ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
เสพกลิ่นประเทศพัฒนา!! 10 อันดับประเทศ “ระบบขนส่งสาธารณะ” ดีที่สุดในโลก
การเดินทางไปไหนมาไหนในเมืองใหญ่ ถือเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวที่สุด ไม่ใช่แค่คุณเสียเงินจำนวนมากเพื่อการเดินทาง แต่ยังเสียเวลา เสียสุขภาพ แต่สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วหลายต่อหลายประเทศ ได้มีการพัฒนาและจัดระบบการขนส่งเดินทาง หรือ พูดง่ายๆ ก็คือ เขาพยายามที่จะให้การเดินทางด้วยรถสาธารณะนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อที่จะให้ประชาชนที่อยู่ในเมืองไม่นำรถส่วนตัวมาใช้ อันเป็นสาเหตุของปัญหารถติด และมลพิษจากท่อไอเสีย ตาม UndubZapp ไปดูกันค่ะว่า ระบบขนส่งสาธารณะที่ดีที่สุดในโลกนั้น มีอยู่ที่ไหนกันบ้าง
10. ฮ่องกง
ชาวฮ่องกงเกือบ 90% ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ การคมนาคมทางถนนได้รับการพัฒนาเพื่อรองรับประชากรที่กำลังเติบโต และได้ชื่อว่าเป็นมหานครที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แถมยังให้บริการด้วยความถี่สูงด้วย ระบบขนส่งสาธารณะที่นี่ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วย รถ double decker buses และระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่กว้างขวางสะอาดปลอดภัยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งระบบบัตร Octopus ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจัดการการจ่ายเงินค่าโดยสารได้ง่ายขึ้น
9. โตเกียว
เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องระบบขนส่งสาธารณะ ที่มีการออกแบบระบบการเดินทางที่มอบความสะดวกสบายให้คนใช้บริการขนส่งสาธารณะมากที่สุด แม้ว่าที่นี่จะมีค่าโดยสารที่ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับบางประเทศ แต่ประชากรในกรุงโตเกียวยังนิยมใช้บริการขนส่งสาธารณะเป็นหลักอยู่ดี โตเกียวเป็นที่ตั้งของระบบรถไฟที่กว้างขวาง ผู้โดยสารจำนวน 8.66 ล้านคนใช้ระบบขนส่งทางรางในแต่ละวัน ระบบรถไฟใต้ดินโตเกียวเป็นที่ทราบกันดีว่ามีประสิทธิภาพและความสามารถในการทำงานได้ทันเวลา
8. สิงคโปร์
การขนส่งสาธารณะในสิงคโปร์เป็นหนึ่งในระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในโลก ระบบขนส่งมวลชนมีตั้งแต่รถราง รถประจำทาง และรถแท็กซี่ในรูปแบบอื่น ๆ ของการขนส่ง ในขั้นแรกการขนส่งประเภทรถบัสถูกใช้อย่างแพร่หลายในสิงคโปร์จนถึงปี พ.ศ. 2530 เมื่อได้มีการนำระบบขนส่งมวลชน อัตราส่วนระหว่างสองระบบเกือบจะเหมือนกันกับผู้โดยสารที่ใช้รถประจำทางอยู่ที่ 3.9 ล้านคนเมื่อเทียบกับ 3.1 ล้านคนที่ใช้รถไฟฟ้าใต้ดินในปี 2016 สายทางรถไฟยาวขึ้นไป 198.6 กิโลเมตรรวมเป็น 119 สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินมีให้บริการ โดยรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (LRT)
7. นิวยอร์ก
การขนส่งทางรถไฟเป็นวิธีการสำคัญในการขนส่งสาธารณะในนิวยอร์กซิตี้ รถไฟใต้ดิน New York City เป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีสถานีจำนวน 472 สถานีและให้บริการถึง 24 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกของประชาชน รถไฟใต้ดินในนิวยอร์กเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นและมีคุณลักษณะมากมายซึ่งเราจะเห็นเรื่องราวเหล่านี้ได้บ่อยๆ ในรายการทีวีและภาพยนตร์ งานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยมินนิโซต้าเผยว่า นิวยอร์กเป็นหนึ่งในเมืองที่เหมาะสมที่สุดกับการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ และมีค่าเฉลี่ยเวลาในการเดินทางไปทำงานเพียง 30 นาที
