• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3009246 อาณาจ กรเจ หอย EP1 part 2

admin79 by admin79
September 30, 2025
in Uncategorized
0
N3009246 อาณาจ กรเจ หอย EP1 part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

อสังหาไทยสาหัส! ไตรมาส 3 ยังมีความท้าทาย แม้รัฐอัดมาตรการกระตุ้น แต่ยังหนุนได้จำกัด


 20 สิงหาคม 2568

  • แชร์

ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเผชิญความท้าทายรอบด้าน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ลดลงจากเดือนก่อนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 สภาพสินเชื่อตึงตัว สะท้อนผ่านยอดหนี้เสีย (NPL) ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ เพิ่มขึ้น การแข่งขันทางด้านราคารุนแรงขึ้น และทำการตลาดอย่างหนัก แม้มีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เข้ามาช่วย ส่งแรงหนุนในช่วงครึ่งหลังปี 2568 จำกัด

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มอสังหาฯ ภาพไตรมาส 3/68 คาดเห็นผลประกอบการฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนในบางราย ขณะที่ตลาดอสังหาฯ โดยรวมยังเผชิญ ความท้าทายจากหลายปัจจัย ได้แก่ 

1.ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ล่าสุดดัชนีเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ระดับ 51.7 ลดลงจากเดือนก่อนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 สะท้อนการระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยเฉพาะในสินทรัพย์ขนาดใหญ่ อย่างที่อยู่อาศัย 

2.สภาพสินเชื่อตึงตัว สะท้อนผ่านยอดหนี้เสีย (NPL) ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์คงระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้ม ฟื้นตัวได้จำกัด 

3. การแข่งขันทางด้านราคารุนแรงขึ้น และทำการตลาดอย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าระดับกลางถึงล่าง และอาจส่งผลต่อเนื่องไปยังการเลื่อนเปิดโครงการใหม่ออกไปจากแผนเดิม นอกจากนี้เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนมีนาคม ยังคงเป็นปัจจัยลบเชิงจิตวิทยาที่ฉุดรั้งตลาดสินค้าแนวสูง

โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2568บรรดาผู้ประกอบการต่างเพิ่มความระมัดระวัง ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ (คุมสินค้าคงคลัง ค่าใช้จ่าย และภาระหนี้สิน) โดยเน้นการระบายสินค้าพร้อมขาย หรือโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นหลัก 

ขณะที่คาดจะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่เร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังปี 2568 และเน้นเปิดใหม่เฉพาะโครงการที่ผู้ประกอบการมีความมั่นใจมากขึ้น ขณะที่ 2 มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ (ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV 100% และลดค่าธรรมเนียม การโอนและจดจำนองที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท เป็น 0.01%) คาดส่งแรงหนุนในช่วงครึ่งหลังปี 2568 จำกัด จากภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ การอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยเข้มงวดต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นสินค้าแนวสูงเปราะบางเพิ่มขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหว

ดังนั้นแม้มีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เข้ามาช่วย แต่ภาพรวมครึ่งหลังปี 2568 ยังเผชิญแรงกดดันจากอุปสงค์ฟื้นตัวช้า กำลังซื้ออ่อนแอ สินเชื่อที่ยังตึงตัว และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น ทำให้การฟื้นตัวของ GPM จำกัด 

โดยให้น้ำหนักกลุ่มเท่ากับตลาด เพราะแม้อุตสาหกรรมท้าทาย แต่ Valuation น่าสนใจ ปันผลสูง เน้นลงทุนระยะยาว เพื่อรับปันผลจากผู้ประกอบการที่มีสินค้าพร้อมขาย และ Backlog พร้อมโอนในช่วงที่เหลือของปี ได้แก่ SPALI (คงคำแนะนำ Trading, ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท), AP (ปรับแนะนำลงเป็น Trading, ราคาเป้าหมาย 7.55 บาท), และ SIRI (คงคำ แนะนำ Trading ราคาเป้าหมาย 1.44 บาท)

“พาณิชย์”เปิดโผ 10 ธุรกิจที่มาแรงโดดเด่น ปี 68

01 ก.พ. 2025 เวลา 8:00 น.

