• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2509760 ซองว นเก ดก บศ กด ศร ของคนในบ าน part 2

admin79 by admin79
September 25, 2025
in Uncategorized
0
N2509760 ซองว นเก ดก บศ กด ศร ของคนในบ าน part 2

ดูเวอร์ชั่นเต็มได้ที่กลางเว็บไซต์👇

10 อันดับ รถไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย 2025 (อ้างอิงจากยอดจดทะเบียน ตั้งแต่ มกราคม-พฤษภาคม2025)

Posted on 11/08/2025 by CAKE

รถยนต์ไฟฟ้าขายดี

จากยอดจดทะเบียนที่ทางแอดมินรวบรวมมาได้ สามารถมองได้ว่าหากยอดจดมากสุดแสดงว่ายอดขายต้องมากสุดตามไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่ากรมการขนส่งทางบก ยังไม่ได้ประกาศยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 10 อันดับแรกของปี 2025 อย่างเป็นทางการ แต่ก็ยังพอมีข้อมูลคร่าวๆสำหรับยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ในไทย 5 เดือนแรก ปี 2025 (มกราคม-พฤษภาคม) รวม 43,733 คัน และ BYD เป็นแบรนด์ที่มียอดจดทะเบียนสูงสุด ตามด้วย MG, GAC AION, GWM ORA และ DEEPAL และรายละเอียดเพิ่มเติมที่แอดมินสามารถรวบรวมมาได้ มีดังนี้

