• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2609772 อย ๆก โดนไล ออกจากบ านต วเอง part 2

admin79 by admin79
September 26, 2025
in Uncategorized
0
N2609772 อย ๆก โดนไล ออกจากบ านต วเอง part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

รวมรถประหยัดน้ำมัน Eco Car ประจำปี 2024

ในยุคที่ค่าน้ำมันพุ่งสูงแบบนี้ เชื่อว่าคงจะมีผู้ขับขี่หลายคนที่กำลังมองหารถประหยัดน้ำมันหรือ ECO CAR เพื่อมาช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันกันอยู่แน่ ๆ ซึ่งในบทความนี้ อินทรประกันภัย จึงได้รวบรวมเช็กลิสต์ 5 อันดับรถประหยัดน้ำมัน (ECO CAR) ประจำปี 2024 มาแนะนำให้คุณได้ทราบกัน จะมีรุ่นไหนที่ถูกใจคุณบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย!

5 อันดับรถประหยัดน้ำมัน Eco Car ประจำปี 2024

สำหรับรถประหยัดน้ำมันที่เรารวบรวมมาแนะนำ จะเป็นรถยนต์จากแบรนด์ดังที่โดดเด่นในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน โดยมีทั้งหมด 5 แบรนด์ ดังนี้

1.Mitsubishi Attrage

Mitsubishi Attrage เป็นรถยนต์ซีดานประหยัดน้ำมันแบบ 4 ประตู 5 ที่นั่ง ที่โดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่รวมชุดกันชนสีดำ ตกแต่งด้วยแถบโครเมียม ภายในตกแต่งแผงหน้าปัดด้วยวัสดุสีดำเงา Piano Black และลายคาร์บอน พร้อมมาตรวัดเป็นแบบอนาล็อก และจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่แยกออกจากห้องโดยสาร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่จับคู่กับระบบเครื่องยนต์เบนซินแบบ 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 78 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

2.Toyota Yaris Ativ

Toyota Yaris Ativ เป็นรถยนต์ซีดานประหยัดน้ำมันที่ใช้ตัวถัง Fastback ภายในมีการออกแบบให้ทันสมัยด้วยเส้นแนวนอนหลายเลเยอร์ เล่น Texture และสีทูโทน พร้อมพวงมาลัยยูรีเทนที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ทั้ง ECO, Normal และ Sport จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่มาคู่กับโปรแกรมทดเกียร์ Sequential Shift และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า รวมถึงระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม อีกทั้งยังมีอัตราประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิล 4 สูบขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 94 แรงม้า

3. NEW Nissan Almera

NEW Nissan Almera เป็นรถยนต์สปอร์ตซีดานประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อมดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา พร้อมเสริมเทคโนโลยี Nissan Connect Services ที่สามารถสั่งการฟังก์ชันภายในรถได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ตโฟน ขับขี่เร้าใจด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 100 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ XTronicCVT และ D-Step Logic ขับเคลื่อนล้อหน้า เสริมด้วยระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โดยมีอัตราประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

4. Suzuki Swift

Suzuki Swift เป็นรถประหยัดน้ำมัน ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปี 2023 ด้วยขนาดที่พอเหมาะกับการขับขี่ในเมือง และอัตราประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตร/ลิตร บวกกับแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ที่ทำให้รถมีโครงสร้างแข็งแรงขึ้นแต่น้ำหนักเบาลง พร้อมเครื่องยนต์ขนาด 4 สูบ 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร พร้อมเทคโนโลยีหัวฉีด DUALJET เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT

5.New Honda City

New Honda City เป็นรถประหยัดน้ำมันที่มาพร้อมระบบฟูลไฮบริด e:HEV จากขุมพลังเครื่องยนต์มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ให้แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรตั้งแต่ออกตัว ส่วนในรุ่นเบนซินก็มาพร้อมเครื่องยนต์ VTEC TURBO แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร กำลังสูงสุด 122 แรงม้า

ปักหมุดไว้เลย รับรถประหยัดน้ำมันคันใหม่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง

ได้ทราบ 6 อันดับรถประหยัดน้ำมันยอดนิยมในปี 2024 กันไปแล้ว ใครที่วางแผนจะออกรถใหม่ก็ต้องเตรียมความพร้อมในการรับรถให้ดี สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไปรับรถใหม่จะต้องเตรียมตัวหรือเช็กอะไรบ้างก็ไม่ต้องกังวล เพราะเรารวมมาให้แล้ว โดยมีทั้งหมด 3 ข้อดังนี้

ตรวจเช็กสภาพรถยนต์

สิ่งแรกที่ควรทำก่อนการรับรถก็คือ การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ทั้งภายนอกและภายในอย่างละเอียด เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นรถยนต์มือหนึ่งก็อาจจะมีตำหนิ หรือมีการชำรุดเกินขึ้นได้ โดยจุดที่ควรสังเกตในเบื้องต้นมีดังนี้

ภายนอกตัวรถ

  • ตรวจสอบสภาพของสีรถยนต์ว่ามีความเงางามสม่ำเสมอ ไม่มีรอยขีดข่วนหรือหลุดล่อนของสี เว้นแต่รถมือสองอาจมีร่องรอยจากการใช้งานมาบ้าง แต่ต้องตรงกับที่เต็นท์หรือผู้ขายระบุไว้ว่ามีจุดใดบ้าง
  • ตรวจสอบโคมไฟหน้าต้องใสไม่เหลือง ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไม่มีริ้วรอย
  • ตรวจสอบฝากระโปรงว่ามีระยะห่างที่เรียบเสมอกับส่วนอื่น ๆ ของตัวรถ
  • ลองเปิด-ปิดประตูรถว่ามีอาการฝืดหรือติดขัดหรือไม่ พร้อมกับเช็กขอบยางต่าง ๆ ว่าอยู่ในสภาพที่ใหม่ ไม่ชำรุด
  • ตรวจเช็กอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินต่าง ๆ ทั้งสายพ่วงแบตเตอรี่ ยางอะไหล่ แม่แรง เครื่องมือช่างที่จำเป็นต้องใช้ ว่าครบหรือไม่
  • ตรวจเช็กล้อและยางต้องเป็นยางใหม่ สังเกตได้จากหนวดยางหรือสีที่สกรีนบนยางต้องอยู่ครบ ยางไม่มีรอยแตกลายงา

ภายในตัวรถ

  • ตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่างทุกดวง ทั้งไฟหน้า ไฟหรี่ ไฟสูง ไฟเดย์ไลท์ ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟถอย ไฟฉุกเฉิน รวมถึงไฟในห้องโดยสาร ว่าติดครบทุกจุดหรือไม่
  • ตรวจสอบเบาะที่นั่งต้องไม่เปรอะเปื้อนหรือมีร่องรอยการฉีกขาด ถูกหุ้มด้วยพลาสติกอย่างดีสำหรับรถใหม่ กรณีเบาะไฟฟ้าให้ทดลองการปรับระดับเพิ่มเติม
  • ตรวจเช็กยางปูพื้นและพรมปูพื้นว่ามีมาให้ครบหรือไม่
  • สตาร์ตเครื่องยนต์เพื่อลองฟังเสียงของเครื่องยนต์ว่าเรียบปกติหรือไม่ ทดสอบเปิดเครื่องปรับอากาศ ลองปรับให้ครบทุกโหมด ทดสอบการทำงานของหน้าจอเครื่องเสียงและลำโพง
  • ทดลองเปิด-ปิดหลังคาซันรูฟ (ถ้ามี) ลองพับ-กางกระจกข้างกรณีควบคุมด้วยไฟฟ้า
  • ลองล็อกและปลดล็อกประตู เพื่อดูว่าระบบล็อกสามารถทำงานได้ปกติทุกบานหรือไม่หรือไม่
  • ตรวจเช็กภายในห้องเครื่องว่า ไม่มีน้ำมันซึมหรือรั่ว สภาพสายไฟ แบตเตอรี่

ตรวจสอบเอกสารให้ครบ

ก่อนที่จะรับรถใหม่ควรมีการตรวจสอบเอกสารสำคัญต่าง ๆ ให้ครบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง โดยเอกสารที่ควรเช็กในเบื้องต้นมีดังนี้

