นสูงสุดของไลน์ผลิตภัณฑ์ GLE-Class ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในเทคโนโลยีไฮบริดสมรรถนะสูง SUV คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ AMG V8 Biturbo 4.0 ลิตร ที่สร้างด้วยมือ ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลัง ให้พละกำลังรวม 603 แรงม้า และแรงบิด 850 นิวตันเมตร การตั้งค่านี้ทำให้ GLE 63 S E เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด
2025 Mercedes-AMG GLS-Class: SUV ขนาดใหญ่ที่เร็วและใช้งานได้จริงสำหรับครอบครัว
Mercedes-AMG GLS 63 คือสุดยอดของความหรูหราและสมรรถนะของ SUV เป็นยานพาหนะที่สามารถพิชิตทุกเส้นทางในขณะที่ยังคงให้ความสะดวกสบายที่ไม่มีใครเทียบแก่ผู้โดยสาร SUV ขนาดเต็มคันนี้ ซึ่งสร้างจาก Mercedes-Benz GLS ที่หรูหราอยู่แล้ว ได้รับการปรับแต่งแบบ AMG เต็มรูปแบบ ด้วยเครื่องยนต์ V8 ที่สร้างด้วยมือ ช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต และสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหรามากมาย
ใต้ฝากระโปรง GLS 63 บรรจุเครื่องยนต์ AMG V8 Biturbo 4.0 ลิตร ที่สร้างด้วยมือ ซึ่งได้รับการปรับปรุงด้วยระบบ Mild-Hybrid 48 โวลต์ เครื่องยนต์อันทรงพลังนี้ให้พละกำลัง 603 แรงม้า และแรงบิด 850 นิวตันเมตร ทำให้ GLS 63 เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 4.1 วินาที ระบบ Mild-Hybrid ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มสมรรถนะ แต่ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ เกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9 สปีด ของ GLS 63 ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและราบรื่น ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC+ ช่วยให้การควบคุมและการยึดเกาะที่มั่นใจในสภาวะต่างๆ
ภายในห้องโดยสาร GLS 63 เป็นแหล่งรวมความหรูหราและเทคโนโลยี เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa ระดับพรีเมียม การตกแต่งด้วยไม้ที่สร้างด้วยมือ และการเน้นด้วยอะลูมิเนียมขัดเงาสร้างบรรยากาศที่หรูหราและประณีต หน้าจอมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว และระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วครอบงำแผงหน้าปัด ให้การเข้าถึงข้อมูลและความบันเทิงมากมาย
ผู้โดยสารในแถวที่สองและสามเพลิดเพลินกับพื้นที่และความสะดวกสบายที่กว้างขวาง ด้วยคุณสมบัติอย่างเบาะนั่งทำความร้อนและระบายอากาศ ระบบควบคุมอุณหภูมิส่วนบุคคล และระบบความบันเทิงสำหรับเบาะหลัง ด้วยการผสมผสานสมรรถนะอันเร้าใจ ความหรูหราที่กว้างขวาง และเทคโนโลยีขั้นสูง Mercedes-AMG GLS 63 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดของความประณีตและความสามารถของ SUV
2025 Porsche Cayenne: SUV ที่เร็วและสะดวกสบาย พร้อมพลวัตการขับขี่ที่ดีที่สุดในธุรกิจ
Porsche Cayenne ปี 2025 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา SUV หรูหราที่ไม่ลดทอนสมรรถนะ สำหรับปีนี้ ไลน์ผลิตภัณฑ์ Cayenne มีตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องยนต์ V6 ทรงพลังไปจนถึง Plug-in Hybrid ที่ให้ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่น่าประทับใจ แต่เป็นรุ่นที่เน้นสมรรถนะที่จับแก่นแท้ของบุคลิกสปอร์ตของ Cayenne ได้อย่างแท้จริง
Cayenne S ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตร สร้างพละกำลัง 434 แรงม้า และแรงบิด 550 นิวตันเมตร ทำให้เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.7 วินาที พร้อมเสียงท่อไอเสียที่สปอร์ตและน่าพึงพอใจ รุ่น S ยังได้รับประโยชน์จากช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ตและเบรกขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพการควบคุม
สำหรับผู้ที่ต้องการความเร้าใจยิ่งขึ้น Cayenne GTS ยกระดับสมรรถนะไปอีกขั้น เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ของมันให้พละกำลัง 493 แรงม้า และแรงบิด 620 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.2 วินาที GTS ยังมาพร้อมความสูงจากพื้นดินที่ลดลง ระบบไอเสียแบบสปอร์ต และองค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่เน้นบุคลิกสปอร์ตของมัน
รุ่นที่เน้นสมรรถนะเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Cayenne ในการผสมผสานการใช้งานได้จริงเข้ากับสมรรถนะอันเร้าใจ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งประณีตและน่าดึงดูด ไม่ว่าคุณจะขับขี่ในเมืองหรือขับขี่บนถนนคดเคี้ยว 2025 Porsche Cayenne มอบการผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสปอร์ตที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะตอบสนองแม้กระทั่งผู้ขับขี่ที่พิถีพิถันที่สุด
2025 Porsche Cayenne Coupe Turbo E-Hybrid: SUV ที่ดีที่สุดรอบด้านในปัจจุบัน
2025 Porsche Cayenne Turbo E-Hybrid คือ SUV สมรรถนะสูงที่นิยามใหม่ว่าอะไรคือความทรงพลังและมีประสิทธิภาพ รถ Plug-in Hybrid คันนี้ผสมผสานเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว ทำให้ได้พละกำลังรวมที่น่าตกใจถึง 729 แรงม้า และแรงบิด 950 นิวตันเมตร ทำให้เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.5 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด
แต่ Cayenne Turbo E-Hybrid ไม่ได้มีดีแค่พละกำลังดิบๆ เท่านั้น มันยังมีระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวที่น่าประทับใจถึง 60 กิโลเมตร ซึ่งช่วยให้สามารถเดินทางในชีวิตประจำวันและทำธุระได้โดยไม่ปล่อยมลพิษ ระบบไฮบริดผสานเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและประณีต ไม่ว่าคุณจะขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือปลดปล่อยพลัง V8 เต็มที่ Cayenne Turbo E-Hybrid ยังมาพร้อมช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต ระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้ และระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) ซึ่งรับประกันการควบคุมที่ยอดเยี่ยมและการขับขี่ที่สะดวกสบาย
ภายในห้องโดยสาร Cayenne Turbo E-Hybrid นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย วัสดุระดับพรีเมียม เช่น หนังและคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งภายใน ในขณะที่มาตรวัดดิจิทัลโค้งขนาด 12.6 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสกลางขนาด 12.3 นิ้ว ให้การเข้าถึงข้อมูลและความบันเทิงมากมาย
2025 Porsche Macan: สมบูรณ์แบบสำหรับชีวิตประจำวันและการผจญภัยในวันหยุดสุดสัปดาห์
Porsche Macan ปี 2025 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา Compact Luxury SUV ที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะและความสนุกในการขับขี่ ในขณะที่รุ่นไฟฟ้ากำลังเป็นที่จับตามอง Macan รุ่นเครื่องยนต์สันดาปยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้น นำเสนอหลากหลายรุ่นย่อยที่ตอบสนองความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน
Macan พื้นฐานเริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์สี่สูบเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ให้พละกำลัง 261 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร ซึ่งให้พละกำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ยังคงประหยัดน้ำมันได้ดี สำหรับผู้ที่ต้องการความเร้าใจยิ่งขึ้น Macan T เพิ่มความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต องค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และการตอบสนองของคันเร่งที่ฉับไวขึ้น
Macan S ยกระดับสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตร สร้างพละกำลัง 375 แรงม้า และแรงบิด 520 นิวตันเมตร ทำให้เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.6 วินาที พร้อมเสียงท่อไอเสียที่สปอร์ตและน่าพึงพอใจ รุ่น S ยังได้รับประโยชน์จากเบรกขนาดใหญ่ขึ้นและระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้ (อุปกรณ์เสริม) ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุม
ที่จุดสูงสุดของไลน์ผลิตภัณฑ์ Macan รุ่นเครื่องยนต์สันดาปคือ Macan GTS รุ่นที่เน้นสมรรถนะนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตร ที่ให้พละกำลัง 434 แรงม้า และแรงบิด 550 นิวตันเมตร ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.3 วินาที GTS มอบสมรรถนะที่เร้าใจซึ่งเทียบได้กับรถสปอร์ตบางรุ่น นอกจากนี้ยังมีระบบไอเสียแบบสปอร์ต ความสูงจากพื้นดินที่ลดลง และองค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่เน้นบุคลิกสปอร์ตของมัน
2025 Porsche Macan EV: SUV ไฟฟ้าที่ให้ความรู้สึกเหมือน Porsche อย่างแท้จริง
Porsche Macan EV เป็นโมเดลสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ซึ่งเป็นการก้าวเข้าสู่โลกของ SUV ไฟฟ้าสมรรถนะสูง โมเดลใหม่ทั้งหมดนี้สัญญาว่าจะมอบพลวัตการขับขี่และความหรูหราที่ Porsche มีชื่อเสียง แต่มาพร้อมความยั่งยืนและเทคโนโลยีขั้นสูง สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม Premium Platform Electric (PPE) Macan EV มีการออกแบบที่เพรียวบางและตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมทั้งสมรรถนะและประสิทธิภาพ เส้นสายที่เรียบเนียนและรูปทรงที่ประณีตไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจถึง 500 กิโลเมตร
