ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
รวม 6 รถยนต์ไฟฟ้าจีนมาแรง พร้อมลุยตลาดไทย 2025 นี้

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2025 นี้ มีรถยนต์ไฟฟ้าจีนหลายรุ่นที่เตรียมเปิดตัวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เริ่มหันมาให้ความสนใจยานยนต์พลังงานสะอาดมากขึ้น ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย วันนี้ เน็กเซ็นจะพามาดู 6 รุ่นรถไฟฟ้าจีนที่น่าจับตามองกัน
พาส่อง 6 รุ่นรถยนต์ไฟฟ้าจีนจากค่ายดังที่เตรียมเข้าไทย

ในปี 2025 นี้ รถยนต์ไฟฟ้าจีนหลายค่ายเตรียมบุกตลาดไทยอย่างคึกคัก นำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้งในตัวรถ และยางรถไฟฟ้า บวกกับราคาที่แข่งขันได้ และรูปแบบที่หลากหลายตั้งแต่รถครอสโอเวอร์ รถเก๋ง ไปจนถึงรถอเนกประสงค์ มาดูกันว่ามีรุ่นไหนบ้างที่น่าจับตามอง เพราะแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าจีนมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้รถไฟฟ้าจีนเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคชาวไทย
1. Aion UT
Aion UT เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแฮทช์แบกขนาดกะทัดรัดที่เปิดจองในจีนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มาพร้อมดีไซน์ทันสมัย เรียบง่าย แต่โดดเด่น ทาง Aion เผยว่ารถรุ่นนี้เป็นรุ่น Global ที่วางแผนจำหน่ายทั่วโลก และคาดว่าจะนำเข้ามาทำตลาดในไทยเพื่อเป็นคู่แข่งตรงของ BYD Dolphin โดยตรง ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่น่าจับตามองอีกรุ่นหนึ่ง
- ขุมกำลัง : มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 134 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร
- ระยะทางที่วิ่งได้ : วิ่งได้ไกลประมาณ 420 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
- ราคา : คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 500,000-700,000 บาท
2. BYD ATTO 2
BYD ATTO 2 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศอังกฤษและยุโรป ล่าสุดมีการพบเห็นรถทดสอบวิ่งบนท้องถนนในประเทศไทยแล้ว เป็นสัญญาณชัดเจนว่ากำลังจะเข้ามาทำตลาดในเร็ว ๆ นี้ โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery ที่เป็นจุดเด่นของ BYD อีกตามเคย รถไฟฟ้าจีนรุ่นนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามอง
- ขุมกำลัง : มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 176 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตันเมตร
- ระยะทางที่วิ่งได้ : วิ่งได้ไกลสูงสุด 430 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
- ราคา : คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 600,000-800,000 บาท
3. Denza N7
Denza N7 เป็นรถ SUV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมจากแบรนด์ Denza ที่เคยถูกนำมาโชว์ตัวในไทยถึง 2 ครั้งในงาน Motor Expo 2023 และ 2024 คาดว่าจะเป็นรุ่นที่สองต่อจาก Denza D9 รถ MPV ไฟฟ้า ที่จะเข้ามาทำตลาด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์หรูหรา และเทคโนโลยีล้ำสมัย ตัวแทนรถยนต์ไฟฟ้าจีนระดับพรีเมียมที่กำลังจับตามองในตลาดรถไฟฟ้าไทย
- ขุมกำลัง : มาพร้อมให้เลือกทั้งรุ่นมอเตอร์เดียว 308 แรงม้า (แรงบิด 360 นิวตันเมตร) และรุ่นมอเตอร์คู่ 523 แรงม้า (670 นิวตันเมตร)
- ระยะทางที่วิ่งได้ : วิ่งได้ไกลสูงสุด 702 กิโลเมตร
- ราคา : คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,100,000-1,500,000 บาท
4. BYD Shark 6

