• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0110174 ตใจทำด วยอะไร งได ใจร ายไล กเม ยออกจากบ าน part 2

admin79 by admin79
October 1, 2025
in Uncategorized
0
N0110174 ตใจทำด วยอะไร งได ใจร ายไล กเม ยออกจากบ าน part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

10 สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก อลังการงานสร้าง รองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

schedule28 / 02 / 2568

share

เวลาเดินทางไปต่างประเทศ สนามบินคือจุดเริ่มต้นของทุกทริป และบางแห่งไม่ใช่แค่ที่เช็คอินขึ้นเครื่องเท่านั้น แต่ยังอลังการจนต้องร้องว้าว! บางที่ใหญ่เท่ากับเมืองทั้งเมือง บางที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ และบางที่ก็มีเรื่องเล่าชวนขนลุกที่ทำให้สนามบินกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ วันนี้มาดูกันว่า 10 สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีอะไรเด็ด ๆ บ้าง

แน่นอนว่าการเดินทางไกลแบบนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วน! นอกจากตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ตแล้ว ประกันเดินทาง ก็คืออีกหนึ่งไอเทมที่ต้องมีติดตัว เที่ยวไหนก็อุ่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟล์ทดีเลย์ กระเป๋าหาย หรือค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน เพราะประกันเดินทางเบี้ยเริ่มต้นแค่ 59 บาทต่อทริป แต่ให้ความคุ้มครองแบบจัดเต็ม พร้อมดูแล 24 ชั่วโมง จะเดินทางเที่ยวเดียวหรือเดินทางบ่อยก็เลือกได้ทั้ง รายเที่ยว และ รายปี สบายใจทุกทริปแน่นอน

1. สนามบินคิงฟาฮัด (King Fahd International Airport) – ซาอุดีอาระเบีย

ถ้าเรื่องขนาดต้องยกให้ที่นี่แบบไม่มีใครเทียบได้ เพราะสนามบินนี้มีพื้นที่ใหญ่ถึง 780 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ชนิดที่ว่าสามารถสร้างเมืองใหม่ได้สบาย ๆ ตั้งอยู่ในเมืองดัมมาม เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1999 ออกแบบมาเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารจำนวนมหาศาล มีอาคารผู้โดยสารที่จุคนได้กว่า 12 ล้านคนต่อปี ที่สำคัญคือเป็นสนามบินเดียวในโลกที่มีมัสยิดภายในตัวอาคาร เพื่อให้ผู้โดยสารที่นับถือศาสนาอิสลามสามารถประกอบพิธีทางศาสนาได้อย่างสะดวกสุด ๆ

อีกจุดที่ทำให้สนามบินนี้โดดเด่นคือ ลานจอดเครื่องบินที่กว้างขวาง รองรับเครื่องบินทุกขนาด ตั้งแต่เครื่องบินโดยสารทั่วไปยันเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่แบบไม่มีปัญหา ระบบขนส่งภายในสนามบินก็จัดว่าครบครัน มีทางเดินเชื่อมที่ออกแบบมาให้ผู้โดยสารเดินสะดวก ไม่ต้องกลัวหลง ที่สำคัญคือสนามบินยังมีพื้นที่รกร้างที่เตรียมไว้ขยายเพิ่มในอนาคตอีกเพียบ ถือเป็นหนึ่งในสนามบินที่มีศักยภาพสูงสุดในโลกเลยก็ว่าได้

2. สนามบินเดนเวอร์ (Denver International Airport) – สหรัฐอเมริกา

สนามบินนี้ไม่ได้มีดีแค่ขนาดใหญ่ 135 ตารางกิโลเมตร แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่าปริศนาที่ทำให้คนสงสัยกันมานาน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1995 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเติบโตของเมืองเดนเวอร์ในอนาคต มีรันเวย์ทั้งหมด 6 เส้น ซึ่งเส้นที่ยาวที่สุดดันมีรูปร่างคล้ายกับสัญลักษณ์ลึกลับบางอย่าง ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดขึ้นเพียบ

ภายในสนามบินมีอาคารผู้โดยสารหลักที่ชื่อว่า Jeppesen Terminal ที่ออกแบบให้มีเพดานสูง โปร่งโล่ง ดูหรูหรา จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือสนามบินนี้มีงานศิลปะลึกลับกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ตั้งแต่ภาพวาดขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนมีเรื่องราวซ่อนอยู่ ไปจนถึงรูปปั้นม้าสีฟ้าตาแดง “Blucifer” ที่ทำให้ผู้โดยสารหลายคนขนลุก ที่สำคัญคือใต้สนามบินยังมีเครือข่ายอุโมงค์ลับที่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามันมีไว้เพื่ออะไร นี่จึงเป็นสนามบินที่เต็มไปด้วยปริศนาน่าค้นหา และเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ในตัวเอง

3. สนามบินดัลลาส/ฟอร์ตเวิร์ธ (Dallas/Fort Worth International Airport) – สหรัฐอเมริกา

สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเท็กซัส กินพื้นที่กว่า 69.5 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ชนิดที่ว่าสามารถใส่มหานครแมนฮัตตันลงไปได้แบบเหลือ ๆ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1974 โดยเป็นศูนย์กลางการบินหลักของสายการบิน American Airlines มีรันเวย์ทั้งหมด 7 เส้น ซึ่งสามารถรองรับเครื่องบินที่ขึ้นลงได้อย่างต่อเนื่องแบบไม่มีติดขัด

ความพิเศษของสนามบินนี้คือระบบขนส่งภายในที่ชื่อว่า SkyLink ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับการเดินทางภายในสนามบิน ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางระหว่างอาคารได้ภายในไม่กี่นาที นอกจากนี้ สนามบินยังมีโรงแรมอยู่ภายในตัวอาคาร ทำให้ผู้โดยสารที่ต้องรอต่อเครื่องเป็นเวลานานสามารถพักผ่อนได้โดยไม่ต้องออกไปไหน ถือเป็นสนามบินที่ให้ความสะดวกสบายระดับสุดยอดเลยก็ว่าได้

4. สนามบินออร์แลนโด (Orlando International Airport) – สหรัฐอเมริกา

สนามบินนี้ไม่ได้เป็นแค่สนามบิน แต่เป็นเหมือนประตูสู่โลกแห่งเวทมนตร์ เพราะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มา Disney World และ Universal Studios โดยมีขนาดพื้นที่กว่า 53.8 ตารางกิโลเมตร และมีผู้โดยสารเดินทางเข้าออกมากกว่า 50 ล้านคนต่อปี

สิ่งที่ทำให้สนามบินนี้พิเศษคือการออกแบบที่ให้บรรยากาศเหมือนรีสอร์ต มากกว่าสนามบินทั่วไป ทุกมุมของสนามบินให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด มีพื้นที่สีเขียวให้ผู้โดยสารได้พักสายตา และยังมีร้านขายของที่ระลึกจากดิสนีย์โดยเฉพาะ ทำให้แม้แต่การรอเที่ยวบินก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนได้สัมผัสความมหัศจรรย์ตั้งแต่ก่อนเริ่มทริป

