• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0210198 สร ปรถของฉ นเป นอะไร part 2

admin79 by admin79
October 2, 2025
in Uncategorized
0
N0210198 สร ปรถของฉ นเป นอะไร part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

เจาะยอดขายรถ 8 เดือนปี 68 เช็กเลยรถยนต์แบรนด์ใดขายดี 10 อันดับแรก

26 ก.ย. 2568 | 19:21 น.

อัปเดตล่าสุด :26 ก.ย. 2568 | 20:27 น.

เจาะยอดขายรถยนต์ไทย 8 เดือนปี 2568 เช็กเลยยี่ห้อใดขายดีสุด 10 อันดับแรก พร้อมประเมินสถานการณ์ตลาดทิศทางแนวโน้มรุ่งหรือร่วง!

ตลาดรถยนต์ในไทย 8 เดือนแรกปี 2568 (มกราคม -สิงหาคม 2568)ตัวเลขยอดขายกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย โดยรถยนต์รวมขายได้ทั้งสิ้น 399,945 คัน เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อมาดูยอดขายในเซกเมนต์ต่างๆพบว่า รถยนต์นั่ง มียอดขายรวม 154,766 คัน เพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ มียอดขาย 245,179 คัน เพิ่มขึ้น 0.2% และเมื่อมาดูยอดขายในกลุ่มรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) 8 เดือนแรกของปีนี้มียอดขาย 124,156 คัน ลดลง 11% ส่วนยอดขายเฉพาะรถกระบะ Pure Pick up มียอดขาย 96,046 คัน ลดลง 16.5%

ขณะที่ยอดขายรถยนต์รวมในเดือนสิงหาคม 2568 พบว่าตลาดรวมขายได้ทั้งสิ้น 47,622 คัน เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อมาดูเซกเมนต์ต่างๆพบว่า กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง ทำยอดขายได้ 18,168 คัน ลดลง 0.7% ส่วนตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปรับตัวดีขึ้น ด้วยยอดขาย 29,454 คัน เพิ่มขึ้น 12.3% และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขาย 14,599 คัน ลดลง 2.5% ในส่วนของรถยนต์ในกลุ่ม HEV มียอดขาย 11,230 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 26% และมียอดขายสะสมแปดเดือนแรกถึง 89,598 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 50.6% ของตลาด xEV ทั้งหมด

เมื่อมาเจาะลึกยอดขายของแต่ละแบรนด์ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปี 2568 พบว่า 3 อันดับแรกยังคงเป็นแบรนด์ญี่ปุ่น นำโดยโตโยต้า อีซูซุ ฮอนด้า ขณะที่อันดับ 4 ตกเป็นของแบรนด์จีนอย่าง บีวายดี ส่วนอันดับ 5 ยังคงเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นคือมิตซูบิชิ อย่างไรก็ดีเมื่อดูอัตราการเติบโต จะพบว่าแบรนด์จากจีนที่มีรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหัวหอกมียอดขายที่เติบโต ไม่ว่าจะเป็นบีวายดี เอ็มจี GWM ฉางอัน 

เจาะยอดขายรถ 8 เดือนปี 68 เช็กเลยรถยนต์แบรนด์ใดขายดี 10 อันดับแรก

ยี่ห้อรถขายดี 10 อันดับแรกประจำเดือนม.ค.-ส.ค. 68

  1. โตโยต้า 149,328 คัน ลดลง 1.7 % ส่วนแบ่งตลาด 37.3 %
  2. อีซูซุ 48,572 คัน ลดลง 17.9 %ส่วนแบ่งตลาด 12.1%
  3. ฮอนด้า 45,917 คัน ลดลง 14.9 %ส่วนแบ่งตลาด 11.5%
  4. บีวายดี 30,045 คัน เพิ่มขึ้น 43.9% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%
  5. มิตซูบิชิ 17,923 คัน ลดลง 1.9 %ส่วนแบ่งตลาด 4.5%
  6. เอ็มจี 15,726 คัน เพิ่มขึ้น 34.7% ส่วนแบ่งตลาด 3.9%
  7. ฟอร์ด 12,432 คัน ลดลง 15.8 %ส่วนแบ่งตลาด 3.1%
  8. GWM 10,308 คัน เพิ่มขึ้น 114.8 %ส่วนแบ่งตลาด 2.6%
  9. ฉางอัน 8,826 คัน เพิ่มขึ้น 50.7%ส่วนแบ่งตลาด 2.2 %
  10. นิสสัน 6,145 คัน ลดลง 9.2 % ส่วนแบ่งตลาด 1.5 %
     

