ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 บริษัทจัดการกองทุนระดับโลกผู้กำหนดทิศทางตลาดทุนปี 2025
ในโลกการเงินที่หมุนไปอย่างรวดเร็วและซับซ้อน บริษัทจัดการกองทุน (Asset Management Companies หรือ AMC) ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดทุนทั่วโลก พวกเขาไม่เพียงแต่ดูแลและบริหารจัดการสินทรัพย์มูลค่ามหาศาลของผู้ลงทุนสถาบันและรายย่อยเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้กำหนดเทรนด์ พัฒนานวัตกรรม และเป็นเสาหลักในการจัดสรรเงินทุนไปสู่ภาคส่วนต่างๆ ทั่วโลก ในปี 2025 นี้ ภาพรวมของอุตสาหกรรมการบริหารจัดการกองทุนยังคงสะท้อนถึงการรวมศูนย์อำนาจและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งหลายแห่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้เล่นหลักที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลกมานานหลายทศวรรษ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของบริษัทเหล่านี้มาโดยตลอด และในปี 2025 นี้ แรงขับเคลื่อนสำคัญยังคงอยู่ที่ขนาดของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (Assets Under Management หรือ AUM) ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัทเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุนที่ต้องการวางแผนการลงทุนในระยะยาว และทำความรู้จักกับทางเลือกการลงทุนต่างประเทศที่ดีที่สุด บทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึก 10 บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 พร้อมสำรวจปรัชญาการลงทุน นวัตกรรม และบทบาทของพวกเขาในการสร้างอนาคตทางการเงิน
รายงานล่าสุดจาก Investing in The Web ยืนยันว่า BlackRock ยังคงครองตำแหน่งผู้นำอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วย Vanguard ที่ยังคงเป็นผู้ท้าชิงที่แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดยั้ง โดยรวมแล้ว สิบอันดับแรกของบริษัทจัดการกองทุนเหล่านี้ดูแลสินทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 48.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งและบ่งบอกถึงอำนาจทางการเงินที่ไม่อาจมองข้ามได้ สิ่งที่น่าสนใจคือ เจ็ดในสิบอันดับแรกล้วนมาจากสหรัฐอเมริกา ตอกย้ำถึงความเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ในขณะที่อีกสามบริษัทเป็นผู้เล่นสำคัญจากยุโรป ได้แก่ Amundi จากฝรั่งเศส และ Allianz Group จากเยอรมนี การจัดอันดับในปีนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมั่นคงและอิทธิพลของบริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ที่ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดเกือบหนึ่งในสามของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการทั่วโลก
ต่อไปนี้คือรายชื่อผู้จัดการกองทุนหรือบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 โดยพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงขนาดและอิทธิพลของพวกเขาในตลาดทุนโลก:
| ลำดับที่ | บริษัทจัดการกองทุน (จากน้อยไปมาก) | ประเทศ | สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) |
|---|---|---|---|
| 10 | Allianz Group | เยอรมนี | US$ 1.91 ล้านล้าน |
| 9 | Invesco | สหรัฐฯ | US$ 1.94 ล้านล้าน |
| 8 | Amundi | ฝรั่งเศส | US$ 2.6 ล้านล้าน |
| 7 | Capital Group | สหรัฐฯ | US$ 2.8 ล้านล้าน |
| 6 | Goldman Sachs Group | สหรัฐฯ | US$ 3.17 ล้านล้าน |
| 5 | J.P. Morgan Asset Management | สหรัฐฯ | US$ 3.7 ล้านล้าน |
| 4 | State Street Global Advisors | สหรัฐฯ | US$ 4.67 ล้านล้าน |
| 3 | Fidelity Investments | สหรัฐฯ | US$ 5.9 ล้านล้าน |
| 2 | Vanguard Group | สหรัฐฯ | US$ 10.1 ล้านล้าน |
| 1 | BlackRock | สหรัฐฯ | US$ 11.6 ล้านล้าน |
ข้อมูล ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2025
Allianz Group: รากฐานอันแข็งแกร่งจากยุโรป
Allianz Group ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี ยังคงรักษาตำแหน่งในสิบอันดับแรกด้วย AUM ที่แข็งแกร่งถึง 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เดือนมิถุนายน 2025 ปรัชญาการลงทุนของ Allianz เน้นหนักไปที่ความยั่งยืนและการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นักลงทุนต่างให้ความไว้วางใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงในปี 2025 บริษัทนี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการประกันภัยรายใหญ่ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าของธุรกิจจัดการสินทรัพย์ชั้นนำผ่านบริษัทในเครืออย่าง Allianz Global Investors (AllianzGI) และ PIMCO (Pacific Investment Management Company) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการพันธบัตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก การบริหารจัดการกองทุนของ Allianz ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนรวมหุ้น กองทุนตราสารหนี้ ไปจนถึงกองทุนยั่งยืนที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับปัจจัย ESG (Environmental, Social, and Governance) สำหรับนักลงทุนที่มองหากองทุนเพื่อการลงทุนระยะยาวและมีเสถียรภาพ กองทุนอย่าง Allianz Global Sustainability Fund และ Allianz Global Artificial Intelligence Fund แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นทั้งผลตอบแทนและความรับผิดชอบต่อสังคม การบริหารจัดการกองทุน Allianz ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในด้านความเชี่ยวชาญและการสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจ การลงทุนกับ Allianz จึงเป็นการเลือกที่มั่นคงสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงตลาดทุนยุโรปและตลาดโลก
Invesco: ประสบการณ์ระดับโลกที่มุ่งเน้นลูกค้า
