• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2609754 ซองว นเก ดก บศ กด ศร ของคนในบ าน part 2

admin79 by admin79
September 26, 2025
in Uncategorized
0
N2609754 ซองว นเก ดก บศ กด ศร ของคนในบ าน part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

MR.CARROมิถุนายน 24, 2022

 3 minutes read

8 รถอีโคคาร์มือสอง ประหยัดน้ำมัน ราคาไม่แพง ที่น่าเป็นเจ้าของ!

ในปัจจุบัน “รถมือสอง” นั้นจะมีตัวเลือกในท้องตลาดอย่างมหาศาล และมีรถหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่สภาพเก่าๆ ราคาเพียงหลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึงราคาหลายล้านบาท ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ใช้แล้วไม่ถูกใจ ใช้แล้วเบื่อ อยากขายแล้วซื้อใหม่ หรือครอบครัวขยายขึ้น ต้องเปลี่ยนรถใหญ่ขึ้นก็มี

แต่อีกหนึ่งในรถที่ให้ความคุ้มค่าในการใช้งาน ในยุคเศรษฐกิจขาขึ้นก่ายหน้าผากแบบนี้ นั่นคือรถยนต์ “Eco-Car” ที่เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ แม่บ้าน หรือนักศึกษา เป็นต้น อยากได้รถมือสองประหยัดน้ำมัน หาที่จอดง่าย ไว้ใช้งานในเมือง ไปจ่ายตลาด หรือขับไปมหาวิทยาลัย ในงบประมาณจำกัด และมีราคารถมือสองที่ไม่แพงมาก ซื้อขายง่าย

ตัวเลือกอย่างรถยนต์ Eco-Car (อีโคคาร์) ถือได้ว่าเหมาะสมกับงบประมาณและสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ … Carro ขอแนะนำ 8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้ มีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง รับชมกันได้เลยครับ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

1. Toyota Yaris

1. Toyota Yaris

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) ในอดีตถือเป็นรถ Sub-Compact ที่ยอดนิยมที่สุดอีกหนึ่งรุ่นในท้องตลาด ซึ่งรุ่นแรกก่อนหน้านั้น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แต่ในเจเนอเรชั่นที่เป็น Eco-Car ตอนนี้ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2556 ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ เน้นกลุ่มวัยรุ่น ความปลอดภัยครบครัน

และผ่านการปรับโฉมมาหลายครั้ง แถมยังมีรถใหม่ป้ายแดงขายในตอนนี้อยู่ด้วย เป็นรถที่ดูแลง่าย ทนทาน ค่าซ่อมไม่แพง ศูนย์บริการหาง่าย ของแต่งก็มีเยอะ ขนาดเล็ก เหมาะกับการใช้งานในเมือง

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i 86 แรงม้า ปัจจุบัน Yaris มีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 240,000 – 540,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

2. Toyota Yaris ATIV

Toyota Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) จัดเป็นรถ Sedan ในรูปแบบ Eco-Car รุ่นยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นในท้องตลาด ที่ทาง Toyota ตั้งใจออกมาขายเพื่อชนกับ Eco-Car ซีดานค่ายอื่นๆ โดยเฉพาะ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ด้วยรูปลักษณ์สปอร์ต เจาะกลุ่มวัยรุ่น ความปลอดภัยครบครัน แถมยังมีรถใหม่ป้ายแดงขายอยู่ด้วย เป็นรถที่ดูแลง่าย ทนทาน ค่าซ่อมไม่แพง ใช้อะไหล่ร่วมกับ Yaris โฉม Hatchback ได้พอสมควร

โดยทั้ง Yaris และ Yaris ATIV ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i 86 แรงม้า ปัจจุบัน Yaris ATIV มีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 350,000 – 540,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

3. Nissan March

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) ถือเป็นรถ Eco-Car รุ่นแรกที่ทำตลาดในโครงการนี้ ซึ่งในยุคของสยามกลการ เคยทำรุ่นนี้ขายเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เปิดตัวเมื่อ 12 มีนาคม 2553 มีราคาจำหน่ายที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย ได้รับความนิยมอย่างมากและมียอดขายสะสมรวมหลายแสนคัน แถมยังส่งออกไปขายในญี่ปุ่นอีกด้วย และปัจจุบันยังมีแบบรถป้ายแดงขาย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องอะไหล่นัก

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า ประหยัดนํ้ามันได้มากถึง 20 กม./ลิตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 130,000 – 330,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

4. Nissan Almera

Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) เป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตู รุ่นแรกที่ผลิตออกมาในตลาดประเทศไทย เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2554 พร้อมทั้งมีรุ่นพิเศษออกมาหลายครั้ง รวมไปถึงการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ และเวอร์ชั่นใส่ชุดแต่ง NISMO ด้วย มีความโดดเด่นด้วยขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่ารถรุ่นเดียวกันมาก

