ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
ส่องอันดับยอดขายรถยนต์ญี่ปุ่น “Kei Car” ประจำปี 2025
ก.ค. 08, 2025
- Clip
ส่องอันดับยอดขายรถยนต์ญี่ปุ่น “Kei Car” ประจำปี 2025
ประเทศญี่ปุ่นมีการแบ่งประเภทรถยนต์ตาม Segment ซึ่งมีประเภทพิเศษที่เรียกย่อๆว่า “Kei Car” หรือชื่อเต็มในภาษาญี่ปุ่นคือ “เคอิจิโดชะ” (Keijidousha / 軽自動車) เป็นรถยนต์ขนาดเล็กตามมาตรฐานเฉพาะของญี่ปุ่นที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย โดยรถประเภทนี้มีขนาดกะทัดรัดมาก ตัวรถมีความยาวไม่เกิน 3.4 เมตร ความกว้างไม่เกิน 1.48 เมตร ความสูงไม่เกิน 2.0 เมตร และความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์ไม่เกิน 660cc
นอกจากข้อกำหนดของขนาดตัวรถและเครื่องยนต์แล้ว ยังมีการกำหนดจำนวนผู้โดยสารไว้ไม่เกิน 4 คน อีกด้วย สำหรับแผ่นป้ายทะเบียนรถ Kei Car นั้นจะมีความแตกต่างจากรถทั่วไป โดยจะแยกเป็นรถสำหรับใช้งานส่วนบุคคล สีพื้นของป้ายทะเบียนจะเป็นสีเหลืองแทนที่จะเป็นสีขาวเหมือนรถยนต์ทั่วไป หากมีโอกาสเราจะมาเขียนบทความแนะนำรถ Kei Car ให้รู้จักกันมากขึ้นนะ
ในครั้งนี้ เราจะพาทุกคนไปดูผลการจัดอันดับยอดขายรถยนต์ “Kei Car” รุ่นใหม่ ประจำปี 2025 (รอบเดือนเมษายน 2024 ถึงเดือนมีนาคม 2025) โดยสมาคมยานยนต์ขนาดเบาแห่งประเทศญี่ปุ่น มาดูกันสิว่า จะมีรุ่นใดของค่ายรถไหนบ้าง!
อันดับ 10 : MITSUBISHI・DELICA MINI/eK จำนวน 5,421 คัน
อันดับ 9 : DAIHATSU・TAFT จำนวน 5,745 คัน
อันดับ 8 : DAIHATSU・MIRA จำนวน 5,877 คัน
อันดับ 7 : SUZUKI・WAGON R จำนวน 6,753 คัน
อันดับ 6 : NISSAN・LOOX จำนวน 8,360 คัน
อันดับ 5 : SUZUKI・ HUSTLER จำนวน 8,379 คัน
อันดับ 4 : DAIHATSU・MOVE จำนวน 9,579 คัน
อันดับ 3 : DAIHATSU・TANTO จำนวน 12,012 คัน
อันดับ 2 : SUZUKI・SPEICA จำนวน 16,463 คัน
อันดับ 1 : HONDA・N-BOX จำนวน 23,627 คัน
จากการผลการจัดอันดับยอดขายรถยนต์ Kei Car ประจำปี 2025 ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่ติดอันดับมากที่สุดคือ DAIHATSU จำนวน 4 คัน รองลงมาคือ SUZUKI จำนวน 3 คัน และค่ายที่ติดอันดับอย่างละ 1 คัน คือ HONDA, NISSAN และ MITSUBISHI
แต่ก่อนที่เราจะไปอ่านบทวิเคราะห์ส่งท้ายบทความ เราได้นำผลการจัดอันดับรถยนต์ “Kei Car” ประจำปี 2024 มาให้ทุกคนชมกันด้วย มาดูกันสิว่า ในปีที่แล้วรถยนต์ของค่ายไหนจะทำยอดได้สูงที่สุด
อันดับ 1 : HONDA・N-BOX จำนวน 217,68 คัน
อันดับ 2 : SUZUKI・SPECIA จำนวน 168,491 คัน
อันดับ 3 : DAIHATSU・TANTO จำนวน 122,358 คัน
อันดับ 4 : SUZUKI・ HUSTLER จำนวน 89,691 คัน
อันดับ 5 : SUZUKI・WAGON R จำนวน 75,800 คัน
อันดับ 6 : NISSAN・LOOX จำนวน 68,989 คัน
อันดับ 7 : SUZUKI・ALTO จำนวน 64,667 คัน
อันดับ 8 : DAIHATSU・MOVE จำนวน 63,512 คัน