Invesco Ltd. บริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ติดอันดับที่ 9 ด้วย AUM รวม 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2025 พันธกิจหลักของ Invesco คือการมอบประสบการณ์การลงทุนที่เหนือกว่า เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางการเงินในชีวิต ปรัชญาการทำงานของพวกเขาตั้งอยู่บนหลักการ “One Team” (ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความรับผิดชอบร่วมกัน) “Culture matters” (การส่งเสริมวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและร่วมมือ) และ “Focused execution” (การดำเนินกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบ) ในปี 2025 Invesco ยังคงเป็นผู้นำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนดัชนี กองทุนมูลค่า ไปจนถึงกองทุนที่เน้นการเติบโต เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันทั่วโลก ผู้จัดการกองทุนของ Invesco ได้รับการชดเชยตามผลการดำเนินงาน ซึ่งกระตุ้นให้พวกเขามุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง Invesco S&P 500 Index Fund และ Invesco Value Opportunities Fund เป็นตัวอย่างของกองทุนยอดนิยมที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญในการคัดสรรสินทรัพย์และการบริหารจัดการกองทุน ในฐานะผู้จัดการกองทุนที่เน้นคุณค่าและการเติบโต Invesco มอบโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตไปยังสินทรัพย์ในตลาดสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก
Amundi: ผู้นำการจัดการกองทุนจากยุโรป
Amundi บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และติดอันดับที่ 8 ของโลก ด้วย AUM ที่น่าประทับใจถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 30 มีนาคม 2025 Amundi เป็นตัวแทนที่แข็งแกร่งจากฝรั่งเศสที่สะท้อนถึงศักยภาพของตลาดยุโรปในการบริหารจัดการกองทุนระดับโลก Amundi เน้นย้ำถึงค่านิยมหลักเช่นเดียวกับหลายบริษัทชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกันภายใต้แนวคิด “One Team” นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรมที่เปิดกว้าง และการดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นประสิทธิภาพและความรับผิดชอบ นอกจากนี้ Amundi ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืนในระยะยาว และใช้เทคโนโลยีการวิจัยที่ล้ำสมัยเพื่อสนับสนุนลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การที่ Amundi เป็นผู้นำในตลาดการลงทุนที่ยั่งยืนถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญในภูมิทัศน์การเงินปี 2025 ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างหันมาให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้น กองทุนอย่าง Amundi Funds US Equity Fundamental Growth และ Amundi Funds Global Aggregate Bond แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Amundi ในการบริหารจัดการกองทุนที่หลากหลาย ทั้งในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก สำหรับนักลงทุนในเอเชียที่สนใจการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ Amundi เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่นำเสนอความเชี่ยวชาญและผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตไปยังยุโรปและตลาดโลก
Capital Group: ตำนานแห่งการบริหารเชิงรุก
Capital Group บริษัทจัดการกองทุนที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1931 ในลอสแอนเจลิส ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและไต่อันดับขึ้นมาอยู่ในสิบอันดับแรกของผู้จัดการกองทุนที่ดีที่สุดในโลก ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการที่สูงถึง 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 Capital Group โดดเด่นด้วยสไตล์การบริหารจัดการเชิงรุก (Active Management) ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดได้อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว ค่านิยมที่ผลักดันให้ Capital Group เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ ความรับผิดชอบ การมุ่งเน้นการลงทุนระยะยาว การทำงานร่วมกับลูกค้า และการวิเคราะห์ที่เข้มงวด ผู้จัดการกองทุนของ Capital Group ได้รับค่าตอบแทนตามผลลัพธ์การลงทุน ไม่ใช่จากปริมาณสินทรัพย์ที่บริหารจัดการ ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของนักลงทุนอย่างแท้จริง การมีสำนักงานหลายแห่งในเอเชีย เช่น ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ และโตเกียว ตอกย้ำถึงการเข้าถึงและทำความเข้าใจตลาดในภูมิภาคนี้ได้เป็นอย่างดี กองทุนอย่าง Capital Group Global Allocation และ Capital Group New Perspective เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความเชี่ยวชาญในการจัดสรรสินทรัพย์และการค้นหาโอกาสการลงทุนที่โดดเด่นทั่วโลก นักลงทุนที่มองหากองทุนรวมที่บริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนานและมีปรัชญาการลงทุนที่มั่นคง ควรพิจารณา Capital Group เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญในการจัดพอร์ตการลงทุน
Goldman Sachs Asset Management: นวัตกรรมและวิสัยทัศน์ระดับโลก
Goldman Sachs Asset Management (GSAM) ยืนหยัดอย่างมั่นคงในกลุ่มผู้จัดการกองทุนที่มีสินทรัพย์มากที่สุด ด้วยมูลค่ารวม 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานในโลกของการลงทุน วิสัยทัศน์ระดับโลก และการมุ่งเน้นลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ GSAM ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในภูมิทัศน์การเงินปี 2025 นอกเหนือจากนี้ GSAM ยังโดดเด่นด้วยกระบวนการวิจัยและการคัดเลือกสินทรัพย์ที่เข้มงวดและมีวินัย พวกเขาแสวงหาความเป็นเลิศ นวัตกรรม และมุ่งสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า การจัดการความเสี่ยงถือเป็นสิ่งสำคัญเชิงกลยุทธ์สูงสุดสำหรับ GSAM ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ในปี 2025 นี้ GSAM ยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนทางเลือก และโซลูชันการลงทุนที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าสถาบัน ตัวอย่างกองทุนที่น่าสนใจได้แก่ Goldman Sachs Global Environmental Impact Equity Portfolio ที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และ Goldman Sachs Global High Yield Portfolio ที่มุ่งเน้นโอกาสในตลาดตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนสูง สำหรับนักลงทุนในภูมิภาคเอเชีย GSAM มีสำนักงานสาขาในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่เปิดโอกาสให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของพวกเขาได้ การลงทุนกับ GSAM จึงเป็นการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตลาดการเงินและกลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อน
