• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2809223 เพ อนท EP1 part 2

admin79 by admin79
September 29, 2025
in Uncategorized
0
N2809223 เพ อนท EP1 part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

10 อันดับ “แบรนด์ญี่ปุ่น” มูลค่าสูงที่สุดปี 2021 – “Toyota” ยังครองแชมป์

By

 Pattarat

 –

November 20, 2020

BrandZ และ Kantar ร่วมกันจัดทำผลสำรวจและประเมิน “แบรนด์ญี่ปุ่น” ที่มีมูลค่าสูงที่สุดประจำปี 2021 ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ภาพรวมมูลค่าแบรนด์ที่จัดสำรวจลดลง -9% บริษัทรถยนต์ “Toyota” ยังครองแชมป์มูลค่าสูงสุด ขณะที่แบรนด์อย่าง LINE, SK-II, Nintendo คือกลุ่มแบรนด์มาแรงที่เติบโตพุ่งสวนตลาด

BrandZ และ Kantar จัดทำสำรวจ “แบรนด์ญี่ปุ่น” มูลค่าสูงที่สุดประจำปี 2021 วัดจากการสำรวจอินไซต์ผู้บริโภค ภาพรวมปีนี้ มูลค่าแบรนด์ 50 อันดับแรกรวมกันอยู่ที่ 2.03 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลง -9% เทียบกับปีก่อน จากจำนวน 50 แบรนด์ มี 35 แบรนด์ที่มีมูลค่าลดลง มีเพียง 12 แบรนด์ที่มูลค่าสูงขึ้นจากปีก่อน และมี 3 แบรนด์ที่เข้ามาเป็นหน้าใหม่ในโผครั้งนี้

10 อันดับ “แบรนด์ญี่ปุ่น” มูลค่าสูงที่สุดปี 2021

1) Toyota (ยานยนต์) มูลค่าแบรนด์ 2.84 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (-2%)
2) NTT (โทรคมนาคม) มูลค่าแบรนด์ 2.03 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (+1%)
3) Sony (เทคโนโลยี) มูลค่าแบรนด์ 1.20 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (+3%)
4) Softbank (โทรคมนาคม) มูลค่าแบรนด์ 1.06 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (+3%)
5) Honda (ยานยนต์) มูลค่าแบรนด์ 9.97 พันล้านเหรียญสหรัฐ (-15%)
6) AU (โทรคมนาคม) มูลค่าแบรนด์ 8.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ (+7%)
7) Nissan (ยานยนต์) มูลค่าแบรนด์ 8.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ (-17%)
8) Nintendo (ความบันเทิง) มูลค่าแบรนด์ 8.59 พันล้านเหรียญสหรัฐ (+19%)
9) Uniqlo (เครื่องแต่งกาย) มูลค่าแบรนด์ 8.22 พันล้านเหรียญสหรัฐ (-16%)
10) 7-Eleven (ค้าปลีก) มูลค่าแบรนด์ 8.06 พันล้านเหรียญสหรัฐ (-10%)

ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 และการเลื่อนอีเวนต์ยักษ์ใหญ่อย่างโตเกียว โอลิมปิก 2020 ออกไป แต่บางแบรนด์ยังสามารถปรับตัวได้ดี และสร้างการเติบโตของมูลค่าแบรนด์แบบพุ่งทะยาน ดังนี้

5 อันดับ “แบรนด์ญี่ปุ่น” ที่มีมูลค่า “เติบโตสูงที่สุด” ปี 2021

1) LINE (เทคโนโลยี) มูลค่าแบรนด์ 4.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ (+34%)
2) Rakuten (ค้าปลีก) มูลค่าแบรนด์ 2.53 พันล้านเหรียญสหรัฐ (+22%)
3) Nintendo (ความบันเทิง) มูลค่าแบรนด์ 8.59 พันล้านเหรียญสหรัฐ (+19%)
4) SK-II (ของใช้ส่วนตัว) มูลค่าแบรนด์ 1.69 พันล้านเหรียญสหรัฐ (+19%)
5) Tsuruha (ค้าปลีก) มูลค่าแบรนด์ 835 ล้านเหรียญสหรัฐ (+14%)

