ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
ยอดขายรถหรูทั่วโลกปี 2022 กับ 3 ยี่ห้อหลัก BMW, Benz และ Audi มีผู้ชนะหนึ่งเดียวเท่านั้น

Mr.Argus·2023-01-17 10:16:25

3 แบรนด์รถหรูที่ใหญ่ที่สุดในโลก – BMW (บีเอ็มดับเบิลยู), Mercedes-Benz (เมอเซเดส-เบนซ์) และ Audi (อาวดี้) มียอดที่คล้ายกันในปี 2022 นั่นคือมียอดส่งมอบที่ลดลงเล็กน้อย แต่การเติบโตอย่างมากจากรถยนต์ไฟฟ้า

ยอดขายโดยรวม
ยอดขายโดยรวม
นอกจากนี้ ทั้ง 3 แบรนด์ยังรายงานถึงผลกำไรมหาศาล มาจากข้อเสนอที่ล่อตาล่อใจ รวมถึงการบริหารทรัพยากรเซมิคอนดักเตอร์ที่มีจำกัด ให้ทำกำไรได้มากที่สุด โดยค่าย BMW ได้โม้ทับคู่แข่งจากเมืองสตุตการ์ตและอินกอลสตัดท์ ในแง่ของปริมาณการขายโดยรวม
- BMW (ไม่รวม Rolls-Royce และ Mini) มียอดขายทั่วโลก 2.1 ล้านคัน ลดลง 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี
- Mercedes-Benz (ไม่รวมรถตู้เพื่อการพาณิชย์) มียอดส่งมอบ 2.04 ล้านคัน ลดลง 1.0%
- Audi ยอดส่งมอบทั่วโลก 1.6 ล้านคัน ลดลง 3.9%

ยอดขายรถไฟฟ้า
BMW ไม่ได้ระบุยอดขาย EV ของแบรนด์โดยชัดเจน และเมื่อรวมยอดกับ Mini ก็จะพบว่าทำได้ 215,755 คัน เพิ่มขึ้น 107.7 % แต่ถ้าหักยอดขายของ Mini Cooper SE จำนวน 43,744 คันออไป ทำให้ BMW EV เหลือยอดขายสุทธิ 172,011 คัน
ตัวเลขนี้ยังคงแซงหน้า Audi เป็นอันดับสองซึ่งส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า 118,196 คันเติบโตขึ้น 42.8 % ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ไม่รวมรถเพื่อการพาณิชย์ และ Smart) มีจำนวนทั้งสิ้น 117,800 คัน เพิ่มขึ้น 124 %
สิ่งสำคัญคือ ไม่มีค่ายรถเยอรมันรายใหญ่ ทำยอดเข้าใกล้ Tesla ซึ่งขาย EV ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.31 ล้านคันในปีที่แล้ว
- BMW (ไม่รวม Mini) 172,011 คัน (โดยประมาณ)
- Audi 118,196 คัน
- Mercedes-Benz 117,800 คัน

รุ่นไฮเอนด์
เมื่อเทียบยอดขายรุ่นหรูและแรงสุดของแต่ละค่าย จะพบว่า BMW M GmbH มียอดขาย 177,527 คันในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 8.4% ในขณะที่ Rolls-Royce ทำลายสถิติตลอดกาลด้วยยอดขาย 6,021 คัน
Mercedes-Maybach ประสบความสำเร็จในปีที่มียอดขายสูงสุด ด้วยยอดส่งมอบ 21,600 คัน เพิ่มขึ้น 37 % และการส่งมอบ S-Class เพิ่มขึ้นเป็น 90,000 คัน เพิ่มขึ้น 5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนทางด้าน Mercedes-AMG ไม่เปิดเผยข้อมูลทั้งปี แ่บอกว่าเพิ่มขึ้น 28 % ในไตรมาสที่ 4 และยอดขาย G-Class เพิ่มขึ้น 15 % ในช่วงเวลาเดียวกัน
Audi Sport (บริษัทแม่ของรถยนต์ RS) ก็มีปีที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน มีการส่งมอบรถยนต์สมรรถนะสูง 45,515 คันเป็นสถิติใหม่ เพิ่มขึ้น 15.6 % เมื่อเทียบเป็นรายปี

แบ่งตามรายภูมิภาค
การแจกแจงยอดขายตามภูมิภาค BMW อาจจะดูเยอะกว่าใครเพื่อน เพราะได้รวมยอดขาย Mini เข้าไปด้วยอย่างค้านสายตา เพราะมันไม่ใช่แบรนด์บีเอ็มโดยตรง และทำให้เีราไม่ทราบยอดขายตราใบพัดที่แท้จริง ใน 3 ภูมิภาคหลัก
สหรัฐอเมริกา
- BMW (รวม Mini): 361,892 คัน
- Mercedes-Benz: 286,800 คัน
- Audi: 186,875 คัน
ยุโรป
- BMW (รวม Mini): 877,369 คัน
