• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3009810 มหาเศรษฐ ดรองเท part 2

admin79 by admin79
September 30, 2025
in Uncategorized
0
N3009810 มหาเศรษฐ ดรองเท part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

10 อันดับบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก 2022

 3 min read  May 26, 2022  Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • Saudi Aramco แซงหน้า Apple ในการเป็นบริษัทที่มี Market Cap. สูงที่สุดในโลกไปครั้งแรกวันที่ 11 พ.ค. 2022 และหลังจากนั้นก็ยืนหนึ่งได้หลายวัน
  • Apple ยึดตำแหน่งบริษัทที่ Market Cap. สูงที่สุดในโลกได้ติดต่อกันถึง 8 ไตรมาสล่าสุด นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2020 ถึง ไตรมาสแรก ปี 2022
  • บริษัทส่วนใหญ่ใน 10 อันดับ เวลานี้เป็นบริษัทในสหรัฐฯ ยกเว้นอันดับ 1 ที่ซาอุดิอาระเบียยึดพื้นที่ไป และอันดับ 9 ที่เป็นของบริษัทไต้หวัน

ช่วงต้นเดือน พ.ค. 2022 ที่ผ่านมามีข่าวมาว่า Apple ถูก Saudi Aramco ซิวตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap.) สูงที่สุดในโลกไป พี่ทุยก็เลยนึกสนุกว่า ไปลองเช็คดูดีกว่า ตอนนี้ 10 อันดับบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ปี 2022 เป็นของใครกันบ้าง มีแชมป์หน้าใหม่เข้ามารึเปล่า หรือใครกำลังตกชั้นไป

ข้อมูลล่าสุดในเว็บไซต์ companiesmarketcap.com ณ วันที่ 14 พ.ค. 2022 ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากบริษัทขนาดใหญ่ 6,077 บริษัททั่วโลก มี Market Cap. รวมกัน 82.82 ล้านล้านดอลลาร์ พบว่า 10 บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก มีดังนี้

10 อันดับบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก 2022

สำหรับ 10 อันดับบริษัทที่มี Market Cap. สูงที่สุดในโลกนั้น มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ตามมูลค่าหุ้นของบริษัทที่ปรับขึ้นลงในแต่ละวัน

พี่ทุยอยากจะมาเล่าสั้น ๆ ให้ฟังถึงแต่ละบริษัทที่อยู่ใน 10 อันดับ ณ ตอนนี้ ซึ่งถ้าดูข้อมูลแล้วจะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคโนโลยี และเกือบทั้งหมดเป็นบริษัทในสหรัฐฯ มีเพียงอันดับ 1 ที่ซาอุดิอาระเบีย ยึดครองได้ และอันดับ 9 ที่เป็นบริษัทจากไต้หวัน

อันดับที่ 1 Saudi Aramco

บริษัทนี้เป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติของซาอุดิอาระเบีย ถือว่าเป็นบริษัทที่อันดับพุ่งแรงแบบสปีดติดเทอร์โบมาก ๆ เพราะบริษัทเพิ่ง IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปลายปี 2019 และแซงทุกทางโค้งและชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งในโลกจาก Apple ไปครั้งแรก ในวันที่ 11 พ.ค. 2022 โดยในวันนั้น  Market Cap. ของ Saudi Aramco ไปอยู่ที่ 2.43 ล้านล้านดอลลาร์

เหตุผลที่ Saudi Aramco แซง Apple ขึ้นเป็นอันดับ 1 ก็มาจาก บรรดาหุ้นเทคฯ ที่เคยเป็นตัวพ่อตัวแม่ยึดตำแหน่งอันดับต้น ๆ เจอผลพวงการเทขายหุ้นเทคฯ ทำให้มูลค่ากอดคอกันร่วง เพราะหุ้นเทคฯ เป็นกลุ่มหุ้นเติบโต ซึ่งในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูง คือ เงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ใช้นโยบายการเงินเข้มงวด ขึ้นดอกเบี้ยเร็วโหด ปี 2022 ปรับขึ้นแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก มี.ค. +0.25% และครั้งที่ 2 พ.ค. +0.50% แถมยังมีปัญหาการหยุดชะงักในภาคอุปทาน ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มเทคฯ เจอผลกระทบนี้ไปเต็ม ๆ ก็ทำให้นักลงทุนหนีกลับไปลงทุนหุ้นคุณค่าที่ผันผวนตามเศรษฐกิจน้อยกว่าหุ้นเติบโต

