ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇
‘เทสลา’ ทดลองตลาด ขาย Model Y ในอินเดีย ราคากว่า 2 ล้านบาท
By นฤภร วิริยะผล นักศึกษาฝึกงาน16 ก.ค. 2025 เวลา 19:10 น.




Play
“เทสลา” เริ่มจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในอินเดียเป็นครั้งแรก “Model Y” มีราคาเริ่มต้นกว่า 2 ล้านบาท สูงกว่าตลาดอื่นอย่างมาก นักวิเคราะห์คาดแค่ “ทดลองตลาด”
เว็ปไซต์ของเทสลารายงานเมื่อวันอังคาร (15 ก.ค.) ว่า บริษัทได้เริ่มขายรถยนต์ไฟฟ้าในอินเดียเป็นครั้งแรก โดยจะวางจำหน่ายรถยนต์ SUV ไฟฟ้ารุ่น Model Y ในราคาเริ่มต้น 69,770 ดอลลาร์ (ราว 2.3 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงกว่าตลาดหลักอื่นๆ อย่างมาก
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานเพิ่มเติมว่า อิซาเบล แฟน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเทสลาได้ประกาศว่าบริษัทจะเปิดตัวโชว์รูมในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดียในเร็วๆ นี้ และจะจ้างพนักงานที่เป็นคนในพื้นที่ พร้อมจัดตั้งศูนย์ประสบการณ์ ศูนย์บริการ ระบบจัดส่ง สถานีชาร์จ และศูนย์กลางโลจิสติกส์ทั่วประเทศอีกด้วย
มีการคาดเดามานานแล้วว่าเทสลาอาจจะเจาะตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกอย่างอินเดีย อย่างไรก็ตาม ราคาที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ อาจทำให้หลายคนประหลาดใจ ตัวอย่างเช่น รถ Model Y ที่ลงขายในอินเดียในราคาเริ่มต้น 69,770 ดอลลาร์นั้น มีราคาเริ่มต้นในสหรัฐเพียงแค่ 44,990 ดอลลาร์เท่านั้น
ทำไมราคาในอินเดียถึงแพงผิดปกติ
ไวบาฟ ทาเนยา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเทสล่าได้ยืนยันในเดือนเม.ย.ว่า บริษัทมีความสนใจในตลาดอินเดีย แต่บริษัทจำเป็นต้องรอบคอบในการดำเนินธุรกิจในตลาดนี้เนื่องจากอินเดียเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 70% และภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยประมาณ 30%
อัตราภาษีดังกล่าวคือเหตุผลที่เทสลาจำเป็นต้องตั้งราคาที่สูงกว่าปกติ แม้ว่าอินเดียจะมีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่อยู่ในช่วงราคาที่ต่ำกว่านี้ก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า ราคานี้จะทำให้เทสลาต้องแข่งขันในตลาดระดับสูงร่วมกับแบรนด์อย่าง BMW แทนที่จะแข่งขันกับบริษัท EV ในประเทศอย่าง Tata Motors
วิเวก ไวทยะ หัวหน้าฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ระดับโลกด้าน Mobility (การคมนาคมขนส่งและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง) ของบริษัทวิจัย Frost & Sullivan กล่าวในรายการ “Inside India” ของซีเอ็นบีซีเมื่อวันอังคารว่า ราคานี้ “ไม่ถือว่าเกินกำลังซื้อ เพราะอินเดียมีผู้พร้อมซื้อในทุกระดับราคา” แต่คำถามที่สำคัญคือ ราคานี้จะส่งผลไม่ดีต่อตลาดขนาดใหญ่แห่งนี้หรือไม่ ซึ่งคำตอบคือ “ไม่ เพราะรถที่ขายดีที่สุดน่าจะขายในราคาเพียงหนึ่งในสิบของราคาจำหน่ายรถเทสลา”
ทดสอบตลาด
ปูนีต กุปตา ผู้อำนวยการตลาดยานยนต์อินเดียของ S&P Global Mobility บอกกับซีเอ็นบีซีว่า Model Y อาจต้องดิ้นรนเพื่อแข่งขันด้านราคา แต่คาดว่าเทสลาน่าจะเน้นไปที่การ “ทดสอบตลาด” มากกว่าพยายามสร้างยอดขายในอินเดีย