อันดับ 9 : MITSUBISHI・DELICA MINI/eK จำนวน 54,659 คัน
อันดับ 10 : DAIHATSU・TAFT จำนวน 51,003 คัน
จากผลการจัดอันดับประจำปี 2024 ค่ายรถยนต์ที่ติดอันดับมากที่สุดคือ SUZUKI จำนวน 4 คัน รองลงมาคือ DAIHATSU จำนวน 3 คัน และค่ายที่ติดอันดับอย่างละ 1 คันคือ HONDA, NISSAN และ MITSUBISHI
สำหรับการจัดอันดับยอดขายรถยนต์ Kei Car สิ้นสุดที่เดือนมีนาคม ประจำปี 2025 ‘HONDA N-BOX’ ครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ด้วยยอดขาย 23,627 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 16.0%
อันดับ 2 ตามมาด้วย ‘SUZUKI SPACIA’ ที่หลังจากเปิดตัวรุ่นพิเศษ Active Gear ในเดือนกันยายน ปี 2024 ทำยอดขายไปได้ 16,463 คัน ถึงแม้ยอดขายจะลดลงจากปีก่อนประมาณ 7.9% แต่ก็ยังคงความนิยมไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ช่องว่างระหว่างอันดับ 1 และอันดับ 2 เพิ่มขึ้นจาก 3,108 คัน ในเดือนกุมภาพันธ์ เป็น 7,164 คัน ในเดือนมีนาคม
อันดับที่ 3 คือ DAIHATSU TANTO เป็นรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงบางส่วนเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา และกลับมาเดินสายการผลิตและส่งมอบรถยนต์อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง และทำยอดขายได้ถึง 12,012 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากถึง 1,123.2% โดยรถแนว Super Height Wagon ครองตำแหน่งใน 3 อันดับแรกทั้งหมดไป
ส่วนอันดับที่ 4 คือ DAIHATSU MOVE ซึ่งกลับมาผลิตและส่งมอบรถยนต์อย่างเต็มที่เช่นกัน โดยทำยอดขายได้ 9,579 คัน เพิ่มขึ้นมากถึง 1,329.7% จากปีก่อน และขยับอันดับขึ้นมาหนึ่งอันดับ ในขณะที่ SUZUKI HUSTLER ซึ่งเคยอยู่ในอันดับที่ 4 ต้องลดลงมาอยู่อันดับที่ 5 ด้วยยอดขาย 8,379 คัน ซึ่งลดลงไปประมาณ 21.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ดูเหมือนสาเหตุที่ยอดขายของ SUZUKI มีการชะลอตัวลง เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดที่โรงงานฟูจิโอกะของบริษัท Chuo Hatsujo เมืองโทโยตะ จังหวัดไอจิ ซึ่งเป็นผู้ผลิตคอยล์สปริงให้กับ SUZUKI ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนและจำเป็นต้องหยุดสายการผลิตไปบางส่วนนั่นเอง
ในบทสรุปนี้ จากผลการจัดอันดับของทั้ง 2 ปี กล่าวได้ว่าตลาดรถยนต์ของญี่ปุ่นยังคงให้ความเชื่อมั่นในมาตรฐานของ HONDA ซึ่งทำให้รถรุ่น N-BOX ขึ้นสู่อันดับ 1 ติดต่อกันหลายปี แต่ในอีกแง่หนึ่ง สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในผลการจัดอันดับยอดขายรถยนต์ Kei Car นั้นกลับไม่มีรถยนต์ของค่าย TOYOTA เลยแม้แต่คันเดียว ในขณะที่ NISSAN ติดอันดับ 1 ใน 10