ส่วน Saudi Aramco เป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน มีพลังบวกที่ผลักดันให้มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากความต้องการพลังงานที่ฟื้นตัว และยังได้พลังบวกแบบแรงเกินต้านจากปัจจัยราคาน้ำมันที่พุ่งทะลุเพดานด้วย โดยบริษัทส่งออกน้ำมันให้ต่างประเทศ ดังนั้นในภาวะนี้ที่รัสเซียผู้ส่งออกน้ำมันสำคัญอีกราย กำลังทำสงครามอยู่กับยูเครน ทำให้โดนแบนจากประเทศมหาอำนาจหลักๆ หุ้น Saudi Aramco ก็เลยเป็นที่หมายตา ราคาเลยพุ่งแรงแซงทุกโค้งตามราคาน้ำมันไปด้วย 

แต่สูงสุดก็คืนสู่สามัญได้เช่นกัน ถ้าในอนาคตราคาน้ำมันลง แล้วหุ้นเทคฯ กลับมา Saudi Aramco ก็อาจจะสวมมงกุฎอันดับ 1 เอาไว้ได้ไม่นาน ต้องคืนกลับให้เจ้าของเก่าไป

อันดับที่ 2 Apple

พี่ทุยต้องบอกว่า Apple เป็นบริษัทผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยี ที่พวกเราเองก็น่าจะรู้จักกันดีอะแหละ ถ้านั่งดูมือถือตัวเอง หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ บางคนก็กำลังดูผ่านไอโฟน หรือแม็คบุ๊ค ซึ่งก็เป็นอุปกรณ์ของ Apple ทั้งนั้น

ถ้าดูสถิติย้อนหลังพบว่า Apple ครอบแชมป์ที่หนึ่งแบบเหนียวแน่นด้าน Market Cap. แทบทุกปี นับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา จะมีเสียแชมป์บ้าง ก็เป็นบางไตรมาส เช่น ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2013 ที่ ExxonMobil ทวงบัลลังก์คืนไป เพราะในอดีตก่อนกลุ่มเทคฯ จะมา กลุ่มพลังงานก็ยึดที่หนึ่งมาก่อน

จากนั้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2018 จนถึงไตรมาสที่ 3 ปี 2019 และในไตรมาสแรกปี 2020 Microsoft ก็ชิงตำแหน่งแชมป์จาก Apple ไปได้ชั่วคราว ก่อนที่ Apple จะทวงบัลลังก์แชมป์และยึดอันดับ 1 มานานได้ 8 ไตรมาสติดกันคือตั้งแต่ ไตรมาส 2 ปี 2020 จนกระทั่ง ไตรมาสแรก ปี 2022 Apple เป็นที่หนึ่งได้ตลอด ถึงแม้ว่าเทคฯ จะเผชิญกับช่วงหุ้นขาลงก็ตาม แต่สุดท้ายก็พ่ายให้หุ้นพลังงานอย่าง Saudi Aramco ไป เพราะเขามาแรงเกินต้านจริง ๆ

พอไปดูผลการดำเนินงานล่าสุดของ Apple คือ ไตรมาส 2 ปีงบการเงิน 2022 สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2022 พบว่า บริษัทมีรายได้ 97,000 ล้านดอลลาร์ +9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านั้น โดยที่รายได้ด้านบริการทำสถิติสูงสุด แล้วก็ยังทำสถิติสูงสุดในรายได้จากการขายไอโฟน แม็คบุ๊ก อุปกรณ์สวมใส่ อุปกรณ์เชื่อมต่อในบ้าน และอื่น ๆ อีก