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 20 กม./ลิตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 160,000 – 360,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

หรือถ้ามีงบประมาณมากหน่อย จะเลือก Almera โฉมปัจจุบันในรูปแบบรถมือสอง ที่เปิดตัวสู่ตลาดบ้านเรามาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ก็ได้เช่นกัน

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร Turbo รหัส HRA0 แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 100 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 23.3 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 450,000 – 500,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

5. Suzuki Swift

Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) สำหรับโฉมนี้ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2555 เป็นรุ่นที่ประกอบในบ้านเรา ด้วยรูปแบบ Eco-Car ที่ขายดีของซูซูกิ นำเสนอด้วยรูปทรงน่ารักเหมือนรถ Hatchback จากฝั่งยุโรป ออพชั่นแพรวพราว แต่งสวย ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 20 กม./ลิตร และมีรุ่นพิเศษออกมากระตุ้นตลาดอยู่เรื่อยๆ

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT 91 แรงม้า ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 180,000 – 350,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

หรือถ้ามีงบประมาณมากหน่อย จะเลือก Swift โฉมปัจจุบันในรูปแบบรถมือสอง ที่เปิดตัวสู่ตลาดบ้านเรามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ก็ได้เช่นกัน

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12M แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 83 แรงม้า กับเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ DUALJET รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 350,000 – 460,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

6. Suzuki Ciaz

Suzuki Ciaz (ซูซูกิ เซียส) (ชื่อรุ่น มาจากคำว่า “City A-Z”) เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2558 เป็นรถซีดาน 4 ประตู ที่มีอะไรร่วมกันกับ Swift หลายๆ อย่าง แต่งสวย สปอร์ต ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง ประหยัดน้ำมันมากถึง 20 กม./ลิตร และตอนนี้ก็ยังมีรถป้ายแดงขายอยู่

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT 91 แรงม้า ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 240,000 – 400,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

7. Mitsubishi Mirage

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) ชื่อที่คนรุ่นก่อนคุ้นเคยตั้งแต่ 30 กว่าปีที่แล้ว ในรูปแบบของรถ 4 ประตู และ 5 ประตู ก่อนจะกลับมาเป็นรถ Eco-Car ขายในตลาดบ้านเราอีกครั้ง เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2555 ชูรูปทรงขนาดเล็กน่ารัก ปรับโฉมกันมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังมีในรูปแบบรถป้ายแดงให้เลือกเช่นกัน

มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว MIVEC 78 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้ถึง 20-23.8 กม./ลิตร ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 150,000 – 390,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

8 รถมือสอง Eco-Car สุดคุ้มน่าใช้

8. Mitsubishi Attrage

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวที่แรกในโลกในไทย อีกหนึ่งในรถ Eco­-Car แบบ 4 ประตู แบรนด์ที่สอง ที่ออกแนะนำสู่ท้องตลาดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ชูจุดเด่นด้วยการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับรถ อีโคคาร์ ซีดาน จากเทคโนโลยีการออกแบบชั้นสูง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มีให้ครบครัน แล้วก็ยังมีในรูปแบบรถป้ายแดงให้เลือกเช่นกัน

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว MIVEC 78 แรงม้า รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กม./ลิตร ปัจจุบันมีราคาอยู่ในตลาดรถมือสองประมาณ 180,000 – 390,000 บาท ขึ้นอยู่กับปี รุ่นย่อย และสภาพตัวรถ

Mr.Carro หวังว่า รถ Eco-Car ที่เรานำมาเสนอนี้ น่าจะถูกใจคุณผู้อ่านนะครับ …

มัดรวมวิธีประหยัดน้ำมันรถยนต์ ทำตามได้เห็นผลจริง

วันที่เผยแพร่ 02/04/2024

ยอดผู้เข้าชม 2062


มัดรวมวิธีประหยัดน้ำมันรถยนต์

รถยนต์สันดาปขับเคลื่อนได้ด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ในปัจจุบันน้ำมันมีราคาแพง และผันผวนอยู่ทุกวัน บางคนต้องใช้รถยนต์ในการทำงานเป็นหลักอาจต้องเตรียมค่าน้ำมันต่อเดือนมากกว่า 3,000 บาทเลยทีเดียว แล้วแบบนี้เราจะมีวิธีประหยัดน้ำมันอย่างไรบ้าง วันนี้ TOYOTA SURE ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการขับรถประหยัดน้ำมันมีวิธีไหนบ้างที่ได้ผล ติดตามได้เลย