5. สนามบินวอชิงตัน ดัลเลส (Washington Dulles International Airport) – สหรัฐอเมริกา

สนามบินนี้เป็นสนามบินหลักของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีพื้นที่กว่า 48.6 ตารางกิโลเมตร เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1962 และออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Eero Saarinen จุดเด่นที่ทำให้สนามบินนี้แตกต่างจากที่อื่นคือ “Mobile Lounges” หรือรถรับส่งผู้โดยสารที่มีดีไซน์เหมือนยานพาหนะในหนังไซไฟ ระบบนี้ช่วยให้ผู้โดยสารเดินทางจากประตูเครื่องบินไปยังอาคารผู้โดยสารได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเดินไกล

อีกหนึ่งความพิเศษคือสนามบินนี้เป็นหนึ่งในสนามบินที่มีเที่ยวบินตรงไปยังนานาประเทศมากที่สุดในสหรัฐฯ จึงกลายเป็นจุดเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างประเทศที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัย และการจัดการเที่ยวบินที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้แม้จะเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่น แต่ก็ยังให้บริการได้อย่างราบรื่น

6. สนามบินปักกิ่ง แดซิง (Beijing Daxing International Airport) – จีน

สนามบินแห่งใหม่ที่เปิดตัวในปี 2019 ด้วยดีไซน์สุดล้ำที่ดูเหมือนปลาดาว แค่เห็นจากมุมสูงก็ตะลึงแล้ว ด้วยพื้นที่ 47 ตารางกิโลเมตร ที่นี่ถือเป็นอาคารผู้โดยสารเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกแบบมาเพื่อลดระยะเวลาเดินทางของผู้โดยสาร มีระบบ AI และอัตโนมัติที่ช่วยให้การเดินทางในสนามบินสะดวกสุด ๆ ระบบจดจำใบหน้าและการเช็คอินไร้สัมผัสทำให้การขึ้นเครื่องรวดเร็วขึ้นแบบสุด ๆ

ที่นี่เป็นฮับสำคัญของสายการบินหลักของจีนอย่าง China Southern Airlines และ China Eastern Airlines และยังมีแผนจะขยายระบบขนส่งให้เชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงอีกด้วย ถือเป็นสนามบินแห่งอนาคตที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การเดินทางยุคใหม่อย่างแท้จริง

7. สนามบินจอร์จ บุช อินเตอร์คอนติเนนทัล (George Bush Intercontinental Airport) – สหรัฐอเมริกา

สนามบินขนาด 44.5 ตารางกิโลเมตร แห่งเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ที่นี่เป็นสนามบินที่มีเที่ยวบินไปยังลาตินอเมริกาเยอะที่สุดในอเมริกาเหนือ เป็นศูนย์กลางของสายการบิน United Airlines และรองรับผู้โดยสารกว่า 45 ล้านคนต่อปี

สิ่งที่ทำให้สนามบินนี้แตกต่างจากที่อื่นคือความสามารถในการรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ระดับ Airbus A380 ได้แบบไม่มีปัญหา แถมยังมีรันเวย์ที่ยาวถึง 5,000 เมตร ซึ่งช่วยให้เครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างราบรื่นแม้ในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีช่วยนำทางที่ทันสมัย ทำให้สนามบินนี้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางหลักสำหรับนักเดินทางทั่วโลก

8. สนามบินเซี่ยงไฮ้ ผู่ตง (Shanghai Pudong International Airport) – จีน

สนามบินที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจจีน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 40 ตารางกิโลเมตร และเป็นหนึ่งในสนามบินขนส่งสินค้าทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากจะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่สำคัญแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีสุดล้ำ โดยเฉพาะระบบรถไฟ Maglev ที่เชื่อมต่อสนามบินเข้ากับตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ด้วยความเร็วสูงสุด 431 กม./ชม.

อีกจุดที่น่าสนใจคือการออกแบบอาคารที่ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เต็มที่ ลดการใช้พลังงาน และทำให้สนามบินดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด แม้ว่าจะเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารเยอะมาก แต่ระบบการจัดการทำให้การเดินทางสะดวกสุด ๆ

9. สนามบินไคโร (Cairo International Airport) – อียิปต์

สนามบินหลักของแอฟริกา ครอบคลุมพื้นที่ 37 ตารางกิโลเมตร และมีผู้โดยสารมากกว่า 15 ล้านคนต่อปี เป็นสนามบินที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่สำคัญของภูมิภาค

จุดเด่นของสนามบินนี้คือการมีอาคารผู้โดยสารหลายแห่งที่รองรับทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย นอกจากนี้ ยังมีโซนร้านค้าปลอดภาษีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา ทำให้สนามบินนี้เป็นจุดแวะพักยอดนิยมสำหรับนักเดินทางที่ต้องการช้อปปิ้งก่อนเดินทางต่อ

10. สนามบินซูการ์โน-ฮัตตา (Soekarno-Hatta International Airport) – อินโดนีเซีย

สนามบินหลักของจาการ์ตาที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 36 ตารางกิโลเมตร และรองรับผู้โดยสารมากกว่า 60 ล้านคนต่อปี สิ่งที่ทำให้สนามบินนี้พิเศษคือการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมอินโดนีเซียแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับเทคโนโลยีทันสมัยอย่างลงตัว

อีกหนึ่งจุดเด่นของสนามบินนี้คือสวนหย่อมขนาดใหญ่ภายในอาคารที่ช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง และยังมีระบบขนส่งเชื่อมต่อกับตัวเมืองจาการ์ตาที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น สนามบินแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสนามบินที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

สรุป

สนามบินไม่ได้เป็นแค่จุดแวะพักระหว่างเดินทาง แต่เป็นสถาปัตยกรรมสุดอลังที่สะท้อนความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการคมนาคมของโลก บางแห่งออกแบบให้หรูหราเหมือนรีสอร์ต บางแห่งมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำที่ทำให้การเดินทางเร็วขึ้นและสะดวกขึ้น หรือแม้แต่สนามบินที่เต็มไปด้วยปริศนาและเรื่องเล่าชวนขนลุกก็ตาม

ไม่ว่าจะเดินทางไปสนามบินระดับโลกเหล่านี้ หรือแค่บินข้ามประเทศ อย่าลืม เช็กเบี้ยประกันเดินทาง ติดไว้ ปลอดภัยและอุ่นใจสุด ๆ หมดห่วงเรื่องไฟล์ทดีเลย์ กระเป๋าหาย หรือค่ารักษาแพง ๆ ต่างประเทศ ใครเดินทางบ่อยเลือกแบบ รายปี คุ้มค่ากว่า แถมซื้อทีเดียวคุ้มครองทั้งปี จะไปกี่ทริปก็ไม่ต้องซื้อใหม่ทุกครั้ง วางแผนเที่ยวให้สนุก แล้วออกเดินทางได้แบบไร้กังวลเลย

5 คำถามที่พบบ่อย 

สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือที่ไหน?