อันดับที่ 3 Microsoft

ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ รวมถึงให้บริการต่าง ๆ เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows บริการ Office365 รวมถึงบริการคลาวด์อื่น ๆ ซึ่งบริษัทนี้ พี่ทุยคิดว่า เพื่อน ๆ หลายคนรู้จักกันดี ถ้าใครกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตอนนี้ ก็อาจจะกำลังใช้บริการ Microsoft อยู่นั่นแหละ

ถ้าพูดถึงมูลค่าธุรกิจของ Microsoft เมื่อเทียบชั้นกับบริษัททั่วโลกแล้ว ก็ต้องบอกว่า ถึงตอนนี้จะอยู่ในอันดับ 3 แต่ Microsoft ก็เคยเป็นที่หนึ่งมาแล้ว ตีคู่แข่งกับ Apple มาอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งพี่ทุยคิดว่า ในอนาคตถ้าเทคฯ คัมแบ็ก Microsoft ก็ยังมีสิทธิที่จะชิงที่หนึ่งได้อีก เพราะไม้เด็ดทางธุรกิจที่เตรียมไว้สำหรับโลกอนาคตก็มีไม่น้อย แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้น ก็ต้องติดตามกันต่อไป 

ส่วนผลการดำเนินงานงวดล่าสุด ก็คือ ไตรมาสที่ 3 ของปีงบการเงิน 2022 หรือ สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2022 รายได้รวมอยู่ที่ 49,400 ล้านดอลลาร์ +18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้านั้น

โดยรายได้ของบริษัทแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการผลิตและกระบวนการทางธุรกิจ เช่น Office365 LinkedIn รายได้กลุ่มนี้อยุ่ที่ 15,800 ล้านดอลลาร์ +17% กลุ่มต่อมาคือ คลาวด์ ซึ่งเป็นคือการให้บริการ Azure และบริการคลาวด์อื่นๆ กลุ่มนี้ทำรายได้ 19,100 ล้านดอลลาร์ +26% และสุดท้าย กลุ่มคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เช่น Window, Xbox และ Surface กลุ่มนี้ทำรายได้ 14,500 ล้านดอลลาร์ +11%

อันดับที่ 4 Alphabet

ได้ยินชื่อนี้อาจไม่คุ้นหู แต่ถ้าบอกว่า Google น่าจะร้องอ๋อกันขึ้นมาทันที บริษัทนี้ก็คือยานแม่ที่ตั้งขึ้นมาครอบ Google นั่นเอง ผลการดำเนินงานของบริษัทไตรมาสล่าสุดสิ้นสุด 31 มี.ค. 2022 รายได้อยู่ที่ 68,011 ล้านดอลลาร์ +23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลการดำเนินงานที่เติบโตมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริการการค้นหา และคลาวด์ 

อันดับที่ 5 Amazon

ธุรกิจหลักของ Amazon ก็คือเว็บไซต์ E-commerce ที่ขายสินค้าค่อนข้างหลากหลาย นอกจากนี้ก็ยังให้บริการคลาวด์ Amazon Web Service ด้วย ซึ่งในไตรมาสแรก สิ้นสุด มี.ค. 2022 รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 39,300 ล้านดอลลาร์ ลดลง 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

พอตัวเลขออกมาแบบนี้ก็ทำเอานักลงทุนตกใจไม่น้อย ซึ่งบริษัทก็ให้เหตุผลว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด กับสงครามในยูเครนนั้น เป็นปัจจัยที่ท้าทายผลการดำเนินงานพอสมควร และบริษัทก็คาดการณ์ว่า ผลการดำเนินงานที่จะออกมาในช่วงหลังจากนี้ ก็น่าจะเจอผลพวงเงินเฟ้อสูง และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานเล่นงานด้วย

อันดับที่ 6 Tesla

เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า ที่ใครได้ยินชื่อปุ๊บ หน้าของ Elon Musk ผู้ก่อตั้ง ก็คงลอยมาแต่ไกลแล้ว โดยในไตรมาสแรกปี 2022 Tesla สามารถผลิตรถยนต์ออกมาได้กว่า 305,000 คัน และส่งมอบรถยนต์ไปได้มากกว่า 310,000 คัน ท่ามกลางความท้าทายเรื่องการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทาน และโรงงานบางแห่งต้องหยุดทำการไปในช่วงล็อคดาวน์