6. โซล
ระบบการขนส่งที่มีการพัฒนาอย่างดีของโซล ทำให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมในเอเชีย ระบบรถไฟใต้ดินรองรับการให้บริการกับผู้โดยสารประมาณ 8 ล้านคนต่อวัน รถไฟฟ้าใต้ดินของโซลมีระบบรางยาวที่สุดในโลก คือ ยาวถึง 508 กิโลเมตร แบ่งออกเป็นเส้นทางหลัก 12 เส้นทาง และครอบคลุมการเดินทางให้ทั่วถึงได้ทั้งเมือง ภายในสถานีจะประกอบไปด้วยป้ายที่แสดงทั้งภาษาเกาหลี และภาษาอังกฤษ เพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยว พร้อมหน้าจอบอกข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้รถไฟฟ้าใต้ดินกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมในการเดินทางของโซล และช่วยลดปัญหาความหนาแน่นของการจราจรได้เป็นอย่างดี
5. ปารีส
รถไฟใต้ดินกรุงปารีสมีระยะทางประมาณ 214 กิโลเมตร ส่วนใหญ่ของระบบนี้อยู่ใต้ดินและประกอบด้วย 303 สถานี ปารีสเมโทรเป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปหลังจากกรุงมอสโกเมโทร นอกจากนี้ระบบขนส่งสาธารณะในกรุงปารีสยังให้บริการโดยรถประจำทางและรถแท็กซี่ โหมดเหล่านี้ช่วยในการเชื่อมโยงเมืองชานเมืองต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับกรุงปารีส
4. กรุงมาดริด
การขนส่งสาธารณะในกรุงมาดริดมีการพัฒนาและใช้งานง่าย แม้ว่ามาดริดไม่ได้อยู่ในเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก แต่ระบบรถไฟใต้ดินของพวกเขาขึ้นมีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัย รวมทั้งมีอัตราค่าโดยสารที่ถูกเมื่อเทียบกับค่าครองชีพของสเปน ทำให้ประชาชนยอมลดการใช้รถส่วนตัวลงไป ส่วนพื้นที่รถไฟใต้ดินเข้าไม่ถึงจะมีการขนส่งสาธารณะบริการ เช่น รถโดยสารประจำทาง และแท็กซี่
3. ลอนดอน
รถไฟใต้ดินลอนดอนหรือ “Tube” เป็นระบบขนส่งสาธารณะที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1863 ถือเป็นระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่เก่าแก่ที่สุดของโลก นอกจากนี้ ลอนดอนยังเป็นที่ตั้งของรถบัสสองชั้นสีแดงที่มีชื่อเสียงที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จนเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งการเดินทางของลอนดอน มีการจัดการระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นระเบียบ มีการแบ่งพื้นที่ในเมืองออกเป็น 9 ส่วน เพื่อให้ง่ายต่อการเดินทาง การกำหนดค่าโดยสารและความเข้าใจของผู้ใช้บริการ นอกจากนั้นยังมีการกำหนดให้ราคาของตั๋วรถไฟใต้ดินมีราคาต่างกันแล้วแต่เวลา เช่นในชั่วโมงเร่งด่วนจะมีราคาแพงกว่า เพื่อลดความหนาแน่น
2. เซี่ยงไฮ้
เซี่ยงไฮ้ เป็นที่ตั้งของระบบขนส่งด่วนที่น่าประทับใจ ที่มีถึง 15 สาย หนึ่งในระบบที่ใหม่กว่าในรายการของเรารถไฟใต้ดินเซี่ยงไฮ้ได้รับการเปิดตัวในปี พ.ศ. 2536 และเติบโตขึ้นอย่างมาก ระบบนี้มีใช้บริการทุกวันเป็นจำนวนมากกว่า 9 ล้านคน ในวันที่คึกคักที่สุดระบบได้มีการให้บริการลูกค้ามากถึง 12 ล้านราย!
1. เบอร์ลิน
เบอร์ลินมีระบบขนส่งมวลชนที่กว้างขวางครอบคลุม ถึงแม้ไม่มีรถก็สามารถเดินทางรอบเมืองหลวงของเยอรมันได้ง่ายๆ โดยในชั่วโมงเร่งด่วนรถไฟจะวิ่งไม่เกินห้านาที และในแต่ละวันผู้ใช้บริการประมาณ 1.5 ล้านคน
SOURCE : worldatlas
เปิด 10 ที่สุด “สถานีกลางบางซื่อ” ฮับระบบรางใหญ่ที่สุดในอาเซียน
วันที่ 15 ธันวาคม 2563 – 12:34 น.
