ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
พาเที่ยว 10 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ปี 2015
29,566อ่าน

เคยใฝ่ฝันกันไหมคะว่าในบั้นปลายชีวิตอยากจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน ถ้ายังคิดไม่ออกลองมาดูทางนี้ค่ะ หลังจากที่เราเคยนำเสนอ 10 อันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลก ปี 2015 ไปแล้ว วันนี้กระปุกดอทคอมขอตามเว็บไซต์ womanitely ไปเที่ยว 10 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ปี 2015 จากการจัดอันดับของ World Happiness Report โดยใช้สถิติทางจิตวิทยา เศรษฐศาสตร์ ข้อมูลทางด้านสุขภาพ ฯลฯ มาเป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับ ลองไปดูกันสิว่าประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกจะมีที่ท่องเที่ยวอะไรที่น่าสนใจบ้าง โดยเริ่มจากอันดับ…
10. ประเทศออสเตรเลีย

มันจะดีแค่ไหนที่บ้านเกิดของตัวเองนั้นมีทุกสิ่งอย่างครบถ้วน ซึ่งประเทศออสเตรเลียก็เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา หิมะ ใบไม้เปลี่ยนสี แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ (Great Barrier Reef) แนวหน้าผาริมชายฝั่งทะเลอันงดงามเรียกว่า หน้าผาบันด้า (Bunda cliffs) ชายหาดขาวสะอาด (Hyams Beach) ภูเขาหินศักดิ์สิทธิ์อุลูรู (Uluru) ทะเลทรายเกรทวิคตอเรีย อุทยานแห่งชาติกว่า 500 แห่ง ฯลฯ อีกทั้งชีวิตในเมืองใหญ่ยังเรียบง่าย ไม่มีการแข่งขันมากมายเท่ากับเมืองหลวงในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย
9. ประเทศนิวซีแลนด์

แม้ว่าประเทศนิวซีแลนด์จะเป็นเพียงประเทศเล็ก ๆ แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบ คนท้องถิ่นมีมิตรไมตรี อยู่ร่วมกันแบบพี่น้อง นอกจากจะเห็นวิถีของคนเมืองในสไตล์ยุโรปที่เรียบง่ายแล้ว ยังมีวิถีชีวิตของชนเผ่าพื้นเมืองอย่างเผ่าเมารีมาร่วมผสมผสานสร้างสีสันและความสุขให้เกิดขึ้นบนเกาะแห่งนี้ด้วย สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ โอ๊คแลนด์ (Auckland) ถ้ำไวโตโมโกลว์วอร์ม (Waitomo Glowworm Caves), เมืองโรโตรัว (Rotorua), ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเมารี, ธารน้ำแข็งฟรานซ์โจเซฟ (Franz Josef Glacier), ธารน้ำแข็งฟ็อกซ์ (Fox Glacier), เมืองควีนสทาวน์ เป็นต้น
8. ประเทศสวีเดน

สวีเดน เป็นหนึ่งในประเทศที่สำคัญของทวีปยุโรป มีวัฒนธรรมอันโดดเด่นและบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์สวยงาม พร้อมกับธรรมชาติที่สวยงาม ภายในเมืองหลวง คือ กรุงสตอกโฮล์ม (Stockholm) ยังเต็มไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองริมน้ำ พร้อมทั้งมีแกลลอรี่ สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ และสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อคนท้องถิ่นได้อาศัยอยู่ในเมืองที่เงียบสงบเช่นสวีเดน จึงมีความสุขมากกว่าที่ไหน ๆ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตฮิต อาทิ ปราสาทคาลมาร์ (Kalmar Castle), วิหารลูเธอแรน (The Lund Cathedral), เมืองมัลโม (Malmo), พระราชวัง Drottningholm เป็นต้น
7. ประเทศเนเธอร์แลนด์

ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะทุ่งดอกไม้อย่างทิวลิป ที่สามารถสร้างความสุขให้กับคนทั่วโลก นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยเมืองและหมู่บ้านที่น่ารักมากมาย บ้านเรือนต่าง ๆ ยังมีสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า บางเมืองมีคลองเล็กคลองน้อยให้ได้พายเรือ หรือเส้นทางขี่จักรยาน ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและอากาศที่เย็นสบาย พร้อมทั้งร้านค้า ร้านอาหารพื้นเมืองรสชาติเยี่ยมและบรรยากาศดีเลิศไว้ให้ชาวเมืองได้มานั่งทานอาหารเพื่อผ่อนคลายกันอีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อาทิ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม, สวนดอกไม้เคอเคนฮอฟ, จัตุรัสฟรีทโฮฟ และทุ่งกังหัน Kinderdijk เป็นต้น
6. ประเทศฟินแลนด์