อันดับที่ 7 Berkshire Hathaway

บริษัทนี้เป็นบริษัทลงทุนที่ก่อตั้งโดย Warren E. Buffett นักลงทุนระดับตำนานที่เป็นไอดอลของใครหลายคน โดยผลการดำเนินงานล่าสุดไตรมาสแรกปี 2022 อยู่ที่ 5,460 ล้านดอลลาร์ ส่วนในไตรมาสเดียวกันของปี 2021 ซึ่งอยู่ที่ 11,711 ล้านดอลลาร์ 

อันดับที่ 8 Meta

ถ้าพูดชื่อ Meta บางคนก็อาจจะยังนึกไม่ออก แต่ถ้าบอกว่า นี่เป็นชื่อบริษัทใหม่ของ Facebook ก็คงรู้จักทันที โดยที่ผ่านมา บริษัทนี้ก็ติดอยู่ในลิสต์ 10 อันดับบริษัทที่มี Market Cap. มากที่สุดในโลกมาพักใหญ่แล้ว

Meta รายงานผลการดำเนินงานล่าสุดไตรมาสแรกปี 2022 ว่ามีรายได้รวม 27,908 ล้านดอลลาร์ +7% จากช่วงเดียวกันของปี 2021 และคาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 2 จะมีรายได้ประมาณ 28,000-30,000 ล้านดอลลาร์ โดยปัจจัยที่จะมีผลต่อผลการดำเนินงาน ก็คือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน แล้วก็ยังมีกฎหมายในยุโรป ที่กระทบผลการดำเนินงานในยุโรปด้วย

อันดับที่ 9 TSMC

บริษัทนี้เป็นบริษัทผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ จากไต้หวัน ถ้าดูในชาร์ต 10 อันดับบริษัทที่ Market Cap. มากที่สุด ก็ต้องบอกว่า เวลานี้ TSMC เป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวจากฝั่งเอเชียที่สามารถขึ้นไปยืนในชาร์ตนี้ได้

โดยตั้งแต่โควิดระบาด ความต้องการใช้ชิปในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนผลิตกันไม่ทัน ซึ่ง TSMC  เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปรายสำคัญป้อนให้กับโลก โดยข้อมูลล่าสุด TSMC ประกาศรายได้ 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย. 2022) อยู่ที่ 6.63 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน +40.1% จากช่วงเดียวกันของปี 2021

อันดับที่ 10 Johnson & Johnson

ปิดท้ายกันที่อันดับ 10 ของตาราง ในรอบนี้ ด้วย Johnson & Johnson ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเวชภัณฑ์ โดยบริษัทนี้มีทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค เช่น กลุ่มการดูแลส่วนบุคคล อุปกรณ์การแพทย์ นวัตกรรมด้านสุขภาพ รวมถึงวัคซีน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งที่ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ออกมา โดยในไตรมาสแรกปี 2021 บริษัทมีรายได้ 23,400 ล้านดอลลาร์ +5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

หลังจากเล่าแบบย่อ ๆ เกี่ยวกับ 10 อันดับบริษัทมูลค่าสูงสุดในโลกแล้ว พี่ทุยขอขยายความเพิ่มเติมหน่อยว่า จริงๆ แล้ว เวลาเราดู 10 อันดับบริษัท Market Cap. สูงที่สุดในโลก มันก็เป็นตัวชี้ได้เหมือนกันว่า ในช่วงเวลานั้น ธุรกิจไหนอยู่ในช่วงขาขึ้นในโลก เพราะการจะไต่ระดับมาอยู่ใน 10 อันดับแบบนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็ต้องมาจากนักลงทุนมองเห็นความน่าสนใจของธุรกิจ เห็นผลประกอบการออกมาดี ก็เลยเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมด้วยส่วนหนึ่ง

