ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
Wards Auto ประกาศรายชื่อ 10 สุดยอดขุมพลังแห่งปี 2025 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและไฮบริด (HEV/BEV) ครองตำแหน่งส่วนใหญ่ ในขณะที่เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิมกำลังลดน้อยลง
ตลอด 31 ปีที่ผ่านมา Wards Auto ได้ทำการจัดอันดับ “10 Best Engines & Propulsion Systems” เพื่อยกย่องนวัตกรรมและสมรรถนะที่โดดเด่นของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนต่างๆ ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ไปจนถึงระบบไฮบริดและไฟฟ้าล้วน
ในปี 2025 เทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในสหรัฐอเมริกาที่มุ่งเน้นไปที่ระบบไฟฟ้ามีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนๆ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ V8 ที่เป็นที่นิยมในอดีต กลับมีจำนวนลดลงอย่างมาก โดยมีเพียงเครื่องยนต์เดียวเท่านั้นที่ยังคงติดอันดับ
เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลในปีนี้คือ เครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 5.5 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบทวินเทอร์โบ ซึ่งติดตั้งอยู่ใน Chevrolet Corvette ZR1
สำหรับระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด (ทั้ง Full Hybrid และ Plug-in Hybrid) มีทั้งหมด 5 รุ่นที่ได้รับรางวัล ได้แก่:
BMW M5: เครื่องยนต์เบนซิน V8 DOHC 4.4 ลิตร M TwinPower Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า BMW eDrive Technology ให้กำลังรวมสูงสุด 727 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive
Mercedes-AMG E53: เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ 28.6 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 585 แรงม้า (เพิ่มเป็น 612 แรงม้าเมื่อใช้ RACE START) แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G 9 จังหวะ ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบแปรผัน AMG Performance 4MATIC+
Ford F-150: เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร PowerBoost (EcoBoost + มอเตอร์ไฟฟ้า 47 แรงม้า + แบตเตอรี่ lithium-ion 1.5 kWh) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ SelectShift 10 จังหวะ ให้กำลังรวม 430 แรงม้า แรงบิด 773 นิวตันเมตร พร้อมระบบ Power Onboard 7.2 kW
Honda Civic Hybrid: เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson Cycle ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnet Electric Motor 2 ตัว ให้กำลังรวมสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร
Lexus LX 700h: เครื่องยนต์เบนซิน V6 DOHC 3.5 ลิตร Twin-Turbochraged ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ Hybrid (คล้ายกับ i-FORCE MAX ใน Tundra: 437 แรงม้า แรงบิด 790 นิวตันเมตร)
ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ที่ได้รับรางวัลประกอบด้วย:
Nissan Leaf
Lucid Gravity
Hyundai Ioniq 9
Dodge Charger Daytona
Christie Schweinsberg ผู้จัดการโครงการรางวัลของ Wards กล่าวว่า แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกจะชะลอการเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าล้วนในระยะสั้น แต่ผู้บริโภคในสหรัฐฯ กลับตอบรับระบบไฟฟ้าในรูปแบบไฮบริดมากกว่าเดิม สำหรับปี 2025 นี้ การคัดเลือกเริ่มต้นจากผู้เข้าชิง 28 รุ่น (10 ระบบไฮบริด และ 10 ระบบ EV) ซึ่งทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทำการทดสอบบนท้องถนนจริง ก่อนจะคัดเลือก 10 ขุมพลังที่ดีที่สุด โดยผู้ชนะทั้งหมดได้รับการยกย่องอย่างเท่าเทียมกัน
แม้ว่าจะมีบางรุ่นที่เป็นไปตามคาด เช่น Honda Civic Hybrid ที่โดดเด่นด้านความประหยัด หรือ Lexus LX ที่มอบสมรรถนะหรูหรา แต่หลายคนอาจรู้สึกผิดหวังกับจำนวนเครื่องยนต์ V8 ที่เหลือน้อย อย่างไรก็ตาม รายชื่อในปีนี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดใหญ่กำลังถูกแทนที่ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและไฮบริดอย่างรวดเร็ว
Wards Auto ประกาศรายชื่อ 10 สุดยอดขุมพลังแห่งปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและไฮบริดในอุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกัน โดยมีเครื่องยนต์ V8 เพียงรุ่นเดียวเท่านั้นที่ยังคงได้รับการยอมรับ
ตลอด 31 ปีที่ผ่านมา Wards Auto ได้ทำการจัดอันดับ “10 Best Engines & Propulsion Systems” เพื่อยกย่องนวัตกรรมและสมรรถนะของขุมพลังที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล รถยนต์นั่งราคาประหยัด เครื่องยนต์ V8 สมรรถนะสูง ระบบไฮบริด หรือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วน
สำหรับปี 2025 ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและไฮบริดครองตำแหน่งส่วนใหญ่ในรายชื่อ โดยมีเครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัล นั่นคือเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 5.5 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบทวินเทอร์โบที่ติดตั้งใน Chevrolet Corvette ZR1
นอกจากเครื่องยนต์ V8 ดังกล่าวแล้ว ขุมพลังไฮบริด (ทั้งแบบ Full Hybrid และ Plug-in Hybrid) ที่ได้รับรางวัลมีทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่:
BMW M5: เครื่องยนต์เบนซิน M TwinPower Turbo V8 ขนาด 4.4 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า BMW eDrive Technology ให้กำลังรวมสูงสุด 727 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร
Mercedes-AMG E53: เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 585 แรงม้า (หรือ 612 แรงม้าเมื่อใช้ RACE START) แรงบิด 750 นิวตันเมตร
Ford F-150: เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร PowerBoost (EcoBoost จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า) ให้กำลังรวมสูงสุด 430 แรงม้า แรงบิด 773 นิวตันเมตร
Honda Civic Hybrid: เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร
Lexus LX 700h: เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร Twin-Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า คาดว่าจะให้กำลังสูงสุด 437 แรงม้า แรงบิด 790 นิวตันเมตร (อ้างอิงจากขุมพลัง i-FORCE MAX ใน Tundra)
ในส่วนของระบบไฟฟ้าล้วน ผู้ที่ได้รับรางวัล ได้แก่:
Nissan Leaf
Lucid Gravity
Hyundai Ioniq 9
Dodge Charger Daytona
Christie Schweinsberg ผู้จัดการโครงการรางวัลของ Wards กล่าวว่าแม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์โลกจะชะลอการเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าล้วน แต่ผู้บริโภคชาวอเมริกันกลับตอบรับระบบไฮบริดมากขึ้น สำหรับปี 2025 มีผู้เข้าชิงทั้งหมด 28 รุ่น (10 ระบบไฮบริดและ 10 ระบบ EV) ซึ่งทีมผู้ตัดสินได้ทดสอบสมรรถนะบนท้องถนนก่อนคัดเลือก 10 ขุมพลังที่ดีที่สุด โดยผู้ชนะทั้งหมดได้รับการยกย่องอย่างเท่าเทียมกัน
แม้ว่าจะมีบางรุ่นที่ได้รับการคาดหมาย เช่น Honda Civic Hybrid ที่โดดเด่นด้านความประหยัด และ Lexus LX ที่มอบสมรรถนะหรูหรา แต่หลายคนอาจรู้สึกผิดหวังกับจำนวนเครื่องยนต์ V8 ที่เหลือน้อย อย่างไรก็ตาม รายชื่อในปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและไฮบริดกำลังเข้ามาแทนที่เครื่องยนต์สันดาปขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว

