ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
50 อันดับ โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ปี 2024 Capella Bangkok คว้าอันดับ 1
14,557อ่าน
โรงแรมและรีสอร์ตที่ดีที่สุดในโลก ติดอันดับ The World’s 50 Best Hotels 2024 จะมีที่ไหนบ้าง และของไทยเราจะมีโรงแรมไหนติดอันดับบ้าง ไปดูกัน
The World’s 50 Best เว็บไซต์จัดอันดับชื่อดัง ประกาศผลการจัดอันดับ The World’s 50 Best Hotels 2024 หรือ 50 โรงแรมและรีสอร์ตที่ดีที่สุดในโลก ในปี 2024 เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2024 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปรากฏผลการจัดอันดับ 50 โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก The World’s 50 Best Hotels 2024 Capella Bangkok ของไทย ครองแชมป์โรงแรมและรีสอร์ตที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2024 และอีก 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ก็ติดอันดับเช่นกัน
The World’s 50 Best Hotels 2024
The World’s 50 Best Hotels คืออะไร
เว็บไซต์ 50 Best เป็นผู้นำด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก โดยนำเสนอเทรนด์ทั่วโลกและเน้นย้ำถึงร้านอาหารและบาร์ชั้นยอดจากทุกมุมโลก ผ่านการจัดอันดับรายการและกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับนักชิมและผู้ที่ชื่นชอบค็อกเทล สร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยว รวมทั้งค้นหาร้านอาหารและบาร์ เปิดตัวเชฟและบาร์เทนเดอร์รุ่นใหม่ สำรวจเทรนด์การทำอาหารและเครื่องดื่ม เน้นย้ำถึงความละเอียดอ่อนและความซับซ้อนของวัฒนธรรมอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2002
สำหรับการจัดอันดับโรงแรมและรีสอร์ตที่ดีที่สุดในโลกของเว็บไซต์ 50 Best หรือ The World’s 50 Best Hotels จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2023 ได้รับการยอมรับว่าเป็นเข็มทิศสำหรับเทรนด์ล่าสุดในอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นการรวบรวมประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวที่เข้าใช้บริการ เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาต่อไป โดยในปี 2024 การจัดอันดับโรงแรมที่ดีที่สุด 50 อันดับแรก เป็นการโหวตโดยกลุ่มผู้นำที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่มีอิทธิพลในอุตสาหกรรมโรงแรม จำนวน 600 คน ซึ่งประกอบด้วย นักข่าวสายท่องเที่ยว เจ้าของโรงแรม และผู้เชี่ยวชาญด้านท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์ ประกาศผลเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2024 ที่ Guildhall กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
The World’s 50 Best Hotels 2024
ผลประกาศรางวัล The World’s 50 Best Hotels 2024 ปรากฏว่า Capella Bangkok คว้าอันดับ 1 ชนะเลิศเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2024 รวมถึงอีก 3 โรงแรมของไทยก็ติดอันดับด้วย
1. Capella Bangkok (อันดับ 1)
โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่ในย่านเจริญกรุง เป็นโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ในด้านความเรียบง่ายและความเงียบสงบ มีห้องชุดและวิลล่า 101 ห้อง ราคาเริ่มต้น 600 เหรียญสหรัฐต่อคืน ภายในห้องพักมีห้องแต่งตัว ห้องน้ำขนาดใหญ่ และระเบียงขนาดใกล้เคียงกับอพาร์ตเมนต์ นอกจากนี้ในวิลล่ายังมีสวนส่วนตัวพร้อมอ่างจากุซซี่ส่วนตัวและเลานจ์ศาลาด้วย
Capella Bangkok พัฒนาจากเดิมอันดับ 11 ในปี 2023 มาครองอันดับ 1 ในปีนี้ โดดเด่นด้วยบรรยากาศเงียบสงบ เป็นส่วนตัว ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว โดยเชฟ Mauro Colagreco มีสปาและวิลล่าสุดหรูริมแม่น้ำอย่าง Presidential Villa ราคาเฉลี่ยต่อคืน 350,000 บาท
ภาพจาก : Applepy / Shutterstock.com
ภาพจาก : Alisty / Shutterstock.com
ภาพจาก : Applepy / Shutterstock.com
ภาพจาก : Applepy / Shutterstock.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ capellahotels.com, เฟซบุ๊ก Capella Bangkok หรือโทรศัพท์ 0 2098 3888
2. Mandarin Oriental Bangkok (อันดับ 12)
โรงแรมหรูที่ได้รับความนิยมจากเหล่าคนดังและนักท่องเที่ยวระดับสูงทั่วโลกมานานกว่า 150 ปี ตั้งแต่โจเซฟ คอนราด และเกรแฮม กรีน, เกรซ เคลลี, เอลิซาเบธ เทย์เลอร์, มาร์ลอน แบรนโด, มิเชลล์ โหย่ว และสแตนลีย์ ทุชชี เดิมทีเป็นโรงแรมขนาดเล็กเพียง 12 ห้องเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีหลายปีกและห้องพักรวมถึงห้องสวีต 393 ห้อง ราคาเริ่มต้น 757 เหรียญสหรัฐต่อคืน มีร้านอาหารและเครื่องดื่ม 12 แห่ง ตั้งแต่ร้านอาหาร Le Normandie อันหรูหราระดับมิชลิน 2 ดาวของ Alain Roux ไปจนถึงร้านอาหารญี่ปุ่นโอมากาเสะที่ได้รับรางวัล Kinu by Tagaki ร้านอาหารไทยแบบดั้งเดิมที่ผสมผสานความทันสมัยได้อย่างยอดเยี่ยมของ Baan Phraya ในบ้านไทยแบบดั้งเดิม อาหารเช้าสไตล์บุฟเฟต์ริมแม่น้ำอันเลื่องชื่อที่ The Verandah และร้านอาหารมากมายที่ให้บริการชา ค็อกเทล และการแสดงสด นอกจากนี้ยังอุ่นใจไปกับบริการบัตเลอร์ที่มีตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับแขกทุกท่าน
ภาพจาก : RidhamSupriyanto / Shutterstock.com
ภาพจาก : Foto by KKK / Shutterstock.com
ภาพจาก : Foto by KKK / Shutterstock.com
ภาพจาก : Foto by KKK / Shutterstock.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ mandarinoriental.com, เฟซบุ๊ก Mandarin Oriental, Bangkok หรือโทรศัพท์ 0 2659 9000
3. Four Seasons Bangkok at Chao Phraya River (อันดับ 14)
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนเจริญกรุง ซึ่งเป็นถนนสายที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพฯ โรงแรมที่ให้ความรู้สึกเหมือนรีสอร์ตมากกว่าห้องพักในเมือง ด้วยการออกแบบที่เน้นความสนุกสนานและการพักผ่อนที่สงบและผ่อนคลายอย่างแท้จริง ประกอบด้วยห้องพัก และห้องชุดร่วมสมัย 299 ห้อง ล้อมรอบกระจกใสไหลรื่นกับอารยสถาปัตยกรรมที่ลงตัว เสมือนโอเอซิสแห่งกรุงเทพฯ ราคาเริ่มต้น 450 เหรียญสหรัฐต่อคืน มีบาร์ BKK Social Club ซึ่งเป็นบาร์อันดับ 7 ของการจัดอันดับ 50 บาร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย ปี 2024 และมีร้านอาหาร Yu Ting Yuan ให้บริการอาหารกวางตุ้งแก่ผู้มาเยือน อีกทั้งยังมีเกี๊ยวและติ่มซำแท้ ๆ ให้เลือกมากมาย ร้านอาหารฝรั่งเศสคลาสสิกที่ Palmier by Guillaume Galliot และร้านอาหาร Riva Del Fiume ที่มีกลิ่นอายของอิตาลี กับบรรยากาศกลางแจ้งที่สวยงาม มีวิวแม่น้ำเป็นฉากหลัง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับอาหารอิตาเลียนสมัยใหม่
