ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
10 รถพลังงานไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2023

สำหรับในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่า รถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV กำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในวงการยานยนต์ในบ้านเรา ด้วยเหตุผลสำคัญคือ การประหยัดเชื้อเพลิงพลังงานและเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย สำหรับกระแสนิยมของรถไฟฟ้าตังแต่ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันก็ดูว่าแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้บริโภคได้มีทางเลือกกันมากขึ้น ทำให้ในปีนี้มี ยี่ห้อรถยนต์ไฟฟ้า น่าจับตา และมีแบรนด์ รถไฟฟ้ายอดนิยม ที่หลากหลาย ทำให้ใครที่กำลังต้องการซื้อรถไฟฟ้า ต่างอยากรู้ว่า รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี รวมถึง รถไฟฟ้าที่ดีที่สุดในไทย ปัจจุบัน
ซึ่งวันนี้ CARSOME ก็ได้รวบรวม รถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุดในโลก ไปดูกันดีกว่าว่า รถยนต์ไฟฟ้ามียี่ห้ออะไรบ้าง แล้วรถพลังงานไฟฟ้ายี่ห้อใดที่เป็นที่นิยมมากที่สุด และสำหรับ รถไฟฟ้าที่ดีที่สุด ปี 2023 และน่าจับตามองจะเป็น รถยนต์ไฟฟ้า มียี่ห้ออะไรบ้าง จากค่ายไหน ไปดูกันเลย
ซื้อรถมือสอง กับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจเช็กอย่างละเอียดถึง 175 จุดพร้อมปรับสภาพให้ได้มาตรฐาน รับประกันสูงสุด 2 ปีเต็ม ราคาโปร่งใส คุ้มค่า ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินภายใน 30 วัน
| รถพลังงานไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี |
|---|
| 5 อันดับรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมปี 20235 รถยนต์ไฟฟ้ามาแรงที่สุดปี 2023การดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า |
5 อันดับ รถพลังงานไฟฟ้า ยอดนิยมปี 2023
จะมี รถยนต์ไฟฟ้ามียี่ห้ออะไรบ้าง ที่หลายๆ คนคุ้นเคยในไทย รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี ทั้ง รถไฟฟ้าครอบครัว, รถไฟฟ้ายอดนิยม และ รถไฟฟ้าที่แรงที่สุด เราไปติดตาม อันดับรถไฟฟ้า กันเลยดีกว่า
1. รถพลังงานไฟฟ้า BYD Dolphin

BYD Dolphin (บีวายดี ดอลฟิน) รถพลังงานไฟฟ้า 100% ทรงแฮตช์แบ็ก 5 ประตูคันจิ๋วแต่แจ๋ว น้องเล็กจากบ้าน BYD มาพร้อมแบตเตอรี่ BYD Blade Battery (LFP) ความจุ 44.9 kWh ตัวถังและราคามีความใกล้เคียงกับ Good Cat แต่มาพร้อมดีไซน์เรียบง่าย ไม่หวือหวา เข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม
จุดเด่นรุ่นนี้อยู่ที่หลังคากระจก Panoramic Glassroof เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยไฟฟ้าพร้อมม่านบังแดดและสวิตช์เปลี่ยนเกียร์แบบ Finger-touched Electronic Shift ภายในมาพร้อมแผงหน้าปัดดีไซน์แปลกตากับหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 12.8 นิ้วที่หมุนได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนและเบาะทรงสปอร์ตภายในสีทูโทนเด่นสะดุดตาอีกด้วย
BYD Dolphin
| ราคารถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้น | 799,999 บาท |
| กำลังสูงสุด | 177 แรงม้า |
| แรงบิดสูงสุด | 290 Nm |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 44.9 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
| ใช้เวลาชาร์จนาน | 6 ชั่วโมง 25 นาที / ชาร์จด่วน 30 นาที |
| ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม | 405 กม. |
2. รถพลังงานไฟฟ้า BYD Atto 3