- Mercedes-Benz: 635,100 คัน
- Audi: 624,498 คัน
จีน
- BMW (รวม Mini): 791,985 คัน
- Mercedes-Benz: 751,700 คัน
- Audi: 642,548 คัน
ในยุคที่ EV เริ่มรุกคืบหวังครองตลาด นำโดย Tesla ก็เป้นการบ้านใหญ่ทั้ง 3 ค่ายที่ต้องร่วมมือกันโค่นให้ได้ ไม่ใช่การแข่งกันเองอีกต่อไป
อ่านเพิ่มเติม : 20 ยี่ห้อขายดีในไทยประจำปี 2022 โตโยต้ายังครองตลาด ส่วนรถจีนรุกคืบเรื่อย ๆ
ประวัติความเป็นมาและโลกของแบรนด์
Mercedes Star เป็นมากกว่าตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz คือประสบการณ์ทางอารมณ์แห่งดีไซน์ที่ไร้กาลเวลา เทคโนโลยีระดับสูง และความลุ่มหลงในรายละเอียด
จุดเด่นของยานพาหนะ
Mercedes Star: ไอคอน ตำนาน และความหลงใหล
ดาวสามแฉกที่ล้อมรอบด้วยมงกุฎกิ่งกระวานเกิดขึ้นในปี 1925 ซึ่งเป็นชั่วโมงแห่งการกำเนิดแบรนด์ Mercedes-Benz สัมผัสประสบการณ์จุดเด่นของยานพาหนะที่น่าประทับใจที่สุด ทำให้แบรนด์ก่อเกิดตำนานไว้จนถึงทุกวันนี้
;Resize=(512,384))
ปี 1954 | Mercedes-Benz 300 SL “Gullwing”
ถือกำเนิดในมอเตอร์สปอร์ต: ปี 1952 รถแข่ง 300 SL (W 194) ของ Mercedes-Benz เข้าสู่ความสําเร็จที่ยอดเยี่ยมในระดับนานาชาติ “SL” – ตัวอักษรทั้งสองย่อมาจาก “super light” ตำนานแห่ง SL มีอยู่ในรถยนต์มาตรฐานตั้งแต่ปี 1954 โดยในขณะนั้นเริ่มต้นด้วย 300 SL “ประตูแบบปีกนก” ในตำนาน ความน่าหลงใหลที่ไม่เคยเสื่อมคลาย: แต่ละรุ่นยังคงรักษาประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์
;Resize=(512,384))
ปี 1963 | Mercedes-Benz 600 “Mercedes ขนาดใหญ่”
การเปิดตัวของรุ่น 600 ในงาน Frankfurter IAA เมื่อเดือนกันยายน 1963 ได้รับความสนใจอย่างแท้จริง ออกแบบมาให้เป็นรถยนต์ตัวแทนพิเศษสําหรับความต้องการสูงสุด รุ่นพิเศษใหม่นี้มีความพิเศษทางเทคโนโลยีติดตั้งไว้เป็นมาตรฐานที่ไม่เหมือนใครและแสดงถึงความล้ำสมัยในขณะนั้น
;Resize=(512,385))
ปี 1968 | Mercedes-Benz “ทับ 8”
รุ่นสี่สูบ 200 D ถึง 220 ได้รวมกันอยู่ในรุ่นการผลิตรถยนต์ W 115 ในขณะที่รุ่นหกสูบ 230 และ 250 ทั้งสองรุ่น ได้รับชื่อรุ่นการผลิตรถยนต์ W 114 รถยนต์ “รุ่นใหม่” นี้ ถูกเรียกกันอย่างติดปากตามปี 1968 ที่ถือกำเนิดขึ้น และยังคงเรียกกันตลอดจนถึงปัจจุบันว่า “รุ่นทับ 8”
;Resize=(512,384))
ปี 1972 | Mercedes-Benz S-Class รุ่นการผลิตรถยนต์ 116
รถยนต์รุ่นใหม่จากชุดสูงสุดที่พัฒนาขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบถูกเปิดตัวสู่สาธารณะในเดือนกันยายน 1972 เป็นครั้งแรกชื่ออย่างเป็นทางการของ “Mercedes-Benz S-Class” – โดยมีชื่อภายใน W 116 แทนที่รุ่นการผลิตรถยนต์ 108/109 และรวมถึงรุ่น 280 S, 280 SE และ 350 SE
สัมผัสประสบการณ์ S-Class Saloon
เหตุการณ์สำคัญ
ประวัติศาสตร์ของรถยนต์: นวัตกรรมและจุดเด่น
ประวัติศาสตร์ความสําเร็จที่น่าสนใจเริ่มขึ้นในปี 1886 ด้วยการประดิษฐ์ของ Carl Benz และ Gottlieb Daimler เครื่องยนต์สําหรับการขับขี่บนพื้นดิน ผืนน้ํา และในอากาศ จากรถยนต์คันแรกของโลก ก็ได้มีการประดิษฐ์อื่นๆ ตามมา ซึ่งเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์แห่งการพัฒนารถยนต์ สัมผัสกับเหตุการณ์สำคัญของ Mercedes-Benz
;Resize=(512,384))