ภาพจาก : Alisty / Shutterstock.com
ภาพจาก : Alisty / Shutterstock.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ fourseasons.com, เฟซบุ๊ก Four Seasons Hotel Bangkok หรือโทรศัพท์ 0 2032 0888
4. The Siam Hotel Bangkok (อันดับ 26)
โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีการตกแต่งภายในสไตล์อาร์ตเดโค (Art Deco) ออกแบบโดย Bill Bensley ผู้เชี่ยวชาญด้านโรงแรม โดยได้รับแรงบันดาลใจจากทุกสิ่งทุกอย่างของอาร์ตเดโค ในห้องพัก 38 ห้อง ซึ่ง 28 ห้องเป็นห้องสวีต ตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ดำตามสไตล์อาร์ตเดโค ราคาเริ่มต้น 1,250 เหรียญสหรัฐต่อคืน ไฮไลต์ของที่นี่คือสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่มองเห็นวิวแม่น้ำและ Bathers’ Bar ที่อยู่ติดกัน โรงแรมแห่งนี้เป็นของครอบครัวสุโกศล โดยมี กฤษดา สุโกศล แคลปป์ หรือ น้อย วงพรู เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และผู้ก่อตั้ง ซึ่งวัตถุโบราณ ของเก่า และเครื่องดนตรีวินเทจต่าง ๆ ที่ตกแต่งในบริเวณโรงแรมนั้นล้วนมาจากคอลเล็กชั่นของสะสมของคุณน้อยทั้งสิ้น
ภาพจาก : Photonik Captures / Shutterstock.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ thesiamhotel.com, เฟซบุ๊ก The Siam หรือโทรศัพท์ 0 2206 6999
รายชื่อ 50 อันดับ The World’s 50 Best Hotels 2024
- อันดับ 1 Capella Bangkok กรุงเทพฯ, ประเทศไทย
- อันดับ 2 Passalacqua อิตาลี
- อันดับ 3 Rosewood Hong Kong ฮ่องกง
- อันดับ 4 Cheval Blanc ฝรั่งเศส
- อันดับ 5 The Upper House ฮ่องกง
- อันดับ 6 Raffles Singapore สิงคโปร์
- อันดับ 7 Aman Tokyo ญี่ปุ่น
- อันดับ 8 Soneva Fushi มัลดีฟส์
- อันดับ 9 Atlantis The Royal ดูไบ
- อันดับ 10 Nihi Sumba อินโดนีเซีย
- อันดับ 11 Claridge’s ลอนดอน, อังกฤษ
- อันดับ 12 Mandarin Oriental Bangkok กรุงเทพฯ, ประเทศไทย
- อันดับ 13 Raffles London at The OWO ลอนดอน, อังกฤษ
- อันดับ 14 Four Seasons Bangkok at Chao Phraya River กรุงเทพฯ, ประเทศไทย
- อันดับ 15 Hôtel de Crillon ปารีส, ฝรั่งเศส
- อันดับ 16 Chablé Yucatán เม็กซิโก
- อันดับ 17 Hotel du Cap-Eden-Roc อองทีป, ฝรั่งเศส
- อันดับ 18 Maroma เม็กซิโก
- อันดับ 19 Four Seasons Firenze ฟลอเรนซ์, อิตาลี
- อันดับ 20 Borgo Santandrea อมาลฟี, อิตาลี
- อันดับ 21 Desa Potato Head บาหลี, อินโดนีเซีย
- อันดับ 22 Bulgari Tokyo โตเกียว, ญี่ปุ่น
- อันดับ 23 The Lana ดูไบ
- อันดับ 24 Rosewood São Paulo เซาเปาโล, บราซิล
- อันดับ 25 The Calile ควีนส์แลนด์, ออสเตรเลีย
- อันดับ 26 The Siam กรุงเทพฯ, ประเทศไทย
- อันดับ 27 Park Hyatt Kyoto โตเกียว, ญี่ปุ่น
- อันดับ 28 Mount Nelson เคปทาวน์, แอฟริกาใต้
- อันดับ 29 One&Only Mandarina เม็กซิโก
- อันดับ 30 The Carlyle นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา
- อันดับ 31 La Mamounia โมร็อกโก
- อันดับ 32 Four Seasons Madrid มาดริด, สเปน
- อันดับ 33 Capella Singapore สิงคโปร์
- อันดับ 34 Four Seasons at The Surf Club ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา
- อันดับ 35 Hotel Bel-Air แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