ฮอตไม่ฮอตไม่รู้แต่คนไทยแห่จองกันตั้งแต่เช้ามืดจนเป็นข่าวมาแล้ว! กับ BYD Atto 3 (บีวายดี อ๊อตโต้ 3) รถยนต์ไฟฟ้า ประเภท SUV ขนาดเล็กจากบ้าน BYD อีกคันที่น่าสนใจ โดยมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 1 ตัวติดตั้งบริเวณล้อหน้า พร้อมระบบเกียร์ 1 สปีด และแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 49.9 kWh บนพื้นฐาน e-Platform 3.0 เช่นเดียวกับ Dolphin
ภายในมาพร้อมความจุด้านท้ายสูงสุด1,340 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง แถมยังได้ฝาท้ายระบบไฟฟ้าและหลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมระบบกันหนีบและราวหลังคาสำหรับติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมด้วย
BYD Atto 3
| ราคารถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้น | 1,199,900 บาท |
| กำลังสูงสุด | 201 แรงม้า |
| แรงบิดสูงสุด | 310 Nm |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 49.9 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
| ใช้เวลาชาร์จนาน | 7 ชั่วโมง / ชาร์จด่วน 40 นาที |
| ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม | 410 กม. |
3. รถพลังงานไฟฟ้า BMW iX3

BMW iX3 (บีเอ็มดับเบิลยู ไอเอ็กซ์3) ครอสโอเวอร์ ขนาดคอมแพกต์ 5 ที่นั่งไฟฟ้าล้วนคันนี้นำเข้า CBU มาจากจีน โดยเป็นหนึ่งใน BMW X3 Series โดยดีไซน์ภายนอกใช้แพลตฟอร์มและดีไซน์ร่วมกับ BMW X3 ที่ออกแบบสำหรับทุก ประเภทรถยนต์ แต่ปรับรูปแบบกระจังหน้าขนาดใหญ่ให้เป็นแบบปิดตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้าโดยยังคงเอกลักษณ์ Kidney Grille และโลโก้ BMW ตัดขอบสีฟ้าบ่งบอกความเป็นรุ่นไฟฟ้าล้วน
ด้านล่างมี Diffuser ช่วยตัดลมและไม่มีช่องเว้าท่อไอเสีย ขณะที่ภายในยังคงตกแต่งตามสไตล์ของ BMW ที่เน้นความพรีเมี่ยมเป็นหลัก ใช้ขุมพลัง BMW eDrive 1 มอเตอร์พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
BMW iX3
| ราคารถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้น | 3,699,000 บาท |
| กำลังสูงสุด | 286 แรงม้า |
| แรงบิดสูงสุด | 400 Nm |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 80 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
| ใช้เวลาชาร์จนาน | 8 ชั่วโมง / ชาร์จด่วน 34 นาที |
| ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม | 470 กม. |
4. รถพลังงานไฟฟ้า Volvo XC40 Recharge Pure Electric

Volvo XC40 Recharge (วอลโว่ เอ็กซ์ซี40 รีชาร์จ) รถยนต์ไฟฟ้าล้วน EV SUV กลุ่ม B-Segment ที่แรงทะลุมิติ EV ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม เพียง 4.9 วินาที แถมยังมาพร้อม 2 มอเตอร์ขนาด 150 kW ทั้งหน้าหลัง ขณะที่ตัวถังใช้พื้นฐานเดียวกับ Volvo XC40 แบบเครื่องยนต์สันดาปทุกประการ แตกต่างกันเพียงกระจังหน้าแบบปิดทึบในเฉพาะรุ่นไฟฟ้าล้วนเท่านั้น
ด้านในมาพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุมากถึง 1,295 ลิตรเมื่อพับเบาะนั่ง และหลังคาแบบ Panoramic Glassroof ลดความร้อนได้มากถึง 80% และหน้าจอมัลติมีเดียระบบปฎิบัติการของ Google ที่เพียงแค่สั่ง “Hey Google” ก็สามารถใช้งานได้ทันที
Volvo XC40 Recharge Pure Electric
| ราคารถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้น | 2,590,000 บาท |
| กำลังสูงสุด | 408 แรงม้า |
| แรงบิดสูงสุด | 660 Nm |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 78 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
| ใช้เวลาชาร์จนาน | 7 ชั่วโมง / ชาร์จด่วน 20 นาที |
| ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม | 500 กม. |
5. รถพลังงานไฟฟ้า Tesla Model Y

อีกหนึ่งแบรนด์ BEV สุดฮอตที่ใครๆ ก็อยากลองนั่งสักครั้งกับ Tesla Model Y (เทสลา โมเดล วาย) ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ โดยเป็น Crossover EV SUV 5 ประตูรุ่นรองลงมาจากรุ่นพี่อย่าง Model X มาพร้อมขนาดกระทัดรัดในราคาเข้าถึงง่าย อีกทั้งยังเป็น Tesla รุ่นแรกที่ใช้ชิ้นส่วนตัวถังจากเครื่อง Gigapress ซึ่งจะทำให้โครงสร้างตัวรถมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นโดนใช้การพิมพ์ขึ้นรูปในชิ้นเดียว พร้อมไฟหน้าแบบ Matrix LED เต็มระบบ ขณะที่ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย แต่ก็ยกฟีเจอร์มาครบครันทั้งมือจับประตูแบบเรียบเนียนกับตัวรถ, หลังคาแก้วแบบพาโนรามิก, กล้องรอบคัน, Autopilot เป็นต้น
Tesla Model Y
| ราคารถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้น | 1,959,000 บาท |
| กำลังสูงสุด | 283 แรงม้าในรุ่น Standard |
| แรงบิดสูงสุด | 420 Nm ในรุ่น Standard |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 55 กิโลวัตต์/ชั่วโมงในรุ่น Standard |
| ใช้เวลาชาร์จนาน | 8 ชั่วโมง 15 นาที / ชาร์จด่วน 27 นาที |
| ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม | 510 กม. ในรุ่น Standard |

5 รถพลังงานไฟฟ้า ที่มาแรงที่สุดปี 2023
มาถึงในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามองในปีนี้ จะมี รถไฟฟ้ารุ่นไหนดี ค่ายไหนบ้างที่เข้ามาทำตลาด ยี่ห้อรถไฟฟ้าในไทย และมีความโดดเด่นอย่างไร เราไปติดตามกันดีกว่าว่าแต่ละรุ่นมีความพิเศษยังไงบ้าง
1. รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อ Porsche Taycan Turbo

เริ่มต้นที่ รถไฟฟ้าที่แรงที่สุด จากค่าย Porsche ที่มีดีไซน์สวยโดดเด่น มาพร้อมกับทรงสปอร์ต และมาแรงที่สุดในขณะนี้ ซึ่งรุ่นนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกจาก Porsche ที่สามารถเพิ่มออปชั่นแบบ Custom ได้เองตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน มีอัตราเร่งที่ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแค่ 2.8 วินาทีเพียงเท่านั้น และมาพร้อมกับระบบเซฟตี้เหนือชั้น อย่างระบบที่ช่วยเบรกหรือช่วยเร่งอัตราความเร็วอัตโนมัติ ไม่ต้องกังวลต่อการขับขี่บนท้องถนน สำหรับใครที่เป็นชอบดีไซน์รถแบบโดดเด่น รับรองว่าเลือก Porsche Taycan Turbo ไม่มีผิดหวังแน่นอน
Porsche Taycan Turbo
| ราคาเริ่มต้น | 9,900,000 บาท |
| กำลังสูงสุด | 530-761 แรงม้า |
| แรงบิดสูงสุด | 850-1,050 Nm |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 93.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
| ใช้เวลาชาร์จนาน | 8 ชั่วโมง / ชาร์จด่วน 22 นาที |
| ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม | 503 กม. |
2. ยี่ห้อรถไฟฟ้า Audi e-tron GT