สำหรับค่าย TOYOTA มีรถยนต์ Kei Car ที่เข้าข่ายอยู่บ้างนั่นก็คือ TOYOTA PIXIS EPOCH หากเทียบจากรูปลักษณ์ภายนอก ห้องโดยสารและคอนโซลหน้า คะแนนความน่าสนใจอาจจะเทียบกับรุ่นที่ติด 10 อันดับไม่ค่อยได้ แต่ในเรื่องเครื่องยนต์อาจจะตอบโจทย์ผู้บริโภคบางกลุ่มอยู่ก็เป็นได้ แต่ก็ไม่แน่ว่า TOYOTA PIXIS EPOCH คันนี้อาจจะติดอันดับที่ 11 ก็ได้เช่นกัน เนื่องจากผลการจัดอันดับถูกเปิดเผยออกมาเพียงแค่ 10 อันดับ เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถกล่าวได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดจากผลการจัดอันดับครั้งนี้ต่อค่าย TOYOTA ก็คือ ทางค่ายมีการหันไปเน้นพัฒนารถยนต์ Segment ที่ใหญ่กว่า แต่สำหรับตลาดรถยนต์ Kei Car อาจจะต้องยกให้กับ HONDA ไปก่อนในตอนนี้
สำหรับตลาดรถยนต์ของประเทศไทย รถยนต์ Kei Car อาจจะเป็นอีกทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจแทนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แม้ว่ารถยนต์ Segment นี้อาจจะไม่ได้มีการวางเครื่องยนต์ที่ใหญ่ เพราะถ้าหากใช้สเปคเดียวตามมาตรฐานญี่ปุ่น รถจะถูกวางเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังไม่เกิน 660cc ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากต้องขับรถขึ้นสะพานสูงหรือทางด่วน รถอาจจะมีข้อด้อยหลายอย่าง เช่น ในแง่ของเรื่องพละกำลังรถ จากปัจจัยดังกล่าว อาจจะทำให้หลายคนมองว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีแรงมากกว่า ทำได้ดีกว่าในการขับขี่ แต่ถึงกระนั้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์พลังงานแบบไหนย่อมมีจุดด้อยเสมอ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกคนที่สนใจเรื่องรถยนต์ญี่ปุ่น ในครั้งหน้า เราจะพาทุกคนไปตามเทรนด์รถญี่ปุ่นเรื่องอะไร รอติดตามกันได้เลย!
ที่มา
อ่านบทความอื่นๆ
- รถสัญชาติญี่ปุ่น 3 รุ่น ที่คุณภาพดีเกินราคา!
- ขับรถในญี่ปุ่นต้องระวัง! ‘การฝ่าฝืนกฎจราจรโดยประมาท 5 ข้อ’ ที่แม้แต่คนญี่ปุ่นก็เผลอทำโดยไม่รู้ตัว!
- “iino” ยานพาหนะเคลื่อนที่อัตโนมัติญี่ปุ่น @TAKANAWA GATEWAY CITY
- MAZDA จะเลิกผลิตเครื่องยนต์ “SKYACTIV-X” แล้วจริงหรือ?
เปิด 7 รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคาถูก ใครก็เป็นเจ้าของได้
ข่าวสารรถ | 8 ม.ค. 2568
ปัจจุบันรถไฟฟ้าขนาดเล็กในไทยมีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ หลากหลายรุ่น ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กแบรนด์จีน ราคาจับต้องได้ ไปจนถึงแบรนด์ยุโรประดับโลก ที่มาพร้อมกับความหรูหรา พรีเมียมสมราคาขาย และถ้าหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันเล็กแบรนด์ไหน หรือรุ่นอะไร รู้ใจได้ลิสต์ 7 รุ่นรถใหม่มาให้ทำความรู้จัก พร้อมข้อควรรู้อื่น ๆ มาให้อีกเพียบ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันเลย
สนใจแค่บางรุ่น ก็เลือกได้เลย!
