ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
รวมรายการแข่งรถยนต์ระดับโลก ที่สายสปีดห้ามพลาด!
Last updated: 31 ก.ค. 2567 | 35186 จำนวนผู้เข้าชม |

หากพูดถึงรายการแข่งรถยนต์ระดับโลก ชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นรายการชื่อดังอย่าง Formula 1 หรือ F1 ที่ใครหลายคนต้องเคยรู้จักหรือเคยได้ยินมาก่อน แต่จริง ๆ แล้ว รายการแข่งมอเตอร์สปอร์ตไม่ได้มีเพียงแค่รายการนี้เท่านั้น ยังมีรายการอื่น ๆ ที่มีความน่าสนใจ ทั้งในส่วนของประวัติความเป็นมา ประเภทของรถที่ใช้ในการแข่งขัน หรือกติกาที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ APRTECH ขอพาทุกคนไปรู้จักกับสุดยอดรายการแข่งรถยนต์ระดับโลก และรายการแข่งรถยนต์ในไทยยอดนิยมในปี 2024 เอาใจคนที่รักและชื่นชอบในกีฬาแข่งขันความเร็ว ว่ามีทัวร์นาเมนต์ใดที่น่าสนใจบ้าง?
1. Formula 1 (Formula One) หรือ F1
รายการรถแข่งทางเรียบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ปี 1950 จากแนวคิดในการฟื้นฟูการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตในอดีตอย่าง European Championships ซึ่งคำว่า Formula 1 นั้น ทางสหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศหรือ FIA หมายถึงชุดของกฎระเบียบที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกคนต้องปฏิบัติตาม และเป็นไปตามมาตรฐานสากล ดังนั้น ผู้ที่สามารถเข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้ได้จะต้องมีคุณสมบัติและประสบการณ์ตามที่สหพันธ์ฯ กำหนดเท่านั้น โดยลักษณะเด่นของรายการแข่งรถระดับโลกนี้ คือจะแข่งขันกันที่ความเร็วสูงสุดเฉลี่ย 300 กม./ชม. ด้วยรอบเครื่องยนต์ 18,000 รอบ/นาที และจัดการแข่งขันในรูปแบบ Grand Prix เพื่อเก็บสะสมคะแนนตลอดทั้งปี จาก 24 สนามแข่งในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
2. Super GT
รายการแข่งรถยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1993 เดิมมีชื่อว่า JGTC หรือ Japanese Grand Touring Car Championship และเปลี่ยนชื่อมาเป็น Super GT แทนเพื่อความเป็นสากลยิ่งขึ้น โดยในการแข่งขัน 1 ฤดูกาล จะทำการแข่งขันทั้งหมด 8 สนาม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ GT300 ใช้รถแข่งที่ดัดแปลงมาจากรถสปอร์ตหลากหลายแบรนด์ เช่น Porsche 911 GT3 R ซึ่งพัฒนามาจากรุ่น Porsche 911, Mercedes-AMG, BMW M6 และอื่น ๆ
อีกประเภทคือ GT500 รถแข่งในคลาสนี้ถูกออกแบบและพัฒนามาเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ มีโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง น้ำหนักเบา และได้รับการปรับแต่งให้รถมีสมรรถนะการขับขี่สูงสุด
โดยรายการจะเริ่มเปิดฉากตั้งแต่ต้นปียาวไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งสนามส่วนใหญ่ที่ใช้ในการแข่งขันจะตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และสนามสุดท้ายที่นิยมใช้ในการชิงแชมป์ของการแข่งขันนี้คือสนาม Mobility Resort Motegi หรือชื่อเดิมคือ Twin Ring Motegi ซึ่งโดดเด่นทั้งความสวยงามของธรรมชาติโดยรอบและลักษณะเส้นทางสนามที่มีความท้าทาย
3. FIA World Touring Car Cup
อีกหนึ่งรายการแข่งรถระดับโลกที่นักแข่งหลายคนรู้จักดี คือรายการ FIA World Touring Car Cup หรือ WTCR การแข่งขันรถยนต์ประเภทล้อปิด (Touring Car) บนทางเรียบระดับโลก จัดขึ้นโดย Eurosport Events และได้รับการรับรองจากสหพันธ์รถยนต์นานาชาติ (FIA) ซึ่งความน่าสนใจของรายการนี้ คือรถยนต์ที่นำมาเข้าร่วมการแข่งขัน จะมาจากการนำรถที่ขายอยู่ในท้องตลาดทั่วไป เช่น Audi, Honda หรือ Alfa Romeo เป็นต้น มาดัดแปลงหรือปรับแต่ง เพื่อให้มีสมรรถนะที่เหมาะสำหรับการนำมาแข่งขันในสนาม
4. 24 Hours of Le Mans (เลอมังส์ 24 ชั่วโมง)
รายการแข่งรถที่นักแข่งต่างรู้จักกันดีในเรื่องของความโหด นั่นคือ Le Mans การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบประเภท Endurance จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งการแข่งขันในทุก ๆ ปีจะจัดขึ้นที่สนาม Circuit de La Sarthe สนามแข่งรถอายุกว่า 100 ปี ที่มีประวัติอันยาวนานแห่งหนึ่งของโลก โดยเอกลักษณ์ของรายการแข่งรถยนต์ระดับโลกนี้อยู่ตรงที่นักแข่งต้องขับรถด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยมีจุดประสงค์หลัก คือการทดสอบประสิทธิภาพความทนทานของรถยนต์รวมไปถึงความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจของตัวนักแข่งเองด้วย
5. World Rally Championship
รายการแข่งรถยนต์ระดับโลกที่แตกต่างจากรายการอื่น ๆ เพราะเป็นการแข่งขันที่ไม่ได้อยู่ในสนาม แต่จะใช้เส้นทางปกติตามที่ FIA กำหนดในแต่ละปี โดย World Rally Championship หรือ WRC คือการแข่งทางฝุ่นที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ด้วยรูปแบบการแข่งขันที่ไม่จำกัดลักษณะพื้นผิวถนน ตัวอย่างเช่น ถนนธรรมดาในเมือง ทางลูกรังบนเขา หรือแม้แต่ถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ อีกทั้งในระหว่างการแข่งขันจะมี Special Stage หรือจุดเชื่อมระหว่างเส้นทางที่มีสภาพภูมิประเทศแตกต่างกันออกไป โดยจะนำเวลาในแต่ละ Stage มารวมกันเพื่อหาผู้ที่ทำเวลาได้เร็วที่สุด
6. NASCAR Cup Series
รายการแข่งรถระดับโลกเก่าแก่ของสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มแข่งขันครั้งแรกในปี 1949 โดยรายการนี้ คือการแข่งรถยนต์ทางเรียบในสนามแบบวนรอบไปเรื่อย ๆ ที่ความเร็วเฉลี่ย 300 กม./ชม. เป็นระยะทางประมาณ 805 กิโลเมตร โดยจุดเด่นของ NASCAR Cup Series คือการใช้รถยนต์แบบ Stock Car หรือรถที่หาซื้อได้ทั่วไป นำมาปรับแต่งโดยใช้เครื่องยนต์ NASCAR ที่ออกแบบให้มีกำลังแรงม้าสูงโดยเฉพาะ เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการแข่งขัน NASCAR ที่สามารถซื้อรถตามรุ่นของนักแข่งในดวงใจมาใช้ในการขับขี่ได้ ซึ่งไม่สามารถทำได้ในรายการแข่งรถยนต์ระดับโลกอื่น ๆ