- อันดับ 36 Eden Rock แคริบเบียน
- อันดับ 37 Aman New York นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา
- อันดับ 38 Royal Mansour มาร์ราเกช, โมร็อกโก
- อันดับ 39 Amangalla ศรีลังกา
- อันดับ 40 Le Bristol ปารีส, ฝรั่งเศส
- อันดับ 41 Gleneagles สหราชอาณาจักร
- อันดับ 42 Castello di Reschio อิตาลี
- อันดับ 43 Suján Jawai อินเดีย
- อันดับ 44 Singita – Kruger National Park แอฟริกาใต้
- อันดับ 45 Six Senses Zighy Bay โอมาน
- อันดับ 46 The Connaught สหราชอาณาจักร
- อันดับ 47 The Brando เฟรนช์โปลินีเซีย, ฝรั่งเศส
- อันดับ 48 Hotel Esencia เม็กซิโก
- อันดับ 49 The Tasman แทสเมเนีย, ออสเตรเลีย
- อันดับ 50 Kokomo Private Island หมู่เกาะฟิจิ
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละโรงแรมได้ที่ theworlds50best.com
เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากสำหรับ Capella Bangkok ที่สามารถคว้ารางวัลโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2024 จากการจัดอันดับ The World’s 50 Best Hotels 2024 รวมถึงโรงแรมอีก 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ได้แก่ Mandarin Oriental Bangkok (อันดับ 12), Four Seasons Bangkok at Chao Phraya River (อันดับ 14) และ The Siam (อันดับ 26) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงสถานะของกรุงเทพฯ ในฐานะจุดหมายปลายทางสุดหรูระดับโลกได้เป็นอย่างดี
คนรุ่นใหม่นิยมเช่ามากกว่าซื้อหนุนเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์บูมรับดิจิทัลโนแมด
By บุษกร ภู่แส30 พ.ย. 2023 เวลา 6:00 น.
Play
เทรนด์การเช่าที่อยู่อาศัยเติบโตอย่างเห็นได้ชัดเจนหลังโควิด-19 จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัว ส่งผลให้พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ทั่วโลกหันมานิยมเช่ามากกว่าซื้อ โดยเฉพาะดิจิทัลโนแมดกลายเป็นโอกาสของ “เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์” ในภูเก็ต ระยอง พัทยา กรุงเทพฯ
ลูก้า ดอตติ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ โครงการอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ โฮม่า (HOMA) กล่าวว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยที่สร้างประสบการณ์มากขึ้น ความต้องการเป็นเจ้าของลดลง สังเกตได้จากข้อมูลการสำรวจในสหรัฐ พบว่าการซื้อบ้านลดลงต่อเนื่องในทุกเจนเนอเรชั่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเด็กรุ่นใหม่ต้องการหาประสบการณ์ด้วยการลองเช่าอยู่มากกว่าซื้อ ในช่วงระยะเวลา 10-15ปี จึงเป็นแนวคิดในการพัฒนาอพาร์ตเมนต์ โฮม่า
“คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันในสังคมมากขึ้นหลังโควิด หลายคนทำงานที่บ้าน หรือทำงานที่ไหนก็ได้โดยเฉพาะกลุ่มดิจิทัลโนแมดเพิ่มขึ้นถึง 112% แม้สถานการณ์จะกลับมาปกติแล้ว”
โดย โฮม่า ได้สร้างประสบการณ์ใหม่ในการเช่าเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่แตกต่างจากคอนโดมิเนียม หรือ โรงแรม ด้วยการแก้ “Pain Point” ของลูกค้า ให้บริการ 2 รูปแบบ คือ ให้เช่าระยะยาว และเปิดให้เช่ารายวัน เหมือนโรงแแรมแต่ราคาถูกกว่าโรงแรมเพื่อดึงคนเข้ามาทดลองใช้บริการ ซึ่งมีบริการเหมือนกับโรงแรม ใน “ราคาที่จับต้องได้” ค่าเช่าเริ่มต้น 17,000 บาทต่อเดือนเทียบกับคอนโดมิเนียมเริ่มต้นถูกกว่า 1,000 บาท แต่ต้องจ่ายทุกอย่างทั้งบิลค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าส่วนกลาง ฯลฯ เฉลี่ยต่างกัน 25%