หากคุณอยากซื้อรถที่สมรรถนะตอบโจทย์ ดีไซน์สวยตรงใจ ราคาไม่ถึงล้าน (บาท) แต่ยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจรถไฟฟ้าคันเล็ก ๆ รุ่นไหนดี ที่ตอบสนองความต้องการได้ครบทุกด้าน รู้ใจลิสต์แบรนด์และรุ่นรถเก๋งไฟฟ้าคันเล็กมาให้ทำความรู้จักมากถึง 7 แบรนด์ด้วยกัน ก่อนไปดูว่ามีรุ่นไหนกันบ้าง หากตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า อย่าลืมประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยปกป้องคุณจากค่าใช้จ่ายจากเรื่องไม่คาดฝัน เช่น ขับรถชน รถหาย น้ำท่วมรถ ถ้ามีประกันติดไว้ก็หมดห่วง
หมายเหตุ: ราคาที่แสดงเป็นราคา ณ วันที่สืบค้นข้อมูล ราคาปัจจุบันอาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถติดตามโปรโมชั่นและราคาได้ที่เว็บไซต์ของแบรนด์รถยนต์เพื่อประกอบการตัดสินใจ
1. Wuling BINGUO EV
หากกำลังจะซื้อรถใหม่และกำลังมองหารถไฟฟ้าคันเล็ก ใช้งานง่ายในเมือง Wuling BINGUO EV ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) ขนาด 31.9 kWh วิ่งได้สูงสุด 333 กม.ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ขับเคลื่อนล้อหน้า
ได้รับการพัฒนาให้เป็นแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ดีไซน์ภายนอกออกแบบตามแนวคิด Timeless Retro Design พร้อมล้อดีไซน์ล้ำสมัย สามารถเลือกตัวถังได้ทั้งหมด 3 สี คือ สีชานม, สีฟ้ากาแล็กซี และสีเขียวมูส
ราคารถไฟฟ้าคันเล็ก ๆ Wuling BINGUO EV
- Binguo SR AC : 419,000 บาท
- Binguo SRD DC : 449,000 บาท
2. Changan LUMIN
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถคันแรก ราคาจับต้องได้ Changan LUMIN เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่น่าสนใจ เพราะปรับลดราคาลง 1 แสนบาท มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 48 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 83 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 6.5 วินาที แถมยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ ECO และ SPORT วิ่งได้สูงสุดต่อการชาร์จ 301 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
ราคา Changan LUMIN
- Lumin L : ราคา 379,000 บาท (ปกติ 479,000 บาท)
- Lumin L DC : ราคา 399,000 บาท (ปกติ 499,000 บาท)
3. NETA V-II
รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน NETA V-II มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ช่วยให้การขับขี่กลายเป็นเรื่องสนุก คล่องตัว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่รถไฟฟ้าแบบลิเธียมไอออน ความจุ 36.1 kWh วิ่งได้ไกลถึง 382 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม (ตามมาตรฐาน NECD)
ราคา NETA V-II
- LITE : ราคา 549,000 บาท
- SMART : ราคา 569,000 บาท
4. BYD Dolphin
ถือเป็นข่าวดีของคนที่กำลังจะซื้อรถใหม่ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ BYD Dolphin ได้มีการปรับลดราคาถึง 160,000 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ดังนี้
- Standard Range
รุ่นนี้จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 12.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.วิ่งระยะทางสูงสุด 410 กม. (มาตรฐาน NEDC) แบตเตอรี่ Blade Battery (LFP) ขนาด 44.9 kWh
- Extended Range
รุ่นนี้จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า สูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. วิ่งระยะทางสูงสุด 490 กม. (มาตรฐาน NEDC) แบตเตอรี่ Blade Battery (LFP) ขนาด 60.5 kWh
ราคา BYD Dolphin
- Standard Range : 569,900 บาท
- Extended Range : 709,900 บาท
5. ORA Good Cat
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) หรือ GWM ได้จัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ORA Good Cat ด้วยการลดราคาสูงถึง 240,000 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ดังนี้