สนามบินคิงฟาฮัด (King Fahd International Airport) ในซาอุดีอาระเบีย เป็นสนามบินที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 780 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าหลายเมืองรวมกัน

สนามบินไหนที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุด?

สนามบินที่มีผู้โดยสารเยอะที่สุดขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและปีนั้น ๆ แต่สนามบินอย่าง แอตแลนตา (Hartsfield-Jackson Atlanta International Airport) มักติดอันดับสนามบินที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในโลก

สนามบินไหนมีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุด?

สนามบินปักกิ่ง แดซิง (Beijing Daxing International Airport) ถือว่าเป็นหนึ่งในสนามบินที่ล้ำสมัยที่สุด ด้วยการใช้ AI, ระบบอัตโนมัติ, การจดจำใบหน้า และระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูง

สนามบินที่มีรันเวย์ยาวที่สุดในโลกอยู่ที่ไหน?

สนามบินคูลา ลุมเปอร์ (Kuala Lumpur International Airport) และสนามบินเดนเวอร์ (Denver International Airport) มีรันเวย์ที่ยาวมาก โดยรันเวย์ของเดนเวอร์มีความยาวถึง 4.88 กิโลเมตร

เดินทางไปต่างประเทศ ควรมีประกันเดินทางหรือไม่?

แน่นอน! ประกันเดินทางช่วยคุ้มครองทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น ไฟล์ทดีเลย์, กระเป๋าหาย, เจ็บป่วยฉุกเฉิน และอื่น ๆ โดยสามารถเลือกได้ทั้ง รายเที่ยวและรายปี ซึ่งเริ่มต้นเพียง 59 บาทต่อทริป เพื่อให้การเดินทางปลอดภัยและไร้กังวล

10 สวนญี่ปุ่นที่สวยที่สุดที่คุณต้องไปเยือนในญี่ปุ่น

Sono Flecknoe

Sono Flecknoe

28 ธ.ค. 2566

Japanese Garden

สารบัญ

  • ความงามและความเงียบสงบของสวนญี่ปุ่น
  • สวนญี่ปุ่นชื่อดังที่ควรเยี่ยมชมในญี่ปุ่น
  • สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและสัญลักษณ์ของพวกเขา
  • เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมสวนญี่ปุ่น
  • สัมผัสความเงียบสงบของสวนญี่ปุ่นกับเรา!

ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องประวัติศาสตร์และประเพณีอันยาวนานยังเป็นที่ตั้งของสวนที่สวยงามที่สุดในโลกอีกด้วย สวนเหล่านี้เป็น เป็นส่วนสําคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่นสะท้อนให้เห็นถึงความรักในธรรมชาติและศิลปะการจัดสวนของประเทศ ด้วยการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของความเงียบสงบความสง่างามและความสามัคคีสวนเหล่านี้มอบการพักผ่อนอันเงียบสงบในใจกลางเมืองที่พลุกพล่าน ตั้งแต่สวนเค็นโรคุเอ็นอันเป็นสัญลักษณ์ในคานาซาว่าไปจนถึงคัตสึระอิมพีเรียลวิลล่าอันเงียบสงบในเกียวโตสวนของญี่ปุ่นเป็นสถานที่มหัศจรรย์ที่จะดึงดูดผู้มาเยือนอย่างแน่นอน

สวนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงความสวยงามเท่านั้น พวกเขายังมีความสําคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น วัดเรียวอันจิของเกียวโตเป็นที่ตั้งของสวนหินที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมอบประสบการณ์ความเงียบสงบที่ไม่เหมือนใครท่ามกลางรูปแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเซน สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden) ของโตเกียว ซึ่งเป็นสวนที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอังกฤษแบบดั้งเดิม เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของประเทศในการปรับตัวและผสมผสาน อิทธิพลทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน.

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรักธรรมชาติผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์หรือเพียงแค่นักเดินทางที่กําลังมองหาสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบสวนญี่ปุ่นเหล่านี้มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครที่ไม่ควรพลาด มาสํารวจ 10 อันดับสวนญี่ปุ่นที่สวยที่สุดที่คุณต้องไปเยี่ยมชมในญี่ปุ่นกันเถอะ

ความงามและความเงียบสงบของสวนญี่ปุ่น

การก้าวเข้าไปในสวนญี่ปุ่นก็เหมือนกับการก้าวเข้าสู่ภาพวาดที่มีชีวิต ความงามของสวนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ที่การดึงดูดสายตาเท่านั้น ทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่พืชและต้นไม้ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไปจนถึงหินที่วางอย่างมีกลยุทธ์และเส้นทางที่คดเคี้ยว ก่อให้เกิดความสมดุลที่กลมกลืนกันซึ่งเชิญชวนให้เกิดความเงียบสงบและการไตร่ตรอง สวนเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อเลียนแบบภูมิทัศน์ธรรมชาติ ซึ่งมักจะมีองค์ประกอบต่างๆ เช่น เนินเขา เกาะ ป่าไม้ และแม้แต่การแสดงสถานที่สําคัญทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงขนาดย่อส่วนDaigoji Garden

Daigoji Garden

สวนญี่ปุ่นเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเชื่อมโยงที่หยั่งรากลึกของญี่ปุ่นกับธรรมชาติและความเชื่อทางปรัชญาและจิตวิญญาณที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรม การผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ เช่น วัดมอส โรงน้ําชา และสวนเซนไม่ใช่แบบสุ่ม แต่เป็นความพยายามโดยเจตนาเพื่อสร้างพื้นที่สําหรับการทําสมาธิและการไตร่ตรอง ดิ สวนชาตัวอย่างเช่น ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นความรู้สึกสงบก่อนเข้าร่วมพิธีชงชาแบบดั้งเดิม

ในทํานองเดียวกันสวนเซนที่มีกรวดที่คราดอย่างระมัดระวังและหินที่วางอย่างมีกลยุทธ์มีไว้เพื่อกระตุ้นการไตร่ตรองและการใคร่ครวญ ไม่ว่าจะเป็นเสียงใบไม้กรอบแกรบหรือภาพปลาคราฟแหวกว่ายในสระน้ําอันเงียบสงบ ทุกแง่มุมของสวนญี่ปุ่นได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความสงบและความสามัคคี

อ่านเพิ่มเติม: คู่มือสวนญี่ปุ่นและการทําสมาธิ

สวนญี่ปุ่นชื่อดังที่ควรเยี่ยมชมในญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเป็นที่ตั้งของสวนที่สวยงามมากมาย ซึ่งแต่ละแห่งมีการผสมผสานระหว่างความงามตามธรรมชาติและการออกแบบแบบดั้งเดิม นี่คือสวนญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงซึ่งควรค่าแก่การเยี่ยมชม:

พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ Yasugi

สวนพิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิในยาสุงิ จังหวัดชิมาเนะ เป็นงานศิลปะที่โดดเด่นที่ผสมผสานความงามของธรรมชาติเข้ากับการออกแบบที่สวยงามได้อย่างลงตัว สวนแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น สวนญี่ปุ่นที่สวยที่สุดมานานกว่า 20 ปี โดยนิตยสาร Sukiya Living ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าดึงดูดใจที่ยั่งยืนและคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ผู้ก่อตั้ง Zenko Adachi เชื่อว่าสวนญี่ปุ่นเป็นภาพวาดที่มีชีวิตและอุทิศชีวิตของเขาเพื่อสร้างผลงานชิ้นเอกนี้ครอบคลุมพื้นที่ 165,000 ตารางเมตรGardens of the Adachi Museum of Art in Shimane Prefecture, Japan

Gardens of the Adachi Museum of Art in Shimane Prefecture, Japan

การออกแบบสวนสร้างภาพลวงตาของความลึก แม้จะมีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก ผ่านหิน ต้นไม้ มอส และสระน้ําที่จัดวางอย่างระมัดระวังซึ่งเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับสวนจาก พิพิธภัณฑ์ Viewing Gallery นําเสนอมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับภูมิทัศน์ แม้จะได้รับการจัดอันดับสามดาวใน Michelin Green Guide Japan และได้รับการยอมรับจากสิ่งพิมพ์ระดับนานาชาติเช่น CNN แต่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Adachi Museum of Art Garden ยังคงเป็นที่รู้จักน้อยกว่าเมื่อเทียบกับในเกียวโตและโตเกียว สวนแห่งนี้เป็นอัญมณีที่ซ่อนอยู่ซึ่งมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครสําหรับผู้ที่ชื่นชมศิลปะและธรรมชาติ

  • สถานที่: 320 Furukawa-cho, Yasugi, ชิมาเนะ, ญี่ปุ่น
  • ชั่วโมง: เมษายน-กันยายน: 9:00-17:30 ตุลาคม-มีนาคม: 9:00-17:00
  • การยอมรับ: ผู้ใหญ่ – 2,300 เยน นักศึกษามหาวิทยาลัย – 1,800 เยน นักเรียนมัธยมปลาย – 1,000 เยน นักเรียนประถมและมัธยมต้น – 500 เยน

วิธีการเดินทาง: จากโตเกียวหรือโอซาก้า ให้ขึ้นชินคันเซ็น (รถไฟหัวกระสุน) ไปยังโอคายาม่า จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟด่วนพิเศษ JR Yakumo ไปยังสถานี Yasugi จากสถานี Yasugi พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Adachi มีบริการรถรับส่งฟรีซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที

สวน Kenroku-en, Kanazawa

สวน Kenroku-en ตั้งอยู่ใจกลาง คานาซาวะเป็นหนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ชื่อของสวนแปลว่า “มีปัจจัยหกประการ” ซึ่งแสดงถึงคุณลักษณะหกประการของภูมิทัศน์ที่สมบูรณ์แบบ: ความกว้างขวาง ความเงียบสงบ สิ่งประดิษฐ์ โบราณวัตถุ ทางน้ํา และทิวทัศน์แบบพาโนรามา สวนสไตล์เดินเล่นแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยเอโดะโดยตระกูลมาเอดะ ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 25 เอเคอร์ และเป็นข้อพิสูจน์ถึงการออกแบบสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมKenroku-en, an old private garden, and one of the Three Great Gardens of Japan

Kenroku-en, an old private garden, and one of the Three Great Gardens of Japan

สวนเค็นโรคุเอ็นมีการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของความงามตามธรรมชาติและความสง่างามทางสถาปัตยกรรม มีพืชพรรณ สระน้ํา ลําธาร และภูมิทัศน์ที่สวยงามมากมายที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล มอบประสบการณ์ที่แตกต่างกันทุกครั้งที่คุณเยี่ยมชม สวนแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของน้ําพุที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นและโคมไฟโคโตจิ (Kotoji Lantern) อันเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นโคมไฟหินสองขาที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของสวนแห่งนี้ ตั้งแต่ดอกซากุระที่สวยงามในฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงภูมิประเทศที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว Kenroku-en เป็นภาพที่น่าหลงใหลตลอดทั้งปี

  • สถานที่: Kenrokumachi, คานาซาว่า, อิชิคาวะ, ญี่ปุ่น
  • ชั่วโมง: มีนาคมถึงตุลาคม 15: 7:00-18:00 น. 16 ตุลาคม – กุมภาพันธ์: 8:00-17:00 (ค่าเข้าชมล่วงหน้าแตกต่างกันไป)
  • การยอมรับ: 320 เยน (ฟรีในช่วงก่อนเวลาเข้าชม)

วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็นจากโตเกียวไปยังสถานีคานาซาวะ (ประมาณ 2.5 ชั่วโมง) จากสถานี Kanazawa ขึ้นรถบัส Kanazawa Loop Bus หรือ Kenrokuen Shuttle Bus ตรงไปยัง Kenroku-en (ประมาณ 15 นาที)

ทัวร์แนะนํา

Samurai-style Tea Ceremony

การเที่ยวชมสวนและพิธีชงชาสไตล์ซามูไรในคานาซาวะ

สัมผัสวัฒนธรรมชาญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมในพิธีชงชาสไตล์ซามูไรในคานาซาว่า ซึ่งมีขนมท้องถิ่นและทิวทัศน์สวนที่งดงาม

จองทันที

สวน Koraku-en, Okayama

สวนโคราคุเอ็นในโอคายาม่าเป็นอีกหนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น สร้างขึ้นในสมัยเอโดะสําหรับไดเมียวในท้องถิ่น (ขุนนางศักดินา) ซึ่งใช้เวลากว่าหนึ่งศตวรรษจึงจะเสร็จสมบูรณ์ สวนที่กว้างขวางแห่งนี้ไม่เพียง แต่ใช้เพื่อความเพลิดเพลินของลอร์ด แต่ยังเป็นสถานที่สําหรับให้ความบันเทิงแก่แขกคนสําคัญและจัดงานเฉลิมฉลองScenic spot with white bridge at Koishikawa Korakuen garden, Okayama, Japan

Scenic spot with white bridge at Koishikawa Korakuen garden, Okayama, Japan

สวนโคราคุเอ็นโดดเด่นด้วยสนามหญ้าที่กว้างขวางซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสวนญี่ปุ่น มันรวมเอาเพชรประดับต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างสวยงามรวมถึงตัวแทนของนาข้าวที่มีชื่อเสียงและไร่ชา สวนแห่งนี้ยังมีสระน้ําหลายแห่ง สวนบ๊วย และเนินเขาที่ให้ทัศนียภาพอันงดงามของสภาพแวดล้อม โรงน้ําชาที่มีเสน่ห์ตั้งอยู่บนเกาะกลางสระน้ําแห่งหนึ่ง เป็นจุดที่เงียบสงบในการชื่นชมความงามของสวน

  • สถานที่: 1-5 Korakuen, Kita Ward, โอคายาม่า, จังหวัดโอคายาม่า, ญี่ปุ่น
  • ชั่วโมง: 20 มีนาคม – กันยายน: 7:30-18:00 ตุลาคม – 19 มีนาคม: 8:00-17:00
  • การยอมรับ: สวนโคราคุเอ็นเท่านั้น – 410 เยน สวนโคราคุเอ็นและปราสาทโอคายาม่า – 640 เยน

