ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
รถประหยัดน้ำมัน 2024 รุ่นไหนดี เซฟค่าใช้จ่าย ราคาไม่เกินล้าน
148,073อ่าน

รวมรถประหยัดน้ำมัน 2024 ราคาไม่เกินล้าน ในยุคน้ำมันแพง ช่วยเซฟค่าใช้จ่าย มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง

สรุปมาให้แล้วกับ 10 รถประหยัดน้ำมัน 2024 ในยุคน้ำมันแพงและยังไม่พร้อมเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยข้อจำกัดในการใช้งานต่างจากรถยนต์น้ำมัน แต่อยากลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ ถูกนำมาใช้เพื่อให้อัตราสิ้นเปลืองต่ำลง ทั้งเทอร์โบไปจนถึงระบบไฮบริดประเภทต่าง ๆ รถรุ่นใหม่ในปัจจุบันจึงประหยัดน้ำมันมากขึ้น ส่วนจะมีรุ่นไหนราคาไม่ถึงล้าน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20 กิโลเมตร/ลิตร (EcoSticker) ลองไปดูกันเลย
รถประหยัดน้ำมัน 2024
1. Suzuki Celerio

ภาพจาก : suzuki.co.th
Suzuki Celerio รถยนต์นั่งตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง ที่ให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัยเท่าที่จำเป็น แต่ราคาประหยัด บำรุงรักษาง่าย แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อย ส่วนสีตัวถังมีทั้งหมด 4 สี
Suzuki Celerio เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 68 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย เกียร์อัตโนมัติ 20.8 กิโลเมตร/ลิตร เกียร์ธรรมดา 21.3 กิโลเมตร/ลิตร
Suzuki Celerio ราคาจำหน่าย
- Suzuki Celerio รุ่น GA เกียร์ธรรมดา ราคา 338,000 บาท
- Suzuki Celerio รุ่น GL เกียร์อัตโนมัติ ราคา 416,000 บาท
- Suzuki Celerio รุ่น GL Up เกียร์อัตโนมัติ ราคา 423,000 บาท
- Suzuki Celerio รุ่น GX เกียร์อัตโนมัติ ราคา 451,000 บาท
2. Toyota Yaris Cross

ภาพจาก : toyota.co.th
Toyota Yaris Cross รถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ 5 ที่นั่ง ลดอัตราสิ้นเปลืองด้วยเทคโนโลยีไฮบริด มีฝาท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย สีตัวถังมีทั้งโมโนโทนและทูโทนรวม 6 สี
Toyota Yaris Cross เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 91 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 80 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ให้กำลังสูงสุดรวมกันทั้งระบบ 111 แรงม้า เกียร์ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 26.3 กิโลเมตร/ลิตร
Toyota Yaris Cross ราคาจำหน่าย
- Toyota Yaris Cross รุ่น HEV Smart ราคา 789,000 บาท
- Toyota Yaris Cross รุ่น HEV Premium ราคา 849,000 บาท
- Toyota Yaris Cross รุ่น HEV Premium Luxury ราคา 899,000 บาท
3. Honda City Hatchback e:HEV

ภาพจาก : honda.co.th
Honda City Hatchback e:HEV รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด e:HEV ติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda SENSING เบรกมือไฟฟ้า แอร์อัตโนมัติ และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เป็นต้น แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย สีตัวถังมีทั้งหมด 6 สี
Honda City Hatchback e:HEV เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 109 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 27.8 กิโลเมตร/ลิตร
Honda City Hatchback e:HEV ราคาจำหน่าย
- Honda City Hatchback e:HEV รุ่น SV ราคา 729,000 บาท
- Honda City Hatchback e:HEV รุ่น RS ราคา 799,000 บาท
4. Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D

ภาพจาก : mazda.co.th
Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์ดีเซลช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ใกล้เคียงกับเทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งไม่ต้องบำรุงรักษาทั้งสองระบบ มีระบบควบคุมขณะเข้าโค้ง GVC Plus ภายในตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม และมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ i-Activesense โดยรุ่นดีเซลแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย
Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 26.3 กิโลเมตร/ลิตร
Mazda 2 Hatchback Skyactiv-D ราคาจำหน่าย
- Mazda 2 รุ่น XD Sport ราคา 720,000 บาท
- Mazda 2 รุ่น XDL Sport ราคา 830,000 บาท
5. Toyota Yaris Ativ