ไลน์ผลิตภัณฑ์ Macan EV มีหลากหลายรุ่นย่อยเพื่อตอบสนองความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน รุ่นพื้นฐานมีมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ขับเคลื่อนล้อหลัง สร้างพละกำลัง 355 แรงม้า และแรงบิด 563 นิวตันเมตร ซึ่งให้พละกำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ยังคงมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น รุ่น 4S และ Turbo เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่สองที่เพลาหน้า สร้างระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมพละกำลังและการยึดเกาะที่มากยิ่งขึ้น รุ่น 4S มีพละกำลังรวม 509 แรงม้า และแรงบิด 700 นิวตันเมตร ในขณะที่รุ่น Turbo ปลดปล่อยพละกำลังที่น่าตกใจถึง 603 แรงม้า และแรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ด้วยการกำหนดค่าระดับสูงสุดนี้ Macan EV Turbo สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.1 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด
ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นใด Macan EV ก็สัญญาว่าจะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไดนามิกและน่าดึงดูด จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ อันเนื่องมาจากชุดแบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่บนพื้นรถ มีส่วนช่วยในการควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) และระบบเลี้ยวเพลาหลัง (อุปกรณ์เสริม) ช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าโค้ง ภายในห้องโดยสาร Macan EV นำเสนอสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย วัสดุระดับพรีเมียม มาตรวัดดิจิทัลโค้ง และระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ สร้างห้องนักบินที่ซับซ้อนและมุ่งเน้นผู้ขับขี่ ด้วยการผสมผสานสมรรถนะ เทคโนโลยี และความยั่งยืน Porsche Macan EV จึงพร้อมที่จะนิยามใหม่ของเซกเมนต์ SUV ไฟฟ้า
2025 Rolls-Royce Cullinan: สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและความพิเศษเฉพาะตัว
Rolls-Royce Cullinan ปี 2025 ซึ่งเป็นการบุกเบิกของแบรนด์เข้าสู่โลกของ SUV อัลตร้าลักชัวรี ยังคงนิยามใหม่ของความโอ่อ่าในการออฟโรด ยานพาหนะที่สง่างามคันนี้ ซึ่งตั้งชื่อตามเพชรที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ ผสมผสานความประณีตที่เป็นเอกลักษณ์ของ Rolls-Royce และพละกำลังที่ไม่ต้องออกแรงเข้ากับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและความสามารถที่น่าประหลาดใจ สำหรับปี 2025 Cullinan ได้รับการปรับปรุงที่ละเอียดอ่อนแต่มีผลกระทบ ซึ่งช่วยเสริมสถานะของมันในฐานะสุดยอดแห่งความหรูหราของ SUV
การออกแบบภายนอกของ Cullinan ได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียดด้วยกันชนหน้าที่ออกแบบใหม่พร้อมช่องดักอากาศแบบลาดเอียง สร้างรูปลักษณ์ที่ไดนามิกและมุ่งมั่นยิ่งขึ้น กระจังหน้า Pantheon อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของ Rolls-Royce ตอนนี้ได้รับการส่องสว่าง เพิ่มความสง่างามแบบสมัยใหม่ ล้อขนาด 23 นิ้วใหม่ ที่ผลิตจากอะลูมิเนียมชิ้นเดียว ช่วยเสริมท่าทางที่สง่างามของ Cullinan ภายในห้องโดยสาร Cullinan ยังคงเป็นแหล่งรวมความหรูหราแบบสั่งทำพิเศษ ด้วยรายละเอียดที่สร้างด้วยมือ วัสดุที่ดีที่สุด และระดับการปรับแต่งเฉพาะบุคคลที่ตอบสนองลูกค้าที่พิถีพิถันที่สุด ระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงใหม่ พร้อมฟังก์ชันการทำงานและการเชื่อมต่อที่ได้รับการปรับปรุง ได้รวมเข้ากับแผงหน้าปัดที่สร้างด้วยมือของ Cullinan ได้อย่างราบรื่น
ใต้ฝากระโปรง Cullinan ยังคงใช้เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ 6.75 ลิตร อันทรงพลัง ซึ่งให้พละกำลังที่ราบรื่นไร้รอยต่อ ซึ่งขับเคลื่อน SUV สุดหรูคันนี้ได้อย่างง่ายดาย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและเทคโนโลยีช่วงล่างขั้นสูงช่วยให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและควบคุมได้ดี แม้บนพื้นผิวที่ท้าทาย ไม่ว่าคุณจะขับขี่ในเมืองหรือผจญภัยนอกเส้นทาง 2025 Rolls-Royce Cullinan มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งผสมผสานพละกำลังที่ง่ายดาย ความสะดวกสบายที่เงียบสงบ และความหรูหราแบบสั่งทำพิเศษ
2025 Range Rover: พาคุณไปถึงที่หมายด้วยความสะดวกสบายและมีสไตล์
Range Rover ปัจจุบัน ในเจเนอเรชั่นที่ห้า เป็นการผสมผสานที่ยอดเยี่ยมระหว่างความหรูหรา ความสามารถ และเทคโนโลยี เป็นยานพาหนะที่สามารถเดินทางในเมืองได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ยังคงมั่นใจอย่างยิ่งเมื่อออกนอกเส้นทาง รุ่นล่าสุดนี้ เปิดตัวสำหรับรุ่นปี 2022 ยังคงรักษารูปทรงคลาสสิกของ Range Rover ด้วยท่าทางที่ตั้งตรงอันเป็นเอกลักษณ์และหลังคาแบบลอย แต่ได้นำเสนอภาษาการออกแบบที่ทันสมัยและเรียบง่าย ซึ่งบ่งบอกถึงความซับซ้อน
ภายใน Range Rover เป็นแหล่งรวมความประณีต วัสดุระดับพรีเมียม เช่น หนังที่อ่อนนุ่ม ลายไม้แท้ และการตกแต่งด้วยโลหะที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันประดับประดาห้องโดยสาร ภายในที่กว้างขวางมอบความสะดวกสบายที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับผู้โดยสารทุกคน ด้วยเบาะหลัง Executive Class ที่มีฟังก์ชันเอนนอนและนวดสไตล์เครื่องบิน เทคโนโลยีล้ำสมัยถูกรวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างราบรื่น ตั้งแต่ระบบ Infotainment Pivi Pro ที่ใช้งานง่ายพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ ไปจนถึงคุณสมบัติช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
นอกเหนือจากการตกแต่งที่หรูหราแล้ว Range Rover ยังคงยึดมั่นในมรดกของตัวเองในฐานะเครื่องจักรออฟโรดที่มีความสามารถสูงสุด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขั้นสูง เทคโนโลยี Terrain Response 2 และระบบกันสะเทือนถุงลม (อุปกรณ์เสริม) ช่วยให้สามารถพิชิตภูมิประเทศที่ท้าทายได้อย่างง่ายดาย
Range Rover รวบรวมสุดยอดของ SUV สุดหรูอย่างแท้จริง โดยนำเสนอการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่างความสง่างามที่ประณีตและความสามารถที่ทนทาน
สุดยอดรถ SUV สมรรถนะสูงประจำปี 2025: ทางเลือกจากผู้เชี่ยวชาญ
จากการวิเคราะห์อย่างละเอียดในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอเลือกสองรุ่นที่โดดเด่นที่สุดในหมวดหมู่ SUV สมรรถนะสูงแห่งปี 2025 นี้:
2025 Porsche Macan GTS: ราชาแห่งป่า SUV ขนาดคอมแพค
ทำไมถึงเป็น SUV สมรรถนะสูงที่ดีที่สุด? เพราะ Macan GTS รวบรวมจิตวิญญาณของ Porsche ได้อย่างแท้จริง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งเร้าใจและประณีต ใต้ฝากระโปรงของ Macan GTS คือเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตร ที่ให้พละกำลัง 434 แรงม้า และแรงบิด 550 นิวตันเมตร ทำให้เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.3 วินาที พร้อมเสียงท่อไอเสียที่สปอร์ตและน่าพึงพอใจที่จะทำให้หัวใจคุณเต้นรัว
Macan GTS มีการควบคุมที่คล่องตัวและแม่นยำในระดับที่เกินกว่าขนาดของ SUV มันให้ความรู้สึกเบา คล่องตัว และเกาะถนนอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเข้าโค้ง ช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต ระบบกันสะเทือนถุงลม (อุปกรณ์เสริม) และระบบบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ชวนให้นึกถึงรถ Hot Hatch ไม่ใช่ SUV ยกสูงอย่าง Edmunds กล่าวไว้ว่า “Macan GTS ควบคุมได้เหมือนรถสปอร์ต ด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ การโคลงตัวน้อยที่สุด และแชสซีที่สนุกสนาน” Car and Driver ยังกล่าวว่า “เบาะนั่งแบบสปอร์ตของ GTS รองรับได้ดีและสะดวกสบาย แม้ในระหว่างการขับขี่ที่ดุดัน”
โดยรวมแล้ว Macan GTS เป็นแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบที่นำเสนอการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างสมรรถนะ ความหรูหรา และการใช้งานได้จริง
2025 Audi SQ7: SUV อเนกประสงค์ที่ยอดเยี่ยม
ทำไมถึงเป็น SUV สมรรถนะสูงที่ดีที่สุด? Audi SQ7 ผสมผสานความหรูหรา การใช้งานได้จริง และสมรรถนะที่เร้าใจเข้าไว้ด้วยกันในแพ็คเกจ SUV เจ็ดที่นั่งที่กว้างขวาง เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ให้พละกำลัง 500 แรงม้า และแรงบิด 760 นิวตันเมตร ได้รับการยกย่องว่ามี “พละกำลังที่ระเบิดได้” และ “เสียงเครื่องยนต์ที่เร้าใจ” ผู้รีวิวเช่น Edmunds และ Top Gear ชื่นชม “อัตราเร่งที่ดุดัน” และ “สมรรถนะที่ง่ายดาย”
แม้จะเน้นสมรรถนะ แต่ SQ7 ก็ยังให้ “การควบคุมที่นุ่มนวล” และ “คุณภาพการขับขี่ที่สะดวกสบาย”
Car and Driver: “SQ7 ผสมผสานสมรรถนะอันยิ่งใหญ่และการใช้งานได้จริงของ SUV เข้าไว้ด้วยกันในแพ็คเกจสำหรับครอบครัวที่ตกแต่งอย่างดีและอเนกประสงค์”
Motor Trend: “SQ7 เป็น SUV สมรรถนะสูงที่สมดุล โดยให้ความสะดวกสบายและพละกำลัง แต่ไม่ได้มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าดึงดูดที่สุด”
คำเชิญจากผู้เชี่ยวชาญ:
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มานาน ผมเชื่อว่าปี 2025 เป็นปีที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาสุดยอดสมรรถนะ ความหรูหราเหนือระดับ หรือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างทั้งสองสิ่ง รถ SUV สมรรถนะสูงเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกมันเป็นมากกว่ายานพาหนะ พวกมันคือสัญลักษณ์ของนวัตกรรม ความก้าวหน้า และความปรารถนาที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น
อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ผมพูด! ผมขอเชิญชวนให้คุณได้สัมผัสและทดลองขับรถยนต์เหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง การได้นั่งหลังพวงมาลัย สัมผัสถึงพละกำลัง เสียงเครื่องยนต์ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย จะทำให้คุณเข้าใจว่าทำไมรถยนต์เหล่านี้ถึงเป็นที่สุดแห่งปี 2025 ลองเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของผู้ผลิต หรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านคุณ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายการทดลองขับ รถ SUV เหล่านี้กำลังรอที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใครให้กับคุณ!