J.P. Morgan Asset Management: บริการจัดการสินทรัพย์ครบวงจรจากยักษ์ใหญ่ธนาคาร
J.P. Morgan Asset Management ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการสินทรัพย์ของ JPMorgan Chase Group ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 5 ด้วย AUM ที่น่าประทับใจกว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั่วโลก พวกเขาให้บริการบริหารจัดการการลงทุนที่ครอบคลุม ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ พอร์ตการลงทุนหลายสินทรัพย์ ตราสารทางเลือก และผลิตภัณฑ์ตลาดเงิน (สภาพคล่อง) ด้วยสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก J.P. Morgan Asset Management นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบเชิงรุกที่หลากหลาย เช่น กองทุนรวมทั่วไป กองทุน ETF บัญชีการลงทุนที่ปรับแต่งพิเศษ และโซลูชันหลายสินทรัพย์ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะ กองทุนเรือธงบางส่วนของพวกเขา ได้แก่ JPMorgan Growth Advantage Fund ในภาคส่วนหุ้น และ JPMorgan Core Bond Fund สำหรับส่วนตราสารหนี้
ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ปี 1871 บริษัทนี้อาศัยขนาดระดับโลก ทรัพยากรการวิจัยภายในองค์กร และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของกลุ่ม J.P. Morgan ปัจจุบันพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 2,300 คนกระจายอยู่ทั่วโลก และให้บริการลูกค้าสถาบัน ตัวกลางทางการเงิน รวมถึงนักลงทุนรายย่อย รูปแบบการบริหารจัดการของพวกเขาเน้นการวิจัยเชิงลึกและแนวทางเชิงรุกในการบริหารพอร์ตการลงทุนอย่างมืออาชีพและวัดผลได้ สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย แม้ว่า J.P. Morgan จะมีสำนักงานในกรุงเทพฯ (JP Morgan Securities (Thailand) Ltd.) แต่การเข้าถึงผลิตภัณฑ์กองทุนรวมของ J.P. Morgan Asset Management มักจะต้องผ่านตลาดสิงคโปร์หรือช่องทางที่บริษัทจัดการกองทุนในประเทศเป็นตัวแทนจำหน่าย อย่างไรก็ตาม นี่เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าถึงกองทุนต่างประเทศที่บริหารโดยหนึ่งในสถาบันการเงินที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก เพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนไปสู่สินทรัพย์หลากหลายประเภท
State Street Global Advisors: ผู้นำ ETF และการลงทุนเชิงสถาบัน
State Street Global Advisors (SSGA) ยืนอยู่ ณ ตำแหน่งที่ 4 ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ โดยมี AUM ทะลุ 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ SSGA เป็นผู้จัดการสินทรัพย์ชั้นนำสำหรับนักลงทุนสถาบัน ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกและผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดกองทุนดัชนี (Index Funds) และกองทุน ETF SSGA โดดเด่นในด้านการแสวงหานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับการวิจัยเป็นแกนหลักของนโยบายการลงทุน
ในบริบทของตลาดปี 2025 ที่ความต้องการการลงทุนแบบพาสซีฟและ ETF ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง SSGA ในฐานะผู้คิดค้น SPDR® S&P 500 ETF (SPY) ซึ่งเป็น ETF กองแรกของสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นผู้นำตลาดที่ไม่อาจมองข้ามได้ พวกเขาใช้ประโยชน์จากขนาดและความเชี่ยวชาญในการนำเสนอโซลูชันการลงทุนที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุนทั่วโลก ผลิตภัณฑ์กองทุนที่โดดเด่นของ SSGA ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านตลาดสิงคโปร์ ได้แก่ SDPR Dow Jones Industrial Average ETF Trust และ SDPR S&P 500 ETF Trust (ซึ่งอาจซื้อได้ผ่านตลาดในประเทศไทยบางช่องทาง) การลงทุนใน ETF ของ SSGA เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในดัชนีตลาดหุ้นหลักของสหรัฐอเมริกาและต้องการกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ SSGA ตอกย้ำความสำคัญของการลงทุนในตลาดโลกผ่านกองทุน ETF ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่ง
Fidelity Investments: นวัตกรรมและบริการที่ครอบคลุม
Fidelity Investments บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ได้มากถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Fidelity เป็นชื่อที่นักลงทุนทั่วโลกต่างคุ้นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเป็นบ้านของนักลงทุนชื่อดังอย่าง Peter Lynch ที่สร้างชื่อเสียงจากกองทุน Magellan ในอดีต Fidelity เป็นผู้จัดการการลงทุนระดับโลกที่ให้บริการผลิตภัณฑ์และการสนับสนุนทั้งบุคคลทั่วไปและลูกค้าสถาบัน โดยมุ่งมั่นที่จะค้นหาโซลูชันที่ดีที่สุดในระยะยาวเสมอ
ในปี 2025 Fidelity ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในด้านการกระจายผลิตภัณฑ์กองทุนเชิงรุกและนำเสนอบริการให้คำปรึกษาการลงทุนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ความมุ่งมั่นของพวกเขา ประกอบกับความสามารถในการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับสูง ทำให้ Fidelity เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่น่าเชื่อถือที่สุดในอุตสาหกรรม พวกเขาลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยี AI และ Machine Learning เพื่อปรับปรุงการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่เหนือกว่า สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจกองทุนต่างประเทศ Fidelity นำเสนอทางเลือกที่น่าสนใจผ่านตลาดฮ่องกง เช่น Fidelity Funds – US Dollar Bond Fund และ Fidelity Global Technology Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่สะท้อนถึงการลงทุนในเมกะเทรนด์ทางเทคโนโลยีที่กำลังกำหนดอนาคตของโลก การลงทุนกับ Fidelity จึงเป็นโอกาสในการเข้าถึงกองทุนรวมที่มีคุณภาพสูงจากหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่ยาวนานและมีนวัตกรรม