ฟินแลนด์ เป็นประเทศหนึ่งในทวีปยุโรป มีพื้นที่ประมาณ 338,435 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชาชนเพียงแค่ 5,451,270 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก นั่นจึงทำให้คนฟินแลนด์ได้เสพธรรมชาติอันน่าทึ่งของฟินแลนด์อย่างเต็มที่ แต่ละเมืองเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ พรั่งพร้อมไปด้วยพืชพรรณนานาและสัตว์ป่าหลากหลายชนิด มีทะเลสาบที่ใสสะอาด กว้างใหญ่ บางเมืองสามารถมองเห็นปรากฏการณ์แสงเหนือแสงใต้ได้อย่างชัดเจน ในช่วงหน้าร้อนยังมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์จนถึงเที่ยงคืน ส่วนหน้าหนาวประเทศแห่งนี้ก็จะกลายเป็นสถานที่ฮอตฮิตสำหรับการเล่นกีฬาฤดูหนาว และยังเป็นดินแดนต้นกำเนิดของซานตาคลอสด้วย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฟินแลนด์สามารถมอบให้กับผู้คนของเขา แล้วแบบนี้จะไม่เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกได้อย่างไร
5. ประเทศแคนาดา

ประเทศแคนาดา ตั้งอยู่ทางด้านทวีปอเมริกาเหนือ มีเนื้อที่ประมาณ 9,984,670 ตารางกิโลเมตร ถือได้ว่าเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีประชากรเพียงแค่ประมาณ 34,605,346 คน เท่านั้น และด้วยความที่แคนาดาเป็นประเทศที่ใหญ่ จึงทำให้แต่ละภูมิภาคมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งธรรมชาติที่หลากหลาย คนแคนาดาจึงได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติในทุกรูปแบบ รัฐบาลยังมีการจัดการเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ประชาชนมีรายรับและรายจ่ายที่สมดุล สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัยอย่างครบครัน ไม่ว่าใครที่ได้ไปเยือนประเทศนี้ ต่างก็ต้องตกหลุมรักแคนาดากันทั้งนั้น ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ น้ำตกไนแองการา, อุทยานแห่งชาติแบมฟ์, เทือกเขาร็อกกี้, เกาะวิกตอเรีย, เมืองแวนคูเวอร์, เมืองเยลโลว์ไนฟ์ เป็นต้น
4. ประเทศนอร์เวย์

นอร์เวย์ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และสวยงามจนน่าอิจฉามากที่สุด เป็นประเทศที่มีปรากฏการณ์อาทิตย์เที่ยงคืนให้ได้ชื่นชมทุกปี พร้อมทั้งมีแนวเทือกเขาสูงใหญ่และเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติมากมายให้ได้ไปผจญภัย โดยเฉพาะฟยอร์ดต่าง ๆ โดยเฉพาะฟยอร์ดต่าง ๆ ทั้ง Lysefjord, Hardangerfjord, Sognefjord, Naeroyfjord, Geirangerfjord เป็นต้น ที่สร้างสรรค์ทะเลสาบท่ามกลางหน้าผาของภูเขาสูงชันได้อย่างงดงามที่สุด นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกด้วย
3. ประเทศเดนมาร์ก

ประเทศเดนมาร์ก เป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน จึงทำให้ประเทศนี้อบอวลไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ พร้อมกับสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่สวยงามมากมาย มีธรรมชาติที่น่าหลงใหลกระจายตัวอยู่รอบ ๆ ประเทศ มีอากาศบริสุทธิ์และบรรยากาศผ่อนคลาย ยิ่งประเทศนี้มีเบียร์คุณภาพเยี่ยมระดับโลก ยิ่งทำให้เดนมาร์กเป็นดินแดนที่โรแมนติกมากขึ้น มันจึงทำให้คนท้องถิ่นเหมือนกับได้พักผ่อนทุกวัน สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปสัมผัสสักครั้งในสวีเดน อาทิ เมืองโคเปนเฮเกน (Copenhagen), สะพาน Oresund, ปราสาท Egeskov เป็นต้น
2. ประเทศไอซ์แลนด์