- รุ่น PRO และ ULTRA
รุ่นนี้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ หรือ 143 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร สามารถวิ่งได้ 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC)
- รุ่น GT
รุ่นนี้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 126 กิโลวัตต์ หรือ 171 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC)
ราคารถเก๋งไฟฟ้าคันเล็ก ORA Good Cat
- PRO : ราคา 629,000 บาท
- Ultra : ราคา 729,000 บาท
- GT : ราคา 859,000 บาท
6. Neta X
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Neta X เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยม ที่คนกำลังให้ความสนใจอย่างมาก ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย หน้าตาสวยพอประมาณ แถมยังมีออปชันครบครัน โดนใจ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย มาพร้อมกับการตกแต่งที่ดูพรีเมียม ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย
รุ่นนี้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในในเวลา 9.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ในส่วนของ “แบตเตอรี่” รุ่น Comfort มีขนาดความจุอยู่ที่ 51.8 kWh ระยะทางขับขี่ 401 กม. โดยรุ่น Smart เพิ่มเป็น 62 kWh ระยะทางขับขี่ 480 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)
ราคา Neta X
- Comfort : ราคา 739,000 บาท
- Smart : ราคา 799,000 บาท
7. MG4
NEW MG4 ELECTRIC หรือ MG4 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันเล็กรุ่นล่าสุด ที่ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM นวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุม หลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 135 kW มอบกำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จอยู่ 540 กิโลเมตร แม้ตัวเลขอาจไม่หวือหวาในเรื่องความแรง แต่ด้วยความที่เป็นรถเก๋งไฟฟ้าขนาดเล็ก ทำให้แรงม้าและแรงบิดทำงานทันทีที่กดคันเร่งจมมิด รับประสบการณีหลังติดเบาะหาได้เลย
ราคา MG4
- D : 709,900 บาท
- X : 809,900 บาท
- V : 889,900 บาท
- XPower : 1,119,900 บาท
นอกจากจะซื้อรถคันแรกสเปกที่ใช่ ราคาที่ชอบแล้ว การเลือกซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะรถไฟฟ้าขนาดเล็กในไทยมี ‘แบตเตอรี่’ ซึ่งมีราคาสูงมาก ๆ เป็นหัวใจสำคัญ หากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้นมา คุณจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเพียงคนเดียว แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อกับที่ไหน ‘รู้ใจ’ มีประกันราคาดี ทุนประกันสูงมานำเสนอ เข้ามาเช็คราคาก่อนใครได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ซื้อรถไฟฟ้าขนาดเล็กในไทยตอนนี้ เป็นตัวเลือกที่ดีมั้ย?
ปัจจุบันราคารถไฟฟ้าขนาดเล็กในไทยไม่แพงเท่าแต่ก่อน แถมแต่ละแบรนด์ยังปรับลดราคาขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า ถ้าตัดสินใจซื้อรถตอนนี้จะดีหรือไม่? เรื่องนี้มองได้หลายมุม การลดราคาของรถทำให้มูลค่ารถลดลงเร็ว รวมถึงอาจส่งผลต่อราคาขายในอนาคต แต่ในทางกลับกันก็ทำให้คนเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นและทำให้ประหยัดค่าน้ำมันลงได้เยอะ เรื่องนี้จึงไม่มีคำตอบเรื่องนี้ตายตัว โดยการคำนวณค่าน้ำมัน ค่าซ่อมรถ ราคาขายรถมือสอง และค่าไฟ โดยรวม 5 ปี 7 ปี ก็สามารถพอคาดเดาได้ว่าคุ้มหรือไม่ ตอบโจทย์เราหรือเปล่า และคนที่จะตอบได้ดีที่สุดก็คือคุณ ซึ่งเป็นผู้ใช้งานรถเก๋งไฟฟ้าคันเล็กเป็นประจำทุกวัน
การซื้อรถยนต์ปัจจุบัน มีรถไฟฟ้าขนาดเล็กในไทยให้เลือกซื้อหลากหลาย หากคุณสนใจอยากจะซื้อรถคันแรกเป็นรถเก๋งไฟฟ้าคันเล็ก ราคาจับต้องได้ บริการหลังการขายดี นอกจากจะต้องเลือกสเปกที่ตอบโจทย์ ราคาสบายกระเป๋าแล้ว อย่าลืมให้ความสำคัญในเรื่องประกันภัยรถยนต์ด้วย เพราะมันจะช่วยให้คุณอุ่นใจ และไม่ต้องแบกรับภาระก้อนใหญ่มากจนเกินไปยังไงล่ะ