สำหรับโปรเจกต์แรกของโฮม่าอยู่ที่ “ภูเก็ต ทาวน์” ปรากฏอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึง 87% มีทั้งกลุ่มชาวต่างชาติและคนไทยที่อยู่นอกพื้นที่ภูเก็ตเข้ามาทดลองเช่าพัก 3-6 เดือน หลังจากนั้นเปลี่ยนมาเช่ารายปี ปัจจุบันในพอร์ตของโฮม่ามีลูกค้าสัญญาเช่ารายปี 70% และสัญญารายเดือน 10-15% ส่วนที่เหลือจะเป็นการเช่ารายวัน โดยลูกค้าที่เข้ามาพัก มีทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติ อาทิ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ยุโรป
ส่วนโครงการโฮม่า “ศรีราชา” มีลูกค้าญี่ปุ่นเป็นหลักจะมีบริการ ออนเซ็น กอล์ฟส่วนโฮม่า“เชิงทะเล” ที่ภูเก็ตกำลังจะเปิดจะมี โค-เวิร์กกิ้งสเปซ ที่ใหญ่กว่าภูเก็ตทาวน์ แล้วยังมี Pickleball และ Barbecue area เพื่อรองรับลูกค้าชาวยุโรป ซึ่งแต่ละโครงการจะมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกัน
ปัจจุบันโฮม่าประเทศไทยมี 4 โครงการที่สร้างแล้วเสร็จและกำลังก่อสร้าง ประกอบด้วย โฮม่า “ภูเก็ตทาวน์” จำนวน 505 ยูนิตลงทุน 1,400 ล้านบาท เปิดบริการตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 โครงการโฮม่า “ศรีราชา” จำนวน 100 ยูนิต ลงทุนรีโนเวท 371 ล้านบาท เปิดบริการไตรมาส 4 ปี 2565 โครงการโฮม่า “เชิงทะเล” จำนวน 423 ยูนิต ลงทุน 1,500 ล้านบาท คาดเปิดบริการเดือน ม.ค.2567 และ โครงการโฮม่า “ฉลอง เบย์” ภูเก็ต จำนวน 104 ยูนิต ลงทุน 479 ล้านบาท รวม 4 โครงการ มีมูลค่า 2,600 ล้านบาท
ดอตติ ระบุว่า ในภูเก็ต โฮม่า มี 3 โครงการถือว่าครอบคลุมความต้องการในพื้นที่แล้วจึงวางแผนขยายธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ 2 โครงการ จำนวน 730 ยูนิต ในกรุงเทพฯ อนาคตขยายเพิ่มอีก 3 โครงการ รองรับกลุ่มดิจิทัลโนแมดจากต่างประเทศที่เข้ามาเพราะประเทศไทย ติดอันดับ 1 ใน 10 ที่ดิจิทัลโนแมดทั่วโลกเลือกไทยเป็นจุดหมาย เป็นอันดับ 2 รองจากเม็กซิโก
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนลงทุนในจังหวัดระยอง ต่อยอดจาก “ศรีราชา” รวมทั้งแผนเข้าไปลงทุนในเอเชียแปซิฟิก ทั้ง อินโดนีเซีย เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ ภายใต้แบรนด์โฮม่าในอนาคต
โฮม่า เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2564 ตั้งเป้าหมายเฟสแรกสิ้นสุดปี 2568 จะมีห้องเช่า 1,132 ยูนิต และภายในปี 2571 จะเพิ่มขึ้นอีก 1,000 ยูนิต และอีก 3 ปีถัดไปจะมีเพิ่ม 1,000 ยูนิต ระยะยาวจะมีทั้งหมด 5,000 ยูนิต โดยใช้งบลงทุน 10,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการในกรุงเทพฯจะใช้วิธี Take Over เพราะต้องการโลเคชั่นที่ตอบโจทย์ผู้เช่า
“ไม่จำเป็นต้องเป็น ไพร์ม โลเคชั่น หรือ ซีบีดี กลางใจเมือง แต่ต้องเดินทางสะดวก เพราะกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มยังเจนเนอเรชั่น เริ่มทำงานครั้งแรก ซึ่งอาจไม่ได้ใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง หากเป็นที่ดินเปล่าจะมีราคาแพงและอาจติดเงื่อนไขในการก่อสร้าง แต่หากเป็นการซื้อโครงการที่มีใบอนุญาตเดิมมาจะง่ายและเร็วกว่า คาดว่า 5 ปีต่อจากนี้จะสามารถนำโฮม่าเข้ากอง REITs ได้”