10 วิธีประหยัดน้ำมันรถยนต์ ปรับใช้ได้เห็นผลจริง

วิธีประหยัดน้ำมันรถยนต์ ปรับใช้ได้เห็นผลจริง

การขับรถให้ประหยัดน้ำมันนั้น ควรเริ่มต้นจากพฤติกรรมการขับขี่ของเรา ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนตโดยตรง นอกจากนั้นยังมีเรื่องการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ โดยทั้งหมด 10 วิธีประหยัดน้ำมันมีรายละเอียดดังนี้

1. ไม่ออกรถกระชาก

การออกตัวแบบกระชาก หรือคิกดาวน์ทันทีที่ออกตัวเป็นพฤติกรรมที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการสึก หรือของเครื่องยนต์ และเกียร์ เพราะทุกครั้งที่เราเหยียบคันเร่งจนมิดทำให้เชื้อเพลิงถูกฉีกเข้าไปในห้องเครื่องมากกว่าการเหยียบคันเร่งแบบไล่ระดับ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดมลพิษมากขึ้นโดยเฉพาะในรถเครื่องยนต์ดีเซล ก่อให้เกิดควันดำมากกว่าช่วงเหยียบคันเร่งปกติ ดังนั้นช่วงออกตัวค่อย ๆ เหยียบคันเร่งอย่างนุ่มนวล รอรอบเครื่องให้คงที่ตามลำดับดีที่สุด

2. ขับรถด้วยความเร็วคงที่

การขับรถด้วยความเร็วคงที่ และสม่ำเสมอ เป็นวิธีประหยัดน้ำมันมีประสิทธิภาพ และเห็นผลมากที่สุด โดยช่วงความเร็วที่แนะนำควรอยู่ระหว่าง 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเป็นความเร็วที่เครื่องยนต์เผาผลาญเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากนี้การใช้เกียร์ให้สอดคล้องกับความเร็วก็ช่วยได้เช่นกัน ป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เร่งรอบสูงเกินไป ส่วนการขับรถช้า ๆ วิธีนี้ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดน้ำมันแต่อย่างใด เพราะหลักสำคัญของข้อนี้คือความเร็วที่สม่ำเสมอ และคงที่ตลอดระยะทาง 

3. ไม่เบรกรถกะทันหัน

การเบรกกะทันหันบ่อย ๆ เป็นเหตุที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันไม่แพ้การขับรถเร็ว เพราะทุกครั้งที่เราต้องเบรกแบบทันทีทันใดจะทำให้ความลดลงอย่างมาก เมื่อขับต่อจะต้องเร่งความเร็ว กว่าจะได้ระดับที่เร็วเท่าเดิมก็ทำให้เสียเชื้องเพลิงไปพอสมควร ดังนั้นควรขับอย่างระมัดระวังคอยสังเกตความเร็วจากรถคันข้าง ๆ หรือประเมินจากสถานการณ์โดยรอบเพื่อให้เราขับขี่ได้อย่างเหมาะสม

4. ใส่เกียร์ว่างตอนรถติด

การใส่เกียร์ว่างตอนรถติด ช่วยลดการจ่ายน้ำมันเข้าเครื่องยนต์มากกว่าการเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรก วิธีนี้เห็นผลจริงตอนช่วงที่รถติดหนักจนขยับไม่ได้ แถมยังช่วยลดความเมื่อยเท้าจากการเหยียบเบรกนาน ๆ อีกด้วย แต่ไม่แนะนำให้เข้าเกียร์ P เพราะจะทำให้เกียร์สึกหรอมากกว่าการเปลี่ยนเกียร์ว่างมาเป็นเกียร์ D

5. เช็กลมยางสม่ำเสมอ

การเติมให้เหมาะสมกับประเภทรถ ช่วยลดอัตราการกินน้ำมันได้จากการยึดเกาะถนนที่ดี กลับกันหากลมยางอ่อนเกินไปก็จะทำให้เราต้องเค้นแรงมากกว่าเดิน ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น ในขณะที่ลมยางแข็งเกินมากตรฐานก็ส่งผลให้ยึดเกาะถนนได้ไม่ดีเช่นกัน โดยลมยางที่เหมาะสมกับประเภทรถยนต์มีดังนี้

  • รถเก๋งขนาดเล็ก ควรเติมลมยางประมาณ 25 – 30 PSI
  • รถเก๋งขนาดกลาง และ SUV ควรเติมลมยางประมาณ 30 – 35 PSI
  • รถกระบะใช้งานทั่วไป ควรเติมลมยางประมาณ 35 – 40 PSI
วิธีประหยัดน้ำมันรถยนต์

6. เปิดแอร์อุณหภูมิที่เหมาะสม

การเปิดแอร์ให้เย็นพอดี ช่วยลดภาระการทำงานของคอมเพรสเซอร์ และไม่กินแรงเครื่องยนต์ สามารถช่วยลดการใช้น้ำมันได้มากกว่า 10 – 20% เลยทีเดียว และถ้าให้ดีควรหมั่นเช็กระบบแอร์เป็นประจำ เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7. เช็กเครื่องยนต์สม่ำเสมอ