ไฮไลต์แบรนด์ที่ “น่าจับตามอง” ในปีนี้

การสำรวจครั้งนี้เป็นการสอบถามอินไซต์ผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ในแง่มุมต่างๆ เช่น ความรักของผู้บริโภคต่อแบรนด์, ความทรงพลัง, ความเป็นผู้นำ, แบรนด์ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นแค่ไหน, ความโดดเด่นและแตกต่าง เป็นต้น

เราได้เห็นรายชื่อ 10 อันดับแรกที่สร้างมูลค่าได้มากที่สุดแล้ว แต่บางแบรนด์นั้นเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก ตั้งแต่อันดับ 1 ที่ยังยึดบัลลังก์เหนียวแน่นเป็นปีที่สอง และแบรนด์ที่กำลังเติบโตสูง จนถึงแบรนด์ที่มูลค่าติดลบก็จริง แต่ทำได้ดีที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับแบรนด์ในอุตสาหกรรมเดียวกัน

ยึดแชมป์อันดับ 1 เป็นปีที่สองติดต่อกัน แม้ว่าจะเผชิญความท้าทายในปีแห่งวิกฤต Toyota มีมูลค่าแบรนด์ลดลงเล็กน้อยที่ -2% แต่หากคิดเป็นสัดส่วนในมูลค่ารวม 50 อันดับ แบรนด์ค่ายรถยนต์แห่งนี้มีสัดส่วนสูงขึ้นจาก 13% ในปีก่อนเป็น 14% ในปีนี้

Toyota ยังถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่ทรงพลังที่สุดของญี่ปุ่นเมื่อวัดจากมูลค่าแบรนด์ เพราะแบรนด์ยานยนต์ทั้งหมด 5 แบรนด์ที่ติดโผในปีนี้คือ Toyota, Honda, Nissan, Suzuki และ Subaru มีมูลค่ารวมกันคิดเป็น 25% ของแบรนด์ทั้งหมดที่มาจัดอันดับ

มาแรงแซงทุกโค้ง! LINE เติบโตถึง 34% ในปีแห่งความท้าทาย จนปัจจุบันไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 13 จาก 50 อันดับ วิธีการสื่อสารแบรนด์ที่สดใสและสนุกสนานของ LINE คือวิธีต่อสู้กับสภาวะตลาดปัจจุบัน และทำให้แบรนด์ยังคงได้รับความนิยมในตลาดหลัก เช่น ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย

การที่แบรนด์เข้าสู่เทคโนโลยีกลุ่มใหม่ เช่น AI, กระเป๋าเงินดิจิทัล, คอนเทนต์ ทำให้แบรนด์ยิ่งมีมูลค่าสูงเพราะเข้าสู่ชีวิตประจำวันของคนมากขึ้น โดยเฉพาะช่วง COVID-19 LINE กลายเป็นช่องทางสำคัญในการติดตามข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด แม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่นยังใช้ LINE เป็นช่องทางในการสื่อสารไปถึงกลุ่มคนวัยหนุ่มสาว ทั้งให้ข้อมูล ทำแบบสำรวจ และให้คำปรึกษาด้านสุขภาพผ่านช่องทางนี้

ที่สุดแห่งตำนานการเติบโต Nintendo อยู่ในอันดับที่ 8 และมีการเติบโต 19% ในปีเดียว ด้วยอุปกรณ์เกม Nintendo Switch และเกมสุดฮิต เช่น Animal Crossing และ Ringfit Adventure ทำให้เกมของ Nintendo
เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนในยุคโรคระบาดได้อย่างพอดิบพอดี

  • Nintendo รับทรัพย์ไม่หยุด กำไรพุ่ง 3 เท่า หลังช่วงล็อกดาวน์ คนแห่ “เล่นเกม” อยู่บ้าน