สำหรับรถยนต์จากค่าย Audi ก็มีดีไซน์สวยไม่แพ้กัน มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 4.5 วินาที พร้อมด้วยระบบเซฟตี้แน่น ๆ ที่ช่วยให้ขับขี่ได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สมรรถนะเครื่องแรง และยังมีสีตัวถังมีให้เลือกถึง 8 สี ภายในห้องโดยสารหรูหรา กว้าง นั่งสบาย มีการรับประกันแบตเตอร์รี่นานถึง 8 ปี แถมมีโหมดบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ให้อีกเป็นเวลา 5 ปีอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นรถไฟฟ้าแห่งปี 2023 ที่คุ้มค่า คุ้มราคาสุด ๆ
Audi e-tron GT
| ราคาเริ่มต้น | 6,390,000 บาท |
| กำลังสูงสุด | 476 แรงม้า |
| แรงบิดสูงสุด | 630 Nm |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 93.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
| ใช้เวลาชาร์จนาน | 4 ชั่วโมง 30 นาที / ชาร์จด่วน ประมาณ 20 นาที |
| ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม | 540 กม. |
3. รถยนต์พลังงานไฟฟ้า MG4 Electric

อีกหนึ่งรถยนต์ BEV ราคาประหยัดที่ได้รับความสนใจอย่างมากกับ MG4 (เอ็มจี4) หรือ MG สีฟ้า ที่เปิดตัวมาในราคาเพียง 6 หลักทั้งรุ่น D และรุ่น X ที่เป็นรุ่นทอป โดยใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor และแบตเตอรี่ RUBIK’s CUBE Battery มาตรฐาน IP67 พร้อมโหมดขับเคลื่อน 5 รูปแบบ และระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System ถึง 26 ระบบ โดยเฉพาะสำหรับรุ่น X เพิ่มงบอีก 1 แสนได้ทั้งอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 มิติ, สปอยเลอร์หลัง Twin Arrow Wing และออปชั่นเพิ่มอีกเพียบ
MG4 Electric
| ราคารถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้น | 869,000 บาท |
| กำลังสูงสุด | 170 แรงม้า |
| แรงบิดสูงสุด | 250 Nm |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 51 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
| ใช้เวลาชาร์จนาน | 8 ชั่วโมง 30 นาที / ชาร์จด่วน 35 นาที |
| ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม | 425 กม. |
4. รถยนต์พลังงานไฟฟ้า Lexus RZ 450e

Lexus RZ 450e (เล็กซัส อาร์ซี 450อี) เป็น Crossover SUV สุดหรูที่นำเข้าทั้งคันแบบ CBU จากญี่ปุ่น โดยมาด้วยกัน 2 รุ่นคือ Luxury และ Premium ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ DIRECT4 ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยมอเตอร์ด้านหน้าให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ขณะที่มอเตอร์ด้านหลังให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า
สำหรับรุ่น Premium เพิ่มฟังก์ชั่นเด่น เช่น ระบบทำความสะอาดไฟหน้า, ไฟตัดหมอกหน้า, ระบบซับเสียงกระจกข้าง/หลัง, หลังคากระจกพาโนรามาพร้อมฟังก์ชันปรับความใสกระจก ฯลฯ ในราคาที่ต่างกัน 3 แสนกว่าบาท ส่วนระบบความปลอดภัยไม่ต่างกันมาก มีระบบไฟหน้าปรับสูง-ต่ำอัจฉริยะที่เพิ่มมาเท่านั้น
Lexus RZ 450e
| ราคารถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้น | 3,870,000 บาท |
| กำลังสูงสุด | 313 แรงม้า |
| แรงบิดสูงสุด | 435 Nm |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 71.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
| ใช้เวลาชาร์จนาน | 6 ชั่วโมง 30 นาที / ชาร์จด่วน 35 นาที |
| ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม | 470 กม. |
5. รถไฟฟ้าครอบครัว MG MAXUS 9