ไอซ์แลนด์ เป็นดินแดนที่มีความหนาวเย็นแบบสุดขั้ว มีธรรมชาติอันน่าหลงใหล ทั้งภูเขาไฟ หิมะ แสงเหนือ น้ำตก เส้นทางเดินป่า ทะเลสาบ ฯลฯ เรียกได้ว่ามาเยือนไอซ์แลนด์ที่เดียวได้เที่ยวครบทุกรสชาติ คนท้องถิ่นมีมิตรไมตรี ใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย ไม่มีสิ่งยั่วยุอย่างแหล่งช้อปปิ้งหรือสถานบันเทิงมากมาย จึงทำให้ที่นี่มีบรรยากาศเงียบสงบ สถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่ง อาทิ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss Waterfall), บ่อน้ำแร่บลู ลากูน, น้ำตก Skogafoss, ภูเขาไฟ Askja เป็นต้น
1. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่มีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนปกคลุมอย่างเทือกเขาจุงฟราว หรือทะเลสาบต่าง ๆ อีกทั้งเส้นทางเดินป่าในอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ พร้อมกับอากาศที่บริสุทธิ์ นอกจากนี้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ยังโดดเด่นที่เป็นประเทศที่มีความเงียบสงบ ผู้คนใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย เป็นผู้นำทางด้านการผลิตนาฬิกาที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมทั้งของหวานที่เพิ่มความสุขอย่างช็อกโกแลตอีกด้วย นั่นจึงทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้ไปเยือนประเทศแห่งนี้ต่างตกหลุมรัก แล้วแบบนี้จะไม่ยกตำแหน่งให้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกของปี 2015 ได้อย่างไร ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในสวิตเซอร์แลนด์ อาทิ ทะเลสาบเจนีวา, ยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น, ปราสาทชิยอง (Chillon Castle), เซนต์ มอริตซ์ (St. Moritz), กรุงเจนีวา เป็นต้น
ประเทศไหนเป็นประเทศในดวงใจของคุณบ้างคะ ลองพาตัวเองไปยืนในประเทศเหล่านี้กันดูสักครั้ง รับรองว่าคุณจะได้มุมมองใหม่ ๆ มองโลกใบเดิมเปลี่ยนไป ได้แง่คิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตที่กว้างมากขึ้น ถ้าไม่เชื่อ…ก็ต้องพิสูจน์
10 บริษัทอสังหาฯ ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
AREA แถลง ฉบับที่ 348/2562: วันพฤหัสบดีที่ 04 กรกฎาคม 2562
ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
‘พฤกษา เรียลเอสเตท’ ยังครองอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ตามด้วย ‘แอล พี เอ็น’ ‘แสนสิริ’ ‘ศุภาลัย’ และ ‘เอ พี’ 10 บริษัทแรก ครองส่วนแบ่งตลาดทั่วประเทศมากที่สุดถึง 11% ในด้านจำนวนโครงการ 20% ในด้านจำนวนหน่วย และ 28% ในด้านมูลค่าโครงการ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) นำเสนอข้อมูลผลการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในประเทไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2537 ที่ศูนย์ข้อมูลฯ เริ่มสำรวจ จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2562 รวมเวลา 25 ปี 3 เดือน พบว่า มีโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นรวมกัน 21,011 แห่งทั่วประเทศ รวม 4,171,484 หน่วย รวมมูลค่า 9,126,507 ล้านบาท หรือเป็นเกือบ 3 เท่าของงบประมาณแผ่นดินไทยในแต่ละปี หน่วยขายเหล่านี้มีมูลค่าเฉลี่ยต่อหน่วยคือ 2.228 ล้านบาท

