ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 อันดับ รถที่ปลอดภัยที่สุดในโลก มีรุ่นไหนบ้าง?
Last updated: 20 ธ.ค. 2567 | 7027 จำนวนผู้เข้าชม |

ในยุคที่เทคโนโลยียานยนต์พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด การเลือกซื้อรถยนต์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงความสวยงามของดีไซน์หรือสมรรถนะของเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ระบบความปลอดภัยได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้บริโภคยุคใหม่
นวัตกรรมด้านความปลอดภัยในยานยนต์สมัยใหม่ได้พัฒนาครอบคลุมทั้งระบบป้องกันอุบัติเหตุ โครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งขึ้น และเทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย APRTECH ได้รวบรวมข้อมูล 10 อันดับรถยนต์ที่ปลอดภัยที่สุดประจำปี 2024 จาก U.S. News & World Report พร้อมวิเคราะห์จุดเด่นเฉพาะของแต่ละรุ่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกยานพาหนะที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และการใช้งาน
10 อันดับ รถที่ปลอดภัยที่สุดในโลก จาก U.S. News & World Report มีรุ่นไหนบ้าง?
1. Lexus RC

รถยนต์ Coupe หรูหราขนาดกะทัดรัด มาพร้อมกับห้องโดยสารหรูหราสะดวกสบาย และระบบ Infotainment ที่ใช้งานง่าย ทำให้ผู้ขับขี่ไม่เสียสมาธิในการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันต่าง ๆ ทั้งยังรองรับระบบ Apple CarPlay, Android Auto และ Amazon Alexa ซึ่ง Lexus RC นี้ได้รับคะแนนความปลอดภัยสูงสุดถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2020 รวมถึงปัจจุบัน
คะแนนความปลอดภัยของรถโดยรวม (10/10)
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติด้านหน้า
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- การจดจำสัญญาณจราจร
- กการตรวจสอบบริเวณจุดบอด
ระบบความปลอดภัยเสริม
- ระบบเซนเซอร์กันชนหน้า – หลัง
- ที่ปัดน้ำฝนแบบตรวจจับปริมาณน้ำฝน
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้
- ระบบเตือนการออกนอกเลน
2. Tesla Model 3

ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่นและเสถียรภาพในการทำงานเหนือชั้น ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผสานความเรียบหรูเข้ากับฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัว ในด้านความปลอดภัย Tesla Model 3 ได้คะแนนสูงจากทั้ง NHTSA และ IIHS โดยผ่านการทดสอบการชนกระแทกในทุกรูปแบบ ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
คะแนนความปลอดภัยของรถโดยรวม (10/10)
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
- การจดจำสัญญาณจราจร
- การตรวจสอบบริเวณจุดบอด
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้
- โหมดการขับขี่กึ่งอัตโนมัติบนทางหลวงพร้อมระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติ การเร่งความเร็ว และการเบรก
ระบบความปลอดภัยเสริม
- ระบบช่วยเหลือการขับขี่กึ่งอัตโนมัติด้วยระบบนำทาง
- การเรียกรถอัตโนมัติจากจุดจอดรถไปยังตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้งานในสถานการณ์การจอดรถที่ซับซ้อน
- ระบบขับขี่แบบอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ รวมถึงการบังคับทิศทางอัตโนมัติบนถนนในเมือง รวมถึงสัญญาณไฟจราจรและการตรวจจับป้ายหยุดรถ
- ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ
3. Kia EV6
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ใช้แพลตฟอร์ม EV เดียวกันกับ Genesis GV60 แต่ Kia EV6 มีดีไซน์สปอร์ตมากกว่า รวมถึงเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้น โดย Kia EV6 สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดประมาณ 498 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับสูงสุดในด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยจาก IIHS Top Safety Pick+ โดยได้รับคะแนนอยู่ที่ Superior และการทดสอบการชนทั้ง 6 ครั้ง ได้รับคะแนนสูงสุดเช่นกัน จึงนับว่าเป็น 1 ใน 10 อันดับ รถยนต์ที่ปลอดภัยที่สุดที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง
คะแนนความปลอดภัยของรถโดยรวม (10/10)
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
- ระบบช่วยขับขี่บนทางหลวง
- ระบบช่วยรักษารักษารถให้อยู่ในเลน
- การแจ้งเตือนจราจรด้านหน้า – หลัง
- การตรวจจับคนเดินเท้าและนักปั่นจักรยาน
ระบบความปลอดภัยเสริม
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติด้านหลัง
- ระบบตรวจจับทางแยก ใช้เซนเซอร์ช่วยป้องกันอุบัติเหตุบริเวณทางแยก
- ระบบช่วยบังคับเลี้ยวแบบหลบเลี่ยง ช่วยบังคับทิศทางรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
- ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ
4. Volvo S90 Recharge
รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสุดหรูที่สามารถวิ่งได้ไกลประมาณ 64 กิโลเมตร เมื่อใช้งานด้วยโหมดไฟฟ้า ส่วนการออกแบบนั้นผสมผสานระหว่างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับดีไซน์หรูหราในฉบับรถยนต์ยุโรปได้เป็นอย่างดี ภายในห้องโดยสาร กว้างขวาง นั่งได้สบาย หากมีเด็กเล็กสามารถติดตั้งคาร์ซีตได้ด้วยชุด LATCH ให้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งชื่อเสียงของรถยนต์ Volvo สามารถการันตีได้ว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกอีกยี่ห้อหนึ่ง โดย Volvo S90 Recharge มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยระดังสูงสุดที่ได้รับการยอมรับจาก IIHS (Insurance Institute for Highway Safety)
คะแนนความปลอดภัยของรถโดยรวม (10/10)
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
- กล้องมองหลัง
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้
- ระบบช่วยรักษาให้อยู่ในเลน
ระบบความปลอดภัยเสริม
- ไฟหน้าแบบปรับได้
- ระบบช่วยจอด
- การตรวจจับคนเดินเท้า
- จอแสดงผลบนกระจกหน้ารถ ที่แสดงข้อมูลการขับขี่และการนำทาง
5. Subaru Impreza
รถ Subaru Impreza ในปี 2024 นี้ได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีการขับขี่ที่สมดุลมากขึ้น ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย ความพิเศษของ Subaru Impreza คือ คุณสมบัติด้านความปลอดภัยของเด็ก มีชุด LATCH กับจุดยึดสายรัดเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการติดตั้งคาร์ซีตให้เด็ก โดยได้รับคะแนน 5 ดาวเต็มจาก NHTSA ในการทดสอบการชนด้านหน้า ด้านข้าง และขณะรถพลิกคว่ำ