รายการแข่งรถยนต์ในไทย ที่น่าสนใจ
- Thailand Super Series (TSS)
รายการรถแข่งทางเรียบที่ใหญ่ที่สุดและมีมาตรฐานที่สุดในประเทศไทย เทียบเท่ารายการแข่งรถยนต์ระดับโลกในนานาชาติ โดยใช้กติกาและข้อบังคับที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งจะแบ่งการแข่งขันออกเป็นทั้งหมด 12 รุ่น ตามชนิดเครื่องยนต์ หรือประเภทรถที่แตกต่างกัน เช่น Thailand Super Production เน้นการใช้เครื่องยนต์เดิมจากโรงงานเป็นหลักและสามารถใช้เครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 1,530 ซีซี และ Thailand Touring Car ที่สามารถปรับแต่งเครื่องยนต์ได้ตามอิสระ แต่จะบังคับให้ใช้รถยนต์ประเภทขับเคลื่อนสองล้อในการแข่งขัน เป็นต้น
- Toyota Gazoo Racing Thailand
รายการแข่งรถยนต์ทางเรียบจัดขึ้นโดย Toyota ที่เปิดโอกาสให้นักแข่งมอเตอร์สปอร์ตรุ่นใหม่ได้เข้าร่วมประลองฝีมือในการขับขี่ ด้วยจุดประสงค์ในการยกระดับ และเพิ่มความนิยมในกีฬามอเตอร์สปอร์ตให้แพร่หลาย โดยในแต่ละปีจะมีการจัดแข่งในสนามต่าง ๆ ด้วยกติกาบังคับอย่าง Toyota One Make Race ที่ใช้รถรุ่นและยี่ห้อเดียวกัน ไม่ผ่านการดัดแปลงใด ๆ เพื่อวัดที่ฝีมือและศักยภาพของผู้ขับขี่โดยเฉพาะ
รายการแข่งรถยนต์ระดับโลกเหล่านี้ไม่เพียงแต่มอบความตื่นเต้นเร้าใจให้คนรักความเร็วเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถของนักแข่ง และขีดจำกัดสูงสุดของเทคโนโลยียานยนต์ รวมไปถึงสภาพรถแข่งที่ต้องพร้อมอยู่เสมอ เช่นเดียวกับรถยนต์ของคุณที่ต้องดูแลรักษา โดยเฉพาะ “แบตเตอรี่” หัวใจสำคัญของยานพาหนะทุกคัน
Ferrari 812 Superfast ใหม่ ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของค่ายม้าลำพอง พร้อมรวบรวม 10 รุ่นที่ดีที่สุดตลอดกาลจาก Ferrari
5 ต.ค 2560
แชร์ 0
คะแนนของบรรณาธิการ
คะแนนของผู้ใช้
ผู้ใช้ 0 คนได้ให้คะแนน
ข้อมูลทั่วไป
หลังจากการเผยโฉมครั้งแรกของม้าลำพองตัวแรงอย่าง Ferrari 812 Superfast ไปแล้วเมื่องาน Geneva Motor Show เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Ferrari 812 Superfast ใหม่ และเตรียมจำหน่ายแล้วที่ออสตรเลีย ด้วยเครื่องยนต์ V12 N/A บล็อคใหม่ อันเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์อันทรงพลังอีกรุ่นที่ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี 1947 เทียบกับ F12berlinetta รุ่นปัจจุบัน 812 Superfast มีการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้รับกับกำลังที่เพิ่มขึ้น