BYD Shark 6 เป็นรถกระบะไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริดที่เคยเผยโฉมคันจริงในงาน Motor Expo 2024 ในประเทศไทยแล้ว มาพร้อมกับดีไซน์สวยงามดุดัน เหมาะกับการใช้งานเอนกประสงค์ทั้งในเมืองและการบรรทุกสัมภาระ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นจาก BYD ที่ตั้งใจจะมาเจาะตลาดรถกระบะโดยเฉพาะ นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจีนอีกรุ่นที่น่าจับตามอง
- ขุมกำลัง : ระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ให้กำลังรวมสูงสุด 430 แรงม้า 650 นิวตันเมตร
- ระยะทางที่วิ่งได้ : วิ่งได้ไกลสูงสุด 840 กิโลเมตร
- ราคา : คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,200,000-1,400,000 บาท
5. MG IM 6
MG IM 6 เป็นรถ SUV ไฟฟ้าสไตล์ฟาสต์แบก ที่เคยเผยโฉมในไทยแล้วในงาน Motor Expo 2024 มาพร้อมสเปคที่น่าประทับใจและเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศอยู่ที่เพียง 0.237 Cd ส่งผลให้มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีเยี่ยม รถไฟฟ้าจีนรุ่นนี้จะมาช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้าจีนในตลาดไทย
- ขุมกำลัง : มีให้เลือกทั้งรุ่นมอเตอร์เดียว 345 แรงม้า (แรงบิด 450 นิวตันเมตร) และรุ่นมอเตอร์คู่รุ่นท็อปสุด 787 แรงม้า (แรงบิด 800 นิวตันเมตร)
- ระยะทางที่วิ่งได้ : รุ่นมอเตอร์เดียววิ่งได้ไกลสูงสุด 510 กิโลเมตร และรุ่นมอเตอร์คู่วิ่งได้ไกลสูงสุด 650 กิโลเมตร
- ราคา : คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,200,000-1,400,000 บาท
6. Zeekr 7X
Zeekr 7X เป็นรถ SUV ไฟฟ้าที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัย เคยเผยโฉมในไทยในงาน Motor Expo 2024 และทาง Zeekr ได้ยืนยันว่าจะเข้าสู่ตลาดไทยในปี 2025 โดยเฉพาะในฮ่องกงที่มีพวงมาลัยขวาเหมือนไทย มีแผนจะส่งมอบรถในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 เป็นอีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่น่าจับตามองในตลาดรถไฟฟ้าไทย
- ขุมกำลัง : มาพร้อมให้เลือกทั้งรุ่นมอเตอร์เดียว 421 แรงม้า (แรงบิด 440 นิวตันเมตร) และรุ่นมอเตอร์คู่ 645 แรงม้า (แรงบิด 710 นิวตันเมตร)
- ระยะทางที่วิ่งได้ : รุ่นมอเตอร์เดียววิ่งได้ไกลสูงสุด 605 กิโลเมตร และรุ่นมอเตอร์คู่วิ่งได้ไกลสูงสุด 705 กิโลเมตร
- ราคา : คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,500,000-1,270,000 บาท
สรุปบทความ
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ราคาที่แข่งขันได้ และการออกแบบที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค แต่นอกเหนือจากการเลือกรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่เหมาะสมแล้ว ผู้ใช้รถไฟฟ้าควรให้ความสำคัญกับการเลือกยางรถยนต์คุณภาพดีด้วย ยาง NEXEN N’FERA RU1 จาก NEXEN TIRE คืออีกหนึ่งซีรีส์ยางคุณภาพดี ที่ออกแบบมารองรับการใช้งานสำหรับรถ SUV และ Crossover ที่กำลังนิยมในปัจจุบัน
สัมผัสความนุ่มนวลเหนือระดับไปกับเน็กเซ็น ได้ง่าย ๆ ที่ร้านยางชั้นนำทั่วประเทศ ศูนย์บริการ B-Quik และ MMS ทุกสาขา หรือช่องทางออนไลน์ Shopee Lazada
พิเศษสุด! โปรโมชั่นรับประกันยางบาด บวม แตก ภายใน 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร เมื่อซื้อยาง 4 เส้น/ใบเสร็จ และลงทะเบียนภายใน 14 วัน สอบถามเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ก NEXEN TIRE THAILAND
เปิด 10 อันดับ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ยอดจดทะเบียนตั้งแต่ต้นปี 66 แรงจัดแซงทุกโค้ง
By อัญชลี สบายสุข | sabuysuk@gmail.com09 พ.ย. 2023 เวลา 11:26 น.