  • ตรวจดูเล่มสมุดทะเบียนว่าเลขตัวถังตรงตามที่ระบุในเล่มหรือไม่ รวมถึงตรวจเอกสารโอนรถ ครอบครองรถ และ พ.ร.บ.
  • ใบเสร็จรับเงินดาวน์รถที่เราจ่ายไป
  • เอกสารสัญญาเช่าซื้อกับทางไฟแนนซ์
  • ใบเสร็จค่ามัดจำป้ายแดง เพื่อนำมารับเงินมัดจำคืนเมื่อได้ป้ายขาว พร้อมตรวจสอบป้ายแดงว่ามีตรา ขส. อยู่หรือไม่ นอกจากนี้ยังควรตรวจเช็กสมุดคู่มือสำหรับรถป้ายแดงด้วยเช่นกัน
  • เอกสารรับประกันอุปกรณ์ และใบรับประกันการเช็กระยะ
  • หากมีการตกแต่งเพิ่มเติม ต้องเช็กเอกสารการรับประกันอุปกรณ์ตกแต่ง

เตรียมเงินเผื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

อีกสิ่งหนึ่งที่ควรเตรียมไปให้พร้อมก็คือ เงิน เพราะในวันที่ไปรับรถ อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ค่ามัดจำป้ายแดง ค่าอุปกรณ์ที่ติดเพิ่มเติม ค่าทำประกันรถยนต์ชั้น 1 (กรณีที่ศูนย์บริการไม่ได้แถมมาให้) ค่าน้ำมัน เป็นต้น

สรุปบทความ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 อันดับรถประหยัดน้ำมันที่ได้รับความนิยมในปี 2024 ที่เราได้รวบรวมมา สำหรับคนที่สนใจก็แนะนำว่าควรจะเข้าไปทดลองขับและสอบถามข้อมูลด้วยตัวเองที่ศูนย์บริการ และสำหรับคนที่วางแผนจะออกรถใหม่ก็อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อไปรับรถ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง

รถประหยัดน้ำมัน 2023 ราคาถูก ตอบโจทย์ทุกการขับขี่

8,382

แชร์

url
facebook
line

สนใจซื้อประกันรถยนต์

ปัจจุบันหลายคนให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น อีกทั้งราคาน้ำมันก็แพงขึ้นเรื่อย ๆ แบรนด์รถยนต์จึงพัฒนารถยนต์ออกมาเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้รถให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงในตลาดรถยนต์เป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่หลายคนรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง รถประหยัดน้ำมันจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแถมยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้จริง ประกันติดโล่จะมาแนะนำรถยนต์รุ่นไหนประหยัดน้ำมันที่สุด รุ่นไหนได้รับความนิยมประจำปี 2023

10 รถประหยัดน้ำมัน 2023 ช่วยให้คุณประหยัดได้จริง

รถประหยัดน้ำมันรุ่นใหม่ ๆ มักจะมีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแสดงให้เห็นบนแผงหน้าปัดอยู่แล้ว และจะแสดงให้เห็นแบบ Real Time ตัวเลขที่บอกว่ารถคันนั้นกินน้ำมันไปเท่าไหร่ เป็นการบอกปริมาณน้ำมันที่ใช้ต่อระยะทาง โดยจะมีสูตรคำนวณเบื้องต้นคือ ระยะทางที่เดินทาง (กม.) หารจำนวนน้ำมันที่ลดลงไป (ลิตร) ก็จะทำให้รู้ว่ารถคันนั้นกินน้ำมันเท่าไหร่ เช่น ระยะทาง 50 กม. น้ำมันลดลงไป 2 ลิตร เท่ากับว่าน้ำมัน 1 ลิตร รถคันนี้สามารถใช้เดินทางได้ถึง 25 กม. มาดูกันดีกว่าครับว่ารถยนต์รุ่นไหนน่าใช้ รถยนต์รุ่นไหนประหยัดน้ำมันที่สุด