ภาพจาก : toyota.co.th
Toyota Yaris Ativ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ตัวถังซีดาน 4 ประตู ที่ยังไม่ติดตั้งเทคโนโลยีไฮบริด แต่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เบรกมือไฟฟ้า มีให้ในบางรุ่นย่อย ซึ่งแบ่งเป็น 4 รุ่น ส่วนสีตัวถังมีทั้งหมด 7 สี
Toyota Yaris Ativ เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 94 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
Toyota Yaris Ativ ราคาจำหน่าย
- Toyota Yaris Ativ รุ่น Sport ราคา 549,000 บาท
- Toyota Yaris Ativ รุ่น Smart ราคา 594,000 บาท
- Toyota Yaris Ativ รุ่น Premium ราคา 669,000 บาท
- Toyota Yaris Ativ รุ่น Premium Luxury ราคา 699,000 บาท
6. Nissan Almera

ภาพจาก : nissan.co.th
Nissan Almera รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ตัวถังซีดาน 4 ประตู ที่ลดขนาดความจุเครื่องยนต์ และชดเชยกำลังด้วยระบบอัดอากาศอย่างเทอร์โบ เพื่อให้ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ติดตั้งระบบความปลอดภัย 360 องศา Safety Shield แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อย มีสีโมโนโทน 6 สี และทูโทน 3 สี
Nissan Almera เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 100 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
Nissan Almera ราคาจำหน่าย
- Nissan Almera รุ่น E ราคา 549,000 บาท
- Nissan Almera รุ่น EL ราคา 589,000 บาท
- Nissan Almera รุ่น V ราคา 659,000 บาท
- Nissan Almera รุ่น VL ราคา 699,000 บาท
7. Honda HR-V e:HEV

ภาพจาก : honda.co.th
Honda HR-V e:HEV รถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ 5 ที่นั่ง เทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งรุ่นเริ่มต้น e:HEV E ราคาต่ำกว่าล้านบาท อุปกรณ์ความปลอดภัยเหมือนรุ่นท็อป ขาดแค่ Honda LaneWatch กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในและการตกแต่งภายนอกบางรายการ
Honda HR-V e:HEV เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 131 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25.6 กิโลเมตร/ลิตร
Honda HR-V e:HEV ราคาจำหน่าย
- Honda HR-V e:HEV รุ่น E ราคา 979,000 บาท
8. Nissan Kicks e-POWER

ภาพจาก : nissan.co.th
Nissan Kicks e-POWER รถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ 5 ที่นั่ง ที่มาพร้อมเทคโนโลยี e-POWER แตกต่างไม่เหมือนใคร เพราะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน แต่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็กคอยปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ โดยแบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย ส่วนสีตัวถังมีทั้งแบบทูโทน 5 สี และโมโนโทน 7 สี
Nissan Kicks e-POWER เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 136 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยมีเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร สร้างกระแสไฟเข้าแบตเตอรี่เพื่อจ่ายไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้า (ไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้) อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.8 กม./ลิตร
Nissan Kicks e-POWER ราคาจำหน่าย
- Nissan Kicks e-POWER รุ่น E ราคา 779,000 บาท
- Nissan Kicks e-POWER รุ่น V ราคา 849,000 บาท
- Nissan Kicks e-POWER รุ่น VL ราคา 919,000 บาท
- Nissan Kicks e-POWER รุ่น Autech ราคา 979,000 บาท
- Nissan Kicks e-POWER รุ่น Star Edition ราคา 939,000 บาท
9. MG VS HEV

ภาพจาก : mgcars.com
MG VS HEV รถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ 5 ที่นั่ง เทคโนโลยีไฮบริด ที่เคลมว่ามีกำลังสูงถึง 177 แรงม้า สามารถสั่งงาน เช็กสถานะตัวรถจากระยะไกลได้ด้วย i-Smart แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย สีตัวถังมีทั้งทูโทนและโมโนโทนรวม 6 สี ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย
MG VS HEV เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 109 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ให้กำลังรวมกันสูงสุด 177 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 24.4 กิโลเมตร/ลิตร
MG VS HEV ราคาจำหน่าย
- MG VS HEV รุ่น D ราคา 699,000 บาท
- MG VS HEV รุ่น X ราคา 759,000 บาท
10. Haval Jolion HEV