วิธีการเดินทาง: จากโตเกียว ขึ้นชินคันเซ็นไปยังสถานีโอคายาม่า (ประมาณ 3.5 ชั่วโมง) จากสถานี Okayama ขึ้นรถราง (สาย Higashiyama) ไปยังสถานี Shiroshita จากนั้นเดินประมาณ 10 นาที

สวน Kairaku-en, Mito

สวนไคราคุเอ็น (Kairaku-en Garden) ตั้งอยู่ในเมืองมิโตะ (Mito) มีชื่อเสียงในฐานะ “สามสวนมหัศจรรย์” ของญี่ปุ่น ลักษณะเด่นของมันคือไม่เหมือนกับสวนศักดินาส่วนใหญ่ซึ่งมีไว้เพื่อความเพลิดเพลินของขุนนางโดยเฉพาะ Kairaku-en ได้รับการออกแบบโดยคํานึงถึงสาธารณชนเป็นหลัก สวนพักผ่อนหย่อนใจแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ที่น่าประทับใจและเป็นที่ตั้งของต้นบ๊วยมากกว่า 3,000 ต้น ต้นไม้เหล่านี้บานสะพรั่งอย่างงดงามในต้นฤดูใบไม้ผลิ ทําให้เกิดภูมิทัศน์ธรรมชาติอันน่าทึ่งที่ดึงดูดผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกScenery of the Kairakuen Garden in Mito, Japan

Scenery of the Kairakuen Garden in Mito, Japan

นอกเหนือจากป่าต้นบ๊วยแล้ว Kairaku-en ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอื่น ๆ สวนประกอบด้วยป่าไผ่ ไม้ซีดาร์ และ Kobuntei ซึ่งเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม บ้านหินหลังนี้มีจุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของสวนทั้งหมด การออกแบบสวนเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการจัดสวนแบบญี่ปุ่น โดยผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ เช่น หิน พืช และน้ําเพื่อสร้างพื้นที่ที่กลมกลืนและเงียบสงบ

  • สถานที่: 1-3-3 Tokiwa-cho, มิโตะ, จังหวัดอิบารากิ, ญี่ปุ่น
  • ชั่วโมง: กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกันยายน: 6:00-19:00 ตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์: 7:00-18:00
  • การยอมรับ: 300 เยน (ฟรีก่อน 9.00 น. และสําหรับชาวอิบารากินอกเทศกาลบ๊วย)

วิธีการเดินทาง: จากโตเกียว ขึ้นรถไฟเจอาร์สายโจบังไปยังสถานีมิโตะ (ประมาณ 75 นาที) จากสถานีมิโตะ ให้ขึ้นรถบัสจากทางออกทิศเหนือไปยังสวนไคราคุเอ็น (ประมาณ 20 นาที)

ยังเห็น สํารวจสวนซากุระที่เงียบสงบที่สุดในญี่ปุ่น

สวนวัดเรียวอันจิ, เกียวโต

วัดเรียวอันจิใน เกียวโต เป็นที่ตั้งของการก่อตัวของหินที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น สวนเซนของวัด ซึ่งมักเรียกกันว่าวัดมอส เป็นผลงานชิ้นเอกของความเรียบง่ายและความเงียบสงบ ซึ่งรวบรวมแก่นแท้ของปรัชญาเซน สวนสไตล์มินิมอลแห่งนี้ประกอบด้วยหิน 15 ก้อนที่จัดเรียงอย่างพิถีพิถันบนเตียงกรวดสีขาวที่คราดล้อมรอบด้วยกําแพงที่ปกคลุมด้วยตะไคร่น้ํา เลย์เอาต์ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้จากทุกมุมมีหินอย่างน้อยหนึ่งก้อนถูกซ่อนจากมุมมองเสมอซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความไม่สมบูรณ์ของชีวิตMost beautiful place of Art Zen Garden and Fall Foliage in Autumn Ryoan-ji Temple

Most beautiful place of Art Zen Garden and Fall Foliage in Autumn Ryoan-ji Temple

สวนวัดเรียวอันจิเป็นตัวอย่างที่สวยงามของคาเระซันซุยหรือ “ภูมิทัศน์แห้ง” ซึ่งเป็นสวนญี่ปุ่นรูปแบบหนึ่งที่ใช้หินและทรายเป็นตัวแทนของเกาะและน้ํา แม้จะมีความเรียบง่ายหรืออาจเป็นเพราะสวนแห่งนี้ดึงดูดผู้มาเยือนมานานหลายศตวรรษ เชิญชวนให้ใคร่ครวญและวิปัสสนา ทําให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณในใจกลางเกียวโต

  • สถานที่: 13 Ryoanji Goryonoshitacho, Ukyo Ward, เกียวโต, จังหวัดเกียวโต, ญี่ปุ่น
  • ชั่วโมง: มีนาคม-พฤศจิกายน: 8:00-17:00 ธันวาคม – กุมภาพันธ์: 8:30-16:30
  • การยอมรับ: 500 เยน

วิธีการเดินทาง: จากสถานีเกียวโต ให้ขึ้นรถบัส JR ไปยังป้าย Ryoanji-mae (ประมาณ 30 นาที) วัดอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์โดยใช้เวลาเดิน 7 นาที

ทัวร์แนะนํา

Nijo Castle

ทัวร์ส่วนตัวเต็มวันพร้อมไกด์ในเมืองเกียวโต

เยี่ยมชมวัดเรียวอันจิกับทัวร์นี้

จองทันที

Ginkaku-ji Silver Pavilion Garden, เกียวโต

วัดกิงคะคุจิ (Ginkaku-ji) หรือวัดซิลเวอร์พาวิลเลี่ยน (Silver Pavilion) เป็นวัดเซนที่มีสวนเดินเล่นที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เดิมทีสวนและวัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศของโชกุน Ashikaga Yoshimasa ผู้ซึ่งต้องการสถานที่แห่งความสงบและเงียบสงบ ปัจจุบันเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสุนทรียภาพของวัฒนธรรมฮิกาชิยามะในสมัยมุโรมาจิGinkaku-ji Silver Pavilion during the autumn season in Kyoto, Japan

Ginkaku-ji Silver Pavilion during the autumn season in Kyoto, Japan

สวนได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์ธรรมชาติ โดยมีสระน้ําขนาดใหญ่ พื้นที่ปกคลุมด้วยตะไคร่น้ํา และเนินทรายอันเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า “ทะเลสีเงิน” ศาลาแม้ว่าจะไม่ได้ปูด้วยสีเงินตามชื่อ แต่ก็มองเห็นสวนและสะท้อนอย่างสวยงามบนสระน้ํา สวนแห่งนี้ยังมีพืชพรรณ ต้นไม้ และไม้ไผ่หลากหลายชนิด ซึ่งช่วยเพิ่มความสวยงามและความเงียบสงบ เมื่อเดินผ่านสวนที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามและบรรยากาศที่เงียบสงบผู้มาเยือนจะถูกส่งไปยังโลกที่ห่างไกลจากชีวิตในเมืองที่พลุกพล่านของเกียวโต

  • สถานที่: 2 Ginkakujicho, Sakyo Ward, เกียวโต, จังหวัดเกียวโต, ญี่ปุ่น
  • ชั่วโมง: มีนาคม-พฤศจิกายน: 8:30-17:00 ธันวาคม-กุมภาพันธ์: 9:00-16:30
  • การยอมรับ: 500 เยน

วิธีการเดินทาง: จากสถานีเกียวโต ให้ขึ้นรถบัสเมืองเกียวโตหมายเลข 5 หรือ 17 ไปยังป้าย Ginkakuji-michi (ประมาณ 35-40 นาที) วัดอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์โดยใช้เวลาเดิน 10 นาที

ทัวร์แนะนํา

Kiyomizudera

สำรวจเกียวโต: ตั๋วรถบัส Skyhop ขึ้นลงได้ตามต้องการ

คุณสามารถเดินทางไปยังวัดกิงคะคุจิได้ด้วยบริการขนส่งทางเลือกนี้

จองทันที

Daisen-in Zen Garden, เกียวโต

Daisen-in ตั้งอยู่ภายในกลุ่มวัด Daitoku-ji ขนาดใหญ่ในเกียวโต มีชื่อเสียงในด้านสวนหินเซน สวนแห่งนี้ออกแบบระหว่างปี 1509 ถึง 1513 ถือเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรมญี่ปุ่น แสดงถึงการเดินทางจากจักรวาลสู่ผู้รู้แจ้ง โดยใช้เพียงหินและกรวดสีขาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ขององค์ประกอบต่างๆJapanese garden zen nature Daisen

Japanese garden zen nature Daisen

สวนเซนของไดเซ็นอินแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก สวนด้านหน้าแสดงถึงมหาสมุทรที่ปั่นป่วนด้วยน้ําตกที่ไหลเชี่ยวในขณะที่สวนด้านหลังเป็นสัญลักษณ์ของน้ําที่สงบและเงียบสงบ การออกแบบสวนเชิญชวนให้ใคร่ครวญและวิปัสสนา ซึ่งทําหน้าที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณในใจกลางเกียวโต แม้จะมีความเรียบง่ายหรืออาจเป็นเพราะเหตุนี้ แต่สวนไดเซ็นอินเซนก็ดึงดูดผู้มาเยือนมานานหลายศตวรรษด้วยสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้งและบรรยากาศที่เงียบสงบ

  • สถานที่: 54-1 Murasakino Daitokujicho, Kita Ward, เกียวโต, จังหวัดเกียวโต, ญี่ปุ่น
  • ชั่วโมง: 9:00-17:00 น. (9:00-16:30 ธันวาคม-กุมภาพันธ์)
  • การยอมรับ: ผู้ใหญ่ 400 เยน

วิธีการเดินทาง: จากสถานีเกียวโต ให้ขึ้นรถไฟใต้ดินสายคาราสึมะไปยังสถานีคิตะโอจิ (ประมาณ 15 นาที) จากนั้นนั่งรถบัสหรือแท็กซี่ไปยังวัดไดโทคุจิ (ประมาณ 10 นาที)

สวนนิโนมารุ, โตเกียว

สวนนิโนมารุเป็นจุดหมายปลายทางอันน่าหลงใหลที่ตั้งอยู่ภายในสวนตะวันออกของพระราชวังอิมพีเรียลใน โตเกียว. มีการเฉลิมฉลองว่าเป็นหนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของสวนในพระราชวัง โดยมีสระน้ําที่ได้รับการดูแลอย่างสวยงามสองสามแห่งซึ่งเต็มไปด้วยปลาขนาดใหญ่หลากสีสันและความเขียวขจีที่ให้การหลีกหนีจากชีวิตในเมืองที่พลุกพล่านอย่างเงียบสงบ สวนแห่งนี้สามารถพบได้ในวงกลมรองของการป้องกันพระราชวังที่รู้จักกันในชื่อ Ninomaru ซึ่งเพิ่มมิติทางประวัติศาสตร์ให้กับเสน่ห์ของมันNinomaru Garden in Tokyo Japan during summer day

Ninomaru Garden in Tokyo Japan during summer day

สวนแห่งนี้ผ่านการบูรณะหลายครั้งเนื่องจากไฟไหม้ แต่สามารถรักษาเสน่ห์ไว้ได้ตลอดหลายศตวรรษ หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดคือโรงน้ําชา Suwa-no-chaya ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1912 ซึ่งเพิ่มสัมผัสที่แท้จริงให้กับภูมิทัศน์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม นักท่องเที่ยวยังได้รับเชิญให้สํารวจซากปรักหักพังที่อยู่ใกล้เคียงของป้อมปราการด้านในของปราสาทเอโดะ Tenshudai ซึ่งนําเสนอการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของความงามตามธรรมชาติและการสํารวจทางประวัติศาสตร์

  • สถานที่: 1-1 Chiyoda, Chiyoda City, Tokyo, Japan (ภายในพระราชวังหลวงโตเกียว)
  • ชั่วโมง:
  • เมษายน-สิงหาคม: 9.00 – 17.00 น.
  • กันยายน ตุลาคม มีนาคม เวลา 9.00-16.30 น.
  • พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์: 9.00-16.00
  • การยอมรับ: ฟรี

วิธีการเดินทาง: สามารถเข้าถึงได้จากสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่ง เช่น Otemachi (เดิน 5 นาที) Takebashi (เดิน 5 นาที) และ Nijubashimae (เดิน 10 นาที)

ทัวร์แนะนํา

Shibuya Crossing

ทัวร์เดินชมกรุงโตเกียวส่วนตัวที่ปรับแต่งได้

รวมจุดนี้ไว้ในแผนการเดินทางโตเกียวที่คุณกําหนดเอง

จองทันที

สวนซุยเซ็นจิโจจูเอ็น, คุมาโมโตะ

สวน Suizen-ji Joju-en ตั้งอยู่ในคุมาโมโตะ เป็นตัวแทนที่สวยงามของการออกแบบสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ชื่อของมันแปลว่า “วัดน้ําบริสุทธิ์” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงต้นกําเนิดของวัดในฐานะแหล่งดื่มชาสําหรับตระกูลโฮโซคาวะในช่วงศตวรรษที่ 17 สวนแห่งนี้ตั้งชื่อตามวัดซุยเซ็นจิซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณสวนStone bridge in Suizen-ji Joju-en garden at Kumamoto, Kyushu, Japan

Stone bridge in Suizen-ji Joju-en garden at Kumamoto, Kyushu, Japan

สวนเดินเล่นแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านภูมิทัศน์ขนาดจิ๋ว รวมถึงการแสดงของ ภูเขาไฟฟูจิและบ่อเลี้ยงสปริง องค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น สนามหญ้าที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถันและหินขั้นบันไดที่วางอย่างพิถีพิถัน ทําให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือน นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลในสวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีสันของฤดูใบไม้ร่วงที่สดใสและดอกซากุระที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ

  • สถานที่: 8-1 Suizenjikoen, Chuo Ward, คุมาโมโตะ, จังหวัดคุมาโมโตะ, ญี่ปุ่น
  • ชั่วโมง: 8:30 น. ถึง 17:00 น. (เข้าได้ถึง 16:30 น.)
  • การยอมรับ: 400 เยน

วิธีการเดินทาง: จากสถานีคุมาโมโตะ ให้ขึ้นรถรางเมืองคุมาโมโตะไปยังป้ายซุยเซ็นจิโคเอ็น (ประมาณ 20 นาที) สวนอยู่ติดกับป้ายรถราง

สวนซังเคเอ็น, โยโกฮาม่า

สวนซังเคเอ็น (Sankei-en Garden) ตั้งอยู่ใน โยโกฮาม่าเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่กว้างขวางซึ่งเปิดให้สาธารณชนเข้าชมในปี 1906 สวนแห่งนี้ออกแบบโดย Sankei Hara พ่อค้าผ้าไหมและผู้อุปถัมภ์ศิลปะที่หลงใหล มีพื้นที่กว่า 175,000 ตารางเมตรและมีสระน้ํากลางอาคารประวัติศาสตร์หลายแห่งที่ย้ายมาจากทั่วประเทศญี่ปุ่นและพืชและดอกไม้ที่สวยงามมากมายSankeien, a traditional and typical Japanese-style garden, is one of the best places in Yokohama to enjoy sakura

Sankeien, a traditional and typical Japanese-style garden, is one of the best places in Yokohama to enjoy sakura

สวนแบ่งออกเป็นสองส่วน: สวนด้านนอกซึ่งเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม และสวนด้านในซึ่งเป็นที่ตั้งของทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สําคัญหลายประการ ลักษณะเด่นบางประการ ได้แก่ เจดีย์สามชั้นจากวัดโทเมียวจิของเกียวโต และโรงน้ําชาที่ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับพิธีชงชาแบบดั้งเดิม ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและความสําคัญทางประวัติศาสตร์ Sankei-en มอบโอกาสพิเศษในการสัมผัสความงามและความเงียบสงบของสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

  • สถานที่: 58-1 Honmoku Sannotani, Naka Ward, โยโกฮาม่า, จังหวัดคานางาวะ, ญี่ปุ่น
  • ชั่วโมง: 9:00 น. ถึง 17:00 น. (เข้าได้ถึง 16:30 น.)
  • การยอมรับ: 700 เยน

วิธีการเดินทาง: จากสถานีโยโกฮาม่า ให้ขึ้นรถบัสประจําเมืองหมายเลข 58, 99 หรือ 101 ไปยังป้าย Sankei-en Mae (ประมาณ 35 นาที) สวนอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์

สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและสัญลักษณ์ของพวกเขา

สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ซึ่งมักเรียกกันว่าสวนเดินเล่นที่สวยที่สุดในโลก เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งของญี่ปุ่นกับธรรมชาติ พวกเขายืนเป็นสวรรค์อันเงียบสงบท่ามกลางเมืองที่พลุกพล่านเช่นโตเกียวมีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจที่ผสมผสานศิลปะจิตวิญญาณและความงามตามธรรมชาติ

แง่มุมสําคัญของสวนที่น่าหลงใหลเหล่านี้ ได้แก่ :

  • เดินเล่นในสวน: ออกแบบมาเพื่อการเดินเล่นสบาย ๆ สวนเหล่านี้มักมีเส้นทางคดเคี้ยวที่นําผู้มาเยือนผ่านภูมิทัศน์ที่คัดสรรมาอย่างดี เส้นทางอาจพาแขกผ่านสระน้ําอันเงียบสงบ ใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่บานสะพรั่ง หรือไปยังทิวทัศน์ที่สวยงามของเนินเขาและน้ําตก
  • สวนชา: สวนเหล่านี้เป็นที่ตั้งของโรงน้ําชาแบบดั้งเดิมซึ่งมีการเตรียมชาตามพิธี สวนชามักเป็นพื้นที่ที่แยกจากกันและเงียบสงบภายในสวนขนาดใหญ่ ให้สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบสําหรับการใคร่ครวญและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
  • วัดมอส: รู้จักกันในชื่อ Saiho-ji วัดมอสในเกียวโตเป็นตัวอย่างที่สําคัญของสวนญี่ปุ่น มีชื่อเสียงในด้านพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ํา ซึ่งสร้างพรมสีเขียวเขียวชอุ่มที่เปลี่ยนสีตามฤดูกาล
  • พาวิลเลี่ยนและวิลล่า: สวนญี่ปุ่นหลายแห่งมีศาลาและวิลล่า ขุนนางท้องถิ่นจะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นบ้านพักซึ่งมองเห็นทิวทัศน์มุมกว้างของสวนโดยรอบ โครงสร้างเหล่านี้ยังมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันในระหว่างการเฉลิมฉลองและกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น
  • บ่อน้ําและหมู่เกาะ: ธาตุน้ํา เช่น สระน้ําและทะเลสาบเป็นสิ่งจําเป็นในสวนญี่ปุ่น พวกเขามักจะมีเกาะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของดินแดนในตํานานหรือโลกในจักรวาลวิทยาทางพุทธศาสนา

ทัวร์แนะนํา

Atsuta Shrine

ทัวร์ครึ่งวันพร้อมไกด์ไปยังศาลเจ้าอัตสึตะและสวนชิโรโทริในนาโกย่า

สัมผัสความงามและจิตวิญญาณของญี่ปุ่นโบราณที่ศาลเจ้าอัตสึตะและสวนชิโรโทริในนาโกย่า!

จองทันที

สวนเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะหรือเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชันพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะการจัดสวนเพื่อสร้างความสมดุลที่กลมกลืนระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ พวกเขาทําหน้าที่เป็นพื้นที่สําหรับการพักผ่อน เฉลิมฉลอง และชื่นชมโลกธรรมชาติ

เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมสวนญี่ปุ่น

เมื่อไร วางแผนการเดินทาง ไปยังสวนเดินเล่นที่สวยงามของญี่ปุ่นเวลาเป็นสิ่งสําคัญ แต่ละฤดูกาลจะเปลี่ยนสวนพักผ่อนหย่อนใจเหล่านี้ให้กลายเป็นภูมิทัศน์ที่แตกต่างกันมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครสําหรับแขก ฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมสวนญี่ปุ่น ช่วงเวลานี้ตรงกับฤดูดอกซากุระบานเมื่อโรงน้ําชาและสวนเดินเล่นล้อมรอบด้วยดอกไม้สีชมพูสดใส ตะไคร่น้ําในสวนเช่นในวัดมอสที่มีชื่อเสียงก็ดูสดชื่นขึ้นหลังจากหิมะในฤดูหนาวSankei-en's Rinshunkaku in Yokohama, Japan

Sankei-en’s Rinshunkaku in Yokohama, Japan

ฤดูร้อนแม้ว่าจะร้อนและชื้น แต่ก็นํามาซึ่งความเขียวขจีทําให้สวนดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ในฤดูใบไม้ร่วงสวนญี่ปุ่นสว่างไสวด้วยสีสันที่ร้อนแรงของต้นเมเปิ้ล ซึ่งให้ความแตกต่างที่น่าทึ่งกับสระน้ําอันเงียบสงบและโครงสร้างหิน ขุนนางท้องถิ่นมักจัดกิจกรรมพิเศษในช่วงฤดูนี้ในศาลาที่มองเห็นสวน

ในทางกลับกันฤดูหนาวนําเสนอมุมมองที่ไม่เหมือนใคร สวนโดยเฉพาะในเมืองอย่างโตเกียวกลายเป็นภูมิทัศน์สีขาวอันเงียบสงบ โดยมีโรงน้ําชาและสะพานตั้งตระหง่านตัดกับหิมะ สวนเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความงามตามธรรมชาติและความสามารถในการทําสวนของญี่ปุ่น

สัมผัสความเงียบสงบของสวนญี่ปุ่นกับเรา!