Vanguard Group: ผู้บุกเบิกและผู้นำการลงทุนแบบพาสซีฟ
Vanguard Group คือบริษัทที่ไม่เคยขาดหายไปจากรายชื่อ 10 บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังคงครองตำแหน่งที่สองอย่างแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านกองทุนรวมดัชนีและ ETF ด้วย AUM รวม 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งห่างจากอันดับสามเกือบสองเท่าตัว ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างมหาศาลของปรัชญาการลงทุนที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังของ Vanguard
นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1975 โดย John C. Bogle ผู้บุกเบิกการลงทุนแบบพาสซีฟ Vanguard มีแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจนในการเน้นการจัดการแบบพาสซีฟผ่านกองทุนดัชนีที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสร้างผลตอบแทนที่สอดคล้องกับตลาดในระยะยาว ผู้สืบทอดของ Bogle ได้ขยายการนำเสนอผลิตภัณฑ์โดยเพิ่มกองทุน ETF และกองทุนบริหารจัดการเชิงรุกบางส่วนเข้าไปด้วย แต่หลักการสำคัญของค่าธรรมเนียมที่ต่ำยังคงไม่เปลี่ยนแปลง จุดเด่นที่ทำให้ Vanguard แตกต่างจากผู้จัดการกองทุนรายอื่นคือ โครงสร้างการเป็นเจ้าของ: Vanguard ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือเป็นเจ้าของโดยกลุ่มพันธมิตร แต่เป็นเจ้าของโดยผู้เข้าร่วมกองทุนนั่นเอง หมายความว่ากองทุนรวมและ ETF ของ Vanguard เป็นเจ้าของร่วมกันโดยนักลงทุนเอง ด้วยวิธีนี้ ผลประโยชน์ของผู้จัดการกองทุนจึงสอดคล้องกับผลประโยชน์ของลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนชื่นชอบเป็นอย่างมาก
ในปี 2025 Vanguard ยังคงเป็นทางเลือกหลักสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกด้วยต้นทุนที่ต่ำ กองทุนอย่าง Vanguard Dividend Appreciation ETF และ Vanguard FTSE Developed Markets ETF เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ Vanguard นำเสนอ การลงทุนในกองทุน ETF ของ Vanguard เป็นกลยุทธ์ที่นิยมสำหรับการกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงตลาดต่างประเทศและเชื่อมั่นในพลังของการลงทุนดัชนี
BlackRock: มหาอำนาจผู้กำหนดอนาคตการเงินโลก
BlackRock ยังคงเป็น “ราชา” ผู้ครองบัลลังก์อันดับหนึ่งในบรรดาบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2025 ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการที่น่าทึ่งถึง 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งตอกย้ำถึงอิทธิพลที่ไม่เปลี่ยนแปลงของ BlackRock ที่เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีอำนาจมากที่สุดทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
BlackRock ไม่เพียงแต่เป็นผู้บริหารจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่แท้จริงในระบบการเงินโลก ดังจะเห็นได้จากการที่แผนกที่ปรึกษาของพวกเขาได้รับสัญญาให้บริหารจัดการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน 2020 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แพลตฟอร์ม iShares ของ BlackRock เป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ ETF ชั้นนำ ด้วยกองทุนกว่า 700 กองทุนที่ซื้อขายทั่วโลกและมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการรวมกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ iShares เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนจำนวนมาก
ในปี 2025 BlackRock ยังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Aladdin ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริหารความเสี่ยงและการลงทุนที่ล้ำสมัย ซึ่งไม่เพียงแต่ใช้ภายใน BlackRock เท่านั้น แต่ยังให้บริการแก่สถาบันการเงินอื่นๆ ทั่วโลกอีกด้วย พวกเขายังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ยั่งยืน (ESG Investing) และผลิตภัณฑ์ที่เน้นพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญในการลงทุนยุคใหม่ กองทุนอย่าง iShares China Large-Cap ETF (ที่สามารถซื้อได้ผ่าน Gotrade ประเทศไทย) และ iShares Global Clean Energy ETF เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ BlackRock นำเสนอ ซึ่งตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงตลาดเกิดใหม่หรือลงทุนในธีมที่กำลังเติบโต การลงทุนกับ BlackRock จึงเป็นเหมือนการเชื่อมต่อกับขุมทรัพย์แห่งโอกาสการลงทุนที่หลากหลาย ด้วยความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในอุตสาหกรรม
แนวโน้มและบทสรุปภาพรวมในโลกการบริหารจัดการสินทรัพย์ปี 2025
โดยสรุปแล้ว บริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่เหล่านี้ยังคงครองภูมิทัศน์ทางการเงินทั่วโลกในปี 2025 ได้อย่างแข็งแกร่ง พวกเขาได้รวมฐานะของตนเองในตลาด โดยมี BlackRock เป็นผู้นำที่รักษาบัลลังก์ในฐานะผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถาบันเหล่านี้ร่วมกันบริหารจัดการความมั่งคั่งที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงถึงจุดสูงสุดของการบริหารสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการและความสามารถในการปรับตัวในโลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเหล่านี้ไม่เพียงแต่นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายและน่าสนใจเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้ม นวัตกรรม และกลยุทธ์ที่ชี้นำนักลงทุนทั่วโลกให้ก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเน้นย้ำความสำคัญของการลงทุนในปัจจัย ESG การพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยี AI ในการบริหารพอร์ตการลงทุน หรือการเข้าถึงตลาดเกิดใหม่และเมกะเทรนด์แห่งอนาคต การทำความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัทเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการวางแผนการลงทุนให้สอดรับกับพลวัตของตลาดทุนโลกในยุคปัจจุบัน
เริ่มต้นวางแผนการลงทุนของคุณวันนี้!