รถยนต์ไฟฟ้าขายดี

  1. BYD: ยอดจด 13,860 คัน ขายดีที่สุดอันดับ 1 ในไทยในปัจจุบัน เป็นแบรนด์จีนที่มียอดจดมากที่สุดในไทย คือ ซึ่งมีรุ่นที่ยอดนิยม ที่ขายดี หลักๆ คือ BYD Dolphin, BYD Sealion7, BYD Atto 3
    • รุ่นยอดนิยม: BYD Dolphin, BYD Sealion7, BYD Atto 3
    • จุดเด่น :เทคโนโลยีเบรดแบตเตอร์รี่จากทาง BYD ทนทานปลอดภัย, ราคาคุ้มค่า, ระยะทางขับขี่ดี, มีหลายรุ่น SUV และ hatchback
    • ช่วงราคา: 700,000 – 1,700,000 บาท (แล้วแต่รุ่น)
  2. MG: ยอดจด 4,664 คัน เป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษ. ก่อตั้งขึ้นในปี 1924 โดย Cecil Kimber. ปัจจุบัน MG Motor เป็นบริษัทในเครือของ SAIC Motor ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ของรัฐบาลจีน. แม้ว่า MG จะมีต้นกำเนิดในอังกฤษ แต่ปัจจุบันได้รับการบริหารและผลิตโดย SAIC Motor ที่จีน
    • รุ่นยอดนิยม :MG4 Electric
    • จุดเด่น :ออกแบบทันสมัย, ระบบความปลอดภัยดี, มีบริการหลังการขายครบวงจร
    • ช่วงราคา :900,000 – 1,200,000 บาท
  3. GAC AION: ยอดจด 3,887 คัน เป็นรถไฟฟ้าจีน ซึ่งเน้น SUV ขนาดกลางเป็นหลัก
    • รุ่นยอดนิยม :GAC AION V
    • จุดเด่น :ระยะทางสูงสุดกว่า 600 กม., ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ, เทคโนโลยีทันสมัย
    • ช่วงราคา :ประมาณ 1,000,000 บาท
  4. GWM ORA: ยอดจด 2,905 คัน เป็นแบรนด์จีนยอดนิยมในกลุ่มรถขนาดเล็ก ช่วงที่ออกมาใหม่ๆ เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากสังเกตที่เห็นได้ตามท้องถนน
    • รุ่นยอดนิยม :ORA Good Cat
    • จุดเด่น :ดีไซน์น่ารัก, เหมาะกับเมือง, ราคาคุ้มค่า, มีรุ่น hatchback
    • ช่วงราคา :800,000 – 1,000,000 บาท
  5. DENZA: ยอดจด 2,131 คัน เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหรูจากจีน ซึ่งมีบริษัทร่วมทุนคือ BYD Auto และ Mercedes-Benz เน้นการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงสำหรับตลาดจีน และได้ขยายสู่ตลาดสากลด้วย
    • รุ่นยอดนิยม :MPV 7
    • จุดเด่น :MPV 7 ที่นั่ง รถยนต์ไฟฟ้าระดับหรู (Luxury EV) ภายในหรูหรา, เทคโนโลยีทันสมัย
    • ช่วงราคา :1,999,900 – 2,699,900 บาท
  6. NETA: ยอดจด 1,828 คัน เป็นรถไฟฟ้าราคาประหยัดจากจีน
    • รุ่นยอดนิยม :NETA V
    • จุดเด่น :เป็น hatchback ขนาดเล็ก ราคาย่อมเยา, เหมาะสำหรับผู้เริ่มใช้ EV, ขับในเมืองดี
    • ช่วงราคา :600,000 – 700,000 บาท
  7. TESLA: ยอดจด 1,812 คัน รถไฟฟ้าพรีเมียมสัญชาติอเมริกัน
    • รุ่นยอดนิยม : Tesla Model 3
    • จุดเด่น :เทคโนโลยีขั้นสูง, ระบบออโต้ไพลอต, สมรรถนะดีเยี่ยม
    • ช่วงราคา :2,000,000 – 2,500,000 บาท (ขึ้นกับรุ่นและออปชั่น)
  8. GAC HYPTEC: ยอดจด 1,385 คัน รถไฟฟ้า SUV พรีเมียม จาก GAC
    • รุ่นยอดนิยม :Hyptec HT
    • จุดเด่น :ประตูแบบ gull-wing, เทคโนโลยี Dolby Atmos, ระยะทางสูงสุด 620 กม.
    • ช่วงราคา :1,449,000 – 1,749,000 บาท
  9. CHANGAN: ยอดจด 1,191 คัน เป็นแบรนด์จีนที่ผลิตในไทย
    • รุ่นยอดนิยม :Deepal S07 SUV
    • จุดเด่น :ราคาเหมาะสม, โรงงานในไทย, เทคโนโลยีครบครัน
    • ช่วงราคา :1,399,000 – 1,499,000 บาท

อย่างที่ได้กล่าวมาว่ากรมการขนส่งทางบกอาจไม่ได้ประกาศเป็นทางการ ข้อมูลข้างต้นนี้ เป็นเพียงการรวบรวมคร่าวๆเท่านั้นซึ่งเป็นยอดจดทะเบียนสะสม 5 เดือนแรกของปี 2025 ซึ่งยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในแต่ละเดือนอาจมีการเปลี่ยนแปลง หรืออาจคลาดเคลื่อนได้ หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะพอเป็นประโยน์ให้ผู้อ่านได้บ้าง หากซื้อรถใหม่แล้ว สามารถเลือกซื้อทะเบียนรถสวยได้จากทางเราได้ ยินดีให้คำปรึกษา

อัพเดท 5 สุดยอดรถหรูในฝันที่น่าจับตามอง !

ยลโฉม 5 รถหรูจากแบรนด์ดังที่หลายคนอยากจับจองเป็นเจ้าของสักครั้งในชีวิต !

By Arun Salhotra

 | Published: Mar 19, 2018 05:07 PM ICT |  1 min read

Share

HELLO! Magazine Thailand

Home & Living

อัพเดท 5 สุดยอดรถหรูในฝันที่น่าจับตามอง !

