ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
[ 10 อันดับ รถยนต์เครื่อง 4 สูบ เดิมๆ จากโรงงาน ที่มีสมรรถนะสูงที่สุดในโลก ]
ค้นหาค้นหา
Recent Posts
- [ ซื้อรถมือสอง ดูที่เลขไมล์น้อยดีจริงหรือ? ]
- [ 5 สาเหตุยอดฮิตทำรถสตาร์ทไม่ติด มีอะไรบ้าง? ]
- [ Geely Galaxy A7 ที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟน แต่เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ]
- [ เปลี่ยนเกียร์ขณะรถยังไม่หยุดสนิท เสี่ยงเกียร์พังจริงหรือ? ]
- [ สาเหตุว่าทำไมจอดพักรถ ไม่ควรเปิดฝากระโปรงหน้าเด็ดขาด ]
Categories
- Uncategorized
- กฏหมาย
- ข่าว
- ความปลอดภัย
- ความรู้
- ความรู้หน้าฝน
- บทความ
- ประกัน
- พลังงาน
- ยาง
- รถใหม่
- รถไฟฟ้า
- สัญญา
- อะไหล่รถ
- เทคโนโลยี
- เรื่องรถ
- แกะกล่องHOWMUCH?
- แกะกล่องสาระ

10 อันดับ รถยนต์เครื่อง 4 สูบ เดิมๆ จากโรงงาน ที่มีสมรรถนะสูงที่สุดในโลก
รวม 10 อันดับ รถยนต์เครื่อง 4 สูบ เดิมๆ จากโรงงานที่มีพละกำลังแรงม้าสูงที่สุดในโลก ว่าจะมีรุ่นอะไรบ้างไปชมกัน !!
เรียกได้ว่ายิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าไปขนาดไหน การพัฒนาเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กแต่มีสมรรถนะสูงย่อมพัฒนาตามไปติดๆ แม้จะเป็นเครื่องยนต์แค่ 4 สูบ แต่สมัยนี้ก็สามารถรีดกำลังแรงม้ากันได้เกือบ 400 แรงม้า เลยทีเดียว โดย 10 อันดับรถยนต์เครื่องยนต์ 4 สูบที่แรงที่สุดในโลกจะมีอะไรบ้างไปชมกัน

อันดับที่ 10 เริ่มต้นกันที่ Volkswgen Golf R / Audi S3 / Audi TTS กับเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 292 แรงม้า

อันดับที่ 9 Porshe 718 Cayman / Boxster ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 300 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร

อันดับที่ 8 Subaru WRX STI กับเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 305 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 393 นิวตันเมตร
อันดับที่ 7 Honda Civic Type R กับเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 306 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 399 นิวตันเมตร

อันดับที่ 6 Ford Mustang EcoBoost เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 310 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 433 นิวตันเมตร

อันดับที่ 5 Volvo XC90 / S90 / V90 / V90 Cross Country / 2018 XC60 กับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ และ ซูเปอร์ชาร์จ ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 316 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 399 นิวตันเมตร

อันดับที่ 4 Porsche 718 Cayman S / Boxster S กับเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.5 ลิตตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 350 แรงม้า พร้อมแรงบิด 418 นิวตันเมตร

อันดับที่ 3 Ford Focus RS เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 350 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดที่ 474 นิวตันเมตร

อันดับที่ 2 Volvo S60 / V60 Polestar กับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ และ ซูเปอร์ชาร์จ ให้กำลังแรงม้า 362 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 470 นิวตันเมตร