Mladen ANTONOV / AFP
“สถานีกลางบางซื่อ” กำลังจะเปิดให้บริการ เป็นศูนย์กลางการเดินทางและธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ฮับการขนส่ง คมนาคม ระบบราง ที่ใช้เวลาก่อสร้างร่วม 8 ปี บนพื้นที่กว่า 487 ไร่
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลความเป็นที่สุดและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับ “สถานีกลางบางซื่อ” ที่ต้องบันทึกไว้ในระบบรางไทย มาให้ทราบ พร้อมนับถอยหลังเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือนพฤศจิกายน 2564
ขึ้นแท่นเป็น “สถานีศูนย์กลางระบบราง” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่ที่สุดในอาเซียน และยังล้มแชมป์ “สถานี KL Sentral” ของประเทศมาเลเซีย
เป็นสถานีที่ใช้งบประมาณก่อสร้างมากถึง 34,142 ล้านบาท
มีพื้นที่ใช้สอย 274,192 ตารางเมตร ใหญ่กว่าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ที่มีพื้นที่ใช้สอย 192,000 ตารางเมตร
มี 24 ชานชาลา สำหรับรถไฟชานเมือง 4 ชานชาลา รถไฟทางไกล 8 ชานชาลา รถไฟความเร็วสูง 10 ชานชาลา และรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ส่วนต่อขยาย 2 ชานชาลา
สถานีรถไฟที่มีห้องน้ำให้บริการมากที่สุด รวม 713 ห้อง
ถูกออกแบบให้เป็น “สถานีปลอดมลพิษ” เนื่องจากจะมีรถไฟที่เป็นระบบไฟฟ้าเท่านั้นที่มาใช้บริการได้
มีจุดแลนด์มาร์คใหม่ด้านประวัติศาสตร์ สร้างลานพระบรมราชานุสาวรีย์ มีพื้นที่ 186,030 ตร.ม. และบึงน้ำขนาด 14,000 ตร.ม. ให้เป็นลานน้ำพุประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ ของการก่อเกิดการรถไฟแห่งประเทศไทย
มี “นาฬิกาหน้าปัดเลข ๙” ประจำสถานี ติดตั้งบนผนังหน้ากระจกทางเข้าสถานี ที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล จะเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของสถานี ที่ออกแบบเพื่อน้องรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เป็นจุดเชื่อมระบบคมนาคม ทั้ง บก น้ำ อากาศ ในจุดเดียว
รองรับผู้โดยสาร ภายใน 10 ปี นับจากปี 2565 มีผู้ใช้บริการ 136,000 เที่ยวคนต่อวัน เป็น 624,000 เที่ยวคนต่อวัน
เชื่อมต่อได้ทั้ง บก น้ำ อากาศ
สามารถเชื่อมต่อทุกการเดินทาง “ทางราง” มีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟทางไกล และรถไฟความเร็วสูง
สามารถเชื่อมต่อ “ทางบก” เชื่อมทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตก และทางยกระดับอุตราภิมุข (โทลล์เวย์)
สามารถเชื่อมต่อ “ทางน้ำ” โดยสามารถนั่งสายสีน้ำเงิน ไปลงสถานีบางโพ จะมีจุดเชื่อมต่อกับท่าเรือบางโพ ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาได้
สามารถเชื่อต่อ “ทางอากาศ” โดยจะเป็นจุดจอดของสถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 2 สนามบิน ได้แก่ สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา
ส่องพื้นที่ทุกซอก “สถานีกลางบางซื่อ”
สถานีกลางบางซื่อ ประกอบด้วย ความกว้าง 244 เมตร ความยาว 596.6 เมตร และความสูงประมาณ 43 เมตร มี 4 ชั้น รวมชั้นใต้ดินพื้นที่ใช้สอยรวม 274,192 ตารางเมตร
ตัวอาคารมี 4 ชั้นด้วยกัน ได้แก่
ชั้นใต้ดิน เป็นลานจอดรถที่สามารถรองรับได้กว่า 1,700 คัน
ชั้น 1 เป็นพื้นที่จำหน่ายตั๋ว พื้นที่พักคอยผู้โดยสาร เขตร้านค้า พื้นที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และจุดเชื่อมต่อรถโดยสาร ขสมก. และ บขส.
ชั้นที่ 2 เป็นชานชาลาสำหรับรองรับรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) มี 4 ชานชาลา และรถไฟทางไกล มี 8 ชานชาลา
ชั้นที่ 3 เป็นชานชาลาสำหรับรองรับรถไฟขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เชื่อมภูมิภาค มีทั้งหมด 10 ชานชาลา แบ่งเป็นรถไฟสายใต้ 4 ชานชาลา รถไฟสายเหนือ และสายอีสาน รวม 6 ชานชาลา
ตั้งเป้า คนใช้บริการ 6 แสนเที่ยวคนต่อวัน
หลังเปิดให้บริการในปี 2564 คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 2 เท่า ภายใน 10 ปี นับจากปี 2565 ที่มีผู้ใช้บริการ 136,000 เที่ยวคนต่อวัน เป็น 624,000 เที่ยวคนต่อวัน
ประยุทธ์-คณะรัฐมนตรี เยี่ยมชม 15 ธ.ค. 2563
ล่าสุด วันนี้ (15 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ พร้อมทดลองการเดินขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดง ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2564 หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เคยเดินทางตรวจติดตามงานก่อสร้างไปเมื่อ เดือนมีนาคม ปี 2562
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/prachachat-hilight/news-573627