Play
กรมการขนส่งทางบก เผยการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 100% ที่มีการเข้ามาจดทะเบียนป้ายขาวครั้งแรก ตั้งแต่เดือนม.ค. – ก.ย. 66 โดย 10 อันดับยอดจดทะเบียนสูงสุด รวมทั้งสิ้น 46,496 คัน อันดับ 1 BYD Atto3 เข้าจดทะเบียนตั้งแต่ต้นปี รวม 15,924 คัน สนนราคาเริ่มต้น 1.09 ล้านบาท
นาทีนี้ปฎิเสธไม่ได้ว่า กระแสรถยนต์ไฟฟ้าดูจะมาแรงเป็นพิเศษ จากการที่รัฐบาลได้ผลักดันและส่งเสริมการลงทุนอย่างจริงจัง ล่าสุดบอร์ดอีวีชุดใหม่ อนุมัติมาตรการ EV 3.5 โดยรัฐจะให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังได้ให้ความสำคัญในการผลักดันให้ไทยเป็นฮับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค

ฐิตา เภกานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC ให้ข้อมูลว่า ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตตลาด EV โลก หรืออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่ายอดขายเละยอดผลิตรถ EV ทั่วโลกในช่วงระหว่างปี 2022 – 2030 จะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 20% และ 33% ตามลำดับ ซึ่งปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจาก
1.นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในหลายประเทศที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา อาทิ ไทย บราซิล และอินเดีย ที่ต่างมุ่งส่งเสริมการใช้งานและการลงทุนในอุตสาหกรรม EV
2. การเปิดรับจากฝั่งผู้บริโภค โดยเฉพาะหลังเผชิญราคาพลังงานที่ผันผวน รวมถึงต้นทุนการเป็นเจ้าของรถ EV ก็ทยอยลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าในระยะยาวจะต่ำกว่ารถสันดาปจากค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษา และ
3.การรุกตลาดของค่ายรถยนต์จีนที่ทำให้ตัวเลือกในตลาดรถยนต์ EV มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในด้านรูปลักษณ์ ฟังก์ชันการใช้งาน และระดับราคา
ทั้งนี้ ผู้ผลิตยานยนต์สันดาปจำนวนไม่น้อยกำลังทยอยปรับตัวให้สอดรับกับกระแสนิยมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป SCB EIC ได้ศึกษาแผนการลงทุนของบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั่วโลกและพบว่า ค่ายรถจากฝั่งตะวันตก อาทิ BMW Mercedes-Benz และ Volkswagen มีการเปลี่ยนผ่านที่เท่าทันกับกระแส EV ทั้งในด้านการเพิ่มความหลากหลายของโมเดลรถยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาแบตเตอรี่ EV ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่เจ้าตลาดเดิมจากฝั่งตะวันออก เช่น Toyota Honda และ Nissan กลับมีแนวทางการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป
โดยคาดว่า การแข่งขันในตลาดรถยนต์ทั่วโลกจะทวีความรุนแรง โดยกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่ปรับตัวได้ช้าจะเผชิญความเสี่ยงจากการสูญเสียส่วนแบ่งทางตลาด ขณะที่ผู้บริโภคจะได้รับอานิสงส์จากตัวเลือกในตลาดที่มีความหลากหลายมากขึ้น
นอกจากนี้ได้ประเมินว่า ทุก ๆ 1 แสนคันของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ภายในประเทศจะทำให้ GDP ไทย เติบโตขึ้นราว 0.2% นัยต่อเศรษฐกิจไทยจากการก้าวไปเป็น Regional EV hub ไม่เพียงแต่จะมาจากภาคการส่งออก แต่ยังเชื่อมโยงกับมูลค่าเพิ่มจากภาคธุรกิจที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม EV ที่กำลังทยอยเกิดขึ้นอย่างครบวงจรภายในประเทศอีกด้วย ทั้งอุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่ สถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนบางประเภท ซึ่งเดิมเป็น Supplier ให้กับผู้ผลิตรถสันดาป
อย่างไรก็ตาม กระแสนิยมยานยนต์ไฟฟ้าก็นำมาซึ่งความเสี่ยงต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์บางกลุ่มแม้ว่าการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าจะเป็นโอกาสต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องในห่วงโซ่อุปทาน แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์รถยนต์บางกลุ่มมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มความต้องการที่ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบส่งกำลังและเชื้อเพลิง โดย SCB EIC คาดว่า มูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมเหล่านี้จะปรับลดลง 3.8 พันล้านบาท หรือราว 10% จากปี 2022 หากรถ EV สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 15% ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลกภายในปี 2025
สำหรับ ความท้าทายสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย คือ การเร่งพัฒนาระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้า และการส่งเสริมภาคธุรกิจให้สามารถปรับตัวได้สอดรับกับความต้องการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น โดยประเมินว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเผชิญกับความท้าทายสำคัญ 2 ประการ คือ
1.การสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานและระบบนิเวศน์ EV ให้เกิดขึ้นภายในประเทศอย่างครบวงจร เพื่อลดการนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วนจากต่างประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากกิจกรรมการผลิตที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นเป็นหลัก และ
2.การส่งเสริมภาคธุรกิจให้สามารถปรับตัวและมีความพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ ๆ โดยกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตไปพร้อม ๆ กับตลาด EV อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์ไฟฟ้า ยางล้อ และชุดสายไฟ ควรส่งเสริมให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ ขณะที่กลุ่มเปราะบางควรมีแนวทางการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ อาทิ ชิ้นส่วนสำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์ ซึ่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ EV คาดว่าจะเกิดขึ้นช้ากว่า รวมถึงการเจาะตลาดอะไหล่ (REM) ซึ่งอุปสงค์ยังเติบโตได้ตามอายุการใช้งานรถยนต์ที่ยาวนานขึ้นในหลายประเทศ
ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก กรณีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการเข้ามาจดทะเบียนป้ายขาวครั้งแรก ตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 66 โดย 10 อันดับยอดจดทะเบียนสูงสุด รวมทั้งสิ้น 46,496 คัน