อันดับที่ 1 Mercedes-AMG CLA45 / GLA45 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กับกำลังแรงม้า 373 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 474 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ที่มีกำลังและประสิทธิภาพสูงสุด ณ ตอนนี้
10 อันดับเครื่องยนต์รถยนต์ที่ดีที่สุดในปี 2025
ในช่วง 31 ปีที่ผ่านมา Wards Auto ได้เผยแพร่การจัดอันดับ “10 เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนที่ดีที่สุด” ซึ่งถือเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก
Báo Khoa học và Đời sống•03/10/2025
BMW M5 เจเนอเรชั่นที่ 7 เพิ่งได้รับการอัพเกรดด้วยระบบส่งกำลัง M Hybrid รุ่นล่าสุด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ PHEV ที่ผสานเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.4 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า ความพิเศษคือระบบส่งกำลังนี้ช่วยให้ M5 ยังคงรักษาสมรรถนะอันทรงพลังไว้ได้ พร้อมกับปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้รถสามารถเดินทางระยะสั้นๆ ได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
จุดเด่นที่สุดของการจัดอันดับนี้คือรูปลักษณ์ของ Corvette ZR-1 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวที่ไม่ใช้ระบบไฟฟ้า รถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 5.5 ลิตร ให้กำลัง “มหาศาล” ถึง 1,064 แรงม้า พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ขนาดใหญ่ที่สุดสองชุดที่เคยติดตั้งในรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ นี่ไม่เพียงเป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพของเครื่องยนต์สันดาปภายในเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันว่าน้ำมันเบนซินยังคงมีที่ยืน อย่างน้อยก็ในกลุ่มรถซูเปอร์คาร์ระดับท็อป
อีกด้านหนึ่ง AMG E53 สะท้อนถึงความสมดุลระหว่างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันและสมรรถนะ ของรถสปอร์ต รถคันนี้มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ PHEV ที่ผสานเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 604 แรงม้า ผู้ขับขี่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ในเมือง เพียงเหยียบคันเร่ง ซีดานคันนี้จะกลับมาสู่สไตล์ AMG อย่างแท้จริงทันที
นิสสัน ลีฟ แตกต่างจากรถยนต์ราคาหลายล้านดอลลาร์ตรงที่ยังคงตอกย้ำจุดยืนของตนในฐานะ “รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อมวลชน” รถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่นี้มาพร้อมแบตเตอรี่ระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ รองรับการชาร์จเร็ว 150 กิโลวัตต์ ช่วยลดระยะเวลาในการชาร์จลงอย่างมาก ด้วยตัวเลือกพลังงานสองแบบ สูงสุด 214 แรงม้า ลีฟจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าไม่ได้มีไว้สำหรับรถยนต์หรูเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมวลชนด้วย
ในกลุ่มรถ SUV สุดหรู LX 700h ถือเป็นก้าวสำคัญของ Lexus รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมระบบส่งกำลังไฮบริดที่ผสานเครื่องยนต์ V6 3.4 ลิตร เทอร์โบคู่ เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบแรงบิดสูงสุด พละกำลัง และประหยัดน้ำมันสูงสุด
Lucid ยังคงสร้างชื่อเสียงอย่างต่อเนื่องด้วย Gravity รถ SUV ไฟฟ้าสุดหรูที่วิ่งได้ไกลสูงสุด 724 กิโลเมตร ตัวรถมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 123 กิโลวัตต์ชั่วโมง และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 400 กิโลวัตต์ ช่วยให้รถวิ่งได้ไกลขึ้นอีก 322 กิโลเมตร หลังจากชาร์จเพียง 11 นาที ด้วยกำลัง 828 แรงม้า Gravity ไม่เพียงแต่เป็นรถ SUV สำหรับครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามของ Tesla Model X และ Mercedes EQS SUV อีกด้วย
Ioniq 9 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม E-GMP มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ขนาด 110.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง และมอเตอร์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งาน ตั้งแต่รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ที่ประหยัดน้ำมัน ไปจนถึงรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อสมรรถนะสูง นี่คือรถ SUV ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าฮุนไดได้ก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ด้วยการเตรียมการอย่างรอบคอบ แข่งขันโดยตรงกับแบรนด์ดังจากอเมริกาและยุโรป
“รถสปอร์ตอเมริกัน” ในตำนาน ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยหัวใจแห่งพลังไฟฟ้า Charger Daytona EV มีกำลังสูงสุดถึง 670 แรงม้า พร้อมโหมด Power Shot เสริม มอบพลังขับเคลื่อนได้ทันทีเมื่อต้องการ ดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึงอดีตผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้รถรุ่นนี้เป็น “สะพาน” ที่สมบูรณ์แบบระหว่างจิตวิญญาณของรถสปอร์ตแบบดั้งเดิมและอนาคตแห่งพลังงานไฟฟ้า
ในกลุ่มรถยนต์ยอดนิยม Civic Hybrid โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson Cycle 2.0 ลิตร ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะสองตัว ระบบนี้ทำหน้าที่เป็นทั้งระบบส่งกำลังและฟื้นฟูพลังงานในการชาร์จแบตเตอรี่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ ตอบสนองฉับไว พร้อมประหยัดน้ำมัน Civic Hybrid แสดงให้เห็นว่าเทรนด์การใช้พลังงานไฟฟ้าไม่ได้จำกัดอยู่แค่รถยนต์ระดับไฮเอนด์เท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมจากผู้ใช้ส่วนใหญ่อย่างต่อเนื่อง
รถกระบะที่ขายดีที่สุดในอเมริกาได้รับการยกระดับด้วยระบบส่งกำลัง PowerBoost Hybrid ซึ่งพัฒนาจากเครื่องยนต์ EcoBoost V6 ขนาด 3.5 ลิตรที่คุ้นเคย ไม่เพียงแต่ทรงพลังและนุ่มนวลกว่ารุ่นที่ใช้น้ำมันเบนซินเท่านั้น ระบบไฮบริดนี้ยังสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับการตั้งแคมป์ สถานที่ก่อสร้าง และแม้แต่การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าคันอื่นๆ ได้อีกด้วย นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าเทคโนโลยีไฮบริดไม่ได้มุ่งเน้นแค่การประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่ยังขยายขอบเขตการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย

