• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0210259 ความซ อส ตย เอาชนะใจท านประธาน part 2

admin79 by admin79
October 2, 2025
in Uncategorized
0
N0210259 ความซ อส ตย เอาชนะใจท านประธาน part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

10 อันดับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่คุณต้องรู้ในปี 2025

By เฮเลน มูโทนี / 02/09/2025 / อ่านหนังสือ 7 นาที

รถยนต์ไฟฟ้าสีขาวที่สถานีชาร์จ

ในขณะที่โลกกำลังแสวงหาวิธีใหม่ๆ ในการปกป้องสิ่งแวดล้อม การมีผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนถือเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ดีกว่า รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในวิธีที่ผู้คนใช้ในการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนและมีส่วนช่วยในการปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยช่วยรักษาโลกด้วยการลดมลพิษทางอากาศและประหยัดเงินตลอดอายุการใช้งานของรถยนต์

ในบทความนี้ เราจะมาดูปัจจัยต่างๆ ที่ควรพิจารณาเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำบางยี่ห้อที่ควรพิจารณา อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า 

สารบัญ
ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
    เครือข่ายการชาร์จ
    อายุการใช้งานแบตเตอรี่และอายุการใช้งานแบตเตอรี่
    เวลาในการชาร์จ
10 อันดับ ยี่ห้อรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยม
    1. บีวายดี
    2 เทสลา
    3 ลุย
    4 ฮุนได
    5. เกีย
    6 BMW
    7 วอลโว่
    8 โฟล์คสวาเก้น
    9 Mercedes Benz
    10 นิสสัน
สรุป

ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก

รถสีเทาข้างสถานีชาร์จ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเนื่องจากพวกเขาตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม ตามรายงาน คนโง่ MotleyBYD ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศจีน ถือเป็นบริษัท EV ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีการผลิต EV 3 ล้านคันในปี 2023 ส่วน Tesla ผลิตได้ 1.8 ล้านคันในปี 2023 ทำให้เป็นผู้ผลิต EV รายใหญ่เป็นอันดับสอง

Statista รายงานว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลกคาดว่าจะเติบโตถึง 786.2 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปี 2024 และเติบโตที่อัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 6.63% ระหว่างปี 2024 ถึง 2029 และจะเติบโตแตะระดับ 1084.0 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปี 2029

ปัจจัยหลักที่ทำให้ความต้องการของตลาดเติบโตขึ้นคือความต้องการของลูกค้า เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน พวกเขาจึงเลือกใช้ทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน

แนวโน้มในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าส่งผลให้จำนวนผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลหลายแห่งได้นำมาตรการจูงใจมาใช้เพื่อส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ยานพาหนะไฟฟ้า.

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

รถสีดำ 2 คันข้างสถานีชาร์จ

ในขณะที่ ยานพาหนะไฟฟ้า ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าต้องพิจารณาหลายปัจจัยก่อนตัดสินใจซื้อ ปัจจัยบางประการที่ควรพิจารณา ได้แก่:

เครือข่ายการชาร์จ

ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ควรพิจารณาเครือข่ายการชาร์จในพื้นที่ของคุณก่อน ตรวจสอบ จุดชาร์จไฟในพื้นที่ของคุณโดยเฉพาะบนเส้นทางที่คุณใช้บ่อย แม้ว่าคุณจะมีจุดชาร์จที่บ้าน แต่คุณก็อาจต้องใช้จุดชาร์จสาธารณะ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับรถระยะไกล

อายุการใช้งานแบตเตอรี่และอายุการใช้งานแบตเตอรี่

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละแบรนด์จะมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งสำคัญคือต้องทราบระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของรถยนต์ที่คุณกำลังพิจารณาซื้อ เพื่อให้ทราบว่ารถยนต์รุ่นใดจะให้บริการคุณได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องชาร์จตลอดเวลา แม้ว่าบริษัทสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่งจะตั้งสถานีในพื้นที่ต่างๆ กันก็ตาม แบตเตอรี่รถยนต์ ชีวิตมีความหมายเมื่อคุณไปยังสถานที่ที่ไม่มีสถานีชาร์จไฟ

นอกจากนี้ คุณยังต้องทราบอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของรถด้วย แบตเตอรี่ส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานระหว่าง 150,000 ถึง 300,000 กิโลเมตร และความจุของแบตเตอรี่อาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป จึงจำเป็นต้องตรวจสอบการรับประกันแบตเตอรี่และนโยบายการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของผู้ผลิตก่อนซื้อรถ EV

เวลาในการชาร์จ

เวลาในการชาร์จของ EV ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงยี่ห้อด้วย ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือกำลังไฟฟ้าที่ส่งออกมา สถานีชาร์จ, ความจุของแบตเตอรี่ และกำลังสูงสุดของความสามารถในการดูดซับของตัวสะสม 

10 อันดับ ยี่ห้อรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยม

ตอนนี้เรารู้แล้วว่าต้องมองหาอะไรเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า มาดูแบรนด์ชั้นนำที่มีจำหน่ายกันดีกว่า

1. บีวายดี

รถยนต์ไฟฟ้า BYD Seagull สีขาว

สร้างความฝันของคุณ (BYD) เป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ก่อตั้งในปี 2003 และมีสำนักงานใหญ่ในประเทศจีน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุด และสายผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือซีรีส์ Dynasty ซึ่งตั้งชื่อตามราชวงศ์จีน รถยนต์ไฟฟ้า BYD ยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งคือซีรีส์ Ocean โดยรุ่นบางรุ่นในซีรีส์นี้ ได้แก่ รถยนต์แนวคิด BYD Song L, BYD Chaser 07 และ BYD Seagull

รถยนต์ BYD EV มีราคาประหยัด มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง มียอดขายสูงสุดในปี 2023 และมีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เชื่อถือได้

2 เทสลา

รถยนต์ Tesla Model X สีดำที่มีประตูหลังเปิดอยู่

เมื่อคุณพูดถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า Tesla คือแบรนด์ที่คนส่วนใหญ่นึกถึง Tesla Motors ได้เปิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไปทั่วโลก รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Tesla คือ Tesla Roadster แต่รถยนต์รุ่นซีดานรุ่น Model S คือรถที่ยกระดับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าไปอีกขั้น โดยรถยนต์รุ่นนี้มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน ซึ่งช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างเต็มที่

รุ่นถัดไปเป็น Tesla รุ่น Xรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเดียวที่มีความจุผู้โดยสาร 3 คนและเป็นหนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดจนถึงปัจจุบัน Model 2019 เป็นความพยายามที่จะทำให้รถยนต์มีราคาที่เอื้อมถึงได้มากขึ้นสำหรับคนส่วนใหญ่ ในปี 3 Tesla ได้ผลิต SUV ขนาดกะทัดรัดรุ่น Model Y ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรุ่น Model XNUMX มาก

3 ลุย

ฟอร์ดมัสแตงมัค-อีสีเงิน

ฟอร์ดเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วย Ford Focus Electric ซึ่งมีระยะทางวิ่งสั้นเพียงประมาณ 115 ไมล์ ต่อมาฟอร์ดก็สร้างผลกระทบที่ใหญ่ขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วย มัสแตงมัค – อี และตามมาด้วย F-150 Lighting ฟอร์ดผสมผสานสมรรถนะคลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้าอันโดดเด่น ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่มองหาสมรรถนะและกำลังที่ยอดเยี่ยม

4 ฮุนได

รถยนต์ Hyundai IONIQ 5 สีขาวบนชายหาด

Hyundai ก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วย Hyundai Kona Electric และสร้างความฮือฮาด้วย SUV ไฟฟ้า ฮุนได IONIQ 5ซึ่งได้รับการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์ย้อนยุค

นอกจากนี้ Hyundai ยังได้เข้าสู่กลุ่มรถยนต์ SUV ไฟฟ้าระดับหรูหราด้วยซีรีส์ Genesis ซึ่งประกอบด้วย GV60, Electrified GV70 และ Electrified G80

5. เกีย

รถยนต์ Kia EV9 สีน้ำเงิน XNUMX คันในลานจอดรถ

รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของ Kia คือ เกีย นิโร อีวีซึ่งเป็นรุ่นต่อจากรุ่นเดิมที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน จากนั้นจึงสร้างความฮือฮาด้วยรุ่น EV6 และ EV9 ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหญ่ที่มีสไตล์และกว้างขวาง โดยมีระยะทางวิ่งโดยประมาณมากกว่า 300 ไมล์

6 BMW

BMW iX จัดแสดงในห้องมืด

BMW เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าด้วยรุ่น BMW “i” ได้แก่ รถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดกะทัดรัดรุ่น i3 ที่มีให้เลือกทั้งแบบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนหรือแบบเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ และรถสปอร์ตไฮบริดปลั๊กอินรุ่น iXNUMX

ปัจจุบัน BMW นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าล้วนหลายรุ่น เช่น รถเก๋งขนาดกะทัดรัด i4 รถเก๋งผู้บริหาร i7และ SUV ขนาดกลาง iX โดยรุ่นใหม่มีระบบปฏิบัติการ iDrive ของ BMW