ยี่ห้อรถขายดี 10 อันดับแรกประจำเดือนม.ค.-ส.ค. 68ยี่ห้อรถขายดี 10 อันดับแรกประจำเดือนม.ค.-ส.ค. 68

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

1 เดือนที่แล้ว

รถไฮบริด-อีโคคาร์ โดนขึ้นภาษีปี 2569 โตโยต้า หวั่นราคาขยับ กระทบตลาด

21 วันที่แล้ว

นิสสัน นำเข้ารถ e POWER ญี่ปุ่น ภาษี 20% ไฮบริดโตโยต้า-ฮอนด้า โดนเต็ม 80%

9 วันที่แล้ว

ยอดผลิตรถส.ค.68 ร่วง ส.อ.ท.ชงรัฐบาลอนุทินตั้งกองทุนค้ำประกันรถกระบะ

8 วันที่แล้ว

Tesla ปะทะลูกค้าพันธุ์แท้ ไม่รับรถเกรย์มาร์เก็ต ไทยยอดขายโต 14%

7 วันที่แล้ว

ซูซูกิ เปิดตัว Suzuki Fronx ราคา 6.89 – 7.99 แสนบาท นำเข้าอินโดนีเซีย

ตลาดรถก.ย.68 ยังทรงตัว ปชช.รอดูความชัดเจนนโยบายศก.รัฐบาลใหม่

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า โตโยต้ายังคงครองอันดับหนึ่งตลาดรถยนต์ ด้วยยอดขายสะสมแปดเดือนแรก149,328 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 37.3% โดยมีรถยอดนิยมอย่าง Yaris ATIV ที่ขายได้ 35,017 คัน และ Hilux REVO 25,182 คัน ส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ได้มีการแนะนำ ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดย New Yaris ATIV HEV น้องใหม่ล่าสุดสายไฮบริด ทำยอดจองสะสมหลังจากการเปิดตัวในช่วงปลายเดือนสิงหาคม จนถึงวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา มากกว่า 3,700 คัน ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า BEV อเนกประสงค์ รุ่น NEW bZ4X ที่เปิดรับจองสิทธิ์ผ่านช่องทางออนไลน์ มีผู้สนใจลงทะเบียนที่ 1,890 คัน 

ส่วนแนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนกันยายน 2568 คาดว่าจะทรงตัวเนื่องจากผู้บริโภครอความชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ อาจส่งผลให้ชะลอการซื้อ ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่ผันผวน และอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงิน ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย

รถยนต์ไฟฟ้า BEV อเนกประสงค์ รุ่น NEW bZ4Xรถยนต์ไฟฟ้า BEV อเนกประสงค์ รุ่น NEW bZ4X

ส.อ.ท.ชงรัฐบาลใหม่ ตั้งกองทุนค้ำประกันรถกระบะ

ด้านกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)ได้เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกุล โดยได้เสนอรัฐบาลตั้งกองทุนห้าพันล้านบาทเพื่อค้ำประกันผลขาดทุนจากการยึดรถกระบะแล้วขายขาดทุน โดยจ่ายผลขาดทุนตามจริงแต่ไม่เกินคันละห้าหมื่นบาทให้กับสถาบันการเงิน โดยมีข้อแลกเปลี่ยนหรือเงื่อนใขว่า สถาบันการเงินต้องปล่อยกู้ให้มียอดขายรถกระบะมากขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 30% 

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวว่า ข้อเสนอนี้เป็นของ กกร.ปีที่แล้วที่ได้ให้กับรัฐบาล โดยจะขอยกตัวอย่าง สมมติปีที่แล้วขายรถกระบะ 130,000 คัน ถ้าขายมากกว่าปีที่แล้วอย่างน้อย 30% ปีนี้ต้องปล่อยสินเชื่อให้ขายรถกระบะให้ได้ 170,000 คัน 

โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 40,000 คันนี้ รัฐบาลจะค้ำประกันผลขาดทุนจากการยึดรถคันละไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงตั้งกองทุนค้ำประกันผลขาดทุนจากรถยึดรถกระบะเพียง 2,000 ล้านบาท (40,000คัน × 50,000 บาทค่อคัน) แต่รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตรถกระบะ 3% × 24,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 720 ล้านบาท  (ถ้าเฉลี่ยรถกระบะคันละ 600,000 บาท x 40,000 คันที่เพิ่มขึ้น)เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%ของยอด 24,000 ล้านบาท ได้เงิน 1,680 ล้านบาท รวมเก็บภาษีสองประเภทนี้”เพิ่มขึ้น” 2,400 ล้านบาท มากกว่าเงินกองทุน 2,000 ล้านบาท

อีกทั้งยังเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ซัพพลายเชนขายได้มากขึ้น กำไรสุทธิมากขึ้น เช่น บริษัทผลิตยางล้อรถยนต์ขายยางล้อได้มากขึ้น160,000 เส้น กระจกขายได้มากขึ้น 40,000 แผ่น เครื่องปรับอากาศรถยนต์ขายมากขึ้น 40,000 เครื่อง บริษัทขายท่อไอเสียมากขึ้น 40,000 ชิ้นฯลฯ  และยังเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นจากรายได้พนักงานสถาบันการเงิน บริษัทประกันภัยและพนักงานขายรถกระบะรวมทั้งคนงานทำงานในบริษัทซัพพลายเชนที่มีรายได้เพื่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทลงทุนเพิ่ม จ้างงานเพิ่ม 

คนงานเหล่านี้มีรายได้มากขึ้นชำระหนี้ได้มากขึ้น(หนี้ครัวเรือนลดลงอย่างแท้จริง) ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น ทานอาหารมากขึ้น เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างประเทศและในประเทศลงทุนมากขึ้นและเร็วขึ้น ผลิตสินค้าส่งออกมากขึ้น เศรษฐกิจของประเทศไทยจะได้เติบโตเป็นวงจรขาขึ้นในอัตราที่สูงขึ้นเสียที

ส่วนเงินกองทุน 2,000 หรือ 5,000 ล้านบาทขึ้นกับเป้าหมายที่จะให้ขายรถกระบะเพิ่มขึ้นกี่หมื่นคันในแต่ละปี ซึ่งรัฐบาลจะจ่ายในอีกสองปีข้างหน้าเมื่อยึดรถกระบะมาแล้วและประมูลขายขาดทุนแล้วเท่านั้น

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  

NETA X คว้าอันดับ 1 ยอดจดทะเบียนรถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้า 100% ตุลาคม’67

ByAdmin

November 11, 2024

0

111

FacebookTwitterPrintLINE

NETA X Total Car Registrations SUV Electric Vehicle at October 2567
NETA X Total Car Registrations SUV Electric Vehicle at October 2567

บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้วิสัยทัศน์ “Tech for All” สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า…เพื่อทุกคน” เดินหน้าสู่ความสำเร็จอีกขั้น โดย NETA X คว้าอันดับ 1 ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% รถอเนกประสงค์ (SUV) ในเดือนตุลาคม 2567 ด้วยยอดจดทะเบียนสูงถึง 570 คัน ตอกย้ำความสำเร็จในการวางตำแหน่งทางการตลาด NETA X เป็น “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า สไตล์ SUV คันแรกของคุณ” ด้วยสโลแกน “เติมเต็มทุกโมเมนต์ กับนิยามใหม่ของความกว้าง”

มร. ชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “การที่ NETA X ได้รับการตอบรับที่ดี นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ NETA ไม่หยุดยั้งในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยยิ่งขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เหนือกว่า เราเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2565 และมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ NETA วิ่งอยู่บนถนนทั่วประเทศไทยจนถึงเดือนตุลาคม 2567 แล้วกว่า 20,000 คัน ครอบคลุมทั้ง NETA V, NETA V-II และ NETA X ควบคู่กับการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 60 แห่ง รวมทั้งกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก การนำเสนอผลิตภัณฑ์ และการบริการหลังการขายด้วยความเข้าใจความต้องการ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการสร้างความสำเร็จในระยะยาว และช่วยตอกย้ำแผนการดำเนินงานในประเทศไทย ภายใต้กลยุทธ์ ‘All in Thailand, All for Thailand’ จะสามารถยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่องที่ลดการปล่อยมลพิษ และส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่น่าอยู่ร่วมกัน”