MG MAXUS 9 (เอ็มจี แม็กซัส 9) รถ MPV พลังงานไฟฟ้า 100% สุดหรูแบบ 7 ที่นั่ง โดยรุ่นที่นำเข้าไทยเป็นเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาคันแรกในย่านอาเซียน มาพร้อมดีไซน์หรูหราด้วยกระจังหน้าแบบ Grille Less Design พร้อมชุดไฟหน้าแบบ LED ทั้งระบบและไฟ DRL พาดใต้ฝากระโปรงหน้า
ขณะที่ประตู 2 ฝั่งเป็นแบบสไลด์ด้วยไฟฟ้า มาพร้อมภายในที่เน้นความพรีเมี่ยม หรูหรา กว้างขวาง ห้องโดยสารจะเป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ขณะที่เบาะนั่งผู้โดยสารปรับอัตโนมัติ 4 ทิศทาง แถมเบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ VIP Captain Seat ยังมีระบบบันทึก ระบบนวด และสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามต้องการด้วย
MG MAXUS 9
| ราคารถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้น | 2,499,000 บาท |
| กำลังสูงสุด | 245 แรงม้า |
| แรงบิดสูงสุด | 350 Nm |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 90 กิโลวัตต์/ชั่วโมง |
| ใช้เวลาชาร์จนาน | 8 ชั่วโมง 30 นาที / ชาร์จด่วน 36 นาที |
| ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม | 540 กม. |
การดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า