"พาณิชย์"เปิดโผ 10 ธุรกิจที่มาแรงโดดเด่น ปี 68

Play

KEY

POINTS

Key Point

  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย ธุรกิจเด่นปี 68 มี  3 กลุ่มธุรกิจ รวม10 ประเภทธุรกิจ
  • กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ ประกอบด้วย ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจ Health & Wellness ธุรกิจสายมูฯ (มูเตลู)  ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ และ.ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร
  • กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี ประกอบด้วย ธุรกิจ Data Center และ Software และธุรกิจ e-Commerce 
  • กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจการบริหารจัดการธุรกิจและธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม 

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดผลวิเคราะห์ธุรกิจธุรกิจที่มีความโดดเด่นและน่าจับตามองปี 2568 โดยประเมินข้อมูลธุรกิจจากหลายภาคส่วน ทั้งสถิติข้อมูลภายในของกรมฯ ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สถิติจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ มูลค่าทุนจดทะเบียน แนวโน้มการเติบโต ผลประกอบการของธุรกิจ (รายได้ และ ผลกำไร)

ร่วมกับข้อมูลปัจจัยทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ เทรนด์การประกอบธุรกิจ ได้แก่ แนวโน้ม กระแสความนิยม พฤติกรรมของธุรกิจ นโยบายรัฐบาล และดัชนีทางเศรษฐกิจ เป็นต้น

จากผลการวิเคราะห์ สามารถแบ่งกลุ่มธุรกิจที่น่าจับตามองและน่าสนใจในปี 2568 ออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ 10 ประเภทธุรกิจ ประกอบด้วย

กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ ประกอบด้วย

1. ธุรกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมในครอบครัว ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและที่พัก ธุรกิจร้านอาหารผับบาร์ ธุรกิจการแสดงโชว์และความบันเทิง รวมทั้ง ธุรกิจกิจกรรมสำหรับครอบครัว เช่น สวนสัตว์ สถานที่พักผ่อนตามธรรมชาติ 

โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 6,667 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 458 ราย  หรือเพิ่มขึ้น 7.38% มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ 16,253.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 2,269.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.23% ถือว่าเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 

ทั้งนี้ รายได้รวมของธุรกิจในปี 2566 มีมูลค่าสูงถึง 753,308.31 ล้านบาท โดยปี 2568 รัฐบาลยังคงเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรม Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025 และกิจกรรมสนับสนุนและสร้างความนิยมใน Soft Power ของประเทศไทย ส่งผลให้ธุรกิจฯ มีโอกาสเติบโตและทำผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง

\"พาณิชย์\"เปิดโผ 10 ธุรกิจที่มาแรงโดดเด่น ปี 68

2. ธุรกิจ Health & Wellness เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล โรงพยาบาลเฉพาะทาง ธุรกิจทันตกรรม ธุรกิจกายภาพบำบัด และธุรกิจการดูแลสุขภาพอื่นๆ โดยปี 2566 ธุรกิจ health & wellness มีรายได้รวม 357,988.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาปี 2565 จำนวน 5,464.77 ล้านบาท 

โดยธุรกิจนี้ได้รับการส่งเสริมจากนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub เช่น การเพิ่มศักยภาพด้านอุตสาหกรรมทางการแพทย์ การชักชวนหรือให้สิทธิชาวต่างชาติเข้ามารักษาในประเทศไทย

รวมทั้ง การผสมผสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยลงไป สอดคล้องกับข้อมูลของ Krungthai COMPASS ที่แสดงว่าปี 2566 นักท่องเที่ยวกลุ่ม Medical & Wellness มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงสุดที่ 99,770 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่าตัวในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

อีกทั้งโลกเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและผู้คนเริ่มหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความต้องการในธุรกิจนี้เพิ่มสูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยปี 2567 มีจำนวนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่จำนวน 912 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 5,212.27 ล้านบาท

3. ธุรกิจสัตว์เลี้ยง เช่น ธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยง ผลิตจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจรักษาสัตว์เลี้ยง โดยปี 2567 มีจำนวนธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่จัดตั้งขึ้นใหม่ จำนวน 206 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 400.12 ล้านบาท

รายได้รวมปี 2566 มีมูลค่า 76,066.28 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,310.31 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ปัจจุบันมีความนิยมในการเลี้ยงสัตว์ที่หลากหลาย และหลายคนเลี้ยงสัตว์แทนลูก เปรียบเสมือนเป็นคนในครอบครัว จึงพร้อมที่จะใช้จ่ายให้กับสัตว์เลี้ยง ทั้งอาหาร ของเล่น และการดูแลสุขภาพ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตตามความต้องการของตลาดและเทรนด์ของการเลี้ยงสัตว์