คะแนนความปลอดภัยของรถโดยรวม (10/10)
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
- การแจ้งเตือนเบาะหลัง ช่วยให้ผู้ขับขี่ตรวจสอบเบาะหลังสำหรับเด็กหรือสัตว์เลี้ยงก่อนออกจากรถ
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- กล้องมองหลัง
- ระบบช่วยรักษาให้อยู่ในเลน
ระบบความปลอดภัยเสริม
- การตรวจสอบบริเวณจุดบอด
- การแจ้งเตือนการจราจรด้านหลัง
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติด้านหลัง
- ไฟหน้า LED แบบปรับได้
6. Alfa Romeo Giulia
รถยนต์หรูหราขนาดกะทัดรัดสไตล์สปอร์ตที่สามารถขับได้อย่างสนุกสนาน เข้าโค้งได้คล่องตัวเหมือนรถสปอร์ต เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ 280 แรงม้า มาพร้อมกับคุณสมบัติด้านมาตรฐานความปลอดภัยแบบครบครันที่ได้รับคะแนนสูงสุดจาก IIHS ในด้านระบบการป้องกันการชนด้านหน้าแบบรถต่อรถ รวมถึงการทดสอบการชนทุกรูปแบบ แต่จุดที่น่าสังเกตของ Alfa Romeo Giulia คือ เบาะหลังเล็ก และระบบ Infotainment ที่ค่อนข้างใช้งานยาก
คะแนนความปลอดภัยของรถโดยรวม (10/10)
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- กล้องมองหลัง
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติด้านหน้า
ระบบความปลอดภัยเสริม
- การตรวจสอบความสนใจของผู้ขับขี่
- ระบบช่วยจราจรติดขัด จัดการการเบรก การเร่งความเร็ว และการบังคับเลี้ยวในสภาพจราจรที่ความเร็วต่ำ
- การจดจำสัญญาณจราจร
- ระบบช่วยเหลือทางหลวง ควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมการตั้งศูนย์เลน
7. Volvo V60 Recharge
รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดแบบไดนามิกที่มาพร้อมกับการขับขี่อย่างเพลิดเพลิน ด้วยสมรรถนะของระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอัตราเร่งที่รวดเร็ว และช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี สามารถขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 65 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง โดย Volvo V60 Recharge ได้รับคะแนนสูงสุดด้านความปลอดภัยจาก IIHS ในการทดสอบการชนทั้ง 3 ครั้ง ทั้งยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ทำให้รถรุ่นนี้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
คะแนนความปลอดภัยของรถโดยรวม (10/10)
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
- เซนเซอร์ช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้
- ระบบตรวจจับคนเดินเท้า นักปั่นจักรยาน และสัตว์ขนาดใหญ่
- การตรวจสอบบริเวณจุดบอด
ระบบความปลอดภัยเสริม
- ระบบช่วยตั้งศูนย์ให้อยู่กลางเลน
- ระบบบรรเทาผลกระทบจากการเดินทางออกนอกเส้นทาง
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- การป้องกันการขับสวนเลน
8. Volvo V90
รถยนต์รุ่นนี้เป็นรถ Station Wagon ที่หายากมากในปัจจุบัน มาพร้อมกับความสะดวกสบายและสมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม ด้วยระบบส่งกำลังสี่สูบไฮบริดอ่อนขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จที่ให้กำลัง 295 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย เบาะหน้าสามารถปรับอุ่น ปรับไฟฟ้าได้ Volvo V90 ปี 2024 ยังได้รับเลือกให้เป็น Top Safety Pick+ ของ IIHS ในปีที่ผ่านมา และได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับสอง สำหรับไฟหน้าส่องสว่าง เต็มประสิทธิภาพ
คะแนนความปลอดภัยของรถโดยรวม (10/10)
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติด้านหน้า
- เซนเซอร์กันชนหน้า – หลัง
- การตรวจสอบความสนใจของผู้ขับขี่
- การตรวจสอบจุดบอดพร้อมการแจ้งเตือนการจราจรด้านหลัง
ระบบความปลอดภัยเสริม
- ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมการตั้งศูนย์เลน
- ไฟหน้าปรับสูง – ต่ำอัตโนมัติ
- ระบบเตือนการออกนอกเลน พร้อมระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในเลน
9. Genesis GV60