Ferrari 812 Superfast ใหม่ ได้เปิดตัวที่งาน Geneva Motor Show
วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์ Ferrari อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในระยะ 3-5 ปีนับจากนี้ ต้องการผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม GT-Car (Gran Turismo) ที่จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดมากสุด เนื่องจากเป็นรถสปอร์ตสำหรับไลฟ์สไตล์ของการใช้อย่างสะดวกสบายทุกวัน ทั้งยังทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงความเร้าใจผสมกลิ่นอายของ Ferrari อย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย
Ferrari 812 Superfast ใหม่
>> Ferrari Crossover (Project F16X) รถสไตล์ SUV- Crossover คันแรกของค่าย
>> Ferrari เผยโฉมสปอร์ตหรูเปิดประทุนรุ่นใหม่ล่าสุด All-New Ferrari Portofino ที่มาทดแทน Ferrari California T
ภายนอก
Ferrari 812 Superfast ใหม่ มาพร้อมด้วยมิติตัวถังด้วยความยาว 4,657 มม. ความกว้าง 1,971 มม. ความสูง 1,276 มม. ฐานล้อที่ยาว 2,720 มม. ความกว้างแทรคล้อหน้า 1,672 มม. และด้านหลัง 1,645 มม. โดยได้ทำการแบ่งสัดส่วนน้ำหนักของตัวรถสมดุลย์ด้วยอัตราส่วน 47% – 53% มาพร้อมไฮไลท์ตัวถังสีแดงที่เรียกว่า Rosso Settanta สำหรับการฉลองครบรอบ 70 ปีของเฟอร์รารี่