แน่นอนว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นต่างก็ต้องดูแลรักษาเช่นเดียวกับรถยนต์ทั่วไป ซึ่งรายละเอียดในการดูแลรักษาอาจมีความแตกต่างกัน ซึ่งการดูแลรถยนต์ไฟฟ้าแบบเบื้องต้นนั้นมีดังนี้
1. ดูแลมอเตอร์
องค์ประกอบสำคัญของการบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า คือ มอเตอร์ ส่วนใหญ่แล้วมอเตอร์ของรถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องมีการบำรุงรักษาในระดับเดียวกับเครื่องยนต์แบบดั้งเดิม เพราะไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือแม้แต่เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง แต่เพื่อให้มอเตอร์มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีนั้นควรนำมอเตอร์ของรถยนต์ไฟฟ้าเข้ารับบริการบ่อยเท่ากับรถยนต์ทั่วไป และใช้บริการจากช่างที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านยานยนต์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์
2. ศึกษาทำความเข้าใจการบำรุงรักษาเบรก
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านั้นใช้สิ่งที่เรียกว่า Regenerative braking ซึ่งเป็นการใช้เบรกในการชาร์จไฟที่เป็นข้อได้เปรียบในการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการเพิ่มการชาร์จไฟให้สามารถขับขี่ได้ไกลกว่าเดิมโดยเฉพาะในเมืองที่มีการแตะเบรกอยู่บ่อยครั้ง การเบรกแบบ Regenerative braking จะช่วยให้คุณรักษาผ้าเบรกของได้นานขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการเหยียบเบรกในขณะที่รถมีความเร็วสูง ก็จะช่วยรักษาผ้าเบรกให้อยู่ได้นานขึ้นเช่นกัน
3. ควรจอดรถไฟฟ้าของคุณไว้ในที่ร่ม
การยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โดยรวมด้วยวิธีง่าย ๆ สามารถทำได้โดยการจอดรถในที่ร่ม เพราะจะช่วยทำให้อุณหภูมิทรงตัวในวันที่อากาศร้อน ซึ่งถ้าหากปล่อยให้รถของคุณตากแดดนาน ระบบการจัดการความร้อนจะตอบสนองต่อความร้อนและจะทำงานหนักอย่างต่อเนื่องภายใต้แสงแดด เสี่ยงทำให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไป ซึ่งถ้าหากจอดรถในที่ที่มีอากาศร้อนเป็นเวลานาน ก็จะส่งผลทำให้แบตเตอรี่มีอายุสั้นลงด้วย
4. การบำรุงรักษาพื้นฐาน
การบำรุงรักษารถยนต์ขั้นพื้นฐานนั้นยังคงจำเป็นเช่นเดิมเหมือนรถยนต์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น การเช็กเปลี่ยนยางครั้งสุดท้าย ระดับน้ำหล่อเย็นในรถ และการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนอย่างน้องสองปีต่อครั้ง ซึ่งแน่นอนว่ามีบางสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป เมื่อคุณเปลี่ยนมาขับรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แต่ถ้าหากสงสัยว่ารถของคุณกำลังมีปัญหา ควรรีบตรวจเช็กโดยผู้เชี่ยวชาญ เมื่อรู้สึกถึงสัญญาณแรกของปัญหา
สำหรับข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเสนอในวันนี้คงช่วยให้หลาย ๆ คนได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่ารถยนต์ไฟฟ้าค่ายไหนน่าจับตามองและน่าจับจองในปีนี้ ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตเราคงได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าจากหลากหลายค่ายมากขึ้นแน่นอน และนอกจากนี้ก็ยังเปลี่ยนอนาคตด้านพลังงานด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นไปไหนทิศทางไหนนั้นก็คงต้องจับตามองกันต่อไปในปีนี้ยาว ๆ
12 รถยนต์แนะนำปี 2024 รุ่นไหนดี รุ่นไหนน่าใช้
ถ้าพูดถึงสิ่งที่ทุกครอบครัวหรือทุกๆ คนจะต้องซื้อสักครั้งในชีวิต “รถยนต์” นับเป็นสิ่งจำเป็นที่แทบทุกคนต้องมีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและการดำเนินชีวิต แต่ก็มีหลายประเภทด้วยกันตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ทำให้ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์อาจสับสนในการเลือกซื้อรถคันแรก แล้วรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี? วันนี้ เงินให้ใจ จึงรวบรวมลิสต์รถยนต์ 12 อันดับยอดนิยมจากแบรนด์ชั้นนำเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันแรกอย่างมีประสิทธิภาพ
1. Toyota Yaris Ativ
รถยนต์ซีดานขนาดเล็กที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ในเมืองโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ทันสมัย กะทัดรัด แต่ยังคงความสง่างาม ประหยัดน้ำมัน และมีความปลอดภัยสูง พร้อสเปคแบบจัดเต็มเช่น Adaptive cruise control แบบ All-Speed ช่วยให้การขับขี่บนท้องถนนเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยราคาของ Toyota Yaris Ativ จะอยู่ที่ 549,000 – 699,000 บาท
2. Honda City Minor change
อีกแบรนด์หนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากๆ ในปีนี้ก็คือ Honda City Minor change ซึ่งรุ่นนี้เป็นการปรับโฉมด้านดีไซน์ เพิ่มความทันสมัยและสมรรถนะบางส่วน ซึ่งขุมพลังคงใช้เครื่องยนต์เดิม แต่อาจมีการปรับแต่งช่วงล่างให้ทันสมัยขึ้น โดยราคาของ Honda City Minor change จะอยู่ในช่วง 599,000 – 749,000 บาท