เพราะเครื่องยนต์เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนรถยนต์ จึงควรดูแลอย่างสม่ำเสมอ ซ่อม หรือเปลี่ยนอะไหล่ที่สำคัญตามระยะที่กำหนด เป็นวิธีที่ช่วยถนอมเครื่องยนต็ได้เป็นอย่างดี โดยสิ่งที่ควรตรวจเช็กบ่อย คือ ระบบการจุดระเบิด สภาพหัวเทียนที่พร้อมใช้งาน ไส้กรอกอากาศไม่ตัน และระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานได้เต็มระบบก็จะใช้เชื้อเพลิงได้อย่างเหมาะสม

8. ขนสัมภาระเท่าที่จำเป็น

การขนสัมภาระที่มากเกินความจำเป็น ทำให้เครื่องยนต์ต้องรับภาระมากขึ้นกว่าเดิม และนั่นทำให้เราต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้นตามไปด้วย ถ้าให้ดีควรขนสัมภาระเท่าที่จำเป็น หากต้องขนของครั้งละจำนวนมาก ๆ ควรจัดวางสิ่งของให้มีความสมดุล ไม่วางให้หนักไปทางด้านใดด้านหนึ่ง และควรใช้ความเร็วไม่มากประมาณ 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี 

9. ดับเครื่องเมื่อจอดรถ

รู้หรือไม่ว่าการจอดติดเครื่องนาน 5 นาที ทำให้เราสูญเสียน้ำมันไปประมาณ 100 cc. หากจอดติดเครื่องเฉย ๆ นานกว่านั้นก็จะสิ้นเปลืองน้ำมันไปเรื่อย ๆ ดังนั้นหากรู้ตัวว่าต้องจอดนานเกิน 5 นาที แนะนำให้ดับเครื่องดีกว่า ประหยัดทั้งน้ำมัน และลดมลพิษในอากาศ

10. ถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด

น้ำมันเครื่อง คือของเหลวสำคัญที่ช่วยหล่อลื่นเครื่องยนต์ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่ทางผู้ผลิตรถยนต์กำหนดให้เปลี่ยนถ่ายทุก ๆ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน ซึ่งมีส่วนช่วยให้เครื่องยนต์เผาไหม้ได้สมบูรณ์ที่สุด เกิดคราบเขม่าน้ำ หากพบว่าน้ำมันเครื่องปริมาณลดลง หรือสีเปลี่ยนก่อนกำหนด แนะนำให้เช็กอาการโดยช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด

สรุปเกี่ยวกับวิธีประหยัดน้ำมันรถยนต์

สรุปเกี่ยวกับวิธีประหยัดน้ำมันรถยนต์

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 วิธีประหยัดน้ำมันรถยนต์ที่นำเสนอไปในวันนี้ หากมองภาพรวมทั้งหมดจะพบว่าส่วนใหญ่ล้วนมากจาพฤติกรรมการใช้รถทั้งสิ้น เพราะการทำงานของเครื่องยนต์นั้นขึ้นอยู่กับวิธีใช้งานของผู้ขับขี่ หากใช้ความเร็วที่เหมาะสมขับขี่อย่างระมัดระวัง และหมั่นดูแลรักษาเป็นประจำ ก็จะทำให้รถยนต์คันโปรดของคุณไม่สิ้นเปลืองน้ำมันอย่างแน่นอน และสุดท้ายใครกำลังมองหารถบ้านมือสองประหยัดน้ำมัน เข้ามาชมได้ที่ TOYOTA SURE มาให้เลือกมากมายทั้งอีโคคาร์สุดประหยัด รถเก๋งไซซ์กลาง หรือกระบะสุดแกร่งก้มีเช่นกัน รับประกันคุณภาพโดยโตโยต้า ประเทศไทย

Previous Post

N2609753 โลกอ กใบของเธอท ไม part 2

Next Post

N2609755 เส ยงของความเจ บปวด กเง ยบท แต งก องท ดในใจ part 2

Next Post
N2609755 เส ยงของความเจ บปวด กเง ยบท แต งก องท ดในใจ part 2

N2609755 เส ยงของความเจ บปวด กเง ยบท แต งก องท ดในใจ part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0511368 ใส ดรปภน ดเดทก บน กธ รก จคร งแรก part 2
  • N0511366 กเก บมาเล ยงด กว าล กในไส part 2
  • N0511365 เร องน คนท ยอมต องไม ใช part 2
  • N0511370 หว งด แต ทำไมถ งโดนตบ part 2
  • N0511460 ในว นท ไม เหล ออะไร part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.