4. ธุรกิจสายมูฯ (มูเตลู) ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสายมูฯ (มูเตลู) ยังคงมีการจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 38 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 5 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 14 ราย (จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 2566 จำนวน 33 ราย และ ปี 2565 จำนวน 24 ราย) มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 27.72 ล้านบาท โดยธุรกิจนี้ยังคงได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ท่ามกลางความต้องการที่พึงทางด้านจิตใจ

รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจที่ประยุกต์ใช้ความเชื่อ ความศรัทธา ให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนทั่วไปได้อย่างลงตัว สินค้าหลายอย่างถูกปรับเปลี่ยนให้เข้าถึงได้ง่าย สอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี เช่น Wallpaper สายมูบนโทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับหรือเครื่องรางที่ง่ายต่อการพกพา อีกทั้ง ภาครัฐยังคงส่งเสริมให้เป็น Soft power ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มีความเชื่อและความศรัทธาให้พร้อมใช้จ่ายเพื่อความสบายใจและเป็นการเสริมดวงชะตาให้ดียิ่งขึ้น

5. ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ เช่น ธุรกิจผลิตภาพยนต์และรายการโทรทัศน์ ธุรกิจตัดต่อภาพและเสียง ธุรกิจกราฟฟิกแอนิเมชันและเทคนิคพิเศษ และธุรกิจสอนการแสดง โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 293 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 18 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 37 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 719.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 346.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 92.86% 

โดยธุรกิจนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการส่งเสริมตลาด การพัฒนา การจับคู่ธุรกิจ และนำเสนอกับผู้ซื้อลิขสิทธิ์ทั่วโลก ทำให้ธุรกิจนี้กลับมาเติบโตได้อย่างชัดเจน

6.ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร เช่น ธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายใน ธุรกิจซ่อมแซมอาคาร โดยปัจจุบันผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น แทนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ใหม่ เนื่องจากทำเลที่ตั้งที่อยู่อาศัยเดิมอยู่ในทำเลที่ดี และสอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิต

รวมถึง การปรับปรุงอาคารต่างๆ เพื่อประกอบธุรกิจได้อย่างหลากหลาย เช่น ที่พัก ร้านอาหาร และคาเฟ่ ส่งผลให้ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น โดยปี 2566 ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร มีรายได้รวม 100,897.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 11,585.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.97% 

กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นเทรนด์ธุรกิจของโลกที่ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ก้าวข้ามขีดจำกัดและสามารถตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์และการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย

1. ธุรกิจ Data Center และ Software เช่น ธุรกิจจัดทำซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ธุรกิจบริการ Data Center ธุรกิจจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเว็บเพจ เป็นต้น โดยธุรกิจนี้ มีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2566 ธุรกิจ Data Center และ Software มีรายได้รวมอยู่ที่ 110,500.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5 ปีก่อน จำนวน 50,960.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 85.59% (ปี 2562 มีรายได้รวมอยู่ที่ 59,540.13 ล้านบาท)

โดยธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการของตลาด การเติบโตของโลกยุคดิจิทัล และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรม การผลิต การบริการ รวมทั้งการใช้ในชีวิตประจำวัน ล้วนมีส่วนส่งเสริมธุรกิจนี้ยังคงเติบโตและเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง

2. ธุรกิจ e-Commerce เช่น ธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ธุรกิจคลังสินค้าและการจัดเก็บสินค้า ธุรกิจตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ธุรกิจ e-Commerce มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งผู้ประกอบการมีการปรับเปลี่ยนช่องทางการตลาดเข้าสู่ช่องทางการจำหน่าทั้ง Offline และ Online ควบคู่กัน

ทั้งนี้ ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 2,219 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 318 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 572 ราย เพิ่มขึ้น 16.73% และ 34.73% ตามลำดับ  มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 3,361.23 ล้านบาท โดยรายได้รวมในปี 2566 มีมูลค่า 279,787.83 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,442.28 ล้านบาท

กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการธุรกิจ ประกอบด้วย

1. ธุรกิจการบริหารจัดการธุรกิจ เช่น ธุรกิจสำนักงานบัญชี ธุรกิจสำนักงานกฎหมาย ธุรกิจการจ้างงานบุคคลภายนอก (outsource) โดยธุรกิจการบริการจัดการธุรกิจ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการประกอบธุรกิจยุคปัจจุบัน ทั้งการจ้างทำบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย หรือการจ้างงานบุคคลภายนอก แทนการจ้างพนักงานประจำ ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ ที่เข้ามาช่วยประยุกต์ใช้ให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินธุรกิจได้ง่ายขึ้น

โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 4,296 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 181 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 806 ราย หรือ เพิ่มขึ้น 4.40% และ 23.09% ตามลำดับ (ธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 2566 จำนวน 4,415 ราย และ ปี 2565 จำนวน 3,490 ราย) มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 6,521.44 ล้านบาท โดยธุรกิจการบริหารจัดการธุรกิจมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นและต่อเนื่องช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563 – 2567)

2.ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ธุรกิจการวิจัยและพัฒนาเชิงทดลอง ธุรกิจการให้บริการเกี่ยวกับสิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น คาร์บอนเครดิต โดยในปัจจุบันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมกำลังส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของทุกคน ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม เป็นทางรอดของธุรกิจในยุคปัจจุบันที่เข้ามาช่วยลดต้นทุน เพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ และทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค

โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 338 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 86 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 159 ราย หรือเพิ่มขึ้น 34.13% และ 88.83% ตามลำดับ มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 1,832.10 ล้านบาท โดยปี 2566 ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม มีรายได้รวม 41,408.69 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 เล็กน้อย แต่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 – 2566)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม  อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า คาดว่าปี 2568 การประกอบธุรกิจของภาคธุรกิจจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยต้องพิจารณารวมกับปัจจัยอื่นๆ และภูมิรัฐศาสตร์ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ เช่น เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศต่างๆ หรือปัจจัยเกื้อหนุนของเศรษฐกิจประเทศ ขอแนะนำว่า 10 ประเภทธุรกิจดังกล่าวข้างต้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยสามารถนำไปเป็นข้อมูลส่วนหนี่งสำหรับประกอบการตัดสินใจลงทุน

 อย่างไรก็ตาม นอกจากกระแสธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมแล้ว ความชื่นชอบและความถนัดก็เป็นอีกคุณสมบัติที่ต้องคำนึง เนื่องการลงทุนมีความเสี่ยง การลงทุนทำธุรกิจต้องรอบคอบมากที่สุด

50 บริษัทในฝันของคนรุ่นใหม่ปี 2568

Date: 25/01/2025Author: Marketeer Team

“เวิร์คเวนเจอร์” ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์สร้างแบรนด์นายจ้าง และโซลูชั่นด้านทาเลนต์ชั้นนำของไทย เจ้าของการสำรวจ Top 50 Companies in Thailand ที่จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 เปิดผลสำรวจ Top 50 Companies in Thailand 2025 หรือ 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุด ปี 2568 พบคนไทยรุ่นใหม่ อายุ 22-35 ปี เทใจให้ “กูเกิล ประเทศไทย” เป็นองค์กรในฝันอันดับ 1 ครองแชมป์ติดต่อกัน 5 ปีซ้อน ส่วนอันดับ 2-10 เทคะแนนให้ เอสซีจี ปตท. โตโยต้า ช้อปปี้ บางจาก ไลน์ บิ๊กซี เอสซีบีเอ็กซ์ ไทยเบฟ ตามลำดับ

นายเย็นส์ โพลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คเวนเจอร์ เทคโนโลจีส์ จำกัด กล่าวว่า Top 50 Companies in Thailand จัดทำขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกผ่านการสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ของกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ โดยให้มีการระบุองค์กรที่มีความโดดเด่นด้านแบรนด์นายจ้าง และได้รับการจดจำในฐานะองค์กรอันดับต้น (Top-of-Mind) รวมทั้งปัจจัยที่ช่วยดึงดูดและสร้างความพึงพอใจให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างกว่า 12,559 คน อายุ 22-35 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยไม่จำกัดเพศของผู้ตอบแบบสำรวจ สำรวจเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม ปี 2567

“Top 50 Companies in Thailand เป็นการสำรวจที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากองค์กรธุรกิจทั้งในและต่างประเทศว่ามีความน่าเชื่อถือที่สุด การมอบรางวัลนี้ยังถือเป็นการยกย่ององค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมในการสร้างประสบการณ์และสภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าร่วมงานด้วยที่สุด” นายเย็นส์ กล่าว