อินเดียได้ประกาศนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าใหม่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสัญญาว่าจะลดภาษีให้กับบริษัทที่ต้องการสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ แม้ว่านโยบายนี้อาจช่วยให้เทสลาลดราคาสินค้าในอินเดียลงได้ แต่บริษัทก็ยังไม่มีแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตในอินเดียแต่อย่างใด
ดิวาการ์ มุรุกัน นักวิเคราะห์ยานยนต์จาก Canalys เผยกับซีเอ็นบีซีว่า โชว์รูมในมุมไบเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวตามกลยุทธ์ “soft power” เท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นการวางแผนมุ่งหน้าอย่างจริงจัง พร้อมกล่าวเสริมว่า ความลังเลนี้เนื่องมาจากตลาดอินเดียยังมีความต้องการซื้อไม่พอที่จะทำให้เทสลาคุ้มค่าต่อการสร้างโรงงานขนาดใหญ่
“การย้ายฐานการผลิตส่วนสำคัญไปที่อินเดียอาจทำให้ต้องมีการประเมินกลยุทธ์การผลิตระดับโลกใหม่ทั้งหมด ซึ่งบริษัทยังไม่พร้อมจะทำ เพราะยังคงมุ่งเน้นการขยายการผลิตในตลาดที่มีอยู่แล้วเป็นหลัก” เขากล่าว
มุรุกัน คาดการณ์ว่า เทสลาอาจเริ่มผลิตเต็มรูปแบบในอินเดียได้ระหว่างปี 2028 ถึง 2030 ซึ่งจะมีแรงจูงใจมาจาก เช่น เงินอุดหนุนที่ดิน การยกเว้นภาษี รวมถึงความพร้อมของตลาดแบตเตอรี่ในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญ ในระหว่างนี้ Model Y จะเป็น “ผลิตภัณฑ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มโดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ที่มีฐานะร่ำรวยและกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีที่มองหาสินค้าบ่งบอกถึงสถานะของตน”
กุปตะจาก S&P คาดว่า ภาษีส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของอินเดียอาจเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเจรจาการค้าระหว่างวอชิงตันและนิวเดลีที่กำลังดำเนินอยู่ และอาจมีการปรับเปลี่ยนนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม
ในเดือนเม.ย. อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาได้เจรจากับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
กุปตากล่าวว่า “รัฐบาลอินเดียมีความกระตือรือร้นอย่างมากในการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเทสลามีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนเนื่องมาจากความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและสหรัฐ”
ทำไมรถ ‘ฮุนได’ ยักษ์ใหญ่เกาหลี ถึงเอาชนะใจคนอินเดียได้ จ่อ IPO ใหญ่สุดในตลาดหุ้นอินเดีย
18 มิ.ย. 2567
ข่าวใหญ่แวดวงรถยนต์ต่างประเทศ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากเกาเหลีใต้ ‘ฮุนได มอเตอร์’ ที่เข้ามาลงทุนในอินเดียมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มุมไบของอินเดีย ฮุนไดตั้งเป้าจะระดมทุน 2.5-3 พันล้านดอลลาร์ และประเมินมาร์เก็ตแคปที่ราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทำให้ถูกมองว่าอาจเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย และเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นอินเดียมีการซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ฮุนไดถือว่าอินเดียเป็นตลาดที่มีการเติบโตที่สำคัญ โดยปัจจุบันฮุนไดมีการลงทุนในอินเดียไปแล้ว 5 พันล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าจะเพิ่มมูลค่าการลงทุนอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเล็งเห็นถึงการที่อินเดียเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รองจากจีนและอเมริกา
โดยฮุนไดมองการนำธุรกิจเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นในอินเดียเพื่อช่วยเพิ่มการรับรู้ ภาพลักษณ์แบรนด์ และสภาพคล่อง ขณะเดียวกันจะได้เห็นบริษัทฮุนไดในเกาหลีใต้ทยอยขายหุ้นของบริษัทออกมาด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ที่ 17.5%
[ ขยายการเติบโตจัดเต็มในอินเดีย ]
ตอนนี้ฮุนได ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองประเภทกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในอินเดีย ตามหลังบริษัทมารูติ ซูซูกิ (Maruti Suzuki) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของอินเดีย (เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Suzuki Motor Corporation ของญี่ปุ่น และ Maruti Udyog Limited ของอินเดีย)
การขยายการลงทุนและเข้าตลาดหุ้นอินเดียคาดว่าจะทำให้ธุรกิจฮุนไดในอินเดียแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากจะทำให้การระดมทุนในอนาคตง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริษัทแม่ในเกาหลีใต้ นอกจากนี้ก็จะเติบโตสู้กับคู่แข่งอื่นๆ ทั้ง มารูติ ซูซูกิ และทาทา มอเตอร์ เป็นต้น
รถฮุนไดในอินเดียขยายการวางโพสิชั่นไปที่รถระดับพรีเมียม และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ สร้างสถานีชาร์จ และหน่วยประกอบชุดแบตเตอรี่ ซึ่งในส่วนของสถานีชาร์จยังตามหลังกลุ่มทาทา มอเตอร์อยู่
ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในอินเดีย รัฐบาลวางให้เป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญในการขยายขนาดเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานถนนใหม่ขึ้นมากนับรวมแล้วหลายร้อยกิโลเมตร รวมทั้งยังจูงใจผู้ผลิตรถยนต์ให้เพิ่มการผลิตมากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า
[ ความสำเร็จเกือบ 30 ปี คนอินเดียชอบฟีเจอร์คุ้ม ราคาขายต่อดี ]
ฮุนไดเริ่มเข้าสู่ธุรกิจในอินเดียตั้งแต่ 28 ปีก่อน ชนะใจผู้ซื้อด้วยรถยนต์ราคาไม่แพง ทั้งรุ่น Santro และรถเอสยูวี Creta ซึ่งรุ่นหลังติดหนึ่งในกลุ่มท็อปรถรุ่นที่ขายดีในอินเดียตอนนี้
ในตลาดอินเดีย คนอินเดียมองจุดเด่นว่ารถฮุนไดมีฟีเจอร์ครบ และมีคุ
ณภาพ ที่สำคัญ ‘มีราคาขายต่อดี’
อีกจุดคือความยาวนานและสม่ำเสมอ ตัวอย่างนั้นก็คือ รถแฮทช์แบ็กรุ่น Santro ตัวตำนานที่เป็นรุ่นแรกที่ฮุนไดผลิตขายในอินเดียเมื่อปี 2541 เป็นรถที่อยู่ในสายการผลิตในอินเดียยาวนานมาก คือ 24 ปี นานซะจนเพิ่งยกเลิกการผลิตรถรุ่นนี้ลงเมื่อปี 2565 (ช่วงการผลิตรอบแรกตั้งแต่ปี 2541-2558 จากนั้นหยุดผลิตไป 2 ปี และกลับมาผลิตอีกครั้งตอนปี 2561-2565)
ขณะที่ รุ่น Verna ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2549 จนถึงทุกวันนี้มีการปรับโฉมไปเรื่อยๆ ให้มีรูปลักษณ์ทันยุค ทำให้คนอินเดียมองว่าแบรนด์ฮุนไดมีความต่อเนื่อง
อีกข้อหนึ่งคือ การมีรถให้เลือกมากทั้งตัวเลือกเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังหลายแบบ ปัจจุบันฮุนไดจำหน่ายรถในอินเดียมากถึง 11 รุ่น หน่ึงในนั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่น คือ Kona และ IONIQ 5
ความยาวนานของแบรนด์ฮุนไดในการลงทุนที่อินเดียนานเกือบ 30 ปี มีฐานการผลิตรถในอินเดียและส่งออกไปนอกประเทศ ทำให้ฮุนไดมีเครือข่ายดีลเลอร์ที่เข้มแข็ง และการบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง สะดวกทั้งศูนย์บริการ และอะไหล่จนสามารถครองใจคนนับล้านในอินเดียได้
แต่ถ้าถามคนอินเดียว่า ตอนนี้แบรนด์รถที่หนึ่งในใจระดับมหาชนก็ยังเป็น ‘มารูติ ซูซูกิ’ นั่นเอง
	    	
		    