การทำความเข้าใจผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมการบริหารจัดการกองทุนระดับโลกเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนรายย่อยหรือสถาบัน การเข้าถึงความเชี่ยวชาญและผลิตภัณฑ์จากบริษัทชั้นนำเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ หากคุณสนใจที่จะสำรวจโอกาสในการลงทุนในกองทุนรวม กองทุน ETF หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่น ๆ ที่นำเสนอโดยบริษัทจัดการกองทุนระดับโลกเหล่านี้ หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงของคุณ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของคุณ เพื่อวางแผนอนาคตทางการเงินที่แข็งแกร่งและยั่งยืนร่วมกัน
10 บริษัทจัดการกองทุนระดับโลกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปี 2025
ในโลกการเงินที่หมุนเวียนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การทำความเข้าใจภูมิทัศน์ของบริษัทจัดการกองทุนถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับนักลงทุนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมได้เข้ามามีบทบาทขับเคลื่อนตลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บริษัทจัดการกองทุนเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ดูแลสินทรัพย์ แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม สร้างสรรค์กลยุทธ์การลงทุน และมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจโลก บทความนี้จะเจาะลึกถึง 10 บริษัทจัดการกองทุนระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในปี 2025 โดยพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมของผู้นำในอุตสาหกรรมการบริหารความมั่งคั่งนี้ และทำความเข้าใจว่าทำไมพวกเขาจึงยังคงครองบัลลังก์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการการเงินที่สั่งสมประสบการณ์มานับทศวรรษ ผมสังเกตเห็นว่าแนวโน้มสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทเหล่านี้คือการผสานรวมเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เข้ามาในกระบวนการตัดสินใจลงทุน รวมถึงการให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน (ESG) ซึ่งกลายเป็นปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามได้ ในปี 2025 นี้ การที่บริษัทจัดการกองทุนจะประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ใช่แค่การสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจเท่านั้น แต่ยังต้องสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจมหภาค และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ได้อย่างชาญฉลาด
บริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่ทั้ง 10 แห่งที่เราจะกล่าวถึงนี้ มีสินทรัพย์รวมกันภายใต้การบริหารสูงถึงกว่า 48.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงอำนาจและอิทธิพลอันมหาศาลของพวกเขาในตลาดการเงินโลก โดยส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ขณะที่ยุโรปก็มีผู้เล่นที่โดดเด่นเช่นกัน การที่บริษัทเหล่านี้ยังคงรักษาสถานะผู้นำได้บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ ประสบการณ์อันยาวนาน และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับพลวัตของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับบริษัทเหล่านี้ทีละแห่ง ไล่เรียงจากอันดับที่สิบขึ้นไป เพื่อให้คุณได้เห็นถึงจุดเด่น ผลิตภัณฑ์หลัก และปรัชญาการลงทุนที่ทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ข้อมูลทั้งหมดเป็นไปตามสถานการณ์ ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2025 ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอันดับ แต่ยังคงตอกย้ำถึงการครองอำนาจของผู้เล่นเดิมในตลาดการบริหารสินทรัพย์ระดับโลก
Allianz Group (ประเทศเยอรมนี)
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Allianz Group ยืนหยัดในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำระดับโลก ไม่ใช่แค่ในภาคการประกันภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ที่โดดเด่นติดอันดับโลกอีกด้วย ในปี 2025 นี้ Allianz ยังคงรั้งอันดับที่ 10 ด้วยมูลค่า AUM ที่น่าประทับใจถึง 1.91 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปรัชญาการลงทุนของ Allianz เน้นย้ำที่การลงทุนระยะยาว การบริหารจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด และความยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบันและรายย่อยทั่วโลก
ภายใต้ร่มเงาของ Allianz Group มีบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกสองแห่งที่สำคัญคือ Allianz Global Investors (AllianzGI) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การลงทุนแบบแอคทีฟที่หลากหลาย และ PIMCO (Pacific Investment Management Company) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในโลก การผสานรวมความเชี่ยวชาญจากทั้งสองส่วนนี้ ทำให้ Allianz สามารถนำเสนอโซลูชั่นการลงทุนที่ครอบคลุม ตั้งแต่กองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ ไปจนถึงกองทุนรวมที่มีกลยุทธ์เฉพาะเจาะจง รวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนในยุคปัจจุบัน
ตัวอย่างกองทุนที่โดดเด่นของ Allianz Group อาทิ Allianz Global Sustainability Fund ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนอย่างยั่งยืน และ Allianz Global Artificial Intelligence Fund ที่ลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นเทรนด์เทคโนโลยีแห่งอนาคต การจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้จัดการกองทุนของ Allianz มักผูกโยงกับประสิทธิภาพการลงทุน ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้พวกเขามุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
Invesco (ประเทศสหรัฐอเมริกา)
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Invesco Ltd. เป็นอีกหนึ่งบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ด้วย AUM ที่พุ่งสูงถึง 1.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2025 Invesco มีพันธกิจในการช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางการเงินผ่านประสบการณ์การลงทุนที่เหนือกว่า พวกเขายึดมั่นในปรัชญาการทำงานแบบ “One Team” ที่เน้นย้ำความสามัคคีและความรับผิดชอบร่วมกัน “Culture Matters” ที่ส่งเสริมวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและทำงานร่วมกัน และ “Focused Execution” ที่มุ่งเน้นการดำเนินกลยุทธ์อย่างรวดเร็วและมีความรับผิดชอบ