7 วอลโว่

Volvo C40 Recharge บนถนนลูกรัง

Volvo มีรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊กหลายรุ่น อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของบริษัทคือ XC40 Recharge ซึ่งเป็นรถยนต์ SUV หรูขนาดเล็ก ต่อมา เติมเงิน Volvo C40– เปิดตัวรุ่นย่อยของรุ่นก่อนหน้าที่มีหลังคาด้านหลังลาดเอียง

Volvo เปิดตัว EX90 ซึ่งเป็น SUV ไฟฟ้าที่มีระยะทางวิ่ง 300 ไมล์ ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 และจะเปิดตัว EX30 ในปี 2025

8 โฟล์คสวาเก้น

รถ Volkswagen ID.3 ในลานจอดรถ

Volkswagen เริ่มเข้าสู่การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าโดยทดลองใช้ e-Golf ซึ่งเป็นรุ่นไฟฟ้าของ Golf แฮทช์แบ็กขนาดกะทัดรัด จากนั้นจึงเริ่มแบรนด์ย่อย ID ด้วย ID.3 และรุ่นใหญ่กว่า ID.4 รถยนต์ SUV ขนาดกะทัดรัด.

Volkswagen เปิดตัวรถตู้ไฟฟ้า ID Buzz ในปี 2024 ซึ่งเป็นรถสไตล์ย้อนยุคที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถบัส VW นอกจากนี้ เรายังมี ID.7 ซึ่งเป็นรถเก๋งไฟฟ้าที่แทบจะเรียกได้ว่าหรูหรา Volkswagen ยังมีรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลายรุ่นที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเน้นที่การผสานรวมซอฟต์แวร์

9 Mercedes Benz

รถยนต์ SUV สุดหรู Mercedes Benz EQS 580

Mercedes Benz เข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเปิดตัว B-Class Electric ซึ่งดัดแปลงมาจาก B-Class และมีระยะทางวิ่งสูงสุด 100 ไมล์ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัทคือ EQS ซึ่งเป็นรถเก๋งขนาดใหญ่ที่มีขนาดและราคาใกล้เคียงกับ S-class นอกจากนี้ บริษัทยังมี EQB ซึ่งเป็น SUV ขนาดเล็กกว่า รถเก๋ง EQE และ EQE-SUVรถยนต์ไฟฟ้า Mercedes Benz มีระยะทางวิ่งระหว่าง 240 ถึง 400 ไมล์ 

10 นิสสัน

Nissan Leaf บนจุดชาร์จไฟฟ้า

Nissan เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยเปิดตัว Nissan Leaf ในปี 2011 รถแฮทช์แบ็กขนาดเล็กคันนี้มีสไตล์ที่แปลกใหม่และวิ่งได้ประมาณ 100 ไมล์ ปัจจุบัน Nissan Leaf วิ่งได้ 149 ไมล์สำหรับรุ่น Leaf S และ 215 ไมล์สำหรับรุ่น Leaf SV Plus

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่สองของ Nissan คือ Nissan Ariya ซึ่งให้สมรรถนะที่ดีกว่า ระยะทางที่วิ่งได้ พื้นที่ภายในกว้างขวางขึ้น และมีเทคโนโลยีที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ Hyundai Ioniq 5 และ Ford Mustang Mach-E

สรุป

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีรถยนต์หลากหลายประเภทให้เลือกสรร ตั้งแต่รถยนต์ราคาประหยัดไปจนถึงรถยนต์หรูหราและสมรรถนะออฟโรด ไม่ว่าคุณจะมองหารถยนต์ที่ราคาเอื้อมถึง สมรรถนะ หรือความหรูหรา แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำข้างต้นก็มีรถยนต์ให้เลือกสรรสำหรับทุกคน

หากพิจารณาถึงระยะทาง เวลาในการชาร์จ และตัวเลือกแบตเตอรี่ คุณจะสามารถพบ EV ที่ตรงตามความต้องการและความชอบของคุณ และยังช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนได้อีกด้วย

ยานยนต์, รถยนต์ไฟฟ้า, สินค้ามาใหม่ , การวิเคราะห์แนวโน้ม, ยานพาหนะและการขนส่ง

10 อันดับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกับราคาที่จับต้องได้

 28 มิถุนายน 2021| ไม่มีหมวดหมู่

ในปัจจุบันกระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่นิยมกันมากในวงการรถยนต์ของโลก ส่งผลให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงและยังช่วยให้สภาพแวดล้อมของโลกดีขึ้นอีกด้วย