เกมยังไม่ใช่แค่ความต้องการ สำหรับบางคน “เกม” กลายเป็น “ความจำเป็น” ในห้วงแห่งความเครียดและยากลำบาก ดังนั้น Nintendo ซึ่งตอบสนองคนได้ดีจึงเอาชนะใจและกลายเป็นแบรนด์ด้านความบันเทิงที่เติบโตสูงสุด

คะแนนด้านความแตกต่างของ SK-II พุ่งสูงอย่างมาก เพราะในช่วงเวลาแห่งโรคระบาด หลายคนอาจมองว่าเครื่องสำอางและสกินแคร์มีความจำเป็นน้อยลง ทำให้แบรนด์เลือกจะหยุดหรือลดการสื่อสารกับผู้บริโภค แต่ SK-II ไม่คิดเช่นนั้น

ตลอดช่วงเวลาวิกฤต แบรนด์ยังคงสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยหันมาบุกด้านออนไลน์และทำแคมเปญผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น #NoCompetition เป็นแคมเปญร่วมกับนักกีฬาโอลิมปิก (แคมเปญเปิดตัวตั้งแต่ช่วงที่การระบาดยังไม่รุนแรงและการแข่งขันโอลิมปิกยังไม่เลื่อน) เพื่อสื่อสารว่าการแข่งขันกีฬาเป็นสิ่งที่เราเฉลิมฉลอง แต่การแข่งขันเรื่องความสวยความงามนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ

สายการบิน All Nippon Airways หรือ ANA เป็นแบรนด์ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งวิกฤตหนักที่สุดในปีนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแบรนด์จะมีมูลค่าติดลบถึง -27% (ปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 28) แต่ก็ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ติดลบน้อยที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมเดียวกัน

  • สายการบิน ANA ขาดทุน 4,800 ล้านดอลลาร์ มากสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้ง

ในช่วงเวลาวิกฤต ANA มีภาพลักษณ์ของการดูแลลูกค้าและรับผิดชอบสังคมสูงที่สุด โดยมีการออกแคมเปญ “ANA Care Promise” สำหรับสื่อสารเรื่องความปลอดภัยและความสะดวกสบาย รับรองมาตรฐานการบินแบบใหม่ในยุค New Normal รวมถึงมีการจัดทำแคมเปญ “โคโคโระ โนะ ซึบาสะ” (หัวใจติดปีก) ทำคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ความบันเทิง สื่อสารกับผู้บริโภค

นวัตกรรม แตกต่าง ผู้บริโภคไว้วางใจ – 3 กุญแจหลักที่ทำให้แบรนด์แข็งแรง

ทำไมต้องสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง? ทุกอย่างย้อนกลับมาที่ยอดขายและการเงิน BrandZ รายงานว่า แบรนด์ที่แข็งแรงคือสิ่งที่รับประกันความเสี่ยงในช่วงแห่งความผันผวนในตลาด การลงทุนเพื่อสร้างแบรนด์จะมีประโยชน์เป็นบวกในช่วงเวลาที่ตลาดหดตัวลง เพราะแบรนด์ที่แข็งแรงจะหดตัวตามช้ากว่า และเมื่อตลาดกลับมาเติบโต แบรนด์ที่แข็งแรงก็ฟื้นตัวได้เร็วกว่าด้วย

ยกตัวอย่างช่วง 5 สัปดาห์วิกฤต คือตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม 2020 ดัชนีตลาดหุ้น MSCI ร่วงลงถึง 75% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 51% แต่กลุ่มแบรนด์ที่แข็งแรงในพอร์ต BrandZ ร่วงลงเพียง 42% หากนับเฉพาะ 10 อันดับแรกแบรนด์มูลค่าสูงสุดในครั้งนี้รวมกัน หดตัวลงเพียง 37%

บทเรียนในปีนี้ BrandZ ได้หยิบกุญแจหลักๆ ที่เห็นในแบรนด์ซึ่งยังเติบโตได้ในช่วงตลาดวิกฤต พบว่า จุดสำคัญของแบรนด์ยุคใหม่ที่ยังแข็งแรงคือ