มุมมองด้านหน้าของ Ferrari 812 Superfast ใหม่
รูปลักษณ์ของ Ferrari 812 Superfast ได้รับการออกแบบปรับแต่งภายนอกให้มีความหรูหรา สง่างาม และมีความพรีเนียมมากขึ้น ประกอบด้วย เส้นสายและรูปทรงที่เน้นความสปอร์ตรอบคัน ไฟหน้าแบบ LED ถูกฝังเข้าไปในดีไซน์ของช่องดักลมบนฝากระโปรงหน้า ด้านหน้ารถแบบ multi-function ที่มีการใช้อุปกรณ์ aerodynamics เช่นช่องลมแบบ active ที่ด้านใต้หน้ารถ และที่ด้านท้าย เพื่อเพิ่มแรงกด (downforce) ส่วนด้านท้ายของรถสวยงามลงตัวยิ่งกว่าเดิมด้วยการแทนที่ไฟกลมโคมเดี่ยวด้วยโคมกลมคู่ทั้ง 2 ฝั่ง ติดตั้งไฟท้ายทรงกลม 4 ดวงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมของเฟอร์รารี่เอง ช่วยทำให้ 812 ซุปเปอร์ฟาสต์นั้นมีท่าทีที่ดุดันทันสมัย

มุมมองด้านข้างของ Ferrari 812 Superfast ใหม่
มุมมองด้านหลังของ Ferrari 812 Superfast ใหม่
ภายใน
สำหรับห้องโดยสาร Ferrari 812 superfast ใหม่ ได้รับการออกแบบตกแต่งให้มีความหรูหราสวยงามเช่นเดียวกับภายนอก ไม่ว่าจะเป็น ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า ซึ่งเป็นรุ่นแรกของเฟอร์รารี่ที่ใช้ รวมไปถึง ปุ่มควบคุมต่าง ๆ เบาะนั่งมีความสปอร์ทและเข้ากับสรีระมากขึ้น มาพร้อมกับ ระบบ HMI ใหม่ ติดตั้งระบบ infotainment และ ระบบปรับอากาศใหม่ รวมถึงติดตั้งระบบเลี้ยวล้อหลัง Virtual Short Wheelbase เวอร์ชั่นที่ 2 อีกด้วย

ห้องโดยสาร Ferrari 812 Superfast ใหม่ มาพร้อมเบาะนั่งมีความสปอร์ท
อุปกรณ์อํานวยความสะดวก

ห้องโดยสาร Ferrari 812 Superfast ใหม่ เติมเต็มอุปกรณ์ต่างๆ
ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า รวมไปถึง ปุ่มควบคุมต่าง ๆ
การทำงาน
Ferrari 812 Superfast คันนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 N/A บล็อคใหม่ ความจุกระบอกสูบ 6.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 788 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบ/นาที โดย 80% ของแรงบิดจะมีให้ใช้ตั้งแต่ 3,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ 7 สปีด F1 DCT กับ E-Diff3 and 4WS ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 2.9 วินาที 0-200 ได้ใน 7.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง เบรกจากความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 32 เมตร และเฟอร์รารี่เคลมไว้ว่า มีอัตราสิ้นเปลืองที่ประมาณ 6.7 กิโลเมตร/ลิตร