รถยนต์ SUV สมรรถนะสูงและหรูหราแห่งปี 2025: ประสบการณ์ 10 ปีกับที่สุดแห่งยนตรกรรมอเนกประสงค์
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของตลาดรถยนต์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซกเมนต์ SUV ที่พลิกโฉมจากรถอเนกประสงค์เพื่อครอบครัวธรรมดาๆ สู่ขุมพลังแห่งสมรรถนะและความหรูหราที่แท้จริง สำหรับปี 2025 นี้ ตลาด SUV สมรรถนะสูงและหรูหราได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่แค่การเดินทางจากจุด A ไปจุด B อีกต่อไป แต่เป็นการเฉลิมฉลองประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจ ผสานความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาส และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ทำให้ทุกการเดินทางเป็นที่น่าจดจำ
ในอดีต ภาพจำของรถ SUV มักจะวนเวียนอยู่กับความกว้างขวาง ประโยชน์ใช้สอย และความทนทานเป็นหลัก แต่ปัจจุบันนี้ แบรนด์รถยนต์ชั้นนำระดับโลก ตั้งแต่ผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตสายเลือดแท้ ไปจนถึงยักษ์ใหญ่แห่งความหรูหรา ต่างหันมาทุ่มเทพัฒนา SUV ที่สามารถมอบทั้งความตื่นเต้นบนท้องถนน ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น และดีไซน์ที่ดึงดูดทุกสายตา ผลกำไรจากกลุ่มนี้ไม่เพียงหล่อเลี้ยงการพัฒนารถสปอร์ตในตำนานของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังทำให้เทคโนโลยีจากรถซูเปอร์คาร์และรถสมรรถนะสูงต่างๆ ไหลลงมาสู่ SUV ทำให้ตลาดขยายตัวและสร้างความเร้าใจให้กับผู้บริโภคอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผมพร้อมที่จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกของ SUV สมรรถนะสูงและหรูหราแห่งปี 2025 ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ด้วยประสบการณ์ตรงและมุมมองเชิงลึก เพื่อให้คุณได้ค้นพบยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งความต้องการด้านความเร็ว ความสะดวกสบาย และภาพลักษณ์ที่โดดเด่น ไม่ว่าคุณจะมองหาสุดยอดสมรรถนะสำหรับการแข่งขันบนสนามแข่ง ยานพาหนะที่ให้ความหรูหราราวกับจรวดส่วนตัว หรือนักผจญภัยออฟโรดที่มีด้านมืดอันน่าค้นหา SUV ในลิสต์นี้มีคำตอบให้คุณอย่างแน่นอน
กลุ่มรถ SUV สมรรถนะสูงและหรูหราใหม่ล่าสุดปี 2025: ทางเลือกและมุมมองผู้เชี่ยวชาญ
ตลาด SUV สมรรถนะสูงในปี 2025 ยังคงร้อนแรง แม้ว่าหลายรุ่นจะเป็นการปรับปรุงเล็กน้อยจากปีก่อนๆ แต่ก็มีนวัตกรรมที่น่าสนใจและทางเลือกที่หลากหลาย ผมจะพาคุณไปเจาะลึกแต่ละรุ่นพร้อมมุมมองจากประสบการณ์ 10 ปีในวงการ
2025 Alfa Romeo Stelvio Quadrifoglio
มุมมองส่วนตัว: ในเชิงพลวัตการขับขี่ ต้องยอมรับว่านี่คือ SUV ที่มอบความสนุกและเร้าใจได้มากที่สุดในตลาดปัจจุบันอย่างแท้จริง
ภาพรวม: Stelvio Quadrifoglio เป็น SUV สมรรถนะสูงที่อัดฉีดจิตวิญญาณ์แห่งอิตาลีและความตื่นเต้นในการขับขี่ลงในเซกเมนต์ที่มักจะถูกครอบงำด้วยความสมเหตุสมผลแบบเยอรมัน หัวใจหลักคือเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตรที่พัฒนาโดย Ferrari ให้กำลัง 505 แรงม้า พุ่งทะยานจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.6 วินาที เสียงคำรามจากท่อไอเสียคือบทเพลงที่กระตุ้นอะดรีนาลีน ระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างละเอียด พวงมาลัยที่ตอบสนองเฉียบคม และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เน้นสมรรถนะ ล้วนมอบการควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ทำให้การขับขี่บนถนนคดเคี้ยวเป็นเรื่องสนุก เบรก Brembo ให้พลังการหยุดที่มั่นใจได้ ดีไซน์ภายนอกผสมผสานความสง่างามและความดุดันอย่างลงตัว ภายในห้องโดยสารเน้นความสปอร์ตแต่ก็หรูหรา เบาะนั่งสปอร์ตที่กระชับ พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแพดเดิลชิฟต์ขนาดใหญ่ และการตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์สร้างบรรยากาศที่เน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $94,965 ถึง $96,625 สำหรับรุ่น 100th Anniv. ซึ่งเน้นการตกแต่งมากกว่าสมรรถนะ ผมแนะนำรุ่นเริ่มต้นพร้อม Carbon Package ก็เพียงพอแล้ว
เสียงจากวงการ: “Stelvio Quadrifoglio คือความบันเทิงอย่างแท้จริง มันคือ SUV สมรรถนะสูงที่สามารถเข้าโค้งได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนรถสปอร์ต แต่ก็ยังใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน” – Car and Driver
2025 Aston Martin DBX
มุมมองส่วนตัว: เป็น SUV ที่โดดเด่น มีความหรูหราและเร้าใจด้วยสมรรถนะที่แข็งแกร่ง ไม่เหมือนใคร
ภาพรวม: DBX สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด เพื่อพาผู้โดยสารเดินทางอย่างมีสไตล์แบบ Aston Martin อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อความปลอดภัย นุ่มสบาย หรูหราสุดขีด และจะทำให้คุณตื่นเต้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้นั่งหลังพวงมาลัย ด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาและวิศวกรรมจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ DBX ขับขี่ได้ไม่เหมือน SUV อื่นใด มันขับขี่ได้เหมือนรถสปอร์ต สำหรับปี 2025 นี้ Aston Martin ได้เน้นการปรับปรุงภายในและปรับปรุงรุ่นย่อย โดยเหลือเพียง DBX707 ซึ่งเป็นรุ่นสมรรถนะสูง เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ที่พัฒนาจาก Mercedes-AMG แต่ได้รับการปรับแต่งให้มีกำลังถึง 697 แรงม้า และแรงบิด 663 ปอนด์-ฟุต ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด พร้อมชุดคลัตช์เปียก ทำให้เปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วเหลือเชื่อ อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 3.1 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปอิเล็กทรอนิกส์ด้านหลังช่วยให้ยึดเกาะถนนและควบคุมได้ดีเยี่ยม ระบบอินโฟเทนเมนต์ใหม่ใช้งานง่ายขึ้น รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ภายในตกแต่งด้วยวัสดุชั้นดี หนังนุ่ม การเย็บด้วยมือ และคาร์บอนไฟเบอร์ สร้างบรรยากาศที่หรูหราและประณีต
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $253,000 ถึง $256,086 (สำหรับ DBX 707) การปรับแต่งส่วนบุคคลผ่านบริการ Q ของ Aston Martin สามารถทำให้คุณทุ่มงบประมาณได้ไม่จำกัด
เสียงจากวงการ: “DBX มอบบางสิ่งที่แตกต่างออกไป…มันดูน่าสนใจ ไปได้ดีมากและทำได้ตามเป้าหมายทุกประการ รุ่น 707 เป็นรุ่นที่น่าสนใจจริงๆ ใช่ มันเร็วและดุดันกว่าเมื่อผลักดัน แต่เมื่อผ่อนคันเร่ง มันก็ยังคงความสบายและขับง่ายไม่ต่างจากรุ่นปกติ” – Top Gear
2025 Audi SQ5
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่สะดวกสบายและรวดเร็ว เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ภาพรวม: Audi SQ5 รุ่นใหม่ปี 2025 เป็น SUV พรีเมียมขนาดกะทัดรัดที่ผสมผสานสมรรถนะ เทคโนโลยี และสไตล์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ดีไซน์ภายนอกคมชัดยิ่งขึ้นด้วยไฟหน้า Matrix LED ใหม่ กระจังหน้าที่ปรับปรุง และกันชนหน้า-หลังที่ได้รับการออกแบบใหม่ ใต้ฝากระโปรงคือเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 349 แรงม้า และแรงบิด 369 ปอนด์-ฟุต มอบอัตราเร่งที่เร้าใจและการขับขี่ที่สปอร์ต ภายในห้องโดยสารหรูหราด้วยวัสดุคุณภาพสูงและเทคโนโลยีล้ำสมัย หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้วพร้อมระบบ MMI touch ของ Audi และมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วที่ปรับแต่งได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงเป็นมาตรฐาน สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น SQ5 มีแพ็คเกจ Sport ที่รวมถึงช่วงล่างปรับได้และเฟืองท้ายหลังแบบสปอร์ต
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: SQ5 (รุ่นใหม่) เริ่มต้นประมาณ $59,695 ถึง $68,000 ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย รุ่น Premium Plus มักจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
เสียงจากวงการ: “SQ5 เป็น SUV สมรรถนะสูงที่ครบเครื่อง ให้ทั้งความสบายและพละกำลัง แต่ไม่ได้มอบประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจที่สุด” – Motor Trend
2025 Audi SQ7
มุมมองส่วนตัว: SUV สำหรับครอบครัวที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนรักความเร็ว
ภาพรวม: Audi SQ7 ปี 2025 เป็น SUV หรูหราที่ผสานสมรรถนะ การใช้งานจริง และสไตล์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร อันทรงพลัง ให้กำลัง 500 แรงม้า และแรงบิด 568 ปอนด์-ฟุต อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 3.8 วินาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ทำให้การขับขี่มีพลวัตสูง เหมาะสำหรับทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวันและทริปสุดสัปดาห์ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและประณีตด้วยสามแถวที่นั่ง รองรับผู้โดยสารได้สูงสุดเจ็ดคน ใช้วัสดุพรีเมียมและเทคโนโลยีมากมาย เช่น ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัส 10.1 นิ้ว และระบบเสียง Bang & Olufsen 3D SQ7 ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาคาดว่าจะเริ่มต้นที่ประมาณ $93,000 ถึง $98,000 ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย รุ่น Prestige เพิ่มคุณสมบัติหรูหราและเทคโนโลยีที่คุ้มค่ากว่า
เสียงจากวงการ: “SQ7 ผสมผสานสมรรถนะอันยอดเยี่ยมเข้ากับการใช้งานจริงของ SUV ในแพ็คเกจที่ตกแต่งอย่างดีและอเนกประสงค์ เหมาะสำหรับครอบครัว” – Car and Driver
2025 Audi SQ8
มุมมองส่วนตัว: งดงาม น่าประทับใจ ตัวเลือกที่แข็งแกร่งและปลอดภัย
ภาพรวม: Audi SQ8 แบบห้าที่นั่งผสมผสานดีไซน์สไตล์คูเป้ที่เพรียวบางเข้ากับความอเนกประสงค์ของ SUV ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร ที่ส่งกำลัง 500 แรงม้าไปยังล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นมาตรฐาน ให้สมรรถนะที่ใกล้เคียงกับ RSQ8 แต่มีราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า ทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในกลุ่ม SUV สมรรถนะสูงของ Audi เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร (เช่นเดียวกับ SQ7) ยังคงได้รับคำชมเรื่อง “พละกำลังอันระเบิด” และ “เสียงเครื่องยนต์ที่เร้าใจ” ภายในห้องโดยสาร “สะดวกสบายและเงียบสงบ” ด้วย “วัสดุคุณภาพสูง” และ “ความรู้สึกหรูหรา” สำหรับปี 2025 SQ8 มาพร้อมไฟภายในห้องโดยสาร LED และระบบจดจำป้ายจราจรเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย รุ่น Prestige เพิ่มเบาะนวดด้านหน้าพร้อมหน่วยความจำ มีแพ็คเกจ Carbon และ Audi Sport ให้เลือกตกแต่ง