1) สร้างนวัตกรรม – ภาพของความเป็นผู้นำในการดิสรัปต์วงการของตนเอง ซึ่งไม่ใช่แค่การดิสรัปต์ในระดับมหภาค เช่น การวิจัยการผลิต เท่านั้น แต่หมายถึงการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด เพื่อทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น

2) สร้างความแตกต่าง – เห็นได้ชัดมากว่าปีนี้คีย์หลักของแบรนด์ที่จะโตหรือตกคือ “ความแตกต่าง” เพราะวิกฤต COVID-19 ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ผู้บริโภคระวังการใช้จ่าย และมีแนวโน้มจะเลือกสินค้าที่ราคาถูกลง งดใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับสินค้าที่ถูกมองว่าเป็นสินค้าลักชัวรี แบรนด์ที่แข็งแรงจะเอาชนะสงครามราคานี้ได้ด้วยความแตกต่าง เป็นแบรนด์ที่ให้ความรู้สึก “คุ้มค่า” หรือ “เกินคุ้ม” กับเงินที่เสียไป ทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกผิดที่จะหยิบสินค้าราคาสูงกว่า

3)สร้างความไว้วางใจ – อีกหนึ่งคีย์สำคัญในห้วงเวลาวิกฤต แบรนด์ต้องสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า (ANA ทำได้ดีที่สุดในเรื่องนี้) โดยความไว้วางใจจะเกิดขึ้นได้เมื่อแบรนด์มี “ความซื่อสัตย์” – ทำในสิ่งที่สัญญา กล้าที่จะยอมรับความผิดพลาด “มีตัวตนจับต้องได้” – สร้างสัมพันธ์กับลูกค้าเหมือนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง “ใกล้ชิด” – สร้างความรู้สึกของความผูกพัน

10 อันดับ รถยนต์ขายดีที่สุดในสหรัฐ Ford Chevrolet Toyota รวบตึง 3 อันดับแรก

NTSweetz

January 20, 2025

Share

10 อันดันรถยนต์ดีที่สุดปี 2024 ในสหรัฐ แบรนด์เจ้าตลาดตลอดกาลอย่าง Ford ครองอันดับ 1 Chevrolet อันดับ 2 ตามมาด้วย Toyota อันดับ 3 โดยจะเห็นว่ายังเป็นรถปิคอัพและเอสยูวีที่ยังคงขายดีอย่างต่อเนื่อง แต่ยังจะพบรถเก๋งและแฮทช์แบ็กไม่กี่คันอยู่ในอันดับ เราจะไล่จากอันดับท้ายจนถึงอันดับหนึ่ง

ผ่านปี 2024 ไปแล้ว กับสถานการณ์ยอดขายรถยนต์ที่ไม่ได้แย่สำหรับผู้ผลิตมากนัก อย่างน้อยก็จากมุมมองของยอดขายในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เกือบทั้งหมดจบปีด้วยยอดขายที่ดี บางรุ่นก็ขายดีกว่ารุ่นอื่นๆ อย่างแน่นอน

10
  1. Honda Civic: 242,005 คัน

ในปี 2024 Honda Civic มียอดขายเพิ่มขึ้น 20% โดยขายได้เกือบ 250,000 คัน เนื่องจาก Civic เป็นรถที่มีความคุ้มค่ามาก รวมถึงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป เราถือว่ารุ่นไฮบริดเป็นรถที่ดีที่สุดในปี 2024 ด้วยความสามารถที่เหลือเชื่อในการเติมน้ำมันและสร้างรอยยิ้มได้ในเวลาเดียวกัน

10
  1. Nissan Rogue: 245,724 คัน

Nissan ประสบปัญหาทางการเงินอยู่บ้าง แต่ Rogue ยังคงเป็นรุ่นเด่นของบริษัท ด้วยราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 30,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.02 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลือกที่มีสไตล์สำหรับผู้ซื้อที่มีงบประมาณจำกัด