ภาพจาก : gwm.co.th
Haval Jolion HEV รถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ Crossover ขนาดซับคอมแพกต์ที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ประหยัดเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยีไฮบริด และมีกำลังสูงถึง 190 แรงม้า ตามตัวเลขจากโรงงาน แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย ส่วนสีตัวถังมีทั้งหมด 4 สี
Haval Jolion เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 125 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 156 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ให้กำลังรวมกันทั้งระบบ 190 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร เกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตร/ลิตร
Haval Jolion HEV ราคาจำหน่าย
- Haval Jolion HEV รุ่น Sport ราคา 799,000 บาท
- Haval Jolion HEV รุ่น Ultra ราคา 999,000 บาท
ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถคันใหม่
สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อรถใหม่ แต่ไม่แน่ใจหรือลังเลว่าควรเลือกอย่างไรไม่ให้ต้องเสียดายภายหลัง เพราะปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย แต่เรามีวิธีง่าย ๆ มาแนะนำเพื่อให้ได้รถที่เหมาะกับตัวเองและการใช้งานมากที่สุด
อันดับแรกควรพิจารณาจากการใช้งาน หรือจริง ๆ แล้วต้องการซื้อรถเพราะเหตุผลใดเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันรถยนต์มีหลายประเภท หลายเทคโนโลยี ควรเลือกรถให้เหมาะสมกับความชอบ ลักษณะการใช้งาน รวมถึงความสะดวกในการดูแล หรือมีจุดไหนที่ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ
อีกส่วนหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ งบประมาณกับความสามารถในการผ่อนชำระ (หากซื้อเงินสดก็คงเป็นส่วนของการบำรุงรักษา) โดยเฉพาะค่างวดรายเดือนไม่ควรเกิน 20-30% ของรายได้ เพราะถึงจะซื้อรถใหม่แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย เช่น ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาตามระยะ ยาง แบตเตอรี่ และประกันภัย เป็นต้น
ทำความรู้จัก 10 อันดับรถไฟฟ้าวิ่งได้ไกลที่สุดที่มีขายอยู่ตอนนี้
Written by Ridebuster_Team on 3 เมษายน 2018
วันนี้เราพาทุกท่านมาพบกับ 10 อันดับรถไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลที่สุด ซึ่งนี่คือปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคถามหาอยู่เสมอเมื่อต้องการซื้อรถไฟฟ้า โดยเราจะมาอัพเดทกันว่ามาตรฐานรถไฟฟ้ายุคนี้มีขีดจำกัดอยู่ที่เท่าไหร่กัน
เราเชื่อว่าหลายคนที่ติดตามอ่านเว็บไซต์ของเรา ส่วนหนึ่งจะต้องมีคนชื่นชอบรถไฟฟ้าอันเป็นตัวแทนใหม่ของการเดินทางในยุคหน้า ซึ่งตอนนี้ปริมาณรถไฟฟ้าที่มีจำหน่ายในปัจจุบันยังมีอยู่น้อย อีกทั้งยังจำกัดอยู่เพียงไม่กี่ประเทศในโลกเท่านั้นที่มีจุดชาร์ทไฟไว้ให้บริการ โดยมากเป็นประเทศแถบซีกโลกตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และส่วนหนึ่งของเอเชียอย่างญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามเราจะมาอัพเดทให้ทุกท่านรู้ว่า ตอนนี้รถไฟฟ้ารุ่นใดบ้างที่วิ่งได้ระยะไกลมากที่สุด แถมมันยังมีขายให้ซื้อหากันในหลายประเทศ