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $98,895 ถึง $106,195 รุ่น Prestige เพิ่มคุณสมบัติหรูหราที่คุ้มค่า
เสียงจากวงการ: “SQ8 เป็นรถที่มีสมรรถนะน่าตื่นเต้นพร้อมห้องโดยสารที่หรูหรา แต่ราคาสูงและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทำให้มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ใช้งานได้จริงสำหรับคนส่วนใหญ่” – Car and Driver
2025 Audi RS Q8
มุมมองส่วนตัว: Urus ที่เซ็กซี่กว่า เจ๋งพอๆ กัน แต่ราคาถูกกว่ามาก
ภาพรวม: Audi RS Q8 คือ Q8 SUV รุ่นที่เร็วที่สุด และเป็น SUV ตรา RS เพียงรุ่นเดียวในตลาดอเมริกาเหนือ เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในสนาม Nordschleife หมายความว่ามีความคล่องตัวสูงสำหรับ SUV ที่คุณสามารถขับรับส่งลูกไปโรงเรียนได้ RS Q8 มาพร้อมป้ายราคาหกหลัก แต่สมรรถนะ สไตล์ และคุณสมบัติของมันคุ้มค่ากับการลงทุน หากคุณชื่นชอบ SUV ที่ร้อนแรงดุจเปลวไฟ ทุกรุ่น RS Q8 มาพร้อมระบบช่วงล่างถุงลมปรับได้เป็นมาตรฐาน ล้อขนาด 22 นิ้ว เบาะนั่งหน้าแบบปรับอุณหภูมิได้ และระบบสเตอริโอ Bang & Olufsen 17 ลำโพง สำหรับปี 2025 RS Q8 ได้รับการปรับโฉมให้เข้ากับ Q8 และ SQ8 ที่ได้รับการปรับปรุงเมื่อปีที่แล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ คือรุ่น Performance ใหม่ 631 แรงม้า ที่มอบพละกำลังที่มากกว่า เฟืองท้ายกลางแบบล็อกตัวเอง ท่อไอเสียที่ปรับแต่งเป็นพิเศษ และช่วงล่างที่ไม่เหมือนใครที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยรักษาเสถียรภาพในการเข้าโค้ง
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $145,000 หากมองว่าเป็น Lamborghini Urus ในราคาที่ถูกกว่าครึ่งหนึ่ง ก็เริ่มสมเหตุสมผลแล้ว
เสียงจากวงการ: “ดูดีกว่า Lambo Urus, สมรรถนะและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม, ราคาแพงมหาศาล… เหมาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการซูเปอร์คาร์และ SUV ในคันเดียว” – Top Gear
2025 Bentley Bentayga
มุมมองส่วนตัว: ความประณีตที่คุณคาดหวัง พร้อมสมรรถนะที่เข้าคู่กัน เป็น SUV ที่ดีที่สุดในขณะนี้
ภาพรวม: เครื่องยนต์ V8 อันล้ำสมัยให้กำลังเกือบ 550 แรงม้า ด้วยแรงบิดที่สูงทำให้เกิดอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ พร้อมความสบายระดับสูงสุดและความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส Bentayga V8 ควบคุมได้ยอดเยี่ยมและคล่องตัวกว่าที่คุณคาดคิดมาก Bentley ยังนำเสนอ Bentayga Hybrid ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร 335 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 162 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ Li-ion 17.3 kWh แม้จะเน้นการประหยัดเชื้อเพลิง แต่ด้วยกำลัง 443 แรงม้า Bentayga Hybrid ก็ไม่ได้ช้าแต่อย่างใด และยังคงมอบประสบการณ์หรูหราไม่เปลี่ยนแปลง Bentayga S เป็นรุ่นที่สปอร์ตและดุดันกว่า V8 พร้อมการอัปเกรดรูปลักษณ์ เช่น ชุดแต่ง Blackline และกันชน Bentayga Speed รวมถึงล้อ 22 นิ้วแบบห้าก้านเป็นมาตรฐาน Bentayga Azure นำเสนอการตกแต่งภายในที่หลากหลายและมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ครบครัน
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $205,925 (V8 หรือ Hybrid) ไปจนถึง $249,125 (Azure V8) ผมแนะนำ Bentayga S ที่มีเครื่องยนต์ V8 เดียวกัน แต่ได้รับการปรับแต่งให้การควบคุมคมชัดขึ้นและอัตราเร่งที่รวดเร็วขึ้น มอบพลวัตการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายและความหรูหรา
เสียงจากวงการ: “Bentayga ใหม่เป็นการวิวัฒนาการที่ละเอียดอ่อน แต่ชัดเจนว่า Bentley ได้รับฟังความคิดเห็นและทำการปรับปรุงที่สำคัญบางอย่าง” – Autocar
2025 Bentley Bentayga EWB
มุมมองส่วนตัว: SUV สำหรับครอบครัวที่ใช้งานได้จริงมากขึ้น ด้วยพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นและความหรูหราแบบเดียวกัน
ภาพรวม: Bentley Bentayga EWB คือรุ่นฐานล้อยาว (Extended Wheel Base) ของ SUV สุดหรูนี้ ทำให้มันกลายเป็นรถลีมูซีนขนาดใหญ่ ระยะห่างระหว่างล้อเพิ่มขึ้น 180 มม. ซึ่งทำให้เบาะหลังมีพื้นที่วางขาที่กว้างขวางมาก สามารถเลือกเบาะนั่งเอนนอนแยกส่วนสองที่นั่งด้านหลัง หรือรุ่นสามที่นั่งที่ไม่เอนนอนแต่ยังคงเพลิดเพลินกับพื้นที่วางขาที่เพิ่มขึ้น นอกจากพื้นที่พิเศษแล้ว EWB ยังมาพร้อมล้อขนาด 21 นิ้วเป็นมาตรฐานแม้ในรุ่นเริ่มต้น และให้สมรรถนะเช่นเดียวกับ Bentayga รุ่นมาตรฐาน โดยไม่สูญเสียอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือความเร็วสูงสุด สำหรับปี 2025 Bentayga ยังคงมีรุ่น Mulliner ซึ่งเป็นรุ่นท็อป ที่มีการตกแต่งภายในแบบสามสีสุดพิเศษ และมีให้เลือกเกือบ 4000 ชุดสีภายในที่แตกต่างกัน รุ่น Mulliner มีให้เลือกเฉพาะในรุ่นฐานล้อยาว (EWB) และเครื่องยนต์ V8 เท่านั้น
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $236,850 (EWB V8) ไปจนถึง $339,150 (EWB Mulliner) รุ่น EWB เริ่มต้นเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
เสียงจากวงการ: “ยังคงต้องรอดูว่า Mulliner EWB จะนำเสนอการปรับแต่งที่เพียงพอเมื่อเทียบกับรุ่น Mulliner ที่เป็นอิสระหรือไม่” – Evo
2025 BMW X3 M
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ต้องการอะดรีนาลีน แต่ยังคงใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
ภาพรวม: BMW X3 M คือ SUV ขนาดกะทัดรัดสมรรถนะสูงที่ผสมผสานการใช้งานจริงเข้ากับพลวัตการขับขี่ที่เร้าใจอย่างลงตัว ใต้ฝากระโปรงมีเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 473 แรงม้า และแรงบิด 442 ปอนด์-ฟุต ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ของ BMW ทำให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.9 วินาที นอกเหนือจากความเร็วในทางตรงที่น่าประทับใจ X3 M ยังโดดเด่นในการควบคุมและความคล่องตัว ช่วงล่างแบบสปอร์ต โช้คอัพปรับได้ และการปรับแต่งเฉพาะของ M เปลี่ยน SUV คันนี้ให้กลายเป็นเครื่องจักรที่เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ พวงมาลัยแม่นยำและตอบสนองได้ดี เบรกขนาดใหญ่ช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจ ดีไซน์ภายนอกสะท้อนถึงสมรรถนะ ด้วยสไตล์ที่ดุดัน เช่น ช่องรับอากาศขนาดใหญ่ กระจังหน้าเฉพาะตัว ท่อไอเสียสี่ท่อ และล้อดีไซน์พิเศษ ภายในห้องโดยสารของ X3 M ผสมผสานความหรูหราและความสปอร์ตเข้าด้วยกัน เบาะนั่งสปอร์ตที่กระชับ พวงมาลัยขอบหนา และจอแสดงผลเฉพาะของ M สร้างสภาพแวดล้อมที่เน้นผู้ขับขี่
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $76,495 ไปจนถึง $83,495 สำหรับรุ่น Competition รุ่น Competition มอบพละกำลังที่เพิ่มขึ้น อุปกรณ์ที่อัปเกรด และรูปลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
เสียงจากวงการ: “X3 M เร็วอย่างจริงจัง มันพุ่งออกจากโค้งและควบคุมได้อย่างสวยงาม” – Car and Driver
2025 BMW X4 M
มุมมองส่วนตัว: แรงม้าเยอะ อัตราเร่งเร็ว การควบคุมที่คล่องแคล่ว
ภาพรวม: BMW X4 M นำเอาการใช้งานจริงและสมรรถนะของ X3 M มาห่อหุ้มในแพ็คเกจที่ดูมีสไตล์ยิ่งขึ้นคล้ายรถคูเป้ Sports Activity Coupe คันนี้มีเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร ที่ดุดันเช่นเดียวกับ X3 M ให้กำลัง 473 แรงม้า และแรงบิด 442 ปอนด์-ฟุต จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ทำให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.9 วินาที แต่นอกจากความเร็วในทางตรง X4 M ยังโดดเด่นด้วยช่วงล่างแบบสปอร์ต โช้คอัพปรับได้ และพวงมาลัยที่แม่นยำ ทำให้การขับขี่เข้าโค้งเป็นเรื่องสนุก X4 M แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัวที่น่าทึ่งสำหรับ SUV ด้วยแชสซีที่ตอบสนองได้ดี การออกแบบภายนอกที่โดดเด่น เช่น หลังคาที่ลาดเอียง ท้ายรถที่ได้รับการปั้นแต่ง และกันชนหน้าอันดุดัน ทำให้มันแตกต่างจาก X3 M ที่ดูเป็นแบบดั้งเดิมมากกว่า ภายในห้องโดยสาร X4 M มอบสภาพแวดล้อมที่หรูหราและเน้นผู้ขับขี่ เบาะนั่งสปอร์ตให้การรองรับที่ดีเยี่ยมขณะขับขี่อย่างดุดัน พวงมาลัยขอบหนา และจอแสดงผลเฉพาะของ M ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ ห้องโดยสารยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $80,275 ไปจนถึง $87,275 สำหรับรุ่น Competition รุ่น Competition เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะมีพละกำลังที่เพิ่มขึ้น อุปกรณ์ที่อัปเกรด และดีไซน์ที่ดุดันยิ่งขึ้น
เสียงจากวงการ: “หากคุณเป็นนักแข่ง Formula 1 ที่มีครอบครัว คุณจะขับรถอะไร? BMW X4 M Competition อาจเป็นคำตอบที่ใช่” – Carwow
2025 BMW X5 M
มุมมองส่วนตัว: สุดยอดซูเปอร์ SUV ที่เป็นมาตรฐานในรุ่นนี้: เร็ว กว้างขวาง และหรูหรา
ภาพรวม: BMW X5 M ปี 2025 กลับมาในฐานะขุมพลังที่โดดเด่นในตลาด SUV สมรรถนะสูง ด้วยพละกำลังและเทคโนโลยีอันน่าประทับใจที่มอบประสบการณ์ขับขี่อันเร้าใจ ใต้ฝากระโปรงคือเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.4 ลิตร ที่ได้รับการอัปเกรดด้วยเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48V เพิ่มกำลังเป็น 617 แรงม้า และแรงบิด 553 ปอนด์-ฟุต ทำให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 3.7 วินาที พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่เร้าใจ X5 M ยังมาพร้อมแชสซีที่ซับซ้อน เช่น ระบบช่วงล่าง M Adaptive, ระบบลดการโคลงตัว Active Roll Stabilization และระบบเลี้ยวล้อหลัง ที่ทำงานประสานกันเพื่อมอบการควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive พร้อมเฟืองท้าย M Active ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและการควบคุมให้ดียิ่งขึ้น เบรก M Compound ขนาดใหญ่ให้พลังการหยุดที่มั่นใจได้ ภายในห้องโดยสารของ X5 M มอบสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย หน้าจอ BMW Curved Display ขนาดใหญ่ครอบคลุมแผงหน้าปัด โดยรวมมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาด 14.9 นิ้ว เบาะนั่ง M Sport ให้การรองรับที่ดีเยี่ยม
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $125,975 (สำหรับรุ่น Competition) รุ่น Competition เป็นตัวเลือกเดียวในปีนี้ และมาพร้อมคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะที่ดีที่สุดเป็นมาตรฐาน
เสียงจากวงการ: “X5 M เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถทางวิศวกรรมของ BMW อย่างแท้จริง มันเป็นทั้ง SUV หรูหราที่สะดวกสบายและเครื่องจักรสมรรถนะสูงพร้อมสำหรับสนามแข่ง” – US News Cars
2025 BMW X6 M