จากการวิเคราะห์ผลสำรวจ Top 50 Companies in Thailand 2025 พบประเด็นที่น่าสนใจหลายด้าน โดยบริษัทที่ติดอันดับในปีนี้ส่วนใหญ่มีจุดเด่นในการใช้ โซเชียลมีเดีย และการสร้าง พื้นที่สื่อ รวมถึง คอนเทนต์ของตนเอง เพื่อเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ โดยสามารถถ่ายทอดบรรยากาศการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร และชีวิตการทำงาน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ขึ้น เช่น โคตรคูล กู๊ดเดย์ และ เดอะสแตนดาร์ด ซึ่งมีพื้นที่สื่อที่แข็งแกร่งของตนเอง นอกจากการผลิตคอนเทนต์ทั่วไปแล้ว ยังมีคอนเทนต์ที่สะท้อนชีวิตการทำงานในองค์กร ทำให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ บริษัทที่ติดอันดับหลายแห่งยังมีการนำ AI มาใช้ในกระบวนการทำงานอย่างจริงจัง หรือเป็นผู้นำด้าน Digital Transformation ซึ่งสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ในปีที่ผ่านมา การชูจุดเด่นด้านการใช้ AI และการมีวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้างเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ช่วยดึงดูดความสนใจของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ เอสซีบีเอ็กซ์ ซึ่งมุ่งสู่การเป็น AI–first Organization รวมทั้ง กูเกิล บริษัทระดับโลกที่พัฒนา AI Chatbot ชื่อดังอย่าง Gemini

ขณะเดียวกัน บริษัทที่แสดงถึงความ ใส่ใจต่อสังคม ก็ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่เช่นกัน เพราะการได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่ไม่ได้เน้นเพียงผลกำไร แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกว่างานที่ทำมีคุณค่า ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ เอสซีจี และ ปตท. ซึ่งติดอันดับทุกปี ด้วยชื่อเสียงและความเป็นผู้นำด้านกิจกรรมเพื่อสังคมที่ชัดเจน ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ เพื่อชุมชนขององค์กรเหล่านี้ จึงสอดคล้องกับค่านิยมและความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน

เมื่อวิเคราะห์ถึง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ติดอันดับมากที่สุดในปี 2568 พบว่า อันดับ 1 ได้แก่ FMCG (Fast–Moving Consumer Goods) ซึ่งครองพื้นที่อันดับ 1 ต่อจากปี 2567 โดยมีบริษัทติดอันดับถึง 9 บริษัท ได้แก่ ไทยเบฟ ยูนิลีเวอร์ มิตรผล โอสถสภา สหพัฒน์ ซันโตรี่เป๊ปซี่โค พีแอนด์จี บุญรอดบริวเวอรี่ ยูนิชาร์ม อันดับ 2 ได้แก่ ธนาคารและสถาบันการเงิน มีบริษัทติดอันดับ 8 บริษัท ได้แก่ เอสซีบีเอ็กซ์ เคแบงก์ บิตคับ เอสซีบี กรุงศรี กรุงไทย อีวาย ตลาดหลักทรัพย์ฯ อันดับ 3 ได้แก่ ธุรกิจบันเทิงและสื่อ มีบริษัทติดอันดับ 6 บริษัท ได้แก่ เน็ตฟลิกซ์ โคตรคูล ติ๊กต็อก เดอะสแตนดาร์ด อาร์เอส กู๊ดเดย์

อีกหนึ่งความน่าสนใจจากการสำรวจในปีนี้ คือมี บริษัทหน้าใหม่ที่เข้ามาติดอันดับ ได้แก่ กู๊ดเดย์ เดอะมอลล์ กรุ๊ป กัลฟ์ และมี บริษัทที่กลับมาติดอันดับอีกครั้ง ได้แก่ อีวาย พีทีจีเอ็นเนอยี การบินไทย เอพี ไทยออยล์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายเย็นส์กล่าวเพิ่มเติมว่า งานประกาศผลและมอบรางวัล Top 50 Companies in Thailand 2025 เป็นเวทีสำคัญที่ได้รวมผู้บริหารระดับสูง และทีมทรัพยากรบุคคลจากองค์กรชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อฉลองความสำเร็จและยกระดับมาตรฐานในแวดวงธุรกิจ ภายในงานยังมีปาฐกถาพิเศษโดย คุณคริสเตียน แดสสันวิลล์ Country HR Manager อิเกีย ประเทศไทย ที่มาบรรยายในหัวข้อ Building a Global Employer Brand with Local Heart: IKEA Thailand’s Journey to Inspire the Workforce of Tomorrow ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสซีบี เอกซ์ บรรยายในหัวข้อ AI-First Begins with People: Transforming People and Culture for the Future of Work และ คุณอรรถพล โพธิ์หาญรัตนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กู๊ดเดย์ ออฟฟิสเชียล บรรยายในหัวข้อ GoodDay: A Small Brand with a Big Heart-Inspiring the Next Generation to Work with Purpose ซึ่งการบรรยายครั้งนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจ และเปิดมุมมองใหม่ในการสร้างแบรนด์นายจ้างได้เป็นอย่างดี

นายจีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชฐ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการสร้างแบรนด์องค์กรนายจ้าง บริษัท เวิร์คเวนเจอร์ เทคโนโลจีส์ จำกัด กล่าวถึงความสำคัญของ “แบรนด์นายจ้าง” ในยุคที่ตลาดแรงงานมีการแข่งขันสูงว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงดูดบุคลากรคุณภาพ และรักษาคนเก่งให้อยู่กับองค์กร โดยทุกปีจะมีเทรนด์ใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างแบรนด์นายจ้างให้เป็นที่ต้องการของผู้สมัครงานและพนักงาน สำหรับเทรนด์ในการสร้างแบรนด์นายจ้างในปี 2568 คือ การนำ ESG (Environmental, Social, Governance) มาใช้ในกลยุทธ์สร้างแบรนด์นายจ้าง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม การใช้ แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเล่าเรื่องราวของพนักงานให้เข้าถึงผู้สมัครงานรุ่นใหม่ และการพัฒนา Employer Value Proposition (EVP) ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาขององค์กรที่สะท้อนถึงคุณค่าและประสบการณ์ที่พนักงานจะได้รับ ทั้ง 3 เทรนด์นี้จะช่วยให้องค์กรสามารถดึงดูดและรักษาคนเก่งไว้ได้ในยุคที่พนักงานเลือกงานมากขึ้น และไม่ได้เลือกงานจากเงินเดือนเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป

“การผสานแนวคิด ESG ในการสร้างแบรนด์นายจ้างมีความสำคัญมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ เช่น Millennials และ Gen Z ให้ความสำคัญกับคุณค่าที่องค์กรยึดถือ โดยเฉพาะเรื่องความยั่งยืนและจริยธรรม ซึ่งทำให้องค์กรที่ดำเนินงานตามหลัก ESG สามารถดึงดูดพนักงานรุ่นใหม่ได้มากขึ้น” นายจีรวัฒน์ กล่าว

สำหรับการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้ ในปีนี้  Meta (Facebook และ Instagram), YouTube และ TikTok จะกลายเป็นเครื่องมือหลักที่นายจ้างใช้ในการสร้างแบรนด์ เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่ใช้โซเชียลมีเดียค้นหาข้อมูลองค์กร โดยเน้นการสร้างเนื้อหาที่ตรงกลุ่ม เช่น การเล่าเรื่องราวของพนักงานที่สะท้อนความเป็นจริง และสร้างความเชื่อมโยงกับผู้สมัครงานที่มีศักยภาพ รวมทั้งการนำเสนอประสบการณ์ส่วนตัวของพนักงาน เพื่อให้ผู้สมัครเห็นภาพว่าการทำงานในองค์กรนั้นเป็นอย่างไร นอกจากนี้ วิดีโอสั้นที่สนุกและทันสมัย เช่น TikTok หรือ Reels จะมีบทบาทในการนำเสนอวัฒนธรรมองค์กรได้เป็นอย่างดี

นายจีรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแข่งขันในตลาดแรงงานและความต้องการ “งานที่มีความหมาย” ของคนรุ่นใหม่ ทำให้ Employer Value Proposition หรือ EVP กลายเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งแนวทางที่องค์กรควรนำมาปรับใช้ในปีนี้ คือ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนา EVP ให้กลายเป็น Strategic EVP ที่ตอบโจทย์และดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย และสร้างความแข่งแกร่งด้านบุคลากรให้กับองค์กรไปพร้อมกัน รวมถึงการสื่อสาร EVP อย่างโปร่งใสและเป็นจริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มความผูกพันของพนักงาน หากองค์กรสามารถพัฒนา EVP ได้เหมาะสม จะได้เปรียบในการแข่งขันและดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพได้มากขึ้น

Previous Post

N3009245 แค ยอมร EP3 part 2

Next Post

N3009171 แปลกตรงไหนท นข าวหมดจาน part 2

Next Post
N3009171 แปลกตรงไหนท นข าวหมดจาน part 2

N3009171 แปลกตรงไหนท นข าวหมดจาน part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0411563 หลอยผ วมาต วอ าย EP1 part 2
  • N0411126 จะได ณค าและความลำบากในการใช เง part 2
  • N0411120 การด แลต วเองหล งคลอด part 2
  • N0411125 องการคนร กเม อตอนท กคนไม องการ part 2
  • N0411124 ความค ดครอบคร วผ วเต าล านป part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.