1. Tesla Model S
สุดยอดรถไฟฟ้าที่ปฎิวัติวงการยานยนต์ไปตลอดกาล เพราะวันที่มันถูกเผยโฉมพร้อมจำหน่ายเป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจ ด้วยรูปลักษณ์ทรงซีดานขนาดกลางอันหรูหรา แถมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติอย่าง AutoPilot เป็นตัวชูโรงให้แก่เทสล่าค่ายรถน้องใหม่ โดยรถรุ่นนี้จะมีรุ่นย่อยอยู่ 3 รุ่น ได้แก่ 75D วิ่งได้ไกล 416 กม. รุ่น 100D วิ่งได้ 540 กม. และรุ่นแรงสุด P100D วิ่งได้ 506 กม. ซึ่งทำให้ Model S เป็นรถไฟฟ้าที่คว้าแชมป์การวิ่งได้ไกลที่สุดไปครอง

2.Tesla Model 3
จากความสำเร็จของ Tesla Model S ซีดานพลังถ่านตัวหรูกับ Tesla Model X เอสยูวีไฟฟ้าคันโตที่มีเอกลักษณ์ ทางผู้ผลิตจึงได้เข็นรถซีดานขนาดคอมแพ็ครุ่นใหม่ Tesla Model 3 รถไฟฟ้าที่สามารถกวาดยอดจองไปหลายแสนคัน แต่ปัจจุบันบริษัทสามารถผลิตรถส่งมอบถึงลูกค้ามากสุดต่อสัปดาห์ได้เพียง 2,000 คันเท่านั้น สำหรับลูกค้านอกสหรัฐฯ ทั้งยุโรป และเอเชียคงต้องรอคิวการเป็นเจ้าของออกไปอีกสักพัก อย่างไรก็ตาม Model 3 มีจุดเด่นตรงที่มีออปชั่นเหมือนกับรถรุ่นพี่ครบทุกประการ ทว่าวิ่งได้ระยะน้อยกว่าที่ 354-498 กม.

3.Tesla Model X
เอสยูวีคือชนิดรถยนต์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่มีหยุดหย่อน นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเทสล่าจึงต้องส่ง Tesla Model X เอสยูวีใส่ถ่านคันโตอันมีจุดเด่นที่ประตูปีกนกออกมาขาย แน่นอนว่ามันยังเด่นในเรื่องห้องโดยสารอันหรูหรา แถมกว้างขวางพอให้นั่งได้ถึง 6 คนแบบสบายๆ อีกทั้งระบบความปลอดภัยก็จัดเต็มไม่แพ้ Model S ที่ออกมาก่อนหน้าอีกด้วย สำหรับระยะทางที่ทำได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งจะขึ้นอยุ่กับรุ่นย่อย 3 รุ่น ซึ่งทำระยะทางได้ 381-465-474 กม.

4.Chevrolet Bolt EV
ผู้ผลิตสัญชาติอเมริกาไม่ยอมแพ้บริษัทสตาร์ทอัพร่วมชาติ เพราะพวกเขาก็มีดีในการพัฒนารถไฟฟ้าเช่นเดียวกัน เห็นได้จาก Chevrolet Bolt EV รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูพลังไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับจุดเด่นเรื่องราคาที่มีการช่วยเหลือจากรัฐฯ จนมีราคาเริ่มต้นเพียง 9 แสนกว่าบาทเท่านั้น ขณะเดียวกันระยะทางที่วิ่งก็ได้ยังนับว่าเป็นข้อดี เพราะมันวิ่งได้ถึง 383 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ที่ตลาดยุโรป Bolt EV ได้เปลี่ยนตรายี่ห้อกับชื่อเป็น Opel ampera-e พร้อมกวาดยอดขายไปอย่างท่วมท้นจนผลิตไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้า

5.Nissan Leaf
หากว่ากันแล้ว Nissan Leaf จัดว่าเป็นรถไฟฟ้าคันแรกที่ออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการรุ่นแรกของโลก โดยผู้ผลิตจากแดนปลาดิบได้สร้างสรรค์รถคันนี้ตอนที่รถไฟฟ้ายังเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันจนไม่มีใครนึกถึง ทว่าตอนนี้ Leaf ก้าวเข้าสู่เจนเนอเรชั่นที่สอง พร้อมกับหวังว่าจะครองแชมป์รถไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลกต่อจากรุ่นแรกให้ได้ แน่นอนว่ารุ่นใหมท่ล่าสุดมีความสวยงามและมีระดับเพิ่มขึ้น อีกทั้งการขับขี่ ห้องโดยสาร สมรรถนะ และระยะทางที่วิ่งได้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากอีกต่างหาก โดย Nissan Leaf วิ่งได้เฉลี่ย 243 กม.