Share

บอกเลยว่าชายหนุ่มหลายคนเห็นแล้วต้องร้องว้าวกับ 5 รถหรูในฝัน ที่น่าจับตามอง ! ซึ่ง HELLO! ขอเลือกมาอวดโฉม ต้อนรับบรรยากาศของงานแสดงรถยนต์ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ต้นปี ต้อนรับศักราชใหม่ให้สาวกคนรักรถหรูได้ตื่นเต้นกันไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดังอย่ ที่เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นเด็ด และรูปลักษณ์สุดหรูที่หาแบรนด์ไหนทัดเทียมได้ยาก

1.Rolls-Royce New Phantom

รถหรูในฝัน

โรลส์-รอยซ์ จัดเป็นรถยนต์ในระดับหรูสุดหรือซูเปอร์ อัลตร้า ลักซูรี่ ที่อยู่ในใจของหลายคนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนอกจากความสุดยอดในทุกด้านแล้ว ยังเป็นรถยนต์ที่สามารถบ่งชี้ความเป็น “บิลเลี่ยนแนร์” ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

รถหรูในฝัน

แฟนธอม เป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมตลอดกาลของ โรลส์-รอยซ์ นับตั้งแต่ปี 1925 เป็นต้นมา เรียกว่าเป็นหนึ่งในตำนานของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก เลยก็ว่าได้และยิ่งล่าสุด โรลส์-รอยซ์ ได้เปิดตำนานบทใหม่ กับ “นิว แฟนธอม” ที่มีการพัฒนาในทุกด้าน จนกลายเป็นยนตกรรมที่โดดเด่นด้วยการตีความงานออกแบบยานยนต์แฟนธอมด้วยแนวทางใหม่ เพื่อสร้างดีไซน์แบบร่วมสมัย โครงรถยนต์แบบ Spaceframe อลูมิเนียมรูปแบบใหม่ ที่นำมาใช้เป็นรุ่นแรก และจากนี้ไปโรลส์-รอยช์ ทุกรุ่นจะใช้โครงสร้างใหม่นี้ เพราะมีน้ำหนักเบา แข็งแกร่ง เงียบ และช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้นด้วย

รถหรูในฝัน

ด้วยแนวคิด “The Embrace – การรองรับสรีระที่เป็นเลิศ” การเข้าสู่ห้องโดยสารของ นิว แฟนธอม ที่สะดวกสบาย เมื่อก้าวขึ้นสู่ตัวรถ ผู้ช่วยหรือคนรับใช้จะก้าวมาข้างหน้า และสัมผัสเซ็นเซอร์อย่างนุ่มนวลที่มือจับประตูให้มันปิดลงอย่างเงียบเชียบราวกับเสียงกระซิบ

รถหรูในฝัน

แนวคิด “The Suite – ห้องสวีท” นิยามใหม่แห่งความสะดวกสบาย และความประณีตในแบบฉบับ โรลส์-รอยซ์  “The Gallery – ห้องแสดงผลงานชั้นสูง” แสดงถึงความหรูหรารูปแบบใหม่ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปีที่ โรลส์-รอยซ์ มีการตีความใหม่ในส่วนแผงหน้าปัดรถยนต์ สามารถเลือกผลงานศิลปะที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวมาผสานเข้ากับการสร้างห้องแสดงผลงานชั้นสูงส่วนตัวในนิวแฟนธอม ของตนเองได้อีกด้วย

รถหรูในฝัน

นิว แฟนธอม ยังคงยึดมั่นในขุมพลังจากเครื่องยนต์ V12 แต่มีการพัฒนาประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของความเงียบ ด้วยการให้ความสำคัญในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่เงียบที่สุดในโลก เครื่องยนต์รุ่น V12 ขนาด 6.75 ลิตรรุ่นใหม่ ใช้ตัวอัดบรรจุอากาศเทอร์โบแบบคู่ แรงบิดต่ำสุดที่ 900 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 รอบต่อนาที เรียกว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ

ขณะที่ให้กำลังสูงสุด 563 แรงม้าหรือ 420 กิโลวัตต์ ทำให้สามารถวิ่งได้เงียบแม้ในระดับความเร็วต่ำ มอบความรู้สึกพิเศษของการโดยสาร และไร้การกระตุกของเครื่องเมื่อต้องการเร่งความเร็ว การติดตั้งระบบส่งกำลังแบบ Satellite Aided Transmission (SAT) เพิ่มเติมซึ่งทำงานผสานกับกระปุกเกียร์รุ่น ZF 8 สปีด

ระบบกันสะเทือนแบบอากาศที่ปรับระดับได้เองรุ่นใหม่ล่าสุด จะทำการคำนวณค่าต่าง ๆ นับล้านค่าในทุกวินาที เพื่อปรับค่าตัวดูดซับแรงกระแทกที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะทำปฏิกิริยาตอบสนองต่ออัตราเร่งของตัวรถ และล้อ การหมุนพวงมาลัย ขณะที่ข้อมูลจากกล้องที่ติดตั้งไว้กับกระจกหน้ารถ เพื่อให้มองเห็นถนนข้างหน้าในระยะไกล ทำให้ตัวรถสามารถปรับค่าระบบกันสะเทือนล่วงหน้า จึงไม่น่าแปลกใจที่ทีมวิศวกรโรลส์-รอยช์ ให้คำนิยามเจ้า “นิว แฟนธอม” ไว้ว่าเป็นรถที่ให้ “การขับขี่ที่นุ่มนวลราวพรมวิเศษ”

2.Porsche 911 GT3 RS

กลายเป็นรถยนต์ที่ถูกจับตามองจากนักขับขาซิ่งทันที ที่เจ้า ปอร์เช่ 911 จีที 3 อาร์เอส (Porsche 911 GT3 RS) เผยโฉมครั้งแรกในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ด้วยเพราะเป็นรถยนต์ที่วิศวกร แผนกมอเตอร์สปอร์ต ปอร์เช่ ได้วางเป้าหมายที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียวคือความเป็นเจ้าสนามความเร็ว

ปอร์เช่ 911 จีที 3 อาร์เอส (Porsche 911 GT3 RS) ถือกำเนิดขึ้นจากโครงสร้างตัวถังและระบบช่วงล่างสไตล์รถแข่งความเร็วสูง ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ทรงพลัง ขนาดความจุปริมาตรกระบอกสูบ 4.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 520 แรงม้า ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 3.2 วินาที!!! พร้อมทะยานสู่ความเร็วสูงสุด 312 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สมรรถนะเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง ทำหน้าที่ร่วมกันอย่างผสมผสาน เสริมเขี้ยวเล็บให้เต็มพิกัดด้วยระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear axle steering ออกแบบเพื่อรองรับการขับขี่อันดุดัน เน้นความแม่นยำเฉียบคมเป็นพิเศษ โครงสร้างน้ำหนักเบาที่ผ่านการคำนวณมาเป็นอย่างดี โดดเด่นด้วยปีกหลังทรงสูงสุดคลาสสิก

ภายในห้องโดยสาร ประจำการด้วยเบาะนั่ง full bucket seats ผลิตจากวัสดุคาร์บอนซึ่งเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมทั้งในแง่ของความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง แผงประตูน้ำหนักเบาติดตั้งตาข่ายยึดสัมภาระ และมือเปิดแบบ opening loops คัดสรรชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในใหม่เพื่อวัตถุประสงค์ในการขจัดน้ำหนักส่วนเกินให้มากที่สุด

ขุมพลังเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศ เครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุ 4.0 ลิตร 6 สูบ พละกำลังสูงสุด 520 แรงม้า ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ด้วยขุมพลังสูบนอน ส่งผลให้กำลังเพิ่มขึ้นถึง 20 แรงม้า เมื่อเปรียบกับเครื่องยนต์รุ่นก่อนหน้า ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่สามารถเร่งรอบการทำงานได้สูงสุดถึง 9,000 รอบต่อนาที ถ่ายทอดต่อมายังระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ PDK ซึ่งถูกปรับให้สอดรับกับบุคลิกการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่างและชุดแต่ง Clubsport package ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต

มุ่งเน้นการลดน้ำหนักรวมของตัวรถให้น้อยที่สุด ชิ้นส่วนที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอนในหลากหลายจุด ตั้งแต่ระบบช่วงล่าง ภายในห้องโดยสาร และชิ้นส่วนตัวถังภายนอก นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์พิเศษล้อแมกนีเซียม ซึ่งส่งผลให้น้ำหนักตัวรถลดลงได้เป็นอย่างมาก และแน่นอนสมรรถนะอันจี้ดจ้าดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

กลางเดือน เม.ย.นี้ นักขับขาซิ่งที่เมืองไส้กรอก เจ้าถิ่น จะได้จับจองเป็นเจ้าของก่อนเป็นประเทศแรก จากนั้นจะทยอยเปิดตัวไปยังตลาดอื่นๆ ทั่วโลก บอกเลยว่าโปรดอดใจรอ

3.Ferrari Portofino

หลังจากที่ค่ายม้าลำพอง เฟอร์รารี่ ได้เปิดตัวสปอร์ตสุดหรูตัวจี้ด หลังคาแข็งเปิดประทุน Ferrari Portofino ที่นอกจากความสดใหม่ ไฉไลกว่าเดิมแล้ว ยังเป็นรุ่นที่เข้ามาประจำการแทนที่ Ferrari California T อีกด้วย เชื่อเถอะว่าเศรษฐีหนุ่มใหญ่ หนุ่มน้อย ต่างจ้องจับจองเจ้าม้าหนุ่มสุดคะนองตัวนี้ ไว้ชวนสาวในดวงใจ ไปเปิดประสบการณ์ด้วยกันอย่างแน่นอน

ความหล่อคมยังคงเป็นสเน่ห์ประจำกายของ เฟอร์รารี่ ทุกคัน และรวมถึง Ferrari Portofino ที่พัฒนากันใน Ferrari Design Centre จนกลายมาเป็นรถเปิดประทุนหลังคาแข็ง แบบ Retractable Hard Top โดยมีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,586 มม. ความกว้าง 1,938 มม. และความสูงที่ 1,318 มม. ด้านหน้าที่มากับกระจังหน้าสีดำดุดัน ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ชุดไฟหน้าใหม่แบบ Full-LED ทรงบูมเมอแรง เส้นสายกล้ามมัดด้านข้างพลิวไหวต่อเนื่องไปถึงด้านหลัง ชุดไฟท้ายใหม่ทรงกลมอันเป็นซิกเนเจอร์ แต่ดีไซน์ให้ดูสปอร์ตมากขึ้น

ขุมพลังของ Portofino วางเครื่องยนต์แบบ V8 ระบบอัดอากาศ Turbocharged มีความจุ 3,855 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 600 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 760 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000 – 5,250 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Dual- Cluth อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 3.5 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กม./ชม.

ระบบพวงมาลัย EPS (Electric Power Steering) ปรับแต่งให้ตอบสนองได้ดีขึ้น รวมถึงระบบช่วงล่างแบบ Magnetorheological Damping System อัพเกรดไปใช้สปริงแบบ Dual-Coil Technology เพื่อลดอาการโคลงของตัวถังให้น้อยลง และดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน ช่วยกำหราบเจ้าม้าพยศตัวนี้ให้อยู่หมัด

ภายในจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และไฮเทคโนโลยีให้เลือกใช้งานเต็มไปหมด มีจอแยกฝั่งผู้โดยสารเพิ่มมาอีกหนึ่งจุด (Passenger display) ขณะที่เบาะนั่งหลังมีเนื้อที่วางขากว้างขึ้น แต่ก็น่าจะไม่น่าจะเป็นประโยชน์สักเท่าไหร่ เพราะรถแบบนี้ไม่มีใครเดินทางเกิน 2 คนแน่นอน !