แต่ชีวิตมีขึ้นมีลงยังไง บริษัทที่ Market Cap. สูงที่สุดในโลกก็มีขึ้นมีลงได้เหมือนกัน ดังนั้น ก็ขอให้เพื่อน ๆ นักลงทุนดู “10 อันดับบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ปี 2022” เป็นสีสัน ดูไว้เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ถ้าตอนนี้กำลังลงทุนเกี่ยวข้องกับบริษัทเหล่านี้อยู่ แต่ก็อย่าไปให้น้ำหนักกับอันดับมากนัก เพราะมันก็เหมือนตำแหน่งนางงาม เปลี่ยนหน้าได้ตลอดเวลา

10 ที่ดินทำเลทอง ปี 2568 ราคาแพงสุดในกรุงเทพ ย่านสยามสูงสุดตารางวาละ 3.85 ล้านบาท

FacebookMessengerWhatsAppLineTwitterGmailGoogle TranslateCopy Link

เปิดอ่าน 17,219 ครั้ง

10 ทำเลทอง ราคาที่ดินแพงสุดในกรุงเทพ

เปิด 10 ทำเลทอง ราคาที่ดินแพงสุดในกรุงเทพฯ อันดับที่ 1 ยังเป็นย่านสยาม ชิดลม เพลินจิต ราคาพุ่ง ตารางวาละ 3.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7%

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดผลสำรวจ 10 ทำเลราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2568

อันดับ 1 ยังคงเป็น สยาม-ชิดลม-เพลินจิต ราคา 3.85 ล้านบาท ต่อตารางวา (ตร.ว.) เพิ่มขึ้น 2.7%

อันดับ 2 ถนนวิทยุ ราคา 3.07 ล้านบาทต่อตร.ว. เพิ่มขึ้น 2.3%

อันดับ 3 สุขุมวิท-ไทม์สแควร์ ราคา 2.93 ล้านบาทต่อตร.ว. เพิ่มขึ้น 2.8%

อันดับ 4 สุขุมวิท-อโศก ราคา 2.8 ล้านบาทต่อตร.ว. เพิ่มขึ้น 3.7%

อันดับ 5 สีลม ราคา 2.67 ล้านบาทต่อตร.ว. เพิ่มขึ้น 2.7%

อันดับ 6 สาทร ราคา 2.35 ล้านบาทต่อตร.ว. เพิ่มขึ้น 2.2%

อันดับ 7 สุขุมวิท-เอกมัย ราคา 1.96 ล้านบาทต่อตร.ว. เพิ่มขึ้น 3.2%

อันดับ 8 เยาวราช ราคา 1.93 ล้านบาทต่อตร.ว. เพิ่มขึ้น 4.3%

อันดับ 9 พหลโยธิน ช่วงต้น ราคา 1.9 ล้านบาทต่อตร.ว. เพิ่มขึ้น 5.6%

และ อันดับ 10 พญาไท ราคา 1.9 ล้านบาทต่อตร.ว. เพิ่มขึ้น 5.6%

10 ทำเลทอง ราคาที่ดินแพงสุดในกรุงเทพ

นายโสภณ กล่าวว่า ราคาที่ดินดังกล่าวเป็นราคาตลาดเป็นการประเมินตามศักยภาพจริง สำหรับทำเลอันดับหนึ่ง สยาม-ชิดลม-เพลินจิตที่ประเมินไว้ที่ 3.85 ล้านบาท ต่อตร.ว.นั้น ยังถือว่าขึ้นราคาถึง 2.7% เมื่อเทียบกับราคาปี 2567 การที่ราคาที่ดินใจกลางเมือง ซึ่งไม่มีสาธารณูปโภคเพิ่มเติมใดๆ ต่างจากในเขตต่อเมืองหรือเขตชานเมือง ที่มักจะมีทางด่วนหรือรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน

ที่ดิน สยาม ชิดลม เพลินจิต

ยังขึ้นราคาก็เพราะยิ่งมีรถไฟฟ้านอกเมืองมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งสามารถนำกำลังซื้อจากนอกเมืองเข้ามาในใจกลางเมืองนี้มากขึ้น ทำให้ราคาที่ดินยังขยับสูงขึ้นตลอดเวลา หากพิจารณาจากการเพิ่มขึ้นของราคาตั้งแต่ปี 2537 ที่ 400,000 บาทต่อตร.ว. เท่ากับเพิ่มขึ้นปีละ 7.58%

ที่ดินเซ็นทรัลชิดลม

ทั้งนี้ ราคาที่ดินตามราคาตลาดนี้ยังต่างจากราคาประเมินราชการมาก อย่างเช่น

1.ที่ดินโรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ
ราชการประเมินไว้เป็นเงินเพียง 750,000 บาทต่อตร.ว.

2.ที่ดินเกษร พลาซ่า
ราชการประเมินไว้เป็นเงินเพียง 900,000 บาทต่อตร.ว.

3.ที่ดินเซ็นทรัลชิดลม
ราชการประเมินไว้เพียง 880,000 บาทต่อตร.ว.

4.ที่ดินข้างเซ็นทรัล ชิดลม
ราชการประเมินไว้ 1 ล้านบาทต่อตร.ว.

5.ที่ดินธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่
ราชการประเมินไว้ 1 ล้านบาทต่อตร.ว.

กรมธนารักษ์ต้องประเมินราคาตามราคาตลาดจริง เพื่อประชาชนหรือเจ้าของที่ดินจะได้นำราคานี้ไปใช้ประโยชน์ได้ตามสมควร แต่หากต้องการให้ประชาชนเสียภาษีน้อย ควรลดอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แทนที่จะทำให้ราคาประเมินราชการต่างไปจากความเป็นจริง โสภณเสนอแนะ

พร้อมย้อนเส้นทางราคาที่ดินในวันวานให้ฟังว่า สำหรับทำเลราคาที่ดินแพงที่สุดนั้น มีการเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือในปี 2537 บริเวณเยาวราชหรือไชน่าทาวน์ของกรุงเทพฯ มีราคาที่ดินที่สูงที่สุด เป็นเงิน 700,000 บาทต่อตร.ว. ต่อมาราคาที่ดินที่แพงสุดขยับเป็นพื้นที่สีลม ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของประเทศ

และในที่สุดเปลี่ยนมาเป็นแถวสยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิต ที่หากมีการซื้อขาย จะเป็นเงินตร.ว.ละ 3.85 ล้านบาท ทั้งนี้ เพราะทำเลนี้เป็นจุดตัดของรถไฟฟ้าและมีการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ที่เข้มข้นในลักษณะของพื้นที่ค้าปลีกที่สำคัญที่สุดจึงทำให้ราคาที่ดินสูงกว่าทำเลอื่นๆ

ที่ดิน ทำเลสุขุมวิทเอกมัย

“ในรายละเอียดของ 10 ทำเลราคาสูงสุดในปี 2568 พบว่าพื้นที่ 4 ทำเลแรก สยาม-ชิดลม-เพลินจิต, วิทยุ, สุขุมวิท-ไทม์สแควร์ และสุขุมวิท-อโศก จะเกาะไปตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือบีทีเอสเป็นสำคัญ รวมถึงทำเลสุขุมวิท-เอกมัย ส่วนพื้นที่สีลม สาทร เยาวราช ก็เป็นพื้นที่เดิมที่ราคาที่ดินสูงอยู่แล้ว ส่วนทำเลพหลโยธินช่วงต้น และพญาไท ราคาที่ดินก็พุ่งขึ้นตามรถไฟฟ้าบีทีเอสเช่นกัน” นายโสภณ กล่าว

นายโสภณ กล่าวว่า บริเวณที่ราคาที่ดินสูงที่สุดและสามารถพัฒนาที่ดินให้เป็นศูนย์การค้านั้น น่าจะสามารถซื้อที่ดินมาเป็นต้นทุนการพัฒนาได้ ณ ราคา 3.85 ล้านบาทต่อตร.ว. เพราะการให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้า จะมีค่าเช่าที่สูงกว่ามาก เมื่อเทียบกับการใช้ที่ดินเพื่อการพัฒนาเป็นอาคารสำนักงานเช่นย่านสีลม

ซึ่งแม้จะถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินของกรุงเทพฯ แต่ค่าเช่าอาคารสำนักงานมักถูกกว่าค่าเช่าพื้นที่ศูนย์การค้านั่นเอง อย่างไรก็ตามราคาที่ดินที่แพงที่สุดของไทยยังต่ำกว่าของญี่ปุ่นในย่านกินซ่าที่สูงถึง 48 ล้านบาทต่อตร.ว.