Invesco นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม กองทุน ETF (Exchange Traded Funds) ที่เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง บัญชีการลงทุนแบบแยกส่วน (separate accounts) และโซลูชั่นการลงทุนทางเลือก เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนทั้งรายย่อย สถาบัน และที่ปรึกษาการเงินทั่วโลก ความเชี่ยวชาญของ Invesco ครอบคลุมทั้งหุ้น ตราสารหนี้ ตลาดเงิน และสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นต่อสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน
การจ่ายผลตอบแทนผู้จัดการกองทุนของ Invesco ประกอบด้วยเงินเดือนพื้นฐาน โบนัสประจำปี และที่สำคัญคือส่วนแบ่งจากผลการดำเนินงานการลงทุน ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า ตัวอย่างกองทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ Invesco S&P 500 Index Fund ที่มุ่งเน้นการลงทุนตามดัชนี และ Invesco Value Opportunities Fund ที่เน้นค้นหาหุ้นคุณค่าที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว
Amundi (ประเทศฝรั่งเศส)
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Amundi คือบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นผู้เล่นสำคัญในเวทีโลก โดยครองอันดับที่ 8 ด้วย AUM ที่น่าประทับใจถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 30 มีนาคม 2025 Amundi เป็นผลผลิตจากการรวมกันของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ของ Crédit Agricole และ Société Générale ทำให้พวกเขามีรากฐานที่แข็งแกร่งและเข้าถึงเครือข่ายธนาคารที่กว้างขวาง
Amundi ให้ความสำคัญกับคุณค่าหลักที่คล้ายคลึงกับผู้นำในอุตสาหกรรมหลายราย โดยเน้นย้ำถึง “One Team” สำหรับการทำงานร่วมกัน “นวัตกรรมและวัฒนธรรมแบบเปิด” และ “การดำเนินกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ” นอกจากนี้ Amundi ยังมีพันธกิจระยะยาวในการลงทุนอย่างรับผิดชอบ (Responsible Investment) โดยบูรณาการปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เข้ามาในกระบวนการตัดสินใจลงทุนอย่างจริงจัง พวกเขาลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีการวิจัย เพื่อสนับสนุนลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการบรรลุเป้าหมายทางการเงิน
ผลิตภัณฑ์ของ Amundi มีความหลากหลายครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์ ตั้งแต่กองทุนรวมทั่วไป กองทุน ETF ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ไปจนถึงโซลูชั่นการลงทุนแบบกำหนดเองสำหรับนักลงทุนสถาบัน กองทุนที่โดดเด่น ได้แก่ Amundi Funds US Equity Fundamental Growth ที่เน้นการเติบโตของหุ้นสหรัฐฯ และ Amundi Funds Global Aggregate Bond ที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่หลากหลายและซับซ้อน
Capital Group (ประเทศสหรัฐอเมริกา)
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Capital Group ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1931 ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความยั่งยืนและศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์ 10 อันดับแรกของโลก ด้วย AUM ประมาณ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สิ่งที่ทำให้ Capital Group โดดเด่นคือปรัชญาการลงทุนแบบแอคทีฟ (active management) ที่มุ่งเน้นการวิเคราะห์เชิงลึกและมุมมองระยะยาว
Capital Group มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในการลงทุนที่ต้องใช้ความรับผิดชอบ การมองการณ์ไกลในระยะยาว การทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด และการวิเคราะห์ที่เข้มงวดเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ พวกเขาเชื่อว่าผู้จัดการกองทุนควรได้รับค่าตอบแทนตามผลลัพธ์ที่สร้างขึ้นให้กับลูกค้า ไม่ใช่จากปริมาณสินทรัพย์ที่บริหารจัดการ ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้ผู้จัดการมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนที่แท้จริง
บริษัทมีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงในฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ และโตเกียว ซึ่งสะท้อนถึงการเข้าถึงตลาดเอเชียที่มีศักยภาพสูง Capital Group มีชื่อเสียงจากตระกูลกองทุน American Funds ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุน ผลิตภัณฑ์การลงทุนของพวกเขามีความหลากหลาย ครอบคลุมทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และพอร์ตการลงทุนแบบผสม ตัวอย่างกองทุนที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Capital Group Global Allocation ที่บริหารพอร์ตการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงทั่วโลก และ Capital Group New Perspective ที่มองหาโอกาสการลงทุนในบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว
Goldman Sachs Asset Management (ประเทศสหรัฐอเมริกา)
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Goldman Sachs Asset Management (GSAM) คือแผนกบริหารจัดการสินทรัพย์ของ Goldman Sachs Group ธนาคารเพื่อการลงทุนระดับโลกที่รู้จักกันดี ด้วย AUM กว่า 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ GSAM ได้ตอกย้ำสถานะของตนในฐานะผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในโลก ประสบการณ์อันยาวนานในวงการการลงทุน วิสัยทัศน์ระดับโลก และการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ
GSAM โดดเด่นด้วยกระบวนการวิจัยและคัดเลือกสินทรัพย์ที่เข้มงวดและมีระเบียบวินัย พวกเขามุ่งมั่นที่จะแสวงหาความเป็นเลิศ นวัตกรรม และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โดยถือว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด พวกเขานำเสนอโซลูชั่นการลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุมหุ้น ตราสารหนี้ ตลาดเงิน และสินทรัพย์ทางเลือก ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนสถาบันและลูกค้ารายบุคคลที่มีมูลค่าสุทธิสูง
กองทุนที่เป็นที่รู้จักของ GSAM อาทิ Goldman Sachs Global Environmental Impact Equity Portfolio ที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และ Goldman Sachs Global High Yield Portfolio ที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนสูง การบริหารจัดการสินทรัพย์ของ Goldman Sachs ได้รับการสนับสนุนจากขีดความสามารถในการวิจัยระดับโลกและเครือข่ายอันกว้างขวาง ทำให้พวกเขาสามารถระบุโอกาสและจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่า Goldman Sachs จะไม่มีสำนักงานตัวแทนโดยตรงในประเทศไทย แต่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาสามารถเข้าถึงได้ผ่านตลาดต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์