1. Mitsubishi Attrage

Mitsubishi Attrage 2023 เป็นรถยนต์ Eco car ขนาดเล็กราคาไม่เกิน 5 แสนบาทเท่านั้น การดีไซน์จะคล้ายกับ Mirage มาพร้อมคุณสมบัติหลัก 3 อย่างที่คุ้มค่าสุด ๆ ทั้งในเรื่องการประหยัดน้ำมันสูง ความคล่องตัวในการขับขี่ และห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 78 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร โดยจะมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Invecs-III CVT รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E20

Mitsubishi Attrage

Nissan Almera ราคา : เริ่มต้น 494,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

2. Toyota Yaris Ativ

Toyota Yaris Ativ 2023 รถเก๋งประหยัดน้ำมันที่มาพร้อมห้องโดยสารกว้างขวาง เครื่องยนต์และเกียร์ทนทานตามสไตล์ของ Toyota ใครกำลังมองหารถยนต์ราคาถูกประหยัดน้ำมันใช้งานได้นาน ๆ ต้องรุ่นนี้เลยครับ มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 3 โหมดทั้ง ECO, Normal และ Sport ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร 1,197 ซีซี. Dual VVT-iE ให้กำลังสูงสุด 94 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อมโปรแกรมทดเกียร์ Sequential Shift ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E20

Toyota Yaris Ativ

Toyota Yaris Ativ ราคา : เริ่มต้น 549,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

3. Nissan Almera

Nissan Almera 2023 เป็นรถยนต์ Eco car ราคาไม่เกิน 6 แสนที่หลายคนตามหาอย่างแน่นอน มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Next-generation V-motion กับเทคโนโลยี NissanConnect Services สามารถสั่งการฟังก์ชั่นภายในรถได้ทุกที่ ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 100 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ XTronicCVT พร้อม D-Step Logic ขับเคลื่อนล้อหน้า มีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) จึงเป็นรถประหยัดน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Nissan Almera

Nissan Almera ราคา : เริ่มต้น 549,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

4. Suzuki Swift

Suzuki Swift 2023 เป็นรถยนต์ Eco car ขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะสาว ๆ โดดเด่นทั้งในเรื่องเป็นรถประหยัดน้ำมัน ขนาดกะทัดรัด และเหมาะกับการขับในเมืองสุด ๆ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ CVT เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ DUALJET ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร พร้อมรองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E20 Suzuki Swift 2023 จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกของรถยนต์ราคาถูกประหยัดน้ำมันที่คุณไม่ควรพลาด

Suzuki Swift

Suzuki Swift ราคา : เริ่มต้น 567,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 23 กิโลเมตร/ลิตร

5. Mazda2

Mazda2 2023 รถเก๋งประหยัดน้ำมันที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ เมื่อเทียบกับรถยนต์ Eco car รุ่นอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องช่วงล่างที่ขับสนุก ยึดเกาะดีเยี่ยม ขับขี่ได้อย่างคล่องตัวในเมืองกรุง มีให้เลือกทั้งแบบ Sedan และ Hatchback ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยมีเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.3 ลิตร (SKYACTIV-G) ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร (SKYACTIV-D) ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร

Mazda2

Mazda2 ราคา : 

เครื่องยนต์เบนซินราคาเริ่มต้น 599,000 บาท 

เครื่องยนต์ดีเซลราคาเริ่มต้น 720,000 บาท 

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 

เครื่องยนต์เบนซิน 23.3 กิโลเมตร/ลิตร 

เครื่องยนต์ดีเซล 26.3 กิโลเมตร/ลิตร

6. Honda City e:HEV

Honda City e:HEV 2023 รถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันควบคู่ไปกับพลังงานไฟฟ้า (ระบบฟูลไฮบริด e:HEV) โดยจะทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ e-CVT โดยระบบจะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติ 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) จึงเป็นรถเก๋งประหยัดน้ำมันที่มาแรงสุด ๆ ในราคาที่แสนจะประหยัด

Honda City e:HEV

Honda City e:HEV ราคา : เริ่มต้น 769,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 27.8 กิโลเมตร/ลิตร