4.Aston Martin DB11 V8

My name is Bond , James Bond. ผมชื่อบอนด์, เจมส์บอนด์ วลีเด็ด สุดแสนคลาสสิค จากภาพยนตร์จอเงิน “พยัคฆ์ร้าย 007” เรื่องราวของสายลับหนุ่มเจ้าสเน่ห์ และมากความสามารถ ที่ทุกภาคต้องมีผู้หญิงหลงไหลได้ปลื้มชนิดโงหัวไม่ขึ้น และรวมถึงอุปกรณ์ไฮเทค เพื่อใช้เป็นตัวช่วยให้เจมส์บอนด์ ปฏิบัติภารกิจได้ง่ายขึ้น หนึ่งในนั้นคือรถยนต์สปอร์ตคันหรู และภาคล่าสุดได้เลือกใช้รถยนต์ แอสตัน มาร์ติน ดีบี10 รุ่นพิเศษที่ผลิตเพื่อใช้ในภาพยนตร์เท่านั้น ซึ่งกลายเป็นต้นทางอนุกรมของ แอสตัน มาร์ติน ดีบี11 วี8 – Aston Martin DB11 V8 ที่ใครหลายคนหมายปองเป็นเจ้าของ เพราะหลงไหลรูปลักณษ์ และสมรรถนะ หรือเพื่อหวังจะมีลุคส์ไลฟ์ให้ใกล้เคียงกับ “เจมส์บอนด์”

แอสตัน มาร์ติน ดีบี11 วี8 – Aston Martin DB11 V8 เป็นรถสปอร์ตทรง GT` ให้ความรู้สึกพริ้วไหวต่อเนื่อง ตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงท้าย ฝากระโปรงหน้าอลูมิเนียมอัลลอยชิ้นเดียว ไฟหน้าแบบ LED ทรงใหม่ รวมถึงกระจังหน้าที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของรถยนต์แอสตัน มาร์ติน ไว้ได้เป็นอย่างดี ฝากระโปรงท้ายแบบโค้ง สอดรับเข้ากับไฟท้ายดีไซน์ใหม่รูปตัว C ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้ว

แม้จะเป็นรถสปอร์ต แต่ดีไซน์ภายในกลับเน้นให้ความรู้สึกอบอุ่น หรูหรา เบาะนั่ง และที่เท้าแขนหนังแท้ฉลุลวดลาย จอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 8 นิ้ว มาพร้อมระบบอินโฟเทนเม้นท์ที่ควบคุมด้วยทัชแพด (touchpad) รองรับมัลติ-ทัช (multi-touch) และระบบสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหว (gesture control) มาตรวัดแบบจอแสดงผลแบบ TFT LCD ขนาด 12 นิ้ว ดูง่ายสบายตา ที่เก็บสัมภาระท้ายรถ กว้างพอสำหรับใส่กระเป๋าเดินทาง 2 ใบ นั่นทำให้เจ้าแอสตัน มาร์ติน คันนี้ เป็นรถสปอร์ตเพื่อใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

แต่ถ้ารู้สึกว่ายังไม่พอใจ ก็สามารถเลือกสรรทุกอย่างของตัวรถตามไลฟ์สไตล์ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสีภายนอก ที่มีให้เลือกมากถึง 46 เฉดสี หรือจะเป็นภายในปรับเปลี่ยน ลายหนัง ลายเบาะ มือจับประตู พวงมาลัย ได้ตามต้องการ

ขุมกำลัง แอสตัน มาร์ติน ดีบี11 วี8 – Aston Martin DB11 V8 เลือกใช้เครื่องยนต์ 4.0 ลิตร V8 ให้กำลังสูงสุด 503 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 675 นิวตัน-เเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ภายในเวลา 4.0 วินาที และสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 300 กม.ต่อชม. กันเลยทีเดียว