รถยนต์ Crossover ไฟฟ้าที่ไม่เหมือนใคร ผสมผสานระหว่างรถ SUV กับ Hatchback เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังเป็นรถที่มีความสมดุลระหว่างการขับขี่และการควบคุม พร้อมด้วยอัตราเร่งที่ทรงพลังแบบสั่งได้ ในด้านความปลอดภัย Genesis GV60 ได้รับคะแนนสูงสุดในการทดสอบการชนทั้ง 6 ครั้งของ IIHS โดยเฉพาะเทคโนโลยีป้องกันการชนด้านหน้าได้รับคะแนนสูงสุดคือ Superior และได้รับเลือกให้เป็น IIHS Top Safety Pick+ อีกด้วย
คะแนนความปลอดภัยของรถโดยรวม (10/10)
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบหยุดและไป
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง
- ที่ปัดฝนแบบตรวจจับปริมาณน้ำฝน
- การตรวจจับคนเดินถนน นักปั่นจักรยาน และการเลี้ยวที่ทางแยก
ระบบความปลอดภัยเสริม
- ระบบเตือนเบาะหลัง (เตือนให้ผู้ขับขี่ตรวจสอบเบาะหลังเพื่อดูว่ามีเด็กและสัตว์เลี้ยงอยู่หรือไม่ก่อนออกจากรถ)
- ระบบช่วยออกรถอย่างปลอดภัย (แจ้งเตือนผู้โดยสารที่ออกจากรถว่ามีรถวิ่งเข้ามาจากด้านหลัง)
- เซนเซอร์ที่จอดด้านหน้าและด้านหลัง
- ระบบเตือนข้ามถนนด้านหลัง
10. Mazda 3
รถที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับรุ่นนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของความคุ้มค่า ทั้งราคาและคุณภาพ โดย Mazda 3 นี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Best Compact Car for the Money มอบประสบการณ์การขับขี่ด้วยอัตราเร่งที่สั่งได้ การควบคุมคล่องตัว ตอบสนองว่องไว ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุสุดพรีเมียม พร้อมด้วยระบบ Infotainment ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ข้อสังเกตของรถรุ่นนี้ คือ พื้นที่ใช้สอยอาจจะมีไม่มากเท่าที่ควร ส่วนความปลอดภัย Mazda 3 ได้รับคะแนน 5 ดาวจาก NHTSA ในการทดสอบการชนด้านหน้าและการพลิกคว่ำ
คะแนนความปลอดภัยของรถโดยรวม (9.9/10)
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบหยุดและไป
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเดินหน้าพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนและนักปั่นจักรยาน
- ระบบแจ้งเตือนการจราจรด้านหลัง
- ระบบตรวจสอบจุดบอด
ระบบความปลอดภัยเสริม
- จอแสดงผลบนกระจกหน้ารถ แสดงข้อมูลการขับขี่และการนำทาง
- การจดจำสัญญาณจราจร
- ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง
- ระบบช่วยจราจรติดขัด จัดการการเบรก การเร่งความเร็ว และการบังคับเลี้ยวในสภาพจราจรที่ความเร็วต่ำ
การเลือกขับรถที่ปลอดภัยนับเป็นสิ่งที่ดี แต่การดูแลรักษารถด้วยอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน CTEK จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยคุณสมบัติเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์คุณภาพสูง ที่ไม่เพียงแต่ชาร์จได้อย่างปลอดภัย แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ใช้ยาวนานเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย
Headlightmag Best Fuel ECONOMY ! 10 อันดับ กระบะ Double Cab ยกสูง ที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด !
3 พฤษภาคม 2022 เวลา 18:58 น. | หมวดหมู่ MAGAZINE, Special Report | โดย QCXLOFT | อ่านไปแล้ว: 35206 ครั้งhttps://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.2f70fb173b9000da126c79afe2098f02.th.html#dnt=false&id=twitter-widget-0&lang=th&original_referer=https%3A%2F%2Fwww.headlightmag.com%2F2022-05-03-headlightmag-best-economy-top-10-doublecab-pick-up%2F&size=m&text=Headlightmag%20Best%20Fuel%20ECONOMY%20!%2010%20%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%20%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B0%20Double%20Cab%20%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%20%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%20!%20-%20HeadLight%20Magazine&time=1759722007988&type=share&url=https%3A%2F%2Fwww.headlightmag.com%2F2022-05-03-headlightmag-best-economy-top-10-doublecab-pick-up%2F&via=Headlightmag