อันดับ 1 BYD Atto3 รวม 15,924 คัน
เริ่มต้น 1.09 ล้านบาท
- ม.ค. มียอดจดทะเบียน 1,040 คัน
- ก.พ. มียอดจดทะเบียน 2,068 คัน
- มี.ค. มียอดจดทะเบียน 2,434 คัน
- เม.ย. มียอดจดทะเบียน 1,743 คัน
- พ.ค. มียอดจดทะเบียน 2,025 คัน
- มิ.ย. มียอดจดทะเบียน 1,857 คัน
- ก.ค. มียอดจดทะเบียน 1,377 คัน
- ส.ค. มียอดจดทะเบียน 1,770 คัน
- ก.ย. มียอดจดทะเบียน 1,610 คัน

อันดับ 2 NETA V รวม 9,294 คัน
เริ่มต้น 5.49 แสนบาท
- ม.ค. มียอดจดทะเบียน 555 คัน
- ก.พ. มียอดจดทะเบียน 1,254 คัน
- มี.ค. มียอดจดทะเบียน 693 คัน
- เม.ย. มียอดจดทะเบียน 564 คัน
- พ.ค. มียอดจดทะเบียน 686 คัน
- มิ.ย. มียอดจดทะเบียน 2,203 คัน
- ก.ค. มียอดจดทะเบียน 1,234 คัน
- ส.ค. มียอดจดทะเบียน 1,251 คัน
- ก.ย. มียอดจดทะเบียน 854 คัน

อันดับ 3 Tesla Model Y รวม 4,753 คัน
เริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
- ม.ค. มียอดจดทะเบียน 25 คัน
- ก.พ. มียอดจดทะเบียน 534 คัน
- มี.ค. มียอดจดทะเบียน 1,034 คัน
- เม.ย. มียอดจดทะเบียน 391 คัน
- พ.ค. มียอดจดทะเบียน 840 คัน
- มิ.ย. มียอดจดทะเบียน 814 คัน
- ก.ค. มียอดจดทะเบียน 201 คัน
- ส.ค. มียอดจดทะเบียน 664 คัน
- ก.ย. มียอดจดทะเบียน 250 คัน

อันดับ 4 ORA Good Cat รวม 4,362 คัน
เริ่มต้น 8.28 แสนบาท
- ม.ค. มียอดจดทะเบียน 494 คัน
- ก.พ. มียอดจดทะเบียน 282 คัน
- มี.ค. มียอดจดทะเบียน 214 คัน
- เม.ย. มียอดจดทะเบียน 92 คัน
- พ.ค. มียอดจดทะเบียน 430 คัน
- มิ.ย. มียอดจดทะเบียน 959 คัน
- ก.ค. มียอดจดทะเบียน 643 คัน
- ส.ค. มียอดจดทะเบียน 598 คัน
- ก.ย. มียอดจดทะเบียน 650 คัน