มุมมองส่วนตัว: เครื่องยนต์สุดยอดพร้อมอัตราเร่งอันบ้าคลั่ง สนุกสุดเหวี่ยงบนถนนรอง
ภาพรวม: BMW X6 M ปี 2025 สร้างชื่อเสียงในฐานะ SUV สไตล์คูเป้สมรรถนะสูง มอบการผสมผสานที่เร้าใจระหว่างพละกำลัง สไตล์ และเทคโนโลยี ใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.4 ลิตร อันทรงพลังเช่นเดียวกับ X5 M ซึ่งได้รับการเสริมด้วยเทคโนโลยี Mild-Hybrid 48V ให้กำลังรวม 617 แรงม้า และแรงบิด 553 ปอนด์-ฟุต ส่งผลให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 3.7 วินาที สมรรถนะของ X6 M ไม่ได้จำกัดอยู่แค่พละกำลังดิบๆ แต่ยังมาจากแชสซีที่ซับซ้อนซึ่งมีระบบช่วงล่าง M Adaptive, ระบบลดการโคลงตัว Active Roll Stabilization และระบบเลี้ยวล้อหลัง เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้การควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ทำให้ SUV ขนาดใหญ่คันนี้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำอย่างน่าประหลาดใจ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive พร้อมเฟืองท้าย M Active ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและการควบคุม ในขณะที่เบรก M Compound อันทรงพลังช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจ ภายในห้องโดยสาร X6 M มอบสภาพแวดล้อมที่หรูหราและเน้นผู้ขับขี่ BMW Curved Display เป็นจุดศูนย์กลาง
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $130,875 (สำหรับรุ่น Competition) รุ่น Competition เป็นตัวเลือกเดียวในปีนี้และมอบคุณสมบัติสมรรถนะที่ดีที่สุดเป็นมาตรฐาน ที่น่าสนใจคือ X6 M มีราคาถูกกว่า X5 M เล็กน้อย แม้ว่าจะใช้งานได้จริงน้อยกว่าก็ตาม
เสียงจากวงการ: “หากคุณให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ที่สะดุดตาและอัตราเร่งอันดุดัน X6 M จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” – Kelly Blue Book
2025 Cadillac Escalade V-Series
มุมมองส่วนตัว: เครื่องจักรที่คล่องตัวและทรงพลังอย่างน่าประหลาดใจ ท้าทายขนาดและน้ำหนักของมัน
ภาพรวม: Cadillac Escalade V-Series ปี 2025 ยกระดับ SUV สุดหรูในตำนานสู่ขีดสุดของสมรรถนะและความพิเศษ ใต้ฝากระโปรงคือเครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จ 6.2 ลิตร ที่สร้างด้วยมือ ให้กำลังมหาศาลถึง 682 แรงม้า และแรงบิด 653 ปอนด์-ฟุต อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 4.4 วินาที ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับ SUV ขนาดนี้ Escalade V-Series ไม่ได้พึ่งพาแค่พละกำลังดิบๆ แต่ยังมีช่วงล่างที่ปรับแต่งเพื่อสมรรถนะพร้อม Magnetic Ride Control 4.0, เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป และเบรก Brembo ขนาดใหญ่ ที่ให้การควบคุมและการหยุดรถที่ยอดเยี่ยม Escalade V-Series โดดเด่นด้วยองค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ กระจังหน้าที่มีช่องรับอากาศขนาดใหญ่ กระจังหน้าแบบตาข่าย และตรา V-Series ล้อขนาด 24 นิ้วสุดพิเศษ คาลิปเปอร์เบรก Edge Red (เลือกได้) และท่อไอเสียสี่ท่อ ตอกย้ำถึงความสปอร์ต ภายในห้องโดยสารเป็นแหล่งรวมความหรูหราและเทคโนโลยี เบาะนั่งหนัง Semi-aniline พร้อมการเย็บที่เป็นเอกลักษณ์และโลโก้ V-Series ให้ความสบายและการรองรับที่ดีเยี่ยม จอแสดงผล OLED แบบโค้งครอบคลุมแผงหน้าปัด รวมมาตรวัดดิจิทัล 14.2 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ 16.9 นิ้ว
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $161,990 (V-Series) รุ่น V-Series มาพร้อมคุณสมบัติครบครันแล้ว ตัวเลือกเสริมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเทคโนโลยีและความหรูหรา
เสียงจากวงการ: “เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จมอบพลังที่เร้าใจอย่างมหาศาล พร้อมเสียงท่อไอเสียอันไพเราะ” – Motor Trend
2025 Dodge Durango SRT Hellcat
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ใช้งานได้จริงพร้อมสมรรถนะที่เหลือเชื่อในเวลาเดียวกัน
ภาพรวม: Dodge Durango SRT Hellcat ปี 2025 กลับมาอีกครั้ง ท้าทายความคาดหวังและตรรกะด้วยการยัดเครื่องยนต์ V8 Hellcat ซูเปอร์ชาร์จ 6.2 ลิตร ลงใน SUV สำหรับครอบครัว เครื่องยนต์อันน่ามหัศจรรย์นี้ให้กำลังถึง 710 แรงม้า และแรงบิด 645 ปอนด์-ฟุต เปลี่ยน Durango ให้กลายเป็นสัตว์ร้ายแห่งสมรรถนะอย่างแท้จริง ด้วยอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.5 วินาที และควอเตอร์ไมล์ใน 11.5 วินาที Durango SRT Hellcat สามารถทำให้รถสปอร์ตหลายคันอับอายได้ ในขณะที่ยังคงรองรับผู้โดยสารเจ็ดคนและสัมภาระได้อย่างสบาย Durango SRT Hellcat ไม่ได้มีแค่พละกำลังดิบๆ แต่ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ปรับแต่งเพื่อสมรรถนะ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดพร้อมแพดเดิลชิฟต์ และช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างคล่องตัวอย่างน่าประหลาดใจสำหรับขนาดของมัน เบรก Brembo ขนาดใหญ่ให้พลังการหยุดที่จำเป็นต่อการควบคุมสัตว์ร้ายคันนี้ ในขณะที่ระบบ Launch Control ช่วยให้คุณได้อัตราเร่งที่รวดเร็วฉับไว การออกแบบภายนอกที่ดุดันของ Durango SRT Hellcat ด้วยดีไซน์ Widebody, ช่องดักอากาศบนฝากระโปรง และล้อขนาด 20 นิ้ว ไม่ต้องสงสัยเลยถึงความตั้งใจด้านสมรรถนะ ภายในห้องโดยสาร Durango SRT Hellcat มอบความสะดวกสบายและตกแต่งอย่างดี
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $104,000 (Plus) ไปจนถึง $115,315 (Silver Bullet) รุ่น Silver Bullet เป็นรุ่นพิเศษที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันและการตกแต่งที่โดดเด่น
เสียงจากวงการ: “Durango Hellcat คือ SUV ที่เร็วอย่างเหลือเชื่อที่สามารถพาสมาชิกในครอบครัวไปซ้อมฟุตบอลได้ในนาทีหนึ่ง แล้วก็เร่งความเร็ว 11.5 วินาทีในควอเตอร์ไมล์ในนาทีถัดไป” – Motor Trend
2025 Ferrari Purosangue
มุมมองส่วนตัว: การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะ การใช้งานจริง และความหรูหรา เหมาะสำหรับครอบครัว
ภาพรวม: Ferrari Purosangue ไม่ใช่แค่ SUV คันแรกของ Ferrari เท่านั้น แต่มันคือการประกาศที่ท้าทายขนบธรรมเนียมและกำหนดนิยามใหม่ของความคาดหวัง นี่ไม่ใช่รถครอบครัวยกสูงทั่วไป แต่มันคือ Ferrari สายเลือดแท้ที่มีจิตวิญญาณของรถสปอร์ตและความอเนกประสงค์ของ SUV การออกแบบที่เพรียวบางตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยฝากระโปรงหน้าที่ยาว บังโคลนที่แข็งแกร่ง และท่าทางที่ดุดัน เป็นเอกลักษณ์ของ Ferrari อย่างชัดเจน ในขณะที่ความสูงจากพื้นดินที่เพิ่มขึ้นและสี่ประตูมอบระดับการใช้งานจริงใหม่สำหรับม้าลำพอง ใต้ฝากระโปรง Purosangue มีเครื่องยนต์ V12 หายใจเอง 6.5 ลิตร ที่ปลดปล่อยพละกำลังถึง 715 แรงม้า และแรงบิด 528 ปอนด์-ฟุต อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 193 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่นอกจากความเร็วในทางตรง Purosangue ยังมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขั้นสูง ช่วงล่าง Active Suspension และระบบเลี้ยวล้อหลังที่มอบการควบคุมและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม ทำให้การขับขี่บนถนนคดเคี้ยวเป็นเรื่องสนุก ภายในห้องโดยสาร Purosangue กว้างขวางและหรูหราพร้อมที่นั่งสี่ที่นั่ง
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $428,686 (Purosangue) ตัวเลือกเสริมคือสิ่งที่ทำให้ Purosangue เป็น Ferrari อย่างแท้จริง คุณสามารถปรับแต่งได้ไม่จำกัด
เสียงจากวงการ: “Purosangue ขับขี่ได้เหมือน Ferrari อย่างแท้จริง ด้วยความคล่องตัวและการตอบสนองที่น่าทึ่ง ซึ่งท้าทายขนาดและรูปร่างของมัน” – Car and Driver
2025 Lamborghini Urus
มุมมองส่วนตัว: ความสมดุลที่ลงตัวระหว่างความบ้าคลั่งแบบ Lamborghini และการใช้งานจริงของ SUV ในชีวิตประจำวัน
ภาพรวม: Lamborghini Urus ปี 2025 พุ่งทะยานสู่อนาคตด้วยระบบส่งกำลัง Plug-in Hybrid ที่ทรงพลัง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่สำหรับ SUV สมรรถนะสูงคันนี้ แม้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร อันเป็นเอกลักษณ์จะยังคงอยู่ แต่ตอนนี้มันได้รวมเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อสร้าง Urus S.E. (Super Elettrica) ใหม่ การรวมกันนี้ปลดปล่อยกำลังอันน่าตกใจถึง 789 แรงม้า และแรงบิด 701 ปอนด์-ฟุต ส่งให้ Urus S.E. พุ่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.1 วินาที นอกเหนือจากพละกำลังดิบๆ ระบบไฮบริดยังมอบระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวประมาณ 30 ไมล์ เพิ่มมิติใหม่ของประสิทธิภาพให้กับ Super SUV คันนี้ สำหรับปี 2025 Urus S “พื้นฐาน” ก็ได้รับการอัปเดตเช่นกัน ด้วยดีไซน์ด้านหน้าที่ปรับปรุงใหม่พร้อมกันชนและฝากระโปรงแบบใหม่ รวมถึงไฟหน้าและไฟท้ายที่ได้รับการปรับปรุง ภายในห้องโดยสารทั้ง Urus S และ S.E. ได้รับประโยชน์จากระบบอินโฟเทนเมนต์ที่อัปเกรด และตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลายขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุดของ Urus รุ่น Performante ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่น
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $241,843 (S) ไปจนถึง $273,880 (Performante) ในราคาระดับนี้ ผมแนะนำรุ่น Performante หรือ SE Hybrid ที่ดูน่าสนใจมากในเรื่องเทคโนโลยีและประสิทธิภาพ
เสียงจากวงการ: “Urus S คือบทเรียนที่ยอดเยี่ยมในการสร้างรถยนต์ที่น่าเหลือเชื่อให้ดียิ่งขึ้นไปอีก” – Top Gear
2025 Lotus Eletre
มุมมองส่วนตัว: นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับ Lotus อย่างแท้จริง
ภาพรวม: Lotus Eletre คือยานยนต์ปฏิวัติวงการที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษที่โดดเด่นเรื่องรถสปอร์ตน้ำหนักเบา SUV ไฟฟ้าคันแรกของ Lotus นี้ สร้างความประทับใจด้วยดีไซน์ที่สะดุดตา เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะอันน่าประทับใจ รูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์และเส้นสายที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีต ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจ ใต้ผิวภายนอก Eletre มีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ทรงพลังพร้อมมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังรวม 603 แรงม้า และแรงบิด 523 ปอนด์-ฟุต ในรุ่นพื้นฐานและรุ่น S ทำให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4.5 วินาที สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น Eletre R รุ่นท็อปปลดปล่อยกำลังถึง 905 แรงม้า และแรงบิด 726 ปอนด์-ฟุต พุ่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 2.95 วินาที Eletre R ยังมาพร้อมเกียร์สองสปีดที่ไม่เหมือนใครบนเพลาล้อหลัง ช่วยเพิ่มอัตราเร่งและประสิทธิภาพ ภายในห้องโดยสาร Eletre มอบสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย ใช้วัสดุที่ยั่งยืนตลอดทั้งคัน หน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 15.1 นิ้วครอบคลุมแผงหน้าปัด