นายโสภณ กล่าวต่อว่า การคำนวณราคาที่ดินกับการลงทุนโครงการ โดยตั้งสมมุติฐานหากนำที่ดินราคาตร.ว.ละ 3.85 ล้านบาท แถวสยาม-ชิดลม-เพลินจิต ทำศูนย์การค้า ขนาด 1,000 ตร.ว. จะเป็นเงินต้นทุนที่ดิน 3,850 ล้านบาท สร้างศูนย์การค้าได้ 8 เท่า จะได้พื้นที่ก่อสร้าง 32,000 ตร.ม. สมมุติว่ามีพื้นที่ปล่อยเช่าได้ 30% ในราคา 5,000 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน

ที่ดินกรุงเทพ

สามารถให้เช่าได้ 576 ล้านบาทต่อปี หรืออาจสมมุติเป็นรายได้สุทธิ 345.6 ล้านบาท หากสมมุติให้มีอัตราผลตอบแทนของมูลนิธิประเมินค่า-นายหน้าแห่งประเทศไทยที่ 8% มีอัตราเพิ่มของรายได้ 2% โดยประมาณระยะเวลา 50 ปี มูลค่าโครงการจะเป็นเงิน 5,447.3 ล้านบาท หักค่าก่อสร้างและค่าพัฒนาอื่นๆ จะเป็นเงิน 1,600 ล้านบาท ที่เหลือจึงเป็นต้นทุน

หากนำที่ดินแปลงดังกล่าว พัฒนาเป็นอาคารชุดสุดหรูจะขายได้ในราคา 850,000 บาท ซึ่งเป็นราคาห้องชุดที่ขายกันในพื้นที่นี้ โดยสามารถคำนวณได้ดังนี้

1.สมมุติมีที่ดินขนาด 1,000 ตร.ว. ราคา ตร.ว.ละ 3.85 ล้านบาท จะเป็นเงินต้นทุนที่ดิน 3,850 ล้านบาท หากนำมาสร้างห้องชุดได้ประมาณ 8 เท่าของที่ดิน จะได้พื้นที่ก่อสร้าง 32,000 ตร.ม. โดยค่าก่อสร้างตก ตร.ม.ละ 50,000 บาท จะเป็นเงินต้นทุนอาคาร 1,600 ล้านบาท

2.รวมต้นทุนที่ดินอาคารเป็นเงิน 5,450 บาท

3.หากรวมต้นทุนอื่นซึ่งหมายถึงค่าดำเนินการ ดอกเบี้ย ภาษี กำไรและอื่นๆ อีกถึง 1 เท่าตัว เพราะความเสี่ยงสูงมาก มูลค่าของโครงการนี้จะเป็นเงิน 10,900 ล้านบาท

4.หากพื้นที่ขายของโครงการนี้เป็นเพียง 40% ของพื้นที่ก่อสร้าง พื้นที่ขายจะเป็นเพียง 12,800 ตร.ม.หรือตก ตร.ม.ละ 850,000 บาท ต้องตามราคาตลาดในพื้นที่

สำหรับทิศทางราคาที่ดินในปี 2569 นั้น นายโสภณยังเชื่อว่าราคาที่ดินในใจกลางเมืองยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะอิทธิพลของการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองเป็นสำคัญ โดยคาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 5% จากปี 2568 ที่เพิ่มขึ้น 5% เช่นกัน

Previous Post

N3009809 สาม คอยอย างภรรยา part 2

Next Post

N3009811 สายส บแฝงต วมาเป นพน กงาน part 2

Next Post
N3009811 สายส บแฝงต วมาเป นพน กงาน part 2

N3009811 สายส บแฝงต วมาเป นพน กงาน part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0411563 หลอยผ วมาต วอ าย EP1 part 2
  • N0411126 จะได ณค าและความลำบากในการใช เง part 2
  • N0411120 การด แลต วเองหล งคลอด part 2
  • N0411125 องการคนร กเม อตอนท กคนไม องการ part 2
  • N0411124 ความค ดครอบคร วผ วเต าล านป part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.