ตอนนี้มี Rock Creek Edition ใหม่ที่จะเพิ่มความโดดเด่นให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Nissan หวังว่าจะดึงดูดผู้ซื้อให้เข้ามาที่โชว์รูมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยอดขาย Rogue ลดลง 9.5% เมื่อปีที่แล้ว

  1. Toyota Camry: 309,876 คัน

รถเก๋งขนาดกลาง Camry ยังคงท้าทายความคาดหมาย โดยทำยอดขายได้มากกว่า 300,000 คันในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.0% จากปีก่อน ถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจเมื่อพิจารณาว่าปี 2024 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง รุ่นปี 2025 วางจำหน่ายในช่วงกลางปี ​​โดยยังคงมีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์เล็กน้อย หรือ ต่ำกว่า 1 ล้านบาทไทย รถยนต์รุ่นนี้นั่งสบายสำหรับผู้ใหญ่ 5 คน ดูดี และประหยัดน้ำมันมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้ซื้อยังคงชื่นชอบรถยนต์รุ่นนี้

10
  1. GMC Sierra: 322,946 คัน

รถกระบะ GMC มีปีที่ยอดเยี่ยม ในรุ่นขนาดกลางอย่าง Canyon มียอดขายเพิ่มขึ้น 70% แม้ว่ายอดขายรุ่นเดียวจะอยู่ที่ 38,215 คัน แต่ก็ยังต่ำกว่า Sierra รุ่นพี่ ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้น 9.8% แต่ก็อาจกล่าวได้ว่ารถกระบะรุ่นนี้มีรูปลักษณ์ที่ดีกว่า Silverado แม้ว่าจะยังมีส่วนโครงเดิมอยู่ใต้ตัวถังก็ตาม นอกจากนี้รถกระบะรุ่นนี้ยังมีราคาแพงกว่าเล็กน้อย โดยเริ่มต้นที่ 42,290 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.45 ล้านบาท

  1. Tesla Model Y: 372,613 คัน (ประมาณ)

Tesla ไม่ได้เปิดเผยยอดขายอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา แต่จากการประเมินของ Cox Automotive พบว่า Model Y อยู่ในอันดับที่ 6 อย่างแน่นอน รถยนต์ครอสโอเวอร์ไฟฟ้ารุ่นนี้เป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลกในปี 2023 และแม้ว่ายอดขายทั่วโลกโดยรวมของ Tesla จะลดลงเล็กน้อยจนถึงปี 2024 แต่คาดว่าจะยังคงรักษาตำแหน่งนั้นไว้ที่อันดับหนึ่งได้ โดยที่แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2019 ล่าสุด Model Y รุ่นปรับโฉมใหม่ได้เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

10 อันดับ รถยนต์ขายดีที่สุดในสหรัฐ

  1. Ram Pickup: 373,120 คัน

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ Ram ร่วงจากห้าอันดับแรก ยอดขายรถกระบะขนาดใหญ่ลดลง 16% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้าไม่พอใจกับการปรับโฉมใหม่ในช่วงกลางรอบการผลิต ข่าวใหญ่จากการปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ก็คือการยกเลิกเครื่องยนต์ Hemi V-8 ออกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ เมื่อพิจารณาจากกำลังแล้ว เครื่องยนต์ Hurricane I-6 ที่มีเทอร์โบคู่ก็แซงหน้าเครื่องยนต์ Hemi ไปแล้ว แต่หากลองอ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับรถกระบะรุ่นนี้ คุณจะเห็นได้ว่า Ram กำลังเผชิญปัญหาอยู่ เมื่อ Carlos Tavares ไม่อยู่ในทีมอีกต่อไปแล้ว ตัวเลือกเครื่องยนต์ V-8 จะกลับมาหรือไม่

  1. Honda CR-V: 402,791 คัน

Honda CR-V ก้าวกระโดดขึ้นมาอยู่ในห้าอันดับแรกด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น 11.4% โดยทำลายสถิติยอดขาย 400,000 คัน ขายดีที่สุดของค่ายด้วย CR-V เจน 6 ที่เปิดตัวในปี 2023 และดูเหมือนว่าผู้ซื้อจะชอบสไตล์ที่เรียบง่ายนี้ สามารถซื้อรถใหม่ได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 30,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.02 ล้านบาท