ขุมพลีงของ Ferrari 812 Superfast ใหม่
Ferrari 812 Superfast ใหม่ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 340 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 2.9 วินาที เทียบกับ F12berlinetta รุ่นพื้นฐานทำเวลาได้ดีขึ้น 0.2 วินาที ในขณะที่ตัวเลขท๊อปสปีดยังคงเดิม
รีวิวทั่วไป
ทั้งนี้ Ferrari 812 Superfast ใหม่ จะเตรียมจำหน่ายแล้วที่ออสตรเลียได้ประมาณช่วงต้นปีหน้า ราคาอยู่ที่ประมาณ 610,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 15.8 ล้านบาท
10 รุ่นที่ดีที่สุดตลอดกาลจาก Ferrari
ตั้งแต่ปี 1929 ที่ Enzo Ferrari ก่อตั้ง “Scuderia Ferrari” ทีมแข่งรถที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงด้วยรถ Alfa Romeo จนในที่สุดปี 1930 ได้แยกทางกับทาง Alfa และมาเริ่มต้นสร้างรถแข่งของตัวเองในชื่อ “Scuderia” แต่อย่างไรก็ตามหลังสงครามโลกครั้งที่สอง Ferrari ต้องการเงินเพื่อนำมาเป็นส่วนในการสนับสนุนทีมแข่ง จึงได้เริ่มต้นผลิตรถเพื่อจำหน่ายวิ่งบนถนนทั่วไปในปี 1940
เกือบ 80 ปีที่ผ่านมากับคุณภาพและความหลงใหลที่ Ferrari มอบให้กับคนทั่วโลกและนี่คือ 10 รุ่นม้าลำพอง Sport Car ที่ดีที่สุดจาก Ferrari
10. Ferrari 250 GT California Spyder SWB
ปีที่ผลิต: 1960-1961
เครื่องยนต์ 3.0L, V12, 276 แรงม้า
ระบบเกียร์: ธรรมดา 5 Speed, ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: 140mph

Ferrari 250 GT California Spyder SWB
หน้าตารูปลักษณ์ที่สวยงามอย่างกับออกมาจากหนัง Hollywood ที่พระเอกชอบใช้ขับ แต่ก็ยังแฝงไปด้วยเทคโนโลยีแบบรถแข่งมาเต็มๆ อยากได้ลุคไหนก็ลงตัวทั้งนั้นไม่ว่าจะ หล่อๆ ขับกินลมหรือความแรงก็ไม่เป็นสองรองใครในยุคนั้น
9. Ferrari F12 berlinetta
ปีที่ผลิต: 2012-ปัจจุบัน
เครื่องยนต์ 6.3-litre V12, 730 แรงม้า
ระบบเกียร์: 7 Speed twin-clutch, ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: 211mph

Ferrari F12 berlinetta
ตัวเลข 12 ที่ทาง Ferrari นำมาตั้งเป็นชื่อรุ่นมีอะไรหลายๆ ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ 12 สูบคือเครื่องยนต์ที่ใหญ่ที่สุดที่ทาง Ferrari เคยทำ, บนรถแข่ง F1 ก็เป็นเครื่องยนต์ V12 กระทั่งรุ่นนี้ F12berlinetta กับเครื่อง V12 วางหน้าทำให้กลายเป็นสุดยอดรถเครื่องยนต์วางหน้าของ Ferari ไปอีกรุ่น
8. Ferrari F50
ปีที่ผลิต: 1995-1997
เครื่องยนต์ 4.7L, V12, 513 แรงม้า
ระบบเกียร์: 6-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: 202mph

Ferrari F50
ความสำเร็จของ F40 ทำให้เกิด F50 ออกมา แม้จะไม่ได้มีเหตุผล เรื่องเล่า ความมีที่มาที่ไปชวนให้เป็นรถน่าเก็บเท่ากับ F40 แต่ที่เหนือกว่าคือด้านของการขับขี่ที่ถูกพัฒนามาให้ดีกว่าเดิม
7. Ferrari Dino 246
ปีที่ผลิต: 1969-1974
เครื่องยนต์ 2.4L, V6, 195 แรงม้า
ระบบเกียร์: 5-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: 148mph

Ferrari Dino 246
เมื่อ Ferrari ต้องการที่จะมี Sport Car เครื่องวางกลางรุ่นเล็กมาทำตลาดแข่งกับ Porsche 911 ส่งผลให้เกิดแบรนด์ “Dino” นี้ขึ้นมากับเครื่องยนต์ที่เล็กลงจาก V12 มาเป็นเครื่อง V6 และตัวถังที่เล็กกระทัดรัดลงกว่าเดิม
6. Ferrari 365 GTB/4 Daytona
ปีที่ผลิต: 1968-1973
เครื่องยนต์ 4.4L, V12, 352 แรงม้า
ระบบเกียร์: 5-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: 174mph

Ferrari 365 GTB/4 Daytona
Enzo Ferrari คือคนหนึ่งที่ติดอยู่กับความดั่งเดิม การวางเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้าคือสิ่งที่เขารับไม่ได้ทั้งสิ้น จากจุดเริ่มต้นในสนามแข่ง F1 นำมาสู่การสร้าง Production Car จะเป็นรถที่
วางด้านหลังตัวคนขับทั้งสิ้นแต่รุ่นนี้ทำให้เกิดความแตกต่างในสายการผลิตด้วยการวางเครื่องไว้ที่ด้านหน้า ประกอบกับในช่วงปี 1966 Lamborghini เปิดตัวรุ่น Miura มากับรูปลักษณ์อารมณ์แบบรถ Daytona หน้ายืด หลังสั้น ด้วยสรีระตัวถังที่ไม่อำนวยในการวางเครื่องไว้ด้านหลังสักเท่าไรทาง Ferrari จึงยอมละความดั่งเดิมนำเครื่องยนต์มาวางไว้ด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลังสำหรับรุ่น Ferrari 365 GTB
5. Ferrari 488 GTB
ปีที่ผลิต: 2015-ปัจจุบัน
เครื่องยนต์ 3.9L twin-turbo, V8, 661 แรงม้า
ระบบเกียร์: 7-speed dual clutch ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: 205mph

Ferrari 488 GTB
Sport Car มากมายในปัจจุบันหันไปคบหากับเครื่องยนต์เทอร์โบ ที่สามารถตอบโจทย์เรื่องอัตราเร่งดีกว่าและสร้างความตื่นเต้นในการขับขี่เพิ่มมากขึ้น 488 GTB คือผลผลิตที่ช่วยตอบความต้องการด้วยเครื่องยนต์ twin-turbo
4. Ferrari 125 S
ปีที่ผลิต: 1947
เครื่องยนต์ 1.5L, V12, 118 แรงม้า
ระบบเกียร์: 5-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: N/A

Ferrari 125 S
นี่คือ Production Car ที่ทาง Ferrari ผลิตออกจำหน่ายเป็นรุ่นแรกเมื่อตอนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทีมแข่งประสบปัญหาทางการเงินและต้องการนำเงินมาเพื่อพัฒนาทีม ชื่อเสียงของทีมแข่งนำไปสู่การผลิตรถเพื่อจำหน่ายและมันคือรถรุ่นนี้ที่เป็นรุ่นแรกในสายการผลิต Ferrari 125 S
3. Ferrari 250 GTO
ปีที่ผลิต: 1962-1964
เครื่องยนต์ 3.0L, V12, 300 แรงม้า
ระบบเกียร์: 5-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: 175mph

Ferrari 250 GTO
ความหายากและความสำเร็จในด้านมอเตอร์สปอร์ตของ Ferrari นำไปสู่การสร้าง 250GTO ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความต้องการมากที่สุดตลอดกาล
2. Ferrari F355
ปีที่ผลิต: 1994-1999
เครื่องยนต์ 3.5L, V8, 375 แรงม้า
ระบบเกียร์: 6-speed manual or 6-speed electrohydraulic clutch auto, ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: 183mph

Ferrari F355
เส้นสายที่สง่างามกับเสียงเครื่อง V8 ลั่นๆ ดังสนั่นทุ่ง ทำให้ F355 เป็นรุ่นหนึ่งของ Ferrari ที่น่าสนใจของยุค 90 อย่างปฎิเสธไม่ได้แม้แต่น้อย
1.Ferrari F40
ปีที่ผลิต: 1987-1992
เครื่องยนต์ 2.9-litre twin-turbo V8, 471 แรงม้า
ระบบเกียร์: 5-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: 201mph

Ferrari F40
F40 คือรถที่ออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของทาง Ferrari และเป็นรถรุ่นสุดท้ายที่อนุมัติการผลิตโดย Enzo Ferrari ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 1988 ด้วยความขลังของเรื่อง จึงส่งให้ทาง Ferrari F40 เป็นอีกรุ่นที่เป็นที่ต้องการ และน่าเก็บอย่างมากในปัจจุบัน