ปี 1886 | รถยนต์สิทธิบัตร Benz
รถยนต์สิทธิบัตร Benz เป็นรถยนต์คันแรกของโลก Carl Benz ได้สร้างรถยนต์คันนี้ขึ้นในปี 1885 และในวันที่ 29 มกราคม 1886 ได้ทำการจดสิทธิบัตรเป็น “รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แก๊ส” สิทธิบัตรหมายเลข 37435 ซึ่งได้รับการประกาศจากสํานักงานสิทธิบัตรสมเด็จพระมหากษัตริย์ในกรุงเบอร์ลิน ถือเป็นสูติบัตรของรถยนต์
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของแบรนด์
;Resize=(512,385))
ปี 1900 | Mercedes 35 แรงม้า
ในปี 1900 บริษัท Daimler-Motoren-Gesellschaft ได้เกิดขึ้นโดยนําเสนอจาก Emil Jellinek ยานพาหนะที่แตกต่างจากหลักการสร้างรถยนต์ที่ใช้อยู่แล้วอย่างชัดเจน Emil Jellinek ได้เสนอการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่มีเครื่องยนต์ที่เบาและทรงพลัง ระยะช่วงล้อหน้า-หลังยาว และจุดศูนย์ถ่วงต่ำ โมเดลรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นได้รับชื่อ “Mercedes” เป็นครั้งแรกตามชื่อของลูกสาววัยสิบขวบของ Jellinek
;Resize=(512,384))
ปี 1959 | ตัวถังรถแห่งความปลอดภัยพร้อมบริเวณที่ยุบได้: Mercedes-Benz “ครีบท้ายรถ” (W 111)
ในปี 1959 บริษัท Mercedes-Benz ได้นําเสนอนวัตกรรมที่เป็นตราประทับทางอุตสาหกรรม – ตัวถังรถแห่งความปลอดภัย แนวคิดของนักออกแบบ Béla Barényi: บริเวณที่ยุบได้ที่ด้านหน้าและด้านหลังและห้องโดยสารที่มั่นคงสําหรับผู้โดยสารอยู่ระหว่างกลาง รถยนต์ระดับแนวหน้านี้เป็น Sedan ระดับหรูของรุ่นการผลิตรถยนต์ 111 ซึ่งถูกเรียกกันอย่างติดปากว่า “Fintail-ครีบท้ายรถ”
;Resize=(512,384))
ปี 1978 | ระบบป้องกันการล็อกของล้อขณะเบรก ABS ในรถยนต์ส่วนส่วนบุคคลมาตรฐาน: Mercedes-Benz S-Class (รุ่นการผลิตรถยนต์ 116)
ความฝันของวิศวกรได้เกิดขึ้นจริงในปี 1978: Mercedes-Benz ได้นําเสนอระบบป้องกันการล็อกของล้อขณะเบรกในรถยนต์ S-Class จากรุ่นการผลิตรถยนต์ 116 ยานพาหนะจะยังคงขับเคลื่อนต่อไปได้แม้มีการเหยียบเบรกจนสุดเพื่อให้ผ่านพื้นที่อันตรายไปได้ ระบบช่วยเหลืออื่นๆ สามารถสร้างขึ้นได้บนพื้นฐานของเซ็นเซอร์ ABS
;Resize=(512,385))
ปี 1981 | ถุงลมนิรภัยในรถยนต์ส่วนส่วนบุคคลมาตรฐาน: Mercedes-Benz S-Class (รุ่นการผลิตรถยนต์ 126)
รถยนต์ซีรีส์แรกของโลกที่มีถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และตัวปรับความตึงของเข็มขัดนิรภัยที่ตำแหน่งด้านของที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าคือ Mercedes-Benz S-Class จากรุ่นการผลิตรถยนต์ 126 ในปี 1981 โดยถุงลมนิรภัยจะขยายออกจากพวงมาลัยภายในเวลาไม่กี่มิลลิวินาทีในกรณีที่เกิดการชนและสร้างเบาะระหว่างผู้ขับขี่และแผ่นกันกระแทก ซึ่งเป็นส่วนเสริมเพิ่มเติมจากเข็มขัดนิรภัย ในปัจจุบันมีถุงลมนิรภัยมากมายอยู่ทั่วทั้งยานพาหนะ
;Resize=(512,384))
ปี 2002 | ระบบป้องกันผู้โดยสาร PRE-SAFE: Mercedes-Benz S-Class (รุ่นการผลิตรถยนต์ 220)
PRE-SAFE® ถือเป็นอีกก้าวของการพัฒนาด้านความปลอดภัย Mercedes-Benz หากเซ็นเซอร์ตรวจพบการชนที่ใกล้เข้ามา เทคโนโลยีจะเตรียมยานพาหนะให้พร้อม โดยการปิดซันรูฟแบบเลื่อนและหน้าต่างด้านข้างปรับพนักพิงที่นั่งให้ตั้งตรง และรัดเข็มขัดนิรภัยที่ที่นั่งด้านหน้าเพื่อเป็นการป้องกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันสําหรับผู้โดยสาร