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา NETA ได้ทุ่มเทงบประมาณกว่า 12,000 ล้านหยวน เพื่อขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์แพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 2 แพลตฟอร์ม ได้แก่ Shanhai และ Yunhe ซึ่งเน้นการออกแบบเชิงอัจฉริยะ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า พร้อมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ถึง 9 รุ่น โดยตั้งแต่ปี 2561 NETA ยังเป็นผู้นำในการริเริ่มและเข้าร่วมโครงการวิจัยระดับชาติมากมาย ส่งผลให้ได้รับสิทธิบัตรกว่า 3,514 รายการ รวมถึงสิทธิบัตรระดับนานาชาติกว่า 100 รายการ ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ NETA ได้พัฒนาแพลตฟอร์มยานยนต์ 2 ประเภทหลัก คือ รถยนต์ไฟฟ้าแบบขยายระยะทาง (EREV) และ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (Electric Vehicle) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคยานยนต์ไฟฟ้า

ความสำเร็จของ NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ SUV เปิดตัวในประเทศไทย ด้วยการวางตำแหน่งทางการตลาดเป็น “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ SUV คันแรกของคุณ” (Your First Electric SUV) ที่ออกแบบภายใต้แนวคิดและสโลแกน “เติมเต็มทุกโมเมนต์ กับนิยามใหม่ของความกว้าง” ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นอย่างดี ทำให้ปัจจุบัน NETA X เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ SUV ที่มียอดจดทะเบียนรถครั้งแรกเป็นอันดับ 1 ในเดือนตุลาคม 2567 โดยมียอดจดทะเบียนสูงถึง 570 คัน

ด้วยความโดดเด่นของดีไซน์ทั้งภายนอกที่สวยงาม ทันสมัย และภายใน ด้วยห้องโดยสารกว้างขวาง ตอบโจทย์เรื่องความนั่งสบาย ตามสไตล์เอสยูวี มีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,770 มม. มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 จอแสดงผลขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ช่วยควบคุมทุกฟังก์ชันได้ง่ายดายผ่านหน้าจอ และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระท้ายรถ จุถึง 508 ลิตร เบาะสามารถพับได้ ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1,388 ลิตร อีกทั้งแบตเตอรี่ที่รองรับระยะทางการขับขี่ สูงสุด 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถเป็นเจ้าของ NETA X ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 739,000 บาท

ลูกค้าที่จองรถยนต์ NETA X รุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ถึง 10 ธันวาคม 2567 และรับรถยนต์ภาย 10 ธันวาคม 2567

– เริ่มต้นดาวน์ 8,888 บาท ผ่อนสูงสุดที่ 84 งวด

– ฟรี! เครื่องชาร์จ NETA WALLBOX พร้อมค่าติดตั้ง จำนวน 1 ชุด
– ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
– ฟรี! ชุดสายชาร์จ
– ฟรี! แพคเกจอินเตอร์เน็ตภายในรถยนต์ไม่จำกัดจำนวน (internet in vehicle) ระยะเวลา 3 ปี
– ฟรี! รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ High Voltage 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
– ฟรี! รับประกันรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
– ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
– ฟรี! ค่าแรงและค่าอะไหล่รถยนต์เมื่อเช็คระยะครั้งแรกที่ 5,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
– ฟรี! ชุดพรมปูพื้น

Previous Post

N0210197 ญค ณข าวไข part 2

Next Post

N0210199 หน ไม อยากไปโรงเร ยน part 2

Next Post
N0210199 หน ไม อยากไปโรงเร ยน part 2

N0210199 หน ไม อยากไปโรงเร ยน part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0411563 หลอยผ วมาต วอ าย EP1 part 2
  • N0411126 จะได ณค าและความลำบากในการใช เง part 2
  • N0411120 การด แลต วเองหล งคลอด part 2
  • N0411125 องการคนร กเม อตอนท กคนไม องการ part 2
  • N0411124 ความค ดครอบคร วผ วเต าล านป part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.