7. Honda HR-V e:HEV

Honda HR-V e:HEV ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING จึงเป็นรถยนต์ที่เหมาะสุด ๆ สำหรับคนที่กำลังวางแผนซื้อรถครอบครัว และด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ใช้พลังงานน้ำมันควบคู่ไปกับพลังงานไฟฟ้า จึงเหมาะกับคนที่กำลังมองหารถ SUV ประหยัดน้ำมันสุด ๆ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ CVT เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ DUALJET ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E20

Honda HR-V e:HEV

Honda HR-V e:HEV ราคา : เริ่มต้น 979,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 25.6 กิโลเมตร/ลิตร

8. Toyota Corolla Cross

Toyota Corolla Cross อีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหารถ SUV ประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ระบบไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการพัฒนาแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดราย (Nickel Metal Hydride) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น จึงช่วยประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor จะให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E20

Toyota Corolla Cross

Toyota Corolla Cross ราคา : เริ่มต้น 989,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

9. Toyota C-HR

สำหรับใครที่ชอบรถ SUV ประหยัดน้ำมันแต่ไม่อยากได้รถคันใหญ่มากนัก ขอแนะนำ Toyota C-HR 2023 เป็นรถ SUV ขนาดเล็ก 5 ที่นั่ง แต่ยังคงความเท่ ความสปอร์ตที่เป็นเอกลักษณ์ หลายคนได้ลองขับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วงล่างระดับเดียวกับรถยุโรป เป็นรถระบบไฮบริดรุ่นใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้กำลังรวมสูงสุด 122 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT

Toyota C-HR

Toyota C-HR ราคา : เริ่มต้น 979,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 24.4 กิโลเมตร/ลิตร

10. Haval Jolion Hybrid

Haval Jolion Hybrid ของเครือ GWM Thailand เป็นรถ SUV ประหยัดน้ำมันที่กำลังมาแรงไม่แพ้แบรนด์ดังในตลาด เครื่องยนต์ระบบไฮบริดทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติแบบ DHT รองรับการขับเคลื่อนได้อย่างหลากหลาย มาพร้อมเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) ของฮาวาล โจไลอ้อน มีระบบขับขี่ทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่ Standard, Sport, ECO และ Rain

Haval Jolion Hybrid

Haval Jolion Hybrid ราคา : เริ่มต้น 879,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 23.8 กิโลเมตร/ลิตร

สรุป รถประหยัดน้ำมัน 2023

สภาพการจราจรในเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถกินน้ำมันมากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะเลี่ยงจากปัญหานี้ ทำได้ดีที่สุดคือ เลือกซื้อรถยนต์ที่จะช่วยประหยัดพลังงานหรือประหยัดน้ำมันให้ได้มากที่สุด พร้อมกับการขับขี่ที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกทางหนึ่ง เพราะทุกครั้งที่มีการเหยียบคันเร่งก็จะยิ่งทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง หากถามว่ารถยนต์รุ่นไหนประหยัดน้ำมันที่สุด ให้ดูที่ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ยิ่งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำเท่าไหร่ เท่ากับว่ารถคันนั้นเป็นรถประหยัดน้ำมันมากเท่านั้น เมื่อจำเป็นต้องใช้รถทุกวันแบบนี้ อย่าลืมให้ความสำคัญกับการทำประกันรถยนต์ เพื่อช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้นนั่นเอง

Previous Post

N2609771 ครอบคร วล กชายต องมาพ งเพราะแม part 2

Next Post

N2609773 บททดสอบคร งน ดจบใครท องเส ยใจ part 2

Next Post
N2609773 บททดสอบคร งน ดจบใครท องเส ยใจ part 2

N2609773 บททดสอบคร งน ดจบใครท องเส ยใจ part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0511368 ใส ดรปภน ดเดทก บน กธ รก จคร งแรก part 2
  • N0511366 กเก บมาเล ยงด กว าล กในไส part 2
  • N0511365 เร องน คนท ยอมต องไม ใช part 2
  • N0511370 หว งด แต ทำไมถ งโดนตบ part 2
  • N0511460 ในว นท ไม เหล ออะไร part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.