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $110,000 (Eletre) ไปจนถึง $148,000 (Eletre R) ด้วยความเป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบจาก Lotus และสมรรถนะที่น่าทึ่ง Eletre R จึงเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาอย่างยิ่ง
เสียงจากวงการ: “Eletre R เร็วอย่างน่าตกใจ มอบอัตราเร่งระดับซูเปอร์คาร์ในแพ็คเกจ SUV” – Car and Driver
2025 Maserati Grecale
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ดูดี แต่ยังคงต้องดิ้นรนกับคู่แข่งที่ดีที่สุดในเซกเมนต์
ภาพรวม: Maserati Grecale ปี 2025 พุ่งเข้าสู่ตลาด SUV ขนาดกะทัดรัดสุดหรูที่สะท้อนถึงสไตล์และสมรรถนะแบบอิตาลี SUV ที่มีสไตล์คันนี้มอบการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างความอเนกประสงค์ เทคโนโลยี และความตื่นเต้นในการขับขี่ ทำให้เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งในเซกเมนต์ Maserati นำเสนอ Grecale ในสามรุ่นย่อยที่แตกต่างกัน GT, Modena และ Trofeo รุ่น GT ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ Mild-Hybrid 2.0 ลิตร ให้กำลัง 296 แรงม้า รุ่น Modena ใช้เครื่องยนต์ Mild-Hybrid เดียวกันแต่ให้กำลัง 325 แรงม้า สำหรับ Grecale Trofeo ใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร ที่พัฒนามาจากซูเปอร์คาร์ MC20 ให้กำลัง 523 แรงม้า และแรงบิด 457 ปอนด์-ฟุต ทำให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.8 วินาที ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นใด Grecale ก็มีห้องโดยสารที่หรูหราและตกแต่งอย่างดี
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $69,995 (Grecale GT) ไปจนถึง $109,495 (Grecale Trofeo) รุ่น Modena มอบความคุ้มค่าที่ยอดเยี่ยมด้วยคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นในราคาที่สมเหตุสมผล
เสียงจากวงการ: “Grecale เป็น SUV อเนกประสงค์ที่สามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปทำงานหรือสำรวจชนบท” – Road & Track
2025 Maserati Grecale Folgore
มุมมองส่วนตัว: การผสมผสานที่ไม่เหมือนใครระหว่างสไตล์ ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนแบบอิตาลี
ภาพรวม: Maserati Grecale Folgore ปี 2025 ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Grecale นำเสนอสมรรถนะที่ยั่งยืนให้กับ SUV สัญชาติอิตาลี รุ่นไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ทรงพลัง ให้กำลังรวม 542 แรงม้า และแรงบิด 590 ปอนด์-ฟุต อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 4.1 วินาที แต่ Folgore ไม่ได้มีแค่ความเร็วในทางตรงเท่านั้น แต่ยังมีแบตเตอรี่ 105 kWh ที่ให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 310 ไมล์ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้จริงสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกล Grecale Folgore โดดเด่นจากรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินด้วยองค์ประกอบการออกแบบที่ละเอียดอ่อนแต่แตกต่าง ล้อตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในขณะที่การตกแต่งด้วยสีทองแดงบนตราสัญลักษณ์ภายนอกและคาลิปเปอร์เบรกบ่งบอกถึงธรรมชาติของรถไฟฟ้า ภายในห้องโดยสาร Folgore มีเบาะนั่ง Econyl ที่ทำจากไนลอนรีไซเคิล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Maserati ต่อความยั่งยืน แผงหน้าปัดมีมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ 12.3 นิ้ว
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $110,495 (Grecale Folgore) ด้วยคุณสมบัติมาตรฐานที่ดีเยี่ยม ทำให้ Grecale Folgore เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาด EV
เสียงจากวงการ: “มันควบคุมได้อย่างคล่องตัวจนเกินสัดส่วนของ SUV ให้ความรู้สึกเหมือนรถแฮทช์แบ็กสมรรถนะสูงมากกว่ารถออฟโรดขนาดใหญ่” – Top Gear
2025 Maserati Levante
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่ใหญ่ สวยงาม และหรูหรา ทำในแบบของ Maserati
ภาพรวม: Maserati Levante ปี 2025 ซึ่งเป็น SUV เรือธงของแบรนด์ ยังคงสร้างความประทับใจด้วยการผสมผสานสไตล์อิตาลี การตกแต่งที่หรูหรา และสมรรถนะที่เร้าใจ ปีนี้ Levante ได้รับการปรับโฉมด้วยดีไซน์ที่อัปเดต เทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุง และระบบส่งกำลังที่ประณีตยิ่งขึ้น การออกแบบภายนอกคมชัดขึ้นเล็กน้อยด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าและไฟท้ายที่ปรับปรุง ภายในห้องโดยสารมีระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัส 12.3 นิ้วใหม่พร้อมซอฟต์แวร์ล่าสุดของ Maserati ที่มอบฟังก์ชันการทำงานและการเชื่อมต่อที่ดียิ่งขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ Levante มีตัวเลือกระบบส่งกำลังที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน Levante GT ระดับเริ่มต้นใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ Mild-Hybrid 2.0 ลิตร ที่มอบความสมดุลระหว่างสมรรถนะและประสิทธิภาพ ให้กำลัง 325 แรงม้า Levante Modena เพิ่มสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 424 แรงม้า สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุดของ Levante รุ่น Trofeo ครองตำแหน่งสูงสุดด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 3.8 ลิตร ที่ดุดัน ปลดปล่อยกำลังถึง 572 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.8 วินาที
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $103,495 (Levante GT) ไปจนถึง $189,495 (Levante Trofeo) รุ่น Trofeo เป็นตัวเลือกที่ทรงพลังที่สุดและเป็นตัวเลือกที่ผมแนะนำ เพราะมอบสมรรถนะระดับรถสปอร์ตและอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน
เสียงจากวงการ: “Levante Trofeo คือสัตว์ร้าย เครื่องยนต์ V8 ที่มาจาก Ferrari สร้างเสียงที่ไพเราะและมอบแรงผลักดันที่ทำให้คุณหัวเราะคิกคัก” – Top Gear
2025 Mercedes-AMG G63
มุมมองส่วนตัว: สัญลักษณ์แห่งสถานะ แต่ก็เป็นรถที่หรูหราและสะดวกสบายอย่างแท้จริง
ภาพรวม: Mercedes-AMG G 63 หรือที่เรียกกันว่า “G-Wagon” เป็นไอคอนแห่งความสามารถออฟโรดและความหรูหราที่ไม่ประนีประนอม SUV ในตำนานคันนี้ ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมและดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทางการทหาร เป็นสัญลักษณ์ของสถานะและความสามารถมานานหลายทศวรรษ สำหรับปี 2025 G 63 ได้รับการอัปเดตที่ครอบคลุมซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะ เทคโนโลยี และความประณีต ในขณะที่ยังคงรักษารูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ ใต้ฝากระโปรง G 63 บรรจุเครื่องยนต์ V8 biturbo 4.0 ลิตร ที่สร้างด้วยมือของ AMG ซึ่งตอนนี้มาพร้อมระบบ Mild-Hybrid 48V อันทรงพลัง เครื่องยนต์นี้ให้กำลัง 577 แรงม้า และแรงบิด 627 ปอนด์-ฟุต พุ่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาประมาณ 4.2 วินาที ระบบ Mild-Hybrid ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มสมรรถนะเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ ความสามารถออฟโรดของ G 63 ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยระบบช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่ ซึ่งให้การยืดหยุ่นที่ดีขึ้นและการขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นบนพื้นผิวขรุขระ ภายในห้องโดยสาร G 63 เป็นแหล่งรวมความหรูหราและเทคโนโลยี
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $190,000 ไปจนถึง $210,000 (G63 G Professional) รุ่นพื้นฐานของ G63 ก็มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันแล้ว
เสียงจากวงการ: “เจ้านี่คือรถถัง มันให้ความรู้สึกที่ทนทาน และให้ความมั่นใจในการรับมือกับอุปสรรคใดๆ” – Car and Driver
2025 Mercedes-AMG GLC-Class
มุมมองส่วนตัว: การผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จและมอเตอร์ไฟฟ้ามอบพละกำลังที่ต่อเนื่อง
ภาพรวม: Mercedes-AMG GLC-Class ทั้งในรูปแบบ SUV แบบดั้งเดิมและ Coupe ที่เพรียวบาง มอบสมรรถนะที่ทรงพลังให้กับเซกเมนต์รถหรูขนาดกะทัดรัด ยานยนต์ไดนามิกเหล่านี้ใช้แพลตฟอร์ม GLC ที่ประณีตและอเนกประสงค์ และอัดฉีด DNA มอเตอร์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของ AMG ลงไป ส่งผลให้ได้ SUV ที่เหมาะกับการขับขี่บนถนนคดเคี้ยวพอๆ กับการขับขี่ในเมือง สำหรับปี 2025 กลุ่มผลิตภัณฑ์ AMG GLC-Class ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเน้นไปที่สมรรถนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า AMG GLC 43 4MATIC ตอนนี้มีระบบ Mild-Hybrid จับคู่กับเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 416 แรงม้า และแรงบิด 369 ปอนด์-ฟุต ให้การเร่งความเร็วที่รวดเร็วและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ในขณะที่ช่วงล่างที่ปรับแต่งโดย AMG และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อช่วยให้การควบคุมที่คล่องตัวและยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นใจ ที่ด้านบนสุดของลำดับชั้นสมรรถนะคือ AMG GLC 63 S E PERFORMANCE รุ่นสมรรถนะสูงคันนี้มีระบบส่งกำลัง Plug-in Hybrid ที่ล้ำสมัย ซึ่งรวมเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง ให้กำลังรวม 671 แรงม้า และแรงบิด 752 ปอนด์-ฟุต อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 3.4 วินาที GLC 63 S E PERFORMANCE ยังมาพร้อมการอัปเกรดสมรรถนะมากมาย
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $66,000 (GLC43) ไปจนถึง $100,000 (GLC63 S E Perf) สำหรับ GLC 63 S E Performance รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากกับสมรรถนะ 671 แรงม้า
เสียงจากวงการ: “GLC 63 S E PERFORMANCE เร็วอย่างน่าตกใจ การบูสต์ด้วยไฟฟ้าให้แรงบิดทันที ทำให้รู้สึกเหมือนจรวดออกจากเส้นสตาร์ท” – Top Gear
2025 Mercedes-AMG GLE-Class
มุมมองส่วนตัว: ควบคุมได้ดีอย่างน่าประหลาดใจสำหรับขนาดของมัน และยังมีพละกำลังที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