ความงามของสวนญี่ปุ่นเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของประเทศกับธรรมชาติและความเชี่ยวชาญในการสร้างภูมิทัศน์ที่กระตุ้นความคิดและความเงียบสงบ สวนแต่ละแห่งตั้งแต่สวนเดินเล่นที่สวยที่สุดไปจนถึงสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงให้เห็นถึงสุนทรียศาสตร์แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นและปรัชญาแห่งความกลมกลืน ไม่ว่าคุณจะคดเคี้ยวไปตามทางเดินหินชื่นชมทิวทัศน์จากศาลาหรือเพลิดเพลินกับบรรยากาศอันเงียบสงบริมสระน้ําการเยี่ยมชมสวนเหล่านี้มอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ําในใจกลางวัฒนธรรมญี่ปุ่น

เราขอเชิญคุณสํารวจสวนอันงดงามเหล่านี้โดยตรง ที่ ทริปไปญี่ปุ่นเราขอเสนอทัวร์ที่คัดสรรมาอย่างดีซึ่งจะพาคุณไปยังตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ของสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมเหล่านี้ มัคคุเทศก์ท้องถิ่นของเรามีความกระตือรือร้นที่จะแบ่งปันความรู้และความรักที่มีต่อภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์เหล่านี้

อย่าพลาดกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นและไฮไลท์ตามฤดูกาลที่ทําให้การเยี่ยมชมแต่ละครั้งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จองทัวร์ของคุณตอนนี้และเริ่มต้นการเดินทางที่จะทําให้คุณมีความทรงจําไปตลอดชีวิต สัมผัสความมหัศจรรย์ของสวนญี่ปุ่นไปกับเรา ที่ซึ่งทุกเส้นทางนําไปสู่การค้นพบครั้งใหม่

ทัวร์แนะนํา

Tokugawa Museum and Garden

ทัวร์ครึ่งวันแนะนำไปยังปราสาทนาโกย่าและพิพิธภัณฑ์และสวนโตคุกาวา

สํารวจนาโกย่าและชมพิพิธภัณฑ์และสวนโทคุกาวะ

จองทันที

คุณสมบัติหกประการของสวนญี่ปุ่นคืออะไร?

คุณสมบัติหกประการของสวนญี่ปุ่นซึ่งจัดกลุ่มตามประเพณีเป็นคู่เสริม ได้แก่ ความกว้างขวางความสันโดษสิ่งประดิษฐ์โบราณเส้นทางน้ําและภาพพาโนรามา องค์ประกอบเหล่านี้มีส่วนทําให้เกิดความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์และเงียบสงบของสวนญี่ปุ่น

สวนญี่ปุ่นเป็นธรรมชาติหรือไม่?

แม้ว่าสวนญี่ปุ่นจะเลียนแบบภูมิทัศน์ธรรมชาติ แต่จริงๆ แล้วสวนเหล่านี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันและดูแลรักษาอย่างพิถีพิถัน พวกเขาเป็นตัวแทนของธรรมชาติในอุดมคติและมีสไตล์ ซึ่งทุกองค์ประกอบถูกวางไว้อย่างตั้งใจเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่กลมกลืนและสงบสุข

วิธีการออกแบบสวนญี่ปุ่นขนาดเล็ก?

การออกแบบสวนญี่ปุ่นขนาดเล็กเกี่ยวข้องกับการวางแผนอย่างรอบคอบและความเข้าใจในสุนทรียศาสตร์ของญี่ปุ่น องค์ประกอบสําคัญมักประกอบด้วยน้ํา หิน ต้นไม้ ดอกไม้ สะพาน รั้ว และโคมไฟหิน เริ่มต้นด้วยการกําหนดวัตถุประสงค์ของสวน จากนั้นวางองค์ประกอบเหล่านี้อย่างมีกลยุทธ์เพื่อสร้างภูมิทัศน์ขนาดเล็กที่แสดงถึงความเงียบสงบและความงาม

วิธีทําสวนหินญี่ปุ่น?

การสร้างสวนหินญี่ปุ่นหรือสวนเซนเกี่ยวข้องกับการจัดเรียงหินกรวดหรือทรายเพื่อแสดงถึงภูมิทัศน์ขนาดเล็ก เลือกพื้นที่ที่มีการระบายน้ําดี และใช้หินที่มีขนาดและรูปร่างต่างกันเพื่อเป็นตัวแทนของเกาะหรือภูเขา กรวดหรือทรายรอบ ๆ หินควรคราดเป็นลวดลายที่เป็นสัญลักษณ์ของระลอกคลื่นน้ําโดยเน้นหลักการของความเรียบง่ายและความไม่สมมาตร

คุณสามารถปลูกอะไรในสวนญี่ปุ่นได้บ้าง?

ในสวนญี่ปุ่นคุณสามารถปลูกพืชได้หลากหลายชนิดซึ่งมักได้รับการคัดเลือกตามฤดูกาล สิ่งเหล่านี้อาจรวมถึงเมเปิ้ล ต้นซากุระ มอส และพืชอื่นๆ ที่มีถิ่นกําเนิดในญี่ปุ่น หากสวนของคุณมีสระน้ําคุณสามารถรวมพืชน้ําได้ พืชแต่ละชนิดมีจุดประสงค์เพื่อคุณค่าทางสุนทรียภาพหรือสัญลักษณ์

Previous Post

N0110175 ยอมให นเพราะอยากได เง part 2

Next Post

N0110176 โดนหลอกมาแต งงานก บคนกำล งตาย part 2

Next Post
N0110176 โดนหลอกมาแต งงานก บคนกำล งตาย part 2

N0110176 โดนหลอกมาแต งงานก บคนกำล งตาย part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0411563 หลอยผ วมาต วอ าย EP1 part 2
  • N0411126 จะได ณค าและความลำบากในการใช เง part 2
  • N0411120 การด แลต วเองหล งคลอด part 2
  • N0411125 องการคนร กเม อตอนท กคนไม องการ part 2
  • N0411124 ความค ดครอบคร วผ วเต าล านป part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.