ใครที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานและต้องการที่จะขายรถที่ใช้งานอยู่เพื่อเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาขายรถกับเรา Sell2Car เป้นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใครต้องการขายรถนึกถึง

วันนี้ Sell2Car รวบรวม 10 อันคับรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าและมีราคาที่ไม่แพงมานำเสนอ

  1. Takano TTE 500 Full Electric เป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบรนด์ญี่ปุ่นที่ผลิตในเมืองไทย เป็นรถ EV ที่มีขนาดเล็กที่มีราคาถูก สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบทั้งเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ หรือจะเป็นรถใช้ในครอบครัวก็ได้ ราคาอยู่ที่ 388,000 บาท ตัวรถจะเป็นทรงรถกระบะขนาดเล็ก ที่มีขนาดตัวถังความยาวอยู่ที่ 3,250 มม. ความกว้าง 1,480 มม. สูง 1,490 มม. และมีฐานล้อยาว 2,150 มม. ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ AC 5.5 Kw/72V มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 11 Kw/h สามารถวิ่งได้ถึง 100-120 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ในการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง จะใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมง เท่านั้น ส่วนความเร็วสูงสุดนั้นจะอยู่ที่ 60 กม./ชม. หรือประมาณ 6.7 แรงม้านั้นเอง

2. FOMM One เป็นรถไฟฟ้า 4 ที่นั่ง ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เหมาะสำหรับใช้งานในเมืองมาก ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ In-wheel ขนาด 5 kW จำนวน 2 ตัว ให้แรงบิดรวมสูงสุด 560 นิวตัน-เมตร สามารถชาร์จไฟจนเต็ม (0-100%) ในเวลา 6 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางมากถึง 160 กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 80 กม./ชม. ให้กำลังสูงสุด 13 แรงม้า ราคาอยู่ที่ 664,000 บาท

3. MG EP  รถสไตล์สเตชั่นแวกอนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” แบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 50.3 kWh ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน New European Driving Cycle – NEDC) และมีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100  ได้ภายใน 8.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco และ โหมด Sport สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 2 แบบ คือ Quick Charge แบบ DC ผ่านหัวชาร์จประเภท CCS Combo 2 โดยชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 80% ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที และ Normal Charge แบบ AC ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 100% ผ่าน MG Home Charger ที่เป็นหัวชาร์จ TYPE II ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ราคาอยู่ที่ 988,000 บาท

4. BYD T3 รถตู้ไฟฟ้าสำหรับงานในเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง AC Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 70 กิโลวัตต์ (94 hp) ให้แรงบิดสูงสุดถึง 180 นิวตัน-เมตร ใช้แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่คิดคนและผลิตขึ้นเอง แบบ BYD NCM Battery มีความจุ 50.3 kWh สามารถรองรับการชาร์จไฟได้ทั้ง 2 ระบบ แบบ DC สามารถชาร์จได้ถึง 40 kw ใช้เวลาเพียง 1.3 ชั่วโมง/ครั้ง และแบบ AC ชาร์จได้ 6.6 kW  ใช้เวลา 7.6 ชั่วโมง/ครั้ง สามารถขับได้ไกลถึง 300 กม. ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 999,000 บาท

5. MG ZS EV  เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายเอ็มจีที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีดีไซต์โดดเด่น มาในรูปแบบฉบับรถยนต์ SUV มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นแบบ PM synchronous motor ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ติดตั้งแบตเตอรี่ Lithium-ion จำนวน 3 แผง บริเวณพื้นตัวถังรถ สามารถใช้งานได้ 428 กิโลเมตร (ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.) ที่ชาร์จไฟติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าตรงสัญลัษณ์ MG บนกระจังหน้ารถ หัวชาร์จแบบ Type-II ใช้เวลา 6 ชม. และ หัวชาร์จแบบ Quick Charge ใช้เวลา 30 นาที ระดับแบตเตอรี่ 80% ราคาอยู่ที่ 1.19 ล้านบาท

6. NISSAN LEAF ใหม่ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นแบบ AC Synchronous electric motor ให้พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 150 แรงม้า ที่ 3,283 – 9,795 รอบต่อนาที ซึ่ง NISSAN LEAF รุ่นก่อนหน้านี้ให้พละกำลังอยู่ที่ 109 แรงม้า จะมากกว่าเดิมถึง 38 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,283 รอบต่อนาที มาพร้อมแบตเตอรี่แบบ Li-ion battery ความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed ปล่อย CO2 0g./km, (Zero Emission) ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และยังชาร์จได้ตามใจชอบตั้งแต่ชาร์จปกติแบบ 8 ชั่วโมง (6kW) กับชาร์จแบบ 16 ชั่วโมง (3kW) และยังเอาใจสำหรับคนที่ชอบความรวดเร็วด้วยการชาร์จด่วนแบบ 40 นาที (ชาร์จ 80%) หรือที่เรียกว่า Quick Charging นั่นเอง ราคาอยู่ที่ 1.49 ล้านบาท