J.P. Morgan Asset Management (ประเทศสหรัฐอเมริกา)
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) เป็นแผนกบริหารสินทรัพย์ของ JPMorgan Chase & Co. ธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลก ที่บริหารจัดการสินทรัพย์มากกว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ JPMAM นำเสนอบริการบริหารจัดการการลงทุนที่ครอบคลุม ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ พอร์ตการลงทุนแบบผสม สินทรัพย์ทางเลือก และผลิตภัณฑ์ในตลาดเงิน (สภาพคล่อง) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลก
ด้วยสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก JPMAM มีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนไปถึงปี 1871 พวกเขาอาศัยขนาดระดับโลก ทรัพยากรการวิจัยภายในองค์กร และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของกลุ่ม J.P. Morgan เพื่อส่งมอบโซลูชั่นการลงทุนที่เป็นเลิศ JPMAM มีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 2,300 คนกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งให้บริการแก่ลูกค้าสถาบัน ตัวกลางทางการเงิน และนักลงทุนรายบุคคลอย่างมืออาชีพ สไตล์การบริหารจัดการของพวกเขาเน้นการวิจัยเชิงลึกและการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอเชิงรุก (active management) อย่างเป็นระบบและวัดผลได้
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ JPMorgan Growth Advantage Fund ในภาคส่วนหุ้น และ JPMorgan Core Bond Fund สำหรับกลุ่มตราสารหนี้ ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับความนิยม JPMAM มีตัวแทนในประเทศไทยภายใต้ชื่อ JP Morgan Securities (Thailand) Ltd. แต่ในปัจจุบันยังคงเน้นให้บริการนักลงทุนสถาบันเป็นหลัก การเข้าถึงผลิตภัณฑ์กองทุนรวมของ JPMAM สำหรับนักลงทุนรายย่อยไทยมักจะต้องทำผ่านตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดสิงคโปร์
State Street Global Advisors (ประเทศสหรัฐอเมริกา)
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
State Street Global Advisors (SSGA) เป็นหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์สถาบันชั้นนำของโลก และเป็นผู้นำด้านกองทุนดัชนีและ ETF โดยครองอันดับที่ 4 ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 4.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ SSGA ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรม ETF โดยเป็นผู้สร้าง SPDR S&P 500 ETF Trust (SPY) ซึ่งเป็น ETF ตัวแรกของสหรัฐอเมริกา ที่ยังคงเป็นหนึ่งใน ETF ที่ใหญ่ที่สุดและมีการซื้อขายมากที่สุดในโลก
ปรัชญาการลงทุนของ SSGA มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมและการวิจัยเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายการลงทุน พวกเขานำเสนอโซลูชั่นการลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่การบริหารจัดการแบบพาสซีฟ (passive management) ที่อิงดัชนี ไปจนถึงกลยุทธ์แบบแอคทีฟที่ซับซ้อน และการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ SSGA ให้บริการลูกค้าสถาบันทั่วโลก รวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญ กองทุนรวม มหาวิทยาลัย และองค์กรการกุศลต่างๆ
SSGA เป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ETF ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดและประเภทสินทรัพย์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ ตัวอย่างกองทุน ETF ที่โดดเด่น ได้แก่ SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust และ SPDR S&P 500 ETF Trust (ซึ่งนักลงทุนไทยสามารถซื้อขายผ่านตลาดหุ้นไทยได้) ความเชี่ยวชาญของ SSGA ในการสร้างสรรค์และจัดการกองทุน ETF ทำให้พวกเขายังคงเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ที่ทรงอิทธิพลและเป็นที่น่าจับตามองในตลาดปี 2025
Fidelity Investments (ประเทศสหรัฐอเมริกา)
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Fidelity Investments เป็นหนึ่งในบริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก ด้วย AUM ที่น่าทึ่งถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Fidelity เป็นที่รู้จักกันดีจากประวัติศาสตร์อันยาวนานและชื่อเสียงในการบริหารจัดการกองทุนรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ Peter Lynch สร้างตำนานด้วยกองทุน Magellan อันโด่งดังของเขา
Fidelity เป็นผู้จัดการการลงทุนระดับโลกที่ให้บริการผลิตภัณฑ์และการสนับสนุนแก่ทั้งบุคคลทั่วไปและลูกค้าสถาบัน โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นที่ดีที่สุดในระยะยาว พวกเขาโดดเด่นด้วยกระบวนการกระจายกองทุนเชิงรุกและบริการให้คำปรึกษาที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม ความมุ่งมั่นของ Fidelity ผนวกกับขีดความสามารถในการวิเคราะห์ที่ล้ำลึกและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับสูง ทำให้พวกเขาสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้อย่างครบวงจร
Fidelity นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม ไปจนถึงบริการที่ปรึกษาทางการเงิน แพลตฟอร์มโบรกเกอร์ และผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่างๆ ตัวอย่างกองทุนที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ อาทิ Fidelity Funds – US Dollar Bond Fund ที่เน้นตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และ Fidelity Global Technology Fund ที่ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก แม้ว่าการเข้าถึงโดยตรงอาจต้องผ่านตลาดต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง แต่ชื่อเสียงและผลิตภัณฑ์ของ Fidelity ยังคงเป็นที่รู้จักและเป็นตัวเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเชี่ยวชาญระดับโลก
Vanguard Group (ประเทศสหรัฐอเมริกา)