3. All-New Honda Accord
เป็นการปรับโฉมใหญ่ที่ดีไซน์หรูหรา สมรรถนะสูงและเทคโนโลยีล้ำสมัยของฮอนด้า ออกวางจำหน่ายประมาณต้นปี 2024 ด้วยดีไซน์ภายนอกมีความโฉบเฉี่ยว สปอร์ต และทันสมัยมากขึ้น และที่แน่นอนคือ มีราคาสูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า แต่คุ้มค่ากับความพรีเมี่ยมที่ได้รับ โดยราคาจะอยู่ในช่วง 1,529,000 – 1,799,000 บาท
4. BMW X5 xDrive30d M Sport
BMW X5 xDrive30d M Sport เป็นรถ SUV รุ่นดีเซลสมรรถนะสูงในตระกูล X5 ที่มาพร้อมชุดแต่ง M Sport สปอร์ตสไตล์หรูหราจากบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมห้องโดยสารแบบ M Sport หรูหราสปอร์ตด้วยวัสดุคุณภาพดี มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและสมรรถนะครบครันเป็นตัวเลือกลูกค้าระดับบนที่ต้องการสมรรถนะและความสปอร์ต โดยราคาจะอยู่ที่ 3,590,000 บาทในปัจจุบัน
5. Honda HR-V
Honda HR-V เป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัดที่มีความทันสมัย ประหยัดน้ำมัน และคุ้มค่าคุ้มราคา มีเอกลักษณ์ด้วยคอนเซ็ปต์ Coupe-Like Crossover เน้นประสิทธิภาพการใช้งานและการประหยัดน้ำมัน ตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซินหรือไฮบริด มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ i-MMD ช่วยเสริมความสามารถบนทุกสภาพถนน โดยราคาจะอยู่ที่ระหว่าง 979,000 – 1,179,000 บาท
6. Toyota Corolla Cross
Toyota Corolla Cross เป็นรถครอสโอเวอร์คอมแพกต์ที่น่าสนใจจากโตโยต้า ด้วยความทันสมัย ประหยัดน้ำมัน และมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ธรรมดาและไฮบริด ดีไซน์ทันสมัย สปอร์ต มีเอกลักษณ์คล้ายรถอเนกประสงค์ มาตรฐานระบบขับเคลื่อน 2WD หรือเลือกได้ 4WD ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยครบครัน โดยราคาจะอยู่ระหว่าง 999,000 – 1,204,000 บาท
7. MG 5
รถยนต์นั่งขนาดกลางแบบ 5 ประตู จากค่ายรถยนต์จีน MG ดีไซน์ทันสมัย ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินตัวเลือกหลัก 1.5 ลิตร ประหยัดน้ำมัน มีการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีทันสมัย เป็นทางเลือกน่าสนใจสำหรับรถบ้านรุ่นใหม่คุณภาพดี ราคาประหยัด โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 589,900 บาท
8. Mazda CX–30
เป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดกลางรุ่นใหม่ล่าสุดจากมาสด้า มีเอกลักษณ์ตามแนวคิด Kodo Design ห้องโดยสารกว้างขวาง เน้นทั้งความปลอดภัยและสมรรถนะการขับขี่ในระดับพรีเมียม ซึ่งต้องบอกว่าราคาจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่ายรถยนต์ทั่วไป แต่คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 989,000 บาท
9. Toyota Veloz
รถยนต์อเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง รุ่นใหม่ล่าสุดจากโตโยต้า มีรุ่นไฮบริดระบบ AWD มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยครบครัน เน้นความคุ้มค่า ประหยัดน้ำมัน และการใช้งานที่หลากหลาย ราคาจำหน่ายอยู่ในระดับรถ MPV ทั่วไป แต่มีความโดดเด่นในเรื่องของขนาดที่กว้างขวาง รองรับได้ทั้งครอบครัว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 795,000 บาท
10. Suzuki XL7
รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ขนาดกลาง รุ่นใหม่จากซูซูกิ ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ประหยัดน้ำมัน มาตรฐานระบบขับเคลื่อน 2WD หรือเลือกได้ 4WD มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยพื้นฐาน และเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการรถครอบครัวที่รองรับได้หลายคน แต่มีความคุ่มค่าคุ้มราคา โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 799,000 บาท (สีขาวมุกเพิ่ม 5,000 บาท)
11. Mitsubishi Pajero Sport
รถเอสยูวีสมรรถนะสูง ดีไซน์สปอร์ตหรูหรา สามารถบุกป่าฝ่าดงได้อย่างแข็งแกร่ง เหมาะกับไลฟ์สไตล์ออฟโรด สามารถผจญภัยได้ทุกสภาพเส้นทาง มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีครบครัน สมรรถนะการบรรทุกและลากจูงได้ในระดับแนวหน้า โดยมีราคาระหว่าง 1,389,000 – 1,689,000 บาท
12. Kia Carnival
เป็นรถยนต์ MPV ขนาดใหญ่ รุ่นเรือธงจากค่ายเกียในเมืองไทย ดีไซน์ทันสมัย หรูหรา ดูสปอร์ตและพรีเมียม ห้องโดยสารกว้างขวางสำหรับ 7-11 ที่นั่ง นั่งสบายทุกที่นั่ง อุดมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยมากมาย สมรรถนะการบรรทุกและลากจูงอยู่ในระดับแนวหน้า ราคาสูงแต่คุ้มค่าสำหรับ MPV พรีเมียมระดับนี้ โดยมีราคาระหว่าง 1,892,000 – 2,234,000 บาท
สรุป
ทั้งหมดนี้ก็เป็นรถยนต์ที่น่าสนใจ ซึ่งทุกรุ่นที่กล่าวมาล้วนเป็นรุ่นไฮไลท์ที่น่าจับตามองในปี 2024 ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม รถยนต์รุ่นที่ดีและน่าใช้ที่สุดก็จะขึ้นอยู่กับรสนิยมและความต้องการของคนใช้
บริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ เงินให้ใจ