ภาพรวม: Mercedes-AMG GLE-Class สำหรับปี 2025 ยังคงครองตำแหน่ง SUV หรูหราสมรรถนะสูงที่ผสมผสานพละกำลังอันเร้าใจเข้ากับความสะดวกสบายที่ประณีตและเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างลงตัว SUV ขนาดกลางคันนี้ซึ่งใช้พื้นฐานจาก Mercedes-Benz GLE ได้รับการปรับแต่งแบบ AMG โดยเน้นไปที่พลวัตการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น สไตล์ที่ดุดัน และระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ทรงพลัง กลุ่มผลิตภัณฑ์ GLE-Class AMG สำหรับปี 2025 ได้รับการปรับปรุงให้เรียบง่าย โดยมีรุ่น GLE 53 และ GLE 63 สมรรถนะสูง GLE 53 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ที่ได้รับการเสริมด้วยระบบ Mild-Hybrid ให้กำลัง 429 แรงม้า และแรงบิด 384 ปอนด์-ฟุต ให้กำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว เครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9 สปีด ที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและราบรื่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC+ ช่วยให้การควบคุมและการยึดเกาะถนนที่มั่นใจได้ในสภาวะต่างๆ GLE 63 S E ของ Mercedes-AMG อยู่ในจุดสูงสุดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ GLE-Class ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ต่อเทคโนโลยีไฮบริดสมรรถนะสูง SUV คันนี้อัดแน่นไปด้วยพละกำลังอย่างจริงจัง โดยผสมผสานเครื่องยนต์ V8 biturbo 4.0 ลิตร ที่สร้างด้วยมือของ AMG เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง ให้กำลังรวม 603 แรงม้า และแรงบิด 627 ปอนด์-ฟุต อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 3.7 วินาที
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $90,350 (GLE53) และ $131,950 (GLE63 S) รุ่น GLE53 มอบความคุ้มค่าที่ยอดเยี่ยม พร้อมตัวเลือกเสริมที่น่าสนใจที่ทำให้ราคาไม่เกิน $100,000
เสียงจากวงการ: “GLE 63 S E เป็นความสำเร็จทางเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยม แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของ AMG ทั้งในด้านสมรรถนะและระบบไฟฟ้า” – Car and Driver
2025 Mercedes-AMG GLS-Class
มุมมองส่วนตัว: SUV ขนาดใหญ่ ใช้งานได้จริง และเร็วมากสำหรับคุณและครอบครัว
ภาพรวม: Mercedes-AMG GLS 63 คือสุดยอดความหรูหราและสมรรถนะของ SUV ยานยนต์ที่สามารถพิชิตทุกเส้นทางในขณะที่ยังคงให้ความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารอย่างเหนือชั้น SUV ขนาดเต็มคันนี้ซึ่งใช้พื้นฐานจาก Mercedes-Benz GLS ที่หรูหราอยู่แล้ว ได้รับการปรับแต่งแบบ AMG อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยเครื่องยนต์ V8 ที่สร้างด้วยมือ ช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต และการตกแต่งที่หรูหรามากมาย ใต้ฝากระโปรง GLS 63 บรรจุเครื่องยนต์ V8 biturbo 4.0 ลิตร ที่สร้างด้วยมือของ AMG ซึ่งได้รับการเสริมด้วยระบบ Mild-Hybrid 48V อันทรงพลัง เครื่องยนต์นี้ให้กำลัง 603 แรงม้า และแรงบิด 627 ปอนด์-ฟุต พุ่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาประมาณ 4.1 วินาที ระบบ Mild-Hybrid ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มสมรรถนะเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ เกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9 สปีด ของ GLS 63 ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและราบรื่น ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC+ ช่วยให้การควบคุมและการยึดเกาะถนนที่มั่นใจได้ในสภาวะต่างๆ ภายในห้องโดยสาร GLS 63 เป็นแหล่งรวมความหรูหราและเทคโนโลยี เบาะนั่งหนัง Nappa พรีเมียม การตกแต่งภายในด้วยไม้ที่ทำด้วยมือ และอลูมิเนียมขัดเงา สร้างบรรยากาศของความโอ่อ่าและความประณีต มาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ 12.3 นิ้วครอบคลุมแผงหน้าปัด
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $147,000 (GLS63) มีให้เลือกเพียงรุ่นเดียวและมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน
เสียงจากวงการ: “GLS 63 สามารถทำให้รถสปอร์ตหลายคันอับอายในทางตรงได้ ทั้งหมดนี้ในขณะที่พาสมาชิกเจ็ดคนเดินทางได้อย่างสบายสูงสุด” – Motor Trend
2025 Porsche Cayenne
มุมมองส่วนตัว: SUV ที่สะดวกสบายและรวดเร็ว และยังคงเป็นอันดับหนึ่งในด้านพลวัตการขับขี่
ภาพรวม: Porsche Cayenne ปี 2025 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา SUV หรูหราที่ไม่ลดทอนสมรรถนะ ปีนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์ Cayenne มีตัวเลือกระบบส่งกำลังที่หลากหลาย ตั้งแต่ V6 ที่ทรงพลังไปจนถึง Plug-in Hybrid ที่ให้ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่น่าประทับใจ แต่เป็นรุ่นที่เน้นสมรรถนะที่จับใจถึงแก่นแท้ของลักษณะสปอร์ตของ Cayenne Cayenne S ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตร ให้กำลัง 434 แรงม้า และแรงบิด 405 ปอนด์-ฟุต ทำให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4.7 วินาที พร้อมเสียงท่อไอเสียที่สปอร์ต Cayenne S ยังได้รับประโยชน์จากช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ตและเบรกขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความสามารถในการควบคุม สำหรับผู้ที่ต้องการความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น Cayenne GTS ยกระดับสมรรถนะขึ้นไปอีกขั้น เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ให้กำลัง 493 แรงม้า และแรงบิด 457 ปอนด์-ฟุต ทำให้อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 4.2 วินาที GTS ยังมีช่วงล่างที่ต่ำลง ระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต และองค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่เน้นลักษณะสปอร์ตของมัน
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $86,695 (Base) ไปจนถึง $126,895 (GTS) รุ่น GTS ที่มีกำลัง 493 แรงม้า เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะและสไตล์
เสียงจากวงการ: “ยังคงเป็น SUV ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ…โดยห่างไกล”
2025 Porsche Cayenne Coupe Turbo E-Hybrid
มุมมองส่วนตัว: ยังคงเป็น SUV ที่ดีที่สุดรอบด้านสำหรับการขายในปัจจุบัน
ภาพรวม: Porsche Cayenne Turbo E-Hybrid ปี 2025 เป็น SUV สมรรถนะสูงที่กำหนดนิยามใหม่ของทั้งพละกำลังและประสิทธิภาพ Plug-in Hybrid คันนี้ผสมผสานเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว ส่งผลให้ได้กำลังรวมที่น่าตกใจถึง 729 แรงม้า และแรงบิด 700 ปอนด์-ฟุต อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.5 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด แต่นอกจากพละกำลังดิบๆ Cayenne Turbo E-Hybrid ยังมีระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวที่น่าประทับใจถึง 37 ไมล์ ช่วยให้เดินทางในชีวิตประจำวันและทำธุระได้โดยปราศจากการปล่อยมลพิษ ระบบไฮบริดผสานเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น มอบประสบการณ์ขับขี่ที่ราบรื่นและประณีต ไม่ว่าคุณจะขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าหรือปลดปล่อยพละกำลังเต็มที่ของ V8 Cayenne Turbo E-Hybrid ยังมีช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต ระบบช่วงล่างถุงลมปรับได้ และระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) ช่วยให้การควบคุมที่ยอดเยี่ยมและการขับขี่ที่สะดวกสบาย ภายในห้องโดยสาร Cayenne Turbo E-Hybrid มอบสภาพแวดล้อมที่หรูหราและล้ำสมัย
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $158,995 (Cayenne E-Hybrid) รุ่นนี้มาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน รวดเร็ว และใช้งานได้จริงตั้งแต่แกะกล่อง
เสียงจากวงการ: “Cayenne เป็นมาตรฐานในเซกเมนต์ SUV หรูหรา โดยมอบการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างสมรรถนะ ความหรูหรา และการใช้งานจริง” – Motor Trend
2025 Porsche Macan
มุมมองส่วนตัว: เหมาะสมอย่างยิ่งหากคุณต้องการ SUV ที่สามารถรับมือได้ทั้งการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการผจญภัยสุดสัปดาห์
ภาพรวม: Porsche Macan ปี 2025 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา SUV หรูหราขนาดกะทัดรัดที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะและความเพลิดเพลินในการขับขี่ แม้ว่ารุ่นไฟฟ้าจะกำลังมาแรง แต่ Macan ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินยังคงเป็นตัวเลือกที่เกี่ยวข้องและน่าตื่นเต้น โดยมีรุ่นย่อยที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน Macan รุ่นพื้นฐานเริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 261 แรงม้า และแรงบิด 295 ปอนด์-ฟุต ให้กำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ยังคงประหยัดน้ำมันได้ดี สำหรับผู้ที่ต้องการความเร้าใจ Macan T เพิ่มความสปอร์ตด้วยช่วงล่างที่ปรับแต่งแบบสปอร์ต องค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และการตอบสนองของคันเร่งที่ฉับไวขึ้น Macan S ยกระดับสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตร ให้กำลัง 375 แรงม้า และแรงบิด 383 ปอนด์-ฟุต อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4.6 วินาที พร้อมเสียงท่อไอเสียที่สปอร์ต Macan S ยังได้รับประโยชน์จากเบรกขนาดใหญ่และระบบช่วงล่างถุงลมปรับได้ (เลือกได้) ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุม สำหรับรุ่นท็อปของ Macan ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินคือ Macan GTS รุ่นที่เน้นสมรรถนะคันนี้มีเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตร ที่ให้กำลัง 434 แรงม้า และแรงบิด 405 ปอนด์-ฟุต ด้วยอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4.3 วินาที Macan GTS มอบสมรรถนะที่เร้าใจที่เทียบเคียงรถสปอร์ตบางคันได้
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $64,895 (Base) ไปจนถึง $90,995 (GTS) ผมแนะนำให้เลือกรุ่น GTS โดยตรง เพราะอีกไม่นานเราอาจจะไม่สามารถหา Macan ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในได้อีกต่อไป
เสียงจากวงการ: “Macan GTS คือ SUV ที่เร็วอย่างจริงจัง ให้ความรู้สึกเร็วกว่าตัวเลขที่ระบุมาก ด้วยเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ดีและการควบคุมที่เฉียบคม” – Car and Driver
2025 Porsche Macan EV