และด้วยการออกแบบให้ความสมดุลอยู่ที่จุดศูนย์กลาง บนช่วงฐานล้อที่มากขึ้น ส่งผลให้เกิดความรู้สึกปราดเปรียว ระบบกันสะเทือนรูปทรงเลขคณิต ทำให้การขับขี่ได้อารมณ์สปอร์ตเร้าใจแบบสุดๆ

5.Bentley Bentayga

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รถยนต์อเนกประสงค์ หรือที่เรียกว่า SUV ได้รับการนิยม และมีอัตราเติบโตของยอดขายอย่างมีนัยสำคัญไปทั่วโลก ด้วยดีไซน์ที่วันนี้ต้องบอกเลยว่า ไม่ได้แข็งทื่อ หรือว่าด้อยไปความรถเก๋งเลยแม้แต่น้อย แถมยังได้มากกว่าตรงที่ความอเนกประสงค์ จะใช้ในเมืองก็ดูเท่ จะไปนอกเมือง หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งก็พร้อมในทุกสถานการณ์

รถหรูในฝัน

ยิ่งมาเจอกับรถ SUV สุดหรูอย่างเจ้า “เบนท์ลีย์ เบนเทย์กา – Bentley Bentayga” ซึ่งได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นรถ SUV ที่วิ่งได้เร็วที่สุดในโลก หลายคนคงเฝ้าถวิลหา

“เบนท์ลีย์ เบนเทย์กา – Bentley Bentayga” นับเป็นรถยนต์ตระกูลที่ 4 ของเบนท์ลีย์ ที่มาเต็มทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ เทคโนโลยีที่ช่วยในเรื่องความสะดวกสบาย และความปลอดภัย โคมไฟคู่หน้า LED 4 ดวง กระจังตาข่ายขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว แนวเส้นตัวถังมัดกล้ามอันแข็งแกร่งให้ความรู้สึกดุดัน แสดงออกถึง DNA ของความเป็นเบนท์ลีย์ ได้อย่างเต็มเปี่ยม

สร้างมาตรฐานการออกแบบใหม่ของงานตกแต่งภายใน ด้วยบรรยากาศสุดหรูหรา ร่วมสมัย สไตล์อังกฤษ ความสมบูรณ์แบบดังกล่าวเกิดขึ้นได้ด้วยจิตใจอันมุ่งมั่นทุ่มเทและทักษะความชำนาญของ ผู้เชี่ยวชาญ ที่ใส่ใจรายละเอียดของชิ้นงานโลหะ ลายไม้ และหนังแท้ รวมถึงความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต และประกอบ ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นอย่างประณีตบรรจง ตัวถังได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด ประกอบกับเครื่องยนต์ 12 สูบ ทวินเทอร์โบใหม่ล่าสุด ขนาดความจุ 6.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดกว่า 608 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 900 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม.ต่อชม. ด้วยเวลาเพียง 4.1 วินาที!!! โอ้แม่เจ้า ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 301 กม.ต่อชม.

Previous Post

N2509759 นแต งก บเธอหร อแต งก บครอบคร วเธอ part 2

Next Post

N2509761 สะใภ จำฝ งใจ part 2

Next Post
N2509761 สะใภ จำฝ งใจ part 2

N2509761 สะใภ จำฝ งใจ part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0511368 ใส ดรปภน ดเดทก บน กธ รก จคร งแรก part 2
  • N0511366 กเก บมาเล ยงด กว าล กในไส part 2
  • N0511365 เร องน คนท ยอมต องไม ใช part 2
  • N0511370 หว งด แต ทำไมถ งโดนตบ part 2
  • N0511460 ในว นท ไม เหล ออะไร part 2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • July 2025
  • June 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.