อันดับ 5 MG EP รวม 3,110 คัน
เริ่มต้น 9.98 แสนบาท
- ม.ค. มียอดจดทะเบียน 175 คัน
- ก.พ. มียอดจดทะเบียน 356 คัน
- มี.ค. มียอดจดทะเบียน 306 คัน
- เม.ย. มียอดจดทะเบียน 275 คัน
- พ.ค. มียอดจดทะเบียน 346 คัน
- มิ.ย. มียอดจดทะเบียน 348 คัน
- ก.ค. มียอดจดทะเบียน 384 คัน
- ส.ค. มียอดจดทะเบียน 407 คัน
- ก.ย. มียอดจดทะเบียน 513 คัน

อันดับ 6 MG 4 Electric รวม 2,860 คัน
เริ่มต้น 8.69 แสนบาท
- ม.ค. มียอดจดทะเบียน 107 คัน
- ก.พ. มียอดจดทะเบียน 318 คัน
- มี.ค. มียอดจดทะเบียน 447 คัน
- เม.ย. มียอดจดทะเบียน 271 คัน
- พ.ค. มียอดจดทะเบียน 407 คัน
- มิ.ย. มียอดจดทะเบียน 298 คัน
- ก.ค. มียอดจดทะเบียน 292 คัน
- ส.ค. มียอดจดทะเบียน 340 คัน
- ก.ย. มียอดจดทะเบียน 380 คัน

อันดับ 7 BYD Dolphin รวม 2,103 คัน
เริ่มต้น 6.99 แสนบาท
- ม.ค. มียอดจดทะเบียน – คัน
- ก.พ. มียอดจดทะเบียน 1 คัน
- มี.ค. มียอดจดทะเบียน – คัน
- เม.ย. มียอดจดทะเบียน – คัน
- พ.ค. มียอดจดทะเบียน – คัน
- มิ.ย. มียอดจดทะเบียน – คัน
- ก.ค. มียอดจดทะเบียน – คัน
- ส.ค. มียอดจดทะเบียน 481 คัน
- ก.ย. มียอดจดทะเบียน 1,621 คัน

อันดับ 8 Tesla Model 3 รวม 1,843 คัน
เริ่มต้น 1.59 ล้านบาท
- ม.ค. มียอดจดทะเบียน 7 คัน
- ก.พ. มียอดจดทะเบียน 175 คัน
- มี.ค. มียอดจดทะเบียน 488 คัน
- เม.ย. มียอดจดทะเบียน 143 คัน
- พ.ค. มียอดจดทะเบียน 232 คัน
- มิ.ย. มียอดจดทะเบียน 411 คัน
- ก.ค. มียอดจดทะเบียน 71 คัน
- ส.ค. มียอดจดทะเบียน 191 คัน
- ก.ย. มียอดจดทะเบียน 125 คัน

อันดับ 9 MG ZS EV รวม 1,389 คัน
เริ่มต้น 9.49 แสนบาท
- ม.ค. มียอดจดทะเบียน 372 คัน
- ก.พ. มียอดจดทะเบียน 241 คัน
- มี.ค. มียอดจดทะเบียน 155 คัน
- เม.ย. มียอดจดทะเบียน 105 คัน
- พ.ค. มียอดจดทะเบียน 145 คัน
- มิ.ย. มียอดจดทะเบียน 107 คัน
- ก.ค. มียอดจดทะเบียน 86 คัน
- ส.ค. มียอดจดทะเบียน 82 คัน
- ก.ย. มียอดจดทะเบียน 96 คัน

อันดับ 10 Volvo XC40 EV รวม 858 คัน
เริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
- ม.ค. มียอดจดทะเบียน 78 คัน
- ก.พ. มียอดจดทะเบียน 76 คัน
- มี.ค. มียอดจดทะเบียน 121 คัน
- เม.ย. มียอดจดทะเบียน 66 คัน
- พ.ค. มียอดจดทะเบียน 98 คัน
- มิ.ย. มียอดจดทะเบียน 121 คัน
- ก.ค. มียอดจดทะเบียน 99 คัน
- ส.ค. มียอดจดทะเบียน 99 คัน
- ก.ย. มียอดจดทะเบียน 100 คัน

แท็กที่เกี่ยวข้องรถไฟฟ้ารถยนต์ไฟฟ้าEVรถ evรถยนต์อีวีBYDNeta V