;Resize=(512,384))
ปี 2013 | ระบบขับขี่อัจฉริยะ Mercedes-Benz Intelligent Drive
ภายใต้ชื่อ Mercedes-Benz Intelligent Drive ระบบช่วยเหลือจํานวนมากถูกรวมเข้ามาตั้งแต่ปี 2013 ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างกล้อง เซ็นเซอร์และกล่องควบคุมอย่างอัจฉริยะ ยานพาหนะจะกลายเป็น “เพื่อนคู่คิด” ระบบช่วยเหลือและการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นของระบบช่วยเหลือเป็นก้าวสําคัญของเส้นทางสู่การขับขี่แบบอัตโนมัติและปราศจากอุบัติเหตุ
;Resize=(512,384))
ปี 2021 | Luxury Sedan ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบครั้งแรกจาก Mercedes-Benz: EQS
EQS เป็น Luxury Sedan ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบครั้งแรกของ Mercedes-Benz และเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบโมดูลสําหรับรถยนต์ไฟฟ้าระดับ Luxury และ High-Class นอกจากนี้ ยังมีการเฉลิมฉลองครั้งแรกแห่งโลกของยนตรกรรมด้วย MBUX Hyperscreen ซึ่งเป็นอินเทอร์เฟซความละเอียดสูงและกว้างตลอดแนวความกว้างของแผงคอนโซลหน้า
สัมผัสประสบการณ์รถยนต์ไฟฟ้าClick to see next content
สัมผัสเรื่องราวความเป็นมา
พิพิธภัณฑ์ Mercedes-Benz แห่งเมืองสตุทการ์ท
ยานพาหนะที่น่าตื่นตาและแสดงสิ่งจัดแสดงอื่นๆ กว่า 1,500 ชิ้น ในพื้นที่ขนาด 16,500 ตารางเมตร เก้าชั้น ค้นพบประวัติศาสตร์และช่วงเวลาต่างๆ ของรถยนต์ตั้งแต่ปี 1886 ตั้งแต่รถที่ได้รับสิทธิบัตรครั้งแรกในโลกจนถึงรถยนต์ไฮโดรเจนจากสหัสวรรษนี้
;Resize=(479,639))
แบรนด์
Mercedes-Benz World
นอกจาก Mercedes-Benz ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์หรูที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกแล้ว (ที่มา: การศึกษาจาก Interbrand, 03.11.2022) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ยังรวมถึง Mercedes-AMG และ Mercedes-Maybach รวมถึง Mercedes-Benz Classic ผสมผสานองค์ความรู้และการบริการของ Mercedes-Benz ในทุกด้านสําหรับยานพาหนะแห่งดาวสามแฉก
;Resize=(512,384))
Mercedes-AMG
ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งชุดสปอร์ต Mercedes-AMG เราศรัทธาในการแข่งขัน ไอเดีย สมรรถนะสูงสุด และความเหนือชั้น สถานที่ที่ศิลปะวิศวกรรมพบกับทัศนคติที่พิเศษ ด้วยความต้องการนี้ เราจึงสร้างสมรรถนะแห่งยนตรกรรมสำหรับสนามแข่งและบนท้องถนน
สัมผัสประสบการณ์แห่งชุดสปอร์ต Mercedes-AMG
;Resize=(512,384))
Mercedes-Maybach
Mercedes-Maybach เชื่อมโยงพลังแห่งนวัตกรรมของ Mercedes-Benz เข้ากับความหรูหราที่ไม่เหมือนใครของ Maybach ที่นี่เป็นที่ที่สมรรถนะและความพิเศษมาบรรจบพบกัน งานฝีมือตามประเพณีและเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัย
สัมผัสประสบการณ์แห่ง Mercedes-Maybach
;Resize=(512,385))
Mercedes-Benz Classic
สัมผัสประสบการณ์กับทุกก้าวสําคัญของแบรนด์ Mercedes-Benz และเพลิดเพลินไปกับมุมมองทางอารมณ์ในประวัติศาสตร์ของผู้ประดิษฐ์รถยนต์
สัมผัสประสบการณ์แห่ง Mercedes-Classic