6.Volkswagen e-Golf
หลายคนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ VW Golf รถแฮทช์แบ็ครุ่นยอดนิยมจากเมืองเบียร์ที่ปัจจุบันก้าวเข้าสู่เจนฯ 7 ย่ำ 8 ซึ่งทางผู้ผลิตก็ได้รังสรรค์ e-Golf รถไฟฟ้ารุ่นพิเศษเพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แก่ผู้ใช้งานทั่วไป แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะไม่ต่างอะไรจากรถรุ่นปกตินัก แต่มันก็สามารถวิ่งได้ระยะสูงสุดต่อการชาร์ทที่ 201 กม.

7.Hyundai Ioniq EV
นี่คือรถไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีคันที่สองซึ่งถูกนำเข้ามาจำหน่ายในไทย ด้วยราคา 1,749,000 บาท กับระยะทางที่วิ่งได้เฉลี่ย 199 กม. (ผู้ผลิตบอกวิ่งได้ 280 กม.) เมื่อดูผ่านๆ อาจมองว่าไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก แต่ด้วยชื่อชั้นของรถเกาหลีที่มีความทนทานใช้งานได้นานไม่แพ้กับรถญี่ปุ่น เจ้า Ioniq EV ก็จัดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กับรถไฟฟ้าคันอื่นที่มีขายอยู่ตอนนี้เลยทีเดียว

8.Ford Focus EV
หลายคนอาจร้องยี้ทันทีเมื่อพูดถึง Ford Focus เนื่องจากเสียงเลื่องลือเรื่องความทนทานกับศูนย์บริการ ถึงอย่างนั้น Focus EV เองที่มีขายอยู่ในสหรัฐฯ ก็นับว่าพัฒนาการที่สำคัญของฟอร์ด ที่พยายามจะส่งรถไฟฟ้าออกมาขายแก่ผู้บริโภคทั่วไป ติดอย่างเดียวอยู่ที่ว่าเม็ดเงินกับระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์ทหนึ่งครั้งน้อยไปหน่อย คือเฉลี่ยอยู่ที่ 185 กม.

9.BMW i3
รถแบรนด์หรูจากเยอรมันอย่าง BMW ได้รุกตลาดรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเมื่อหลายปีก่อน ด้วยการส่ง BMW i3 ทั้งเวอร์ชั่นไฟฟ้า และรุ่นเพิ่มระยะทางวิ่งด้วยการเพิ่มเครื่องยนต์ไว้สำหรับปั่นไฟเข้าแบตเตอรี แน่นอนว่าเรื่องมิติรูปลักษณ์นั้นมันเป็นทรงแฮทช์แบ็คขนาดเล็ก อันมีจุดเด่นตรงที่มีการใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์มาเป็นโครงสร้างรถ อย่างไรก็ตามระยะทางที่วิ่งได้ถือว่าน้อยไปหน่อย คือเฉลี่ยอยู่ราว 183 กม. เท่านั้น

10.Kia Soul EV
Kia Soul EV คือรถไฟฟ้าคันแรกที่มีการนำเข้ามาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่รูปลักษณ์สุดแนวไม่เหมือนใคร ยิ่งไปกว่านั้นห้องโดยสารถือว่ากว้างขวางใหญ่โตนั่งสบาย แต่ด้วยการชาร์ทไฟจนเต็ม 1 ครั้งมันสามารถวิ่งได้เฉลี่ยเพียง 178 กม. เท่านั้น ยังห่างไกลจากที่ระบุไว้ในโบร์ชัวที่ 280 กม. และที่สำคัญคือราคาจำหน่ายในบ้านเราสูงถึง 2,297,000 บาท จึงทำให้ตอนนี่เรายังไม่เคยเห็น Soul EV วิ่งบนถนนเมืองไทยเลยสักคัน