  1. Toyota RAV4: 475,193 คัน

RAV4 ยังคงรักษาตำแหน่งสามอันดับแรกไว้ได้ตั้งแต่ปี 2023 และกลายเป็น SUV ที่ขายดีที่สุดในอเมริกาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลงเลย โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งถือว่าน่าประทับใจมากเมื่อพิจารณาว่าจะมีการเปิดตัวรุ่นเจเนอเรชันถัดไปในเร็วๆ นี้ RAV4 รุ่นปัจจุบันมีมาตั้งแต่ปี 2019 และแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ตั้งแต่นั้นมา ยกเว้นรุ่นตกแต่งใหม่บางรุ่น และด้วยรุ่นตกแต่ง 13 รุ่นที่นำเสนอในปัจจุบัน (รวมถึงรุ่นไฮบริดปลั๊กอิน 2 รุ่น) ผู้ซื้อจึงมีตัวเลือกมากมาย

  1. Chevrolet Silverado: 542,517 คัน

หากพูดในทางเทคนิคแล้ว Silverado ก็ปิดปี 2024 ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่ยอดขายเพิ่มขึ้นเพียงไม่ถึง 1% รถกระบะโบว์ไทได้รับการปรับปรุงใหม่สำหรับรุ่นปี 2022 แม้ว่าภายในตัวรถกระบะจะยังคงเป็นรถที่ทรงพลังแบบเก่าด้วยเครื่องยนต์ V-8 ขนาด 5.3 ลิตรและ 6.2 ลิตรแบบผลักก้านที่รับบทหนักที่สุดในรุ่น อาจส่งไม้ต่อให้กับระบบส่งกำลังไฮบริดใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ แต่ในตอนนี้ Silverado ยังคงอยู่ในอันดับที่สองตามหลัง Ford อย่างสบายๆ

  1. Ford F-Series: 765,649 คัน

เรื่องนี้ไม่น่าประหลาดใจเลย เพราะ Ford F-Series ซึ่งเป็นรถรุ่นขายดีที่สุดในอเมริกาตั้งแต่ยุคหิน และยอดขายในปี 2024 ก็ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยปิดปีด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น 2% การเติบโตที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่สี่ทำให้ F-Series มีปีที่ดี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยไม่แน่นอน เนื่องจากยอดขายลดลงเล็กน้อยตลอดปี 2024

F-150 ได้รับการปรับปรุงใหม่ในช่วงกลางรอบการผลิต โดยปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์เล็กน้อย และ Super Duty ก็เข้าสู่เจเนอเรชันใหม่สำหรับปี 2023 การอัปเดตเหล่านี้ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนที่ดี

10 อันดับรถยนต์ขายดีในสหรัฐส่วนใหญ่ยังคงเป็นรถยนต์เพื่อการใช้งานอย่างรถปิคอัพ และ SUV มีรถยนต์นั่งเข้ามาสอดแทรกเล็กน้อย รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดยังคงเป็น Model Y ก็ยังทำหน้าที่ได้ดี ปีนี้ก็ยังคงเป็นปีที่มีการปรับเปลี่ยนอีกมากมายโดยเฉพาะเรื่องของระบบส่งกำลังไฮบริด ที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดในสหรัฐได้มากขึ้น

Previous Post

N2809225 เพ อนแท จะอย างเรา ในว นท ไม เหล อใคร part 2

Next Post

N2809224 เพ อนท EP2 part 2

Next Post
N2809224 เพ อนท EP2 part 2

N2809224 เพ อนท EP2 part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0511368 ใส ดรปภน ดเดทก บน กธ รก จคร งแรก part 2
  • N0511366 กเก บมาเล ยงด กว าล กในไส part 2
  • N0511365 เร องน คนท ยอมต องไม ใช part 2
  • N0511370 หว งด แต ทำไมถ งโดนตบ part 2
  • N0511460 ในว นท ไม เหล ออะไร part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.