https://www.facebook.com/v2.0/plugins/share_button.php?app_id=634489746585708&channel=https%3A%2F%2Fstaticxx.facebook.com%2Fx%2Fconnect%2Fxd_arbiter%2F%3Fversion%3D46%23cb%3Df8d65818b1a12eb7e%26domain%3Dwww.headlightmag.com%26is_canvas%3Dfalse%26origin%3Dhttps%253A%252F%252Fwww.headlightmag.com%252Ffdeb5677ef95f2238%26relation%3Dparent.parent&container_width=35&href=https%3A%2F%2Fwww.headlightmag.com%2F2022-05-03-headlightmag-best-economy-top-10-doublecab-pick-up%2F&layout=button_count&locale=en_US&sdk=joey
Headlightmag Best Fuel ECONOMY ! 10 อันดับ กระบะ Double Cab ยกสูง ที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด !
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูงและมีความผันผวน ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลให้ต้นทุนน้ำมันดีเซลที่ขายปลีกในบ้านเราแพงขึ้นตามไปด้วย หน่วยงานรัฐฯ จึงมีการปรับการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลเป็นแบบจ่ายคนละครึ่งกับประชาชน เพดานราคาน้ำมันดีเซลจากเดิมที่เคยอยู่ที่ระดับ 30 บาท/ลิตร จะถูกปรับเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดจนถึง 35 บาท/ลิตร เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ที่มีการประกาศปรับราคาน้ำมันดีเซล B7, B10 และ B20 เพิ่มขึ้นลิตรละ 2.00 บาท ยังไม่รวมน้ำมันดีเซล Premium สูตรพิเศษที่บางค่าย ปรับเพิ่มขึ้นถึงลิตรละ 3.60 บาท เลยทีเดียว แน่นอนว่ารถที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลทั้งหมดจะได้รับผลกระทบโดยตรง และส่งกระทบต่อเนื่องไปยังส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ค่าสินค้า ค่าขนส่ง เช่นกัน
ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ก็หนีไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ เนื่องจากรถกระบะในบ้านเราซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของรถยนต์ในประเทศ ที่สำคัญคือเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเกือบทั้งหมด นั่นอาจทำให้ผู้บริโภคบางรายอาจชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปก่อน หรือไม่เช่นนั้นก็อาจมีเงื่อนไขการติดสินใจเปลี่ยนไปจากเดิม นอกจากรูปลักษณ์การออกแบบ อุปกรณ์ Option ตลอดจนสมรรถนะการขับขี่แล้ว ปัจจัยด้านความประหยัดน้ำมัน ยังจะมีผลต่อการเลือกซื้อสำหรับผู้บริโภคมากขึ้นพอสมควร Headlightmag จึงถือโอกาสนี้ นำผลการจัดอันดับรถกระบะ 4 ประตู ยกสูง 10 รุ่น ที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีที่สุด ประหยัดที่สุด เมื่อทดสอบตามมาตรฐานดั้งเดิมของเรา มารายงานให้ได้ทราบกัน
หลายท่านอาจสงสัยว่า ทำไมจึงจัดอันดับเฉพาะ กระบะ 4 ประตูยกสูง ? อย่างที่เราทราบกันดีว่าครับว่ารถกระบะโดยเฉพาะในตลาดใหญ่อย่างบ้านเรานั้น มีการแตกรุ่นย่อยต่างๆ ออกมาเยอะแยะมากมาย ยิ่งกว่าร้านไก่ย่างเขาสวนกวาง แล้วรถทดสอบที่ค่ายรถยนต์จัดเตรียมไว้ให้สื่อมวลชน ก็ไม่ได้มีครบทุกรุ่นย่อย ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตัวถัง Double Cab ยกสูง แต่ต่างกันที่พิกัดความแรงของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และระบบขับเคลื่อน เราจึงนำรถกระบะกลุ่มนี้มาจัดอันดับให้ชมกันก่อน
ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ได้ มาจากการทดสอบตามมาตรฐานดั้งเดิมของเว็บเรา คือ วิ่งที่ความเร็วเฉลี่ย 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง น้ำหนักผู้ขับขี่และผู้โดยสารรวมไม่เกิน 170 กิโลกรัม และเปิดเครื่องปรับอากาศ วิ่งบนเส้นทางเดียวกัน เติมน้ำมัน Caltex Techron Power D
มาดูกันว่า 10 อันดับ รถยนต์กระบะ Double Cab ยกสูงที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง เริ่มจาก…
อันดับ 10 : Isuzu D-Max Double Cab V-Cross 3.0 M 6AT 4×4
เครื่องยนต์รหัส 4JJ3-TCX ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 95.4 x 104.9 มิลลิเมตร กำลังอัด 16.3 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ผ่านราง Common-Rail พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/ต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที (45.88 ก.ก.-ม.) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (Part-time)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 13.23 km/l