7. Hyundai KONA Electric SEL ฮุนได โคน่า อิเล็คทริก เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ B-Segment SUV ที่ให้พลังงาน 64 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับต่อเนื่องได้ไกลถึง 482 กิโลเมตร ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 395 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใช้เวลาเพียง 7.6 วินาที เจ้าโคน่าจะมี 2 รุ่นที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทย ในรุ่น Hyundai KONA SE ราคาจะอยู่ที่ 1.84 ล้านบาท ในรุ่น Hyundai KONA SEL 2.25 ล้านบาท

8. MINI Cooper SE เป็นรถยนต์ EV รุ่นแรกของมินิ ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของตัวถังแบบ Hatch 3 ประตู (F56) โดยใช้ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าจากรุ่น i3 แต่ปรับมาใช้เป็นขับเคลื่อนแบบล้อหน้าตามสไตล์มินิ กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100กม./ชม. ในระยะเวลา 7.3 วินาที แบตเตอรี่มีขนาด 36.2 kWh สามารถวิ่งต่อเนื่องได้สูงสุดที่ 235-270 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยแบตเตอรี่จะวางไว้ใต้องท้องรถเป็นรูปแบบตัว T การชาร์จแบบ AC กระแสสลับ ผ่านชุดวอลล์ ชาร์จ ที่มีกำลัง 11 kW จะสามารถชาร์จจาก 0-80% ได้ในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง และเต็ม 100% ใน 3 ชั่วโมงครึ่ง แต่หากใช้เครื่องชาร์จที่มีกำลัง 7.4 kW จะใช้เวลา 4 ชั่วโมงครึ่งในการชาร์จเต็ม 100% ส่วนการชาร์จด้วยชุดชาร์จเร็วกระแสตรง (DC Fast Charge) รองรับที่กำลังสูงสุด 50 kW สามารถชาร์จจาก 0-80% ภายใน 35 นาที ราคาอยู่ที่ 2.29 ล้านบาท

9. KIA SOUL EV รถยนต์ EV รถ SUV แบบ HACTHBACK 5 ประตู จาก KIA Soul แต่ปรับเปลี่ยนระบบการขับเคลื่อนต่างๆ รวมถึงแบตเตอรี่แบบ  Lithium-ion Polymer Battery (LIPO) 64 kWh มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet AC Synchronous ขนาด 356 โวลต์ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 395 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสามารถวิ่งได้ 452 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ระยะเวลาในการชาร์จไฟ Quick Charge DC 100 kW จาก 0-80% ภายใน 54 นาที Quick Charge DC 50 kW จาก 0-80% ภายใน 75 นาที Normal Charge Wallbox AC 7.2 kW จาก 0-100% ภายใน 9 ชั่วโมง 35 นาที Normal Charge Home Plug AC 2.6 kW จาก 0-100% ภายใน 31 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 2,387,000 บาท

10. VPLVO XC40 เอสยูวีพลังไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของแบรนด์ ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไออน 78 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่พัฒนาขึ้นใหม่ที่ใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-100% เพียง 6-8 ชั่วโมงด้วยเครื่องชาร์จไฟมาตรฐานขนาด 11 กิโลวัตต์ (Wall-Box EV Changer) และสามารถเลือกใช้ระบบชาร์จเร็วได้ซึ่งช่วยให้ชาร์จทันใจขึ้นมาก โดยชาร์จไฟได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 40 นาที และเมื่อชาร์จเต็ม 100% จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP) และทำแรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 4.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 180 ก.ม./ช.ม. มาพร้อมราคาเปิดตัวที่ 2.59 ล้านบาท

Previous Post

N0210258 ดผ ดแล ทำก บล กค าแบบน part 2

Next Post

N0210260 ทำไมล กน อง งได โบ สเก นห วหน part 2

Next Post
N0210260 ทำไมล กน อง งได โบ สเก นห วหน part 2

N0210260 ทำไมล กน อง งได โบ สเก นห วหน part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0411563 หลอยผ วมาต วอ าย EP1 part 2
  • N0411126 จะได ณค าและความลำบากในการใช เง part 2
  • N0411120 การด แลต วเองหล งคลอด part 2
  • N0411125 องการคนร กเม อตอนท กคนไม องการ part 2
  • N0411124 ความค ดครอบคร วผ วเต าล านป part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.