ในจำนวนนี้มีบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 10 แห่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทมหาชนทั้งสิ้น โดยบริษัทอันดับหนึ่งก็คือ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ซึ่งพัฒนาโครงการรวมทั้งหมด 664 แห่ง รวมหน่วยขาย 232,438 หน่วย มีมูลค่ารวม 497,866 ล้านบาท บริษัทนี้แม้พัฒนาจำนวนที่อยู่อาศัยน้อยกว่าการเคหะแห่งชาติซึ่งพัฒนาบ้านเอื้ออาทรไปราว 300,000 หน่วย แต่เมื่อเทียบกับบ้านเคหะชุมชนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยที่สร้างตามปกติของการเคหะแห่งชาติ (142,103 หน่วย: https://bit.ly/2Lj9Uw5) ก็กลับพบว่า บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท สร้างที่อยู่อาศัยมากกว่าการเคหะแห่งชาติเสียอีก
บมจ.แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นบริษัทที่มีสินค้าผลิตออกมามากเป็นอันดับที่สองถึง 129 โครงการ แต่มีจำนวนหน่วยขาย 117,697 หน่วย อย่างไรก็ตามมูลค่าที่รวมเป็นเงิน 172,798 ล้านบาทนั้น เป็นเพียงลำดับที่ 8 เท่านั้น เพราะกลุ่มนี้เน้นสร้างบ้านราคาถูกโดยเฉพาะห้องชุดพักอาศัย โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 1.469 ล้านบาท แต่ในปัจจุบัน เน้นตลาดระดับกลางค่อนข้างบนที่มีกำลังซื้อมากกว่า ในขณะที่ตลาดล่างมีกำลังซื้อต่ำมากในขณะนี้
บมจ.แสนสิริ แม้มีจำนวนโครงการไม่มากและจำนวนหน่วยมากเป็นอันดับ 3 คือ 88,458 หน่วย แต่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 รวมเป็นเงิน 360,030 ล้านบาท ทั้งนี้บ้านของบริษัทนี้มีราคาเฉลี่ยที่ 4.07 ล้านบาท กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สร้างบ้านขายมากที่สุดในจังหวัดภูมิภาค (ยกเว้นกรุงเทพมหานครและปริมณฑล) มากกว่า บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตทที่เป็นบริษัทอันดับหนึ่งเสียอีก
แม้ บมจ.เอ พี (ไทยแลนด์) บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ และ บมจ.ควอลิตี้ เฮาส์ จะติดอันดั้บที่ 5, 6 และ 7 แต่โดยที่เป็น “เครือญาติ” กัน โดยเฉพาะ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ และ บมจ.ควอลิตี้ เฮาส์ หากถือเป็นเครือเดียวกัน ก็อาจมีขนาดใหญ่กว่า บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ในด้านมูลค่าการพัฒนาเสียอีก ทั้งนี้เพราะบริษัททั้ง 3 แห่งนี้พัฒนาสินค้าที่มีราคาเฉลี่ยสูงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ พัฒนาในราคาถึง 4.853 ล้านบาทต่อหน่วยโดยเฉลี่ย
มีข้อน่าสังเกตประการหนึ่งก็คือ ในจำนวนบริษัทขนาดใหญ่พิเศษ 10 แห่งนี้ มีอยู่ 2 แห่งที่เป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดตัวหลังวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 คือ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 8 และ 10 ในระยะหลังมานี้ เริ่มมีบริษัทใหม่ๆ ที่เติบใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งบริษัทจากประเทศจีนจำนวนหนึ่งด้วย บริษัทมหาชนขนาดใหญ่ 10 แห่งนี้ ยังมีราคาขายสินค้าสูงกว่าบริษัทอื่นๆ โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 3.101 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทอื่นๆ มีราคาเฉลี่ยเพียง 2.228 ล้านบาท

หากเทียบระหว่างการพัฒนาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกับจังหวัดภูมิภาคทั้งหมด จะพบว่า ในจังหวัดภูมิภาคมีสัดส่วนเป็นส่วนน้อย โดยมีจำนวนโครงการเพียง 40% ของทั้งหมด มีจำนวนหน่วยเพียง 30% ของทั้งมด และมีมูลค่ารวม 23% ของทั้งหมด แม้ประชากรส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัดภูมิภาค แต่ส่วนมากยังอยู่ในชนบท ไม่ได้ซื้อที่อยู่อาศัยแบบบ้านจัดสรรหรือห้องชุดแต่อย่างใด
การเกิดเพิ่มขึ้นของที่อยู่อาศัยถึง 4,171,484 หน่วย ในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา นับว่าสูงมาก นับได้ประมาณปีละ 166,859 หน่วย หรือมีมูลค่ารวม 380,271 ล้านบาทในแต่ละปี อุปสงค์นี้มีจำนวนลดลงตามลำดับเพราะมี “บ้านมือสอง” เกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่มูลค่าการพัฒนาในระยะหลังกลับมีสูงขึ้นเพราะการพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าสินค้าที่มีมูลค่าต่ำ เนื่องจากกำลังซื้อในระดับล่างลดลงในขณะนี้