(Isuzu D-Max Double Cab V-Cross 3.0 M 6AT 4×4 MY 2022)
อันดับ 9 : Mazda BT-50 Double Cab 3.0 SP 6AT 4×4
เครื่องยนต์รหัส 4JJ3-TCX ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 95.4 x 104.9 มิลลิเมตร กำลังอัด 16.3 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ผ่านราง Common-Rail พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/ต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที (45.88 ก.ก.-ม.) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (Part-time)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 13.33 km/l

อันดับ 8 : Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 GLS 6MT 4×2
เครื่องยนต์รหัส 4N15 ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.4 ลิตร 2,442 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 86.0 x 105.1 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 พ่วงระบบอัดอากาศ VG Turbocharged พร้อมระบบแปรผันวาล์ว MIVEC กำลังสูงสุด 181 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร (43.84 ก.ก.-ม.) ที่ 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 13.41 km/l

(Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 GT 6MT Minorchange)
อันดับ 7 : Toyota Hilux Revo Double Cab 2.8 Rocco 6AT 4×4
เครื่องยนต์รหัส 1GD-FTV ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.8 ลิตร 2,755 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 92.0 x 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 พ่วงระบบอัดอากาศ VN Turbocharged กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (Part-time 4WD)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 13.48 km/l

อันดับ 6 : Isuzu D-Max Double Cab V-Cross 3.0 M 6MT 4×4
เครื่องยนต์รหัส 4JJ3-TCX ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 95.4 x 104.9 มิลลิเมตร กำลังอัด 16.3 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ผ่านราง Common-Rail พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/ต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที (45.88 ก.ก.-ม.) จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (Part-time)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 13.60 km/l

(ปัจจุบันมีการปรับอุปกรณ์ MY 2022 เกียร์ธรรมดา 6MT จะมีให้เลือกเฉพาะเกรด Z และ ZP เท่านั้น)
อันดับ 5 : Toyota Hilux Revo Double Cab 2.8 GR Sport (Hi-Floor) 6AT 4×4
เครื่องยนต์รหัส 1GD-FTV ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.8 ลิตร 2,755 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 92.0 x 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 พ่วงระบบอัดอากาศ VN Turbocharged กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (Part-time 4WD)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 13.70 km/l

อันดับ 4 : Mazda BT-50 Double Cab 1.9 SP 6AT 4×2
เครื่องยนต์รหัส RZ4E-TC ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.9 ลิตร 1,898 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 80.0 x 94.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 16.5 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ผ่านราง Common-Rail พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/ต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร (35.69 ก.ก.-ม.) ที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 14.35 km/l

อันดับ 3 : Nissan Navara 2.3 Twin-Turbo VL 7AT 4×4
เครื่องยนต์รหัส YS23DDTT ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.3 ลิตร 2,298 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 85.0 x 101.3 มิลลิเมตร กำลังอัด 15.4 : 1 พ่วงระบบอัดอากาศ Twin-Turbocharged กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (PS) ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร (45.9 ก.ก.-ม.) ที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (Part-time 4WD)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 14.44 km/l

อันดับ 2 : Nissan Navara 2.3 Twin-Turbo PRO-4X 7AT 4×4
เครื่องยนต์รหัส YS23DDTT ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.3 ลิตร 2,298 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 85.0 x 101.3 มิลลิเมตร กำลังอัด 15.4 : 1 พ่วงระบบอัดอากาศ Twin-Turbocharged กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (PS) ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร (45.9 ก.ก.-ม.) ที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (Part-time 4WD)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 14.56 km/l

อันดับ 1 : Isuzu D-Max Double Cab Hi-Lander 1.9 M 6AT 4×2
เครื่องยนต์รหัส RZ4E-TC ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.9 ลิตร 1,898 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 80.0 x 94.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 16.5 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ผ่านราง Common-Rail พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/ต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร (35.69 ก.ก.-ม.) ที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 14.79 km/l

(Isuzu D-Max Double Cab 1.9 X-Series 6AT 4×2)
หมายเหตุ : ภาพประกอบของบางรุ่นอาจไม่ตรงกับชื่อรุ่นย่อยที่เคยทำมาทดสอบ เนื่องจาก ณ ปัจจุบัน รถกระบะบางรุ่นมีการปรับโฉม Minorchange หรือปรับอุปกรณ์ประจำปีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงด้านเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง จึงสามารถอ้างอิงตัวเลขผลทดสอบชุดเดียวกันได้