มุมมองส่วนตัว: ให้ความรู้สึกเป็น Porsche อย่างแท้จริง มันคล่องตัว ตอบสนองได้ดี และขับสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ
ภาพรวม: Porsche Macan EV เป็นรุ่นสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ซึ่งเป็นการเข้าสู่โลกของ SUV ไฟฟ้าสมรรถนะสูง รุ่นใหม่ทั้งหมดนี้สัญญาว่าจะมอบพลวัตการขับขี่และความหรูหราที่ Porsche มีชื่อเสียง แต่มาพร้อมการบิดที่ยั่งยืนและล้ำหน้าทางเทคโนโลยี สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม Premium Platform Electric (PPE) Macan EV มีดีไซน์ที่เพรียวบางตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อทั้งสมรรถนะและประสิทธิภาพ เส้นสายที่เรียบเนียนและรูปทรงที่ประณีตไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยให้ได้ระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจถึง 315 ไมล์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ Macan EV มีรุ่นย่อยที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน รุ่นพื้นฐานมีมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลัง 355 แรงม้า และแรงบิด 415 ปอนด์-ฟุต ให้กำลังที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น รุ่น 4S และ Turbo เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่สองที่เพลาหน้า สร้างระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีพละกำลังและการยึดเกาะถนนที่มากยิ่งขึ้น รุ่น 4S มีกำลังรวม 509 แรงม้า และแรงบิด 516 ปอนด์-ฟุต ในขณะที่ Turbo ปลดปล่อยกำลังถึง 603 แรงม้า และแรงบิด 737 ปอนด์-ฟุต ด้วยการกำหนดค่าระดับสูงสุดนี้ Macan EV Turbo สามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.1 วินาที ทำให้เป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในตลาด
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $77,295 (Base) ไปจนถึง $107,295 (Turbo) ผมแนะนำรุ่น 4S ที่ให้กำลัง 442 แรงม้า ซึ่งเป็นความสมดุลที่ยอดเยี่ยมระหว่างราคาและสมรรถนะ
เสียงจากวงการ: “จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำและแชสซีที่สมดุลของ Macan EV ทำให้มันมีความสามารถในการควบคุมที่น่าประทับใจ” – Road & Track
2025 Rolls-Royce Cullinan
มุมมองส่วนตัว: สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและความพิเศษ เป็นสัญลักษณ์ที่แท้จริงของการมาถึงอย่างมีสไตล์
ภาพรวม: Rolls-Royce Cullinan ปี 2025 ซึ่งเป็นการเข้าสู่โลกของ SUV สุดหรูของแบรนด์ ยังคงกำหนดนิยามใหม่ของความหรูหราแบบออฟโรด ยานยนต์ที่สง่างามคันนี้ซึ่งตั้งชื่อตามเพชรที่ใหญ่ที่สุดที่เคยค้นพบ ผสมผสานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ของ Rolls-Royce และพละกำลังที่ง่ายดายเข้ากับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและความสามารถที่น่าประหลาดใจ สำหรับปี 2025 Cullinan ได้รับการปรับปรุงที่ละเอียดอ่อนแต่มีผลกระทบ ซึ่งเสริมสร้างตำแหน่งของมันในฐานะจุดสูงสุดของความหรูหราของ SUV การออกแบบภายนอกของ Cullinan ได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียดด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ที่มีช่องรับอากาศแบบเฉียง สร้างรูปลักษณ์ที่ดูมีพลวัตและมีจุดมุ่งหมายมากขึ้น กระจังหน้า Pantheon อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Rolls-Royce ตอนนี้มีไฟส่องสว่าง เพิ่มความหรูหราทันสมัย ล้อขนาด 23 นิ้วใหม่ที่สร้างจากอะลูมิเนียมชิ้นเดียวช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่สง่างามของ Cullinan ภายในห้องโดยสาร Cullinan ยังคงเป็นสวรรค์ของความหรูหราแบบสั่งทำพิเศษ ด้วยรายละเอียดที่ทำด้วยมือ วัสดุชั้นดีที่สุด และระดับการปรับแต่งที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่พิถีพิถันที่สุด ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงใหม่พร้อมฟังก์ชันการทำงานและการเชื่อมต่อที่ได้รับการปรับปรุงเข้ากับแผงหน้าปัดที่ทำด้วยมือของ Cullinan ได้อย่างราบรื่น ใต้ฝากระโปรง Cullinan ยังคงใช้เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ 6.75 ลิตร อันทรงพลัง
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้นประมาณ $392,000 (Cullinan) และ $454,000 (Black Badge) ในระดับราคานี้ คุณสามารถปรับแต่งตัวเลือกเสริมได้ตามใจชอบ
เสียงจากวงการ: “Cullinan เป็นรถสำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดความหรูหราและความสามารถ” – CNET Roadshow
2025 Range Rover
มุมมองส่วนตัว: Range Rover จะพาคุณไปถึงที่หมายด้วยความสบายและมีสไตล์
ภาพรวม: Range Rover รุ่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นรุ่นที่ห้า เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา ความสามารถ และเทคโนโลยี เป็นยานยนต์ที่สามารถเดินทางในเมืองได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ยังคงความมั่นใจสูงสุดเมื่อออกนอกเส้นทาง รุ่นล่าสุดนี้ซึ่งเปิดตัวในปี 2022 ยังคงรักษารูปทรงคลาสสิกของ Range Rover ด้วยท่าทางที่ตั้งตรงอันเป็นเอกลักษณ์และหลังคาแบบลอยตัว แต่แนะนำภาษาการออกแบบที่ทันสมัยและเรียบง่ายที่บ่งบอกถึงความซับซ้อน ภายในห้องโดยสาร Range Rover เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งความประณีต วัสดุพรีเมียม เช่น หนังนุ่ม แผ่นไม้แท้ และการตกแต่งด้วยโลหะที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน ห้องโดยสารที่กว้างขวางให้ความสบายที่เหนือชั้นสำหรับผู้โดยสารทุกคน พร้อมเบาะหลังระดับผู้บริหารที่สามารถปรับเอนนอนและมีฟังก์ชันการนวดได้ เทคโนโลยีล้ำสมัยถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น ตั้งแต่ระบบอินโฟเทนเมนต์ Pivi Pro ที่ใช้งานง่ายพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ ไปจนถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย นอกเหนือจากการตกแต่งที่หรูหราแล้ว Range Rover ยังคงรักษาความเป็นเครื่องจักรที่สามารถลุยออฟโรดได้อย่างยอดเยี่ยมตามมรดกของมัน ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขั้นสูง เทคโนโลยี Terrain Response 2 และระบบช่วงล่างถุงลม (เลือกได้) ช่วยให้สามารถพิชิตภูมิประเทศที่ท้าทายได้อย่างง่ายดาย
ราคาและการเปลี่ยนแปลงใหม่: ราคาเริ่มต้น $109,525 (P400 SE) ไปจนถึง $210,625 (P615 SV) ผมแนะนำรุ่น Autobiography ระดับกลางที่เพิ่มคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมายที่ผู้ซื้อรถหรูจะชื่นชอบ
เสียงจากวงการ: “ความสะดวกสบายระดับสูงมาก, ตัวเลือกเครื่องยนต์และการปรับแต่งมากมาย, ภายในที่หรูหรา” – Car and Driver
สุดยอด SUV สมรรถนะสูงและหรูหราแห่งปี 2025: ทางเลือกที่ผมแนะนำ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมได้คัดเลือก SUV สองรุ่นที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 ที่มอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าในด้านสมรรถนะและความหรูหรา
2025 Porsche Macan GTS
ทำไมถึงเป็นสุดยอด SUV สมรรถนะสูงรุ่นใหม่?
Macan GTS คือราชาแห่งป่า SUV ขนาดกะทัดรัดอย่างแท้จริง มันรวบรวมจิตวิญญาณของ Porsche ได้อย่างสมบูรณ์ มอบประสบการณ์ขับขี่ที่ทั้งเร้าใจและประณีต ใต้ฝากระโปรงของ Macan GTS มีเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตร ที่ให้กำลัง 434 แรงม้า และแรงบิด 405 ปอนด์-ฟุต อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4.3 วินาที พร้อมเสียงท่อไอเสียที่สปอร์ตเร้าใจจนหัวใจคุณเต้นรัว
Macan GTS ควบคุมได้อย่างคล่องตัวและแม่นยำในระดับที่เกินกว่าสัดส่วนของ SUV มันให้ความรู้สึกเบา คล่องแคล่ว และยึดเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยมในการเข้าโค้ง ระบบช่วงล่างแบบสปอร์ต ระบบช่วงล่างถุงลมที่เป็นตัวเลือก และพวงมาลัยที่แม่นยำ สร้างประสบการณ์ขับขี่ที่ชวนให้นึกถึงรถแฮทช์แบ็กสมรรถนะสูง ไม่ใช่ SUV ยกสูง อย่างที่ Edmunds กล่าวไว้ว่า “Macan GTS ควบคุมได้เหมือนรถสปอร์ต ด้วยพวงมาลัยที่แม่นยำ การโคลงตัวของรถน้อยมาก และแชสซีที่สนุกสนาน” และ Car and Driver เสริมว่า “เบาะนั่งแบบสปอร์ตของ GTS รองรับได้ดีและนั่งสบาย แม้ในขณะขับขี่อย่างดุดัน”
โดยรวมแล้ว Macan GTS คือแพ็คเกจที่ครบเครื่องที่นำเสนอการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างสมรรถนะ ความหรูหรา และการใช้งานจริง
2025 Audi SQ7
ทำไมถึงเป็นสุดยอด SUV สมรรถนะสูงรุ่นใหม่?
Audi SQ7 เป็นรถที่ครบเครื่องอย่างแท้จริง ทั้งหรูหรา รวดเร็ว และมีสไตล์ มันตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างลงตัว Audi SQ7 ผสมผสานความหรูหรา การใช้งานจริง และสมรรถนะที่เร้าใจในแพ็คเกจ SUV เจ็ดที่นั่งที่กว้างขวาง เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ให้กำลัง 503 แรงม้า และแรงบิด 568 ปอนด์-ฟุต ได้รับคำชมเรื่อง “พละกำลังอันระเบิด” และ “เสียงเครื่องยนต์ที่เร้าใจ” ผู้รีวิวอย่าง Edmunds และ Top Gear ชื่นชม “อัตราเร่งที่ดุดัน” และ “สมรรถนะที่ง่ายดาย”
แม้จะเน้นสมรรถนะ แต่ SQ7 ก็ยังให้ “การควบคุมที่นุ่มนวล” และ “คุณภาพการขับขี่ที่สะดวกสบาย”
Car and Driver: “SQ7 ผสมผสานสมรรถนะอันยอดเยี่ยมเข้ากับการใช้งานจริงของ SUV ในแพ็คเกจที่ตกแต่งอย่างดีและอเนกประสงค์ เหมาะสำหรับครอบครัว”
Edmunds: “SQ7 มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ประณีตและห้องโดยสารที่หรูหรา แต่ระบบอินโฟเทนเมนต์ต้องการการปรับปรุงและราคาสูง”
Motor Trend: “SQ7 เป็น SUV สมรรถนะสูงที่ครบเครื่อง ให้ทั้งความสบายและพละกำลัง แต่ไม่ได้มอบประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจที่สุด”
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการ ผมเชื่อว่าปี 2025 คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับผู้ที่หลงใหลในยนตรกรรมประเภท SUV สมรรถนะสูงและหรูหรา ด้วยนวัตกรรมที่ก้าวกระโดด ความหลากหลายที่เหนือชั้น และความมุ่งมั่นของแต่ละแบรนด์ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ การเลือกซื้อรถ SUV ในวันนี้จึงไม่ใช่แค่การตัดสินใจเรื่องยานพาหนะ แต่เป็นการลงทุนในไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนถึงรสนิยมและความต้องการที่ไม่ธรรมดา
หากบทความนี้จุดประกายความสนใจของคุณ และคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์ขับขี่อันน่าตื่นเต้นเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง ผมขอเชิญชวนให้คุณติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อทดลองขับ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของคุณมากที่สุด เพราะโลกของ SUV สมรรถนะสูงกำลังรอให้คุณมาค้นพบ!