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Vanguard Group คือบริษัทที่ไม่เคยหลุดจากรายชื่อ 10 บริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังคงครองตำแหน่งที่สองอย่างมั่นคงในปี 2025 ด้วย AUM ที่สูงถึง 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งห่างจากอันดับสามเกือบสองเท่าตัว Vanguard มีชื่อเสียงในฐานะผู้นำด้านกองทุนรวมดัชนีและ ETF ที่มีต้นทุนต่ำ โดยมี John Bogle ผู้ก่อตั้ง เป็นผู้บุกเบิกแนวคิดการลงทุนแบบพาสซีฟ
ตั้งแต่ปี 1976 เป็นต้นมา Vanguard มีแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจนและแข็งแกร่ง โดยเน้นการบริหารจัดการแบบพาสซีฟที่อิงดัชนี เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุน จุดเด่นที่สำคัญของ Vanguard คือรูปแบบการเป็นเจ้าของที่ไม่เหมือนใคร โดยที่บริษัทไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือเป็นของกลุ่มหุ้นส่วน แต่เป็นของกองทุนรวม (mutual funds) และ ETF ต่างๆ ที่บริษัทบริหารจัดการอยู่ นั่นหมายความว่านักลงทุนของ Vanguard เป็นเจ้าของบริษัทนี้โดยอ้อม ทำให้ผลประโยชน์ของผู้บริหารสอดคล้องกับผลประโยชน์ของลูกค้าอย่างแท้จริง
แม้ว่า Vanguard จะเริ่มต้นด้วยการเน้นการลงทุนแบบพาสซีฟ แต่ผู้สืบทอดตำแหน่งของ Bogle ได้ขยายผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้ครอบคลุมถึง ETF และกองทุนที่มีการบริหารจัดการเชิงรุกบางส่วน เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ของ Vanguard ที่เป็นที่รู้จักและสามารถเข้าถึงได้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย (ผ่านโบรกเกอร์ที่ให้บริการ) ได้แก่ Vanguard Dividend Appreciation ETF ที่เน้นหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลเติบโต และ Vanguard FTSE Developed Markets ETF ที่ลงทุนในตลาดพัฒนาแล้วทั่วโลก ความมุ่งมั่นของ Vanguard ในการมอบการลงทุนที่มีต้นทุนต่ำและโปร่งใสยังคงเป็นกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งในปี 2025
BlackRock (ประเทศสหรัฐอเมริกา)
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM): 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
BlackRock ยังคงยืนหยัดในฐานะยักษ์ใหญ่ผู้ไร้เทียมทาน ครองตำแหน่งสูงสุดในบรรดาบริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นปีที่ 2025 ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่น่าเหลือเชื่อถึง 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ความสำเร็จนี้ตอกย้ำถึงอิทธิพลอันมหาศาลของ BlackRock ทั้งในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก
BlackRock ไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดการสินทรัพย์ แต่ยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลในตลาดการเงินโลกอย่างแท้จริง แผนกให้คำปรึกษาของบริษัทได้รับสัญญามูลค่ามหาศาลเพื่อบริหารจัดการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงวิกฤตการณ์ปี 2020 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่หน่วยงานรัฐบาลมีต่อขีดความสามารถของ BlackRock ในการจัดการสถานการณ์ที่ซับซ้อน
หัวใจสำคัญของ BlackRock คือแพลตฟอร์ม iShares ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ETF ชั้นนำระดับโลก แพลตฟอร์มนี้มีกองทุน ETF มากกว่า 700 กองทุนที่ซื้อขายทั่วโลก และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ iShares เองมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ iShares นำเสนอทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์และภูมิภาค ทำให้นักลงทุนสามารถสร้างพอร์ตโฟลิโอที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ ด้วยต้นทุนที่ต่ำและสภาพคล่องสูง
ตัวอย่างกองทุน ETF ของ BlackRock ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ iShares China Large-Cap ETF ซึ่งนักลงทุนในไทยสามารถเข้าถึงได้ผ่านแพลตฟอร์มการลงทุนบางแห่ง เช่น Gotrade (หรือโบรกเกอร์ต่างประเทศ) และ iShares Global Clean Energy ETF ที่ลงทุนในบริษัทพลังงานสะอาดทั่วโลก ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การลงทุน ESG ที่กำลังมาแรง การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ขีดความสามารถในการวิจัยเชิงลึก และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทำให้ BlackRock ยังคงเป็นผู้นำที่ไม่หยุดนิ่งและกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกต่อไป
บทสรุป: อนาคตของการบริหารจัดการความมั่งคั่งในปี 2025
โดยสรุปแล้ว บริษัทจัดการการลงทุนยักษ์ใหญ่เหล่านี้ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดภูมิทัศน์ทางการเงินโลกในปี 2025 พวกเขาไม่เพียงแต่รวมตำแหน่งของตนในตลาดได้อย่างมั่นคง โดยมี BlackRock เป็นผู้นำที่ยังคงครองบัลลังก์ในฐานะผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ยังแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการและความสามารถในการปรับตัวในโลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
สถาบันเหล่านี้บริหารจัดการความมั่งคั่งรวมกันหลายสิบล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงถึงจุดสูงสุดของการบริหารจัดการสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงแนวโน้ม นวัตกรรม และกลยุทธ์ที่นำพานักลงทุนไปสู่ความสำเร็จ บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเหล่านี้ไม่เพียงแต่นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการสร้างมูลค่าและจัดการความเสี่ยงในระดับโลก
ในฐานะนักลงทุน การทำความเข้าใจผู้เล่นหลักเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของตลาดการเงินโลก และอาจเป็นแนวทางในการพิจารณาทางเลือกการลงทุนของคุณเอง ในปี 2025 นี้ ตลาดการเงินยังคงเต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย การตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาดโดยอิงจากข้อมูลที่ถูกต้องและวิเคราะห์อย่างรอบด้าน จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จทางการเงินของคุณ
คำเชิญชวน (Call-to-Action):
การเดินทางในโลกของการลงทุนนั้นต้องการความรู้และความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง หากคุณปรารถนาที่จะเจาะลึกกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทชั้นนำเหล่านี้ หรือกำลังมองหาแนวทางในการบริหารพอร์ตโฟลิโอของคุณให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผมขอเชิญชวนให้คุณศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนของคุณเป็นไปตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ อย่าพลาดโอกาสในการสร้างอนาคตทางการเงินที่แข็งแกร่งไปพร้อมกับผู้นำในอุตสาหกรรม!

